คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Desperado 2 : ผลึกแห่งเทพธิดา
Desperado 2 : ผลึกแห่งเทพธิดา
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างไม้ที่ถูกเปิดอ้าเอาไว้
สายลมอ่อนๆ พัดพากลิ่นน้ำค้างโชยเข้ามาแตะจมูก
อากาศที่ค่อนข้างเย็นเล็กน้อยทำให้มาร์กเผลอกระชับผ้าห่มเข้ามาแนบตัวโดยอัตโนมัติ
“อืม…”
แต่หลังจากรู้สึกได้ถึงแสงตะวันที่ส่องกระทบเปลือกตา
เขาก็ค่อยๆยันตัวลุกขึ้น พร้อมกับลืมตาอย่างช้าๆ เพื่อให้ดวงตาได้ปรับแสงเสียก่อน
แม้จะยังงัวเงีย แต่การจะหลับต่อไปคงไม่ดีเท่าไหร่นัก
ชายหนุ่มหันไปมองร่างเล็กของลูกชายที่กำลังนอนหลับปุ๋ยพร้อมรอยยิ้มบางๆ
ร่างโปร่งเอื้อมมือไปลูบหัวมาโนโลที่ทำหน้าตาเหมือนกับกำลังหลับฝันหวานเบาๆ
ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ ไม่ช้าหลังจากประตูปิดลง น้ำเสียงหวานนุ่มนวลเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
พร้อมกับร่างบางในชุดกระโปรงยาวที่หันมาส่งยิ้มละไมให้
“อรุณสวัสดิ์
ทานข้าวเช้าเลยมั้ยคะ?”
หญิงสาวตรงหน้าเป็นสาวงามเจ้าของใบหน้างดงามดั่งเทพธิดา…
แพรผมสีทองเป็นประกายดั่งทองคำล้ำค่าเป็นลอนยาวเรื่อยไปถึงสะโพกมน
ผิวขาวเนียนละเอียดดั่งดอกกุหลาบขาว ดวงตาสีน้ำตาลสวยงามยากที่จะละสายตา ความงามทุกอย่างลงตัวจนไม่มีใครแปลกใจที่เธอได้รับฉายาว่า
‘ภาพเหมือนของเฮเลน’…
เธอคือภรรยาของมาร์ก
‘เอลีน่า กอนซาเลซ’
“ไม่ต้องเหนื่อยหรอกน่าเอลีน่า
เดี๋ยวข้าทำเอง วันนี้เวรข้าไม่ใช่เหรอ?”
เอลีน่าระบายยิ้มจางๆ “นั่นสินะคะ”
“อื้ม เตรียมอร่อยได้เลย!”
หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะไปหยิบผ้าขี้ริ้วมาเช็ดโต๊ะอาหารพร้อมกับเตรียมน้ำมาคอยท่า
เธอเหลือบตามองสามีที่เดินเข้าไปจัดการเตรียมวัตถุดิบในห้องครัว แต่ไม่ช้า มาร์กาเร็ตโต้ก็หันกลับมา
ก่อนที่ผู้เป็นสามีจะถามด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“มื้อนี้กินอะไรกันดีละ?”
“อะไรก็ได้ค่ะ”
“โธ่ เมนูนี้ไม่มีในสารบบนะ ฮ่าๆๆๆ”
ชายหนุ่มหันกลับไปหยิบอุปกรณ์เครื่องครัวขึ้นมาเตรียมไว้
หลังจากทุกอย่างพร้อม เขาก็จัดการทำอาหารทันที ไม่นานนัก
กลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอก็โชยออกมาจากครัว
ร่างสูงจัดแจงเทข้าวผัดฝีมือตัวเองลงในจานสามใบ เมล็ดข้าวเป็นสีทองอร่ามน่าทาน
กลิ่นหอมของเครื่องปรุงรสและเครื่องเทศผสานกันอย่างลงตัว
เอลีน่าลุกขึ้นไปช่วยสามีหยิบจานมาวางที่โต๊ะ แต่เมื่อก้มลงไปเพื่อหยิบจาน
ดวงตาสีน้ำตาลคู่งามก็ต้องเบิกกว้าง
“เอ๊ะ?”
