คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Night and snow (DGM) : รัตติกาลที่ 2 : ผีเสื้อกับหิมะ (1)
Story of snow (comedian) ////// (เกริ่นนำ)
...หิมะกำลังโปรยปราย...ดั่งเช่นวันวาน...แต่มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา ท่ามกลางทุ่งหิมะ...เด็กทารกในห่อผ้า ที่แขนข้างซ้ายนั้นเป็นสีแดงฉานราวกับโลหิต...
...เด็กน้อยร้องหาความอบอุ่น...ผู้ที่จะมาโอบกอดตนให้พ้นจากความหนาวเหน็บนี้...ผู้ที่จะมาปลอบโยนเขาและมอบความรักให้เขา...แต่กลับไม่มี...
...เวลาผ่านพ้นไป จนตะวันลับขอบฟ้า...ห้วงราตรีนั้นหนา...หนาวเย็นเสียยิ่งกว่ารุ่งอรุณ...
...เด็กน้อยในห่อผ้า...ช่างน่าโศกา...เพียงแค่เกิดมาไม่นาน...พร้อมกับแขนสีชาดนี้...ก็ต้องถูกทิ้งแล้วงั้นหรือ? ...
...แต่ทว่า...สวรรค์ มิได้ทอดทิ้งผู้คนเสมอไป...
...บุรุษร่างหนึ่งเดินเข้ามาใกล้กับห่อผ้านั้น...ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยเข้ามาสู่อ้อมกอด...
...ความอบอุ่นแรกที่ได้รับ...ช่างสุขีจับใจ...และมันจะคงอยู่ในใจเจ้า ตลอดไป...
...กาลเวลาผ่านพ้นไป...เด็กน้อยเติบโตขึ้น...แต่ก็ยังคงเป็นเพียงแค่เด็ก...
...เติบโตมาโดยได้รับความรักความอบอุ่นจากชายหนุ่มที่ช่วยเขาไว้ในคืนหิมะโปรยปราย...ชายที่เขาเรียกว่าพ่อ...
...แต่ในเมื่อมีสุขย่อมมีทุกข์...และความทุกข์...ก็มักจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น...
...แต่ทว่า...มันโหดร้ายเกินไปกับเด็กน้อยที่เพิ่งอายุได้เพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น...
...พ่อของเขาเสียชีวิตลง...ปล่อยให้เด็กน้อยต้องโศกศัลย์...ทนอยู่บนโลกที่แทบจะไม่มีใครยอมรับเขา...เพียงลำพัง...
...แต่ว่า...เพราะคิดเช่นนั้น...เพราะคิดว่าโลกใบนี้คงไม่มีใครรักตนและไม่ยอมรับตน...เด็กน้อยจึงไม่ลังเลใจเลยสักนิด...ที่จะทำบาป...
...ไม่ลังเลใจที่จะยอมเชื่อคำพูดของปีศาจ...พาพ่อกลับมาจากความตาย...
...แล้วสุดท้าย...เขาก็ต้องบาปอีกครั้ง...เพราะเหตุใดงั้นรึ? ...ก็เพราะว่าเขาฆ่าพ่อของเขาเองน่ะสิ...และได้รับคำสาป...เป็นรอยบาปบนใบหน้าไปตลอดชีวิต...เช่นเดียวกับดวงเนตรข้างซ้าย...ที่ต้องทนเห็นความทุกข์ทรมานราวกับตกนรกของดวงวิญญาณ...
...หิมะกำลังโปรยปราย...ดั่งเช่นวันวาน...แต่มีเด็กน้อยคนหนึ่ง...นั่งตากหิมะพลางร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่ตนได้ทำลงไป...
...เด็กน้อยร้องไห้...ท่ามกลางความหนาวเย็นของหิมะ...โดยหารู้ไม่...ว่ามีใครบางคนกำลังปลอบ...ให้เจ้าหยุดอาลัย...ให้น้ำตาของเจ้าหายไป...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก...เพราะในตอนนี้...ทั้งสองนั้นอยู่กันคนละภพ...
...เวลาผ่านพ้นไป จนตะวันลับขอบฟ้า...ห้วงราตรีนั้นหนา...หนาวเย็นเสียยิ่งกว่ารุ่งอรุณ...
...แต่ทว่า...สวรรค์ มิได้ทอดทิ้งผู้คนเสมอไป...
...สองสามีภรรยาคู่หนึ่ง...เดินทางผ่านมายังที่แห่งนี้...ราวกับเหตุการณ์ในอดีตเกิดขึ้นซ้ำอีกครา...ราวกับสวรรค์เป็นใจ...ให้เด็กน้อยได้รับความรักความอบอุ่นอีกครั้ง...และให้โอกาสให้เขา...ได้มีครอบครัวและความสุขอีกครั้ง...
