ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE Kingdom Guardian (หลากหลายเรื่องราวกับตัวละครทั้ง 14 )

    ลำดับตอนที่ #11 : Night and snow (DGM) : รัตติกาลที่ 2 : ผีเสื้อกับหิมะ (1)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 55





    Story of snow (comedian) ////// (เกริ่นนำ)

     

     

    ...หิมะกำลังโปรยปราย...ดั่งเช่นวันวาน...แต่มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา ท่ามกลางทุ่งหิมะ...เด็กทารกในห่อผ้า ที่แขนข้างซ้ายนั้นเป็นสีแดงฉานราวกับโลหิต...

    ...เด็กน้อยร้องหาความอบอุ่น...ผู้ที่จะมาโอบกอดตนให้พ้นจากความหนาวเหน็บนี้...ผู้ที่จะมาปลอบโยนเขาและมอบความรักให้เขา...แต่กลับไม่มี...

    ...เวลาผ่านพ้นไป จนตะวันลับขอบฟ้า...ห้วงราตรีนั้นหนา...หนาวเย็นเสียยิ่งกว่ารุ่งอรุณ...

    ...เด็กน้อยในห่อผ้า...ช่างน่าโศกา...เพียงแค่เกิดมาไม่นาน...พร้อมกับแขนสีชาดนี้...ก็ต้องถูกทิ้งแล้วงั้นหรือ? ...

    ...แต่ทว่า...สวรรค์ มิได้ทอดทิ้งผู้คนเสมอไป...

    ...บุรุษร่างหนึ่งเดินเข้ามาใกล้กับห่อผ้านั้น...ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยเข้ามาสู่อ้อมกอด...

    ...ความอบอุ่นแรกที่ได้รับ...ช่างสุขีจับใจ...และมันจะคงอยู่ในใจเจ้า ตลอดไป...

    ...กาลเวลาผ่านพ้นไป...เด็กน้อยเติบโตขึ้น...แต่ก็ยังคงเป็นเพียงแค่เด็ก...

    ...เติบโตมาโดยได้รับความรักความอบอุ่นจากชายหนุ่มที่ช่วยเขาไว้ในคืนหิมะโปรยปราย...ชายที่เขาเรียกว่าพ่อ...

    ...แต่ในเมื่อมีสุขย่อมมีทุกข์...และความทุกข์...ก็มักจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น...

    ...แต่ทว่า...มันโหดร้ายเกินไปกับเด็กน้อยที่เพิ่งอายุได้เพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น...

    ...พ่อของเขาเสียชีวิตลง...ปล่อยให้เด็กน้อยต้องโศกศัลย์...ทนอยู่บนโลกที่แทบจะไม่มีใครยอมรับเขา...เพียงลำพัง...

    ...แต่ว่า...เพราะคิดเช่นนั้น...เพราะคิดว่าโลกใบนี้คงไม่มีใครรักตนและไม่ยอมรับตน...เด็กน้อยจึงไม่ลังเลใจเลยสักนิด...ที่จะทำบาป...

    ...ไม่ลังเลใจที่จะยอมเชื่อคำพูดของปีศาจ...พาพ่อกลับมาจากความตาย...

    ...แล้วสุดท้าย...เขาก็ต้องบาปอีกครั้ง...เพราะเหตุใดงั้นรึ? ...ก็เพราะว่าเขาฆ่าพ่อของเขาเองน่ะสิ...และได้รับคำสาป...เป็นรอยบาปบนใบหน้าไปตลอดชีวิต...เช่นเดียวกับดวงเนตรข้างซ้าย...ที่ต้องทนเห็นความทุกข์ทรมานราวกับตกนรกของดวงวิญญาณ...

    ...หิมะกำลังโปรยปราย...ดั่งเช่นวันวาน...แต่มีเด็กน้อยคนหนึ่ง...นั่งตากหิมะพลางร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่ตนได้ทำลงไป...

    ...เด็กน้อยร้องไห้...ท่ามกลางความหนาวเย็นของหิมะ...โดยหารู้ไม่...ว่ามีใครบางคนกำลังปลอบ...ให้เจ้าหยุดอาลัย...ให้น้ำตาของเจ้าหายไป...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก...เพราะในตอนนี้...ทั้งสองนั้นอยู่กันคนละภพ...

    ...เวลาผ่านพ้นไป จนตะวันลับขอบฟ้า...ห้วงราตรีนั้นหนา...หนาวเย็นเสียยิ่งกว่ารุ่งอรุณ...

    ...แต่ทว่า...สวรรค์ มิได้ทอดทิ้งผู้คนเสมอไป...

    ...สองสามีภรรยาคู่หนึ่ง...เดินทางผ่านมายังที่แห่งนี้...ราวกับเหตุการณ์ในอดีตเกิดขึ้นซ้ำอีกครา...ราวกับสวรรค์เป็นใจ...ให้เด็กน้อยได้รับความรักความอบอุ่นอีกครั้ง...และให้โอกาสให้เขา...ได้มีครอบครัวและความสุขอีกครั้ง...

