คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Alphabet 1 : ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งอัลฟาเรียน
Alphabet 1
ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งอัลฟาเรียน
โครม!!!!!
“อุ๊!”
ความเจ็บระบมจากการตกลงมาสู่พื้นอย่างแรงทำให้ข้านิ่วหน้าอย่างหนัก รู้สึกได้ว่าที่เจ็บที่สุดคือสะโพก… ข้าจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพื่อจะเช็คสภาพตัวเองว่าเป็นตายร้ายดีประการใด แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็ถึงกับชะงัก!
ที่ นี่ ที่ ไหน ฟะ!!
ข้ากำลังนั่งอยู่บนพื้นหินอ่อนสีขาวปลอด หินอ่อนท่าจะแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วย ข้างๆมีเสาหินที่แกะสลักเป็นรูปเทพธิดาบ้าง อะไรบ้างเต็มไปหมด แล้วก็มีคน? คนประมาณ…เอ่อ น่าจะมากกว่าสิบคนเดินกันขวั่กไขว่แล้วก็พูดคุยจอแจกันอยู่ในนั้น เมื่อมองขึ้นไปเหนือหัวก็พบหลังคารูปโดมที่มีจิตกรรมรูปกลุ่มดาวต่างๆที่ถูกวาดไว้อย่างวิจิตรงดงาม… มันสวยมากจริงๆนะ! แต่ข้าไม่ใช่กวี คงจะหาคำไหนมาอธิบายได้หรอก เอาเป็นว่ามันสวยที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาก็แล้วกัน!
แต่เฮ้ย มันไม่ใช่ป่าที่ข้าตกลงมานี่หว่า? แล้วมันคือแห่งหนใด!
ขวับ!
ข้าก้มหน้าลงมาสู่ระยะเดิม หูได้ยินเสียงส้นรองเท้าดังเข้ามาใกล้ แล้วตาสีเพลิงของตัวข้าก็สังเกตเห็นเท้าในรองเท้าบูทสีดำของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ข้ามากขึ้นทุกทีๆ
อย่าเหยียบข้านะเฟ้ย!
กึก…
หือ? หยุดเดินแล้ว?
“…?”
ข้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเท้าคู่นั้นอย่างประหลาดใจ แล้วข้าก็มองอะไรไม่เห็นเลยนอกจากสีดำ…
ไม่…ไม่ใช่คำเปรียบเปรย…
ไอ้คนตรงหน้าข้ามันใส่ฮู้ดสีดำคลุมทั้งตัวเลยครับพี่น้อง!!! ไม่เห็นหน้า ไม่เห็นตา ไม่เห็นแม้กระทั่งเพศ!
“จ เจ้าเป็นใคร…?”
เสียงที่ถามออกไปตอนนี้มันแหบๆพิกลๆแฮะ แต่ข้ามั่นใจว่า หืม…ชาย? หญิง? อ่า โอเค เรียกว่าคนชุดดำก็แล้วกัน มันต้องได้ยินแน่ๆ เพราะมันแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบโดยการเอียงคอเล็กน้อยพอเป็นพิธี แล้วก็เอื้อมมือไปด้านหลังของตัวเอง ทำท่าเหมือนจะหยิบอะไรออกมา?
ของกิน!?
ข้าตั้งตารอมันอย่างใจจดใจจ่อ ตอนนี้ข้าเห็นมันรางๆแล้ว! สีเงิน!? ลูกอมงั้นเหรอ! เยี่ยม! ใจดีสุดยอด!! แบบนี้สิเจ๋ง!
กึก…
เฮ้…?
เมื่อสิ่งที่ข้าคิดว่าเป็นลูกอมมาตลอดเผยโฉมมาแบบเต็มๆ ความฝันของข้าก็พังทลายไปพร้อมๆกับหัวใจหายวูบ…
ดาบ!
มีเลือดสดๆติดอยู่ด้วย!!?
อ อะไร!?
“ฮิๆๆๆ…” เสียงหัวเราะที่ฟังดูโคตรน่ากลัวดังออกมาจากปากของคนชุดดำ พร้อมกับการฟาดดาบเปื้อนเลือดนั่นลงมาทางข้าอย่างสุดแรง! เดี๋ยว! ข้าไม่มีอาวุธนะเฟ้ย!! เอาไงดี!?
