คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ::Chapter 8: ผู้เปิดประตู::
Chapter 8: ผู้เปิดประตู
บ้านที่เคยเงียบเหงา....บ้านที่เคยมีเพียงคนสวยร่างบอบบางอยู่เพียงลำพัง บัดนี้กลับเริ่มครึกครื้น เหมือนกับว่าได้ชีวิตเหมือนครั้งวันวานที่ยังอยู่พร้อมด้วยครอบครัวทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ต่างคนต่างทำกิจกรรมของตัวเองไป ขณะที่ร่างบางที่กำลังนั่งทำรายงานส่งอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย โดยมีร่างสูงผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายจากต่างแดนนั่งจ้องมองด้วยความใคร่สนใจ ที่ชักไม่ค่อยแน่ใจว่าสนใจกิจกรรมที่คนสวยทำ หรือสนใจคนทำกันแน่...จุนซูจอมเวทย์ผู้มีเวทย์มนตร์วิเศษสารพัดเองก็กำลังขะมักเขม้นกับการร่ายเวทย์ใส่หนังสือสีขาวเพื่อเปิดประตูข้ามมิติ....
“แจจุง~” เสียงออดอ้อนของชายหนุ่มด้านข้างไม่ได้ทำให้ร่างบางละสายตาจากการทำรายงานเพียงแต่ส่งเสียงตอบรับว่าได้ยินเท่านั้น...
“หืม? มีอะไรเหรอ ยุนโฮ”
“ทำอะไรอยู่อ่ะ” ร่างสูงถามขึ้น อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรกับสิ่งที่ร่างบางทำนักหรอก จะมีก็แต่อยากรู้ว่าอะไรทำให้คนสวยคนนี้ไม่ใส่ใจเขาเลย....อาการแบบนี้จะเรียกว่าน้อยใจได้รึเปล่านะ.....
“ทำรายงานอยู่ไง แถมต้องรีบส่งด้วย”แจจุงตอบแต่สายตาก็ไม่ได้ละจากกองรายงานเป็นตั้งนั้นเลย ยิ่งเห็นแบบนั้นเจ้าชายหมีเจ้าใหญ่ก็เบ้ปากลงอย่างขัดใจ....นางฟ้าไม่สนใจเค้าเลยง่ะ.....
“แจจ๋า~ หิวข้าวแล้วง่ะ” ยุนโฮพยายามอีกครั้งที่จะเรียกร้องความสนใจ และเชื่อว่าถ้าเป็นเรื่องนี้นางฟ้าของเขาต้องสนใจอย่างแน่นอน ไม่พูดเปล่ายังส่งสายตาปิ๊งๆอย่างออดอ้อนไปให้อีกระลอกหนึ่ง ท่าทางทำตัวแอ๊บแบ๊วน่ารักนั้นดูไม่เข้ากับหมีตัวอ้วนๆอย่างแรง จนทำเอาจอมเวทย์ที่กำลังนั่งร่ายคาถาอยู่ใกล้ๆอดยิ้มแหยๆอย่างนึกถึงความอดสูของผู้ปกครองในอนาคตไม่ได้.....นี่น่ะเหรอราชาคนต่อไป จะฝากผีฝากไข้ได้ไหมเนี่ย!!....
“หิวเหรอ? นายเอาบะหมี่สำเร็จรูปไปอุ่นกินแทนแล้วกันนะ”
....เพล้ง.....
หน้าแตกกระจายเมื่อคนสวยยังคงไม่สนใจเขา แถมยังผลักไสให้เขาไปกินบะหมี่สำเร็จรูปแทน แบบนี้ความน้อยใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ....
“แง~ แต่ แจจ๋า....ยุนโฮอยากกินกับข้าวฝีมือแจมากกว่านี่นา” ยุนโฮยังคงไม่ลดละ แถมยังท่าหน้าตาออดอ้อนน่ารักๆไปอีกครั้ง แต่เพราะความเหนื่อย เครียดจากกองรายงานเบื้องหน้ายิ่งทำให้แจจุงหงุดหงิดขึ้น ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นจากรายงานแล้วหันควับมาส่งตาดุให้กับหมีตัวอ้วนๆที่อ้อนไม่รู้เวลา....
