ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE Kingdom Guardian (หลากหลายเรื่องราวกับตัวละครทั้ง 14 )

    ลำดับตอนที่ #10 : Night and snow (DGM) : รัตติกาลที่ 1 : กำเนิดมังกรรุ่นใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 55







    The Guardian 14 : Tale of Dragon and comedian (Night and snow)

     

     

    Title: The Guardian 14 : Tale of Dragon and comedian (Night and snow)

    Author: His death glee
    Pairing: Kanda x Allen, Tykki x Allen, All x Allen
    Rating: NC-18
    Disclaimer:

    คาสึระ โฮชิโนะ

    Author notes: ฟิค เรื่องนี้ไรท์เตอร์มิได้เป็นคนเขียนแต่เป็นญาติของไรท์เตอร์ที่ใช้นามปากกาว่า His death glee ไรท์เตอร์เป็นเพียงเจ้าของบทความที่นำ ฟิคที่ไรท์เตอร์เห็นว่ามันสนุกมาลงเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าคุณญาติสุดที่รักของไรท์เตอร์นั้นอนุญาติ ถ้าเนื้อหาภายในมันเหมือนกับนักเขียนท่านใดก็โปรดรู้ไว้ว่ามันเป็นเพียงแค่เหตุบังเอิญเท่านั้น และเนื้อหาภายใน ฟิค เรื่องนี้นั้นจะเชื่อมโยงกับ ฟิค เรื่อง The Guardian 14 ซึ่งเนื้อหาภายในนั้นเป็นเพียงแค่ภาคอดีตหรือหนึ่งในเนื้อเรื่องใหญ่ของฟิคใหญ่เท่านั้น...ยิ่งอธิบายยิ่งงงแหะ...เอาเป็นว่า นี่เป็นเพียงอีกบทหนึ่งของ

    The Guardian 14 เท่านั้นเองแหละเจ้าคะ ฝากฟิค เรื่องนี้ด้วยนะเจ้าคะ~ =w=







    **************************************************************************

     

    ...ความรักคือสิ่งสวยงามและความสุขที่แสนอบอุ่น...พลังอันสูงทรงของผู้ที่รู้คุณค่าและเข้าใจมันดี...แล้วสำหรับฉันคนนี้...จะมีผู้ใด...มารักฉันและให้ฉันคนนี้รักบ้างนะ?...

    ...อโพซุลุส...หรือชาวการ์เดียน...

    ...บุตรหลานผู้สืบเชื้อสายของพระผู้เป็นเจ้า...

    ...ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และจงรักภัคดีของพระเจ้า...

    ...สิ่งมีชีวิต ที่วิญญาณเป็นเทพเจ้า สายเลือดเป็นของเทพเทวา ปีศาจและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ...

    ...หากแต่ดวงใจของพวกเขานั้น เป็นของมนุษย์...

    ...เกิดมามีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ ... รวมถึงความรู้สึกนึกคิดที่เหมือนมนุษย์...

    ...ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง...ว่าไม่ว่าเผ่าพันธุ์ใด...ในบางเวลา...มิได้มีความแตกต่างกันเลยสักนิด...

    ...ทุกข์เผ่าพันธุ์ ล้วนมีความฝัน ความรู้สึก...และ...มีความรัก...

     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     

     

    รัตติกาลที่ 1 : กำเนิดมังกรรุ่นใหม่

     

     

    ...โครม!!!ตูม!!!!...

     

     

     

    “อ่อนหัด”

     

    เสียงโครมครามและเสียงระเบิดดังขึ้นจนบ้านหลังเล็กๆหรือกระท่อมขนาดย่อมสั่นสะเทือน ทำให้สมาชิกนับ 10 จนเกือบร้อยคนของบ้านพากันวิ่งออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะทันได้ยินประโยคที่แสนจะเย็นชาจาก ...กาเบลีย... เด็กหนุ่มผมสีรัตติกาลยาวที่มีผ้าก็อตปิดตาข้างขวาไว้ยืนถือดาบอยู่  โดยที่บนพื้นหญ้าตรงหน้าเด็กหนุ่มมีร่างของเด็กหนุ่มอีกคนที่มีผมสีรัตติกาลยาวเช่นเดียวกับเขาแต่เด็กหนุ่มคนนี้ มัดรวบเป็นหางม้า...คันดะ ยู... กำลังนั่งหอบหายใจเลือดกลบปากอยู่บนพื้นหญ้า

    “ให้ตายเถอะ นี่พวกนายสู้กันอีกแล้วหรือ?”

    เช็คเกอร์เฟสชายหนุ่มผมสีทองที่ดูอายุมากที่สุดพูดอย่างเซ็งๆ โดยที่ในอ้อมกอดมีร่างของเด็กทารกตัวน้อยอยู่

    “มันท้าฉันเอง” กาเบลียพูดเสียงเรียบสั้นๆพลางใช้ดาบที่ถืออยู่ในมือชี้หน้าคันดะที่ใช้ดาบพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมายืนอย่างยากลำบาก

    “อึก...ตราบใดที่แกกับฉันยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ...การต่อสู้ของเราก็ยังไม่จบ” คันดะตั้งท่าเตรียมสู้อีกครั้งด้วยความยากลำบาก โดยที่ทั่วทั้งตัวมีแต่บาดแผลที่บ่งบอกว่า อีกฝ่ายไม่ได้อ้อมมือให้เขาเลยแม้แต่น้อย...แต่อาจอ้อมมือให้ก็เป็นได้...เพราะถ้าไม่อ้อมมือ...เขาคงตายไปแล้ว...

