คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ....วันแรกก็อายซะแล้วเรา
ความรักของฉันเก็บไว้ให้เธอ
ความรักของฉันเริ่มขึ้นและก็จบลงภายในสองปี มันจบลงทั้ง ๆ ที่เขาคนที่ฉันรักจนแทบบ้ายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ความรักของฉันมันเกิดที่ฉันแล้วก็จบลงที่ฉันคนเดียว ถึงใครๆอาจจะไม่อยากรู้ว่าทำไมมันเกิดและจบลงที่ฉัน แต่ว่าไม่รู้ล่ะฉันอยากจะเล่า ฉันก็จะเล่าให้ฟัง เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่ฉันเข้ามาใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยปีแรก
“เอาน้องใหม่รายงานตัวแล้วมาที่พี่เลยนะ แล้วถ้าอยากจะจบภายในสี่ปีก็อย่าหนีกลับบ้านก่อนล่ะ”เสียงชายหนุ่มรุ่นพี่ แต่พี่ปีไหนฉันก็ไม่รู้
“เอาไงดีเราจะเข้าไปให้พี่เขาว๊ากดีไม่หว่า...”ฉันบ่นเบา ๆให้ได้ยินแค่คนเดียว ฉันไม่มั่นใจว่าจะเอายังไงกับตัวเองดี ไม่รู้ว่าจำเป็นต้องเข้าว๊ากกับพวกพี่ ๆ ไม่นะ วันนี้เป็นวันที่ 3 ของชีวิตใหม่ในกรุงเทพของฉัน ฉันเกิดและเติบอยู่กับหาดทราย สายลม กับสองเรา เฮ้ย! ไม่ใช่ กับท้องทะเล จะสองเราไปได้ไง ในเมื่อตั้งแต่จำความได้มาจนถึงอายุ 20 ปีกว่าๆ แล้วฉันยังไม่เคยมีแฟนกับเขาสักคน ไม่ใช่ว่าฉันไม่สวยนะ ฉันก็ว่าฉันก็ไม่ได้น่าเกียดอะไรก็แค่ อวบไปนิด ผิวคล้ำไปหน่อย ส่วนสูงก็อยู่ในระดับความสูงของหญิงไทย(โบราณ)เท่านั้น ส่วนหน้าตาก็น่ารักเข้าขั้น(ขั้นไหนไม่รู้) ตาโต คิ้วได้รูป ปากนิดจมูกหน่อย แก้มนี้สิอาจจะป่องเป็นพิเศษไปนิด ส่วนผิวพรรณของฉันก็จัดว่าผิวเนียนละเอียด สีแทน(แทนขาว) แม่ที่รักของฉันมักบอกฉันว่าผิวฉันไม่ขาวแต่สวย ฉันเห็นด้วยกับแม่นะก็คนมันอยู่กับทะเล จะให้ผิวขาวได้ไงล่ะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ระหว่างที่กำลังเดินคิดและตัดสินใจว่าจะเข้าไปให้พี่ ๆเขาว๊ากดีไม่ ความอับอายก็กระโดนเข้ามาใส่ฉันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“โอ๊ย...” พร้อมเสียงร้องอันน่าตกใจ ร่างอวบอิ่มของฉันก็ล้มลง แล้วขาเรียว(คิดเอาเองนะว่ามันเรียว)แต่สั้นของฉันข้างหนึ่งก็ตกไปอยู่ในคูน้ำทิ้ง
