ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Alpharian อภินิหารเทพบันลือโลก!

    ลำดับตอนที่ #12 : Alphabet 10 : ม้าศึกของม้าศึกเป็นม้าศึกและม้าศึก (??)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 58



    Alphabet 11

    ม้าศึกของม้าศึกเป็นม้าศึกและม้าศึก (??)

    เอาละ! ในที่สุดก็มาถึงการทดสอบครั้งที่สอง!

    เอาตรงๆ ตอนแรกข้าโคตรแปลกใจเลยว่าทำไมถึงรีบทดสอบม้าศึกอย่างข้ากันจัง แต่พอมาไล่ถามแต่ละคนดูแล้ว ข้าก็เพิ่งจะตรัสรู้ว่าเมื่อวานเขาทดสอบครบทั้ง 26 คนแล้ว วันนี้ก็เลยวนมาตั้งแต่คนแรกใหม่ ข้าที่เป็นคนแรกสุดของเมื่อวานก็เลยต้องบากหน้ามาทดสอบเป็นคนแรกของวันนี้ใหม่ เป็นเดอะเฟิร์ส ประเดิมเป็นคนแรกของวัน

    อรุณสวัสดิ์

    เรย์ยิ้มทักทายข้าเหมือนทุกครั้ง วันนี้หมอนี่ก็ยังดูดีสมกับเป็นราชนิกุลตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนเดิม และแน่นอน ออร่าผู้ดีนั่นก็ยังกระแทกตาข้าไม่จางหาย

    อรุณสวัสดิ์ข้าทักตอบ วันนี้มีระเบิดมาให้ระเบิดเล่นอีกมะ?”

    คำพูดของข้าทำให้เรย์หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่หรอก วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปเจอ ของจริงกันเลย

    ของจริง?”

    ราชรถประจำตำแหน่งแล้วก็กองทัพของเจ้าไงละ มิร่า

     

    ม้าศึกอย่างเจ้าควบตำแหน่งแม่ทัพไปด้วยในตัว ในฐานะที่เป็นแม่ทัพ เจ้ามีอำนาจควบคุมกองทัพเทพทั้งหมด ถ้าจะให้นับจำนวนทหารคร่าวๆ ก็ประมาณสามหมื่นหกพันนาย…”

    สามหมื่นหกพันเหรอ มันน้อยไปรึเปล่า เรย์?”

    เรย์ยิ้ม ไม่ต้องห่วงหรอกน่า อัลฟาเรียนทุกรุ่นเคยใช้จำนวนสามหมื่นเป็นต่อห้าแสนมาแล้ว

    โอ้….”

    คำพูดของเรย์ทำให้ข้าลากเสียงยาวออกมาด้วยความทึ่ง ก่อนจะก้มหน้าคิดอะไรกับตัวเองเงียบๆ

    แบบนี้ความกดดันทั้งหมดก็ตกอยู่ที่ม้าศึกที่เป็นแม่ทัพน่ะสิ แค่จำนวนก็ด้อยศัตรูเห็นๆ นี่ถ้าพวกทหารไม่เก่งเว่อร์จริงๆนี่ได้แพ้กันแบบระเนระนาดชัวร์ และที่สำคัญกว่านั้น ตัวแม่ทัพที่พาทหารเข้าสงครามก็ต้องเก่งแบบสุดโต่งด้วย ไม่งั้นก็ได้ตายกันหมด

    ถึงจะบอกว่าอัลฟาเรียนทุกรุ่นเคยผ่านจุดนี้มาแล้วก็เถอะ แต่

    กังวลเหรอ?” ดูเหมือนเรย์จะอ่านความคิดข้าออก หมอนั่นหยุดเดิน ก่อนจะหันมาทางข้า ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า กองทัพเทพไม่ได้ด้อยฝีมือเลยนะ และอีกอย่าง…” เขาเว้นช่วงเล็กน้อย ข้ามั่นใจว่าเจ้าทำได้แน่

    จริง?”

    ข้าดูคนไม่ผิดหรอกน่า…”

    ข้าย่างเท้าเดินตามพ่อราชนิกุลหนุ่มหน้าใสวัยพันปีกว่าๆ ไปตามเส้นทางที่หมอนั่นนำ ตาก็มองโน่นมองนี่ซะเพลิน อ้อ! เมื่อกี้ข้าแอบเห็นองุ่นในไร่ข้างๆด้วยละ สีม่วงสะใจ ลูกด๊กดก เห็นแล้วเปรี้ยวปากสุดอะๆ! ลูกโตๆทั้งนั้น ท่าทางชุ่มฉ่ำ กินแล้วน้ำองุ่นซาบซ่านทั่วทั้งปาก ข้างๆมีต้นส้มด้วยนะ! น่าปีนขึ้นไปเด็ดกินสุดๆ!! โอ๊ย!! กลับมาข้าจะกินให้หมดสวนเลยคอยดู!

    กึก!

    เจ๊ย!

    ข้าเบรกเท้าแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆ ไอ้คนที่เดินนำมาตลอดดันหยุดเดินเอาซะดื้อๆแบบไม่มีบอกไม่มีกล่าว! ถ้าส้นรองเท้าลื่น หัวข้าคงโหม่งหัวเรย์ให้เห็นดาวกันไปข้างแล้วละ อะไรฟะ! จะหยุดเพื่อ!? หืออย่าบอกนะว่าถึงแล้วอะ?

    ราชรถของเจ้าอยู่ในนี้แหละ ลองเข้าไปดูสิ

    ถึงแล้วจริงดิ?