    “หึ...ตามที่แกต้องการ” กาเบลียแสยะยิ้มพลางตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้กับอีกฝ่ายจนพี่น้องคนอื่นๆที่พากันมายืนดูทั้งสองคนสู้กันเป็นรอบที่ล้านได้แล้วมั้งพากันถอนหายใจอย่างปลงๆ เพราะตั้งแต่ทั้งสองคนนี้อยู่ใต้ชายคาเดียวกันมา ไม่เคยมีเดือนไหน สัปดาห์ไหน หรือวันไหนที่ทั้งคู่ไม่สู้กันเพื่อวัดฝีมือ...แต่อันที่จริง มีเพียงแค่คันดะเท่านั้น ที่อยากจะสู้วัดฝีมือกับ กาเบลีย ในขณะที่เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้านั้น ไม่ค่อยชอบสู้กับคนในคอรบครัวสักเท่าไร หรือก็คือ เขาค่อนข้างเป็นคนรักสงบ...แต่พอมีคนมาท้าแล้ว...ด้วยความที่มีสายเลือดนักสู้ไหลเวียนอยู่ในร่างถึง 100% มีหรือ ที่เขาคนนี้จะปฏิเสธน่ะ...

    “เฮ้ยๆๆๆ นี่พวกนาย พวกฉันเพิ่งซ้อมรอยรั่วบนหลังคาเสร็จนะเฟ้ย  ขืนพวกนายสู้กัน พวกฉันก็ต้องซ้อมรอยร้าวบนกำแพงด้วยสิฟะ เผลอๆจะได้ซ้อมทั้งบ้านด้วยซ้ำ...เพราะฉะนั้น อย่าสู้กันเชียวนะเฟ้ย เดี๋ยวบ้านมันพัง!!!ไอ้บ้านหลังนี้ที่พวกเราอยู่และเหลืออยู่มันยิ่งเปราะบางอยู่นะเฟ้ย!!!!!!!!!!” ฟรานซิสโก้ เด็กหนุ่มผมสีเขียวเข้มจนเกือบดำที่เพิ่งจะซ้อมบ้านเสร็จได้ไม่ถึงวันตะโกนบ่นใส่เด็กหนุ่มทั้งสองที่กำลังจะสู้กันโดยมีเหล่าพี่น้องที่ต้องรับงานซ่อมบ้านไปทำคอยพยักหน้าเป็นลูกคู่อย่างเห็นด้วย

     

    “เสือก!! X2

     

    “...ขอโทษ คร้าบบบบบบบบ~ T^T

    ด้วยเสียงอันเย็นยะเยือกบวกกับรังสีอำมหิตที่ทั้งสองหนุ่มร่วมด้วยช่วยกันส่งมา ทำให้เหล่าพี่น้องที่ต้องรับหน้าที่ซ่อมบ้านกลัวจนขนลุกขนตั้ง พากันถอยหลังไปตั้งหลักอย่างช่วยไม่ได้...

    ...ก็ใครจะไปกล้าต่อกรกับทั้งสองคนนี้กันเล่า...

    ...หน้ากลัวยิ่งกว่าเพรชฆาตเสียอีก T^T~ ...

     

     

    ซ่า!!!~โครม!!!!!!~

     

     

    ...แต่ท่าทางจะมีอยู่คนนึงแหะ =_=^^...

    น้ำเย็นๆ สาดเข้าให้ที่ร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองและเหมือนจะจงใจเล็งที่หัวเสียด้วย...ทำให้ถังน้ำนั้น ครอบลงไปบนหัวดำๆของเด็กหนุ่มทั้งสองคนพอดี

    สมาชิกทุกๆคนในบ้านรวมถึงเด็กหนุ่มทั้งสองที่นำถังน้ำออกจากหัว หันมามองบุคคลผู้กล้าของบ้านที่กล้าหยุดตัวเพรชฆาตทั้งสองของบ้าน

    “อย่าทะเลาะกันสิคะ ป๊ะป๋า พี่ยู พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะ” สึนะ เด็กสาวผมสีน้ำตาลฟูฟ่อง นัยน์ตาสีน้ำตาลราวกับอัญมณี วัย 13 ปี สมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของบ้านพูดขึ้นซึ่งเธอก็คือคนที่กล้าขว้างถังน้ำใส่ตัวอันตรายทั้งสองนั้นเอง

     

     

     

    ชิ้ง~

     

     

    ...ความเงียบ เข้าปกคลุมบริเวณโดยรอบ...สายตาเย็นชาทั้งสองถูกส่งไปให้น้องเล็กของบ้านที่จ้องตอบกลับมาด้วยแววตาใสซื่อ...