...สองสามีภรรยารับเด็กน้อยมาเลี้ยงดู...มอบความรักความอบอุ่นให้ราวกับลูกแท้ๆของตน...
...ความสุข กลับมาเยือนเขาอีกครั้ง...ความอบอุ่นและความรักนี้...เขาหวังและภาวนาให้มันคงอยู่ไปตลอดกาล...
...แต่ทว่า...ถึงแม้จะได้รับความรักความอบอุ่นจากสองสามีภรรยาที่กลายเป็นพ่อกับแม่คนใหม่...แต่เด็กน้อยก็ยังคงมีความทุกข์อยู่...
...ชาวบ้านหลายๆคน...รังเกียจตัวเขา...เพียงแค่เพราะว่าสีผมของเขาไม่เหมือนใคร...รอยแผลเป็นต้องสาปที่ดวงหน้าข้างซ้าย...และแขนสีโลหิต...
...นอกจากพ่อแม่แล้ว...เขาก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนเลย...นั้นทำให้เขาเหงา...
...แต่แล้ว...ความเหงาของเขาก็หายไป...เมื่อเขาได้พบกับ...ชายหนุ่มผู้มีผิวสีน้ำผึ้งกับรอยแผลเป็นรูปไม้กางแขนบนหน้าผาก...
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
รัตติกาลที่ 2 : ผีเสื้อกับหิมะ (1)
“ทีกี้! ทีกี้!” เสียงเล็กอันแสนคุ้นเคยกับเสียงฝีเท้าที่ย่ำตามมาด้านหลังทำให้ชายหนุ่มผิวสีแทนชะลอฝีเท้าลง
“ทีกี้ คุณจะไปไหนน่ะ? เมื่อไรจะกลับมาเล่นกันอีก?” ร่างเล็กถามพลางวิ่งเข้ามากอดขาชายหนุ่มทำให้ชายหนุ่มผิวสีแทนหันมามองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อืม...นั้นสินะ ถ้าเธอสัญญาว่า เธอจะไม่ลืมเรื่องเกี่ยวกับฉัน ฉันจะกลับมาเล่นกับเธออีกครั้ง” ทีกี้พูดพลางลูบหัวเด็กน้อย
“ผมสัญญา ผมจะไม่ลืม” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นตอบด้วยความมั่นใจ
“งั้นหรือ?...ที่เธอพูดน่ะ มันทำให้ฉันมีความสุขนะ...งั้น มันจะเป็นสัญญาของเราสองคน” ทีกี้พูดพลางเกี้ยวก้อยสัญญากับร่างเล็ก
**************************************************
...มันผ่านมาได้ 5 ปีแล้วสินะ...หลังจากที่ฉันได้ไปเยือนเมืองนั้นปีละครั้ง...
...ท้องนภา...เหล่าพฤกษชาติ และ อากาศ ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่แสนวิเศษ...
...แต่มันไม่ใช่เป้าหมายของฉัน...
...เป้าหมายของฉันเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ต่างหาก...
“ฉันชอบสัญลักษณ์นั้น” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงระเบียงบ้านพูดขึ้นโดยมีร่างเล็กนั่งอยู่บนตักซึ่งเขาพูดพลางลูบที่รอยแผลเป็นประหลาดบนหน้าผากของเด็กน้อย
“นี่น่ะหรอ? ดูเหมือนว่า ตั้งแต่ผมเกิดมา ทั้งแขนและผมของผมก็ดูแปลกประหลาดไปหมด...ตอนที่ผมไปพูดเรื่องนี้กับ หม่าม้า และ ป๊ะป๋า พวกเขาบอกกับผมว่า มันไม่ใช่ความผิดของผม ที่เกิดมาเป็นแบบนี้...นี่ทีกี้ จริงๆแล้ว คุณไม่ได้ชอบมันจริงๆใช่มั้ย? ใช่มั้ยฮะทีกี้?” เด็กน้อยอธิบายพลางถามร่างสูงด้วยความกังวล...แต่ในใจลึกๆนั้น เขากลับหวังให้คนๆนี้ชอบสัญลักษณ์นี้จริงๆ...
“หืม?” ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด ทำให้เด็กชายลุ้น ใจจดใจจ่อกับคำตอบของทีกี้
“มันน่ารังเกียจสินะ” ร่างเล็กถามเสียงสะอื้นมือกำเสื้อเชิตของชายหนุ่มแน่น
“มันไม่น่ารังเกียจสักนิดนะ” ทีกี้พูดพลางดึงเด็กน้อยเข้าไปกอดด้วยรอยยิ้ม
“จริงหรอ?” ร่างเล็กในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยความไม่แน่ใจ
“จริงสิ” ทีกี้ตอบน้ำเสียงจริงใจ
“คุณไม่โกหกผมนะ?” ร่างเล็กถามอีกครั้ง
“ไม่มีทางอยู่แล้ว” ทีกี้ตอบพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นซึ่งคำตอบของชายหนุ่มและสัมผัสอันอบอุ่นนั้น ทำให้เด็กน้อยยิ้มออกมาได้...ซึ่งยิ้มนั้นเป็นยิ้มที่อ่อนหวานและดูมีความสุข...