    เรย์ผายมือไปด้านหน้า ยิ้มเปล่งออร่าเล็กน้อยพอเป็นพิธี ข้าค่อยๆชะโงกหน้ามองผ่านไหล่ของเรย์ไป ก่อนจะพบว่ามีอ่า โกดังหลังเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงหน้า มีแม่กุญแจอันบักเอ้กคล้องอยู่ พอข้าทำท่าจะถามว่าจะเข้าไปยังไง เรย์ก็ยื่นลูกกุญแจมาให้ข้า แล้วยิ้มเป็นเชิงบอกว่าไขสิ ไขเลย อะไรประมาณนี้

    อ่ะ ไขก็ไข

    พอแม่กุญแจถูกปลดออกเรียบร้อยแล้ว ข้าก็ผลักบานประตูโกดังให้เปิดขึ้น แสงแดดส่องผ่านเข้าไปด้านในทันทีที่บานประตูอ้าออก ตอนนั้นเองที่ข้าต้องหรี่ตาลงเมื่อพบเห็นอะไรบางอย่างส่องแสงชวนแสบแก้วตาส่องประกายมาจากด้านใน

    ข้าหรี่ตา ก้าวขาเข้าไปในโกดัง เดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งแดดเปลี่ยนทิศ ส่งผลให้ข้าเห็นสิ่งที่สะท้อนแสงเมื่อครู่อย่างเต็มตาในที่สุด

    ราชรถสีทองอร่าม เงาแว้บเหมือนจ้างคนมาขัดเงาทุกวัน จนข้าไม่สงสัยเลยว่ามันสะท้อนแดดแล้วเปล่งรัศมีขนาดนั้นได้ยังไง

    จะยังไงก็ช่างมันเหอะ ข้ารู้แต่ว่ามันสวยบัดซบ

    ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี เอาเป็นว่ามันมีหน้าตาเหมือนหัวเรือก็แล้วกัน พอนึกภาพออกมั้ย? ที่มันจะมีส่วนหน้ายื่นออกไป มีด้านข้างสองด้านประกบ ความสูงประมาณเอวข้า เว้นที่ไว้ตรงกลางเล็กๆไว้พอให้คนหนึ่งคนยืนได้ ส่วนด้านหลังปล่อยโบ๋ จะว่าไปมันก็เหมือนหัวเรือโดนตัดอะนะ แล้วก็มีล้ออันใหญ่ประกบสองด้านเหมือนกัน มีอะไรอีกนะ อ๋อ มีเชือกไว้สำหรับเทียมม้าอีกประมาณสองเส้น อ่า พอจะเห็นภาพรึยัง?

    พูดก็พูดเหอะ ถึงมันจะไม่ใหญ่มาก ขนาดกลางๆก็ตาม แต่มันสวยมากจริงๆนะ เกินครึ่งเป็นสีทอง สลักลวดลายอักขระอะไรก็ไม่รู้ ข้าอ่านไม่ออก ตรงล้อก็สวย ดูแข็งแรงดี สลักเป็นรูปดวงอาทิตย์ (ดวงอาทิตย์มีหน้ามีตาด้วยเฟ้ยยย หน้าอย่างเหี้ยมเลย!) ส่วนตรงด้านยอดที่ยื่นออกมาเป็นสีแดงเหมือนตาข้าเป๊ะ แต่ตรงยอดบนเป็นสีทอง แกะเป็นรูปตราของอัลฟาเรียน มีตัว G เด่นหราเป็นสง่า ข้าชอบตรงนี้แหละ! แล้วเชื่อมั้ย ตรงตัว G สูงประมาณสะดือข้าพอดีเป๊ะ พอข้าไปยืนอยู่แล้วออกรบ พนันได้เลยว่าไม่มีใครไม่รู้ว่าข้าเป็นอักษรอะไร วะฮ่าๆๆๆ แต่ยังไงก็ตาม ข้าก็ขอยืนยันคำเดิมอยู่ดีว่ามันสวย!! สวยจนจะสวยเกินไปแล้ว!!!

    ชอบมั้ยละ?” เรย์ที่ไม่รู้เดินเข้ามาตอนไหนเอ่ยถามข้าพร้อมรอยยิ้มละมุนบนริมฝีปาก

    ชอบข้าตอบตามความจริง

    มันเป็นของเจ้าแน่ๆ มิร่าเรย์ว่า แต่เป็นหลังจากที่เจ้าผ่านการทดสอบต่อไปนี้

    ทดสอบ…?”

    ให้ตายสิ เกือบลืมไปเลยว่าตัวเองมาทดสอบ…!

    เจ้ารู้จักม้ากินคนทั้งสี่ในตำนานใช่มั้ย?”

    ใช่ ทำไม?”

    ข้าถามกลับ ในสมองกำลังเต็มไปด้วยภาพม้าสี่ตัวที่กำลังรุมทึ้งเนื้อสดกันอย่างหิวโหย ท่าทางการกินที่บ้าคลั่งของมันดูราวกับกระเพาะไม่ได้ย่อยอะไรมาประมาณกัลป์หนึ่ง อุปมาดั่งแร้งลงก็ว่าได้เอ่อ แล้วนี่ข้าจะทำให้โบราณเพื่ออะไรเนี่ย?