    “เฮ้อ~” ทั้งสองคนถอนหายใจพร้อมกันก่อนจะเก็บดาบเข้าไปในร่างกายของตน (?) อย่างเซ็งๆแต่ก็ยังมิวายจ้องตากันด้วยสายตาคมกริบกะให้ดวงตาคมๆของตนนั้นฆ่าอีกฝ่าย

    “อย่าเปลี่ยนมาเล่นจ้องตากันได้ไม...รังสีทมิฬของพวกนายทำเอาพวกฉันจะอ้วกอยู่แล้วนะ อีกอย่าง ต่อให้ตาพวกนายคมแค่ไหน จ้องกันไปอีกฝ่ายมันก็ไม่ตายหรอก มีแต่จะท้องนั้นแหละ” เสียงกวนๆดังมาจากเด็กหนุ่มผมสีแดงเข้ม คล้ายเปลวเพลิงผสมเลือดนก นัยน์ตาสีทอง ... คิลเลี่ยน ราฟาเอล วินดิเช่ วอนวิทเท่นสไตน์ ไอนซ์แบร์น...ทำให้นักดาบทั้งสองหันมามองด้วยสายตาคมกริบดั้งมีดเฉือนเนื้อ

    “เฮ้ย!!อย่าหันมามองราฟสิ เดี๋ยวราฟท้องขึ้นมาพวกนายจะรับผิดชอบไม!” เสียงกวนๆอีกเสียงดังมาจากเด็กหนุ่มผมสีนิลที่มีบางกระจุกของเส้นผมเป็นน้ำตาลสลับสีขาวไปมาจนหัวของชายหนุ่มนั้นมีสีผมถึง 3 สีด้วยกัน...โจ๊กเกอร์... พลางทำท่าทำทางกังวลด้วยใบหน้ากวนๆจนเส้นเลือดบนขมับของสองหนุ่มนักดาบถึงกับปูดขึ้นมาแทบจะแตก

    “คนนะไม่ใช่ปลากัด” เสียงพึมพำเบาๆ...แต่ดังให้คนทั้งบ้านได้ยิน...ดังมาจากเด็กหนุ่มผมสีลวงข้าว สวมแว่นตาทรงเหลี่ยม...บาร์โทโลมิว...เข้ามาผสมลงโลง(?)กับพี่น้องพ้องเพื่อนอีกสองคนและสิ่งที่ทั้งสามคนนั้นได้รับตอบแทนกลับมาก็คือ...

     

    “พวกแกตาย!!!!!!!!

     

     

    คันดะกับกาเบลียพูดขึ้นพร้อมกันก่อนการไล่ฆ่าอย่างสนุกสนานของนักดาบหนุ่มทั้งสองที่เกิดความสามัคคีกันขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์(?)จะเริ่มต้นขึ้น ในขณะที่พี่น้องคนอื่นๆต่างพากันนั่งมอง ยืนมองอย่างเซ็งๆ

    “เฮ้อ~ ยังสนุกกันเหมือนเดิมเลย เนอะ แคส” เช็คเกอร์เฟสพูดยิ้มๆขณะหยอกล้อกับทารกน้อยในอ้อมแขน

    “หนูสนุกไม่ออกคะ” สึนะพูดก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นหญ้า เช่นเดียวกับพี่น้องคนอื้นๆที่พากันนั่งลงบนพื้นหญ้าเช่นเดียวกับเธอก่อนที่เธอแอบมองเช็คเกอร์เฟสหรือที่คนในครอบครัวเรียกกันสั้นๆว่าแช็คที่กำลังเล่นกับลูกน้อยวัย 1 ปีอย่างมีความสุข

    ...ถึงแม้พวกเราจะสูญเสียไปมาก...แต่พวกเราก็ไม่มีวันยอมแพ้...ในทางกลับกัน พวกเราจะก้าวเดินต่อไปและสร้างความสุขขึ้นมาใหม่...

    ร่างบางนั่งคิดไปพลางนั่งมองพี่ๆวิ่งไล่ฆ่ากันไปพลางโดยที่ตัวเธอหมดแรงที่จะลุกไปห้ามแล้ว...

    “ไม่ต้องเครียดหรอกนะสึนะ พวกนั้นก็แค่เล่นๆกันเท่านั้นเอง ถึงมันจะแรงไปหน่อยก็เถอะ” สกาย เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มจนดำ นัยน์ตาสีน้ำตาลทอง พูดขึ้นจากทางด้านหลังของเธอทำให้เธอหันไปมองพลางยิ้มกับรอยยิ้มอันอ่อนโยนและอบอุ่นที่เด็กหนุ่มส่งมาให้

    “ป๊ะป๋าสกายอ่านอะไรอยู่หรอคะ?” ร่างเล็กถามพลางคลานเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่อายุมากกว่าเธอหลายสิบปีหรืออาจร้อยปีด้วยซ้ำ

    “อ้อ  ประวัติศาสตร์กับอักษรศาสตร์น่ะ เห็นน้าแคลร์เขาเผลอเขียนรวมกันแล้วกะจะเอาไปทิ้งน่ะ ฉันเลยขอเก็บไว้เพราะเนื้อหาด้านในนั้นเป็นเรื่องจริงและเป็นองค์ความรู้ทั้งนั้น” สกายตอบพร้อมกับรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กหนุ่ม

    “งั้นหรอคะ งั้นหนูขออ่านด้วยนะคะ” สึนะตาเป็นประกายเมื่อเจอกับหนังสือน่าสนใจ แถมถ้าเธอไม่ค้นคว้าหาความรู้เข้าไปเพิ่ม แล้วแม่เอ็มเบอร์มาทดสอบพวกเธออีกแล้วเธอได้คะแนนไม่น่าพิสมัยล่ะก็...เตรียมตัวโดนลงโทษมหาโหดได้เลย