“หือ? มีอะไรเหรอ?”
“เมื่อวานซื้อสร้อยคอมาใหม่เหรอคะ?
หรือว่าซินญอร์มาเซลิโน่เอามาฝากจากเม็กซิโก?”
สร้อยคอ…?
สร้อยคออะไร??
คำพูดนั้นทำให้มาร์กต้องก้มลงไปมองคอตัวเองแทบจะทันที
บนคอเขามีสร้อย? …สร้อยเส้นหนึ่งที่ถูกร้อยด้วยเชือกไร้ลวดลายเส้นยาวถึงกลางอก
ที่โดดเด่นที่สุดคือจี้ตรงกลางที่เหมือนกับผลึกใสเหมือนแก้วเจียระไนชั้นเลิศ
ขนาดของมันเท่านิ้วก้อย แกะสลักเป็นรูปคล้ายเทพธิดากำลังสยายปีก
ยามที่ผลึกที่ว่านั้นต้องแสงสว่าง ก็จะเกิดประกายสีรุ้งยามระยับจับตาขึ้นมา…
ว่าแต่มาจากไหนเนี่ย? เขาไม่ได้ซื้อมันมาสักหน่อย!?
“เอ่อ…” มาร์กหยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาดูในระดับสายตา
ก่อนจะส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ซื้อนะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาอยู่นี่ได้ยังไง?”
“อ เอ๋?”
ปัง!
“มาร์ก!”
ร่างสูงในชุดคลุมสีดำปักลายทองถลาเข้ามาในบ้าน เอเซเควลหอบจนตัวโยน
เม็ดเหงื่อใสผุดพรายบนใบหน้าหล่อเหลา
ดวงตาสีเขียวเพอริดอทจ้องมองคอของเพื่อนสนิทไม่วางตา
เมื่อเห็นวัตถุแปลกตาที่สวมอยู่บนคอของเพื่อนสนิท คิ้วของเจ้าทะเลหนุ่มก็ขมวดมุ่นเป็นปม
ก่อนที่เจ้าของมันจะเอ่ยระคนเสียงหอบ
แต่น่าแปลก เหมือนหนุ่มเจ้าทะเลจะเผยยิ้มตื่นเต้นออกมาด้วย!?
“…เรื่องจริงเหรอเนี่ย?...”
“เควล? มีอะไรรึเปล่า??”
เอเซเควลสูดลมหายใจเข้า มองมาร์กาเร็ตโต้ด้วยสายตาอ่านยาก
ก่อนจะดึงสร้อยคอของตัวเองที่ถูกซ่อนไว้ใต้เสื้อออกมา เมื่อสัมผัสเปลวแดด ตัวจี้ที่ห้อยอยู่กับสายสร้อยก็ส่องประกายสีรุ้งระยิบระยับสะกดสายตา…
มันเหมือนกับสร้อยของมาร์กไม่มีผิดเพี้ยน!
“มีอัศวินมา”
“กองอัศวินแห่งเซฟีรอส?”
ห้องรับแขกของตระกูลมาเซลิโน่นับว่าทั้งหรูหราและแปลกตา
เครื่องเรือนราคาแพงและของประดับจากทั่วทุกมุมโลกถูกนำมาใช้ตกแต่งภายในห้องอย่างอลังการ
หลายอย่างเป็นสิ่งที่มาร์กไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น แจกันเคลือบจากประเทศจีน หรือกรอบประตูสีสันสวยงามจากตุรกีที่หากเพ่งสายตามองไปดีๆ
จะเห็นเอนริค… น้องชายต่างแม่ของเอเซเควลเกาะอยู่ ใบหน้าน่ารักถมึงทึงเล็กน้อย
ดวงตากลมโตจ้องเขม็งไปยัง ‘คนแปลกหน้า’ อย่างไม่ไว้วางใจ…
คนแปลกหน้าที่ว่าสวมเครื่องแบบอัศวินสีฟ้าเข้ม
ใบหน้าดูดีแบบชาวตะวันตกแฝงแววเคร่งขรึม เส้นผมสีทอง ดวงตาสีเทาหม่นดั่งเมฆพายุถูกผ้าปิดตาสีดำข้างหนึ่งปิดเอาไว้คล้ายกับผู้เป็นเจ้าของบ้าน
ที่สะดุดตาที่สุดคือสร้อยคอที่ห้อยผลึกแปลกๆ นั่นอยู่
ผู้ชายคนนี้ต้องรู้แน่ๆว่ามันคืออะไร?
