คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Alphabet 9 : ไฟกับระเบิด
Alphabet 9
ไฟกับระเบิด
รู้สึกว่าสภาเทพจะใจร้อนกับข้าไปหน่อยนะ
ตอนนี้ข้ากำลังยืนพิงเสาอย่างโดดเดี่ยวอยู่หน้าห้องซ้อมเต้นรำที่ท่านเทพเจ้าเรย์ผู้นั้นว่า โดยมีลมเย็นๆ พัดผ่านไปผ่านมาเป็นเพื่อน… แหม่… มันทำให้ข้ารู้สึกเปลี่ยวหัวใจจนถึงขั้นต้องกอดอาวุธตัวเองแล้วเล่นพ่อแม่ลูกกับมันเลยอะ!
หวัดดีลูกพ่อ โตขึ้นไปเจ้าต้องเป็นนักรบที่เก่งกาจนะลูก โฮ่ๆๆ เอิ๊กๆ ลูกพ่ออออ… เอ่อ ทำไมมันแลดูติงต๊องแทนวะ?
นี่ๆ รู้ปะ กว่าจะหาห้องบ้านี่เจอเล่นเอาขาแทบลาก สังเวยชีวิตคิวปิดไปหลายตัว… และจากการเสียพลังงานมากก็ทำให้ท้องข้าเริ่มร้องครวญครางดังจ๊อกๆ ใช่… ข้าเริ่มหิว ต้องการอะไรใส่ท้องสุดๆเลยตอนนี้ จะไส้กรอกหรือขนมปังก็ได้ ยัดมาเหอะ ก่อนที่ข้าจะเขมือบอาวุธตัวเองแก้หิว!! อย่าท้า!! ข้ากินได้จริงๆนะบอกก่อน!!
อา… ถามว่าไงนะ อ๋อ อาวุธของข้า? เฮ้ย จริงสิ! ขอโทษๆ ข้ายังไม่ได้บอกพวกเจ้าเลยว่าอาวุธของข้ามันคืออะไร ขอโทษนะ! ลืมไปซะสนิทเลย ขอบใจมากที่เตือน!
อะแฮ่มๆ อาวุธของข้าไม่ได้เป็นอาวุธใหม่แกะกล่องอะไรนักหรอก มันเป็นอาวุธที่ข้าใช้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เป็นหอกน่ะ ยาวเฟื้อย พอตั้งแล้วมันสูงกว่าหัวข้าอีก หน้าตามันก็ไม่ได้พิเศษอะไรมาก แต่ที่ข้าชอบมากที่สุดในตัวมันน่าจะเป็นสีของมันนะ มันมีสีแดงสดเหมือนกุหลาบป่า สวยมาก!! และน่ากินได้โล่!! เมื่อวานคณะคิวปิดส่งของเพิ่งเอามันมาให้ข้าตอนประมาณเที่ยงคืนสี่สิบห้า… ข้านึกว่าจะไม่ได้มันคืนมาซะแล้ว แต่ก็ได้แฮะ โคตรน่าดีใจเหอะ! หือ? อยากถามชื่อเจ้านี่เหรอ โทษที ข้าไม่เคยตั้งชื่อให้อาวุธ เรียกว่าหอกไปละกันนะ ฮ่าๆๆๆ
ความจริงข้าไม่ได้ใช้เป็นแต่หอกนะ ตอนเด็กๆข้าถูกเคี่ยวเข็ญให้ฝึกมันตั้งหลายอย่าง จะดาบ มีดสั้น ขวาน ธนู หน้าไม้ หรืออะไรผ่านมือข้ามาหมดแล้ว แต่ที่ชอบมากที่สุดคืออาวุธประเภทนี้ ข้าก็เลยเลือกมันเป็นอาวุธประจำตัวซะเลย แต่ถ้าคับขันจริงๆ ต่อให้ไม่มีหอกข้าก็พร้อมจะใช้อย่างอื่นสู้นะ มือเปล่าก็ได้ จัดแบบเนื้อต่อเนื้อให้มันรู้ผลไวๆไปเลย! มันส์ดี!!
“ขอโทษที่ให้รอ”
เสียงของท่านเทพเจ้าเรย์ดังมาจากอีกฝากของทางเดิน เพียงชั่วอึดใจ ร่างของชายหนุ่มหน้าตาเทพๆ ออร่ากระจายคนนั้นก็ปรากฏเข้าสู่ระยะสายตา ความเป็นผู้ดีศรีสวรรค์ของเขาทำให้ข้ารู้สึกว่าควรเปลี่ยนคำเรียก… อืม… ขอเรียกว่าเรย์แล้วกัน ท่านเทพเจ้าเรย์มันดูฮาแปลกๆ ไม่เข้ากับรังสีเจนเทิลแมนของพี่แกสักนิด
“เล็กน้อยน่า ท่าน…” ข้าตอบไปด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่รู้เหมือนกันว่าสถานการณ์แบบนี้ควรจะพูดให้มันดูเป็นทางการยังไง แต่ ไม่รู้สิ ตอบไปแบบนี้ก็คงไม่ผิดมั้ง?
เรย์ยิ้มตอบ “เจ้าคือม้าศึกสินะ เกร็งรึเปล่าที่ถูกเรียกมาเป็นคนแรก?”