“โอ๊ย! เจ้าหมีอ้วนนี่!! ฉันต้องรีบทำรายงาน อย่ามาก่อกวนจะได้ไหม!!” แจจ๋าของหมียุนเริ่มแผดเสียงลั่นด้วยความโกรธเล่นเอาเจ้าหมีอ้วนถึงกับผงะตัวหดเหลือนิดเดียว คนสวยของเขาดุอีกแล้ว TT TT หมีกลัว....
“ง่า....ก็แจจุงไม่สนใจเค้าเลยอ่า.....” ร่างสูงเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างจิ้มแตะๆกันพลางก้มหน้าหนีตาสวยที่ดุได้ที่นั้น ด้วยน้ำเสียงออดอ้อนไม่สมกับรูปร่างสูงใหญ่เลยสักนิดเดียว....หลายคนอาจจะมองว่าน่ารักแต่กับแจจุงยามนี้มันไม่มีความน่ารักเลยสักนิดเดียว....
....คนอะไร ตัวก็ใหญ่จนเป็นหมีอ้วนๆแต่ทำตัวเหมือนเด็กเล็กๆ.....
“นายเป็นโรคขาดความอบอุ่นรึไง?” แจจุงถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงโทสะของตนได้ดี....
“เปล่า.....” ร่างสูงเอ่ยบอก นั่นยิ่งทำให้คนสวยที่กำลังเดือดได้ที่เริ่มเดือดได้อีก....
“แล้วนายเป็นบ้าอะไรเนี่ย!”
“เป็นโรคขาดความรักจากแจจุง....” เจ้าชายหมีเอ่ยบอก ทำเอาร่างบางถึงกับทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อในความเสี่ยวของคนเบื้องหน้าจริงๆนะเนี่ย....แต่ลึกๆแล้วใจก็เต้นไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งเมื่อมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย พร้อมความทรงจำในคืนฝนตกนั่น.....
“บ้า!!” พอว่าเข้าเสร็จแจจุงก็พยายามจะหันกลับไปสนใจรายงานของตัวเองต่อ เพื่อหลบความรู้สึกที่เขาคิดว่ามันคือความเขินอายไป แต่ก็รู้สึกได้ถึงมืออุ่นๆที่ทาบทับลงบนมือเรียวบางของเขาทำให้หนุ่มหน้าสวยต้องหันไปมองหน้าเจ้าของมืออุ่นอย่างสงสัย ที่พบเห็นคือแววตาจริงจังที่จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาที่เหมือนดั่งลูกแก้วของเขา....
“ที่พูดเมื่อกี้น่ะ....ฉันพูดจริงนะ......” ประโยคสั้นที่ทำให้หัวใจเจ้ากรรมของแจจุงเต้นแรงมากขึ้น ผสมกับดวงตาแน่วแน่มุ่งมั่นที่จ้องมองมายังเขาอย่างไม่วางตา จนกลายเป็นฝ่ายเขาเองที่ต้องหลบตาไป....ยุนโฮจะพูดอะไร.....
“แจจุงคือฉัน......”
~กิ๊ง ก๋อง~
เหมือนเสียงช่วยชีวิตไม่ให้แจจุงต้องหัวใจหลุดออกมาจากตัว เสียงกระดิ่งหน้าบ้านดังขึ้นทำให้เขาทั้งสองได้สติหลุดออกจากโลกส่วนตัวไป มือบางดึงออกจากการจับกุมของร่างสูงเพื่อจะไปหาอาคันตุกะผู้มาเยือน ขณะที่หมีตัวใหญ่ส่งสายตาผิดหวังออกมาเต็มที่ เหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ....