...แต่ฉันรู้...ว่ารอยแผลเป็นบนใบหน้านั้น...เธอไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิด...
...รอยคำสาปรูปดาวห้าแฉกที่ได้จากอาคุม่า...
“บนโลกใบนี้ คนที่บอกว่ามันไม่น่ารังเกียจ ก็คงจะมีแต่ หม่าม้า ป๊ะป๋า แล้วก็ ทีกี้ ล่ะมั้ง ... ผมรักทีกี้นะฮะ” ร่างเล็กพูดด้วยรอยยิ้มสดใสและไร้เดียงสา
...จริงๆแล้ว...ดูเหมือนแผลเป็นนั้น...จะเกิดจากคนที่เด็กคนนี้รัก...
“ฉันก็รักเธอเหมือนกัน” ทีกี้พูดพลางจุมพิตที่รอยแผลเป็นรูปดาวห้าแฉกกลับหัวที่หน้าผากมนก่อนจะกระชักร่างเล็กในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เช่นเดียวกับเด็กน้อยที่กอดตอบเขา
“อเลน”
*************************************************
...ฉันสงสัยจริงๆว่าปีนี้ เด็กคนนั้นจะโตขึ้นสักเท่าไรกันนะ?...
“ทีกี้!” เสียงเรียกที่แสนคุ้นเคย ถึงแม้น้ำเสียงจะดูเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ก็ยังไพเราะราวกับระฆังแก้วไม่เปลี่ยนแปลง ดังขึ้นทักทายชายหนุ่มที่กลับมาเยือนเมืองแห่งนี้อีกครั้ง หลังจากไม่ได้มาเยือนถึง 5 ปี พร้อมกับร่างของเด็กน้อยที่ในตอนนี้น่าจะอายุราวๆ 10 ปี วิ่งมาทางเขาด้วยรอยยิ้มซึ่งร่างเล็กที่วิ่งมาต้อนรับเขานั้น ทำให้เขายิ้มด้วยความดีใจซึ่งเป็นรอยยิ้มที่พบเห็นได้ยากนักจากชายผู้นี้
“ปีนี้คุณกลับมาเร็วกว่าเมื่อก่อนอีกนะครับ... ระหว่างที่คุณไม่อยู่น่ะ ผมโตขึ้นเยอะเลยนะครับ แต่ก็ยังสูงไม่เท่าคุณสักทีแหะ” ร่างเล็กพูดยิ้มๆ
“หืม?” ชายหนุ่มมองด้วยใบหน้าครุ่นคิดก่อนจะเลิกคิ้วจนอเลนรู้สึกแปลกๆ
“อะ...อะไรหรอครับ?” ร่างเล็กถามด้วยความสงสัย
“ฉันว่า ยิ่งโตเธอยิ่งสวยนะ” ทีกี้พูด ทำให้ร่างเล็กหน้าแดงระเรื่อขึ้นมานิดๆ
“นะ...นี่ คุณอย่าแหย่ผมเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกนะ!” อเลนพูดโดยใบหน้าที่ยังขึ้นสีระเรื่อ
“มันไม่ใช่เรื่องโกหกเสียหน่อย ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้มันเป็นเรื่องจริงและมันทำให้ฉันตกหลุมรักเธอซะด้วยซ้ำ” ทีกี้พูดด้วยรอยยิ้มพลางลูบหัวร่างเล็กซึ่งคำพูดของชายหนุ่มนั้นทำให้อเลนเบิกตากว้างด้วยใบหน้าที่ยังคงแดงระเรื่ออยู่ก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ทีกี้
“จริงๆนะ...ผมดีใจที่สุดเลย” อเลนพูดพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“เฮ้ มันจะดีมั้ยนะถ้าฉันจะพักที่โรงแรมแถวๆบ้านเธอในวันนี้? มันคงจะวิเศษมากๆเลยล่ะ ถ้าเธอจะมาคุยกับฉันที่โรงแรม แต่เธอน่าจะกลับไปขออนุญาติพ่อแม่ของเธอก่อนนะ...เดี๋ยวพอเธอหายไป ฉันจะกลายเป็นโจรขโมยเด็กซะเปล่าๆ” ทีกี้พูดยิ้มๆด้วยน้ำเสียงเป็นสบายๆ...แต่คับคลายคับคราจะเชิญชวน...พลางดันหลังให้อเลนกลับบ้านไปก่อน
“ครับ” อเลนขานรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะวิ่งกลับบ้านไป
*****************************************************
“ป๊ะป๋า! หม่าม้า ! ทีกี้เขากลับมาพักที่เมืองนี้แล้วฮะ”
หลังจากกลับมาบ้านนั่นก็เป็นประโยคแรกที่อเลนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ
“จะเป็นอะไรมั้ยฮะ? ถ้าผมจะขอไปหาทีกี้ที่โรงแรมน่ะฮะ” อเลน รีบขออนุญาตพ่อแม่ทันทีด้วยความตื่นเต้นราวกับเด็กที่ขอพ่อแม่ไปค้างบ้านเพื่อนก็มิปาน...