“สภาเทพใจร้อนจังเลยเนอะ” ข้าพูดติดตลกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ทำให้คนฟังหัวเราะตามเบาๆ ก่อนจะเอ่ยบอกสิ่งที่ข้าจะต้องทำด้วยน้ำเสียงเหมือนพ่อครัวกำลังอบรมลูกมือเรื่องการต้มสตูยังไงให้อร่อยที่สุด
“บททดสอบของเจ้าไม่ซับซ้อนอะไรเลย” เรย์ว่า “แค่เข้าไปในห้องซ้อมเต้นรำ ในนั้นจะมีลูกไฟและลูกระเบิดคอยโจมตีอยู่ เจ้าก็แค่หาทางทำลายมัน ด้วยพลังที่เจ้าได้รับก็จบ”
ลูกไฟ? ลูกระเบิด?...
พูดเหมือนเป็นหมอนกับหมอนข้างเลยเนอะ! ไฟกับระเบิดเชียวนะเฟ้ย!
“ถ้าข้าหลบไม่พ้นจะเกิดอะไรขึ้น?” ข้าเลิกคิ้ว
“คณะพยาบาลพร้อมเสมอหากเจ้าปางตาย…”
“ขอบใจ!”
โอเค จะบอกว่าถ้าข้าน็อคเอาท์เมื่อไหร่ก็พร้อมหามส่งถึงมือหมอเลยใช่มั้ย? ไม่มีเซฟตงเซฟตี้คัทอะไรมารองรับชีวิตข้าสักนิดเลยเรอะ!! แม้แต่สักนิดก็ไม่มีจริงๆเรอะ!!?
แต่ว่า เล่นกันถึงชีวิตแบบนี้…
ก็น่าจะมันส์ดีนี่!!
ปัง!
ข้าใช้ด้ามหอกกระแทกประตูห้องเต้นรำให้เปิดออก ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในข้างในโดยมีเรย์ยืนนิ่งรอดูการทดสอบอยู่หน้าห้อง เสียงรองเท้าของข้ากระทบกับพื้นมันเงาของห้องซ้อมเต้นรำดังเป็นจังหวะตามการก้าวเดิน จากการกะระยะคร่าวๆด้วยสายตา ทำให้ข้าพอจะบอกได้ว่าห้องนี้ใหญ่ประมาณไหน เอาจริงๆนะ มันก็ไม่กว้างนักหรอก แต่ค่อนข้างยาว เหมือนระเบียงทางเดินยาวๆแต่มีผนังห้องขนาบข้าง และที่สำคัญ… ไม่มีวี่แววของลูกไฟหรือลูกระเบิดอะไรอย่างที่ว่ามาทั้งนั้น…??
ว็อท?
ต้องให้จุดธูปเรียกก่อนปะ? หรือต้องแหกปากลบหลู่เหมือนพวกล่าท้าผีก่อนถึงจะมีอะไรเกิดขึ้น?
ฟุ่บ!!
“…!”
เหมือนว่าโชคชะตาจะไม่เป็นใจให้แหกปากเท่าไหร่นัก ไม่ทันจะได้อ้าปากด้วยซ้ำ การกระทำทุกอย่างถูกทำให้หยุดชะงักด้วยเสียงพุ่งแหวกอากาศของอะไรบางอย่างที่ตรงเข้ามาทางด้านหลัง นั่นทำให้ข้ารีบเบี่ยงตัวหลบโดยอัตโนมัติ
ชัดเลย… ลูกไฟที่ว่าสินะ…
หมับ…
ข้ากระชับหอกในมือเข้ามาหาตัวตามสัญชาติญาณ เมื่อด้ามจับถูกมือดึงเข้ามาหาตัวแบบไวๆ ส่วนปลายของมันก็กระทบกับพื้นห้องเต้นรำจนเป็นเสียงกังวานเบาๆ แต่เสียงนั้นกลับถูกกลบด้วยเสียงของลูกไฟที่พุ่งแหวกอากาศมาหาข้าเป็นลูกที่สองอย่างรวดเร็ว ให้ตายสิ ดูท่าลูกไฟคราวนี้จะแรงกว่าครั้งแรกซะด้วย…
ไม่มีทางจะปล่อยให้โดนโจมตีเปล่าๆ ข้าใช้สายตาเล็งระยะแบบชุ่ยๆแวบหนึ่ง เมื่อพบว่าลูกไฟพุ่งมาถึงระยะที่กะไว้พอดี ข้าก็ยกหอกขึ้นมาตัดฉับ!! ไฟถูกคมอาวุธแหวกเป็นสองซีก และจบลงด้วยการกลายเป็นผงสีทองจางหายไปอย่างสวยงาม
ไม่ให้แอ้มหรอกเฟ้ย!! วะฮ่าๆๆๆๆ!!!!
หือ ว่าแต่มีแค่นี้เหรอ? ไม่มั้ง บททดสอบของอัลฟาเรียนไม่มีทางจบไวขนาดนี้แน่ ข้ามั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นต์…
ข้ามองไปรอบๆ เพื่อมองหาอุปการณ์บ้าอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นตัวการปล่อยลูกไฟ แต่ว่ากลับไม่พบอะไรสักอย่างเดียว นอกจากเงาสีดำๆ เหนือหัวของตัวเองที่จู่ๆก็เกิดขึ้นแบบไม่มีปี่ขลุ่ย แถมดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเรื่อยๆ… จนไม่น่าจะเป็นเงาธรรมดาๆ…
เดี๋ยวนะ! ทำไมเงามันสีส้มๆ? เฮ้ย! แม่เจ้าโว้ย!! นั่นมันลูกไฟไม่ใช่เรอะ!!?