ในช่วงเวลาที่เร็วเพียงเสี้ยววินาที ข้าก็ก็ตัดสินใจตั้งรับอาวุธนั่นด้วยวิธีการ…
ง่ำ!!!
งับดาบ!!
ใช่แล้ว ข้าเบี่ยงตัวหลบวิถีดาบที่ฟาดลงมา ก่อนจะอ้าปาก แล้วงับดาบที่เกือบจะฟาดหัวข้าอยู่รอมร่อจากด้านข้างด้ายท่าเดียวกับตอนกินบาร์บีคิว หยุดการเคลื่อนไหวของมันไปได้อย่างทันท่วงที เอ่อ เลือดที่ติดอยู่บนปากเข้าปากข้าด้วย… แหวะ เลือดคนไม่เห็นอร่อยเลย พวกแวมไพร์มันกินเข้าไปได้ยังไงฟะ!
เดี๋ยวดิ ถ้ามันไม่ใช่เลือดคนละ?
ถ้ามันเป็นเลือดของแวร์วูลฟ์ที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าละ…?
“อ่อก…แหวะ!!”
แล้วข้าก็วิ่งหนีไปล้วงคออ้วก ท่ามกลางความตกตะลึงของคนในชุดดำที่ดูจะอึ้งๆไปกับการโต้ตอบของข้าเมื่อครู่ แต่ตอนนี้ข้าไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้นนอกจากการโก่งคอ แล้วพ่นอ้วกใส่พุ่มกุหลาบขาวแถวๆนั้น
หมดกัน… สปาเกตตี้ข้า!
“อุ๊บ อ่อก…”
ระหว่างที่ข้า มิร่า แฟลร์ธาเวย์ ว่าที่ม้าศึกแห่งอัลฟาเรียน G หนึ่งในตัวแทนของเทพบิดร กำลังอ้วก…อ่า อาเจียนใส่พุ่มกุหลาบขาวอย่างไม่ลืมหูลืมตา หางตาก็เหลือบไปเห็นคนสองคนที่น่าจะยืนอยู่ตรงแถวๆพุ่มกุหลาบนั้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว นี่ข้าหลับหูหลับตาวิ่งมาจนไม่สังเกตเห็นคนเลยเหรอเนี่ย?
มือถูกยกขึ้นมาเช็ดปากแบบลวกๆ นั่งรอสักพักเพื่อให้หัวหายมึน แล้วข้าก็หันไปมองคนทั้งสองที่เหมือนกำลังมองข้าอยู่…
“เฮลโล…” นี่คือคำทักทายที่แสนแหบแห้งของข้า
คนสองคนที่ยืนมองข้าอยู่… อืม เป็นผู้หญิงแน่ๆ ทั้งคู่เลย มีสองคน คนหนึ่งสูงกว่า อีกคนหนึ่งตัวเล็กกว่าหน่อย คนที่สูงกว่าเป็นผู้หญิงผมสีแดง แดงจริงๆนะ แดงเหมือนเลือดที่ติดดาบเจ้าชุดดำเมื่อกี้ไม่มีผิด ผมยาวระต้นคอ มีดวงตาสีเหลืองสวยใช้ได้ แต่ตาอีกข้างไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมถูกเซตลงมาให้ปิดตาข้างหนึ่งแบบมิดชิดพอดิบพอดี หน้าตาก็ดูออกหรอกนะว่าเป็นผู้หญิง แต่ว่าออกแนว ‘หล่อ’ พูดง่ายๆ คนๆนี้ก็คือสาวหน้าหล่อ ดูห้าวๆ มองไปมองมาหล่อกว่าผู้ชายที่ได้รับตำแหน่งนายหล่อประจำหมู่บ้านข้าอีก คนหนึ่งนั่นเอง ที่สำคัญ เจ๊แกกำลังมองหน้าข้าด้วยสายตาหยามเหยียดแบบที่สุดในโลกหล้าอยู่…
ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างจากเจ๊หน้าหล่อคนเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง เธอเป็นสาวน้อยน่ารัก ใบหน้าจิ้มลิ้ม แก้มสีชมพู มีบุคลิกที่ดูเป็นเจ้าหญิงน้อยๆ ผมยาวถึงเอวสีชมพูอมขาว ตากลมโตสีฟ้าน้ำทะเล ตอนนี้กำลังถูกเจ๊ผมแดงข้างๆกอดไหล่ไว้แน่นอยู่
แต่สองคนนี้ก็มีส่วนเหมือนกันนะ พี่น้องกันเหรอ?