“จริงๆมันก็ไม่มีปัญหาหรอกนะลูก” ผู้เป็นแม่ที่ดูเหมือนจะท้องได้ราวๆ 7-8 เดือน พูดเป็นเชิงอนุญาติด้วยรอยยิ้มทำให้ อเลน กระโดดกอดผู้เป็นแม่ด้วยความระมัดระวังกลัวน้องที่ยังไม่เกิดจะได้รับความกระทบกระเทือน อย่างดีใจ
“อย่าสร้างปัญหาให้คุณทีกี้เขานะลูก” ผู้เป็นพ่อพูดพลางก้มลงหอมแก้มอเลน
“และอย่าสร้างปัญหาให้คนที่โรงแรมด้วยเช่นกันนะจ๊ะ” ผู้เป็นแม่พูดพลางก้มลงหอมแก้มอเลนอีกข้าง
“ขอให้โชคดีนะ อเลน” แม่พูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเช่นเดียวกับพ่อทำให้อเลนยิ้มตอบ
“ครับ” อเลนตอบด้วยรอยยิ้มสดใส
*************************************************
เวลาผ่านไปจนกระทั่งยามเย็นมาถึง
“ยินดีต้อนรับ! โอ้ว? นั้นอะไรน่ะ?” ทีกี้กล่าวทักทายแขกที่เขานัดไว้เมื่อเขาเปิดประตูให้ร่างเล็กเดินเข้ามาซึ่งในมือของร่างเล็กถือหม้ออยู่ใบหนึ่ง
“มันเป็นของฝากน่ะฮะ จนถึงตอนนี้คุณยังไม่ได้กินอาหารเย็นเลยนี่ฮะ จริงมั้ย?” อเลนตอบยิ้มๆพลางวางหม้อใบนั้นลงบนโต๊ะหลังจากทีกี้ปิดประตูแล้ว
“ดูน่ากินดีนี่” ทีกี้ที่เดินเข้ามาดูของที่อยู่ในหม้ออุทาน
“มันเป็นอาหารจานโปรดของหม่าม้า น่ะฮะ” อเลนพูดอย่างภาคภูมิใจเพราะสำหรับเขาแล้ว อาหารฝีมือคุณแม่นั้นอร่อยที่สุดแล้ว
อเลนจัดการเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งรอในขณะที่ทีกี้กำลังยกหม้ออาหารเย็นวันนี้ไปอุ่น
“นี่ทีกี้ ช่วยเล่าเรื่องการเดินทางของคุณให้ผมฟังหน่อยสิฮะ ไม่มีเรื่องน่าสนใจอะไรเลยหรอ?” อเลนถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น แววตาเป็นประกายราวกับเด็กๆ...แต่ก็ยังเด็กจริงๆนั้นแหละนะ...ซึ่งใบหน้าใสซื่อที่กำลังยิ้มรอคำตอบจากชายหนุ่ม แววตาเป็นประกายออดอ้อนนิดๆ...ช่างดูน่ารักน่าก(อ)ด เสียจริง...แต่เหนืออื่นใดก็คือ...น่ากินกว่าอาหารเย็นที่กำลังจะอุ่นนี้เสียอีก...
