ฝ่าบาท ท่านหญิงลักพาตัวนักฆ่าหนีไปอีกแล้ว !
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ รักแฟนตาซี Tags : ไอซิส, ท่านหญิง, นักฆ่า, นางร้าย, นางเอก, ชิงบัลลังก์, คู่หมั้น, สลัดรัก, จักรพรรดิ, นางเอกเทพ, สายเปย์
ผู้แต่ง : อมราวตี
My.iD :
https://my.dek-d.com/miriamlilith/writer/
ตอนที่ 4 : Chapter 2 : นักฆ่าแห่งไนท์ราเวน (1)
Chapter 2 : นักฆ่าแห่งไนท์ราเวน
เพราะผมของเขาเป็นสีเงิน เขาจึงถูกเรียกว่า ‘ซิลเวอร์’ ในตอนแรก
ก่อนที่อาจารย์จะเก็บเขามา และตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ‘เซน’
อาจารย์เป็นระดับผู้อาวุโสขององค์กร ดังนั้นเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะใช้นามสกุลที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ขององค์กรอย่าง ‘ราเวน’ (ปักษาทมิฬ)
ดังนั้นเขาถึงเป็นนักฆ่าแห่งไนท์ราเวน
เขาไม่รู้วันเกิดตัวเอง แต่ในองค์กรมีอุปกรณ์อาคมที่สามารถบอกอายุได้โดยดูจากการเจริญเติบโตของร่างกาย ทำให้พอจะคะเนอายุของเขาได้
ตอนนั้นเขาอายุเพิ่งจะ 5 ขวบ เป็นเด็กที่ไม่มีพรสวรรค์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมนตราหรืออาคม ไม่ต้องพูดถึงฝีมือการต่อสู้ที่เด็กอายุเท่านั้นจะไปทำอะไรได้
ถึงอย่างนั้นอาจารย์ก็ยังเก็บเขามา เลี้ยงดู สอนการเอาตัวรอด อบรมวิชาการต่อสู้ให้เขา
จนเขาทำงานที่ 113 สำเร็จตอนอายุ 14.... อาจารย์ก็จากไป
ไม่ได้จากตายอย่างจุดจบยอดนิยมของนักฆ่า ทว่าเป็นการลาไปพักร้อนที่เมืองอื่นอย่างสบายอารมณ์ สองเดือนก่อนยังอุตส่าห์ส่งแผ่นภาพทิวทัศน์ที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว พร้อมกับของกินอบแห้งขึ้นชื่อของละแวกนั้นมาให้อีกสองห่อใหญ่บอกว่ากลัวเขาจะขยันทำงานจนไม่มีเวลากินอะไร ให้พกติดตัวต่อไปทำงานก็ได้
แม้จะอยู่กับอีกฝ่ายมาเกือบสิบปี แต่เซนก็ยังเดาไม่ออก....ให้นักฆ่าพกอาหารแห้งไว้ขณะไปลอบฆ่าคน....ไม่รู้ว่าอาจารย์กำลังแช่งเขาทางอ้อมให้โดนจับได้หรือเป็นห่วงสุขภาพเขาจริงๆ....
นักฆ่าคิดว่าอาจารย์ของตนเป็นพวกพิลึกอย่างสุดๆ ก่อนจะเพิ่งพบว่าตัวเองคิดผิด
มีคนพิลึกกว่าอาจารย์ของเขา.....