“อู๊..........ย เจ็บชะมัด”ฉันค่อย ๆ ดันร่างตัวเองขึ้นจากคูน้ำ เมื่อยืนได้เต็มตัวฉันก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อรองเท้าคู่ใหม่ที่พึ่งตกลงให้เป็นคู่เก่งของฉันได้ไม่นาน ตอนนี้สภาพมันสุดจะบรรยาย หนังมันวาวที่ขัดมาอย่างดีตอนนี้เปียกโชกไปด้วยน้ำคลำสีดำกับกลิ่นเหม็น ๆ ฉันถอนมันออกแล้วคว่ำมันลง น้ำดำและเหม็นไหลลงพื้น “ทำไงดีล่ะ ทำไมซวยจริง ๆ เลย วันแรกของฉัน” หลังจากสำรวจความเสียหายของตัวเอง ฉันก็พึ่งจะได้มองดูรอบ ๆ ตัว แล้วก็ต้องแก้มร้อนฉ่าขึ้นมาอยากควบคุมไม่ได้ เมื่อสายตาทุกคู่รอบบริเวณนั้นต่างหันมามองความงาน หรือความซุ่มซ่ามของฉันก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ฉันคงต้องหายตัวไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ทันกับความคิดของตัวเอง ฉันก็รีบก้าวเท้าเร็ว ๆ หรือจะเรียกว่าออกวิ่งเลยก็ว่าได้ ไปจากตรงนั้นทันที
ฉันพาตัวเองวิ่งออกมาจากบรรดาสายตาของคนในจุดเกิดเหตุด้วยความรวดเร็วเท่าที่ร่างอวบ ๆ ของฉันจะทำได้ ถ้ารู้ว่าอนาคตฉันจะต้องมาหนีจากความอายเช่นนี้ตอนเรียนพละศึกษาสมัยเด็กฉันจะไม่ยอมโดดเรียนเด็ดขาด เพราะนั้นอาจจะทำให้ฉันวิ่งเร็วกว่าทุกวันที่เป็นอยู่
“น้องครับ...น้อง” เสียงใครคนหนึ่งดังมากจากด้านหลังของฉัน เสียงนั้นทำให้ฉันหยุดวิ่งแล้วหันมามองต้นเสียง
“ห้องน้ำอยู่ชั้นสอง เลี้ยวขวาครับ”เขาพูดพร้อมทั้งส่งยิ้มเป็นมิตรที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้เจอมาให้ฉัน (ตอนนั้นฉันคิดแบบนั้นจริงนะ)
“ขอบคุณค่ะ”ฉันตอบกลับเขาไป แต่เพราะอะไรไม่รู้เสียงที่ออกมาจากลำคอของฉันมันถึงได้เบาจนฉันว่าเขาอาจจะไม่ได้ยินเสียด้วยซ้ำ
“ล้างสะอาดแล้วไปที่ซุ้มนะครับ พี่ไปล่ะ”เขาจากไปแล้ว แต่ฉันยังยืนอยู่ที่เดิม ทำไมนะทำไมฉันถึงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนงงอยู่แบบนี้ ไม่นะนี่ฉันเป็นอะไรไป โอ๊ยวันนี้มันวันอะไรกัน กลับบ้านไปตั้งหลักดีกว่า
เช้าวันแรกของการใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาของฉันเริ่มขึ้นด้วยความสดชื่นแจ่มใส ฉันตื่นแต่เช้า ไม่นะ ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นอะไร ก็แค่ไม่อยากไปเรียนสาย เลยตื่นแล้วมามหาวิทยาลัยตั้งแต่หกโมงเช้าเท่านั้นเอง อากาศยามเช้าสดชื่น ลมเย็น ๆ พัดเอื่อยปะทะผิวกายเพียงให้รู้สึกเย็นสบายเท่านั้น ตอนนี้บริเวณโดยรอบของมหาวิทยาลัยของฉันเงียบและสงบยิ่งนัก นักศึกษายังไม่เพียงไม่กี่คน ฉันเดินตรงไปยังตึกเรียนด้วยความรู้สึกลุ้นเล็ก ฉันไม่รู้ว่าฉันจะเจออะไรข้างหน้าต่อไป เพื่อน ๆ จะยอมรับฉันไม่ คนบ้านนอกอยากฉันจะมีเพื่อนกี่คนนะ แล้วอาจารย์ล่ะ ท่านจะใจดีหรือเปล่า วิชาแรกจะได้เรียนไม่นะ หลายความคิดหมุนวนอยู่ในหัวฉัน