    ม้ากินคนพวกนั้นมีชื่อว่าเพนดรากอส ซานทอส เดนอส แล้วก็ลัมเป้ ทั้งหมดเป็นม้าตัวเมียที่มีลักษณะดีเข้าขั้นสวยขั้นเทพ! จนมีคนเอาไปเปรียบว่าสวยพอๆกับอาชาสวรรค์ ความปราดเปรียวเหนือกว่าเอลฟ์ และสง่างามไม่แพ้แม้กระทั่งสัตว์เทพอย่างกริฟฟิน แต่น่าเสียดายที่พวกมันค่อนข้างดุไป ไม่หน่อย ข้าพูดจริงๆนะ พวกมันทั้งดุ โหด อำมหิต ซาดิสต์ วิปริต แถมยังจิตวิปลาสไม่มีใครเกิน! ใครขวางหน้าฆ่าทิ้งไม่มีเหลือ ศพงี้เละ แขนขากับตัวไปกันคนละทิศคนละทาง แล้วก็ยังกินจุมหาประลัย โดยที่ไอ้ที่กินๆไปน่ะเนื้อสดๆทั้งนั้น! เนื้อคนมันยิ่งชอบ ลองมีมนุษย์สักคนไปยืนเสล่อขวางทางพวกมันสิ ได้โดนรุมเขมือบแน่!

    ม้าพวกนั้น สภาเทพเลี้ยงมันไว้ในนั้น

    ฮะ!!

    ข้าอ้าปากกว้างขณะที่เรย์กล่าว หมอนั่นว่าพลางผายมือไปที่โกดังอีกโกดังหนึ่งที่อยู่ห่างจากนี้ไม่เกินสองร้อยเมตร พอได้ยินที่เรย์ว่า อาหารเช้าของข้าก็เกิดลุกขึ้นมาออกกำลังกายยามเช้าในท้องกระทันหันมันเสียวลำไส้แปลกๆ ลางสังหรณ์ข้าเตือนว่าไอ้ม้าพวกนี้มันกำลังจะพาเรื่องซวยมาหาข้าในเร็วๆนี้

    สยบพวกมัน แล้วเอามาเทียมราชรถซะ…”

    นั่นไง

     

    แล้วข้าก็มายืนอยู่หน้าคอกม้ากินคนจนได้

    คอกม้าปกติจะเปิดโล่งใช่มั้ยละ? แต่ที่นี่ปิดทึบเลย มีแค่ช่องใหญ่ๆให้ระบายอากาศด้านบนช่องสองช่องเท่านั้น ประตูถูกล็อคด้วยโซ่เส้นใหญ่กว่าแขนข้า มีป้ายที่เขียนไว้ว่า ระวัง ม้าหิวแปะหราเป็นการทักทายเชิงขับไล่อยู่ข้างหน้าประตู โห เท่อะ เท่มาก นี่ข้าประชดนะ

    “G ทุกรุ่นใช้ไอ้ม้าพวกนี้เทียมรถเหรอ?”

    ใช่แล้วละ อ่า ข้าขอตัวสักครู่นะ เสร็จแล้วข้าจะมาหา

    คุณพระข้าโดนคนดูแลทิ้ง!

    ข้ายืนมองประตูคอกม้าด้วยจิตใจอันหวาดหวั่น มือกำหอกคู่ใจไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะคิดรวบรวมสติ

    เอาฟะ! ข้าก็เป็น G เหมือนกัน ทำไมจะทำไม่ได้!!

    ฟุ่บ!

    หอกในมือถูกหมุนให้ด้านคมกลับไปอยู่ด้านล่าง ก่อนที่มันจะถูกข้าใช้กระแทกประตูเพื่อเปิดออก ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะอ้าออกอย่างสวยงาม ภาพออกมาดูเท่ แลดูมีพลังพาวเวอร์ แล้วข้าก็จะเดินเข้าไปข่มขวัญเหล่าม้ากินคนด้วยท่วงท่าที่สง่างาม มีออร่าเป็นประกายสว่างวูบวายชวนให้ศิโรราบ!! อะไรประมาณนั้น!

     แต่

    เวรละดันเปิดไม่ออก!

    ฮ่วย!!”

    ข้าที่หน้าแตกยับจำเป็นต้องทำเท่ซ้ำอีกรอบโดยใส่แรงให้มากกว่าครั้งก่อน แต่ด้วยความผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย...ทำให้ข้าวางเท้าผิดมุมไปประมาณสองถึงสามองศาแล้วมันก็ลื่น…. ส้นรองเท้าที่ไม่รู้ว่ามันมีแรงเสียดทานน้อยนิดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครูดไถลกับพื้นดังพรืด และต่อด้วยพรืดๆๆๆ ติดๆกันเหมือนแรงเสียดทานไม่คงที่!!!

    โป๊ก!!

    แล้วมันก็จบลงที่ข้าคนนี้ลื่นหน้าทิ่ม หัวโหม่งประตูดังโป๊ก! และประตูก็ถูกเปิดออกเพราะเอ่อ แรงกระแทกจากหัวข้า!

    โอ๊ย!”

    ม้าศึกมีเวรมีกรรมเยอะแบบนี้ทุกคนมั้ยฟะ!!!

    ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาชันเข่าเพื่อเป็นหลักในการยืนขึ้นโดยอัตโนมัติ  ข้าส่ายหัวนิดหน่อย พลางเอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆมันเจ็บเจ็บอย่างแรง! นี่ข้าสมองเสื่อมรึเปล่า ขอทดสอบก่อนนะหนึ่งบวกหนึ่งได้สอง ไส้กรอกกินกับหมูแฮมแล้วอร่อย สปาเกตตี้ไม่มีซอสกินแล้วไม่อร่อย โอเค สมองข้าปกติ ไม่ผิด ไม่เพี้ยน ถ้าจะเพี้ยนก็เพี้ยนมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว เยี่ยมๆ (?)

    เอาละ! จะม้ากินคนหรืออะไรก็เข้ามาเลย!!

