คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทนำ (เฮตาเลีย)
...พบกันครั้งแรก...
คริสต์ศตวรรษที่ 20
หลังจากเร่ล่อนมาได้ราวๆ 500,000 ปีก่อนพุทธกาลและคริสตกาล ...เจฟฟรีย์ เคนดัลล์ เคอร์ การ์เดียน ราชา โซโลม่อน ...ชายหนุ่มร่างสูงสันทัด ผู้มีผมสีนิล หน้าตาหล่อเหลา นัยน์ตาสีทับทิมน่าหลงไหล... หลังจากที่ประเทศของเขาล้มสลายแล้วถูกลบออกไปจากประวัติศาสตร์ว่าไร้ตัวตน เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าที่พิสูจน์ไม่ได้ เขาก็เร่ล่อนไปทั่วโลกเพื่อหาที่ๆเขาและผู้คนของเขาจะสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย...แต่ก็คงเป็นได้แค่ฝัน...เขายังสงสัยเสียด้วยซ้ำ...ว่าทำไมเขายังมีชีวิตรอดอยู่ ทั้งๆที่เขาน่าจะตายไปแล้ว...ทั้งๆที่เขาน่าจะหายไปจากโลกใบนี้แล้ว...แต่มันก็ดีแล้ว ที่อย่างน้อย เขาก็ยังรู้ว่าประชาชนของเขาส่วนหนึ่งยังมีชีวิตรอดอยู่ ถึงจะกระจัดกระจายกันไปตามที่ต่างๆบนโลกใบนี้ก็ตาม...และสิ่งที่ตัวเขาทำได้ ก็คือ หาที่อยู่ดีๆให้กับประชาชนของเขา เกาะล้างสักแห่งที่ไม่มีเจ้าของ...เกาะที่เอื้ออำนวยพอที่พวกเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขได้ หรือไม่ก็อาจไปขอแบ่งพื้นที่บางส่วนกับชาติมหาอำนาจทั้งหลาย...แต่ก็...ถ้าไม่ถูกไล่ก็ถูกตามล่าลบล้างเผ่าพันธุ์...
ทั้งเขาและคนของเขาน่ารังเกียจมากขนาดนั้นเชียวรึ?...ถึงต้องทำกันถึงเพียงนี้...พวกเขาไม่เคยไปทำอะไรให้ใคร...ขอเพียงแค่ได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขกับประชาชนของเขาก็เพียงพอแล้ว...ไม่ได้ต้องการอะไรมากนัก...แล้วทำไม...ต้องรังเกียจเขาด้วย...รังเกียจเขาก็ไม่เป็นอะไร...แต่อย่าฆ่าประชาชนของเขาได้ไม...
หลังจากที่เดินด้วยอาการโซซัดโซเซ่จากการโดนยิ่ง โดนระเบิด และวิ่งหนีพวกทหารหัวซุกหัวซุนในประเทศแห่งนี้ซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าประเทศอะไร มานานพอสมควร...มันทำให้เขาเริ่มคิดแล้วว่าตัวเขาคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะไปขอแบ่งพื้นที่กับใครหรือผูกมิตรกับใครอีกแล้ว...ตอนอังกฤษคนของเขาก็โดนจับเผาทั้งเป็น...ตอนอเมริกาคนของเขาก็โดนชำแหละ...ตอนจีนก็โดนข้าวของปาไล่...ตอนอินเดียนี่ก็โดนหินปาไล่...ตอนที่ไปแอฟริกาก็โดนถีบส่งไปให้อียิปร์จับทำมัมมี่...ตอนไปออสเตรเลียก็โดนเตะตกบึงจระเข้...ตอนฝรั่งยิ่งไม่ต้องพูดถึง...และพอมาเยอรมันกับรัสเซีย...ก็เป็นอย่างที่เห็น...โดนไล่ล่ายังกับสัตว์ตัวหนึ่ง...พอกันที...ถ้าโลกใบนี้มีแต่คนรังเกียจเขา...ก็พอกันทีกับการผูกมิตร...โลกใบนี้มันโหดร้ายที่สุด!!...ไม่ว่าจะเป็นประเทศในทวีปไหนก็ไม่ต่างกัน...โหดร้ายและน่ารังเกียจไปเสียหมด...บอกว่าตัวเองเจริญแล้ว แต่น้ำใจติดลบยิ่งกว่าพวกประเทศล้าหลังเสียอีก ยิ่งพวกประเทศล้าหลังยิ่งไม่ต้องพูดถึง...และประเทศที่เขาไม่ได้ไปก็คงไม่ต่างกัน...โหดร้ายทั้งโลกนั้นแหละ...จะว่าไป...ตัวเองก็เป็นจิตวิญญาณของโลกนี่นะ...ไม่แน่...ที่คนทั้งโลกเป็นแบบนี้...อาจเป็นเพราะเขาก็เป็นได้...