“มีเรื่องน่าสนใจตั้งเยอะแยะ แล้วเธออยากฟังเรื่องเกี่ยวกับอะไรล่ะ?” ทีกี้ถามโดยไม่หันมามองอเลน
“อืม~ เรื่องอะไรดีนะ มันเลือกยากเหมือนกันนะ” อเลนนั่งพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมือทั้งสองข้างประคองใบหน้าตนเองเหมือนรอฟังทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะฟังเรื่องเกี่ยวกับอะไรดี
“ถ้างั้น...เอาเป็นเกี่ยวกับเรื่องน่ากลัวเป็นไง” ทีกี้พูดขึ้นทำให้อเลนสะดุ้งเมื่อบรรยากาศมันดูเย็นลงแปลกๆ ซึ่งร่างเล็กไม่ทันสังเกตว่าชั่วแวบหนึ่งนั้น ร่างสูงแอบยิ้มด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวถึงขั้นน่าสยดสยอง...แต่ก็แค่แปบเดียวเท่านั้น
“เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับอาคุม่ามั้ยอเลน?” ทีกี้เริ่มถามขณะที่กำลังตักอาหารใส่จาน
“ปีศาจงั้นหรอ?” อเลน ถามกลับ
“ไม่ใช่ปีศาจ ‘อาคุม่า’ ต่างหาก เมื่อไม่นานมานี้มีผู้โชคร้ายที่กลายเป็นเหยื่อของอาคุม่าเพิ่มขึ้นไปทั่วโลก...ต้องขอบใจอาคุม่าที่ทำให้ผู้คนตายเป็นจำนวนมาก” ทีกี้เล่าโดยที่เขาแอบซ่อนรอยยิ้มที่แสนน่ากลัวไว้ไม่ให้อเลนได้เห็นในขณะที่เขาเล่าเรื่อง
“ลักษณะของ ‘อาคุม่า’ มันเป็นยังไงหรอฮะ?” อเลนถาม สีหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกกลัวเล็กน้อย
“หืมม~ พวกเขาไม่ใช่มนุษย์หรอกนะ แต่พวกเขาก็เป็นมากกว่าสัตว์ประหลาดหรือปีศาจเหมือนกันนั้นแหละ” ทีกี้ตอบ
“สัตว์ประหลาด?! หมายความว่าพวกเขาเป็นมากกว่าหนึ่งอย่างงั้นหรอ?!” อเลนถามด้วยความตกใจจึงเผลอขึ้นเสียงไปนิดหน่อยแต่ทีกี้ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“พวกเขาเป็นมนุษย์เช่นกันแต่ข้างในนั้นไม่ใช่...ที่จริงฉันก็ไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดหรอกนะเพราะว่าในชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเห็นพวกนั้นจริงๆสักครั้ง” ทีกี้หันมาตอบพลางอธิบายด้วยรอยยิ้มปกติ...แต่ใครจะรู้กัน...ว่าความจริงแล้ว...ชายหนุ่มนั้นโกหก...เพราะว่าตัวเขานั้น...เคยเจออาคุม่ามาก่อน...แถมบ่อยเสียด้วย...
“เธอจะทำยังไงถ้าฉันถูกฆ่า?” ทีกี้ถามขึ้นพลางวางจานอาหารตรงหน้า อเลน
“ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น!! คุณไม่ควรพูดถึงมันเพราะไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไร!!” อเลนพูดด้วยความไม่พอใจ ดวงตาสีเงินคู่สวยมีน้ำตาคลอนิดๆ ซึ่งสิ่งที่อเลนพูดทำให้ทีกี้เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยก่อนจะกลับมาทำสีหน้าปกติ
“ไม่ต้องร้องไห้หรอกนะ มันเป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้นเอง” ทีกี้บอกด้วยรอยยิ้มพลางหัวเราะในลำคอ
“ทีกี้?” อเลนพึมพำชื่อของร่างสูงในขณะที่มือหนาของชายหนุ่มเอื้อมมาเช็ดหยาดน้ำใสที่หางตาให้ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นจับที่ใบหน้าสวยอย่างอ่อนโยน
“ขอโทษนะ” ทีกี้พูดก่อนจะก้มใบหน้าของตนลงไปหาใบหน้าสวยของ อเลน จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา มือหนาที่เคยจับใบหน้าสวยเคลื่อนไปจับที่ท้ายทอยแท้ อเลนเบิกตากว้างกับสัมผัสที่ได้รับ ใบหน้าสวยเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ แต่ก่อนที่อะไรๆจะมากไปกว่านั้น ทีกี้ก็ผละออกไปเสียก่อน
“ทีกี้?” อเลน เรียกคนตรงหน้าเสียงพร่า ชอนตาขึ้นมองร่างสูงที่ผละออกไปส่งยิ้มให้เขาอย่างเช่นเคย มือหนาที่เคยอยู่ที่ท้ายทอยเคลื่อนกลับมาจับที่พวงแก้มที่ในตอนนี้ขึ้นสีแดงระเรื่ออีกครั้งในขณะที่มือของร่างเล็กนั้นสัมผัสทาบทับอยู่ที่ฝ่ามือบนพวงแก้มของตน แต่พอมามองดูดีๆแล้ว...ใบหน้านวลที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ...ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่ม...ดวงตาสีเงินที่ปรือมองตัวเขาโดยที่ดวงตาคู่สวยนั้นยังคงมีน้ำตาคลออยู่...แถมร่างเล็กยังมีอาการหอบนิดๆ...ช่างน่าลิ้มลองเสียจริง...