    ...สองสามีภรรยารับเด็กน้อยมาเลี้ยงดู...มอบความรักความอบอุ่นให้ราวกับลูกแท้ๆของตน...

    ...ความสุข กลับมาเยือนเขาอีกครั้ง...ความอบอุ่นและความรักนี้...เขาหวังและภาวนาให้มันคงอยู่ไปตลอดกาล...

    ...แต่ทว่า...ถึงแม้จะได้รับความรักความอบอุ่นจากสองสามีภรรยาที่กลายเป็นพ่อกับแม่คนใหม่...แต่เด็กน้อยก็ยังคงมีความทุกข์อยู่...

    ...ชาวบ้านหลายๆคน...รังเกียจตัวเขา...เพียงแค่เพราะว่าสีผมของเขาไม่เหมือนใคร...รอยแผลเป็นต้องสาปที่ดวงหน้าข้างซ้าย...และแขนสีโลหิต...

    ...นอกจากพ่อแม่แล้ว...เขาก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนเลย...นั้นทำให้เขาเหงา...

    ...แต่แล้ว...ความเหงาของเขาก็หายไป...เมื่อเขาได้พบกับ...ชายหนุ่มผู้มีผิวสีน้ำผึ้งกับรอยแผลเป็นรูปไม้กางแขนบนหน้าผาก...

     

     

     

    *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

     

     

     

    รัตติกาลที่ 2 : ผีเสื้อกับหิมะ (1)

     

     

    “ทีกี้! ทีกี้!” เสียงเล็กอันแสนคุ้นเคยกับเสียงฝีเท้าที่ย่ำตามมาด้านหลังทำให้ชายหนุ่มผิวสีแทนชะลอฝีเท้าลง

    “ทีกี้  คุณจะไปไหนน่ะ? เมื่อไรจะกลับมาเล่นกันอีก?” ร่างเล็กถามพลางวิ่งเข้ามากอดขาชายหนุ่มทำให้ชายหนุ่มผิวสีแทนหันมามองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    “อืม...นั้นสินะ   ถ้าเธอสัญญาว่า เธอจะไม่ลืมเรื่องเกี่ยวกับฉัน ฉันจะกลับมาเล่นกับเธออีกครั้ง” ทีกี้พูดพลางลูบหัวเด็กน้อย

    “ผมสัญญา  ผมจะไม่ลืม” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นตอบด้วยความมั่นใจ

    “งั้นหรือ?...ที่เธอพูดน่ะ มันทำให้ฉันมีความสุขนะ...งั้น มันจะเป็นสัญญาของเราสองคน” ทีกี้พูดพลางเกี้ยวก้อยสัญญากับร่างเล็ก

     

     

    **************************************************

     

     

    ...มันผ่านมาได้ 5 ปีแล้วสินะ...หลังจากที่ฉันได้ไปเยือนเมืองนั้นปีละครั้ง...

    ...ท้องนภา...เหล่าพฤกษชาติ และ อากาศ ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่แสนวิเศษ...

    ...แต่มันไม่ใช่เป้าหมายของฉัน...

    ...เป้าหมายของฉันเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ต่างหาก...

     

    “ฉันชอบสัญลักษณ์นั้น” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงระเบียงบ้านพูดขึ้นโดยมีร่างเล็กนั่งอยู่บนตักซึ่งเขาพูดพลางลูบที่รอยแผลเป็นประหลาดบนหน้าผากของเด็กน้อย

    “นี่น่ะหรอ?  ดูเหมือนว่า ตั้งแต่ผมเกิดมา ทั้งแขนและผมของผมก็ดูแปลกประหลาดไปหมด...ตอนที่ผมไปพูดเรื่องนี้กับ หม่าม้า และ ป๊ะป๋า พวกเขาบอกกับผมว่า มันไม่ใช่ความผิดของผม ที่เกิดมาเป็นแบบนี้...นี่ทีกี้ จริงๆแล้ว คุณไม่ได้ชอบมันจริงๆใช่มั้ย? ใช่มั้ยฮะทีกี้?” เด็กน้อยอธิบายพลางถามร่างสูงด้วยความกังวล...แต่ในใจลึกๆนั้น เขากลับหวังให้คนๆนี้ชอบสัญลักษณ์นี้จริงๆ...

     “หืม?” ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด ทำให้เด็กชายลุ้น ใจจดใจจ่อกับคำตอบของทีกี้

    “มันน่ารังเกียจสินะ” ร่างเล็กถามเสียงสะอื้นมือกำเสื้อเชิตของชายหนุ่มแน่น

     “มันไม่น่ารังเกียจสักนิดนะ” ทีกี้พูดพลางดึงเด็กน้อยเข้าไปกอดด้วยรอยยิ้ม

    “จริงหรอ?” ร่างเล็กในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยความไม่แน่ใจ

    “จริงสิ” ทีกี้ตอบน้ำเสียงจริงใจ

    “คุณไม่โกหกผมนะ?” ร่างเล็กถามอีกครั้ง

    “ไม่มีทางอยู่แล้ว” ทีกี้ตอบพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นซึ่งคำตอบของชายหนุ่มและสัมผัสอันอบอุ่นนั้น ทำให้เด็กน้อยยิ้มออกมาได้...ซึ่งยิ้มนั้นเป็นยิ้มที่อ่อนหวานและดูมีความสุข...

