ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    * Cosette *

    ลำดับตอนที่ #1 : * Cosette * [Levi x Eren] Chapter 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 186
      2
      8 พ.ค. 58




    Chapter 1
     
     
     

    สายลมพัดเอื่อยๆในบรรยากาศช่วงบ่ายของวัน สีส้มของแสงอาทิตย์สาดส่องไปทุกแห่งหนของเขตชิน่า ผู้คนต่างเดินขวักไขว่ตามตรอกซอยของเมือง พร้อมกับบรรดาสารวัตทหารที่ต่างพากันเดินตรวจตราความเรียบร้อย บ้างก็นั่งสังสรรค์ บ้างก็พูดคุยสารทุกข์สุขดิบกับชาวบ้านที่เดินผ่านมา
     

    ด้านบนหลังคาของร้านขายผักที่กำลังตั้งตาขายวัตถุที่ค่อนข้างเก่าเก็บ เด็กหนุ่มสองคนกำลังนอนราบไปกับหลังคาสีส้มอ่อนอย่างสบายอารมณ์  เสียงบรรยากาศด้านล่างช่างเป็นเสียงขับกล่อมได้เป็นอย่างดี   เอเลนนอนผิวปากอย่างอารมณ์ดี  จนโดนคนที่นอนข้างๆเอ็ดไปหลายรอบ

     

    “ อากาศดีเนอะวันนี้ “   เอเลนกล่าวอย่างอารมณ์ดีพลางกระดิกเท้าที่กำลังไขว่ห้างกันอยู่  ริมฝีปากบางเริ่มผิวปากขึ้นด้วยความเคยชินพลางหลับตาพริ้ม

     

    “ วันไหนที่ไม่มีพวกไททันก็ดีหมดสำหรับฉัน “  

     

    “ เฮย์โจว !!! “    คนที่รู้ว่ากำลังโดนพาดพิงลุกขึ้นมาเอ็ดคนข้างๆ มือบางหันไปทุบรัวๆที่คนที่กำลังนอนอยู่ด้วยความโมโห จนรีไวล์ต้องพยายามหันตัวหนีฝ่ามือที่ดูบอบบางแต่ก็เจ็บเอาเรื่องเหมือนกัน  แถมเค้ายังหยุดขำไม่ได้ด้วยซ้ำ การได้แกล้งเอเลนให้โมโหมันน่าสนุกยิ่งกว่าอะไร

     

    “ ฉันไม่ได้ว่านายซะหน่อย ทำไมต้องร้อนตัวด้วย “  รีไวล์เริ่มยกยิ้มที่มุมปากพลางสายหน้าไปมาใส่เอเลนที่เริ่มเม้มปากด้วย ความโมโห คนอื่นจะรู้มั้ยนะว่าเวลาเอเลนออกอาการจะน่ารักได้ขนาดนี้……ให้ตายเถอะ


     

    จนสุดท้ายทั้งคู่ต้องกลับมานั่งชันเขาข้างๆกันเหมือนเดิม  รีไวล์ฟุบหน้าลงกับตัวเองเบาๆ พยายามจะสะกดรอยยิ้มของตัวเองไม่ให้เผยไปมากกว่านี้  … รีไวล์ได้แต่ย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าตอนนี้เค้าอยู่นอกสถานที่ ที่ที่ทุกคนสามารถจะเห็นการกระทำที่ส่อไปทางพิรุจได้   แต่ไม่วายที่จะช้อนสายตามองคนข้างๆที่นั่งอมยิ้มมองหน้าเค้าอยู่
     

     

    “ ผมเริ่มหิวแล้วนะรีไวล์ “   เอเลนเริ่มลูบท้อง ป่านนี้ได้เวลาอาหารเย็นของกองสำรวจแล้ว


     

    รีไวล์ได้มองเอเลนที่เริ่มบ่นเป็นครั้งที่สามแล้วว่าหิวข้าว ช่วยไม่ได้นิ เค้าอยากจะอยู่กับเอเลนให้มากกว่านี้ซักหน่อย แต่ก็ช่วยไม่ได้รีไวล์เองก็รุ้สึกว่าต้องหาอะไรเข้าท้องแล้วเหมือนกัน


     