“เอาล่ะ ไปกินกันได้แล้วมั้ง” ทีกี้เบือนหน้าหนีพลางพูดเปลี่ยนเรื่องเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้น
ร่างเล็กมองทีกี้ด้วยความสงสัยแต่สายตาที่มองมานั้น ผสมปนเปไปด้วยความผิดหวังนิดๆ ออดอ้อนหน่อยๆ สงสัยน้อยๆ โดยที่ใบหน้าสวยนั้นยังคงเป็นสีแดงระเรื่ออยู่ซึ่งโดยรวมแล้ว ในสายตาของทีกี้ตอนนี้ อเลน ช่างยั่วยวนเสียเหลือเกิน
“นั้นมันจูบแบบเด็กๆนี่ ทำไมตอนนั้นไม่จูบผมแบบผู้ใหญ่ล่ะ?” อเลนถาม สีหน้าแสดงความไม่พอใจนิดหน่อยทำให้ทีกี้อึ้งกับสิ่งที่ร่างเล็กถามนิดหน่อยก่อนจะยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก
“นั้นมันเป็นเรื่องลามกและเลอะเทอะ เธออยากจะทำมันงั้นเหรอ?” ทีกี้ถามยิ้มๆพลางเชยคางมลให้ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมามองซึ่งสิ่งที่ชายหนุ่มพูด มันทำให้ร่างเล็กหน้าขึ้นสีหนักขึ้นกว่าเดิม
“ไม่มีทาง!!” อเลนพูดด้วยความอายพลางปัดมือชายหนุ่มออกด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเสียยิ่งกว่าลูกเชอร์รี่เสียอีก
“ฉันล้อเล่นน่า~” ทีกี้พูดอย่างอารมณ์ดีพลางหัวเราะกับอาการของอเลน
“จริงๆเลย~ เพราะคุณเกเรแบบนี้แหละผมถึงไม่อยากให้คุณเห็นน้องน่ะ เดี๋ยวน้องจะติดนิสัยเสียๆของคุณเข้า” อเลนพูดราวกับตนนั้นเป็นผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่อเลนพูดนั้น มันทำให้ทีกี้เบิกตากว้าง รู้สึกราวกับหัวใจกระตุกวูบยังไงพิกลก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“น้องงั้นหรอ?” ทีกี้ถามก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ใช่ เขาจะเกิดในเร็วๆนี้” อเลนตอบพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อนึกถึงน้องที่จะเกิดมาในไม่ช้านี้
“ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆเลยฮะ ไม่รู้ว่าจะได้น้องชายหรือว่าน้องสาว...คุณว่ายังไงฮะ? ผมว่าไม่ว่าจะอย่างไหนก็ดีหมดนั้นแหละฮะ มันคงจะดีนะถ้าเขาเกิดมาแข็งแรงน่ะ” อเลนยังคงพูดด้วยรอยยิ้มโดยหารู้ไม่ว่า ในใจของทีกี้นั้นกำลังคิดอะไรอยู่และรู้สึกเช่นไร
...อเลนกำลังจะมีครอบครัวใหม่...
...นั้นมัน...เกะกะสิ้นดี...
*************************************************
หลังจาก อเลนไปทานอาหารเย็นกับทีกี้ที่โรงแรม เขาก็กลับมาบ้านโดยที่ไม่รู้เลยว่า...นั้นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอหน้าพ่อแม่...
ในค่ำคืนอันเงียบสงบของเมืองเล็กๆที่แสนสงบสุข...ได้มีบุรุษผู้หนึ่งย่างกายมาหยุดอยู่ยังหน้าบ้านของเป้าหมาย...ราวกับผีเสื้อที่มาส่งมอบความตาย...
“โอ้ว คุณคงเป็นคุณทีกี้สินะ?” หญิงสาวผู้มาเปิดประตูถามเมื่อพบกับผู้มาเยือนยามราตรีเช่นนี้
“ผมรู้ว่าป่านนี้ อเลน คงหลับไปแล้ว แต่ผมมีสิ่งที่จะต้องทำ” ทีกี้พูดด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรแต่เพราะเหตุใดมิทราบ...บรรยากาศโดยรอบจึงดูหนาวเย็นเข้าไปทุกทีๆ...
“สิ่งที่ผมจะทำนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับอเลน” ชายหนุ่มยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม...แต่รอยยิ้มของเขาเริ่มน่ากลัวเข้าไปทุกทีๆ
“แต่สิ่งที่ผมจะทำคือจัดการกับ...เจ้านี้” ทีกี้พูดเสียงเหี้ยม มือหนาทะลุเข้าไปในท้องของหญิงสาว
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!”
หญิงสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทั้งตกใจและทรมาน ซึ่งความเจ็บนั้นรุนแรงจนถึงขั้นทำให้เธอกระอักเลือด
“อา~ มันอยู่ตรงนี้ และมันแข็งแรงดี” ทีกี้พูดอย่างไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่เขากำลังบดขยี้สิ่งที่อยู่ภายในท้องของเธออย่างไร้ความปราณี
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายหนุ่มผู้เป็นสามีเดินออกมาดูเมื่อได้ยินเสียงกรัดร้องของภรรยา
“ที่รัก...” หญิงสาวมีแรงพูดได้เพียงเท่านั้นเพราะเธอเจ็บปวดทรมานกับบาดแผลภายในเป็นอย่างมาก
“ราตรีสวัสดิ์” ทีกี้พูดด้วยรอยยิ้ม แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูอันตราย ทั้งดูโหดเหี้ยมและน่ากลัว
เหล่าผีเสื้อนับรอยนับพันตัวที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนบินล้อมรอบตัวชายหนุ่ม...ปีกสีดำของมันสลักลวดลายรูปร่างประหลาด และด้วยสีตัวที่ดำสนิททำให้พวกมันดูน่ากลัว...ราวกับมัจจุราชที่จะมากระชากลมหายใจ...
