คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Alphabet 12 : ทับที่!!?
Alphabet 13
ทับที่!!?
เอาจริงๆมันก็ดีใจอยู่หรอกนะที่มีเพื่อนๆอยู่ข้างๆ แล้วก็ช่วยกันคิดหาคำตอบแบบนี้ แต่ว่า… ข้ารู้สึกไม่ดีเลยที่หาเรื่องให้คนอื่นเครียดตามไปด้วยทั้งๆที่มันเป็นปัญหาของข้าเอง
สรุปว่า… ไอ้บ้านั่นเป็นไผกันฟะ…?
แก๊ง.. แก๊ง…!~~
เอ๊ะ เดี๋ยว นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่วะเนี่ย?
กึก…
มือที่กำลังขยับทำอะไรสักอย่างจนถึงเมื่อครู่นี้ถูกเบรกแทบไม่ทันหลังจากที่รู้สึกตัว แน่นอน สติมาปัญญาย่อมเกิด พอได้สติ ยัยมิร่า แฟลร์ธาเวย์ ม้าศึกสุดแสนเท่ประจำอัลฟาเรียนรุ่น 100 คนนี้ก็เพิ่งจะระลึกได้ว่าตัวเองกำลังนั่งยองๆ ปล่อยให้กระโปรงกวาดพื้น โดนฝุ่นดำปี๋ ชนิดที่ถ้าอยู่บ้านมีหวังโดนท่านแม่สั่งอดข้าวเย็นแหงแซะ อึ๋ย ไม่อยากจะคิด อดข้าวเป็นบทลงโทษที่ทรมานที่สุดในชีวิตข้าเลยนะ! แล้วก็…มือ… ข้ากำลังขยับมือทำอะไรอยู่ฟะ?
ก้มหน้า จ้อง แล้วข้าก็พบ…
ยูเรก้า… ข้ากำลังแหย่ท่อระบายน้ำ
“…เอ่อ…”
จะแหย่ทำติ๊ดตะลิ๊ดติ๊ดฉึ่งอะไรของข้าวะ…?!
การลุกพรวดอันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติเกิดขึ้นทันที แล้วจึงตามมาด้วยการกระทืบท่อระบายน้ำทีนึงเป็นการแก้เขิน สุดท้ายส้นรองเท้าก็ติดร่องท่อ ต้องใช้เคล็ดวิชามารขั้นสุดยอดในการบิดข้อเท้า สะบัดๆ แล้วดึงมันออกมา สำเร็จ! สกิลดึงรองเท้าออกจากท่อยังไม่ตกเฟ้ย! วะฮ่าๆๆๆๆๆ
เอ่อ… เฮ้ๆ ข้ารู้ว่าบางครั้งเจ้าก็สงสัยในการกระทำบ้าๆของคนอย่างข้า คืองี้ แนะนำว่าอย่าคิดหาคำตอบเลย คนอย่างข้ามันบ้าเกินไป บางทีข้ายังไมรู้เลยว่าตัวเองกำลังทำซากอะไร แล้วทำเพื่ออะไร! แหะๆๆๆ… มันเป็นผลพวงจากการโดนสอนมาแบบนักรบละมั้ง ที่ว่าให้ปล่อยใจไปตามสัญชาติญาณ ข้าก็เลยแหย่ท่อตามสัญชาติญาณซะเลย! เห็นมะ เป๊ะ! เอ๊ะ …เดี๋ยว งั้นก็แปลว่าสัญชาติญาณดิบของข้าเทียบเท่ากับตัวบางตัวที่อยู่ในท่อเหรอ? เอ่อ ไม่มั้ง!
ถ้าไม่ใช่ในกรณีนั้น ก็แปลว่าสัญชาติญาณข้าก็บ้าไม่แพ้ตัวตนที่แท้จริงสินะ เหอะๆๆ…
เอ้า เข้าเรื่องกันเหอะ
หลังจากเดินออกจากบ้านพักมาเมื่อสองสามชั่วโมงก่อนหน้านี้ ข้าแทบไม่ได้หยุดเดินเลย แล้วก็ไม่ได้เปิดปากคุยกับใครสักคนเหมือนกัน เดินดุ่มๆเหมือนจะมีเป้าหมายมันแบบนั้นละ ตรงไหนอยากไปก็ไป ตรงไหนวิวสวยก็หยุดดู ตรงไหนไม่น่าสนใจก็เดินผ่าน พร้อมกับคิดทบทวนเรื่อง ‘หมอนั่น’ ในใจไปด้วย
ถ้าภายในเย็นนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นใครกันแน่… ข้าจะสรุปว่าหมอนั่นมันเป็นบุรุษหนุ่มผู้ถูกบุรุษด้วยกันฉุดมารวบหัวรวบหางที่คอกม้ากินคนจริงๆแล้วนะ!