ซู่มมมมมม!!!!!!!
แล้วมันก็ยังไม่จบอย่างที่คิดจริงๆ!
เจ้าลูกไฟนรกแตกข้างบนนั่นใหญ่มาก ใหญ่พอๆกับโคมระย้าแถวๆนี้เลย เผลอๆอาจจะใหญ่กว่าด้วยซ้ำ มันดิ่งลงมาจากเพดานห้องซ้อมเต้นรำเหมือนคิดจะย่างหรือไม่ก็รมควันกันแบบสดๆ …อร่อยแน่ แต่ข้าไม่กิน!
ความร้อนขั้นมหาศาลของมันเร่งให้ข้าที่อยู่ห่างจากมันไม่ถึงสามเมตรกระโดดหลบไปด้านหลังด้วยความเร็วสูงสุดที่ตัวเองสามารถทำได้ในตอนนี้ …ส้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นอย่างแรงจนรู้สึกร้อนวาบ และหลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาที ลูกไฟนั่นก็ตกลงมาใส่พื้น ความรุนแรงของมันมากพอที่จะทำให้พื้นแหลกเละจนแตกเป็นเสี่ยงๆ โดยมีควันไฟคุกรุ่นออกมาเป็นระลอกๆ
“โฮ่…”
ถ้าข้าหลบไม่ทันคงกลายเป็นม้าศึกผัดไฟแดงแหงมๆ…
ข้าถอนหายใจ เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะความร้อนจากไฟที่ลอยชะแว้บผ่านไปผ่านมาในช่วงสั้นๆที่ผ่านมานี้ มันร้อนจริงๆนะ ร้อนเกินกว่าที่จะเป็นไฟได้ นี่มันลาวาชัดๆ!
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ข้าลอบเลียริมฝีปาก ดวงตาสีแดงเหมือนไฟของข้ามองไปยังจุดที่มีควันลอยออกมาอย่างเงียบๆ ก่อนจะรู้สึกตัวว่ามือข้างที่ไม่ได้จับอาวุธกำลังร้อนจี๋เหมือนเหล็กที่ถูกเผา และกำลังสั่นกึกๆ… เป็นสัญญาณบอกว่าพลังในฐานะม้าศึกของข้ากำลังก่อตัวขึ้น และเตรียมจะปะทุออกมาในเวลาอันใกล้นี้ น่าชื่นใจจริงๆ นานๆพี่แกจะมาถูกเวลาซะที! ข้าละปลื้ม!!
มือข้างนั้นถูกกำเข้าหากันแน่นตามความเคยชิน การกำมือทำให้ข้ารับรู้ว่ามันกำลังสั่นมากขึ้นทุกทีๆ อักษรรูปตัว G ปรากฏขึ้นมาแล้ว ได้เวลาที่ข้าควรจะใช้พลังที่มีให้เกิดประโยชน์ซะที!
ไม่ปล่อยให้รอเก้อ ลูกไฟยักษ์อีกลูกพุ่งเฉียงลงมาหมายจะโจมตีจากด้านบน ความเร็วและความร้อนไม่ได้ด้อยกว่าระลอกแรกเลย! แต่…
ข้ายกมือที่กำลังสั่นขึ้นไปด้านบน ตรงที่ไอ้ลูกไฟบ้านั่นกำลังจะตกลงมานั่นแหละ และในชั่วพริบตา!! ลูกไฟที่ทำท่าจะเผาหัวข้าอยู่รอมร่อก็ระเบิดตู้มต้ามเสียงดังลั่น เหมือนถูกปะทะกับอะไรพลังบางอย่างจนเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง กลายเป็นสะเก็ดไฟเล็กๆเพียงชั่วครู่ แล้วจึงกลายเป็นผงธุลีสีทองตกลงสู่เบื้องล่าง
บึ้ม!!!!
ฮี่ๆ ช็อตเมื่อตะกี้ข้าเท่โคตรๆเลยใช่มั้ยล่า!?
สายตาของข้ากวาดมองไปยังเบื้องหน้าเพื่อมองหาลูกไฟ พลางยิ้มออกมา อืม… ตอนนี้ข้ากำลังยิ้มด้วยรอยยิ้มสุดโฉดที่เพื่อนๆร่วมหมู่บ้านบอกว่าเป็นรอยยิ้มของพวกที่บ้าการทำลายเข้ากระแสเลือด
นั่นสินะ… รอยยิ้มแบบนี้ เป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับตอนที่ข้า……..
เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ช่างมันเหอะ…
ตูม!! ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!!!!
…อะไรฟะเนี่ย!! เหม่อแปปเดียวมากันเป็นหมู่คณะเลย!!
หอกสีแดงถูกดึงเข้ามาใกล้ตัวขณะที่ข้ากำลังมองดูลูกไฟยักษ์ประมาณห้าหกลูกที่พุ่งมาจากทุกทิศทาง ทั้งซ้าย ขวา หน้า หลัง และเหนือหัว ความร้อนที่ประดังกันเข้ามาทำให้ข้ารู้สึกว่าในตัวกำลังจะเดือดไม่ต่างจากไฟพวกนี้
ฟึ่บ!