“อย่ากลัวไปก่อนสิอันดา ทุกอย่าต้องดีแน่ ๆ “ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วสูดหายใจลึก ๆ เข้าให้เต็มปอด ก่อนออกเดินต่อไป ฉันเดินผ่านตึกต่าง ๆมาจนถึงบริเวณสนามบาสฯของมหาวิทยาลัย แล้วก็ต้องก้าวขาค้างเมื่อสายตาฉันไปพบเข้ากับชายร่างสูง แต่ไม่ใหญ่เหมือนนักกีฬาบาสเก็ตบอลทั่วไป
“อะ...นั้นรุ่นพี่วันรายงานตัวนี่”
ภาพที่เขาเล่นบาสเก็ตบอลอย่างตั้งใจนั้นทำให้ฉันต้องหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนโดนสะกด ความตั้งใจที่จะโยนลูกบอลสีส้มกลม ๆ นั้นให้ลงห่วงของเขาช่างเป็นความพยายามที่ประทับใจฉันมาก แต่น่าเสียดายจังเพราะฉันคงอยู่ดูนานไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ อีกแค่ไม่ถึงสิบนาทีชั่วโมงเรียกแรกของชีวิตนักศึกษาของฉันก็จะเริ่มแล้ว ฉันคงต้องรีบไป
ชั่วโมงเรียนแรกของฉันผ่านไปด้วยดี วันแรกยังไม่มีการเรียนอะไร เป็นเหมือนกับการเปิดเรียนใหม่ในทุกโรงเรียน ไม่เว้นแม้แต่มหาวิทยาลัย อาจารย์ให้พวกเรานักศึกษาทุกคนแนะนำตัวเองกับเพื่อน ๆ
“ฉันชื่อ อันดา ชื่อเล่นคือ ทะเล หรือใคร ๆ มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า เล ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ” จบคำแนะนำตัวของฉัน เสียงตบมือดังลั่น ก่อนจะมีเสียงแซ่วเล็ก ๆ พอเป็นพิธีลอยมา ตอนนั้นฉันไม่ทันได้สน และจับใจความอะไรไม่ได้เลย เพราะความตื้นเต้นมันทำให้หูฉันอื้อไปหมด
จบชั่วโมงแรกฉันได้รู้จักเพื่อนทุกคน แต่ที่ตกลงเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ก็มีแค่คนเดียว เธอเป็นคนที่มาจากทะเลเหมือนกับฉัน แต่เราไม่ได้มาจากทะเลเดียวกันหรอกนะ หลังจากหมดชั่วโมงรุ่นพี่ปี 2 ของคณะก็เข้ามาแนะนำตัวแล้วพาพวกรุ่นน้องปี 1 ลงไปซ้อมร้องเพลงแล้วก็ทำกิจการรับน้องกันที่หน้าตึกเรียน ที่นั้นฉันได้พบเขาอีกครั้ง และครั้งนี้ฉันก็ได้รู้จักเขามากขึ้น ชายที่มีรอยยิ้มประทับใจฉันตั้งแต่แรกเจอ และมีความมุ่งมั่นพยายามจนทำให้ฉันต้องหยุดมองเหมือนต้องมนต์คนนั้นเขาเป็นรุ่นพี่ปีสามของคณะ เขาชื่อพี่หนึ่ง นอกจากฉันจะได้รู้จักกับพี่หนึ่งมากขึ้น(ฉันรู้จักเขาฝ่ายเดียวนะ) สิ่งที่ได้จากการมาร่วมกิจกรรนี้คือการที่ฉันได้เพื่อนมาอีก 8 คน