ตลอดทางเดินมาถึงหน้าบ้าน แม้ตอนนี้แจจุงก็ยังคงหัวใจเต้นรัวไม่หยุด เขาไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเขา เมื่อกี้ยุนโฮกำลังจะพูดอะไร.....ขาดเขาไม่ได้งั้นเหรอ?......หรือว่ายุนโฮจะบอกว่า รัก เขา....โอ๊ยๆ!!เลิกๆ!! อย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย!!เจ้าชายสูงศักดิ์อย่างเขามีเหรอ ที่จะมาสนใจชาวบ้านธรรมดาที่ไม่อะไรเลยอย่างเขา!!....แล้วทำไมเราต้องติดเป็นตุเป็นตะด้วย เราไม่ได้ชอบไอ้เจ้าชายหน้าหมีนั่นซักหน่อย!!......มั้ง......
.....ถ้ามั่นใจขนาดนั้น.....ทำไมถึงต้องมีคำว่า ‘มั้ง’ ด้วยล่ะ......
ร่างบางเริ่มปัดความคิดไร้สาระนี้ให้ออกจากการบกวนหัวใจของเขา และก็เป็นเวลาประจวบเหมาพอดีที่เดินมาถึงหน้าบ้านพอดี เขาเอื้อมมือออกไปเปิดประตูบ้านเพื่อดูว่าใครมาเยี่ยมเขากันหนอ....เมื่อประตูบ้านสวยถูกเปิดให้แยกออกจากตัวบ้านหลังงาม....คนคู่หนึ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขานั้นก็คือ....
“ไง แจจุง ^^” ชายหนุ่มหน้าสวยเอ่ยทักทายเขาอย่างอารมณ์ดี ขณะที่อีกคนที่ยืนขนาบข้างของคนสวยนั้นเพียงแย้มยิ้มทักทาย
“อ้าว! ฮีชอล ซีวอน มีอะไรกันงั้นเหรอ?”
“คือว่า ฉันตั้งใจจะมาทำรายงานที่บ้านนาย กลัวนายอยู่คนเดียวจะเหงา ฉันก็เลยชวนซีวอนมาด้วย” ฮีชอลเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มหวานฉาบอยู่บนดวงหน้าหวาน แต่มีหรือที่แจจุงจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์แท้จริงคืออะไร....
“นายอยากจะมาลอกรายงานฉันก็บอกเถอะ =.=”
“ง่ะ....รู้ได้ไงอ่ะ”
“ตานายมันฟ้อง เรื่องแค่นี้ทำไมฉันจะไม่รู้”
“งั้นไม่พูดมากทำเพลง ขอฉันเข้าไปเลยแล้วกันนะ มาเถอะซีวอน” ฮีชอลไม่ว่าปากเปล่าพร้อมดึงมือคนรักเข้าไปในบ้านของเพื่อนสนิทของตน แจจุงมองภาพนั้นด้วยสายตาอมยิ้มน้อยๆ ฮีชอลกับซีวอน ดูรักกันมาก ไม่มีเวลาไหนเลยที่ทั้งสองจะอยู่ห่างกัน.....ถ้าเกิดเขากับยุนโฮเป็นแบบนี้ก็คงจะดีไหมน้อย....เอ๊ะ!! แล้วทำไมต้องนึกถึงเจ้าหมีบ้านั่นด้วยล่ะ!!!....เดี๋ยว.....เฮ้ย!! ยุนโฮ!!!
ร่างบางกรีดร้องอยู่ในใจขณะที่นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนของเขาไม่ได้รู้เรื่องของผู้มาเยือนแปลกประหลาดสองคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นของเขา แถมจุนซูกำลังใช้พลังเวทย์มนตร์อะไรนั่นอีก ตายๆ!!!! คิดได้เช่นนั้นร่างบางก็รีบวิ่งตามร่างของเพื่อนทั้งสองของตนไปในทันที
“เดี๋ยวก่อน ฮีชอล!!” แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อคนทั้งสองเดินเข้าไปถึงห้องนั่งเล่นก่อนเขา แถมสายตายังดูผงะกับภาพเบื้องหน้า ส่วนสองคนที่อยู่ในห้องอยู่แล้วก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน....แจจุงเห็นแบบนั้นจึงรีบเดินไปด้านข้าง และสมองก็รีบประมวลผลอย่างรวดเร็วว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี....