    ข้าตรงเข้าไปในคอกม้าโดยที่ไม่คิดจะปล่อยอาวุธ หอกสีกุหลาบยังคงถูกถือไว้ท่าเดิมเผื่อมีการโจมตีแบบคาดไม่ถึง สองขาก้าวเข้าไปในคอกม้าแบบไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป แต่เมื่อขาข้างหนึ่งกำลังจะก้าวเข้าไปในคอกม้าปุ๊บ มันก็ถูกชักกลับเข้ามาหาตัวแทบจะในทันที เพราะหูเจ้ากรรมดันไปได้ยินเสียงอันไม่น่าพิสมัยเสียงหนึ่งเข้า

    แฮ่ซซ์ - -!!!

    ว แว่วเสียงม้าหิว!?

    ตอนแรกข้าคิดว่าจะยืนทำใจประมาณห้านาทีก่อนแล้วค่อยเข้าไปข้างใน แต่เนื่องจากเชื้อ G ในตัวมันเข้มข้น ทำให้ข้าเกิดฮึดขึ้นมาชั่วขณะ! อาวุธในมือถือฝ่ามือบีบแน่น ก่อนที่ข้าจะถีบประตูออกแล้วพาร่างของตัวเองพุ่งเข้าไปด้านในทันที!

    ว่าแต่ข้าเป็นอะไรกับการถีบประตูทั้งๆที่มันเปิดแล้วฟะเนี่ย?...

    เอาละ สรุปว่าตอนนี้ข้าเข้ามาในคอกม้าเรียบร้อยแล้ว กลิ่นม้าโชยเข้ามาแตะจมูกจนอยากจะจามขึ้นมา และชั่วขณะที่ข้ากำลังจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองนั่นเองดวงตาที่มักจะเห็นอะไรไวเสมอเมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ป๊ะเข้ากับสิ่งมีชีวิตภายในคอก

    ตรงหน้าของข้ามีม้าที่สวยมากกำลังเดินอยู่สวยสุดๆ มีสามตัวที่เป็นสีขาว อีกตัวหนึ่งเป็นสีดำ ท่าทางแข็งแรงสี่ตัวกำลังก้าวย่างช้าๆ แบบสง่าสุดๆ อยู่ในคอก เมื่อมันเห็นข้า ดวงตาของมันก็ตวัดจ้อง เผยให้เห็นดวงตาที่ดูทรงอำนาจแต่สวยงามราวกับอัญมณีน้ำงาม พวกนี้เหรอม้ากินคน? สวยกว่าที่ข้าคิดไว้ซะอีก

    “…โห…”

    ข้าเผลออุทานออกมาด้วยความชื่นชม มือที่จับอาวุธไว้อ่อนลงครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบบีบมันแน่นเพื่อเรียกสติ ชั่วพริบตา ข้าเห็นว่าดวงตาของม้าเหล่านั้นเปล่งประกายระยับวูบหนึ่ง เหมือนกับเพชรตอนต้องแสงอาทิตย์ แล้วจึงหันมาทางข้าทั้งตัวร่างของพวกมันดูแข็งแกร่งและสมบูรณ์พร้อมอย่างไร้ที่ติ จากนั้นพวกมันก็

    แฮ่ซซซ์- -!!!

    คุณพระช่วย!!! มันวิ่งน้ำลายยืดมานี่แล้วววววว!!!!!!!

    ณ ตอนนี้ ข้ารู้สึกว่าไอ้ม้าสวยๆที่เผลอหลงไปเมื่อกี้มันติดเชื้อพิษสุนัขบ้าไปแล้ว! ดูดิ! น้ำลายยืดเชียว! ดูเหมือนข้าจะได้ยินเสียงท้องพวกมันร้องด้วย ส่งเสียงดังโครกครากเหมือน เฮ้ย อะไรมันจะหิวขนาดนั้น!? ปั๊ดโธ่! เอาความสวยสง่าเมื่อกี้คืนมานะโว้ยยยยยยย!!!!!!

    แฮ่ซ์!!!

    เคร้ง!

    ด้ามหอกถูกยกขึ้นมาป้องกันตัวเองจากเขี้ยวแหลมๆของม้าโหยตัวหนึ่งได้ทันเวลาพอดี ข้าเห็นดวงตาที่เคยคิดว่ามันสวยมากกกก นั่นน่ะกลายเป็นสีแดงเลือด มันจ้องมาที่ข้าอย่างโกรธแค้น สายตาของมันเหมือนจะตะโกนใส่หน้าข้าว่า ข้าไม่กินหอกเฟ้ย! ข้าจะกินคน!!’ อะไรประมาณนั้น เหอๆๆ ช่างเป็นการประกาศศักดาความเป็นม้ากินคนที่ฮาร์ดคอร์ได้ใจมาก!

    งาบบบ!!

    การตั้งรับม้าที่อยู่ข้างหน้ายังไม่ทันจบ ม้าอีกตัวก็วิ่งตะบึงเข้ามาอย่างบ้าคลั่งจนฝุ่นฟุ้งเป็นรูปยีราฟ มันแยกเขี้ยวโชว์ฟันแหลมๆ อ้าปากออก ทำท่าเหมือนจะฝังเขี้ยวลงบนไหล่ที่ไร้การป้องกันของข้า การกระทำของมันทำให้ข้ารีบดึงหอกกลับมาทันควัน แล้วฟาดหอกเข้าใส่ม้าปากกว้างตัวนั้นจนมันร่นถอยไป ไม่ทันจะหายเหนื่อยดี อีกตัวก็โผล่เข้ามาอีกด้านหนึ่ง ทำให้ข้าต้องวิ่งผ่านตัวมันไปอีกด้าน เขี้ยวคมๆของมันเฉี่ยวต้นแขนไปนิดนึง แต่ก็ไม่ได้เกิดแผลอะไร

    วูบ

    อุ ร้อน

    ในจังหวะนั้นเอง มือข้างหนึ่งก็เกิดร้อนผ่าวขึ้นมา แน่นอน ไม่ต้องก้มหน้าไปดู ข้าก็รู้ว่ามันตื่นขึ้นมาแล้ว ให้ตายสิ พักนี้ข้ารักมันจังเลย มาถูกเวลาทันใจดีมาก มามะ มาให้จุ๊บที!!