“ถูกต้อง” ชายผมทองพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยแนะนำตัว “ข้าคาซึกิ
เรียว โฆษกของกองอัศวิน ได้รับมอบหมายให้มารับตัวอัศวินกลุ่มใหม่ที่สเปน”
ว่าแต่… กองอัศวินแห่งเซฟีรอสเหรอ?
มาร์กขมวดคิ้วน้อยๆ
“แปลกจัง ข้าเองก็เคยเป็นอัศวินมาก่อน
ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยละ?”
“ไม่แปลกหรอก… พวกเราเซฟีรอสเป็นอัศวินที่ทำงานอยู่เบื้องหลังของโลก
เรียกได้ว่าทำงานใกล้ชิดกับเหล่าเทพ เราทุกคนได้รับพลังและการเกื้อหนุนจากมารดาของพวกเรา
…ซึ่งก็คือต้นไม้แห่งเทพธิดาหรือเซฟีร่า”
“เซฟีร่า?”
“เซฟีร่าคือต้นไม้แห่งโลก” เรียวตอบทันควัน “สร้อยที่อยู่บนคอของพวกเจ้านั่นก็เป็นดอกผลของเซฟีร่า
เราเรียกมันว่า ‘ผลึกแห่งเทพธิดา’”
“อย่างนั้นเหรอ…”
“ผลึกแห่งเทพธิดาเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่บอกให้รู้ว่าพวกเจ้านั้น….
เอ่อ….”
“…?”
“อ่า…”
สองเพื่อนสนิทมองหน้ากัน… ก่อนจะเห็นเรียวแอบดึงหยิบกระดาษยับๆแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
ดวงตาสีเทาเข้มเหล่มองเนื้อความในนั้นอย่างเคร่งเครียด “ได้รับเลือกจากนางให้เป็นอัศวิน
อ่า แล้วยังไงต่อนะ…”
นั่น… นั่นดูโพยใช่มั้ย!!?
“สำหรับเรื่องหน้าที่
กองอัศวินชั้นยอดของเรามีหน้าที่ต่อสู้กับพวกปีศาจ คอยปกป้องโลกของเราให้รอดพ้นปลอดภัยจากเงื้อมมือมาร
มอบความหวังให้มนุษย์ทุกคน รวมถึงการคุ้มครองเซฟีร่าไม่ให้ถูกฝ่ายศัตรูทำลาย
เรียกว่าทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ แล้วก็… ง่ะ…ทำไมลายมือลุงโคซีทุสอ่านยากจัง?”
“สรุปว่า…” คุณชายมาเซลิโน่เอ่ยแทรก
“กองอัศวินของพวกเจ้าเป็นพวกที่ได้รับเลือกจากต้นไม้ของโลก มีหน้าที่ต่อสู้กับปีศาจ
ข้าเข้าใจถูกใช่มั้ย?”
เรียวพยักหน้า รีบยัดกระดาษแผ่นเดิมกลับเข้ากระเป๋าอย่างแนบเนียน
เอ่อ… และมันจะแนบเนียนกว่านี้ถ้าสองสหายไม่สังเกตเห็นมันตั้งแต่ต้น!