....ต้องแนะนำสินะ เพื่อเบี่ยงประเด็น ใช่ๆ!ต้องแนะนำ ยุนโฮ กับ จุนซู!!....
“เอ่อคือ....ฮีชอล นี่คือ.....”
“องค์ชาย!!!!” ยังไม่ทันที่แจจุงจะได้พูดอะไรอยู่ดีๆคนหน้าสวยก็ร้องขึ้นพร้อมกับก้มลงไปคุกเข่าอย่างรวดเร็ว จนทำเอาร่างบางถึงกับงงยังไม่เท่ากับที่ใบหน้าของฮีชอลเต็มไปด้วยความกลัวต่ออะไรบางอย่างและความกังวล ทางซีวอนเองก็ก้มลงคุกเข่าในท่าคำนับต่อยุนโฮเช่นกัน...
แจจุงยิ่งงงเข้าไปใหญ่ พอหันไปมองทางเจ้าชายหนุ่มก็พบเห็นแววตาน่าเกรงขามอย่างที่ตัวแจจุงไม่เคยเห็นมาก่อนนั่นทำให้เขากลัวไม่น้อย พอเหลือบไปมองทางจุนซู รายนั้นก็ยิ่งตีหน้าเครียดเข้าไปใหญ่ แจจุงไม่รู้จะทำอย่างไรดี เลยเลือกที่จะเงียบและดูเหตุการณ์เหล่านี้ดีกว่า....
บรรยากาศที่เงียบและตึงเครียดนี่ทำให้แจจุงรู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อย จุนซูที่เห็นแบบนั้นจึงเดนเข้ามาร่างบางก่อนจะพาเดินออกมาจากเหตุการณ์ตรงนั้น คนหน้าสวยปล่อนให้จอมเวทย์หนุ่มพาเดินออกมาจนถึงชั้นสองตรงระเบียงหน้าบ้าน....
“แจจุงคงจะตกใจสินะ” ความเงียบแทนคำตอบจากร่างบางได้เป็นอย่างดี จุนซูจึงคลี่ยิ้มออกมาบางๆก่อนจะเอ่ยตอบสิ่งที่เป็นข้อข้องใจของร่างบาง....
“ฟังที่ฉันพูดแล้วอย่าตกใจล่ะ....ฮีชอล....คิม ฮีชอล และ ชเว ซีวอน มาจากแวร์กลาเหมือนกับฉันและยุนโฮ” คำพูดที่ทำเอาดวงตาคู่สวยต้องเบิกโพล่งด้วยความตกใจที่ได้ยิน...
“หมะ....หมายความว่าไง ที่บอกว่า ฮีชอล เป็นคนจากโลกเดียวกับพวกนาย....ก็ในเมื่อ....”
“แจจุงจำเรื่องประตู ที่มีคนสามารถเปิดมันออกเมื่อ 4-5 ปีก่อนได้ไหม?” คนหน้าสวยเพียงพยักหน้าตอบรับ และนั่นทำให้แจจุงสะกิดใจขึ้นมา เหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมานิดๆ เห็นเช่นนั้นจุนซูจึงเริ่มเอ่ยเล่าความจริงให้ร่างบางได้รับฟัง....ยังไงแจจุงก็เป็นคนที่มีสิทธิจะรู้เรื่องเหมือนกัน.....
“ที่จริงแล้ว เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อนนั้นน่ะ ฉันยังไม่มีสิทธิได้รับศักดิ์ให้เป็นจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดในแวร์กลา เพราะตอนนั้นมีจอมเวทย์อัจฉริยะ อย่างฮีชอลอยู่....” แจจุงนั่งฟังอย่างตั้งใจ แม้จะมีคำถามอยู่มากมายแต่เขาก็เลือกที่จะนิ่งเงียบฟังดีกว่า....