เออ!! ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ที่ตาเป็นสีแดงเพลิงก็อาจจะเป็นเพราะร้องไห้มากเกินไป!! ใช่เลย! การถูกย่ำยีมันทำให้คนเจ็บปวดได้ไม่ใช่น้อยนะเฟ้ย!! ต้องใช่แน่ๆ โอ้… ทฤษฎีนี้ใช้ได้ สมเหตุสมผล!
ในขณะที่ในสมองของข้ากำลังเต็มไปด้วยภาพของผู้ชายผมสีไวน์ตาสีแดงเพลิงกำลังร้องไห้กระซิกๆอยู่ริมคอกม้า ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว… จู่ๆก็มีคนช่วยดึงสติข้ากลับมา
“สวัสดีค่ะ มีธุระอะไรที่มหาวิหารวิเวียน่าแห่งนี้รึเปล่าคะ?”
ฮะ! นี่ข้าเดินดุ่มๆมาไกลถึงขนาดนี้เลยเรอะ?
คำว่า ‘มหาวิหาร’ ทำให้ข้าเงยหน้าขึ้นฟ้าแทบจะในทันใด ก่อนจะพบว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือมหาวิหารแบบเปิดสีขาว… ข้างในถูกตกแต่งสวยงาม พุ่มกุหลาบที่ข้าเคยไปพ่นของเก่าใส่ยังคงชูช่อเด่นหราท้าแสงตะวัน… ได้ยินแว่วๆมาว่าพวกคิวปิดมากำจัดคราบของเสียพวกนั้นทิ้งไปหมดแล้ว ไม่งั้นมันคงได้หลอมรวมเป็นปุ๋ย กลายเป็นส่วนหนึ่งของดอกกุหลาบไปแล้วแน่ๆ แล้วดอกกุหลาบสวยๆก็จะมีกลิ่นตุๆ อันไม่น่าพิสมัยโชยออกมา…
ดูไม่จืดเลยแฮะ…
“เอ่อ… ท่าน…”
ผู้หวังดีถามย้ำอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าสงสัยน้อยๆ ทำให้ข้าเผลอยกมือขึ้นมาปัดผมที่ปรกหน้าออกนิดหน่อย ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา “ไม่มีๆ ข้าแค่มาเดินเล่นนิดหน่อย ขอบใจนะ”
ตรงๆนะ ผู้หญิงคนนี้ก็สวยอีกแล้ว…
แม่นางเป็นผู้หญิงผมยาวสยายสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาลเปล่งประกาย หน้าตาสวยนะ สวยมากๆ เหมือนรูปปั้นนางฟ้าในโบสถ์ ดูท่าแล้วน่าจะเป็นพวกนักบวชของวิหารนั่นแหละ ดูจากเครื่องประดับแล้วก็ชุดที่ใส่ รุ่มร่ามได้โล่ แต่ก็ยังสวยอยู่ดี อัลฟาเรียนมีแต่คนหน้าตาดีเข้าขั้นเทพบุตรนางฟ้ากันจริงๆนะ! นี่ข้าชักกลัวแล้วว่าสักวันข้าจะชอบเพศเดียวกันขึ้นมาจริงๆ แบบนั้นไม่เอานะ!
“เช่นนั้นเหรอคะ งั้นต้องเป็นลิขิตจากท่านเทพบิดรเป็นแน่ที่ทำให้เราได้พบกัน…” อีกฝ่ายยิ้ม “ข้า… ลิโอเน่ ไคนะ อักขระ L แห่งอัลฟาเรียน ตำแหน่งศาสดา เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าสูงสุดของเหล่านักบวชในมหาวิหารแห่งนี้ค่ะ แล้วท่าน….?”