    “ได้สิ” สกายตอบก่อนจะจับเด็กสาวที่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วน่าจะอายุ 10 ปี ขึ้นมานั่งบนตักแล้วเปิดหนังสือให้เด็กน้อยอ่านเหมือนคุณพ่อเปิดหนังสือนิทานหรือหนังสือภาพให้ลูกน้อยอ่านดู

    ...ชีวิตของครอบครัวนี้ช่างสงบสุข...ถึงแม้จะมีกระท่อมหลังย่อมๆเป็นบ้าน...มีสมาชิกในครอบครัวจำนวน 64 คน...ทำงานหาเช้ากินค่ำเหมือนคนปกติทั่วๆไป...มีฟาร์มและไร่เล็กๆเป็นของตนเอง...แต่ต่างกันตรงที่พวกเขาไม่ใช่มนุษย์...บ้านก็หลังนิดเดียว สมาชิกในบ้านก็เยอะ...จนก็จน...แต่อย่างน้อย...

    ...พวกเขาก็มีครอบครัว...มีบ้าน...มีอาหารให้กินอิ่มทุกมื้อ...อยู่อย่างมีความสุข...และหวังจะให้มันอยู่เช่นนี้ตลอดไป...แต่ว่า...

    ...ใครๆก็รู้...ว่าถ้ามีสุข...ย่อมมีทุกข์...

    “นี่ๆ ถ้าพวกนายยังไม่เลิกวิ่งไล่จับกันล่ะก็ ระวังแม่เอ็มเบอร์กับพ่อวิลจะออกมาลงโทษพวกนายนะ”แช็ค พูดยิ้มๆพลางเล่นกับแคส หรือ คัสเทล น้อยในอ้อมกอด

    “ใช้ตาส่วนไหนมองมิทราบ ว่าเจ้าพวกนี้มันวิ่งไล่จับกันน่ะ...เห็นเอาดาบไล่ฟันกันแทบตาย...นี่ถ้าฝ่ายที่หนีโดนจับได้ ไม่ตายคามือกับคมดาบของพวกที่วิ่งไล่จับเลยรึ =_=^^...เสียงในใจของสมาชิกในบ้านกว่าครึ่งคิดอย่างหน่ายๆกับหนุ่มหัวทองที่ต้องเป็นพ่อม่ายเมื่อสูญเสียภรรยากับลูกสาวสุดที่รักไปอย่างน่าสงสาร...แต่ในตอนนี้กลายเป็นคุณพ่อลูกติดไปแล้ว...ส่วนลูกของเขานั้น...ไม่ได้เกิดมาจากหญิงอื่นใดหรือมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า...แต่ลูกของเขาในตอนนี้...เกิดมาจาก...พิธีชุบชีวิตมนุษย์...

    จากคำพูดของแช็ค ทำให้บรรดาเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งเล่นไล่จับ(ฆ่า)กันอยู่นั้น หยุดชะงักด้วยอาการขนลุกตั้งชันเมื่อนึกถึงใบหน้าของสาวใหญ่ผมสีแดงเพลิงผสมเลือดนกกับชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่มีผมกระจุกหนึ่งเป็นสีแดง

     

    ...สองบุคคลอันตราย...อย่าได้สร้างเรื่อง มิเช่นนั้น...เตรียมตัวทรมานกับ-beeb-...ได้เลย...

     

    ทั้ง 5 คนคิดในใจก่อนจะมองสบตากันซึ่ง 2 ใน 5 นั้นได้ฝากข้อความผ่านทางสายตาไปว่า

     

    ...ฝากไว้ก่อนเถอะพวกแก!!...

    ...ไม่รับฝากว่ะ/เว้ย/เฟ้ย...

     

    ซึ่งสามคนที่เหลือก็สบตากลับพร้อมกับข้อความทิ้งท้ายก่อนที่สองหนุ่มนักดาบจะเชิดหน้าอย่างสง่างาม(?)เดินหนีสามหนุ่มสุดกวนประจำบ้านไป

    “เฮ้อ~ ช่วงเวลาอันสงบสุข” แช็คเปรยออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวนั้นสุขีกับชีวิตแบบนี้มากเพียงไรราวกับคนแก่อายุมาก...

    “ใช่สุข...สุขมากเลยล่ะ...จะตายวันไหนก็ไม่รู้ สุขมาก =_=^^^^ สมาชิกส่วนหนึ่งในบ้านคิดในขณะที่อีกส่วนนั่งเล่นอย่างสุขกายสบายใจ

    “สุขสบายกันเสียจริงนะเด็กๆ” เสียงเย็นๆดังมาจากสาวผมสีแดงเพลิงผสมเลือดนก...เอ็มเบอร์...แม่หญิงที่สมาชิกหลายๆคนในบ้านยำเกรง

    “บรึ๋ย~ ลางร้ายมาเยือน~ทุกๆคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ คิดตรงกันอย่างสามัคคี (?) และพากันหนาวสันหลังเมื่อบังเอิญไปจ้องสายตาเย็นๆของแม่คุณที่ถึงแม้สีตาจะร้อนแรงเพราะเป็นสีแดงอมทองแต่พอมองจากความรู้สึกแล้วมันกลับเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือยันขั้วโลกใต้เสียอีก

