คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่2...เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย
“ค่ะ เลจะลองลงสองวิชานี้ดู” ฉันเป็นอะไรไปไม่รู้ ตอนนี้รู้สึกเหมือนหัวมันหนักยังไงไม่รู้ หน้าอวบแก้มใหญ่ ๆ ของฉันแทบจะยกไม่ขึ้น ร่างอวบที่เคยอวบอยู่แล้วตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันเหมือนจะพองขึ้นมาอีกเป็นทวีคูณ
“เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ...”พี่หนึ่งพูดพร้อมกับก้มลงมามองหน้าที่ก้มงุดอยู่ของฉัน
“ดูสิแก้มแดงไปหมดแล้ว ไม่สบายหรือเปล่าครับ” คราวนี้ไม่พูดอย่างเดียว พี่หนึ่งยังเอามือใหญ่แตะเบาๆตรงหน้าผากกว้างของฉัน
“ไม่ค่ะ เลไม่ได้เป็นอะไร เลสบายดีค่ะ”
“แน่นะครับ “พี่หนึ่งถามเพื่อความแน่ใจ แต่ใจฉันสิอยากจะบอกพี่หนึ่งเหลือเกินว่าอย่าก้มลงมามองหน้าฉันใกล้ๆแบบนี้ อีกเลย ไม่งั้นฉันคงจะหลุดอะไรในใจออกมาเป็นแน่
“เลสบายดี ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” ฉันหันหน้าหลบสายตาพี่หนึ่ง
“ดีแล้วล่ะครับที่ไม่เป็นอะไร แล้วน้องเลจะไปรับน้องอาทิตย์หน้าไหมครับ” อยู่ๆพี่หนึ่งก็เปลี่ยนเรื่องซะเฉยเลย ฉันแทบตามไม่ทัน
“ไปค่ะ “ฉันพูดพร้อมยิ้มตอบรอยยิ้มเขา
“ครับ แล้วเจอกันที่ระยองนะครับ” พี่หนึ่งพูดก่อนเดินจากไป ฉันยืนมองร่างสูงของเขาค่อย ๆ เดินออกห่างไป
“เล...”นิดส่งเสียงเรียก เพราะเห็นฉันยืนนิ่งมองรอยทางที่พี่หนึ่งเดินจากไป ฉันหันไปตามเสียงเรียก
“เป็นอะไรของแกวะ มองอะไรอยู่ได้”นิดเดินเข้ามาเกาะไหล่ฉัน
“เปล่าไม่มีอะไร ไปเราไปส่งใบลงทะเบียนกันได้แล้วเดี๋ยวไม่ทัน” ฉันพูดเพราะต้องการตัดรำคาญไม่งั้นเจ้าเพื่อนตัวดีพวกนี้คงต้องสักถามอะไรอีกวุ่นวาย
รถโดยสารคันใหญ่ทั้งสามคันมาจอดรอนักศึกษา เสียงเครื่องขยายเสียงแบบพกพาร้องเรียกให้นักศึกษาใหม่ที่มาถึงแล้วให้ขึ้นไปนั่งรอบนรถ เพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ารถจะออกเดินทางไปยังบังกะโลเล็กๆที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นที่จัดกิจกรรมรับน้อง ฉันก้าวขึ้นรถพร้อมเพื่อนอีกเก้าคนของฉัน พวกเราเลือกที่นั่งเกือบด้านหลังสุดของรถ ความจริงแล้วเป้าหมายของพวกเราคือการได้นั่งที่นั่งหลังสุด แต่ที่ไม่ได้เพราะที่ตรงนั้นมีรุ่นพี่จับจองไว้แล้วจดหมด
ฉันหันมองไปยังกลุ่มรุ่นพี่ท้ายรถ จริงๆก็ไม่หวังอะไร ก็เพียงแค่อยากดูว่ามีรุ่นพี่มานั่งรถคันนี้กี่คน เมื่อสำรวจครบทุกคนแล้วก็แค่เสียดายเล็ก ๆ ว่าพี่หนึ่งไม่ได้มาอยู่ในรถคันนี้ด้วย