“คุณพ่อ คุณแม่ ขอบคุณสำหรับการดูแล อเลน มาจนถึงตอนนี้ ฉันจะพา อเลนไปจากที่นี่ เพราะฉะนั้น...ลาขาดล่ะนะ เจ้าพวกตัวเกะกะ” ทีกี้พูดด้วยรอยยิ้มแสยะก่อนที่เหล่าผีเสื้อทั้งหลายจะบินเข้าใส่สามีภรรยาทั้งสองพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้น แต่เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น...เพราะพวกเขา...ตายแล้ว...กลายเป็นเพียงแค่ก้อนเนื้อให้เหล่าผีเสื้อได้กินเท่านั้น...
“อ้าว! ฉันลืมขอบคุณพวกเขาเรื่องอาหารเย็นแหะ” ทีกี้อุทานเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยใส่ใจมันซะเท่าไร...หรือจะพูดให้ถูกก็คือ...เขาไม่ใส่ใจมันเลยต่างหาก...
“โอ้ ช่างมันเถอะ”ทีกี้พูดอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินตรงไปยังห้องของเป้าหมาย ปล่อยให้เหล่าผีเสื้อ อร่อยอยู่กับก้อนเนื้อ โดยไม่ลืมปิดประตูบ้านพลาง ล็อกให้เรียบร้อย
+++++++++++++++++++++++++++++++
ภายในตัวบ้านที่เงียบสงบ(?)...ในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง...มีร่างเล็กร่างหนึ่งกำลังนอนหลับอย่างสุขสบายโดยหารู้ไม่ว่า...สิ่งเลวร้ายกำลังคืบคร้านเข้ามาหาเขา...
“อเลน”
“...”
“อเลน”
“อือ...ที...กี้?” เสียงเรียกที่ดังขึ้นข้างๆหูทำให้ร่างเล็กตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา ซึ่งเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างเล็กก็พบกับชายหนุ่มผิวสีแทนนั่งยิ้มอยู่ข้างๆเตียง
“หืม? ... ทำไม?” อเลนถามด้วยอาการตื่นเต็มตา
“ ป๊ะป๋ากับหม่าม้าของเธอออกไปทำธุระนิดหน่อยน่ะ พวกเขาเลยให้ฉันมาดูแลเธอชั่วคราวก่อน” ทีกี้ตอบข้อสงสัยของร่างเล็ก
“ว้าว~ งั้นพวกเราก็สามารถนอนด้วยกันได้น่ะสิฮะ” อเลนพูดด้วยความดีใจพร้อมรอยยิ้มอย่างไร้เดียงสา
“ใช่” ทีกี้ตอบก่อนจะหอมแก้มนุ่มๆนั้นไปทีนึง
“หึหึหึ แล้วเธอต้องการจูบราตรีสวัสดิ์หรือจูบแบบผู้ใหญ่ดีล่ะ?” ทีกี้หัวเราะในลำคอพลางถามกับเด็กน้อยตรงหน้าทำเอาร่างเล็กหน้าขึ้นสีกับคำถามทันที
“ผมพูดจริงๆนะ ผมไม่ต้องการมัน” อเลนพูดด้วยใบหน้าแดงก้ำ
“ตอนนี้ มันเป็นสิ่งน่าพอใจแน่นอนถ้าฉันทำมัน...จูบแบบผู้ใหญ่ ...มันเป็นเรื่องวิเศษ” ทีกี้พูดพลางสัมผัสที่ใบหน้าสวย ดวงตาสีอัมพันที่จ้องมองมาดูเร้าร้อนจนร่างเล็กรู้สึกหน้าร้อนผ่าว
“เปิดปากของเธอซะ” ทีกี้สั่งพลางเชยคางมลให้ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมาสบตากับตน
“อืม” อเลนทำตามที่ร่างสูงสั่งอย่างว่าง่าย
ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าสวยจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย
ลิ้มร้อนถูกส่งเข้าไปในโพรงปากเล็กที่เปิดอยู่ก่อนจะเริ่มบทจูบอันเร้าร้อนขึ้น...
.
.
.