     

    ...แต่ฉันรู้...ว่ารอยแผลเป็นบนใบหน้านั้น...เธอไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิด...

    ...รอยคำสาปรูปดาวห้าแฉกที่ได้จากอาคุม่า...

     

    “บนโลกใบนี้ คนที่บอกว่ามันไม่น่ารังเกียจ ก็คงจะมีแต่ หม่าม้า ป๊ะป๋า แล้วก็ ทีกี้ ล่ะมั้ง ... ผมรักทีกี้นะฮะ” ร่างเล็กพูดด้วยรอยยิ้มสดใสและไร้เดียงสา

     

    ...จริงๆแล้ว...ดูเหมือนแผลเป็นนั้น...จะเกิดจากคนที่เด็กคนนี้รัก...

     

    “ฉันก็รักเธอเหมือนกัน” ทีกี้พูดพลางจุมพิตที่รอยแผลเป็นรูปดาวห้าแฉกกลับหัวที่หน้าผากมนก่อนจะกระชักร่างเล็กในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เช่นเดียวกับเด็กน้อยที่กอดตอบเขา

     

    “อเลน”

     

     

     

    *************************************************

     

     

    ...ฉันสงสัยจริงๆว่าปีนี้ เด็กคนนั้นจะโตขึ้นสักเท่าไรกันนะ?...

     

    “ทีกี้!” เสียงเรียกที่แสนคุ้นเคย ถึงแม้น้ำเสียงจะดูเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ก็ยังไพเราะราวกับระฆังแก้วไม่เปลี่ยนแปลง ดังขึ้นทักทายชายหนุ่มที่กลับมาเยือนเมืองแห่งนี้อีกครั้ง หลังจากไม่ได้มาเยือนถึง 5 ปี พร้อมกับร่างของเด็กน้อยที่ในตอนนี้น่าจะอายุราวๆ 10 ปี วิ่งมาทางเขาด้วยรอยยิ้มซึ่งร่างเล็กที่วิ่งมาต้อนรับเขานั้น ทำให้เขายิ้มด้วยความดีใจซึ่งเป็นรอยยิ้มที่พบเห็นได้ยากนักจากชายผู้นี้

    “ปีนี้คุณกลับมาเร็วกว่าเมื่อก่อนอีกนะครับ... ระหว่างที่คุณไม่อยู่น่ะ ผมโตขึ้นเยอะเลยนะครับ แต่ก็ยังสูงไม่เท่าคุณสักทีแหะ” ร่างเล็กพูดยิ้มๆ

    “หืม?” ชายหนุ่มมองด้วยใบหน้าครุ่นคิดก่อนจะเลิกคิ้วจนอเลนรู้สึกแปลกๆ

    “อะ...อะไรหรอครับ?” ร่างเล็กถามด้วยความสงสัย

    “ฉันว่า ยิ่งโตเธอยิ่งสวยนะ” ทีกี้พูด ทำให้ร่างเล็กหน้าแดงระเรื่อขึ้นมานิดๆ

    “นะ...นี่ คุณอย่าแหย่ผมเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกนะ!” อเลนพูดโดยใบหน้าที่ยังขึ้นสีระเรื่อ

    “มันไม่ใช่เรื่องโกหกเสียหน่อย  ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้มันเป็นเรื่องจริงและมันทำให้ฉันตกหลุมรักเธอซะด้วยซ้ำ” ทีกี้พูดด้วยรอยยิ้มพลางลูบหัวร่างเล็กซึ่งคำพูดของชายหนุ่มนั้นทำให้อเลนเบิกตากว้างด้วยใบหน้าที่ยังคงแดงระเรื่ออยู่ก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ทีกี้

    “จริงๆนะ...ผมดีใจที่สุดเลย” อเลนพูดพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

    “เฮ้ มันจะดีมั้ยนะถ้าฉันจะพักที่โรงแรมแถวๆบ้านเธอในวันนี้? มันคงจะวิเศษมากๆเลยล่ะ ถ้าเธอจะมาคุยกับฉันที่โรงแรม แต่เธอน่าจะกลับไปขออนุญาติพ่อแม่ของเธอก่อนนะ...เดี๋ยวพอเธอหายไป ฉันจะกลายเป็นโจรขโมยเด็กซะเปล่าๆ” ทีกี้พูดยิ้มๆด้วยน้ำเสียงเป็นสบายๆ...แต่คับคลายคับคราจะเชิญชวน...พลางดันหลังให้อเลนกลับบ้านไปก่อน

    “ครับ” อเลนขานรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะวิ่งกลับบ้านไป

     

     

    *****************************************************

     

     

    “ป๊ะป๋า! หม่าม้า ! ทีกี้เขากลับมาพักที่เมืองนี้แล้วฮะ”

    หลังจากกลับมาบ้านนั่นก็เป็นประโยคแรกที่อเลนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ

    “จะเป็นอะไรมั้ยฮะ? ถ้าผมจะขอไปหาทีกี้ที่โรงแรมน่ะฮะ” อเลน รีบขออนุญาตพ่อแม่ทันทีด้วยความตื่นเต้นราวกับเด็กที่ขอพ่อแม่ไปค้างบ้านเพื่อนก็มิปาน...