และในจังหวะที่ข้ากำลังยืนจ้อง ผู้หญิงผมแดงหน้าตาหล่อโฮกคนนั้นก็พูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มเท่…
“หึ พวกเหลือบไร…”
ฮะ? อะไร?
ตอนแรกก็นึกว่าเจ๊แกบ่นไปงั้นๆเพราะโดนมดไต่ขา แต่วิเคราะห์จากสีหน้าท่าทางแล้ว มันบ่งบอกถึงตัวข้าทุกอย่างแบบไม่มีช้อยส์หนึ่งช้อยส์สองช้อยส์สาม
เฮ้ย! นี่ข้าถูกด่าเรอะ!?
ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร เจ๊ผมแดงก็เชิดหน้าสี่สิบห้าองศา แล้วก็หันไปพูดกับสาวน้อยผมชมพูด้วยเสียงโทนเดิม แต่อ่อนโยนขึ้นมาหน่อย “ไปกันเถอะ วิโอล่า…”
วิโอล่า ชื่ออีกคนสินะ? ชื่อน่ารักสมกับหน้าตาเลยหนู! อ๊ากกกกกก!! น่ากิน!! (?)
“ค่ะ ท่านพี่…”
ส เสียงน่ารัก! หวานๆ ฟังแล้วรื่นหูสุดๆ! สองคนนี้เป็นพี่น้องกันจริงๆเหรอเฮ้ย!!?
ฟุ่บ!
“เฮ้ย!”
ก่อนที่ข้าจะเป็นโรคจิตคิดชอบเพศเดียวกันไปมากกว่านี้ สัญชาติญาณนักรบก็ร้องเตือนลั่น และหลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงดาบฟาดแหวกอากาศดังลั่นข้างหู ส่วนที่มาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนชุดดำที่ข้าวิ่งหนีมาอ้วกเมื่อกี้นี่เอง! นี่ข้ายังสลัดมันไม่พ้นเรอะ!? ว่าแต่มันเป็นเพศอะไร!
คมดาบเฉียดข้าที่หลบทันไปนิดเดียวแบบฉิวเฉียด ไม่ทันให้หายใจหายคอ คนชุดดำก็ฟันดาบใส่อีกรอบแบบไม่ให้พัก ซึ่งยังดีที่ข้าถอยหลังหลบทัน ไม่งั้นโดนฟันขาดสองท่อนแน่… ไอ้เจ้าบุคคลไม่ทราบเพศคนนี้ก็ฟันเก่งใช่ย่อย… ดูท่าแล้วคงจะต่อกรด้วยวิธีธรรมดาๆไม่ได้แน่
ฟึ่บ!!
ไม่ปล่อยให้ยืนประเมินฝีมือนาน ไอ้ดาบนั่นก็ฟันลงมาอีกแล้วครับท่าน! ตอนนี้ข้าหลบซ้ายหลบขวาหลบหน้าหลบหลังจนเหนื่อยไปหมดแล้วนะเฮ้ย! เนี่ย! แล้วตอนนี้เราสองคนก็กำลังวิ่งวนไปมาอยู่แถวๆนั้น สนุก! สนุกมากเลย! …ตรงไหนฟะ!
หึ… คงจะหยุดด้วยวิธีธรรมดาๆไม่ได้แล้วสินะ!
เมื่อคิดเช่นนั้น ข้าดึงความบ้าส่วนตัวออกมา หันกลับไปประจันหน้ากับเจ้าไม่ทราบเพศ แล้วพูดด้วยเสียงอันดัง!
“หยุด!! ข้าคือพ่อของเจ้า!!!”
แล้วหลังจากพูดไปได้ห้าวินาที ข้าก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าข้าพูดออกไปได้ยังไงฟะ…?