“กองอัศวินของเรามีสวัสดิการด้วยนะ
ที่พักฟรี เสื้อผ้าฟรี อาหารฟรี มีเงินเดือน แม่ทัพใจดีมีเมตตา ถ้าพบรักกันในกองก็สามารถแต่งงานกันได้
ครอบครัวของเจ้าจะได้รับการคุ้มครองอย่างดีจากกองทัพของเรา
สามารถลากลับบ้านได้สามครั้งต่อสองเดือน หรือมากกว่านั้นหากมีความดีความชอบ
และถ้าหากเจ้าตาย ทางเราจะจัดการฝังศพให้อย่างถูกต้องตามพิธีกรรม”
“ฟังดูน่าสนุกดีนี่! ว่ามั้ย!? ริค?”
เอเซเควลฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับหันไปมองน้องชายของตนที่ยืนเกาะขอบประตูอยู่ไม่ห่าง
ตอนแรกเอนริคสะดุ้งเล็กน้อย แต่สักพักก็ค่อยๆพยักหน้า
แล้วคลี่ยิ้มหวานละลายใจดุจเทวดาน้อยๆ…
“ข้าเห็นด้วยกับท่านพี่…”
สิ้นเสียง เอนริคก็จัดการหยิบสร้อยของตนออกมาจากอกเสื้อ
ประกายสีรุ้งงดงามที่ส่องสว่างออกมาบ่งบอกได้ดีว่าสิ่งนั้นคืออะไร
ผลึกแห่งเทพธิดา!
“ได้รับเลือกเหมือนกันเลยเหรอ!
นี่มันโชคชะตาชัดๆ!” ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเขียวเพอริดอทฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ
ก่อนจะอุ้มร่างเล็กที่ท่าจะถูกใจคำว่าโชคชะตาขึ้นมาชูขึ้นสูง “น่าตื่นเต้นใช่มั้ยละ! ว่าไง มาร์ก!?”
คำพูดของเพื่อนสนิทเหมือนจะเรียกทุกสายตาในห้องให้มองมาที่เจ้าของชื่อ
มาร์กที่นั่งเงียบมานานยกยิ้มแห้งๆ พลางยก ‘ผลึกแห่งเทพธิดา’ ที่สวมอยู่บนลำคอขึ้นมาคลำเบาๆ
ดวงตาคมสีน้ำตาลหลับลง พร้อมกับเสียงถอนหายใจยาวเหยียดเหมือนคนกำลังใจความคิด…
ไปเป็นอัศวินปกป้องโลกมันก็ดีอยู่หรอก…
แต่ว่า…
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มตัดสินใจส่ายหน้า พร้อมกับเอ่ยปฏิเสธออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ
ด้วยความคิดที่อยากจะรักษาน้ำใจอีกฝ่ายไว้ให้ได้มากที่สุด
แม้จะเป็นการปฏิเสธข้อเสนอที่ถูกยื่นให้ก็ตาม
“ข้าต้องดูแลลูก… ขอโทษด้วยนะ ขอโทษจริงๆ…”
“ปฏิเสธไม่ได้…”
“ห หา?”
“ถ้าเจ้าปฏิเสธการเป็นอัศวิน เซฟีร่าจะสาปแช่ง…”
เรียวประสานมือเข้าหากัน ดวงตาสีเทาหม่นจ้องตรงไปด้านหน้า น้ำเสียงดูจริงจังกว่าที่ผ่านๆมาเป็นเท่าตัว
“ครอบครัวของเจ้าจะทำมาค้าไม่ขึ้น โชคร้าย ดวงซวย ถูกปล้นทุกห้านาที
ทุกๆคืนจะมีผีมาซ่อนใต้เตียง ลูกหลานที่เกิดมาจะหน้าตาไม่ดี แล้วเมืองที่เจ้าอาศัยอยู่ก็จะพลอยโดนหางเลขไปด้วย”
“เอ๊ะ?!”