    แต่แล้ว เสียงกีบเท้าของม้าหลายตัวที่กำลังวิ่งตะบึงตรงมาทางนี้ดังเข้าหู ข้าเงยหน้ามองไปยังพวกมัน พลางประกบมือที่กำลังร้อนอยู่เข้ากับอาวุธ เมื่อเกิดประกายแสงสีแดงวูบวาบบนตัวอาวุธยาวไปถึงด้านคม ข้าก็ยกมันขึ้น ก่อนจะฟาดมันใส่เสาข้างๆจนหักลงมา มันตกลงบนพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดังลั่น เศษหินหักๆกระจายออกเป็นวงกว้างเช่นเดียวกับฝุ่นที่ฟุ้งออกมา ทำให้พวกม้าที่กำลังวิ่งหยุดชะงักไปได้ชั่วขณะ แต่ก็ไม่นานนักหรอก พอหายตกใจแล้วพวกมันก็กระโดดข้ามซากเสาแล้ววิ่งตรงมาเหมือนเดิม

    แน่นอนว่าข้าเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว

    พอพวกมันวิ่งน้ำลายยืดเข้ามาใกล้ หอกเล่มยาวก็ถูกปักลงบนพื้นอย่างแรง ข้ารออย่างใจจดใจจ่อด้วยใจที่หวังว่ามันจะให้มันเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ม้าพวกนั้นก็ใกล้เข้ามาทุกทีๆ

    เร็วๆเซ่!!

    ตูม!!!!!!!!!!!!!!

    จึ๋ย!!

    จู่ๆ พื้นที่ถูกหอกปักอยู่ก็แตกออกเป็นวงเล็กๆ แสงสว่างสีแดงปรากฏขึ้นบนหอกประมาณสองวูบ ก่อนที่มันจะตู้ม!! …ตู้มเสียงดังจนข้าสะดุ้งด้วยความตกใจ แน่นอน มันเกิดระเบิดขึ้นเป็นวงกว้างตามที่ข้ากะจะให้เกิดพอดีเป๊ะ! ม้าปลิว!! แต่เหมือนข้าจะคำนวณทิศทางลมผิดไปหน่อย เพราะจุดศูนย์กลางระเบิดคือข้าเอง พอมันเกิดระเบิดปุ๊บ ทั้งควัน ฝุ่น เขม่า อะไรๆก็อัดเข้าหน้าข้าหมด!

    แค่กๆๆ!! ฮัดชิ้ว!!!”

    การทำอะไรไม่ถี่ถ้วนมันก็ทำให้ลำบากเหมือนกันแฮะ ฮ ฮ ฮัดเช้ย!!

    จากการเกิดระเบิดเมื่อกี้ทำให้ม้าทั้งสี่ถูกดันออกไปไกลพอสมควร ทำให้ข้ามีเวลาตั้งหลักเล็กๆน้อยๆ อาวุธถูกตั้งไว้ด้านหน้าเป็นการเตรียมพร้อมเมื่อเห็นว่าเจ้าม้าพวกนั้นค่อยๆลุกขึ้นมา เอาจริงๆ ข้าต้องชมเลยว่าพวกมันอึดเหนือความคาดหมายจริงๆ โดนระเบิดไปยังไม่มีแผลเลยเชื่อมั้ย! แถมยังตั้งหลักได้เร็วจนน่าตกใจขนาดนี้ !…

    ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าพวกนี้ถึงเป็นม้าที่ดีที่สุดสำหรับเทียมรถศึก

    เรื่องของเรื่องคือข้าต้องสยบพวกมันให้ศิโรราบ ใช่มั้ย? แล้วต้องเอาพวกมันกลับมาเทียมรถแบบเป็นๆให้ได้ นั่นแหละที่ยากสุดๆ สำหรับข้า ใช่ มันยากตรงที่ต้องทำไม่ให้ฝั่งตรงข้ามตายเนี่ยแหละ บาดเจ็บก็ไม่ได้ แล้วมันจะสยบได้ยังไงได้ละเฮ้ย?

    แฮ่ซซ์!!!

    เสียงม้าและเสียงฝีเท้าที่ทะยานมาใกล้ทุกทีทำให้ข้าตั้งสติแล้วจ้องมองไปด้านหน้า พยายามจะไม่วอกแวกเรื่องอื่นที่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการต่อสู้ อาวุธประจำตัวถูกยกขึ้นสูงในชนิดที่พร้อมจะแทงลงไปทุกเมื่อ แต่ก็ต้องลดลงมาเพราะเพิ่งนึกออกว่าการโจมตีในลักษณะนี้อาจทำให้มันบาดเจ็บหนักได้ แล้ว ข้าควรจะทำยังไงต่อ ต่อสู้ยังไงที่จะไม่ทำให้มันบาดเจ็บ?! เหอะ!! เครียดเฟ้ย!! ขอคอหมูย่างสักจานหน่อยสิ! อ้อ อย่าลืมน้ำจิ้มละ เอาแซ่บๆเลยนะ! …หือ โอ๊ยยยยย ไม่เกี่ยว! จริงจังหน่อยสิฟะมิร่า!! แกต้องจริงจังงงงง!!!!

    ก็ อย่างที่บอกอะนะว่าข้าชอบการกิน ฟินกับการเขมือบเป็นที่สุด รองลงมาคือการต่อสู้ ดังนั้น!! ข้าจะรู้สึกเปรมปรีดิ์มากถ้าได้สู้ไปกินไปกลางสนามรบ!! วิ๊ฮี่ๆๆๆ~!