แต่ได้ผลแฮะ คนไม่ทราบเพศชุดดำนั่นชะงัก มองมาทางข้าแบบอึ้งๆ ดาบถูกลดลงจนอยู่ในท่าถือแบบปกติ ก่อนจะยกมือขึ้นมาถอดฮู้ดที่ปิดหน้าของตนออก เหมือนกับว่าอยากจะมองหน้าข้าผู้เป็นบิดา (เก๊) ชัดๆ เมื่อฮู้ดถูกปลดออก ข้าก็ได้เห็นใบหน้าของมือดาบอหังการ์คนนี้แบบเต็มๆตา
ผู้หญิง…? ผมยาวถึงกลางหลัง ดัดลอนนิดหน่อย หน้าตาสวยดีนะ ออกแนวคมๆเข้มๆ และที่เด่นที่สุดคือดวงตาของเธอที่เป็นสีเขียวเรืองแสง…
ไม่ได้ล้อเล่น…มันเรืองแสงจริงๆ…
นี่ ถ้าไฟดับ ข้าไม่ต้องกลัวว่าจะหาเจ้าหล่อนไม่เจอใช่ปะ?
“เจ้าคือ…พ่อของข้า?” เธอใช้ดวงตาเรืองแสงนั่นมองมาที่ข้าอย่างประหลาดใจ ในตอนแรกข้าคิดว่าข้าคงรอด… แต่ทว่า… “ฆ่าได้มั้ย?”
เฮ้ย!!
พระเจ้า! ช่วยด้วย! มีคนจะฆ่าพ่อ!
ว่าจบ เด็กสาวผมดำตาเรืองแสงสวยงามผู้นั้นตวัดดาบขึ้น ริมฝีปากยิ้มแย้มเป็นรูปตัว V แล้วแม่นางก็ชูดาบวิ่งไล่ฟันข้าอีกรอบ! เธอสนุกรึเปล่าข้าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆข้าไม่สนุกสักนิด!! แต่จะสนุกหรือไม่สนุกก็ตาม ยังไงตอนนี้ข้าก็วิ่งไล่จับ (คล้ายๆอย่างนั้น) กับแม่นั่นเป็นวงกลมอยู่แบบไม่มีสิทธิ์เลี่ยง น้ำตาแทบจะไหลออกมาเป็นสายเลือดออกจากตาข้า…
ไม่เอาซาดิสต์!! ไม่!!
ข้าทั้งวิ่ง โยกหัวหลบ เอี้ยวสะโพกซ้าย ย้ายสีข้างขวา กระโดดตีลังกาไปข้างหน้าเพื่อหลบการโจมตีจากยัยตาเรืองแสงอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อวิ่งวนไปได้หลายสิบรอบ ข้าก็เริ่มสำนึกได้ถึงศักด์ศรีความเป็นนักรบของตัวเอง…
นักรบบ้านไหนเอาแต่วิ่งหนีแบบนี้ฟะ?
ไม่ได้ ข้าต้องสู้สิ พลังก็มีไม่ใช่เรอะ!
สองเท้าหยุดไวเท้าความคิด ข้าหันไปเผชิญหน้ากับคนที่โจมตีมาตลอดด้วยสายตามุ่งมั่น พลางยกมือข้างขวาขึ้นมากำแน่น ในใจกำลังตั้งจิตมั่นเพื่อจะเรียกพลังที่ซ่อนเร้นในกายมาใช้ …พลังในฐานะของ G
อย่างน้อยก็น่าจะปัดป้องไปได้สักหน่อย!
“ขอโทษนะ!!”
เอ่ยขอโทษออกไป แล้วก็ปล่อยมือออกไปข้างหน้าสุดแรง พลังในกายของข้าคงจะสำแดงเดชอันยิ่งใหญ่ในไม่ช้านี้แล้ว!!
…
…
…
เดี๋ยว?
ม ไม่มีอะไรเกิดขึ้น…?????
“เฮ้ย!!”
ทีตอนต้องการจะใช้ละใช้ไม่ได้! ข้าเกลียดสัจธรรมข้อนี้ที่สุด!!
“อะไรอะ…?” ดูดิ! แม่สาวตาเขียวทำหน้าเอ๋อใหญ่เลย! “ยื่นมือให้หั่นเหรอ… โอเค!”
“ไม่ใช่!!!”