    เอเลนลุกขึ้นก่อนจะก้มไปดึงแขนเสื้อเชิ้ตขาวให้ลุกขึ้นตาม รีไวล์คว้าเข้าที่เอวที่บาง แถมนิ่มเกินผู้ชายทั่วไป มือหยาบกระชับเอเลนให้กระชับมือ ก่อนจะที่มือบางจะสอดมาจับไหล่เค้าจากด้านหลังอย่างคุ้นเคย  รีไวล์หันมามองหน้าเอเลนเล็กน้อยก่อนจะยิงเครื่องสามมิติออกไป เป้าหมายคือพื้นดิน เพียงแค่วินาที รองหัวหน้าหนวยลาดตระเวนก็พากันลงมาถึงที่หมาย

     



    .
    .
    .
    .
    .
    ..
    .
    .
    ...
    ..

     

     

    “ อ้าวเอเลน ….นายหายไปไหน “ 
     

     

    เสียงใสของอาร์มินเอ่ยขึ้นพลางกำลังตักข้าวต้มใส่ถ้วยในมือ ทำให้คนอื่นๆหันไปให้ความสนใจกับเจ้าของชื่อที่กำลังเดินเข้ามาในห้องอาหาร หากใครสังเกตแล้ววันนี้ทั้งวันเอเลนแทบไม่ได้อยู่กับเพื่อนทหารรุ่นเดียวกัน เลยด้วยซ้ำไป
     

     

    “ ธุระน่ะ  นายก็รู้ช่วงนี้ฉันโดนเรียกไปไหนต่อไหนตลอด “  เอเลนตอบตามปกติพลางรับถ้วยอาหารจากแจนที่ถือมาเยอะมาก เค้าชินแล้วกับการต้องโกหกใครต่อใครว่าหายไปไหนมาตลอดระยะเวลาสามปีนี้
     

     

    มิคาสะบีบไหล่ของเอเลนเป็นเชิงทักทาย เอเลนยิ้มกว้างให้เธอเป็นเชิงทักทาย ช่วงหลังมานี้เค้าห่างเหินกับเธอมากเหลือเกิน  มิคาสะที่เค้ารู้จักเธอเป็นคนเข้มแข๊งเกินผู้หญิงทั่วๆไป สายตาคู่นั้นของเธอช่างสวยเกินผู้หญิงของไหนและก็เจือปนด้วยความเศร้า มากกว่าผู้หญิงคนไหนเหมือนกัน


     

    บรรดาทหารรุ่น  104 กำลังนั่งจับกลุ่มกินมื้อเย็นกันอยู่ที่โต๊ะตัวอย่างกลางโรงอาหารที่เป็น อาคารไม้แบบชั้นเดียว เนื่องจากจำนวนทหารที่มากขึ้น ทำให้จำเป็นต้องย้ายโรงอาหารที่อยู่ในตัวอาหารมาสร้างใหม่แบบชั่วคร่าวที่ลา นกล้างระหว่างอาคารพักอาศัยของทหารอย่างพวกเค้า กับอาคารพักอาศัยของบรรดารุ่นพี่หน่วยลาดตระเวนกับหัวหน้าเอลวิน  


     

    “ พรุ่งนี้ฉันกับนายต้องไปเข้าเวรที่กำแพงชั้นนอกนะเอเลน อย่าลืมซะล่ะ “   แจนกำลังกัดไก่ทอดชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ก่อนจะคว้าแก้วน้ำของอาร์มินมากินจนหมดแก้ว ผิดกับเอเลนที่ยังเขี่ยข้าวยังไม่ถึงครึ่งถ้วย  การแปลงร่างเป็นไททันสูญเสียพลังงานไปมากก็จริง แต่ก็ทำให้กินอะไรไม่ค่อยลงมากกว่าเดิม


     

    “ อื้ม ….  ฉันอิ่มล่ะ ขอตัวไปนอนก่อนนะ “  เอเลนยิ้มเจื่อนๆให้ทุกคนก่อนจะเบี่ยงตัวเองออกจากม้านั่งตัวยาว
     

     

    “ เดี๋ยวเอเลน ….. “   เสียงหวานพูดพร้อมกับคว้าแขนของเพื่อนสมัยเด็ก มิคาสะสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อของคนตรงหน้า อาจจะไม่บ่อยที่เธอได้สัมผัสร่างกายของคนที่เธอห่วงใย แต่รับรู้ได้ว่าร่างกายของเอเลนเริ่มบอบบางยิ่งกว่าเธอที่เป็นผู้หญิง
     