    “จริงๆมันก็ไม่มีปัญหาหรอกนะลูก” ผู้เป็นแม่ที่ดูเหมือนจะท้องได้ราวๆ 7-8 เดือน พูดเป็นเชิงอนุญาติด้วยรอยยิ้มทำให้ อเลน กระโดดกอดผู้เป็นแม่ด้วยความระมัดระวังกลัวน้องที่ยังไม่เกิดจะได้รับความกระทบกระเทือน อย่างดีใจ

    “อย่าสร้างปัญหาให้คุณทีกี้เขานะลูก” ผู้เป็นพ่อพูดพลางก้มลงหอมแก้มอเลน

    “และอย่าสร้างปัญหาให้คนที่โรงแรมด้วยเช่นกันนะจ๊ะ” ผู้เป็นแม่พูดพลางก้มลงหอมแก้มอเลนอีกข้าง

    “ขอให้โชคดีนะ อเลน” แม่พูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเช่นเดียวกับพ่อทำให้อเลนยิ้มตอบ

    “ครับ” อเลนตอบด้วยรอยยิ้มสดใส

     

     

    *************************************************

     

     

    เวลาผ่านไปจนกระทั่งยามเย็นมาถึง

     

    “ยินดีต้อนรับ! โอ้ว? นั้นอะไรน่ะ?” ทีกี้กล่าวทักทายแขกที่เขานัดไว้เมื่อเขาเปิดประตูให้ร่างเล็กเดินเข้ามาซึ่งในมือของร่างเล็กถือหม้ออยู่ใบหนึ่ง

    “มันเป็นของฝากน่ะฮะ  จนถึงตอนนี้คุณยังไม่ได้กินอาหารเย็นเลยนี่ฮะ จริงมั้ย?” อเลนตอบยิ้มๆพลางวางหม้อใบนั้นลงบนโต๊ะหลังจากทีกี้ปิดประตูแล้ว

    “ดูน่ากินดีนี่” ทีกี้ที่เดินเข้ามาดูของที่อยู่ในหม้ออุทาน

    “มันเป็นอาหารจานโปรดของหม่าม้า น่ะฮะ” อเลนพูดอย่างภาคภูมิใจเพราะสำหรับเขาแล้ว อาหารฝีมือคุณแม่นั้นอร่อยที่สุดแล้ว

    อเลนจัดการเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งรอในขณะที่ทีกี้กำลังยกหม้ออาหารเย็นวันนี้ไปอุ่น

    “นี่ทีกี้ ช่วยเล่าเรื่องการเดินทางของคุณให้ผมฟังหน่อยสิฮะ ไม่มีเรื่องน่าสนใจอะไรเลยหรอ?” อเลนถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น แววตาเป็นประกายราวกับเด็กๆ...แต่ก็ยังเด็กจริงๆนั้นแหละนะ...ซึ่งใบหน้าใสซื่อที่กำลังยิ้มรอคำตอบจากชายหนุ่ม แววตาเป็นประกายออดอ้อนนิดๆ...ช่างดูน่ารักน่าก(อ)ด เสียจริง...แต่เหนืออื่นใดก็คือ...น่ากินกว่าอาหารเย็นที่กำลังจะอุ่นนี้เสียอีก...

    “มีเรื่องน่าสนใจตั้งเยอะแยะ แล้วเธออยากฟังเรื่องเกี่ยวกับอะไรล่ะ?” ทีกี้ถามโดยไม่หันมามองอเลน

    “อืม~ เรื่องอะไรดีนะ มันเลือกยากเหมือนกันนะ” อเลนนั่งพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมือทั้งสองข้างประคองใบหน้าตนเองเหมือนรอฟังทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะฟังเรื่องเกี่ยวกับอะไรดี

    “ถ้างั้น...เอาเป็นเกี่ยวกับเรื่องน่ากลัวเป็นไง” ทีกี้พูดขึ้นทำให้อเลนสะดุ้งเมื่อบรรยากาศมันดูเย็นลงแปลกๆ ซึ่งร่างเล็กไม่ทันสังเกตว่าชั่วแวบหนึ่งนั้น ร่างสูงแอบยิ้มด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวถึงขั้นน่าสยดสยอง...แต่ก็แค่แปบเดียวเท่านั้น