ปู๊นนนนน ปู๊นๆๆๆๆ ปู๊ดดดดดดดดดดดดดดด
ก่อนที่อีกคนจะยกดาบขึ้นมาฟันคอข้าอีกรอบ เสียงเป่าแตร…หรืออะไรสักอย่างก็ไม่รู้ก็ดังขึ้นกระแทกหูข้า ไม่สิ ไม่ใช่ข้า กระแทกหูทุกคนที่ยืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้จนการกระทำทุกอย่างหยุดกึก แม้แต่เสียงก็เงียบลงด้วย ทุกคนหันหน้าไปมองทางต้นเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วสิ่งที่ปรากฏขึ้นก็คือภาพของไอ้เจ้าเทวดาแก้ผ้า หน้าตาพิมพ์เดียวกับตัวที่ทิ้งทรัมเป็ตไว้ที่บ้านข้านั่นแหละ มากันประมาณสิบกว่าตัว ทุกตัวกำลังยกทรัมเป็ตขึ้นมาเป่าปู๊นๆ ปีกก็บินพรึ่บๆพรั่บๆเข้ามา ขนนกร่วงกระจาย
พวกมันเป็นอะไรกับทรัมเป็ตฟะ…? ข้าละสงสัย…
เหล่าเด็กแก้ผ้าบินเข้ามากันเรื่อยๆ บางตัวก็ปล่อยทรัมเป็ตทิ้ง (อีกแล้ว!?) แล้วเสกดอกไม้เวทย์มนต์ขึ้นโปรยๆๆๆๆ จนมีกลีบกุหลาบกลีบหนึ่งตกใส่ปากข้า และข้าขอการันตีเลยว่ามันไม่อร่อยเลย (?) แต่เจ้าพวกนั้นก็ยังคงโปรยดอกไม้ลงพื้นอย่างบ้าคลั่ง ข้าก้าสาบานเลยว่าเห็นบางตัวคว่ำถาดใส่ดอกไม้แล้วเทลงมาด้วย!
พวก มัน เล่น บ้า อะ ไร กัน วะ เนี่ย!!?
ไม่ปล่อยให้สงสัยนาน จู่ๆก็มีราชรถฟักทองคันหนึ่งพุ่งเข้ามาภายในโดมที่ข้ากับอีกหลายๆคนอยู่ อืม ใช่แล้ว! ราชรถฟักทองแบบในซินเดอเรลล่านั่นแหละ! เดี๋ยวนี้นางซินชุบเลี้ยงเด็กแก้ผ้ามีปีกไว้ในสังกัดแล้วเรอะ! ข้าเพิ่งรู้!!?
ราชรถฟักทองสีส้มจอดลงตรงใจกลางสถานที่ เหล่าตัวทิ้งทรัมเป็ต (เปลี่ยนชื่อเรียกไปได้เรื่อยๆ วะฮ่าๆๆ) ก็พากันไปล้อมหน้าล้อมหลัง และประตูฟักทองก็ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงประกาศของเด็กแก้ผ้าตัวไหนสักตัว
“หัตถเลขาของท่านเทพบิดรเสด็จ!!!”
หัตถเลขาของเทพบิดร?
นี่ข้าควรคุกเข่าแสดงความเคารพปะ?
แต่ข้าก็ยังยืนตัวตรง เพราะในที่นั้นไม่มีใครคุกเข่าแสดงความเคารพเลย จะมีก็แค่คนสองคนที่หน้าตาเรียบร้อยๆเท่านั้นที่ทำหลังจากนั้นไม่นาน ท่าน…เอ่อ ท่านหัตถเลขาของเทพบิดรก็ก้าวออกมาจากราชรถฟักทองด้วยท่วงท่าองอาจ อันไม่เข้ากับหน้าแก่ๆ มีหนวดสองแฉกชี้ขึ้นฟ้าของแกแม้แต่น้อย แกเดินหลังโกงๆ ใส่ชุดสีขาวมีป้ายห้อยยศสีทองอะไรไม่รู้ติดอยู่ตามเสื้อ อ้อ บนหน้ามีแว่นตาขาเดียวอันนึงห้อยอยู่ ข้าลืมบอก
นี่…ท่านเทพบิดร ท่านทรมานคนแก่รึเปล่าเนี่ย?
“อะแฮ่ม!”
ตาลุงหัตถเลขาอะไรนั่นกระแอมเสียงดัง ยกมือข้างนึงที่กำหมัดหลวมๆมาไว้ตรงระดับปากเพื่อให้ดูภูมิฐานยิ่งขึ้น แล้วลุงแกก็ยืดหลังค่อมๆขึ้นนิดหน่อย มือควักราชสาส์น…เรียกอย่างนี้รึเปล่าหว่า? ออกมาอ่านด้วยเสียงดังฟังชัด
“ทุกคนจงฟังราชโองการจากท่านเทพบิดร!!”