     

    เอเลนยกยิ้มให้มิคาสะเป็นเชิงถาม แต่เธอได้ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะปล่อยแขนของเอเลนให้เป็นอิสระ มิคาสะหันหลังกลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารเหมือนเดิม บรรยากาศบนโต๊ะเงียบลงแทบทันที มิคาสะที่ปกติแทบไม่พูดอะไรมากมายกับส่วนรวม พอได้เห็นเธอดูหัวเสียยิ่งไม่มีใครกล้าเอ่ยปากอะไร


     

    “ มิคาสะ …. “   เอเลยคราง

     

     

    “ เยเกอร์ “  เอเลนหันไปตามต้นเสียง เพียงแค่นั้นก็ทำให้ทุกคนบนโต๊ะรีบลุกขึ้นทำความเคารพ ไม่ใช่เพราะว่าไม่ได้เจอกันมานาน  แต่สำหรับหัวหน้าเอลวิน เป็นบุคคลที่เหล่าทหารทุกคนนับถือ ยิ่งกว่ากษัตรย์ ยิ่งกว่าหัวหน้ารีไวล์  และหัวหน้าเอลวินแถบไม่เคยลงมาทำความสนิทสนมกับทหารคนไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาอาหาร


     

    ด้านหลังข้างเอลวินขนาบมาด้วยรุ่นพี่ฮันซี่ที่อยู่ในท่าทางสบายๆกำลัง ยิ้มทักทายเค้าอย่างคุ้นเคย กับรุ่นพี่อีกสองคนที่เอเลนไม่สนิทด้วยเท่าไหร่  ด้วยความที่เอเลนมีความสามารถที่ค่อนข้างพิเศษทำให้โดนเรียกให้ไปอยู่กับ บรรดารุ่นพี่หน่วยลานตระเวนบ่อยจนนับครั้งไม่ทัน เพราะเหตุนี้ถึงสนิทสนมกับหัวหน้ารีไวล์เป็นพิเศษ


     

    “ สะ…สวัสดีครับหัวหน้าเอลวิน “   เป็นไรเนอร์ที่กล่าวคำทักทายด้วยความเคารพ เอลวินทักทายกลับเล็กน้อยตามประสาก่อนจะหันมามองหน้าคนที่เค้าเรียกทักเป็น ครั้งแรก
     

     

    “ ฉันแค่มาเยี่ยมเธอ เห็นฮันนี่บอกนายไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย..ช่วงนี้ “   


     

    มิคาสะหลี่ตาลงเล็กน้อย เธอไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่ได้ยินนักแต่ก็คงต้องนิ่งเอาไว้ก่อน  เธอบอกตัวเองเสมอว่าเอเลนไม่ใช่ของเธอ ยิ่งได้รู้ว่าเอเลนได้กลายเป็นไททัน เอเลนยิ่งกลายเป็นสมบัติของมนุษย์ชาติไปอย่างช่วยไม่ได้
     

     

    “ คือบางทีผมคงเพลียๆไปมากกว่า ไม่มีอะไรหรอกครับ ….  “  เอเลนก้มหัวเป็นการขอบคุณ ทั้งหัวหน้าเอลวินและรุ่นพี่ฮันซี่ แถมยังต้องจ๋อยโดนสายตาดุๆของมิคาสะที่มองมาทางเค้า  ทำไมเค้าช่างเป็นไททันที่น่าสงสารขนาดนี้กันนะ T T


     

    “ งั้นก็พักผ่อนเยอะๆ  รีไวล์เค้าเป็นห่วงนายมากนะรู้เอาไว้ “  เอลวินกล่าวทิ้งท้ายพลางตบไหล่ของเอเลนเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเพื่อทักทายทหารคนอื่น  ชื่อของหัวหน้ารีไวล์ทำเอาใจเต้นแทบผิดจังหวะ ห่างกันแค่ไม่ถึงสองชั่วโมงแค่ได้ยินชื่อก็ทำให้เค้าคิดถึงขึ้นมาอย่างบอก ไม่ถูก  …. หัวหน้ารีไวล์เป็นเหมือนยาเสพติดที่เสพเท่าไหร่ไม่เคยพอ