    แต่ว่า

    ขอโทษเหอะมิร่า สนามรบบ้านไหนมันจะอุดมสมบูรณ์ขนาดนั้นฟะ!

    ข้าเอาด้ามหอกเขกหัวตัวเองไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป กัดปากนิดหน่อยเป็นการเรียกสติ แล้วตั้งหน้าตั้งตาต่อสู้ต่อไปด้วยใจอันมุ่งมั่น! ม้าตัวหนึ่งกำลังพุ่งเข้าใส่ข้าด้วยแรงอันมหาศาลที่หากโดนเต็มๆไปได้หงายหลังหัวแตกแน่ๆ มันแยกเขี้ยวราวกับจะเขมือบหัวข้าไปทั้งหัว โชคดีที่ข้าหลบทัน ทำให้เขี้ยวของมันเฉี่ยวหน้าข้าไปนิดเดียว เกิดเป็นแผลขนาดเล็กที่มีเลือดซิบๆ ออกมา

    ขอพูดอะไรหน่อยเหอะ!! มันจะเอาอะไรกับหน้าข้านักหนาฟะเนี่ย!!!!!!

    ในขณะที่ข้ากำลังก่นด่าชะตากรรมของตัวเองอยู่ในใจ หางตาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นม้าอีกตัวไม่รู้ว่าวิ่งอ้อมไปด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด ก่อนจะพลิกตัวหลบ แล้วถีบตัวเองไปอีกด้าน หลังจากฟาดม้าตัวหนึ่งจนมันถอยไปด้านหลัง ข้าตัดสินใจจะใช้พลังทำลายบึ้มพื้นห้องอีกรอบ จะได้หยุดการเคลื่อนไหวของพวกมันได้ แล้วก็ข้ากะว่าจะกระโดดขึ้นขี่หลังพวกมันเหมือนเคยได้ยินพวกนักรบแถวบ้านพูดว่าการสยบม้า แค่ได้ขี่หลังก็ถือไว้ชนะมันไปมากกว่าครึ่งแล้ว นั่นแหละคือเหตุผลที่ข้าตัดสินใจจะใช้พลังทำแบบนี้

    ข้าละมือข้างนั้นออกจากอาวุธ จ่อฝ่ามือไปยังพื้นด้านหน้า โดยหวังว่ามันจะเกิดระเบิดขึ้น แต่…!!

    ….ง ง เงียบฉี่…?

    บัดซบแล้ว!! พลังขัดข้องงงงง พลังขัดข้องงงงงงงงง!!!!!!!

    ไอ้แกงไก่ไม่ใส่เห็ดหอมเอ๊ย!!”

    ข้าสบถออกมาอย่างหัวเสีย มือลดอาวุธลงมาให้อยู่ข้างๆตัว ด้วยสัญชาติญาณที่ดิบเถื่อนตามประสานักรบวัยรุ่นหัวรุนแรงที่ติดตัวมาด้วยทำให้ข้าตัดสินใจที่จะทำอะไรบ้าๆอย่างหนึ่ง

    ข้าวิ่งตรงไปด้านหน้าโดนไม่มีการวิ่งหลบแต่อย่างใด สายตาเล็งไปที่เจ้าม้าที่วิ่งนำอยู่หน้าสุด มันอ้าปากเตรียมกัดให้เละ แต่เสี้ยวพริบตาที่คมเขี้ยวจะมาถึงตัว ข้าก็เลื่อนตัวไปด้านข้าง แล้วกระโดดเฉียงขึ้นไปบนหลังมันอย่างรวดเร็ว!!! ม้าตัวที่ขี่อยู่สะบัดตัวอย่างบ้าคลั่ง อีกตัวอยู่ข้างๆก็กระโดดขึ้นมาเตรียมจะขบหัวข้าแล้วลากลงมาจากหลังเพื่อนมัน ไม่รอช้า ข้าหมุนหอกสีแดงรอบหนึ่งเป็นเชิงขู่ว่าอย่าเข้ามานะเฟ้ย! ซึ่งมันได้ผลดีเกินคาด เจ้าม้าถอยห่างออกไปห่างพอสมควร แต่ก็ยังไม่วายแยกเขี้ยวข่มขวัญ มีแต่เจ้าตัวที่ข้าขี่อยู่เท่านั้นแหละที่ยังสะบัดตัวเหมือนกุ้งโดนบีบมะนาวอยู่แล้วขู่แฮ่ๆๆๆ ประกอบการสะดีดสะดิ้งไปด้วย โฮ่ ม้าดีดกะโหลกมันเป็นแบบนี้เองเรอะ?

    เปรี๊ยะ!

    ฮะ!?”

    จู่ๆ อาการเจ็บแปลบเหมือนถูกไฟช็อตก็แล่นเข้ามาในฝ่ามือ มันเจ็บมาจนข้าต้องนิ่วหน้า พลางยกมือขึ้นมาเช็คดูว่าเกิดอะไรขึ้น มดกัดรึไง? และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ข้าถึงกับผงะสุดตัว

    อักษรรูปตัว G ปรากฏขึ้นมาแล้ว แต่สิ่งที่มาพร้อมกับมันในครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆอย่างสิ้นเชิง ทุกครั้งมันจะเต็มไปด้วยแสงสีทองสวยแต่ครั้งนี้กลับดูน่ากลัวแปลกๆ

    แสงสีแดงฉานเหมือนดวงตาของข้ากำลังเปล่งแสงวูบวาบบนฝ่ามือ โดยมีประกายไฟสีดำสนิทแล่นเปรี๊ยะๆ แล่นไปทั่วดูท่าแล้วไอ้เจ้านี่นั่นแหละที่ทำให้ข้าเจ็บมือเมื่อกี้นี้แต่มันมาจากไหน? ไม่มีครั้งไหนที่พลังตื่นขึ้นมาแล้วมีรูปร่างแบบนี้มาก่อนเลยไม่ใช่รึไง!?