“ใช่...ฮีชอลเป็นจอมเวทย์อัจฉริยะที่ 100 ปีจะมีสักคนก็ว่าได้ แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็ได้เป็นหัวหน้าจอมเวทย์ของราชวังเลยทีเดียว แถมฮีชอลเองก็ยังเป็นคนที่คอยดูแลเหมือนเป็นพี่ชายของยุนโฮ ถึงจะอายุไม่ต่างกันนักหรอกอ่ะนะ....ฮีชอลเป็นจอมเวทย์ที่ดีเขาควรจะมีอนาคตที่ไกลกว่านี้....แต่ว่าวันหนึ่ง...ใช่แล้ววันนั้น....วันที่เราเริ่มมีปัญหาที่เป็นส่วนหนึ่งของชนวนสงครามของ ‘แวร์กลา’ กับ ‘กลาสต์’ เพราะอยู่ดีๆ ประเทศกลาสต์ที่เคยเป็นประเทศพันธมิตรของเรา หลังจากเสียพระราชาไป ก็มีการส่งทหารเข้ามาสือบประเทศของเราอย่างน่าสงสัย แต่ก็ถูกจับได้....สายสืบคนนั้น ก็คือ ชเว ซีวอน คนนั้นนั่นแหละ.....” ยิ่งฟังแจจุงก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองถลำลึกเข้าไปในโลกที่เขาไม่รู้จักขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นเขาก็อยากจะรู้....เรื่องของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา....
“ขณะที่พวกเราเอาตัว ซีวอน มาสอบสวน ฮีชอลเองก็อยู่ด้วย....คงไม่ต้องบอกนายก็น่าจะพอเดาได้นะ....ฮีชอลตกหลุมรักซีวอน....แต่ว่าเพราะซีวอนเป็นสายลับคงจะต้องถูกลงโทษในไม่ช้า....ฮีชอลจึงได้ตัดสินใจเปิดประตูมิติแล้วหนีมาพร้อมกับซีวอน.....” ยิ่งแจจุงได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกสงสารฮีชอลขึ้นมาจับใจ...ฮีชอลคงทั้งรู้สึกผิดต่อประเทศบ้านเกิด แต่ก็ไม่อาจจะละเลยหัวใจของตัวเอง....
.....เมื่อ ‘หน้าที่’ และ ‘ความรัก’ กลายเป็นเส้นขนาน......
*********************************************************************
“คุณคือ จอมเวทย์แห่งแวร์กลาที่เขาร่ำลือกันสินะ....”
“ใช่....นายคงจะเป็น ชเว ซีวอน สินะ....ฉันชื่อ คิม ฮีชอล นะ”
“ฮีชอลเหรอ ชื่อเพราะจังเลยนะ.....”
“นายก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ทำไมถึงต้องทำอย่างนี้?”
“คุณก็น่าจะรู้....เพราะหน้าที่ไงครับ เพราะคำสั่ง ผมเป็นทหารต้องทำตามหน้าที่.....ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง....”
“อีกเหตุผลเหรอ?....”
“ผมอยากจะเห็นกับตาว่า จอมเวทย์แห่งแวร์กลา งดงามดังคำร่ำลือรึเปล่า?....และวันนี้ผมก็ได้เห็น ทำไมคุณถึงทำหน้าเศร้าล่ะครับ?”
“ทำไมนายถึงทำแบบนี้....ทั้งที่รู้ว่าอาจจะตายได้นะ....”
“ผมรู้อยู่แล้วครับ....คุณอย่าร้องไห้เลยนะ ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของฮีชอล ถ้าคุณยิ้มจะสวยที่สุดเลย....”
“บ้า...”
“ผมน่ะนะ ถึงจะตายก็ไม่เสียใจแล้วที่ได้พบคุณ ได้คุยกับคุณ.....คงจะเสียดายอย่างเดียวที่ผมรู้จักคุณช้าไป....”
“หืม?”