“เล...มองหาใครวะ”เสียงหนึ่งในกลุ่มเพื่อนเก้าคนของฉันดังขึ้น แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงใคร
“ไม่ได้มองอะไร แค่ดูว่ามีพี่ ๆ มารถคันเดียวกับเรากี่คนเท่านั้น” ฉันตอบส่ง ๆ ไป ก่อนจะหันกลับมานั่งตัวตรงมองไปข้างหน้า เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
ตลอดระยะทางรุ่นพี่ก็ชักชวนรุ่นน้องให้ทำกิจกรรมต่างที่สามารถเล่นได้พื้นที่จำกัดในรถโดยสารคันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเกมร้องเพลงต่อคำ เกมส่งของเพลงหยุดที่ใครคนนั้นต้องออกมาแสดงตามคำสั่งของพวกพี่ รวมทั้งร่วมกันร้องเพลง บรรยากาศในรถสนุกสนานจนรถเดินทางมาได้ครึ่งทาง คนขับเลยจอดให้ผู้โดยสารลงทำธุระส่วนตัวกันที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง
หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ฉันและเพื่อน ๆ ก็รีบตรงไปยังร้านสะดวกซื้อชื่อดัง พวกเราเลือกซื้อขนม และน้ำเพื่อเอาไปตุนไว้ที่พักจนเหมือนจะย้ายไปอยู่ซักเดือน ทั้งที่เราไปพักที่นั่นแค่สองคืนสามวันเท่านั้น ฉันเดินเลือกซื้อของเพลินโดยไม่ทันได้สังเกตอะไรรอบข้าง จึงไม่รู้ว่ามีใครมายืนอยู่ข้างหลังเลย
“ซื้อเยอะจังนะครับ ให้พี่กินด้วยคนได้ไหมเอ่ย”
“คะ”ฉันหันไปตามเสียงนั้น ด้วยความเร็วของการหัน ประกอบกับระยะของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังทำให้ใบหน้าอวบ ๆ ของฉันชนเข้ากับแผงอกกว้างแข็งแรงของคนด้านหลังเข้าเต็มเปา
“อุ๊...”ฉันอุทานเบาๆเมื่อรู้สึกว่าหน้าไปสัมผัสเข้ามาแผงอกใครคนหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของแผงอกแข็งแรงนั้น ภาพคนตรงหน้าก็แทบทำให้ฉันล้มทั้งยืน พี่หนึ่งมาอยู่หลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ แล้วจากสภาพที่เราอยู่ด้วยกันตอนนี้ คนอื่นดูก็คงต้องเข้าใจผิดว่าเรากำลังกอดกัน (คิดไกลไปไม่เนี้ย) หรือถ้าเหล่าแฟนคลับของพี่หนึ่งมาเห็นก็ต้องเข้าใจว่าฉันเป็นฝ่ายซบอกกว้าง ๆ ของพี่เขาเป็นแน่ เพียงชั่วอึดใจฉันก็ได้สติ ฉันกระเด้งถอยหลังด้วยความเร็ว
“พี่หนึ่ง มาซื้อของหรือคะ” คำถามโง่ ๆ ออกจากปากฉันไปอย่าไม่รู้สึกตัว จะไม่ให้บอกว่าโง่ได้ไง ก็พี่เขาเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ ถ้าไม่ซื้อของแล้วเขาจะมาเข้ามาทำไมกัน โง่จริง ๆ ฉัน