ข้าตัดสินใจยกมือข้างที่มีพลังปะทุอยู่ขึ้นเหนือหัวเพื่อทำลายลูกไฟจากด้านบน มันระเบิดเสียงดังลั่น แต่ข้าไม่สนใจเท่าไหร่ ถึงมันจะทำให้หูอื้อนิดๆก็เถอะ ยังมีสิ่งที่ต้องจัดการต่อ ซึ่งก็คือลูกไฟบ้าๆอีกสี่ลูกที่พร้อมจะย่างสดข้าจากทุกด้านที่เหลือ
มือที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการระเบิดไฟบนหัวทิ้งถูกชักกลับลงมา ก่อนที่ข้าจะประกบมือข้างนั้นเข้ากับหอกในมือ มันทำให้อาวุธเล่มยาวประจำตัวของข้าส่องแสงสีแดงน่าแสบตาวูบหนึ่ง ก่อนที่ข้าจะหมุนเท้าเพื่อกลับหลังหัน แล้วเหวี่ยงหอกฟาดกับเปลวไฟตรงด้านนั้นอย่างแรง!!!
ตู้มมมมม!!!
เจ๋ง!! พลังนี่หลอมรวมกับอาวุธได้จริงๆด้วย!
พอค้นพบสรรพคุณใหม่ของพลัง ข้าก็เริ่มรู้สึกคึก ขาหมุนตัวกลับมาด้านหน้า แล้วฟาดหอกที่เต็มไปด้วยพลังทำลายอัดใส่ลูกไฟทีละด้านๆอย่างเมามันส์ แน่นอนว่ามันถูกพลังทำลายล้างปะทะเข้าใส่อย่างจังจนบึ้มเละเป็นแถบๆ
บึ้ม!! บึ้ม!!!!
พูดก็พูดเถอะ เสียงตอนไอ้ไฟพวกนี้ระเบิดตู้มต้ามนี่มันสะใจจริงๆ!!
แต่ ด้วยความที่ข้ามัวแต่ใส่ใจการโจมตีจากด้านหน้า ทำให้ข้าไม่ทันระวังลูกไฟยักษ์อีกลูกหนึ่งที่เพิ่งก่อตัวขึ้นหมาดๆ ชั่วขณะที่ข้ากำลังไม่ระวังหลัง มันพุ่งเข้ามาเผาทันที!!
“อุก!!!”
ด้วยการที่หันไปตั้งรับไม่ทัน ทำให้ข้าพลาด… ถูกลูกไฟโจมตีเข้าเต็มๆ มันพุ่งเข้าใส่ลำตัวอย่างจังจนคนโดนแบบข้าหงายหลังล้มไปด้านหลัง ให้ตายเหอะ นี่มันเหมือนกับชนกับนักรบในชุดเกราะเต็มยศไม่มีผิด จุดที่โดนทั้งแสบ ร้อน และจุกจนอยากจะอ้วก…
ไอ้ไฟบ้าเอ๊ย…!!
ภายในพริบตาเดียวที่ล้มลง ลูกไฟที่ได้ชัยไปในยกแรกก็พุ่งตามมาอย่างรวดเร็วเหมือนจงใจจะเผาให้ไหม้ติดพื้น ไม่ให้มีปัญญาลุกขึ้นมาโจมตีต่อได้อีก แต่ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้เป็นแบบนั้น!…
ข้ายกมือขึ้น ตัวอักษร G บนฝ่ามือเปล่งแสงวูบ ก่อนที่การระเบิดจะเกิดขึ้นในระยะเผาขนสุดๆ!!
ตูมมมมมมม!!!!!!
หวิดไป…! อูย… ไอ้ไฟบ๊องเอ๊ย… เล่นเอาจุกจนต้องใช้หอกค้ำเลยเนี่ย… แง่งงงงงง!!
หอกสีสดถูกมือข้างหนึ่งกำเอาไว้ ส่วนอีกข้างถูกยกขึ้นมาปัดผมที่ปรกตาออก… ไม่น่าเลย… ข้าลืมมัดมาจนได้ ไว้กลับบ้านพักไปต้องเอาหนังสติ๊กรัดข้าวแกงมามัด ไม่ไหวๆ ผมเกือบถูกไฟเผาไปหลายรอบแล้วมั้ยละ ไม่น่าไว้ผมยาวเลย! ที่ข้าไว้ผมยาวเพราะท่านพ่อกับท่านแม่ขอร้อง (แกมบังคับ) หรอกนะ พวกท่านบอกว่าข้าจะได้มีอะไรเหมือนผู้หญิงกับเขาบ้าง นอกเหนือจากเพศที่ระบุไว้บนทะเบียนสำมะโนประชากร… เอ่อ อ่าห์… นี่พวกท่านแอบด่าข้าทางอ้อมว่าทำตัวเถื่อนเหมือนผู้ชายสินะ?
บึ้ม!!
อ อะร๊ายยยยยยยยยยย!!!!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น พอข้าหันไปมองตามต้นเสียงก็เห็นร่องรอยของการเกิดระเบิดที่พื้นห้องอย่างชัดเจน… ภาพตรงหน้าคือพื้นที่บุบบู้บี้… เละตุ้มเป๊ะสุดจะบรรยาย… แต่ว่านะ นี่เป็นสิ่งที่บอกได้ดีว่าการโจมตีชุดที่สองกำลังจะเริ่มแล้ว และนั่นคือการโจมตีจาก ‘ลูกระเบิด’ ตามที่เรย์บอก แล้วมันก็ดันมาตอนที่ข้าบ่นหิวพอดีเลยด้วย!
มาผิดเวลาไปนะเพ่! ปั๊ดเขมือบซะนี่!!!