“เพราะว่า....ถ้าเกิดผมรู้จักคุณเร็วกว่านี้อาจจะได้มีโอกาสร่วมกัน...คุณจะหาว่าผมบ้าก็ได้ ถ้าผมจะบอกว่า....ผมตกหลุมรัก คุณเข้าแล้ว คงจะเรียกว่า รักแรกพบ ล่ะมั้งครับ”
ความทรงจำเก่าๆในคุกใต้ดินวันนั้นที่เขาลอบไปหาซีวอนที่เขารู้สึกสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกนั้น ผุดขึ้นมาในหัวทั้งน้ำเสียงความจริงจังในแววตาที่ส่งมาหาเขา ทำให้เขารู้ว่าคนเบื้องหน้านี้ไม่ได้โกหกเขา และเสียงหัวใจร่ำร้องที่เหมือนกัน คำว่า ‘รักแรกพบ’ ทำให้หัวใจของเขาทรยศประเทศบ้านเมืองเกิดละทิ้งประเทศ....และพาซีวอนหนีมาอยู่ที่นี้....
ความรู้สึกผิดนี้แม้จะนานมากแล้ว แต่มันยังคงฝังตรึงอยู่ในหัวใจของเขาเสมอ ไม่อาจลบเลือนได้เลยแม้แต่น้อยยิ่งเมื่อเห็นเจ้าชายที่เขารู้จักดี...คนที่เขาคิดว่าชาตินี้คงไม่มีวันได้พบอีกแล้ว มาปรากฏอยู่เบื้องหน้า ความรู้สึกผิดเก่าๆประดังเข้ามามากกว่าความสงสัยที่ว่า เหตุใดเจ้าชายยุนโฮ และจอมเวทย์จุนซูถึงได้มาอยู่ที่นี่?....
“องค์ชาย....กระหม่อมขออภัยที่.....” ฮีชอลที่ยังคงนั่งคุกเข่านั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ....ไม่กล้าแม้จะสบดวงตาคู่คมนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าชายเพียงลอบถอนหายใจออกมาพร้อมกับคลี่รอยยิ้มออกมาบางๆ....
“เจ้า......สบายดีใช่ไหม?” คำถามที่ทำเอา ร่างบางถึงกับแปลกใจ ถ้าเป็นองค์ชายเมื่อก่อนไม่มีทางใจเย็นแบบนี้หรอก...
“เอ่อ...สบายดีกระหม่อม....”
“อย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ....” ถึงน้ำเสียงจะอ่อนโยน แต่ร่างบางก็ยังคงมีความกังวใจเพราะความรู้สึกผิดต่อความผิดที่ตนก่อไว้เมื่อครั้งนั้น....ตราบาปที่ทรยศประเทศแวร์กลาไม่อาจลบล้างไปได้.....
“ฮีชอล ไม่ต้องทำหน้ากังวลอย่างนั้นหรอก....ฉันไม่ติดใจเรื่องเมื่อก่อนแล้ว เพราะฉันเองก็ชักจะเข้าใจความรู้สึกนายขึ้นมาบ้างแล้ว....” ร่างสูงเอ่ยบอกพลางนึกไปถึงดวงหน้าหวานใสที่ทำให้เขาใจในสิ่งที่ฮีชอลต้องยอมละทิ้งประเทศมา....
....คำว่า ‘รัก’....แม้เขาจะไม่แน่ใจ แต่เขาก็รู้สึกว่าเข้าใจควาหมายของคำๆนี้ขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้ว....
“แล้ว นายชื่อซีวอนใช่ไหม?” เจ้าชายหนุ่มเปลี่ยนไปถาม เชลยครั้งนู้นที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าขนาบข้างของคนรัก....
“ใช่กระหม่อม....”
“ที่ผ่านมา....และจากนี้ไปนายจะดูแลฮีชอลเป็นอย่างดีใช่ไหม?”
“ใช่กระหม่อม....กระหม่อมขอสาบานด้วยชีวิตที่มีทั้งหมดนี้ จะอยู่เพื่อ ฮีชอล เท่านั้น” คำมั่นสัญญาที่เรียกรอยยิ้มจากเจ้าชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี และเรียกความตื้นตันในหัวใจของอดีตจอมเวทย์แห่งแวร์กลา....