อ้าวเฮ้ย เริ่มคุกเข่ากันแล้ว ข้าก็คุกเข่าบ้างดีกว่า
ข้าคุกเข่าลงบนพื้น ขาข้างหนึ่งยกขึ้นชันเข่าแบบอัศวิน (?) พร้อมๆกับคนอื่นๆที่เริ่มทำเหมือนกัน คุณลงหนวดสองแฉกหัตถเลขาก็เอ่ยประกาศราชโองการต่อด้วยน้ำเสียงดังชัดเจนเหมือนเดิม หวาว นี่คือพลังของมืออาชีพสินะเนี่ย!? ขนาดแก่แล้วยังเสียงดังฟังชัดอยู่เลย เยี่ยมๆ ขอชมๆ
“ยินดีต้อนรับ ‘อัลฟาเรียน’ ทั้งยี่สิบหก เข้าสู่มหาวิหารวิเวียน่าแห่งนี้”
ชื่อของไอ้ที่ๆข้าอยู่มาตั้งนานเนี่ยถูกประกาศขึ้นอย่างชัดเจน …อืม ที่ๆข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของด้วยการอ้วกใส่พุ่มกุหลาบมันชื่อว่ามหาวิหารวิเวียน่าสินะ… หุหุหุ… ว่าแต่เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ? อัลฟาเรียน?? อัลฟาเรียนงั้นเรอะ!?
ดวงตาสีเพลิงของข้าเบิกกว้างขึ้นโดยอัตโนมัติ ปากยิ้มออกมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เฮ้! เมื่อกี้พูดว่าอัลฟาเรียนใช่มั้ย! นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่รึเปล่า! ข้ากำลังจะได้ดำเนินชีวิตในฐานะ G แล้ว! สุดยอด!! สุดยอดไปเลย!! โว้ววววววววววว!!!!!
“สำหรับคนที่กังขาว่าตนเองเป็นอัลฟาเรียนจริงๆหรือไม่ ขอให้รู้ไว้ เพียงแค่เจ้าอยู่ที่นี่ในตอนนี้ก็เป็นสิ่งยืนยันแล้วว่าเจ้าคืออัลฟาเรียนตัวจริงเสียงจริง”
โอ๊ย ปลื้ม ยิ่งได้ยินลุงแกพูดแล้วน้ำตาพาลจะไหล… แต่นี่ข้าตื่นเต้นแล้วก็ปลื้มจริงๆนะ ไม่ได้แกล้งเลย นี่คือสิ่งที่ข้ารอมานานกว่ายี่สิบปี! แล้วคนที่อยู่ข้างๆข้าทั้งหมดนี่ก็อัลฟาเรียนหมดเลยใช่มะ? เยี่ยมไปเลย! ข้าละอยากจะตะโกนคำว่ายินดีที่ได้รู้จักให้ลั่นห้องนี่ไปเลย เยสสสสสส!!!
คนอื่นๆในห้องเริ่มมองหน้ากัน บางคนก็ก้มมองมือตัวเอง พูดคุยกระซิบกระซาบกันเป็นระลอกๆ แต่ยังไม่ดังมากนักเพราะหลายคนยังไม่รู้จักกัน ทำหน้าตาประหลาดใจกันพอเป็นพิธี แล้วตาลุงก็พูดขึ้นต่อ
“เทพบิดรได้มอบพลังของแต่ละอักขระให้พวกเจ้าทุกคนตั้งแต่เกิด และตอนนี้พวกเจ้าก็งรู้แล้วว่าตัวเองเป็นตัวแทนของอักขระใด ตำแหน่งใด”
ข้ารู้!! ข้าคือ G ม้าศึกแห่งอัลฟาเรียน!!
นี่ข้าลัลล้าออกนอกหน้าไปรึเปล่าฟะ? เออ ช่างมันๆ
ข้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เงี่ยหูรอฟังคำพูดต่อไปของตาลุงหัตถเลขาอย่างใจจดใจจ่อ แล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นชายฮู้ดสีดำที่ข้าลืมไปเลยว่ายังคงอยู่ที่เดิมไปจากไปไหน ใช่ นางยังคงยืนอยู่ข้างหลังข้า…
แม่ตาเขียวผมดำมหาโหด!!!
เมื่อรู้สึกตัวว่าข้าหันไปมอง นางก็ยิ้มให้ ดวงตาสีเขียวเป็นประกาย “อ้าว? เป็นอัลฟาเรียนเหรอ!? ข้านึกว่าเป็นนักโทษประหารซะอีก!”