ข้ากำลังอยู่ในช่วงอยากกินระเบิด ก็เลยมองหาระเบิดเพื่อจะกิน แต่พอมองไปรอบๆห้องแล้วไม่เจอ ข้าก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด…
ว้ากกกกกกกกก มาให้กินเดี๋ยวนี้นะเฟ้ยยยย!!!!!!
ก่อนที่ข้าจะแทะหอกตัวเองแก้หิว การโจมตีบางอย่างก็ก่อตัวขึ้น มันชัดเจนมากเลยนะ… รังสีอันตรายเข้มข้นมาก แน่นอนว่ามากกว่าลูกไฟเมื่อกี้หลายเท่า อีกอย่าง ลมในตอนนี้ก็พัดแรงเสียจนแทบจะเป็นพายุ… เหอะ! คนยิ่งหิวๆอยู่! เดี๋ยวปั๊ดกินทั้งระเบิดทั้งลม!
และแล้ว ข้าก็ต้องเขวี้ยงความหิวออกนอกโลกไปเมื่อสังเกตเห็นรูปแบบการโจมตีแบบใหม่จาก ‘ลูกระเบิด’ ที่กำลังจะเกิดขึ้นใกล้ๆนี้
อะไรละเนี่ย! ไม่เคยพบเคยเห็นเลยแฮะ การโจมตีแบบนี้…?
เป็นยังไงน่ะเหรอ? จากที่ข้าเห็นตอนนี้นะ รู้สึกเหมือนลมที่พัดเป็นบ้าเป็นหลังรอบตัวถูกเอามาอัดกันเป็นแผ่นๆ เหมือนโรตีแผ่นเล็กๆ แล้วมันไม่ใช่แผ่นเดียว แต่เป็นหลายแผ่นเลยก็ว่าได้ มันล้อมรอบตัวข้าเป็นวงกลมจากด้านหน้าถึงด้านหลัง …แน่นอน มันทำให้ข้างง… งงมาก ไม่รู้ว่ามันจะโจมตีอีท่าไหน อะไร ยังไง…กินได้มั้ย??
แต่หลังจากที่มันก่อตัวได้ไม่ถึงสามวิ มันก็ระเบิดลั่น!! ทั้งๆที่ยังในรูปร่างแบบนั้น!!
…และ… แน่นอน คนที่อยู่ในวงในอย่างข้าย่อมโดนแรงระเบิดไปเต็มๆ!
ตูม!!! ตูม!!!! ตูม!!!!!!
เจ็บ!
“ชิ…”
ข้ากัดปากตัวเองเบาๆโดยไม่มีเหตุผล ความรู้สึกเจ็บมันจี๊ดไปตามแผลที่เกิดขึ้นจากแรงระเบิดที่อัดกันมาทุกด้าน ข้ารู้ดีว่ารอบแรกแบบนี้ยังแค่เบาะๆ รอบหน้าจะหนักและแรงกว่านี้ เหมือนกับการโจมตีจากลูกไฟที่ผ่านมา… ความจริงข้าควรจะกลัวนะ แต่ไม่ละ…
แบบนี้น่าสนุกกว่าพวกลูกไฟน่าเบื่อเมื่อกี้เยอะเลย!
พายุรอบๆค่อยๆบีบตัว ทำท่าเหมือนจะกลายเป็นระเบิดโรตีอีกรอบ (ขอโทษที่เซนส์การตั้งชื่อแบบเฉียบพลันของข้ามันห่วย…) ข้ากำหอกในมือแน่น ถอยเท้าออกมา ก่อนจะส่งพลังทำลายที่ฝ่ามือให้ซึมเข้าอาวุธอย่างช้าๆ เหมือนกับการชาร์จพลัง ดวงตาจ้องมองไปด้านหน้าด้วยความรู้สึกที่พร้อมจะโต้ตอบทุกเมื่อ
มันระเบิดมา ข้าก็ระเบิดกลับ จบ!
เมื่อการสร้างระเบิดแผ่นเสร็จสิ้น มันก็พุ่งมาที่ข้าโดยหวังจะโจมตีเหมือนคราวก่อน แต่กลับถูกหอกฟาดจนมันกลับเป็นฝ่ายระเบิดเสียเอง ระเบิดชนระเบิด ระห่ำโคตร! แบบนี้สิที่ข้าชอบ!!
ครืน….
เอาแล้วไง ระเบิดของจริงกำลังจะมาแล้วใช่ปะ… ฟ้าร้องดังซะขนาดนี้…
การทดสอบดำเนินมาถึงจุดสุดท้าย ในที่สุด ลาสต์บอสที่ข้าต้องปิดฉากก็เปิดตัวซะที…
ลมที่ใกล้คำว่าพายุเข้าไปทุกทีม้วนตัวเข้าด้วยกัน แม้จะไม่ใช่พายุแบบเต็มรูปแบบ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ข้ายืนไม่ค่อยจะติดที่นัก ในจังหวะที่กระแสลมค่อยๆจางหายไป ข้าก็เห็น ‘บางสิ่ง’ นับพันนับหมื่นที่หมายจะโจมตีข้ารอบๆห้องนี้… นั่นคือ ‘ดงระเบิด’ ที่พร้อมจะระเบิดอยู่ตลอดเวลา!!