ชีวิตนักศึกษาของฉันดำเนินมาจะได้ร่วมเดือนแล้ว ทุกวันฉันจะต้องเดินผ่านสนามบาส แล้วต้องหยุดมองภาพพี่หนึ่งตั้งหน้าตั้งตาโยนเจ้าลูกบอลสีส้มนั้นลงห่วงก่อนจะตรงไปยังตึกเรียน บางครั้งฉันก็อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่เขาอาจจะรู้ว่ามีรุ่นน้องน่าตาน่ารัก(อย่างน้อยก็ในสายตาแม่ฉันล่ะ)คนหนึ่งมาแอบมองเขาทุกเช้า เขาจึงได้มาเล่นให้เธอคนนั้นได้เห็นทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน ฉันมาหยุดดูพี่หนึ่งเล่นอีกเช่นเคย
ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะเสกปราสาทงามให้เธอ ไม่มีฤทธิ์เดช ไม่มีราชรถ... เสียงเพลงโปรดของฉันดังมาจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กเรียกฉันให้ละจากภาพตรงหน้าเพียงอึกใจ
“สวัสดีค่ะ”ฉันกลอกเสียงลงไปหลังจากกดปุ่มรับสาย
“เลแกอยู่ไหนว่ะ พวกเรามารออยู่หน้าห้องอาจารย์แล้วนะโว้ย” เสียงตอบกลับมาจากปลายสาย
“เออ ๆ ฉันจะไปถึงแล้ว รออีกแป๊บนะแล้วเข้าไปเจออาจารย์พร้อมกัน” จบบทสนทนาฉันก็รีบจ้ำอ้าวไปห้องพักอาจารย์ที่ปรึกษาทันที
ฉันวิ่งขึ้นมาที่ชั้น 2 ของตึกที่พักอาจารย์ บนนั้นเพื่อน ๆ อีกเก้าคนของฉันรออยู่แล้ว วันนี้เป็นวันที่เราต้องเลือกลงวิชาเลือกให้ครบตามหน่วยกิจที่กำหนดเป็นวันสุดท้าย
“มาแล้ว ๆ พวกแกเลือกได้หรือยัง ฉันยังตัดสินใจไม่ได้เลย” ฉันร้องบอกเพื่อนตั้งแต่ยังวิ่งไปไม่ถึงเลย
“ฉันได้แล้วล่ะ” เพื่อนบางส่วนของฉัน (ส่วนที่เอาไหนในกลุ่ม) ตอบขึ้นพร้อมกัน
“ฉัน ไอ้เอ็ม ไอ้กุมฑ์ ยังไม่รู้เลยว่าจะลงวิชาอะไร” นิดเพื่อนร่างไม่นิดสมชื่อของฉันตอบพร้อมทั้งส่งกระดาษลงวิชาเลือกมาให้
“เอาไงดีว่ะ ยังไม่รู้ว่าจะลงวิชาอะไรดีเลย” ฉันบ่นขึ้นลอย ๆ ไม่เจาะจงให้ใครตอบ
“เลือกลงวิชาจิตวิทยาสิครับ พี่ว่าไม่อยาก ได้เกรดง่าย แล้วก็อาจารย์ใจดีด้วยนะ”เสียงคุ้น ๆ ที่ดังมาจากด้านหลังของฉันทำให้ฉันขนลุกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ฉันค่อย ๆ หันกลับไปตามเสียงนั้น
“พี่หนึ่ง...” เสียงที่ออกจากลำคอฉันเบาลงกว่าระดับเสียงปรกติจนแทบจะไม่ได้ยิน “พี่มาได้ไงคะ”ฉันถามไปด้วยความสงสัย ก็จะไม่ให้งงได้ไงล่ะ ก็เมื่อกี้เขายังอยู่ที่สนามอยู่เลย แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้ไง
“พี่ว่าจิตวิทยา กับ วิทยาศาสตร์ น่าลงนะครับ” เขาไม่ตอบคำถามที่ฉันถาม แต่กลับพูดในสิ่งที่พูดค้างอยู่ ก่อนจะหันมาถามฉันต่อ
“น้องอันดาใช่ไม่ครับ”
“คะ...ค่ะ “ฉันตอบด้วยเสียงสั่นอย่างที่ฉันแน่ใจว่าพี่เขาน่าจะรู้ว่าตอนนี้ฉันสั่นและประหม่ามากแค่ไหน
“ถ้าให้พี่แนะนำ พี่แนะนำสองวิชานี้นะครับ” พี่หนึ่งพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มน่าประทับใจนั้นมาให้ฉัน
ความคิดเห็น