ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic:TVXQ]...*+Verglas+*...(Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #9 : ::Chapter 8: ผู้เปิดประตู::

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 51


     

    Chapter 8: ผู้เปิดประตู

     

                    บ้านที่เคยเงียบเหงา....บ้านที่เคยมีเพียงคนสวยร่างบอบบางอยู่เพียงลำพัง บัดนี้กลับเริ่มครึกครื้น เหมือนกับว่าได้ชีวิตเหมือนครั้งวันวานที่ยังอยู่พร้อมด้วยครอบครัวทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ต่างคนต่างทำกิจกรรมของตัวเองไป ขณะที่ร่างบางที่กำลังนั่งทำรายงานส่งอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย โดยมีร่างสูงผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายจากต่างแดนนั่งจ้องมองด้วยความใคร่สนใจ ที่ชักไม่ค่อยแน่ใจว่าสนใจกิจกรรมที่คนสวยทำ หรือสนใจคนทำกันแน่...จุนซูจอมเวทย์ผู้มีเวทย์มนตร์วิเศษสารพัดเองก็กำลังขะมักเขม้นกับการร่ายเวทย์ใส่หนังสือสีขาวเพื่อเปิดประตูข้ามมิติ....

     

                    แจจุง~” เสียงออดอ้อนของชายหนุ่มด้านข้างไม่ได้ทำให้ร่างบางละสายตาจากการทำรายงานเพียงแต่ส่งเสียงตอบรับว่าได้ยินเท่านั้น...

     

                    หืม? มีอะไรเหรอ ยุนโฮ

     

                    ทำอะไรอยู่อ่ะ ร่างสูงถามขึ้น อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรกับสิ่งที่ร่างบางทำนักหรอก จะมีก็แต่อยากรู้ว่าอะไรทำให้คนสวยคนนี้ไม่ใส่ใจเขาเลย....อาการแบบนี้จะเรียกว่าน้อยใจได้รึเปล่านะ.....

     

                    ทำรายงานอยู่ไง แถมต้องรีบส่งด้วยแจจุงตอบแต่สายตาก็ไม่ได้ละจากกองรายงานเป็นตั้งนั้นเลย ยิ่งเห็นแบบนั้นเจ้าชายหมีเจ้าใหญ่ก็เบ้ปากลงอย่างขัดใจ....นางฟ้าไม่สนใจเค้าเลยง่ะ.....

     

                    แจจ๋า~ หิวข้าวแล้วง่ะ ยุนโฮพยายามอีกครั้งที่จะเรียกร้องความสนใจ และเชื่อว่าถ้าเป็นเรื่องนี้นางฟ้าของเขาต้องสนใจอย่างแน่นอน ไม่พูดเปล่ายังส่งสายตาปิ๊งๆอย่างออดอ้อนไปให้อีกระลอกหนึ่ง ท่าทางทำตัวแอ๊บแบ๊วน่ารักนั้นดูไม่เข้ากับหมีตัวอ้วนๆอย่างแรง จนทำเอาจอมเวทย์ที่กำลังนั่งร่ายคาถาอยู่ใกล้ๆอดยิ้มแหยๆอย่างนึกถึงความอดสูของผู้ปกครองในอนาคตไม่ได้.....นี่น่ะเหรอราชาคนต่อไป จะฝากผีฝากไข้ได้ไหมเนี่ย!!....

     

                    หิวเหรอ? นายเอาบะหมี่สำเร็จรูปไปอุ่นกินแทนแล้วกันนะ

     

                    ....เพล้ง.....

     

                    หน้าแตกกระจายเมื่อคนสวยยังคงไม่สนใจเขา แถมยังผลักไสให้เขาไปกินบะหมี่สำเร็จรูปแทน แบบนี้ความน้อยใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ....

     

                    แง~ แต่ แจจ๋า....ยุนโฮอยากกินกับข้าวฝีมือแจมากกว่านี่นา ยุนโฮยังคงไม่ลดละ แถมยังท่าหน้าตาออดอ้อนน่ารักๆไปอีกครั้ง แต่เพราะความเหนื่อย เครียดจากกองรายงานเบื้องหน้ายิ่งทำให้แจจุงหงุดหงิดขึ้น ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นจากรายงานแล้วหันควับมาส่งตาดุให้กับหมีตัวอ้วนๆที่อ้อนไม่รู้เวลา....

     

                    โอ๊ย! เจ้าหมีอ้วนนี่!! ฉันต้องรีบทำรายงาน อย่ามาก่อกวนจะได้ไหม!!” แจจ๋าของหมียุนเริ่มแผดเสียงลั่นด้วยความโกรธเล่นเอาเจ้าหมีอ้วนถึงกับผงะตัวหดเหลือนิดเดียว คนสวยของเขาดุอีกแล้ว TT TT หมีกลัว....

     

                    ง่า....ก็แจจุงไม่สนใจเค้าเลยอ่า..... ร่างสูงเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างจิ้มแตะๆกันพลางก้มหน้าหนีตาสวยที่ดุได้ที่นั้น ด้วยน้ำเสียงออดอ้อนไม่สมกับรูปร่างสูงใหญ่เลยสักนิดเดียว....หลายคนอาจจะมองว่าน่ารักแต่กับแจจุงยามนี้มันไม่มีความน่ารักเลยสักนิดเดียว....

     

                    ....คนอะไร ตัวก็ใหญ่จนเป็นหมีอ้วนๆแต่ทำตัวเหมือนเด็กเล็กๆ.....

     

                    นายเป็นโรคขาดความอบอุ่นรึไง? แจจุงถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงโทสะของตนได้ดี....