    หญิงสาวปรายตามองสมาชิกหนุ่มสาวในครอบครัวด้วยสายตาเย็นเฉียบก่อนจะหยุดสาตาเย็นๆของเธอที่เด็กหนุ่มผมสีนิลยาวมัดเป็นหางม้าและเด็กหนุ่มผู้โชคร้าย(?)คนนั้นก็คือ...คันดะ ยู...นั้นเอง

    “ยู” เสียงเย็นๆเรียบๆและทรงอำนาจดังมาจากริมฝีปากเรียวอิ่มสีซากุระของหญิงสาวพาให้หนุ่มสาวทั้งหลายพากันสะดุ้งขนลุกพลางหันไปมองเจ้าของชื่อเป็นตาเดียวกัน ผิดกับเจ้าของชื่อที่ยื่นนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ...แต่ในใจนั้นผิดกับภายนอกที่ดูสงบนิ่งปนเย็นชาริบลับ...

    “ตามฉันมา” เอ็มเบอร์พูดก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านปล่อยให้สมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในที่นี้สงสัยกับการปรากฎตัวของคุณเธอ

    “ยู รีบตามแม่ไปสิ” ราฟาเอล หรือที่สมาชิกคนอื่นๆในบ้านเรียกสั้นๆว่าราฟเร่งคันดะที่ยืนนิ่งอยู่กับที่เพื่อไม่ให้แม่ของเขาต้องเคือง ปะเดี๋ยวเพื่อนของเขาคนนี้จะเจอสายตาของคุณแม่สุดที่รักแผดเผาให้กลายเป็นธุลี(?)

    “รู้แล้วน่า!!!” คันดะตอบห้วนๆก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ตามเอ็มเบอร์ที่นำไปก่อนแล้ว

    เมื่อเอ็มเบอร์และคันดะไปพ้นรัศมีแล้ว สมาชิกทุกๆคนในที่นี้จึงมาสุมหัวนั่งคุยกันถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไป

    “ฉันว่ายูมันตายแน่ๆ” บาร์โทโลมิวแสดงความคิดเห็นหน้าตาย

    “แต่พี่ยูเขายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ แล้วแม่เอ็มเบอร์จะฆ่าพี่เขาทำไมล่ะคะ?” สึนะถามอย่างใสซื่อ

    “เฮ้ย โทรจองโลงศพเลยมั้ยวะ?” ฟรานซิสโก้พูดขึ้นพร้อมกับโทรศัพท์มือถือในมือที่เตรียมตัวจะกดโทรออกได้ทุกเมื่อ

    “มั่นใจจังเลยนะคะว่าพี่ยูเขาจะต้องตายน่ะ” สึนะพูดอย่างปลงๆในขณะที่พวกบางพวก(?)เมินเฉยต่อสิ่งที่เธอพูด

    “เฮ้ย! โทรได้ไงวะ เปลืองเงิน ทำโลงศพเองเลยดีกว่า หรูพอให้ยูนอนหลับอย่างสุขสบายไปทั้งชาติเลยนะเฮ้ย” เฮนรี่ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลมอง นัยน์ตาสีน้ำตาล พูดอย่างสนุกสนานจนเด็กน้อยของบ้าน(?)เริ่มจะเข้าใจขึ้นมานิดๆแล้ว...

    “นี่พวกพี่คิดแบบนั้นจริงๆหรือจงใจแช่งพี่ยูเขาคะ?” สึนะถามขึ้นอย่างใสซื่อ...แต่มันตรงประเด็นจนทั้งสามที่เปิดประเด็นเมื่อครู่หันมามองยิ้มๆ...

     

     

    แช่ง”

     

     

    ทั้งสามตอบพร้อมกันอย่างไม่ต้องคิดอะไรเพราะมันคือความจริง

    “เจริญ...เยี่ยมมาก...ขอบใจที่บอกหลังจากพวกนายคุยกันเหมือนเป็นเรื่องใหญ่เสียนาน” ฟาเธอร์ เด็กหนุ่มผมสีทองอ่อน นัยน์ตาสีฟ้าอ่อน พูดอย่างประชดประชันจนสมาชิกบางคนของบ้านหลุดหัวเราะออกมานิดๆ

    “อย่าไปสนเรื่องที่มัน 3 ตัวพูดเลยน่า ยูไม่เป็นอะไรหรอก และฉันคิดว่าฉันรู้นะว่าแม่เรียกยูไปทำไม” ราฟพูดขึ้นทำให้ทั้งวงหันมามองเขาเป็นตาเดียว

    “ทำไมเหรอราฟ?” อเล็กซานโดร โอกะ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกาย ใบหน้าเรียวสวยดูมีเสน่ห์ ถามขึ้นด้วยความสงสัย

    “เรื่องของพวกตระกูลสัตว์ศักดิ์สิทธิ์น่ะ” ราฟ ตอบเสียงสงบนิ่งด้วยรอยยิ้มบางๆพลางจ้องมองท้องฟ้า ราวกับพ่อนกที่ได้เห็นลูกนกกางปีกโผบิน(?)

    “ถึงเวลาของเจ้านั้นแล้วสินะ” โอกะพูดอย่างเข้าใจดีเช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นๆของบ้านที่รู้ว่าสิ่งที่ราฟพูดนั้นหมายถึงอะไร...