“ทำไม...ไม่ให้ฉันตายไปสักทีนะ...จะได้พ้นทุกข์พ้นโศกเสียที” ริมฝีปากที่แตกจนเลือดซิบพึมพำ ดวงตาสีแดงที่เคยสดใส หม่นหมองลง จ่องไปยังทางข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ขายาวๆก้าวเดินไปพร้อมๆกับสายลมที่เต็มไปด้วยควันกับฝุ่นคลุ้งและแรงระเบิดรอบๆข้าง แต่ชายหนุ่มก็ไม่สน ในขณะที่ผู้คนกำลังวิ่งหนีระเบิด เขากลับเดินไปเลื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย
หลังจากที่หนีทหารมาตกในเรือสิ้นค้าแล้วถูกส่งมาที่นี่ เขาก็โดนไล่ล่าอีกตามเคย...และตัวเขาในตอนนี้ ปรารถนาความตาย...ตัวเขาและประชาชนจะได้พ้นทุกข์พ้นโศกจากโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้เสียที...
“ภาพความฝัน...ที่เห็นเมื่อในยามเยาว์วัย...เป็นดั่งรอยขีดเขียน...ที่ไม่มีวันเลือนไป...เปิดเผยความในใจ ณ ยามที่จารึกไว้...และเชื่อมโยงไปยังอนาคตที่วาดหวังไกล”
ในขณะที่เดินไปรอให้ระเบิดมันตกลงมาบนกลางกบาลก็ร้องเพลงไปด้วย พร้อมน้ำตาที่ไหลรินกับความโหดร้ายบนโลกใบนี้ที่เขาเกิดมา...
“ฮึก...แม่จ้า...แม่อยู่ไหน” ...แต่แล้ว เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้ฝีเท้าของต้องเขาหยุดชะงักลง
ตูม!!!!!!
ในขณะที่ระเบิดยังคงลงต่อไป ผู้คนยังคงวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย ผู้คนตายเกลือนกลาด ต่างคนต่างวิ่งหนีฝุ่นตลบอบอวน กลับมีเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นเข้ามาในโสตประสาทของเขา ถึงจะไม่ดังเท่าเสียงระเบิด แต่มันกลับทำให้โซโลม่อนหันไปสนใจกับเสียงนั้น...ก็ได้พบกับเด็กน้อยคนหนึ่ง เนื้อตัวมอมแมม ในอ้อมอกกอดตุ๊กตาแน่นพร้อมกับเดินร้องไห้ไปด้วย โดยไม่รู้ชะตากรรมของครอบครัวเลยว่ายังรอดอยู่หรือไม่ และไม่รู้เลยว่า ชะตากรรมของตนจะถึงคาดหรือไม่
ชายหนุ่มยืนมองด้วยแววตาสังเวช...ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาเมตตาใครไม่ลงแล้ว...พลางคิดในใจว่า...
ช่างน่าสังเวชเสียจริง...ยังเด็กอยู่แท้ๆ...แต่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้...แต่จะให้ทำยังไงได้...ก็นี่มันช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่นะ...อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด...
ในขณะที่ลมด้านหลังกระโชกแรงเพราะแรงระเบิดและเปลวเพลิงที่ลุกโชกช่วงท่วมหมู่บ้านแห่งนี้ ...จู่ๆ เหมือนกับว่าชายหนุ่มจะเห็นอะไรสักอย่างจะล่วงลงมาตรงที่เด็กน้อยยืนร้องไห้อยู่ซึ่งมันคือ...ระเบิด...
...ดีใจด้วย...กำลังจะพ้นทุกข์แล้วนะเจ้าเด็กน้อย...
มองไปพลางคิดในใจก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาเหมือนยินดี...แต่มันจะใช่จริงๆน่ะหรือ?...เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา รอยยิ้มเป็นต้องหุบก่อนที่โซโลม่อนจะพยายามวิ่งไปหาเด็กคนนั้น แต่ร่างกายกับพยายามหยุดอยู่นิ่งๆ พยายามไปช่วย พยายามหยุดยืนดู พยายามไปช่วย พยายามหยุดอยู่ด้วย พยายามไปช่วย พยายามหยุดอยู่ดู....เฮ้ยยยยยยยยยยย!!!!! ต้องไปช่วยสิฟะ!!!นั้นเด็กนะเฟ้ย อนาคตของชาติเชียวนะเฮ้ย เด็กตัวเล็กแบบนั้นจะมาตายตอนนี้ได้ไงกัน มันโหดร้ายเกินไป แถมเด็กคนนั้นก็น่าสงสารอีกด้วย ...
จนสุดท้ายแล้วโซโลม่อนก็กระโดดไปช่วยเด็กคนนั้นจนได้...และแถมให้แบบพิเศษคือช่วยชาวบ้านทั้งหมดให้พ้นจากพวกทหารและระเบิดก่อนจะพามายังเมืองหลวง...