“ครับ” พี่หนึ่งตอบสั้น แล้วเขาก็สำรวจบรรดาขนม นม เนย ที่อยู่ในอ้อมกอดฉัน ฉันสังเกตเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากของพี่หนึ่ง
“เปล่านะ เลไม่ได้ซื้อไปกินคนเดียวนะค่ะ เลซื้อไปแบ่งกับเพื่อน ๆ ค่ะ”
“ดีครับ งั้นซื้อไปแบ่งพี่ด้วยนะครับ” พี่หนึ่งยิ้มอีกแล้ว รอยยิ้มพิฆาตใจฉันนั้นทำให้ฉันตอบกลับไปแทบจะเป็นเหมือนอาการเพ้อ
“ได้ค่ะ” พี่หนึ่งเดินจากไปแล้ว แต่พี่เขาจะมาให้ฉันซื้อขนมไปแบ่งเขาได้ไงในเมื่อเขาไม่ได้นั่งมาคันเดียวกับฉันสักหน่อย
“น้อง ๆ ครับรถจะออกแล้วนะครับ เพื่อนใครยังมาไม่ครบขอให้แจ้งพี่ด้วยนะครับ” รุ่นพี่คนหนึ่งในรถของฉันตระโกนเสียงลั่น
ตอนนี้ฉันขึ้นมานั่งประจำที่ของตัวเองเรียนร้อยแล้ว สายตาคมของฉัน(คิดเองอีกแล้ว)มองสำรวจเพื่อน ๆ ว่ามาครบหรือยังแล้วตาคม ๆของฉันก็กวาดไปเจอกับใครคนหนึ่งเข้าเต็มๆ นั้นพี่หนึ่ง เขามาอยู่คันนี้ได้ไง นั้นยังส่งยิ้มพิฆาตมาให้อีก ดูสิไม่เห็นใจคนหัวใจจะวายบ้างเลยหรือไง ยังไม่พอพี่หนึ่งยังเดินตรงมาที่ฉันนั่งอีก ทำไงดีหัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเลย อายุฉันจะสั้นลงไหมถ้ายังมีอาการแบบนี้อยู่
“ไหนครับขนมที่ซื้อมาแบ่งพี่”
“คะ”คำตอบของคนตั้งตัวยังไม่ได้อย่างฉัน
“ขนมไง เลบอกว่าจะซื้อขนมมาแบ่งพี่ด้วยไงจำไม่ได้หรือครับ”พี่หนึ่งมีมาทวงขนมอีก
“ค่ะ เลจำได้ ทานด้วยกันสิค่ะพี่หนึ่ง”ฉันตอบพร้อมส่งขนมในถุงให้พี่หนึ่ง
“พี่ขอที่เลกินอยู่ได้ไหม ของชอบพี่เลยล่ะ” พี่หนึ่งหมายถึงขนมที่ฉันกำลังกินอยู่ในมือ พูดจบเขาก็แย่งขนมในมือฉันไป
“พี่ขอถุงนี้นะครับ ตามสบายครับทุกคน” ต้นประโยคฉันแน่ใจว่าเขาพูดกับฉัน แต่ท้ายประโยคนั้นเขาคงพูดกับเพื่อน ๆ ที่กำลังกินขนมกันอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แล้วพี่หนึ่งก็เดินกลับไป
ค่ำคืนนี้ท้องฟ้าสว่างด้วยแสงจันทร์สีนวล และประดับด้วยแสงดาวดวงเล็กกระจายเต็มผืนฟ้า ลมเย็นพัดเอื่อยต้องผิวกายให้พอรู้สึกสบาย เสียงคลื่นซัดเข้าทรายหาดเป็นละลอกเล็กลูกแล้วลูกเล่า คืนนี้เป็นคืนแรกของการเข้าร่วมการรับน้อง ตลอดทั้งวันพวกเราน้องใหม่ปีหนึ่งของคณะต้องผ่านการรับน้องจากรุ่นพี่ แต่ล่ะด้านที่รุ่นพี่จัดไว้ให้มีทั้งโหด มัน ฮา และน่าขยะแขยงปะปนกันไป เนื้อตัวเสื้อผ้าแทบจะไม่เหลือสภาพของตอนมาเลย แต่ฉันว่าถึงจะเหนื่อยแต่ก็สนุกดี ทำให้พวกเราได้รู้จักเพื่อน ๆ และรุ่นพี่เพิ่มอีกหลายคน และคืนนี้ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่รุ่นพี่เตรียมไว้ให้พวกเราน้องใหม่