    “เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับอาคุม่ามั้ยอเลน?” ทีกี้เริ่มถามขณะที่กำลังตักอาหารใส่จาน

    “ปีศาจงั้นหรอ?” อเลน ถามกลับ

    “ไม่ใช่ปีศาจ  อาคุม่า ต่างหาก เมื่อไม่นานมานี้มีผู้โชคร้ายที่กลายเป็นเหยื่อของอาคุม่าเพิ่มขึ้นไปทั่วโลก...ต้องขอบใจอาคุม่าที่ทำให้ผู้คนตายเป็นจำนวนมาก” ทีกี้เล่าโดยที่เขาแอบซ่อนรอยยิ้มที่แสนน่ากลัวไว้ไม่ให้อเลนได้เห็นในขณะที่เขาเล่าเรื่อง

    “ลักษณะของ อาคุม่า มันเป็นยังไงหรอฮะ?” อเลนถาม สีหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกกลัวเล็กน้อย

    “หืมม~ พวกเขาไม่ใช่มนุษย์หรอกนะ แต่พวกเขาก็เป็นมากกว่าสัตว์ประหลาดหรือปีศาจเหมือนกันนั้นแหละ” ทีกี้ตอบ

    “สัตว์ประหลาด?! หมายความว่าพวกเขาเป็นมากกว่าหนึ่งอย่างงั้นหรอ?!” อเลนถามด้วยความตกใจจึงเผลอขึ้นเสียงไปนิดหน่อยแต่ทีกี้ก็ไม่ได้ว่าอะไร

    “พวกเขาเป็นมนุษย์เช่นกันแต่ข้างในนั้นไม่ใช่...ที่จริงฉันก็ไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดหรอกนะเพราะว่าในชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเห็นพวกนั้นจริงๆสักครั้ง” ทีกี้หันมาตอบพลางอธิบายด้วยรอยยิ้มปกติ...แต่ใครจะรู้กัน...ว่าความจริงแล้ว...ชายหนุ่มนั้นโกหก...เพราะว่าตัวเขานั้น...เคยเจออาคุม่ามาก่อน...แถมบ่อยเสียด้วย...

    “เธอจะทำยังไงถ้าฉันถูกฆ่า?” ทีกี้ถามขึ้นพลางวางจานอาหารตรงหน้า อเลน

    “ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น!! คุณไม่ควรพูดถึงมันเพราะไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไร!!” อเลนพูดด้วยความไม่พอใจ ดวงตาสีเงินคู่สวยมีน้ำตาคลอนิดๆ ซึ่งสิ่งที่อเลนพูดทำให้ทีกี้เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยก่อนจะกลับมาทำสีหน้าปกติ

    “ไม่ต้องร้องไห้หรอกนะ มันเป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้นเอง” ทีกี้บอกด้วยรอยยิ้มพลางหัวเราะในลำคอ

    “ทีกี้?” อเลนพึมพำชื่อของร่างสูงในขณะที่มือหนาของชายหนุ่มเอื้อมมาเช็ดหยาดน้ำใสที่หางตาให้ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นจับที่ใบหน้าสวยอย่างอ่อนโยน

    “ขอโทษนะ” ทีกี้พูดก่อนจะก้มใบหน้าของตนลงไปหาใบหน้าสวยของ อเลน จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา มือหนาที่เคยจับใบหน้าสวยเคลื่อนไปจับที่ท้ายทอยแท้ อเลนเบิกตากว้างกับสัมผัสที่ได้รับ ใบหน้าสวยเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ แต่ก่อนที่อะไรๆจะมากไปกว่านั้น ทีกี้ก็ผละออกไปเสียก่อน

    “ทีกี้?” อเลน เรียกคนตรงหน้าเสียงพร่า ชอนตาขึ้นมองร่างสูงที่ผละออกไปส่งยิ้มให้เขาอย่างเช่นเคย มือหนาที่เคยอยู่ที่ท้ายทอยเคลื่อนกลับมาจับที่พวงแก้มที่ในตอนนี้ขึ้นสีแดงระเรื่ออีกครั้งในขณะที่มือของร่างเล็กนั้นสัมผัสทาบทับอยู่ที่ฝ่ามือบนพวงแก้มของตน แต่พอมามองดูดีๆแล้ว...ใบหน้านวลที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ...ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่ม...ดวงตาสีเงินที่ปรือมองตัวเขาโดยที่ดวงตาคู่สวยนั้นยังคงมีน้ำตาคลออยู่...แถมร่างเล็กยังมีอาการหอบนิดๆ...ช่างน่าลิ้มลองเสียจริง...