“พ่อหนุ่ม...” เสียงเรียกอย่างสุภาพด้วยคำที่ไม่คุ้นชินขัดภวังค์ความคิดของนักฆ่า แม้คำเรียกนั้นจะฟังดูไม่คุ้นหูนัก แต่เมื่อนึกถึงคำเรียกที่ต้องเจอในหลายวันมานี้ นักฆ่าก็ตัดสินใจหันไปหาเจ้าของเสียงเรียก
ฝ่ายนั้นอยู่ในชุดเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อมองออกมาจากรถม้าที่ถูกจับให้นั่งไปในทีแรก การแต่งกายด้วยเครื่องแบบเช่นเดียวกับกับทหารราชองครักษ์ส่วนพระองค์ฯนายอื่นๆ เว้นก็แต่เหรียญตราที่หน้าอกอันหนึ่งซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีเขตปกครอง ประกอบกับบทสนทนาก่อนหน้า ทำให้นักฆ่ารู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร
บารอนเกรฟ เลอแฟลร์ --- หนึ่งในทหารราชองครักษ์ฯของจักรพรรดิวูลฟ์ไซน์แห่งอาณาจักรคามูลอส ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องของการลงมือสังหารได้โหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่านักฆ่ามืออาชีพ จนเป็นที่หวาดหวั่นทั้งในโลกเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหน นายทหารในชุดเครื่องแบบเรียบกริบไร้รอยยับ กับใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนมหาดเล็กวัยยี่สิบกว่าๆที่เดินขวักไขว่ในพระราชวัง ก็ดูห่างไกลจากข่าวลือที่นักฆ่าได้ยินมา หนำซ้ำยังมีคำถามหลังจากเสียงเรียกนั่นอีก
“จะรับน้ำชาหรือเครื่องดื่มสมุนไพรอะไรสักหน่อยไหม มีเครื่องดื่มที่มีคุณสมบัติในการล้างพิษหรือผลกระทบอุปกรณ์อาคมแปลกๆด้วยนะ หรือเครื่องดื่มที่ช่วยสกัดกั้นยาเสน่ห์หรือแก้ไขเรื่องสมรรถภาพพวกนั้น.....ก็เป็นของที่ในพระราชวังมีเตรียมไว้เสมอนั่นแหละ ไม่ต้องเกรงใจ....”
“......” เซนยังไม่ตอบคำถามนั้น ไม่ใช่เพราะเกรงใจ แต่เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเผลอไปได้ยินความลับอันดำมืดของพระราชวังโดยไม่ได้ตั้งใจเสียแล้ว
หากบารอนเกรฟที่เอ่ยความลับที่ไม่เคยเป็นความลับพวกนั้นกลับเข้าใจไปอีกอย่าง เขามองชายหนุ่มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร แล้วยังพยายามปลอบใจต่อไปว่า
“นอกจากเครื่องดื่มแล้ว ถ้าพ่อหนุ่มอยากได้ยารักษาอาการบาดเจ็บ หรืออยากให้ใครใช้มนตราถอนคำสาปอะไรให้ก็ลองบอกมาได้นะ ถึงแม้มนตราของ.....ท่านหญิงจะมีแต่ของแปลกๆ แต่ก็ใช่ว่าจะหาทางแก้ไขไม่ได้สักทีเดียว พ่อหนุ่มจะลองปรึกษาอาการดูกับ....”
“--- ไม่ทราบว่า....” เสียงอ่อนใสของสาวน้อยดังกังวานแทรกขึ้น พร้อมกับประตูห้องรับรองที่ถูกผลักเข้ามา โดยปราศจากคนสัมผัส
ที่อีกฟากด้านแห่งนั้น ร่างของเด็กสาวในชุดสีกรมท่าที่ดูงดงาม ทว่าบนใบหน้าฉายแววแห่งความร้อนรนแกมห่วงใยยืนอยู่ เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่เอ่ยขณะกล่าวเข้ามาด้านใน
“เกิดอะไรขึ้นกับ สุดที่รัก ของดิฉันหรือเปล่าคะ ท่านบารอนเลอแฟลร์ มีใครเอาอะไรแปลกๆให้เขารับประทาน หรือว่ามีใครแอบเล่นตลกอะไรในขณะที่ดิฉันไม่อยู่หรือคะ ถ้ายังไงให้ดิฉันดู....”