“งั้นก็อย่าฟันข้านะ…”
นี่ขอจากใจจริงเลย…
ว่าแต่นี่ข้าโดนหลอกด่ารึเปล่าเนี่ย?
ลุงหัตถเลขาอะแฮ่มๆอะไรนิดหน่อย “เอาละ ต่อไปนี้ที่นี่จะเป็นบ้านใหม่ของเจ้า มหาวิหารวิเวียน่ามีทุกอย่างที่เจ้าต้องการ ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว หอสมุด บ่อสำหรับว่ายน้ำ ทะเลสาบ สวนดอกไม้ หอคอยสำหรับดูดาว อัฒจันทร์สำหรับการแข่งขันต่อสู้ สปาระดับหรู หาดทรายส่วนตัว ไปจนถึงวันเดอร์แลนด์”
นี่มหาวิหารหรืออะไรฟะเนี่ย! เอ่อ แต่ความเว่อร์ถือว่าเยี่ยมไปเลย ข้าให้ผ่านๆ
“และที่สำคัญที่สุด หลังจากนี้…” ลุงแกขยับแว่นนิดหน่อยแล้วพูดต่อ “จะมีการฝึกฝน การเรียนการสอน และการทดสอบความเหมาะสมของพวกเจ้าในฐานะอัลฟาเรียนที่นี่ โดยข้าจะแบ่งให้พวกเจ้าพักกันเป็นบ้านๆไป….”
เพิ่งรู้ว่าเป็นตัวแทนแห่งเทพยังต้องเรียนหนังสือ!!!?
นี่ข้าขอพูดแบบตรงๆเลยนะ ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยไปเรียนที่โรงเรียนเลยสักครั้ง วันๆเอาแต่ฝึกการต่อสู้ตามประสาเด็กในหมู่บ้านนักรบ ฟันดาบยิงธนูต่อยมวยอะไรไปวันๆ พ่อแม่ข้าไม่มีเงินส่งให้ข้าไปเรียนในโรงเรียนแบบพวกผู้ดีทั้งหลายแหล่หรอก แต่ข้าก็พออ่านออกเขียนได้อยู่ เพราะมีผู้ใหญ่ใจดีหลายคนในหมู่บ้านที่จบการศึกษาจากข้างนอกเอื้อเฟื้อสอนหนังสือให้ แต่ถ้าให้เทียบระหว่างความเข้มข้นของพวกวิชาการกับการต่อสู้ หมู่บ้านข้าเน้นการต่อสู้มากกว่าเห็นๆ
แต่เท่าที่เห็นสภาพของเจ้าพวกเด็กรวยๆที่มีเงินเข้าโรงเรียนแต่ละคนแล้วข้ารู้สึกอึ้งแปลกๆ… หน้าเจ้าพวกนั้นซีดเผือดเหมือนผี… พอข้าไปถามว่าเป็นอะไรก็พากันตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าโดนการบ้านหล่นทับหัว…
เฮ้ สิ่งที่เรียกว่าการบ้านมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเรอะ ?!
บางทีอาจจะเป็นสัตว์ประหลาดจำแลงกายก็ได้!!!
หือ? …เพ้อตั้งนาน นี่ตาลุงนั่นพูดจบตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ!?
ไม่รู้ว่าพูดกันจบตั้งแต่ตอนไหน ตาลุงนั่นม้วนๆๆ สาส์นกลับเป็นเหมือนเดิม แล้วก็ก้าวขากลับขึ้นรถฟักทองนั่นหายไปเลย? ปล่อยให้ข้ายืนงงเต็กอยู่ท่ามกลางเหล่าอัลฟาเรียนร่วมชะตากรรมอีกยี่สิบห้าราย
อะไร…?
อะไร…?
ให้ใครทำอะไร? ที่ไหน? ยังไงฟะ!?
ข้ายืนนิ่งอยู่กับที่ มองซ้ายขวาหาที่ไป แล้วก็เอ๋อต่อ… คนส่วนใหญ่ที่ดูเหมือนรู้เรื่องแล้วพากันแยกย้ายเดินกันไปไหนก็ไม่รู้ ปล่อยข้ายืนอ้าปากเหวอให้ผีเสื้อบินเข้าปากอยู่ที่เดิม…
แล้วข้าควรจะไปไหนละเนี่ยเฮ้ย!!
ความคิดเห็น