...สุดท้ายแล้ว...เราก็...เลวใส่ใครหรือประเทศไหนๆไม่ลงแหะ...
.
.
.
.
.
...สุดท้ายแล้ว...เขาก็ช่วยชาวบ้านทั้งหมดให้พ้นจากระเบิดมหาภัยแล้วพามายังเมืองหลวง...และต่อจากนั้น...ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น...แต่ไม่รู้ทำไม...ถึงได้รู้สึกสบายใจแบบนี้กันนะ...เราคงจะ...ได้ตายสมใจอยากแล้วสินะ...เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องทนทุกข์อะไรอีกแล้ว...ต่อจากนี้...ความทุกข์ทรมานทั้งหลายและฝันร้ายต่างๆคงจบแล้วสินะ...
“อ้ะ?...เริ่มรู้สึกตัวแล้ว”...นั้นเสียงใครน่ะ?...
“ฝันร้ายเหรอจ้ะ?...แย่จังเลย...น้ำตาไหลซะงั้น”...เสียงเดิมเอ่ยพร้อมกับสัมผัสได้ถึงสัมผัสของผ้าที่เช็ดหยาดน้ำที่ไหลออกมาจากหางตา...ใครกันน่ะ?...ใครที่มาสนใจเราในช่วงเวลาแบบนี้...ทั้งๆที่ตลอดเวลา 500,000 ปีที่ผ่านๆมา...ไม่มีใครสนใจเราเลยสักคน...
เปลือกตาค่อยๆลืมขึ้นและรู้สึกได้ว่า...มีใครบางคนนั่งอยู่ที่ข้างๆเตียงที่เขานอนอยู่...
“อ่ะ...ลืมตาแล้ว ฝืนแล้วสินะจ้ะ” เสียงนั้นยังคงดังอยู่ข้างๆ เขาใช้เวลาอยู่สักพักในการปรับสายตาให้รับกับแสงไฟนีออนก่อนจะมองไปรอบๆ...รู้สึกสบายตัวแบบแปลกๆแหะ...
“เธอเป็นใคร?” เสียงแหบแห้งหันมาเอ่ยถามกับชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ นัยน์ตาสีน้ำตาลดูสดใสใต้กรอบแว่น นั่งส่งยิ้มมาให้เขาอยู่ข้างๆ
“ฉันชื่อไทยจ้ะ...หรือจะเรียกว่าเอกราชหรือเอกก็ได้นะจ้ะ...แล้วคุณล่ะ?” เอ่ยพร้อมยกมือไหว้อย่างนอบน้อมซึ่งเขาเดาว่า อาจเป็นการแสดงความเคารพหรือการทักทายของคนประเทศนี้...ไทยงั้นหรือ?...อ๋อ...ที่แท้เขาก็อยู่ที่ประเทศไทยนี่เอง...
“เรียกฉันว่า...ราชา” เอ่ยออกไปพร้อมความรู้สึกเหมือนคอแห้งเป็นทะเลทราย
“อ่ะ...คงรู้สึกคอแห้งสินะจ้ะ” ไทยเอ่ยก่อนจะวิ่งไปหยิบแก้วน้ำมาแล้วช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นมานั่งก่อนช่วยจับพยุงแก้วน้ำให้เขาดื่มจนหมด
“ดีขึ้นไมจ้ะ?” ไทยเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มซึ่งเขาก็พยักหน้าตอบ
“ขอบคุณนะจ้ะ ที่เมื่อสองวันก่อนคุณราชาช่วยคนของฉันน่ะจ้ะ” หลังจากที่พยุงให้เขานอนเช่นเดิมแล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดตอนที่เขาสลบไปให้ฟัง...ว่าเขาช่วยชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นหนี และพอพาชาวบ้านหนีมาไกลจากพวกทหารต่างชาติและไกลจากระเบิดแล้ว เขาก็สลบไป
พวกชาวบ้านได้พาตัวเขามาในตัวเมืองหลวงเพื่อรักษาและเล่าเรื่องของเขาให้กับผู้นำของประเทศนี้ฟังทำให้ผู้นำของประเทศแห่งนี้และไทยมาพบกับเขาเลยทำให้รู้ว่าตัวเขานั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นประเทศเช่นเดียวกับไทย ไทยจึงอาสาดูแลเขาจนกว่าจะหายดี
“แล้วคุณไปทำอะไรมาหรอจ้ะ?...แผลถึงได้เต็มตัวขนาดนี้?” ไทยเอ่ยถามกับสภาพแผล พอมามองดูตัวเองแล้ว เขาในตอนนี้อยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนแต่ก็มีผ้าพันแผลพันไว้ทั่ว หรือจะเรียกว่าพันไว้ทั่วทั้งตัวดี แต่ก็นะ แผลของเขามันก็เต็มตัวจริงๆนั้นแหละทั้งแผลเก่าแผลใหม่ แต่คงไม่แย่เท่าแผลใจที่จะทำให้เขาไม่ยอมที่จะไปผูกมิตรหรือทำความรู้จักกับประเทศไหนอีกแน่