“…จะเกิดฝนตก น้ำท่วม ส้วมเต็ม เห็บระบาด
ผักกาดกลายพันธุ์ มันฝรั่งกลายเป็นปีศาจ ลูกกวาดจะมีอาถรรพณ์ สันในหมูจะ…”
“…………..”
“เฮ้ย มาร์ก ไหวรึเปล่าน่ะ?!”
มาร์กาเร็ตโต้เข้าสู่ภาวะช็อคค้าง…
รู้สึกวิงเวียนคีรษะเหมือนลมจะใส่…
เขาไม่แน่ใจว่าในคฤหาสน์มาเซลิโน่มียาดมรึเปล่า แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าหากเขาเป็นลมหงายหลังหัวทิ่มไปจริงๆ
เก้าอี้ราคาแพงลิบลิ่วข้างหลังต้องรองหัวเขาได้อย่างพอดิบพอดีแน่นอน…
มาโนโล ช่วยพ่อด้วย!!!
กว่ามาร์กจะล่ำลากับครอบครัวเสร็จเรียบร้อย เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปจนดึก…
ตอนแรกมาโนโลร้องไห้เสียงดัง
เด็กน้อยทั้งรัก ทั้งติดผู้เป็นพ่อมากกว่าอะไร
ต้องให้ทั้งเอเซเควลและเอลีน่าช่วยกันกล่อมเป็นเวลานานพอสมควรกว่ามาโนโลจะหยุดร้อง
มาร์กเองก็ไม่อยากจากลูกชายไป แต่ก็สัญญาว่าจะส่งจดหมายกลับมาหาบ่อยๆ
แล้วก็จะกลับมาเยี่ยมทุกครั้งที่มีโอกาส
มาร์กาเร็ตโต้คุกเข่าลงบนพื้น
ยื่นมือไปจับแก้มลูกชายเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มนุ่มนวลให้เหมือนทุกครั้ง
“มาโนโล ตอนพ่อไม่อยู่
ลูกต้องเชื่อฟังแม่เขานะรู้มั้ย?”
“ฮะพ่อ”
“เป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน เล่นของเล่นเสร็จแล้วก็ต้องเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย”
“ฮะ…”
“พ่อรักลูกเสมอนะ! มาโนโล”
“รักพ่อเหมือนกันนะฮะ… ฮึก… โฮ!! แง้~!!!”
“โอ๋ เด็กดี ไม่ร้องนะๆ
คนเก่งของพ่อ…” มาร์กอุ้มมาโนโลขึ้นมากอดไว้แน่น
มือขวาลูบเส้นผมนุ่มๆของเด็กน้อยเบาๆเป็นเชิงปลอบโยน “นี่
อัศวินในอนาคตต้องเข้มแข็งรู้มั้ย”
“ฮ ฮะ…”
“เอ้า ไหน…” ชายหนุ่มเผยรอยยิ้ม
ค่อยๆ ใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าจิ้มลิ้มเบาๆ “ลองยิ้มกว้างๆให้พ่อดูหน่อยซิ!
เจ้าตัวแสบ!”
“อื้อ!! ยิ้มมมม
ยิ้มให้พ่อเยอะๆ!”