เป็นระเบิดแบบแผ่นเหมือนเมื่อกี้ แต่มีจำนวนมากเป็นพัน เผลอๆอาจมากกว่านั้น… แถมยังแปะเรียงกันเป็นแพอยู่เต็มห้อง ยังไม่หมด ยังมีระเบิดที่ลอยอยู่ตามอากาศพร้อมจู่โจมอีกชุดใหญ่… ประมาณว่ากะจะอัดให้เละทั้งสองด้านว่างั้น?
ตูมๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!
ทันใดนั้น!! ระเบิดขนาดยักษ์เป็นสิบๆลูกก็ระเบิดออก แรงระเบิดกระจายออกเป็นวงกว้าง แม้จะไม่โดนข้าเต็มๆ แต่ก็ทำให้ข้าหยุดชะงักไปได้ครู่หนึ่ง แต่มันไม่หยุดตาม หนำซ้ำยังเกิดระเบิดระลอกถัดมาต่อเนื่องกันแทบจะในทันที! คราวนี้มันอยู่ทางซ้าย… ในระยะห่างที่ใกล้กันเพียงแค่เอื้อมมือ!
ข้าพลิกตัวหลบ ก่อนออกแรงกระซวกผนังห้องด้านซ้ายจนทะลุ คมอาวุธกรีดผนังเป็นแนวยาวจนลวดลายที่วาดเอาไว้ลอกออกมาเป็นแผ่นๆ ตายละวา… ต้องชดใช้เท่าไหร่ฟะเนี่ย…? โอ๊ย ช่างมันๆ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำลายไอ้ระเบิดนี่!!
ข้าพูดไม่ถูกแล้วว่าระเบิดลูกไหนเป็นระเบิดที่ลอยอยู่หรือเป็นระเบิดที่แปะอยู่ตามผนัง มันเกิดขึ้นติดๆกันจนมั่วไปหมด ทุกอย่างมันดูอัดกันเข้ามาใกล้ซะเหลือเกิน ใกล้จนข้าประมาทไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
ตูม!!!!
ตูม!!!!!!
ตูม!!!!!!!!
เออ!! ระเบิดกันเข้าไป จะไม่ให้พักก็บอกกันสิ!
ไม่ทันขาดคำ ระเบิดชุดใหม่ก็ถูกจัดขึ้นตรงหน้าโดยไม่แคร์ว่าข้าเพิ่งทำลายระเบิดอีกด้านเสร็จไปหมาดๆ ข้าผละมือข้างที่ร้อนผ่าวออกจากด้ามจับชั่วคราวเพื่อวาดมันไปด้านหน้า พลังของมันเข้าปะทะกับระเบิดอย่างจัง ทำให้ระเบิดลูกนั้นถูกทำลายได้อย่างทันท่วงที แต่ไม่ทันไร ชุดใหม่ก็ถูกประเคนใส่ติดๆกันแบบไม่คิดจะให้หยุดหายใจ!
ข้าถีบเท้าตัวเองเพื่อพุ่งไปด้านหน้า ตรงไปยังจุดที่กำลังจะเกิดระเบิด ก่อนจะใช้มือข้างที่มีตัวอักษร G ปรากฏคว้าหมับเข้าที่ระเบิดลูกหนึ่งที่กำลังลอยอยู่ แล้วเขวี้ยงทิ้งลงพื้น จากนั้นก็เอาด้ามหอกกระทุ้งใส่ให้แหลกเป็นผงสีทองหายไป เมื่อกี้มันแอบระเบิดใส่มือข้านิดหน่อยตอนใช้มือจับ เลือดหยดลงพื้นเป็นหยดๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก ช่างมัน
หมับ!
หลังจากทำลายระเบิดตรงส่วนนี้เสร็จ ข้าก็คว้าอาวุธแน่น ดวงตามองไปข้างหน้าเพื่อประเมินสถานการณ์… ชัดเจน… ไอ้เจ้าระเบิดนั่นมันแปะอยู่ทั่วห้อง แถมยังเหลือที่ลอยอยู่ตามอากาศอีกเพียบ… ทำลายทีละอันคงช้าไม่หยอก… ดีไม่ดี ข้านั่นแหละจะเป็นฝ่ายพลาดท่าเอง
ตัวการ… ใช่ มันต้องมีตัวการสักตัวที่สร้างระเบิดพวกนี้ขึ้นมา
ตูม!!!!!!!
ตูม!!!!!!!!
ข้าพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ตั้งแต่ลูกไฟจนถึงระเบิดว่ามันเป็นยังไง มีที่มายังไง อย่างเงียบๆขณะที่ลงมือป้องกันและทำลายระเบิดรอบๆตัวไปเรื่อยๆ สุดท้าย ความคิดของข้าก็กระจ่างหลังจากใช้แรงถึกๆส่วนบุคคลฟาดหอกโจมตีเพื่อทำลายระเบิดลูกหนึ่ง เท่าที่จำได้…ข้าว่าลูกไฟกับระเบิดเหล่านั้นมันแปลกๆ
ใบหน้าของข้าหันไปอีกด้านหนึ่งของห้องซ้อมเต้นรำ พลางหรี่ตานิดหน่อยเพื่อปรับระยะภาพให้ชัดขึ้น จนกระทั่งเห็นรูปปั้นอันหนึ่งยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้น เป็นรูปปั้นผู้หญิงผมยาวเฟื้อยสีขาวทั้งตัว โดยข้างๆตัวนางไม่มีระเบิดสักลูกถูกแปะไว้เลยสักลูก…
โป๊ะเชะ!
ข้าหลุดแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะเริ่มวิ่งฝ่าดงระเบิดตรงไปหารูปปั้นนั่น!
ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!!!
บาดแผลเกิดขึ้นตามตัวของข้าที่กำลังวิ่งอยู่โดยไม่ยั้งฝีเท้า มันมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆเพราะข้าเล่นออกวิ่งโดยไม่สนใจว่าระเบิดจะเกิดขึ้นตรงไหนบ้าง ไม่สนแม้กระทั่งความหนักเบาของระเบิด สายตาของข้าจ้องมองอยู่ที่จุดๆเดียว ซึ่งก็คือรูปปั้น และสมองก็กำลังสั่งการซ้ำไปซ้ำมาอยู่เพียงคำเดียว
ล้ม มัน ซะ!
ในที่สุด ข้าที่ตอนนี้มีทั้งบาดแผลและคราบเขม่าเต็มตัวก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นหญิงสาว หากสังเกตนิดหน่อยจะเห็นว่าดวงตาของรูปปั้นเป็นสีแดงวูบวาบแบบผิดธรรมชาติสุดๆ นั่นยิ่งยืนยันว่าอะไรเป็นอะไรได้ดี
ปี๊บๆๆๆ…
นั่นไง แค่ข้ายืนอยู่ตรงนี้เท่านั้นแหละ เสียงเตือนประหลาดก็ดังไปทั่วห้อง ก่อนที่ระเบิดทุกตัวบนผนังจะเปล่งแสงวูบวาบ ที่ลอยอยู่บนอากาศก็เช่นกัน คงจะระเบิดพร้อมกันในไม่ช้า ระเบิดอัดกันมาพร้อมๆกันทุกด้าน แถมยังมีเป็นพัน ถ้าช้าอีกนิด ข้าได้ถูกแรงระเบิดบึ้มเละ กลายเป็นม้าศึกบด แล้วข้าก็จะอดกินข้าว อดต่อสู้ และอดเป็น G ไปอีกชั่วกาลปาวสาน!! นรกชัดๆเลยแบบนั้น!!!!!!!!!
ด้วยความรีบเร่ง สมองข้าจึงสั่งการให้ข้าโจมตีรูปปั้นตรงหน้าด้วยสัญชาติญาณดิบ…ดิบจริงๆ!
รูปปั้นเอ๊ย! ข้าขอโทษนะ!
เปรี้ยง!!
ข้าถลกกระโปรงขึ้น แล้วยกเท้าขึ้นถีบๆๆๆๆ รูปปั้นโดยหวังจะให้มันล้มคว่ำ!! พอเห็นว่ามันโงนเงนๆแบบกวนๆ ไม่ยอมล้มสักที ก็ข้าเริ่มหงุดหงิด เลยตบหัวมันดังผัวะเพื่อให้เสียสมดุลล้มลงกับพื้น ก่อนจะตามมาด้วยการยกหอกขึ้นเหนือหัว แล้วฟาดมันซะจนแหลกเป็นเศษหินด้วยพลังแห่งความเถื่อนดิบส่วนบุคคล!! เห็นปะ จบเท่จะตาย! ถึงแม้ตอนเริ่มจะด้อยความสวยงามไปหน่อยก็เหอะ!
พอรูปปั้นเดี้ยงไปแล้ว ข้าก็หันกลับไปมองรอบๆห้อง เยี่ยม! ระเบิดหายไปแล้ว เจ๋ง!!!
“…ฮู่…”
เหนื่อย… นี่เหนื่อยใช้ได้เลยนะ เหงื่อก็เกือบจะท่วมแล้วด้วย โฮ่ นับว่าเป็นการออกกำลังกายครั้งใหญ่เลยนะเนี่ย ไม่สิ เรียกว่าออกกำลังกายมันดูถูกกันเกินไป ต้องเรียกว่าการก่อวินาศกรรมในร่มขนาดย่อมยังจะดูมีคลาสกว่า
“เจ้าผ่านการทดสอบแล้ว” เสียงพูดและเสียงฝีเท้าของเรย์เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งหยุดอยู่บริเวณด้านหลัง พนันได้เลยว่าถ้าหันไปมอง ข้าต้องเห็นคุณชายท่านนี้คงกำลังยิ้มเจิดจรัสตามสไตล์ตัวเองอยู่เป็นแน่แท้… “เจ้าน่ะ…เป็นนักรบที่น่ากลัวจริงๆเลยนะ…”
“น่ากลัว?”