“น้อง ๆ ปีหนึ่งทุกคนครับ พี่ ๆได้จัดงานรอบกองไฟนี้ขึ้นมาเพื่อให้น้อง ๆ และพี่ ๆ ทุกคนได้รู้จักและสนิทสนมกันให้มากขึ้น มีอะไรเราจะได้ช่วยเหลือกันตลอด 4 ปีในรั่วมหาวิทยาลัยนี้ ก่อนเริ่มกิจกรรมรอบกองไฟ ขอให้น้องๆ ทุกคนยืนล้อมวงกัน พี่ ๆ ทุกคนจะทำพิธีบายศรีผูกข้อมือให้น้องทุกคนครับ” พี่ปีสองร่างใหญ่คนหนึ่งพูดผ่านเครื่องขยายเสียงเป็นสัญญาณว่าพิธีเล่นรอบกองไฟกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ฉันยืนต่อจากหญิงเพื่อนร่างเล็ก ผมฟู แต่มีดวงตาคม ผิวสีน้ำผึ้งของฉัน พวกเราได้รับแจกเทียนไขคนล่ะเล่ม แล้วรุ่นพี่จึงค่อยเรียงแถวกันเข้ามาผูกข้อมือให้น้อง ๆ ที่ล่ะคน พร้อมทั้งกล่าวขอโทษที่ได้ทำกับพวกเราไปเมื่อกลางวัน ด้ายสีขาวถูกมัดหลวม ๆ ลงบนข้อมือฉันจนขาวโพลนเต็มข้อมือ แล้วรุ่นพี่ที่ฉันรอคอยก็มาถึง พี่หนึ่งเดินเข้ามาตรงหน้าฉัน เขาผูกด้ายลงบนข้อมือฉัน ฉันแทบยืนไม่อยู่ ทั้งเขิน ทั้งดีใจ แต่ทำไมสีด้ายมันไม่เหมือนของพี่ ๆ คนอื่นเขานะ ของพี่หนึ่งนะ เป็นด้ายหลายสีถักรวมกันเป็นเหมือนเปียสีรุ้ง ฉันสบตาอบอุ่นของพี่หนึ่งเพื่อรอฟังคำพูดของเขา
“พี่ขอโทษนะที่ทำไปเมื่อตอนกลางวัน แต่ที่ทำไปทั้งหมดเพราะพี่อยากให้เราสนิทกันเท่านั้นเอง พี่ขอโทษครับ” พี่หนึ่งยิ้มให้ฉัน แล้วขยับเดินไปผูกให้เพื่อนคนต่อไปของฉัน
ฉันยังมองพี่หนึ่งผูกข้อมือให้เพื่อน แล้วได้แต่คิดว่าที่พี่หนึ่งพูดนะไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นแฝงบ้างหรือ เขาจะมีความรู้สึกอยากสนิทกับเราเป็นพิเศษบ้างไม่นะ หรือแค่พูดไปตามบทที่เขาต้องพูด แล้วคำตอบก็มาตรงหน้าฉันพร้อมรุ่นพี่คนต่อไป
“พี่ขอโทษนะที่ทำไป เพราะพี่อยากให้พวกเรารู้จักแล้วก็สนิทกันก็เท่านั้นเอง พี่ขอโทษนะ” แล้วรุ่นพี่คนนั้นก็ผูกข้อมือให้ฉันก่อนจะเดินจากไป
หลังจบพิธีบายศรีความบันเทิงก็เริ่มขึ้น กิจกรรมแรกเป็นการแสดงที่ได้ตระเตรียมมาของรุ่นน้องแต่ล่ะเอก ตามมาด้วยการแสดงของรุ่นพี่ปี 2 ,3 และ4 ตามลำดับ ความสนุกเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลาที่เดินเข้าสู่วันใหม่ ประกอบกับรสน้ำเมา และเสียงเพลง นักศึกษาทั้งรุ่งพี่รุ่นน้องร่วมกันร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานไม่มีใครแบ่งใครพี่ใครน้องกันอีก
ความคิดเห็น