“เรื่องนี้ฉันขอไม่ตอบนะ” ราชาเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นยืน
“อ่ะ...อย่าเพิ่ง...ขยับตัว...สิจ้ะ” ไทยเอ่ยอย่างอึ้งๆเมื่อคิดว่าพอราชาลุกขึ้นมาแล้วจะต้องล้มลงไปแน่เลยทำท่าจะไปช่วยพยุง แต่ก็ผิดคาดเมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นมายืนได้หน้าตาเฉย
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ...ขอบใจนะที่ช่วยทำแผลให้...ขอตัวก่อนล่ะ” ราชาเอ่ยก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าของตนมาใส่แล้วเตรียมตัวจะเดินออกไปจากห้องพัก
“ไม่ต้องรีบไปก็ได้จ้ะ...คุณยังไม่หายดีเลย ถึงประเทศอย่างเราแผลจะหายเร็ว แต่ไม่เจ็บแผลบ้างเหรอจ้ะ?” ไทยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเดินมาขวางเขาตรงประตูบานคู่
“เจ็บน่ะ มันก็เจ็บ...แต่ฉันไม่อยากทำให้ประเทศของเธอเดือดร้อน และไม่อยากมีแผลเพิ่ม เพราะฉะนั้นฉันขอไปก่อนจะมีเรื่องดีกว่า” ราชาเอ่ยก่อนจะเดินผ่านไทยไป แต่ก็โดนไทยคว้าแขนเอาไว้จนเจ้าตัวต้องหันมามอง
“คุณไม่ทำฉันเดือดร้อนหรอกจ้ะ...และฉันขอรับประกันได้เลยจ้ะ ว่าคุณไม่มีแผลเพิ่มหรอกนะ เพราะฉะนั้นพักที่นี่ก่อนเถอะนะจ้ะ อย่างน้อยก็จนกว่าแผลจะหาย” ไทยเอ่ยซึ่งมันทำให้ราชาอึ้ง...ไม่เคยมีใครเป็นห่วงเขาหรือชวนให้เขาอยู่ต่อ...มีแต่ขับไล่ไสส่งให้เขาไปไกลๆ...พอมาเจอแบบนี้แล้ว...มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ...แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ...เขารู้สึกดีใจ...
“ฉันอยู่ต่อได้จริงๆเหรอ?” ราชาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจพร้อมกับหัวใจที่พองโต
“จ้ะ” ฝ่ายตรงข้ามก็เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม
“งั้นขอถามอะไรหน่อยได้ไม?”
“อะไรหรอจ้ะ?”
“ตาของฉันน่ะ ไม่ได้น่ารังเกียจใช่ไม?” ราชาเอ่ยถามพร้อมกับหลุบตาต่ำ เพราะส่วนใหญ่แล้ว มีแต่คนรังเกียจเขาเพราะสีตาที่แตกต่างกันของเขา มันทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น แต่เขาก็พึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีในสิ่งที่ตัวเองเป็น เพราะว่าอย่างน้อย เขาก็มองเห็น
“ไม่นี่จ้ะ...ฉันว่า สวยออก สีสวยเหมือนทับทิมเลยล่ะจ้ะ” ไทยเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่มีคนชมเขาแบบนั้น...ซึ่งมันทำให้เขายิ้มออกมาได้ซึ่งรอยยิ้มของราชามันทำให้ไทยอึ้งก่อนจะหน้าแดง...เพราะว่าพอราชายิ้มแล้ว ช่างดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรก็มิปาน...
“ขอบใจสำหรับคำชม...และขอบใจที่ไม่รังเกียจฉัน...งั้นก็ ตกลง ฉันจะอยู่ต่อ แต่ต้องมีข้อแม้นะ”
“ข้อแม้อะไรหรอจ้ะ?”
“เธอต้องเรียกฉันว่า พี่ราชา”
...และนั่นก็เป็นการเจอกันครั้งแรก...ของราชอาณาจักรอันลึกลับ กับ ประเทศเล็กๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แทบจะไร้บทบาทเช่นกัน...สองประเทศที่ถูกลืม...ที่โคจรมาพบกัน...ต่อจากนี้ไปจะเป็นเช่นไรกันนะ...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เริ่มบทนำนี้ด้วยฉากเจอกันครั้งแรกของพ่อแม่ของคุณสกายก่อนเลยก็แล้วกันนะเจ้าคะ
ช่วยเม้มหน่อยนะเจ้าคะ~
ความคิดเห็น