ข้าหันขวับไปมอง เรย์กำลังส่งยิ้มบางๆมาให้ข้า แต่แววตาแอบส่อประกายกังวลหน่อยๆ ที่ข้าเองก็เดาไม่ถูกว่ากังวลอะไร
“ไม่ๆ ข้าไม่ได้จะว่าเจ้านะ” เรย์รีบแก้ตัวเมื่อคิดว่าข้าอาจจะเข้าใจอะไรผิด ก่อนที่หมอนั่นจะรีบอธิบายต่อทันควัน “ที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง…การโจมตีของเจ้าเป็นการโจมตีที่รุนแรงเหนือความคาดหมายมากเลยละ ทั้งการปะทะ การตอบโต้ แล้วก็การทำลาย ทุกอย่างสุดยอดมากเลยละ ขอชมจากใจเลยว่าทรงพลังจริงๆ”
ข้าอ้าปากค้างหน่อยๆกับคำพูดของเรย์ “โอ้ ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แต่… ที่ข้ากังวล…” ในที่สุด หมอนี่ก็พูดในสิ่งที่ข้าอยากรู้เสียที “เจ้าบ้าดีเดือดเกินไปนะมิร่า… การตัดสินใจในบางครั้งของเจ้าเสี่ยงเกินไปหน่อย… อย่างตอนที่เจ้าวิ่งฝ่าดงระเบิดเนี่ย ข้าตกใจมากเลยนะ ไม่นึกว่าจะใช้วิธีนี้… ถ้าเป็นในสงครามจริงๆเจ้าอาจแย่ได้นะ ข้าคิดว่า…” เรย์เว้นวรรค “เจ้าควรนำจุดแข็ง ซึ่งก็คือการโจมตีที่หนักหน่วงของเจ้ามาใช้เสริมในจุดนี้ หรือดัดแปลงเป็นการโจมตีในบริเวณกว้างก็อาจจะช่วยได้ ข้าคิดแบบนั้นนะ”
ข้าหัวเราะ พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบผมสีทรายของตัวเอง เรย์เป็นคนที่ประเมินการต่อสู้ของแต่ละคนได้เก่งมาก เหมือนมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้มาเยอะ ถ้าจะให้เดา ข้าว่าเรย์คงรับหน้าที่ประเมินอัลฟาเรียนรุ่นก่อนๆมาเหมือนกันมั้ง? แบบว่า สั่งสมประสบการณ์มามาก จากรุ่นสู่รุ่น รุ่นแล้วรุ่นเล่า อะไรแนวๆนี้… แต่… เฮ้! ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ตอนนี้พี่แกอายุปาเข้าไปเท่าไหร่แล้วละฟะ!!!?
“ลองทำตามที่ข้าบอกดูนะ” พอพูดจบ คุณชายแกก็ส่งยิ้มสว่างเจิดจ้าประดุจดวงอาทิตย์มาให้ข้าอีกครั้ง “สู้เขานะ ระดับเจ้ายังไปได้อีกไกล ข้าเชื่อ”
คำพูดของเรย์ทำให้ข้าเผลอยิ้มกว้างขึ้นมาทันที ข้าพูดขอบใจออกไป พร้อมกับยกมือขึ้นทำท่าตะเบ๊ะแบบทหารอย่างสวยงามอลังการให้หมอนั่นครั้งหนึ่งประกอบการขอบคุณ
“ขอบใจมากนะ ท่านเรย์!”
“บอกแล้วไงว่าให้เรียกแค่เรย์เฉยๆก็ได้”
ผู้ชายคนนี้อัธยาศัยดีโคตรๆเลยแฮะ! ถึงลุคเฮียแกจะออกแนวเจ้าชาย แต่ก็ดูเป็นเจ้าชายใจดี ท่าทางไม่เสแสร้ง ไม่ดัดจริตด้วย เพอร์เฟ็คต์ๆ คุ้มแล้วที่เอ็มม่าจะน้ำลายไหลขนาดนั้น นี่ถ้าน้ำลายนางเป็นสายไหมคงจะเป็นสายไหมที่ยาวที่สุดในโลกแล้วอะ แต่ว่า… ทำไมมันดูไม่ค่อยน่ากินฟะ? หรือต่อมอยากอาหารข้าเกิดมีปัญหาขึ้นมากระทันหัน?
“โอเค เรย์” ข้ายื่นมือขวาไปด้านหน้าเพื่อทำการเช็คแฮนด์ ซึ่งเรย์ก็ทำตามอย่างไม่ถือตัว “ยินดีที่ได้รู้จัก ข้ามิร่า แฟลร์ธาเวย์”
“เรย์ เดอร์ ฌางยี ก็เช่นกัน”
เรย์ยังยิ้มไม่หุบเลยแฮะ นี่กะจะยิ้มทั้งวันเลยเรอะไงพ่อคุณ? แต่ยิ้มสวย ให้อภัย ถือว่าทดแทนกันได้
“โอเค ข้าไม่รบกวนท่านแล้วดีกว่า ขอตัวกลับบ้านพักก่อนนะ!”
พอพูดจบ ข้าก็ปล่อยมือ โค้งอำลาครั้งหนึ่ง ก่อนจะมือขึ้นบ๊ายบาย ตอนแรกเรย์ก็ทำท่าเหมือนจะบอกลาข้าเหมือนกัน แต่จู่ๆ คำอำลากลับกลายเป็นอีกประโยคหนึ่งแทน
“อา… เดี๋ยว มิร่า!”
“หา ว่าไง?”
“ข้าขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?”
เรย์ยิ้มบางๆเล็กน้อย ก่อนจะมองข้าด้วยสายตาเหมือนจะขอความช่วยเหลืออะไรสักอย่าง
“ได้สิ ว่ามา?”
“เพื่อนของเจ้า… เด็กสาวผมสีทองตาสีฟ้าสวยๆคนนั้น ผู้เล่าเรื่องแห่งอัลฟาเรียนน่ะ…” เรย์เอ่ย “…เธอชื่ออะไรงั้นเหรอ? แล้ว…” คำพูดถูกเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนที่เรย์จะพูดด้วยเสียงที่เบาขึ้น “ชอบทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?”
คำพูดนั้นทำให้ข้ายิ้มกว้างออกมาโดยไม่มีใครห้ามได้ นี่ถ้ามีโต๊ะ ข้าคงตบโต๊ะผางไปแล้ว…
เอ็มม่า!! คนที่เจ้าปลื้มเขาถามถึงเจ้าด้วยน่ะ!!
ความคิดเห็น