มาโนโลพยักหน้ารับรัวๆ
ก่อนฉีกยิ้มให้ผู้เป็นพ่อดูทั้งๆที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและมีน้ำมูกใสๆไหลย้อยออกมาจากจมูก
เด็กชายตัวน้อยสูดน้ำมูกฟืดๆ ก่อนจะโผเข้ากอดมาร์กแน่นราวกับหวงแหน ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
พลางยกมือขึ้นลูบหลังลูกชายอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองภรรยาสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
“เอลีน่า…”
หญิงสาวแสนสวยระบายยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ สู้ให้เต็มที่เถอะ
ข้ากับลูกจะเอาใจช่วยเสมอ”
“ได้ยินแบบนี้ข้าก็สบายใจขึ้นเยอะเลย
แล้วจะกลับมาหาบ่อยๆนะ”
“ทราบแล้วค่ะ” ว่าจบ บนใบหน้าสวยหวานราวนางฟ้าของหญิงสาวก็ปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน มือขาวบางดั่งดอกกุหลาบขาวของเธอเอื้อมไปลูบหัวลูกชายเบาๆ
พร้อมกับเอ่ยเสียงหวาน “เห็นมั้ยจ๊ะมาโนโล
พ่อบอกว่าจะกลับมาหาบ่อยๆ ลูกก็ต้องไม่ร้องไห้นะ ร้องไห้มากๆพ่อเขาลำบากใจรู้มั้ย…”
“ฮะ ผมจะไม่ร้องแล้ว”
มาโนโลพยักหน้ารับ
ก่อนที่เอลีน่าจะยื่นมือไปรับเด็กชายมาอุ้มไว้แนบอก มาร์กาเร็ตโต้ส่งยิ้มให้กับครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย
แล้วจึงสูดหายใจเข้า กลั้นใจกลับหลังหันเดินมาสมทบกับเอเซเควล เอนริค และเรียวที่ยืนคอยท่าอยู่ไม่ไกลกันนัก
ร่างสูงของทายาทหนุ่มแห่งตระกูลมาเซลิโน่ยิ้มกว้างออกมา ราวกับว่าเจ้าตัวกำลังตื่นเต้นกับ
‘การผจญภัยครั้งใหม่’
ที่กำลังจะมาถึงนี้
“แล้วต่อจากนี้พวกเราต้องทำยังไงกันต่อเหรอ
เรียว?”
คาซึกิ เรียว ชายผมทองหน้าตาดูดีที่สองพี่น้องเพิ่งจะรู้ว่าเป็นลูกครึ่งตะวันตกและตะวันออกยังคงสีหน้าเคร่งขรึมไว้เหมือนเดิม
ถ้าไม่ได้เห็นกับตา คงไม่มีใครเชื่อว่าเรียวจะเป็นคนเดียวกับคนที่ส่องโพยได้อย่างตระการตาเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้
แต่เรียวก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ
คนอย่างเอเซเควลเจอผู้คนมามากมายทั้งในและนอกคาบสมุทร สำหรับการมองคนแค่นี้ไม่ใช่เรื่องยากหรอก! เชื่อสิ! แม้แต่เอนริคก็ยังดูออกว่าเรียวเป็นคนดี!
แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น…
เด็กน้อยก็ยังแอบส่งสายตาอาฆาต แผ่รังสีฆ่าฟันใส่เรียวทุกครั้งที่หันมาคุยกับพี่ชายของเขา…
อา… ต้องนับว่าสายตาของเอนริคทรงพลังอำนาจมากจริงๆ…
ถึงขนาดที่ว่าพักหลังๆ เรียวต้องเริ่มเบนเป้าหมาย เปลี่ยนมาพูดกับมาร์กแทนเพื่อลดรังสีอำมหิตอันแสนน่ากลัวนั่น…
“เราก็จะเดินทางไปที่ค่าย”
“ได้ เรือของบ้านข้าทอดสมออยู่ที่ชายฝั่ง
ดึกขนาดนี้ไม่มีใครเห็นแน่นอน”
“เราจะใช้เวทมนต์น่ะ”
“หา?”
เมื่อพบว่าทั้งมาร์กและเอเซเควลแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ
เรียวก็จัดการทำการสาธิต มือข้างขวายกขึ้นสัมผัสผลึกแห่งเทพธิดาทันที “ก็แค่เอามือแตะ…
แบบนี้ แล้วนางก็จะพาเราไปเอง”
มาร์กและเอเซเควลมองหน้ากันก่อนจะใช้มือแตะที่ผลึกตามคำแนะนำของเรียว
หมายจะได้เห็นการเดินทางด้วยเวทมนต์อันน่าอัศจรรย์ใจในไม่ช้า!