     

    ...ช่วงเวลาแห่งวิวัฒนาการ...ถึงเวลาที่มังกรจะตื่นแล้ว...

     

    ***********************************************************************

     

    ภายในห้องสีเหลี่ยมขนาดเล็กพอประมาณที่ดูจะแคบสุดๆเพราะว่ามี...โต๊ะตัวหรูขนาดใหญ่...เก้าอี้บุนวมสีแดงกำมะหยี่ขนาดย่อม...โซฟาตัวยาวอีก 4-5 ตัวกับโต๊ะตรงกลาง...ดูยังไงๆก็ดูเหมือนห้องรับแขกสุดหรูในรูหนูดีๆนี่เอง...แต่นอกจากนี้...มันยังมีชั้นหนังสือกับหนังสือนับร้อยนับพันเล่มตามมุมห้องอีกน่ะสิ!!!!...

     

    ...ไม่ว่าจะมองดูอีกกี่ครั้ง...มันก็ยังดูแคบอยู่ดี...ยังกับห้องทำงานสุดหรูที่ถูกบีบอัดหรือไม่ก็ห้องรับแขกในรูหนูพิกล...

     

    “มาแล้วสินะยูคุง” เสียงทักดังมาจาก

    แคลร์ หญิงสาวผมสีขาว นัยน์ตาสีฟ้าที่นั่งอยู่ตรงโซฟาด้านหน้าเขาพอดี ทำให้คันดะตื่นจากภวังค์ที่กำลังวิจารณ์(?)ห้องทำงานของพวกผู้ใหญ่ของบ้านอยู่พอดี

    “ทำไมถึงเรียกผมมา?” คันดะถาม หลังจากเข้ามานั่งประจันหน้ากับแคลร์

    “มันถึงเวลาแล้วเด็กน้อย” แคลร์ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทำให้คันดะชะงักไปสักครู่ก่อนจะถอนหายใจ

    “ถึงเวลาแล้วสินะ” คันดะพึมพำ แต่เหล่าผู้ใหญ่ของบ้านนั้นได้ยินกันหมด

    “เธอน่าจะดีใจนะ...เพราะมันคือการก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่” บาร์ติเมอัส ชายหนุ่มผมสีนิล นัยน์ตาสีทอง พูดพร้อมยิ้มนิดๆแต่กลับดูดีและทำให้ชายคนนี้ดูหล่อเท่ห์ และดูลึกลับในเวลาเดียวกัน

    “หึ...มันก็ใช่...แต่ว่า...”คันดะพูด แต่ก็หยุดไป...แม้ใบหน้าคมนั้นจะเรียบนิ่ง แต่ในแววตานั้นกลับแสดงออกถึงความรู้สึกลำบากใจได้อย่างชัดเจน

    “คิดถึงพี่น้องงั้นหรือยู?” ไนท์ ชายหนุ่มผมสีดำอมน้ำตาลและขาว นัยน์ตาสีโลหิต พูดยิ้มๆเป็นเชิงหยอกล้อ แต่ใครจะรู้ ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง

    “...” คันดะเลือกที่จะเงียบ ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับคนปากจัดปากไวแบบ ไนท์ ถึงแม้จะมีอาชีพเป็นตัวตลก แต่ถ้าพูดอะไรไม่เข้าหู เขาก็กลายเป็นคนร้ายกาจได้เหมือนกัน...ทำเอาตลกไม่ออกเลยล่ะ...อีกอย่าง...เขาเถียงไม่เคยชนะชายคนนี้อยู่แล้ว...มีแต่ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดล่ะสิไม่ว่า

    ผู้ใหญ่ทั้ง 14 คนมองคันดะเป็นตาเดียวกันก่อนจะแอบไปอมยิ้มกันลับหลังสักพักแล้วหันกลับมาทำหน้าปกติกันต่อพลางคิดในใจพร้อมๆกัน...เจ้าเด็กปากแข็งเอ๊ย~...

    “เอาล่ะนะ เธอก็รู้แล้วสินะว่า นี่คือเวลาที่เธอจะพัฒนาพลังของตน...ซึ่งตามธรรมชาติของพวกตระกูลสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว  เธอจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งแล้วกลายเป็นมนุษย์ไปจนกว่า ดอกบัวนี้จะโรยราจนหมด” แคลร์อธิบายพลางยกนาฬิกาทรายที่ตรงส่วนบนนั้นมีดอกบัวสีชมพูอยู่

    “แต่ถึงจะกลายเป็นมนุษย์ พลังบางอย่างในตัวเธอก็ยังคงอยู่นะ” เบียทริก หญิงสาวผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้าสดใส พูดยิ้มๆ

    “หมายความว่ายังไงกันครับ?” คันดะถามด้วยความสงสัย

    “ก็ประมาณว่า...เธอยังคงมีพลังหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย อย่างเช่น พลังในการเรียกดาบออกมาจากร่างกาย พลังในการรักษาแผลอย่างรวดเร็ว แต่มันก็แล้วแต่น่ะนะ ว่าเธอจะหลงเหลือพลังส่วนไหนอยู่ในตัวหลังจากกลายเป็นมนุษย์ไปแล้ว” บาร์ติเมอัส อธิบาย