“มิร่า แฟลร์ธาเวย์ อักขระ G ตำแหน่งม้าศึกแห่งอัลฟาเรียน” ข้าโค้งตามเมื่อเห็นว่าคุณศาสดาสาวสวยแกโค้งให้ พอโค้งเสร็จ คุณเธอก็ไม่ลืมส่งยิ้มละไมกลับมา
“ตามบทบัญญัติของอัลฟาเรียนแล้ว ม้าศึกย่อมควบตำแหน่งแม่ทัพไปด้วยในตัว เป็นตำแหน่งที่สำคัญมากๆเลยนะคะ แปลว่าท่านเทพบิดรต้องโปรดท่านมิร่ามากแน่ๆ จึงได้มอบตำแหน่งสำคัญนี้ให้แก่ท่าน”
ภาพตอนร่วงลงจากรถม้า โนอาไล่ฟัน อ้วกใส่แปลงกุหลาบ ประตูติดเท้า โดนอุกกาบาตฟาดหน้าแหก ไฟลวก ระเบิดเผา หัวกระแทกประตู ม้ากินคนไล่งาบ พิเอต้าจิกหัวใช้ และบลาๆๆๆ แล่นเข้ามาในหัวสมองข้าทันที…
เอ่อ… ข้าว่าท่านเทพบิดรเกลียดข้ามากกว่านะ…
“ก็ประมาณนั้นแหละ” ข้าพูด “ท่านศาสดานี่ก็พูดตรงเกินไป ข้าเขินนะเนี่ย! ฮ่าๆๆๆๆ”
หัวเราะอย่างขื่นขมครับพี่น้อง!!
“แหม ตายจริง ดีใจท่านท่านชมแบบนั้นนะคะ”
“อา!”
ลิโอเน่คลี่ยิ้ม “เช่นนั้นข้าไม่กวนท่านแล้วดีกว่าค่ะ ขอให้ท่านเทพบิดรจงคุ้มครองและอวยพรท่านนะคะท่านมิร่า แล้วก็… หากมีปัญหาใด มหาวิหารแห่งนี้ยินดีต้อนรับท่านเสมอนะคะ”
“ท่านเองก็เช่นนั้นนา”
ว่าแล้วก็โบกมือบ๊ายบายท่านลิโอเน่เธอซะหน่อย เธอเองก็โบกมือกลับเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นเช่นนั้น ข้าก็ยิ้มตอบ แล้วบ่ายหน้าหลับหูหลับตาเดินตรงไปอีกด้านหนึ่งแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าท่านลิโอเน่ตะโกนไล่หลังมา
“ว้าย!!! ท ท่านมิร่า!!! ทางนั้นมันสุสานนะคะ!!!”
สวนที่นี่อึมครึมชะมัด… เห็นแล้วหดหู๊หดหู่…
ทำไมต้องปลูกแต่ดอกไม้สีขาวซีดๆด้วยฟะข้าไม่เข้าใจ? ทั่วสวนก็มีแต่รูปปั้นนางฟ้าหน้าตาเศร้าๆเหมือนสามีหนีไปซบอกเมียน้อยยืนกันทุกตารางนิ้ว เหมือนเป็นภาคีนางฟ้าอกหัก แล้วก็ป้ายอะไรก็ไม่รู้ละ ไม่ได้อ่าน ปักมันเต็มไปหมด ทำยังกับว่าเป็นป้ายหลักกิโลอย่างนั้นละ บรรยากาศดราม่าชะมัด แทบจะไม่มีสีสันอื่นเลยนอกจากขาว ดำ จะว่าสวยมันก็สวยอยู่หรอก แต่ออร่าหม่นหมองนี่มันอะไรก๊านนนนน!!!
นี่ ถ้าข้ามีอำนาจดูแลสวนนี่ ข้าจะสั่งซื้อดอกทานตะวันมาปลูกจริงๆด้วย สลับกับดอกป๊อปปี้สีแดง ไฮเดรนเยียสีฟ้า ดอกวิโอเล็ตต้าสีม่วง ปิดท้ายด้วยดอกพริมโรสสีชมพู!!! เอาให้สีมันตัดๆกันหนักๆยิ่งดี! ให้ลืมสวนอึมๆ ครึมๆ ของเก่าไปให้หมด ให้ตายเหอะ ไอ้บรรยากาศน่าเอาหัวโหม่งรูปปั้นนางฟ้าฆ่าตัวตายนี่มันอะไรเนี่ย ไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย
แล้วตรงกลางเอาไปทำอะไรดีละ? เว้นที่เอาไว้กินบุฟเฟต์นานาชาติละกัน ไม่ก็ปลูกพืชแบบกินได้ แบบว่าได้อาหารตาปุ๊บ ต่อด้วยอาหารปากปั๊บ เพอร์เฟ็คต์!
“นี่…”
เสียงทุ้ม… อืม…ปนแหบเล็กๆ พอให้ความรู้สึกเร่าร้อนและเซะกุซซี่แว้นเข้ามาทะลุสมองของข้าที่กำลังมีของกินบินกันเกลื่อนกลาด ตัดผ่านไก่ทอดหมักเครื่องเทศ กลิ้งผ่านซุปข้าวโพด กระโดดข้ามจานพิซซ่า บ๊ะ จะสไลด์ผ่านอะไรก็ช่างมันเหอะ
ข้าหันขวับไปมองต้นเสียงทันที แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง…….