     

    “ หัวหน้ารีไวล์นี่เค้าดูเป็นห่วงพวกเรามากเลยนะ “  อาร์มินที่กำลังปลื้มกับคำของหัวหน้าเอลวิน ทำเอาแจนถึงกับรีบขัดคอ


     

    “ เพ้อเจ้อน่ะอาร์มิน … หัวหน้ารีไวล์โหดยิ่งกว่าปีศาส หัวหน้าก็พูดไปงั้นแหละ …… “


     

    “ กะ…ก็ “  ยังไม่ทันได้เถียง อาร์มินที่ตัวเตี้ยกว่าก็คนที่กำลังหมั่นไส้ล๊อกคอออกจากโรงอาหารไป พร้อมกับบรรดาเพื่อนพ้องคนอื่นๆที่เตรียมตัวกลับที่พัก  
     

     

    เอเลนที่โดนมิคาสะเมินใส่เล็กน้อยจำใจต้องเดินตามทุกคนไปตามทางกลับที่ พัก เพราะขืนหายไปตอนนี้คงยิ่งเป็นน่าสังเกตมากกว่าเดิม  ทุกคนโบกมืออำลากันตรงทางเข้าหอพักที่แยกชายหญิงเพื่อความเหมาะสม หลังจากที่ก่อนหน้านี้จับได้ว่ามีเรื่องชุ้สาวเกิดขึ้นห้องนอน เอลวินลงดาบให้มีการแยกห้องนอนเพื่อความปลอดภัย
     

     

    เอเลนคว้าข้อมือเล็กที่ดูมีกล้ามเนื้อมากกว่าตนเสียด้วยซ้ำ มิคาสะยกคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยอมหันหน้ากลับมาหาเอเลน   เด็กหนุ่มกวาดตามองบริเวณรอบตัวเล็กน้อย ก่อนจะจูงมิคาสะออกไปที่ด้านข้างของอาคาร บริเวณนี้เป็นตรอกเล็กแคบๆที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน เป็นทางเดินที่เค้าใช้บ่อยเวลาแอบไปหาหัวหน้ารีไวล์


     

    บรรยากาศเงียบสงัด แม้แต่แสงจันทร์ยังสาดส่องไปทั่วถึง บรรยากาศที่เคยอบอุ่นของเค้าทั้งคู่ในตอนนี้มันกลับเป็นเพียงแค่ความคุ้นเคย เอเลนได้แต่ยืนมองผู้หญิงตรงหน้าคนที่เค้ารักเปรียบเสมือนคนในครอบครัว กำลังยืนก้มหน้านิ่ง  เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเอ่ยคำไหนออกไปเพื่อให้เธอกับเค้าไม่เป็นแบบนี้


     

    “ นายรู้มั้ย ….. เราไม่คุยกันแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว “  มิคาสะยังเอ่ยเสียงเรียบ น้ำเสียงของเธอเจือปนด้วยอารมณ์โกรธเคืองและความน้อยใจ และเธอเลือกที่จะเก็บทุกความเศร้าใจไว้เพียงคนเดียว  เอเลนได้เพียงแค่ทอดสายตาให้ต่ำลง ตั้งแต่ที่รีไวล์เข้ามา ในหัวใจของเค้าก็แทบไม่เหลือที่ว่างให้กับใครหน้าไหนอีก


     

    “ ฉันรู้มิคาสะ ……. ฉันขอโทษ “  เอเลนรับรู้ได้ถึงเสียงสะอื้นของคนต้องหน้า แสงจันทร์ที่สาดส่องเค้ามาที่ใบหน้าของมิคาสะอย่างเลือนลาง มือหนาเอื้อมมือไปปาดน้ำใสๆที่ไหลอาบแก้มสวยของเธอ เลื่อนลงมาบรรจงช้อนใบหน้าของเธอเป็นเชิงปลอบ เอเลนรับรู้ได้ถึงร่างกายที่กำลังสั่นระลึกของผู้หญิงตรงหน้า


     