พูดมาถึงตรงนี้ เมื่อเด็กสาวเลื่อนสายตาไปยังร่างที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมตัวแรกนับแต่ที่พาเข้ามา คำพูดรัวเร็วเหล่านั้นก็พลันขาดหายไป พร้อมนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างตื่นตะลึง
“....ไอซิส ?” จักรพรรดิที่เสด็จตามหลังสาวน้อยมารับสั่งขึ้น แม้ในทีแรกอยากจะกระแอมขัด แต่ครั้นเห็นท่าทางที่เปลี่ยนเป็นตกใจของสาวน้อยก็เปลี่ยนพระสุรเสียงเป็นสงสัยแทน
พร้อมกับท่าทางของผู้มาเยือนทั้งสอง บารอนเกรฟ เลอแฟลร์ได้เปลี่ยนอิริยาบถจากการนั่งจิบชาอย่างสบายกับนักฆ่าในทีแรก ไปเป็นลุกขึ้นยืนตรงทำท่าเหมือนกำลังปฎิบัติหน้าที่เฝ้าระวังโดยที่นักฆ่าเกือบจะมองตามไม่ทัน
“ฝ่าบาท...” บารอนค้อมศีรษะให้ แม้จักรพรรดิมักจะเว้นมารยาท แต่นี่เป็นความปรารถนาดีของบารอนต่อนักฆ่าหนุ่ม เป็นการบอกอย่างอ้อมๆว่าผู้อยู่เบื้องหลังของท่านหญิงแห่งแอสทริล่าที่ปรากฏตัวขึ้นคือผู้ใด
แน่นอนว่าจักรพรรดิย่อมเข้าพระทัยนัยยะการกระทำของราชองครักษ์ตนเอง แต่เขาไม่ได้ถือสาหาความอันใด จึงเพียงแต่รับสั่งถามอีกฝ่ายแทน
“เกิดปัญหาอะไรขึ้นรึ เกรฟ ?”
.....มีปัญหาอะไรมากกว่าการตกอยู่ในเงื้อมมือท่านหญิงแห่งแอสทริล่าหลายวันติดๆกัน ? และท่าทางจะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าหล่อนต่อไปกัน ---- บารอนเกรฟนึกในใจ แต่ปากตอบออกไปอย่างนอบน้อมว่า
“ไม่มีทางมีปัญหาใดเกิดขึ้นในพระราชวังแห่งนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” --- เว้นก็แต่ผู้ก่อปัญหาคือฝ่าบาท ท่านหญิง และบรรดาเจ้าชายทั้งหลาย....บารอนเติมข้อความในใจอีกนิด ค่อยพูดต่อ “กระหม่อมเพียงแต่ชวนพ่อหนุ่มสนทนาเรื่องทั่วๆไปเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
แม้เรื่องของมนตรากับการปรึกษาที่ทรงสดับแว่วๆจะไม่ใช้คำที่ใช้ทั่วไปเหมือนถามว่าวันนี้กินอะไรหรืออากาศเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่ถือเป็นเรื่องต้องห้ามแต่ประการใด ที่สำคัญที่สุดคือการที่ราชองครักษ์กล้ารับรองว่าภายใต้การควบคุมของตนเองไม่มีทางเกิดปัญหาอันตรายใดๆขึ้นในพระราชวังได้......นี่ถือว่าเป็นความจริงอย่างถึงที่สุด
ดังนั้นจักรพรรดิจึงเลื่อนสายพระเนตรไปยังไอซิส....ผู้เพิ่งยกสองมือขึ้นปิดปากคล้ายพยายามกลั้นเสียงอุทานบางอย่างเอาไว้
“......เพคะ” คล้ายจะรู้ถึงสายพระเนตร ไอซิสจึงพยายามส่งเสียงออกมา ทว่าเสียงของสาวน้อยที่เคยกังวานอย่างหยิ่งทระนงเมื่อครู่ ยามนี้กลับแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงของแมลงที่บินตอมดอกไม้ไปมา
ท่าทางเช่นนั้นของเด็กสาวทำให้ทั้งจักรพรรดิวูลฟ์ไซน์และบารอนเกรฟมีทีท่ากึ่งๆตะลึงเล็กน้อย จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับเผลอรับสั่งถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงไปเช่นกัน
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ไอซิส ?”
“......ไม่ได้มีความไม่ปรกติใดเกิดขึ้นกับเขาเพคะ” สาวน้อยค่อยๆลดมือลงพร้อมสูดลมหายใจก่อนจะเอ่ยคำอธิบายด้วยเสียงที่กังวานขึ้นเล็กน้อย “และเป็นดังที่ท่านบารอนเลอแฟลร์ได้กราบทูลไป ไม่มีผู้ใดกล้าก่อปัญหาในอาณาเขตของพระองค์เป็นแน่...”