“อะ...อ๊า!!” เสียงหวานครางสุดเสียงในจังหวะที่ร่างสูงสอดใส่เข้ามาครั้งสุดท้าย ดวงต่สีเงินคู่สวยหรี่ปรืออย่างอ่อนล้าก่อนจะผล็อยหลับไป
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ในยามเช้าที่ดูจะเงียบกว่าปกติของตัวบ้าน ร่างเล็กร่างหนึ่งที่กำลังหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงนอนได้ลืมตาตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา แต่เมื่อมองมายังที่นอนข้างตัวกลับไม่พบร่างสูงผิวสีแทนนอนอยู่ ทำให้เด็กน้อยรู้สึกสงสัยปนรู้สึกประหลาดใจที่แม่ไม่ขึ้นมาปลุกเขาเหมือนทุกๆเช้าที่ผ่านๆมา
“ทีกี้...ทีกี้!?” ร่างเล็กร้องเรียกหาร่างสูง แต่กลับไม่มีวี่แววของหนุ่มผิวสีแทน
“ไปไหนของเขากันนะ?” ร่างเล็กพึมพำอย่างสงสัย ในส่วนลึกของจิตใจรู้สึกกลัวและกังวลขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
อเลนเดินไปที่ประตูห้องที่เปิดแง้มอยู่โดยที่ตัวเขาใส่เพียงแค่เสื้อนอนที่ยาวจนคลุมถึงเข่าเท่านั้น
“ที...!!!” อเลนที่กำลังจะเรียกหาทีกี้กลับพูดอะไรไม่ออก ดวงตาสีเงินคู่งามเบิกกว้างเมื่อเห็นสภาพบ้านหลังจากพ้นประตูห้องนอนออกมา
สภาพบ้านที่เหมือนกับเกิดการต่อสู้ขึ้น ราวกับสนามรบแต่ที่แต่งต่างก็คือ...ทั่วพื้นบ้านนั้นเต็มไปด้วยรอยเลือด...รอยเลือดสาดกระเด็นเต็มไปทั่วพื้นบ้าน...กลิ่นคาวเลือดอบอวนไปทั่วจนแทบจะทำให้อยากอ้วก...และเหนืออื่นใด...
“ป๊ะป๋า...หม่าม้า?” อเลน ช็อกกับภาพที่เขาเห็น เสื้อผ้าที่พ่อกับแม่ของเขาเคยใส่ ไม่เหลืออะไรเลย...นอกจากกองผ้าที่เต็มไปด้วยเลือด...จากสภาพของบ้านและสถานที่เกิดเหตุแล้ว...มันบ่งบอกได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น...เมื่อความคิดที่ว่าพ่อกับแม่ตายไปแล้วผุดขึ้นมาในหัว ดวงตาสีเงินคู่งามก็เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า ขาบางกำลังจะเดินเข้าไปใกล้ๆกับกองเสื้อผ้าเปื้อนเลือดนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทว่า...
“อเลน!”...แต่ทว่าก็ได้มีเสียงหนึ่งเรียกเขาไว้ก่อนจะทันได้เดินเข้าไปใกล้ ซึ่งเสียงที่เรียกเขานั้นทำให้ร่างเล็กสะดุ้ง
ทีกี้ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังร่างเล็กในสภาพเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ติดกระดุม แต่ถึงแม้ อเลนจะรู้ว่าคนที่เรียกเขานั้นเป็นใคร แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมองร่างสูง เขากลับเอาแต่มองกองผ้าเปื้อนเลือดพวกนั้นด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจ
“นั้นมันเป็นฝีมือของ อาคุม่า เธอไม่ควรเข้าไปใกล้มันมากกว่านี้” ทีกี้พูดก่อนจะเดินมายืนข้างๆร่างเล็ก ดวงตาสีอำพันมองพื้นบ้านที่เต็มไปด้วยเลือดด้วยความรู้สึกสะใจแต่ใบหน้าของเขากลับเรียบนิ่งเพื่อไม่ให้เขาผิดสังเกต
“อาคุม่า มีความสามารถในการจดจำใบหน้าของพวกเราได้ ถ้าพวกเรายังอยู่ที่นี่ พวกเราอาจถูกฆ่าตายทั้งคู่” ทีกี้พูดพลางแอบเหลือบตามอง อเลนที่ยังคงยืนสั่นอยู่
“หนีกันเถอะ อเลน หนีไปด้วยกัน เพียงแค่เราสองคน” ทีกี้พูดพลางยกยิ้มขึ้นมานิดๆ
ใบหน้าสวยหันมามองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งมากอดเขา
...ต่อจากนั้น...
...เด็กคนนี้...
...ก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งอื่นได้ นอกจากฉัน...
...เด็กคนนี้ไม่เหลือใครแล้ว นอกจากฉัน...
...เด็กคนนี้...อเลน วอคเกอร์...เป็นของฉัน
++++++++++++++++++++++++++++++++
ฝากเม้มด้วยนะเจ้าคะ~
และหวังว่าจะไร้ปัญหาใดๆนะเจ้าคะ =w=
ความคิดเห็น