    เอเลนชั่งใจเล็กน้อย     ขาขวาไปเพียงเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมไปกอดไหล่บางให้เข้ามาในอ้อมกอด มิคาสะซุกหน้าลงตรงไหล่ของเค้า ร่างกายที่เหมือนจะเริ่มสงบกลับเริ่มสั่นขึ้นมากอีกครั้ง เอเลนรับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นที่ไหล่ขวา และแรงกอดที่แน่นขึ้นกว่าเดิม  มือหนายกขึ้นลูบเส้นผมสีดำขลับที่ซุกอยู่ในกับเค้า


     

    นานนับหลายนาทีที่ทั้งคู่ยืนกอดกันกลม  มิคาสะเริ่มหยุดร้องไห้ ไม่จำเป็นเธอไม่เคยอยากให้เอเลนเห็นเธอในสภาพแบบนี้  เอเลนส่งเสียงปลอบเธออยู่หลายครั้งจนหญิงสาวสงบลงได้


     

    “ เอเลน …. “ 


     

    เพล้ง !   ทั้งคู้ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรแตกจากที่ที่ค่อนข้างห่างไกล ภายในค่ายทหาร ไม่มีอันตรายอะไรให้น่าเป็นห่วง  แต่แค่เอเลนฟัง เค้าก็พอจะเดาออกว่าเสียงนั้นมันคืออะไร  แถวนี้เป็นที่ๆเค้ากับรีไวล์นัดพบกันค่อนข้างบ่อย ไม่แปลกใจ ถ้าจะรู้ว่าใครอีกคนมีอาการไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก


     

    “ เข้าห้องพักเถอะมิคาสะ อากาศเริ่มหนาวแล้วนะ “   เอเลนตัดสินใจตัดบทพลางเดินเข้าไปโอบเธอกลับไปตามทางที่มาเป็นเชิงบังคับ  มิคาสะบ่นอุบอิบเล็กน้อยแต่เธอก็ยอมเดินกลับห้องพักกับเอเลน หญิงสาวถึงกับก้าวขาแทบไม่ออกเมื่อโดนอ้อมแขนของใครบางคนโอบไหล่เธอเดินกลับ มาอย่างลืมตัว




     

        ………คืนเดือนมืดแบบนี้แสงจันทร์คงไม่เผยให้เห็นแก้มขาวนวลที่บัดนี้เริ่มขึ้นสีชมพูระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้

     

      ………. ฉันรักนาย เอเลน ………

     

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    ยามเช้าของวัน 

     

    ณ กำแพงชั้นนอก ฝั่งตะวันออก เขตชิน่า

     

     เอเลนเดินทอดน่องอยู่บนกำแพงชั้นนอกตามหน้าที่เวรยาม  แม้ตัวจะออกมาลาดตระเวน แต่ภายในหัวสมองกับยุ่งเหยิงอย่างหาคำตอบไม่ได้  มิคาสะที่เริ่มมาแสดงอาการแปลกๆใส่เค้าแบบเมื่อคืน ไหนจะหัวหน้ารีไวล์ที่น่าจะเห็นเรื่องเมื่อคืนและน่าจะกำลังโกรธเค้าอยู่ที่ ไหนซักแห่ง  แค่คิดเค้าก็เริ่มตีหน้ายุ่ง มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจ


     

    “ เป็นอะไรของนาย …. อยากกระโดดลงจากกำแพงหรอไง “


     

    เฮือก !  เสียงเข้มของคนที่เอเลนก็รู้ว่าใครดังมาจากด้านหลัง  เอเลนได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าแม้จะหันหลังไปมอง ริมฝีปากเริ่มเม้มเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิม เอเลนเกร็งตัวแน่น ปกติก็น่ากลัวอยู่แล้วแต่พอมาเจอแบบนี้ ยิ่งอยากจะใช้เครื่องสามมิติหนีออกไปหาพวกไททันยังจะน่ากลัวน้อยกว่า


     

    เสียงใบไม้ขยับตัวตามเสียงลม  เอเลนยังยืนนิ่งหันหลังให้อีกคนที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังแถมยังเดือดปุๆ


     

    “ เอเลน …. นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ  …….. ห๊ะ !!! “   รีไวล์เริ่มขึ้นเสียง อารมณ์ที่พยายามสะกดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเริ่มปะทุเดือด เค้าพยายามนับหนึ่งถึงร้อยเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองกระโดดลงไปประกาศกร้าวให้ ใครต่อใครรู้ว่าเอเลนเป็นอะไรกับเค้า แต่หน้าที่และเกียรติยศมันค้ำคอยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด


     

    “ ฮึก “    เอเลนเผลอกัดริ่มฝีปากล่างอย่างลืมตัว   เด็กหนุ่มตัดสินใจหันไปมองหน้าของคนรักอย่างช้าๆ จนต้องหลบสายตาจากตาคม รีไวล์เป็นคนอารมณ์ร้อนยิ่งกว่าใครแม้แต่ใครก็ห้ามไม่ได้ ยิ่งตอนนี้สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่ค่อนข้างหงุดหงิดเอามากๆ


     

    “ เฮย์โจว ….. คือผม “       ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำใดต่อ เอเลนก็รับรู้ถึงแรงปะทะที่ทำให้เค้าหงายลงไปนอนที่พื้นตามด้วยรีไวล์ที่ ขึ้นคร่อมพร้อมกับกระชากคอเสียงของคนใต้ร่างด้วยความโมโห  ใกล้จนแทบรับรู้ถึงลงหายใจร้อนที่กำลังอยู่ตรงหน้า รีไวล์แทบอยากจะก้มลงไปจูบริมฝากแดงช้ำอย่างน่าโมโห


     

    “ หรือนายจะให้ฉันมีอะไรกับนายซะตรงนี้ดีมั้ยเอเลน “  รีไวล์กระชากทีเดียว กระดุมเสื้อสามเม็ดบนของคนใต้ร่างก็ขาดออกอย่างง่ายดาย เอเลนรู้สึกได้ถึงแผนหลังที่ปะทะกับพื้นเย็นวาบ บ่อยครั้งที่เค้าต้องเจ็บตัวเพราะคนตรงหน้าเกิดโมโหขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


     

    “ ผมกับมิคาสะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ….. เราเป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้น “  เอเลนยันตัวเองให้เข้าไปสู้หน้ารีไวล์ ตาหวานเริ่มหลี่ตาใส่คนด้านบนที่ตอนนี้กลับดูน่าโมโหมากกว่าเดิม  


     

    รีไวล์ชั่งใจ  ก่อนจะลุกขึ้นผละออกมาจากสถานการณ์ที่ดูหมิ่นเหม่ เค้าก็ไม่ชอบตัวเองเหมือนกันที่ต้องมาหาโมโหใส่อารมณ์กับคนรักของตัวเอง แถมเดี๋ยวนี้เอเลนก็เถียงเค้าเก่งยิ่งกว่าเมื่อก่อน  รีไวล์เดินหนีออกมาจากวงสนทนา มือหยาบขยับไปที่เครื่องเคลื่อนไหวสามมิติ หันมามองหน้าเอเลนที่ยังนั่งชันเข่ามองมาที่เค้า  ดวงตาหวานของเอเลนเรียบเฉยเจือปนไปด้วยความเศร้าอย่างสัมผัสได้


     

    ทั้งคู่ไม่พูดอะไร จนสุดท้ายรีไวล์หายไปกับเครื่องเคลื่อนไหวสามมิติ ทิ้งให้อีกคนถึงกับต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่
    ไม่บ่อยที่เค้าทั้งคู่จะทะเลาะกัน แต่มันก็ทำให้เจ็บปวดใจแทบทุกครั้งที่โดนคนรักทำอะไรแบบนี้
     

     
    เอเลนทิ้งตัวเอนลงบนพื้นกำเพียงที่เย็นเฉียบ ปล่อยตัวเองให้จมดิ่งไปกับสายลมอ่อนๆ ในเวลาแบบนี้ไม่มีอารมณ์ที่จะมาเดินลาดตระเวลอะไรทั้งนั้น ร่างกายที่แทบไม่ได้สัมผัสกับอาหารในช่วงหลังทำให้รู้สึกอ่อนเพลียแทบตลอด เวลา  ก่อนที่เค้าจะรู้ตัวก็เผลอหลับตาพริ้มไปเสียแล้ว
     
     

     
     
     
    TBC .



     
     
     
    + + + + + + + + + + + + +
     
     
    หลังจากดูการ์ตูนอินเกิดบรรยายค่ะ นั่งแต่งแบบรัวๆ
    ขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่านกัน ยังไงก็ฝากเรื่องนี้อ้อมใจซักเรื่องนะคะ
    ขอบคุณมากค่ะ ^ ^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×