ม ม ม หมอนั่น!!!! ไอ้ผู้ชายในคอกม้าคนนั้น!! เป๊ะเลย!! ชัวร์!!!
ล เล่น… เล่นเอาข้าแทบสำลักน้ำลายตัวเองเลย จะว่าไงดีฟะ? ก็เหมือนกับที่รู้ๆกันอยู่ว่าหมอนี่ผมสีไวน์ ตาสีแดงเพลิง… แต่ว่า… ตอนแรกข้าไม่เห็นหน้าชัดๆ ก็เลยไม่รู้ว่าหน้าตาหมอนั่นมันมีหน้าตาที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากมายขนาดนี้… โอเคๆ เอาง่ายๆเลย! คือ ไอ้หมอนี่มัน ‘หล่อบรรลัย’ อะ!!!
เขาเป็นผู้ชายที่หล่อแบบเถื่อนๆ แต่ก็ไม่ได้หน้าบาก เคราหนา ตัวดำมิดหมี หรือล่ำเป็นหมีควายขึ้นอืด อันนั้นเถื่อนเกินไป หมอนั่นไม่ได้เถื่อนเว่อร์ถึงขนาดนั้น ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วน่าจะอายุไม่เกินยี่สิบกว่าๆ นอกจากนั้นก็เหมือนกับที่พวกเจ้ารู้ ผมของเขาเป็นสีไวน์ซอยเรี่ยๆ ก็เท่ดีนะ โดยเฉพาะหน้าตานี่หล่อบัดซบมาก ดูเอาเหอะ! ขนาดนักรบสายเถื่อนอย่างข้ายังเพ่งพินิจพิจารณาจนตาค้างเลย!! ที่สำคัญ… รูปร่าง… ถึงจะใส่ผ้าคลุมบ้าๆนั่นบังไว้อยู่ แต่ข้าพอจะเห็นเค้าลางของบอดี้อันแสนเพอร์เฟ็คต์และโซฮอทพอๆกับหม้อไฟรวมมิตรแบบเผ็ดของหมอนั่น… น่าเอาหัวโขกเล่นมาก… เอ่อ ข้ามองอะไรเนี่ย อ่า เราจบหัวข้อนี้เถอะ!
“ฮ เฮ้ เฮลโล่….”
พอได้สติ ข้าก็เริ่มยิ้มแห้งๆ แล้วโบกมือหย็อยๆตามประสาคนทำอะไรไม่ถูกใส่หมอนั่น แต่ดูหน้าตาอีกฝ่ายแล้วเหมือนจะไม่รับมุขข้าว่ะ… ดูหน้าดิ… ยังกับข้าทำซอสหกใส่ผ้าอ้อมลูกเจ้าไปได้!
พ่อหนุ่มผมไวน์จ้องหน้ายัยเพี้ยนที่โบกมือเป็นคนบ้าด้วยสีหน้านิ่งขรึม ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ไขสันหลังคนอย่างข้าถึงกับเย็นวาบเหมือนโดนแช่แข็งออกมา
“…เจ้านั่งทับที่ข้าน่ะ…”
ท ทับที่….?
ประโยคนี้มันฟังดูหลอนๆแฮะ…
ข้าหันไปมองด้านหลังตัวเองอย่างช้าๆ… สิ่งแรกที่พบคือป้ายหินอันนึงที่ถูกตัวเองกำลังนั่งพิงอยู่ มีช่อดอกไม้สีขาววางไว้ไม่ใกล้ไม่ไกล ที่เด็ดที่สุดคือบนป้ายหิน… มันมีตัวอักษรบอกวันชาตะมรณะและคำอวยพรให้ไปสู่สุขคติสลักไว้อย่างประณีตและสวยงาม…
ฮะ เดี๋ยว ชาตะ มรณะ!? ฮะ! ไปสู่สุขคติ!!!?
“จะออกไปจาก ‘หลุม’ ของข้าได้รึยัง?”
ชัดเจนแจ่มแจ้ง!! หลุมศพ!! ข้านั่งทับหลุมศพ!!!!!!
‘คนถูกทับที่’ พูดย้ำอีกครั้ง และแน่นอน คราวนี้ข้ามองตาค้างอีกแล้ว แต่พ่วงมาด้วยอาการหน้าซีด มือไม้สั่น ปากอ้ากว้างจนกลายเป็นปราสาทให้สำหรับเหล่ายุง ตาเบิกโพลง จ้องไปยังหน้าของฝ่ายตรงข้ามอย่างโคตรของโคตรช็อค!!!!!
ผ ผีหลอกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ความคิดเห็น