    “เอาล่ะ ไปกินกันได้แล้วมั้ง” ทีกี้เบือนหน้าหนีพลางพูดเปลี่ยนเรื่องเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้น

    ร่างเล็กมองทีกี้ด้วยความสงสัยแต่สายตาที่มองมานั้น ผสมปนเปไปด้วยความผิดหวังนิดๆ ออดอ้อนหน่อยๆ สงสัยน้อยๆ โดยที่ใบหน้าสวยนั้นยังคงเป็นสีแดงระเรื่ออยู่ซึ่งโดยรวมแล้ว ในสายตาของทีกี้ตอนนี้ อเลน ช่างยั่วยวนเสียเหลือเกิน

    “นั้นมันจูบแบบเด็กๆนี่ ทำไมตอนนั้นไม่จูบผมแบบผู้ใหญ่ล่ะ?” อเลนถาม สีหน้าแสดงความไม่พอใจนิดหน่อยทำให้ทีกี้อึ้งกับสิ่งที่ร่างเล็กถามนิดหน่อยก่อนจะยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก

    “นั้นมันเป็นเรื่องลามกและเลอะเทอะ เธออยากจะทำมันงั้นเหรอ?” ทีกี้ถามยิ้มๆพลางเชยคางมลให้ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมามองซึ่งสิ่งที่ชายหนุ่มพูด มันทำให้ร่างเล็กหน้าขึ้นสีหนักขึ้นกว่าเดิม

    “ไม่มีทาง!!” อเลนพูดด้วยความอายพลางปัดมือชายหนุ่มออกด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเสียยิ่งกว่าลูกเชอร์รี่เสียอีก

    “ฉันล้อเล่นน่า~” ทีกี้พูดอย่างอารมณ์ดีพลางหัวเราะกับอาการของอเลน

    “จริงๆเลย~ เพราะคุณเกเรแบบนี้แหละผมถึงไม่อยากให้คุณเห็นน้องน่ะ เดี๋ยวน้องจะติดนิสัยเสียๆของคุณเข้า” อเลนพูดราวกับตนนั้นเป็นผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่อเลนพูดนั้น มันทำให้ทีกี้เบิกตากว้าง รู้สึกราวกับหัวใจกระตุกวูบยังไงพิกลก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

    “น้องงั้นหรอ?” ทีกี้ถามก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

    “ใช่ เขาจะเกิดในเร็วๆนี้” อเลนตอบพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อนึกถึงน้องที่จะเกิดมาในไม่ช้านี้

    “ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆเลยฮะ ไม่รู้ว่าจะได้น้องชายหรือว่าน้องสาว...คุณว่ายังไงฮะ?  ผมว่าไม่ว่าจะอย่างไหนก็ดีหมดนั้นแหละฮะ มันคงจะดีนะถ้าเขาเกิดมาแข็งแรงน่ะ” อเลนยังคงพูดด้วยรอยยิ้มโดยหารู้ไม่ว่า ในใจของทีกี้นั้นกำลังคิดอะไรอยู่และรู้สึกเช่นไร

     

    ...อเลนกำลังจะมีครอบครัวใหม่...

    ...นั้นมัน...เกะกะสิ้นดี...

     

     

    *************************************************

     

     

    หลังจาก อเลนไปทานอาหารเย็นกับทีกี้ที่โรงแรม เขาก็กลับมาบ้านโดยที่ไม่รู้เลยว่า...นั้นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอหน้าพ่อแม่...

     

    ในค่ำคืนอันเงียบสงบของเมืองเล็กๆที่แสนสงบสุข...ได้มีบุรุษผู้หนึ่งย่างกายมาหยุดอยู่ยังหน้าบ้านของเป้าหมาย...ราวกับผีเสื้อที่มาส่งมอบความตาย...

    “โอ้ว  คุณคงเป็นคุณทีกี้สินะ?” หญิงสาวผู้มาเปิดประตูถามเมื่อพบกับผู้มาเยือนยามราตรีเช่นนี้

    “ผมรู้ว่าป่านนี้ อเลน คงหลับไปแล้ว แต่ผมมีสิ่งที่จะต้องทำ” ทีกี้พูดด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรแต่เพราะเหตุใดมิทราบ...บรรยากาศโดยรอบจึงดูหนาวเย็นเข้าไปทุกทีๆ...

    “สิ่งที่ผมจะทำนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับอเลน” ชายหนุ่มยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม...แต่รอยยิ้มของเขาเริ่มน่ากลัวเข้าไปทุกทีๆ

    “แต่สิ่งที่ผมจะทำคือจัดการกับ...เจ้านี้” ทีกี้พูดเสียงเหี้ยม มือหนาทะลุเข้าไปในท้องของหญิงสาว

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!

     

    หญิงสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทั้งตกใจและทรมาน ซึ่งความเจ็บนั้นรุนแรงจนถึงขั้นทำให้เธอกระอักเลือด

    “อา~ มันอยู่ตรงนี้ และมันแข็งแรงดี” ทีกี้พูดอย่างไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่เขากำลังบดขยี้สิ่งที่อยู่ภายในท้องของเธออย่างไร้ความปราณี

    “เกิดอะไรขึ้น?” ชายหนุ่มผู้เป็นสามีเดินออกมาดูเมื่อได้ยินเสียงกรัดร้องของภรรยา

    “ที่รัก...” หญิงสาวมีแรงพูดได้เพียงเท่านั้นเพราะเธอเจ็บปวดทรมานกับบาดแผลภายในเป็นอย่างมาก

    “ราตรีสวัสดิ์” ทีกี้พูดด้วยรอยยิ้ม แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูอันตราย ทั้งดูโหดเหี้ยมและน่ากลัว

    เหล่าผีเสื้อนับรอยนับพันตัวที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนบินล้อมรอบตัวชายหนุ่ม...ปีกสีดำของมันสลักลวดลายรูปร่างประหลาด และด้วยสีตัวที่ดำสนิททำให้พวกมันดูน่ากลัว...ราวกับมัจจุราชที่จะมากระชากลมหายใจ...