    ในช่วงเวลาคับขัน ข้าพยายามเค้นสมองนึกทบทวนดูว่ามีครั้งไหนที่เคยเป็นแบบนี้บ้างรึเปล่า แต่คิดให้หัวระเบิดก็ไม่มี ไม่มีเลยสักครั้งที่มันเป็นแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้น!!?

    แสงสว่างสีแดงบนมือค่อยๆหรี่ลงและลุกขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ สลับกันอย่างบ้าคลั่งจนดูน่ากลัว กระแสไฟสีดำก็ยังไม่หายไปไหนดูเหมือนเป็นแสงไฟที่ถูกลมพัดแต่ไม่ยอมดับข้าทำได้แต่มองมันอย่างอึ้งๆ ไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี จะลองปล่อยไปก็ใช่ที ถ้ามันร้ายแรงเกินไปได้แย่กันหมด

    วูบ!!

    เปรี๊ยะ…!

    ซู่ม!!

    เฮ้ย!!”

    จู่ๆ แสงสีแดงบนมือก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนกลมสีแดงฉานไม่ต่างจากลูกบอลไฟสีเลือด ประกายไฟสีดำก็ตามมาแล่นบนลูกบอลสีแดงนั่นด้วย ทันใดนั้น!! เมื่อรวมตัวกันไม่ถึงสามวินาที มันก็พุ่งสูงขึ้นสู่ด้านบนอย่างรวดเร็ว!! รูปร่างของมันในตอนนี้เหมือนกับเสาไฟสีแดงที่มีต้นกำเนิดมาจากฝ่ามือมนุษย์ แสงสว่างสีแดงใสเข้าปกคลุมทั้งคอกม้าทั้งห้องราวกับถูกเคลือบไว้ด้วยเมือกใสสีแดง และเมื่อเจ้านั่นพุ่งขึ้นไปสูงที่สุด มันก็แตกตัวออก กลายเป็นประกายสีแดงราวกับกากเพชรโปรยลงมาจากด้านบน

    มันสวยนะแต่ ข้าได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง…????

    ตูม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ชั่วพริบตาที่ประกายสีแดงฉานตกลงมาสู่พื้นราวกับหิมะสีสด แสงไฟที่ห้อมลอบอยู่รอบๆก็กระพริบแสงวูบจนข้ารู้สึกแสบตา ก่อนที่การระเบิดครั้งมหาศาลจะเกิดขึ้นทุกที่ๆแสงสีแดงหุ้มอยู่!

    พูดง่ายๆ ทั่วห้อง!!!

    ตูม!!!! ตูม!!!!!!! ตูม!!!!!!!!!

    แค่ระเบิดทั่วห้องก็ร้ายแรงพออยู่แล้ว แต่มันไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบรัศมีระเบิดถูกทำลายจนป่นปี้ไม่เหลือซาก เสียงระเบิดดังกระหึ่มต่อๆกันเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนม้าที่ถูกขี่อยู่ตกใจ มันร้องเสียงดังก่อนจะสลัดข้าที่ไม่ทันได้ตั้งแต่ให้ตกลงมาที่พื้นอย่างง่ายดาย

    ความเจ็บจุกแล่นพล่านทั่วจุดที่กระแทกกับพื้น ข้าใช้มือลูบเบาๆเป็นเชิงให้ความเจ็บทุเลาลง ก่อนจะเงยหน้ามองทุกสิ่งทุกอย่างในคอกม้าที่พากันระเบิดไปตามๆกัน เมื่อสิ่งหนึ่งระเบิด อีกสิ่งที่อยู่ใกล้ๆก็ระเบิดต่อกันไปเรื่อยๆ ท่ามกลางหิมะสีแดงที่เปล่งประกายระยับ แรงระเบิดต่อครั้งใช่ว่าจะน้อยเสียเมื่อไหร่ มันมหาศาลมากจนข้าสามารถพูดได้โดยไม่อายปากว่ามากพอๆกับทอร์นาโดลูกยักษ์ ไม่ผิดหรอก อำนาจการทำลายล้างของเจ้านี่น่ากลัวถึงขนาดนั้นเลย

    ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีที่มามาจากข้า

    ตูมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    เสียงระเบิดที่ดังใกล้หูกว่าทุกลูกปลุกข้าให้ตื่นจากภวังค์ ดวงตาตวัดไปมองตามจุดเกิดเสียง มันกำลังเกิดระเบิดในจุดที่ห่างจากตรงที่ข้ากำลังนั่งอยู่ไม่เกินห้าฟุต ควัน ฝุ่นผง รวมทั้งเศษซากของสิ่งที่เคยประกอบรวมเป็นคอกม้าที่ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆจากการระเบิดกระจายออกจากจุดที่เป็นศูนย์กลางการระเบิด แม้กระทั่งจุดที่คิดว่าห่างแล้วยังโดนระเบิดไปด้วย! และแน่นอน หากมันเคลื่อนเข้ามาอีกเพียงนิด ตรงนี้จะเป็นที่ๆถูกระเบิดตามมา!

    ตูมมมมมมม!!!!!!!!!!