    “แต่มันก็ยังมีข้อห้ามอยู่อย่างหนึ่ง” แซมมาเอล ชายหนุ่มผมสีนิลนัยน์ตาข้างซ้ายสีฟ้า ส่วนอีกข้างมีผ้าสีดำคาดปิดไว้ พูดขึ้นจากเก้าอี้หัวโต๊ะ

    “ถึงแม้เธอจะกลายเป็นมนุษย์...แต่เธอก็ยังเป็นเชื้อสายของอโพซุลุส เชื้อสายของสาวกชองพระผู้เป็นเจ้าและพระผู้เป็นเจ้า...ถ้าเธอต้องการจะใช้พลังบางอย่างที่ไม่ได้มีในตอนเธอเป็นมนุษย์...กลีบดอกบัวจะโรยราเร็วขึ้น ...ผิดธรรมชาติของมัน และนั้นจะทำให้การเปลี่ยนแปลงของเธอทรมานขึ้น” แซมมาเอลอธิบายใบหน้าเรียบเฉย

    “หวังว่าเธอคงจะไม่เลือกวิธีที่แสนจะทรมานให้กับตนเองหรอกนะ” เอ็มเบอร์พูดขึ้นหลังจากนั่งฟังมาสักพัก

    “ไม่แน่นอนครับ” คันดะตอบเสียงเรียบ แต่เขากลับรู้สึกไม่มั่นใจเอาเสียเลย...ลางสังหรณ์มันร้องบอกเขา...ว่าเขาจะทำให้ดอกบัวโรยราก่อนเวลาของมัน...

    “ดี” เอ็มเบอร์พูด...ถึงจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคันดะต้องทำให้ดอกบัวโรยราเร็วกว่าเวลาอันควรก็ตาม...ถึงเธอจะเป็นห่วงเด็กคนนี้...แต่มันคือชะตากรรมของเขา...

    “งั้นอีก 3 วัน เธอค่อยออกเดินทางนะ...เดินทางไปยังสถานที่ ที่เรียกว่า ศาสนจักรแห่งความมืด และจงเป็น

    เอ็กโซซิสท์ เหมือนที่แม่กับพี่สาวของเธอเป็น” แคลร์พูดทำให้คันดะเบิกตากว้าง

    “ ส่วนเรื่อง อินโนเซนส์ เธอมีมันอยู่ในตัวแล้วสินะ” ราชา ชายหนุ่มผมสีรัตติกาล นัยน์ตาสีแดงถามขึ้นโดยที่คันดะพยักหน้าเป็นคำตอบ

    “เรารู้ว่ามันทำให้เธอรู้สึกปวดใจที่ต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ต้องทำให้นึกถึงครอบครัวที่ตายจากไป...แต่มันเป็นชะตากรรมของเธอนะยูคุง” เบียทริก พูดปลอบเมื่อเห็นแววตาเจ็บปวดของคันดะ

    “และก็...ถ้าเธอไปที่นั้น...เธอจะได้พบกับ...” ไนท์ ที่กำลังจะพูดบางอย่างออกมา เป็นต้องกล้ำกลืนคำที่เขาอยากจะพูดมานานออกมา...คำพูดพวกนั้นมันจุกอยู่ที่คอจนทำให้เขาทรมาน น้ำตาแทบจะไหล

    “จะได้พบกับหลานที่หายไปของ ไนท์ น่ะ” นูเบ ชายหนุ่มผมสีนิล นัยน์ตาสีโลหิต พูดแทนเพื่อนที่แทบจะร้องไห้เมื่อนึกถึงหลานที่ไม่เคยพบหน้าพบตาหลังจากที่น้องสาวของเขาเสียชีวิตไปเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว

    “แถมถ้าเธอไปที่นั้น ไม่แน่นะ...อาจได้พบว่าที่ภรรยาในอนาคตก็เป็นได้” บาร์ติเมอัสพูดขึ้นทำลายบรรยากาศตรึงเครียด ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับหน้าขึ้นสีไปนิดหน่อยทำให้ผู้ใหญ่ทั้ง 14 คนเผลอหัวเราะกับอาการของเด็กหนุ่ม

    “ก็นะ...ก็อย่างที่พูดไป ชะตากรรมต่อไปของเธออยู่ที่นั้น...และอีกไม่นาน โลกใบนี้จะเปลี่ยนไป โดยมีเธอเป็นหนึ่งในตัวแปร” ราชาพูดพลางยิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กหนุ่ม

    “ทั้งโนอา เอ็กโซซิสท์ จะกลายเป็นพวกพ้องเดียวกัน  โลกจะกลับมาสู่สมดุล ไม่ต้องทำลายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่อยู่ร่วมกันอย่างสันติเปรียบดั่งกับครอบครัวเดียวกัน นั้นคือสิ่งที่ เอเลน ฝันจะให้มันเป็นจริงมาตลอด ถึงเวลาที่พวกเราจะทำให้มันเป็นจริงแล้ว” ไนท์ พูดยิ้มๆเมื่อนึกถึงน้องสาวของเขาที่ไปเป็น เอ็กโซซิสท์ เพื่อสอดแนมและแสดงความคิดเห็นที่ว่า เอ็กโซซิสท์กับโนอาน่าจะเป็นพวกเดียวกัน...แต่ความฝันของเธอก็ไม่เป็นจริง...เมื่อชีวิตของเธอ สิ้นไปก่อนที่จะเริ่มทำอะไรสักอย่างเสียด้วยซ้ำ...