แต่…
“…”
“…”
“เอ่อ…”
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น…
“เจ้าว่ามันเสียรึเปล่า?” เอเซเควลเขย่าผลึกเจ้าปัญหา ดวงตาสีเขียวสดที่ไม่ได้ถูกผ้าปิดตาบดบังหรี่มองมันอย่างสงสัย
“รึว่าพวกเรามีบุญไม่พอ?”
“ข้าไม่แน่ใจนะเควล ถ้ามันเสียก็คง…”
ฟุ่บ!!
“เฮ้ย!”
จู่ๆ อักขระสีทองนับล้านก็พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้น
แล่นปราดเข้ามาหมุนวนรอบร่างทั้งสามร่างอย่างรวดเร็ว!
สายลมรอบกายแปรปรวนคล้ายเกิดพายุขนาดย่อมๆ… ทั้งก้อนหิน
ทั้งเศษหญ้า ทุกอย่างถูกลมพายุพัดหอบขึ้นมาแล้วหมุนไปรอบๆอย่างบ้าคลั่ง! จนมาร์กเผลอยกมือขึ้นมาป้องกันตาตัวเองเอาไว้ ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลง
มองตัวอักษรประหลาดที่เริ่มกระพริบแสงวูบวาบ
เปรี๊ยะ!
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่ออากาศตรงหน้าปริแตกออกเป็นแนวยาว
ก่อนจะเกิดลำแสงสีทองเจิดจ้าเล็ดลอดออกมาจากรอยร้าวกลางอากาศนั้น
มันสว่างมากเสียจนไม่มีใครทนลืมตาต่อไปไหว
ให้ตายเถอะ! สว่างไปแล้ว!!
นี่เขาจะตายมั้ยเนี่ย!?
วูบบบ!
สายลมรุนแรงหอบผ่านร่างของพวกเขาวูบใหญ่
คราแรกมาร์กนึกหวั่นใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่ออีก แต่เมื่อสายลมหยุดลง ทุกอย่างกลับนิ่งสนิท
นิ่งจนเขากล้าพอที่จะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง…
ทิวทัศน์ที่ปรากฏตรงหน้าแทบทำให้พวกเขาลืมหายใจ…
มันเป็นค่ายอัศวินขนาดใหญ่ที่ถูกล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้า
ทะเลสาบ ป่า และภูเขาสีเงินสวยงาม… ท้องฟ้าสีครามเข้มที่เป็นฉากหลังโปร่งโล่งจนสามารถเห็นดวงจันทร์สีเงินและดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน
ใจกลางค่ายมีปราสาทหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเด่น บนยอดมีธงสีฟ้าสดประดับตราสัญลักษณ์สีทองปลิวไสวไปตามลม
บนธงนั้นถูกเขียนว่า ‘Sefiros’…
“มากันแล้วเหรอไอ้หนูทั้งหลาย การประชุมจะเริ่มแล้วนะ”
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ก้าวออกมาทักทาย ดวงตาสีน้ำตาลกวาดมอง
‘ว่าที่อัศวินใหม่’
ทั้งสามด้วยสีหน้าอารมณ์ดี ก่อนจะวาดยิ้มเป็นมิตร
“ข้าโคซีทุส ยินดีต้อนรับเข้าสู่ค่ายอัศวินแห่งเซฟีรอส”
ไรท์เตอร์ชอบคุณลุงค่ะ ชอบมากค่ะ ชอบ... #ผิด
ในที่สุดก็เข็นบทที่สองออกมาจนได้
ตอนหน้าก็ประกาศตำแหน่งสภาแล้วค่ะ! เชื่อว่ามีหลายคนที่กำลังรอคอย
อุฮิ (?) ตัวละครเริ่มทยอยๆกันออกมาแล้วนะคะ สำหรับตอนนี้เป็นคิวของเรียวคุงผู้น่ารัก
(?) เป็นคนแรกที่ไรท์เตอร์คิดถึงเวลาเขียนฉากนี้เลยค่ะ!
ไม่พูดมากแล้ว เจอกันตอนหน้านะคะ! <3
ความคิดเห็น