แม้แต่คำท้ายประโยคของเด็กสาวก็ไม่ได้แฝงแววเยาะหยันเท่าก่อนหน้านี้ หนำซ้ำไอซิสยังขยับตัวน้อยๆ รวบมือทั้งสองข้างของตนเองมาประสานไว้ที่หน้าท้องเช่นกุลสตรีพึงปฎิบัติ แล้วกล่าวต่อ
“เพียงแต่เขาที่อยู่ในชุดสุภาพบุรุษอย่างเป็นทางการนั้นดูดีอย่างมาก ไม่สิ ดูดีเกินไปจนหม่อมฉันควบคุมตัวเองไม่อยู่..... ประกายของแสงที่สาดส่องลงมาต้องเรือนผมสีเงินของเขานั้นดูงดงามราวกับปฎิกริยาของมนตราลูกโซ่อย่างทิวาประภัสสรกับอำพันแห่งจันทราที่มีเพียงจอมมนตราแห่งยามทิวาอย่างซีทราน่าทำได้สำเร็จในรอบหนึ่งร้อยยี่สิบสี่ปี
ไหนจะราศีแห่งผิวกายของเขาที่ไม่เพียงแต่ดูสง่า แต่หม่อมฉันกล้าเอาสมบัติแห่งตระกูลคอนเบิร์กเป็นเดิมพันเพคะ ว่าต่อให้เป็นสุดยอดตุ๊กตากล หรือกาฬจักรแห่งชีวิตที่นักปราชญ์แห่งทวิชาสร้างขึ้นก็ไม่อาจแม้จะเทียบได้กับเสี้ยวเดียวของความสง่าของสุดที่รักหม่อมฉันในยามนี้เพคะ”
“ “ “ ....... ” ” ” บุรุษสามคนในห้องล้วนมีฐานะและช่วงวัยที่แตกต่าง แต่พวกเขามีปฎิกริยาเดียวกันคือ
.....ไร้คำพูด....
ภาพของนักฆ่าที่น้องไอซิสเข้ามาเห็นและออกอาการค่ะ XD
(โปรดติดตามต่อตอนถัดไป)
ตอนใหม่มาช้าไปหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ หนีไปต่างจังหวัดมาเป็นอาทิตย์ กลับมาเจอหมอก(?)ที่เมืองกรุงแล้ว จมูกพังไปเลยค่ะ TT-TT
แต่ในที่สุดก็ได้กลับมาหาคุณนักฆ่าพร้อมด้วยประวัติอีกเล็กๆ(?)ค่ะ ! พร้อมกันนี้น้องยังไม่ลืมชื่นชมความงามของสุดที่รักค่ะ (ความดีใจของน้องอีกอย่างคือ ตอนนี้ได้เรียกสุดที่รักว่าสุดที่รักแล้ว ดีใจค่ะ !! )
ไว้เดี๋ยวช่วงหน้าให้จักรพรรดิเรียกสติน้องไอซิสเขาแล้วค่อยมาคุยกันต่อ.....พร้อมดูการเผชิญหน้าของจักรพรรดิติดหลาน(?)กับนักฆ่ากันค่ะ !
......ส่วนชื่อมนตราหรืออาคมแปลกๆที่น้องพล่ามมา.....อย่าเพิ่งไปใส่ใจเลยค่ะ ผู้เขียนเองก็ยังสงสัยเหมือนกันว่านางไม่มีวิธีชมโฉมผู้ชายแบบอื่นเรอะ !
แล้วเจอกันค่า
เอ๊ะ อะไรคะ คุณนักฆ่าทำไมมองมาแบบนี้ล่ะคะ อย่าเพิ่งวิ่งหนีนะคะ เรื่องยังไม่จบค่ะ 0_0
บารอน : ต้องเจอคนอย่างท่านหญิงปกป้องนี่ก็น่าสงสารพ่อหนุ่มนะครับ.....