    ข้าขยับตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียด ตามลำตัวโดนลูกหลงจากการระเบิดแบบเฉียดฉิวเมื่อกี้จนเกิดแผลเล็กๆ ลมหายใจถี่รัวตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ข้าตัดสินใจว่าตัวเองจะต้องลุกขึ้นแล้วหยุดระเบิดพวกนี้ซะ แต่ขากลับหมดแรงไปเสียดื้อๆ เหมือนพลังกายถูกดึงออกไปใช้สร้างระเบิดที่กำลังเกิดอยู่นี้ด้วยความจริงข้ารู้สึกหน้ามืดๆตั้งแต่ลูกบอลไฟมันพุ่งขึ้นบนฟ้าแล้วละ แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร ไม่นึกว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองตอนนี้

    เคร้ง

    แค่เอื้อมมือไปจับอาวุธตัวเองก็หน้ามืดจะตายอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงการโต้ตอบอย่างอื่นให้ตายเหอะ เวียนหัว แรงก็ไม่มี ถ้าทำได้ ข้าอยากจะลงไปนอนมันตรงนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ ถ้าขืนนอน ก็ได้โดนระเบิดอัดเละคาห้องสิฟะ!

    ครึ่ก

    หือ? …เสียงเหมือนอะไรโดนขูด…?

    ข้าเงยหน้าขึ้นแล้วเพ่งสายตาไปยังต้นเสียง ก่อนที่จะพบกับบางสิ่งที่เรียกกันว่า ผนังแตก’ !?

    ผนังคอกม้าด้านตรงข้ามที่ห่างจากตัวข้าไม่เกินหกฟุตกำลังแตก รอยแตกเคลื่อนลงมาข้างล่างเรื่อยๆจนสุด พอไม่มีที่ให้ไปต่อ มันก็ระเบิดออกทันที!!!!

    ตูม!!!!!!!!!!!!!!!!!

    แรงระเบิดอัดทุกอย่างที่ขวางหน้าจนแหลกเละ แถมยังเคลื่อนมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทุกที่ๆมันเคลื่อนผ่านถูกทำลายสิ้นอย่างน่ากลัว เมื่อมันได้ทำลายทุกอย่างมากขึ้น ก็ยิ่งดูเหมือนว่าขนาด ไปจนถึงความรุนแรงของมันจะยิ่งเพิ่มพูน และเป้าหมายสุดท้ายของมันย่อมเป็นข้าอย่างไม่ต้องสงสัย!

    ขาข้างซ้ายพยายามจะลุกขึ้นเพื่อหลบระเบิด แต่มันไม่มีแรงเหลือเลยสักนิดเดียว ระเบิดเหล่านั้นก็ใกล้เข้ามาทุกทีๆ สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือยกแขนขึ้นมากัน ทั้งๆที่มันอาจจะทำอะไรไม่ได้ก็ตามที

    พอระเบิดเข้ามาใกล้จนมีระยะห่างจากกันไม่ถึงสองเมตร ข้าก็หลับตาโดยอัตโนมัติ พลางส่งโทรจิตถึงเรย์อย่างเงียบๆ

    เรย์! วันนี้หน่วยพยาบาลของเจ้าได้ทำงานแน่!!! แต่แต่ขอหลับตาหน่อยนะ ข้าไม่อยากเห็นแขนตัวเองขาด!

    เสียงระเบิดดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมันอยู่ในระดับที่รู้สึกถึงแรงบีบอัดของมันได้อย่างชัดเจน อีกประมาณสามวินาทีแค่สามวินาทีเท่านั้น ข้าจะถูกระเบิดโดนจังๆแน่ๆ ไม่ต้องสงสัยเลย

    3…

    2…….

    1…………

    ตูมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    “…?”

    หือ?

    เฮ้…? ข้าว่ามันระเบิดแล้วนะ เสียงกัมปนาทจนค้อนทั่งโกลนในหูแดนซ์กระจายเลยเนี่ย แต่ทำไมข้าไม่เจ็บละฟะ?

    “…หือ?”

    ข้าค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ สิ่งที่พบคือสภาพของคอกม้าที่เรียกได้ว่ายับเยินเหมือนถูกนักเลงประมาณยี่สิบกว่าคนบุกเข้าทำลายข้าวของบวกด้วยเฮอร์ริเคนถล่ม บนพื้นเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่ป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี บางอันแทบจำไม่ได้เลยว่าเคยเป็นอะไรมาก่อน แต่ดูเหมือนระเบิดจะสงบลงแล้ว เพราะทุกอย่างดูสงบเงียบ มีเพียงสายลมเบาๆ กับเกล็ดสีแดงเล็กๆ ที่ค่อยๆเปล่งประกายขณะเคลื่อนตัวลงมาสู่พื้นเป็นระลอกสุดท้าย

    แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่ากับ คน ที่อยู่ตรงหน้าข้าคนที่โดดเด่นท่ามกลางบรรยากาศแห่งการทำลายล้าง

    เขาเป็น ผู้ชาย

    ใช่ เห็นแค่ข้างหลังก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ชาย รูปร่างของเขาดูแข็งแกร่งเกินกว่าจะเป็นผู้หญิง ทรงผมที่เขาทำก็ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเขาทำกัน แต่ข้าไม่เห็นหน้าของหมอนั่นเพราะถูกยืนหันหลังให้ จะก็แค่ชายผ้าคลุมยาวสีดำสนิทที่ค่อยๆพลิ้วไปตามลม และเส้นผมของเขาเท่านั้น

    ผมสีไวน์

    เสี้ยววินาทีข้ามองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ข้าไม่รู้ว่าหมอนี่เป็นใคร มาจากไหน ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนั้นเองที่เขาหันมามองข้า ชั่ววูบนั้น สิ่งเดียวที่ข้าเห็นคือดวงตาของเขา

    ดวงตาสีแดงเพลิง

    สีเดียวกับข้าไม่มีผิด
     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×