    “คุณพ่อ คุณแม่ ขอบคุณสำหรับการดูแล อเลน มาจนถึงตอนนี้  ฉันจะพา อเลนไปจากที่นี่ เพราะฉะนั้น...ลาขาดล่ะนะ เจ้าพวกตัวเกะกะ” ทีกี้พูดด้วยรอยยิ้มแสยะก่อนที่เหล่าผีเสื้อทั้งหลายจะบินเข้าใส่สามีภรรยาทั้งสองพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้น แต่เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น...เพราะพวกเขา...ตายแล้ว...กลายเป็นเพียงแค่ก้อนเนื้อให้เหล่าผีเสื้อได้กินเท่านั้น...

    “อ้าว! ฉันลืมขอบคุณพวกเขาเรื่องอาหารเย็นแหะ” ทีกี้อุทานเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยใส่ใจมันซะเท่าไร...หรือจะพูดให้ถูกก็คือ...เขาไม่ใส่ใจมันเลยต่างหาก...

    “โอ้ ช่างมันเถอะ”ทีกี้พูดอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินตรงไปยังห้องของเป้าหมาย ปล่อยให้เหล่าผีเสื้อ อร่อยอยู่กับก้อนเนื้อ โดยไม่ลืมปิดประตูบ้านพลาง ล็อกให้เรียบร้อย

     

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++

     

     

    ภายในตัวบ้านที่เงียบสงบ(?)...ในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง...มีร่างเล็กร่างหนึ่งกำลังนอนหลับอย่างสุขสบายโดยหารู้ไม่ว่า...สิ่งเลวร้ายกำลังคืบคร้านเข้ามาหาเขา...

    “อเลน”

    “...”

    “อเลน”

    “อือ...ที...กี้?” เสียงเรียกที่ดังขึ้นข้างๆหูทำให้ร่างเล็กตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา ซึ่งเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างเล็กก็พบกับชายหนุ่มผิวสีแทนนั่งยิ้มอยู่ข้างๆเตียง

    “หืม? ... ทำไม?” อเลนถามด้วยอาการตื่นเต็มตา

    “ ป๊ะป๋ากับหม่าม้าของเธอออกไปทำธุระนิดหน่อยน่ะ พวกเขาเลยให้ฉันมาดูแลเธอชั่วคราวก่อน” ทีกี้ตอบข้อสงสัยของร่างเล็ก

    “ว้าว~ งั้นพวกเราก็สามารถนอนด้วยกันได้น่ะสิฮะ” อเลนพูดด้วยความดีใจพร้อมรอยยิ้มอย่างไร้เดียงสา

    “ใช่” ทีกี้ตอบก่อนจะหอมแก้มนุ่มๆนั้นไปทีนึง

    “หึหึหึ แล้วเธอต้องการจูบราตรีสวัสดิ์หรือจูบแบบผู้ใหญ่ดีล่ะ?” ทีกี้หัวเราะในลำคอพลางถามกับเด็กน้อยตรงหน้าทำเอาร่างเล็กหน้าขึ้นสีกับคำถามทันที

    “ผมพูดจริงๆนะ ผมไม่ต้องการมัน” อเลนพูดด้วยใบหน้าแดงก้ำ

    “ตอนนี้ มันเป็นสิ่งน่าพอใจแน่นอนถ้าฉันทำมัน...จูบแบบผู้ใหญ่ ...มันเป็นเรื่องวิเศษ” ทีกี้พูดพลางสัมผัสที่ใบหน้าสวย ดวงตาสีอัมพันที่จ้องมองมาดูเร้าร้อนจนร่างเล็กรู้สึกหน้าร้อนผ่าว

    “เปิดปากของเธอซะ” ทีกี้สั่งพลางเชยคางมลให้ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมาสบตากับตน

    “อืม” อเลนทำตามที่ร่างสูงสั่งอย่างว่าง่าย

    ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าสวยจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย

    ลิ้มร้อนถูกส่งเข้าไปในโพรงปากเล็กที่เปิดอยู่ก่อนจะเริ่มบทจูบอันเร้าร้อนขึ้น...


    .
    .
    .