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี....ฉันในฐานะ เจ้าชายรัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งแวร์กลา อภัยโทษในความผิดของพวกเจ้าทั้งสอง....” ด้วยคำพูดจริงจัง เรียกให้ฮีชอลยิ่งตื้นตัน เขาได้รับการให้อภัย....แม้ในใจจะยังรู้สึกผิดอยู่บ้างก็ตาม ยุนโฮเดินเข้าไปพยุงให้คนทั้งสองที่คุกเข่าอยู่นานลุกขึ้นพร้อมคลี่รอยยิ้มอบอุ่นให้คนที่คอยดูแลเขาเหมือนเป็นพี่มาตั้งแต่เมื่อก่อน...
“ดีใจที่ได้เจอ ฮีชอลนะ พี่สาว....”
“พี่ก็ดีใจที่ได้เจอนายเหมือนกัน....ยุนโฮ.....”
ภาพของความตื้นตันนั้นทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นขึ้น คนที่แอบลอบมองอยู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มไปด้วย...
.....ความบาดหมางหายไปเหลือเพียงบรรยากาศที่แสนอบอุ่นเท่านั้น.....
*********************************************************************
เพื่อฉลองความน่ายินดีอย่างนี้ แจจุงจึงเลิกสนใจกับรายงานแม้จะต้องรีบส่งก็ตามเปลี่ยนมาเป็นการลงมือทำอาหารเย็นอย่างสุดฝีมือเพื่อความยินดีครั้งนี้อย่างเต็มที่แทน หลังจากที่อาหารถูกนำมาตั้งโต๊ะพวกเขาก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน รวมถึงฮีชอลที่อธิบายเรื่องต่างๆทั้งเรื่องที่มาโลกนี้ เรื่องที่โกงอายุแฝงตัวเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในชั้นปีเดียวกับแจจุง ทั้งที่จริงๆแล้วเขาแก่กว่าร่างบางถึง 2 ปีก็ตาม....และเรื่องที่ยุนโฮหลุดมายังโลกแห่งนี้และหาทางกลับไม่ได้อีกต่างหาก
“จริงด้วย! คุณฮีชอลอยู่ก็ถือว่าดีเลย....” จุนซูเอ่ยขึ้นเรียกให้ใบหน้าสวยใสอ่อนกว่าวัยหันมามองจอมเวทย์เซียด้วยท่าทางสงสัย...
“คนที่มีพลังเวทย์มากอย่างคุณฮีชอลน่ะ ต้องช่วยผมให้สามารถเปิดประตูมิติได้ใช่ไหมครับ” คำถามที่มันดูไม่มากมายอะไรนัก แต่ก็ทำให้แจจุงถึงกับสะดุดไป....หัวใจเศร้าหมองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเหมือนมีคนมาบีบหัวใจ....
“มันก็ได้อยู่ แล้ว.....”
“ช่วยประสานเวทย์กับผมแล้วทั้งผมกับองค์ชายยุนโฮกลับไปสู่แวร์กลาได้ไหมครับ?” คำถามที่จุนซูเอ่ยถามกับจอมเวทย์อัจฉริยะที่ยิ่งทำให้แจจุงสะดุ้งหนักกว่าเดิม....
.....มันก็ต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ ที่ทั้งยุนโฮกับแจจุงจะได้กลับบ้าน....แต่ทำไม....หัวใจลึกๆทันร่ำร้องให้ฮีชอลปฏิเสธ....
“ได้สิ ฉันเข้าใจสถานการณ์ดี”
“ขอบคุณมากครับ คุณฮีชอล”
คำตอบของฮีชอลที่ทำให้ประสาทการรับฟังของแจจุงต้องหยุดชะงักลง...เขาไม่สามารถรับรู้ถึงหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ได้อีก ความรู้สึกเจ็บปวดทีเกิดขึ้นในใจ ทำให้เขาต้องเงียบลงและเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัว....
....ยุนโฮ....ฉันน่ะ.....
*********************************************************************
ความคิดเห็น