    “และการที่จะให้เป็นเช่นนั้นได้ ต้องพึ่งเธอนะยู” ไนท์พูดพลางจับไหล่เด็กหนุ่มพลางส่งรอยยิ้มจริงใจไปให้ ทำเอา คันดะอึ้งไปสักพักที่ชายคนนี้ ปกติกับเขา(?)เป็นด้วย

    “เอ้าๆ พ่อหนุ่ม ไปพักผ่อนเสียเถอะ ใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้กับครอบครัวให้คุ้มค่าเสียเถอะนะ” บาร์ติเมอัสพูดพลางจับลากคันดะไปทางประตูก่อนจะถีบส่งให้ออกไปนอกห้องแล้วปิดประตูเสียดังหลังจากนั้นก็ถอนหายใจราวกับโล่งอก

    “ไปแล้วสินะ” เอ็มเบอร์พึมพำ ราวกับพูดลอยๆ แต่ใครๆก็รู้ว่าเธอกำลังเริ่มเปิดบทสนทนา

    “คงลำบากหน่อยล่ะ” บาร์ติเมอัสเองก็พึมพำเช่นกันโดยที่เจ้าตัวนั้นยืนหันหลังพิงประตูอยู่

    “เด็กนั้นจะต้องทำให้ดอกบัวโรยราก่อนเวลาอันควรแน่ แล้วเจ้าเด็กนั้นก็จะ...” เอ็มเบอร์พูดพลางกัดริมฝีปากและกำมือแน่น

    “เป็นห่วงเขาสินะ เอ็มเบอร์” แซมมาเอลพูดขึ้นโดยที่เขานั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ที่หันไปทางหน้าต่างบานใหญ่ของห้องทำงานแห่งนี้

    “ไม่ใช่สักหน่อย!!!ฉันก็แค่...”เอ็มเบอร์พูดขึ้นแทบจะตะโกนเสียด้วยซ้ำ แล้วก็เงียบไปเพราะไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาอ้างเหตุผลเอง...และเธอก็ไม่อยากโกหกว่าเธอไม่ได้เป็นห่วงเด็กนั้น...

    “อย่าซึนได้มั้ยเอ็มเบอร์” นูเบ ชายหนุ่มผมสีนิล นัยน์ตาสีแดง พูดกับภรรยาของตนพลางเอามือก่ายหน้าผากกับนิสัยของภรรยาของตนก่อนจะโดนเท้าเรียวๆของภรรยาสุดที่รักกระทืบเข้าให้ที่เท้าหนาของตนจนเจ้าตัวต้องนั่งร้องซี้ดๆ ไปสักพัก แถมด้วยสายตาคมที่ปรายมองเพียงหางตากับการเชิดหน้าค้อนให้วงโต เป็นสัญญาณบอกเขาว่าต้องตามง้อเมียเสียแล้วสิ

    “เราทุกคนล้วนเป็นห่วงเขาทั้งนั้นแหละเอ็มจัง แต่มันคือชะตากรรมของเขา” แคลร์พูดขึ้นหลังจากพยายามกลั้นขำอาการของสองสามีภรรยาคู่นี้สักพัก

    “ยูเป็นเหมือนลูกของพวกเราคนหนึ่ง มันไม่แปลกหรอกที่พวกเราจะรู้สึกเป็นห่วงเขา” วิลลาร์ด ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มอมทอง มีผมกระจุกหนึ่งเป็นสีแดง นัยน์ตาสีทอง พูดขึ้นเสียงเรียบทำให้ แคลร์ ภรรยาสาวสุดที่รักของเขาหันมามอง แต่คนอื่นๆทำเพียงแค่เหลือบตาหรือปรายตามองเท่านั้น

    “พูดดีๆกับเขาก็เป็นนี่วิล” แคลร์แซวสามีของเธอยิ้มๆทำเอาชายหนุ่มหน้าขึ้นสีไปนิดๆ พลอยทำให้คนอื่นแอบหลุดหัวเราะกับอาการของหนุ่มหน้านิ่งไปด้วย

    “วงล้อแห่งชะตากรรมเริ่มหมุนวงแล้ว นี้เป็นอีกบทหนึ่งที่ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง” แซมมาเอลพึมพำพลางมองออกไปยังภายนอก...มองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ด้วยใบหน้าสงบนิ่งแต่ในใจนั้นกลับมีความกังวลอยู่ไม่น้อย

     

     

    ...นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น...โชคชะตาที่ต้องถูกแก้ไข...

    ...จะไม่มีอีกแล้ว...การต้องต่อสู้กับคนที่เรารัก...

    ...จะไม่มีอีกแล้ว...การสูญเสีย...

    ...จะไม่มีอีกแล้ว...ความทุกข์ทรมานใจ...

    ...เพราะการพบกันต่อจากนี้ จะเปลี่ยนทุกๆอย่าง...

    ...การพบกันของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้ากับตัวตลกของพระผู้เป็นเจ้า...

    ...การพบกันของ...รัตติกาลและหิมะ...














    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    ฝากเม้มด้วยนะเจ้าคะ =w=~


    กลับมาแก้ไขให้เข้าที่เข้าทางเจ้าคะ...กว่าจะโอนี้ก็นานเหมือนกันแหะเจ้าคะ













    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×