     

    “อะ...อ๊า!!” เสียงหวานครางสุดเสียงในจังหวะที่ร่างสูงสอดใส่เข้ามาครั้งสุดท้าย ดวงต่สีเงินคู่สวยหรี่ปรืออย่างอ่อนล้าก่อนจะผล็อยหลับไป

     

     

    *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

     

    ในยามเช้าที่ดูจะเงียบกว่าปกติของตัวบ้าน  ร่างเล็กร่างหนึ่งที่กำลังหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงนอนได้ลืมตาตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา แต่เมื่อมองมายังที่นอนข้างตัวกลับไม่พบร่างสูงผิวสีแทนนอนอยู่ ทำให้เด็กน้อยรู้สึกสงสัยปนรู้สึกประหลาดใจที่แม่ไม่ขึ้นมาปลุกเขาเหมือนทุกๆเช้าที่ผ่านๆมา

    “ทีกี้...ทีกี้!?” ร่างเล็กร้องเรียกหาร่างสูง แต่กลับไม่มีวี่แววของหนุ่มผิวสีแทน

    “ไปไหนของเขากันนะ?” ร่างเล็กพึมพำอย่างสงสัย ในส่วนลึกของจิตใจรู้สึกกลัวและกังวลขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

    อเลนเดินไปที่ประตูห้องที่เปิดแง้มอยู่โดยที่ตัวเขาใส่เพียงแค่เสื้อนอนที่ยาวจนคลุมถึงเข่าเท่านั้น

    “ที...!!!” อเลนที่กำลังจะเรียกหาทีกี้กลับพูดอะไรไม่ออก ดวงตาสีเงินคู่งามเบิกกว้างเมื่อเห็นสภาพบ้านหลังจากพ้นประตูห้องนอนออกมา

    สภาพบ้านที่เหมือนกับเกิดการต่อสู้ขึ้น ราวกับสนามรบแต่ที่แต่งต่างก็คือ...ทั่วพื้นบ้านนั้นเต็มไปด้วยรอยเลือด...รอยเลือดสาดกระเด็นเต็มไปทั่วพื้นบ้าน...กลิ่นคาวเลือดอบอวนไปทั่วจนแทบจะทำให้อยากอ้วก...และเหนืออื่นใด...

    “ป๊ะป๋า...หม่าม้า?” อเลน ช็อกกับภาพที่เขาเห็น เสื้อผ้าที่พ่อกับแม่ของเขาเคยใส่ ไม่เหลืออะไรเลย...นอกจากกองผ้าที่เต็มไปด้วยเลือด...จากสภาพของบ้านและสถานที่เกิดเหตุแล้ว...มันบ่งบอกได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น...เมื่อความคิดที่ว่าพ่อกับแม่ตายไปแล้วผุดขึ้นมาในหัว ดวงตาสีเงินคู่งามก็เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า ขาบางกำลังจะเดินเข้าไปใกล้ๆกับกองเสื้อผ้าเปื้อนเลือดนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทว่า...

    “อเลน!”...แต่ทว่าก็ได้มีเสียงหนึ่งเรียกเขาไว้ก่อนจะทันได้เดินเข้าไปใกล้ ซึ่งเสียงที่เรียกเขานั้นทำให้ร่างเล็กสะดุ้ง

    ทีกี้ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังร่างเล็กในสภาพเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ติดกระดุม แต่ถึงแม้ อเลนจะรู้ว่าคนที่เรียกเขานั้นเป็นใคร แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมองร่างสูง เขากลับเอาแต่มองกองผ้าเปื้อนเลือดพวกนั้นด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจ

    “นั้นมันเป็นฝีมือของ อาคุม่า เธอไม่ควรเข้าไปใกล้มันมากกว่านี้” ทีกี้พูดก่อนจะเดินมายืนข้างๆร่างเล็ก ดวงตาสีอำพันมองพื้นบ้านที่เต็มไปด้วยเลือดด้วยความรู้สึกสะใจแต่ใบหน้าของเขากลับเรียบนิ่งเพื่อไม่ให้เขาผิดสังเกต

    “อาคุม่า มีความสามารถในการจดจำใบหน้าของพวกเราได้ ถ้าพวกเรายังอยู่ที่นี่ พวกเราอาจถูกฆ่าตายทั้งคู่” ทีกี้พูดพลางแอบเหลือบตามอง อเลนที่ยังคงยืนสั่นอยู่

    “หนีกันเถอะ อเลน หนีไปด้วยกัน เพียงแค่เราสองคน” ทีกี้พูดพลางยกยิ้มขึ้นมานิดๆ

    ใบหน้าสวยหันมามองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งมากอดเขา

     

     

    ...ต่อจากนั้น...

    ...เด็กคนนี้...

    ...ก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งอื่นได้ นอกจากฉัน...

    ...เด็กคนนี้ไม่เหลือใครแล้ว นอกจากฉัน...

    ...เด็กคนนี้...อเลน วอคเกอร์...เป็นของฉัน









    ++++++++++++++++++++++++++++++++


    ฝากเม้มด้วยนะเจ้าคะ~
    และหวังว่าจะไร้ปัญหาใดๆนะเจ้าคะ =w=



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×