     

                    เปล่า..... ร่างสูงเอ่ยบอก นั่นยิ่งทำให้คนสวยที่กำลังเดือดได้ที่เริ่มเดือดได้อีก....

     

                    แล้วนายเป็นบ้าอะไรเนี่ย!”

     

                    เป็นโรคขาดความรักจากแจจุง.... เจ้าชายหมีเอ่ยบอก ทำเอาร่างบางถึงกับทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อในความเสี่ยวของคนเบื้องหน้าจริงๆนะเนี่ย....แต่ลึกๆแล้วใจก็เต้นไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งเมื่อมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย พร้อมความทรงจำในคืนฝนตกนั่น.....

     

                    บ้า!!” พอว่าเข้าเสร็จแจจุงก็พยายามจะหันกลับไปสนใจรายงานของตัวเองต่อ เพื่อหลบความรู้สึกที่เขาคิดว่ามันคือความเขินอายไป แต่ก็รู้สึกได้ถึงมืออุ่นๆที่ทาบทับลงบนมือเรียวบางของเขาทำให้หนุ่มหน้าสวยต้องหันไปมองหน้าเจ้าของมืออุ่นอย่างสงสัย ที่พบเห็นคือแววตาจริงจังที่จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาที่เหมือนดั่งลูกแก้วของเขา....

     

                    ที่พูดเมื่อกี้น่ะ....ฉันพูดจริงนะ...... ประโยคสั้นที่ทำให้หัวใจเจ้ากรรมของแจจุงเต้นแรงมากขึ้น ผสมกับดวงตาแน่วแน่มุ่งมั่นที่จ้องมองมายังเขาอย่างไม่วางตา จนกลายเป็นฝ่ายเขาเองที่ต้องหลบตาไป....ยุนโฮจะพูดอะไร.....

     

                    แจจุงคือฉัน......

     

                    ~กิ๊ง ก๋อง~

     

                    เหมือนเสียงช่วยชีวิตไม่ให้แจจุงต้องหัวใจหลุดออกมาจากตัว เสียงกระดิ่งหน้าบ้านดังขึ้นทำให้เขาทั้งสองได้สติหลุดออกจากโลกส่วนตัวไป มือบางดึงออกจากการจับกุมของร่างสูงเพื่อจะไปหาอาคันตุกะผู้มาเยือน ขณะที่หมีตัวใหญ่ส่งสายตาผิดหวังออกมาเต็มที่ เหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ....

     

                    ตลอดทางเดินมาถึงหน้าบ้าน แม้ตอนนี้แจจุงก็ยังคงหัวใจเต้นรัวไม่หยุด เขาไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเขา เมื่อกี้ยุนโฮกำลังจะพูดอะไร.....ขาดเขาไม่ได้งั้นเหรอ?......หรือว่ายุนโฮจะบอกว่า รัก เขา....โอ๊ยๆ!!เลิกๆ!! อย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย!!เจ้าชายสูงศักดิ์อย่างเขามีเหรอ ที่จะมาสนใจชาวบ้านธรรมดาที่ไม่อะไรเลยอย่างเขา!!....แล้วทำไมเราต้องติดเป็นตุเป็นตะด้วย เราไม่ได้ชอบไอ้เจ้าชายหน้าหมีนั่นซักหน่อย!!......มั้ง......

     

                    .....ถ้ามั่นใจขนาดนั้น.....ทำไมถึงต้องมีคำว่า มั้ง ด้วยล่ะ......

     

                    ร่างบางเริ่มปัดความคิดไร้สาระนี้ให้ออกจากการบกวนหัวใจของเขา และก็เป็นเวลาประจวบเหมาพอดีที่เดินมาถึงหน้าบ้านพอดี เขาเอื้อมมือออกไปเปิดประตูบ้านเพื่อดูว่าใครมาเยี่ยมเขากันหนอ....เมื่อประตูบ้านสวยถูกเปิดให้แยกออกจากตัวบ้านหลังงาม....คนคู่หนึ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขานั้นก็คือ....

     

                    ไง แจจุง ^^” ชายหนุ่มหน้าสวยเอ่ยทักทายเขาอย่างอารมณ์ดี ขณะที่อีกคนที่ยืนขนาบข้างของคนสวยนั้นเพียงแย้มยิ้มทักทาย

     

                    อ้าว! ฮีชอล ซีวอน มีอะไรกันงั้นเหรอ?

     

                    คือว่า ฉันตั้งใจจะมาทำรายงานที่บ้านนาย กลัวนายอยู่คนเดียวจะเหงา ฉันก็เลยชวนซีวอนมาด้วย ฮีชอลเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มหวานฉาบอยู่บนดวงหน้าหวาน แต่มีหรือที่แจจุงจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์แท้จริงคืออะไร....

     

                    นายอยากจะมาลอกรายงานฉันก็บอกเถอะ =.=”

     

                    ง่ะ....รู้ได้ไงอ่ะ

     

                    ตานายมันฟ้อง เรื่องแค่นี้ทำไมฉันจะไม่รู้

     

                    งั้นไม่พูดมากทำเพลง ขอฉันเข้าไปเลยแล้วกันนะ มาเถอะซีวอน ฮีชอลไม่ว่าปากเปล่าพร้อมดึงมือคนรักเข้าไปในบ้านของเพื่อนสนิทของตน แจจุงมองภาพนั้นด้วยสายตาอมยิ้มน้อยๆ ฮีชอลกับซีวอน ดูรักกันมาก ไม่มีเวลาไหนเลยที่ทั้งสองจะอยู่ห่างกัน.....ถ้าเกิดเขากับยุนโฮเป็นแบบนี้ก็คงจะดีไหมน้อย....เอ๊ะ!! แล้วทำไมต้องนึกถึงเจ้าหมีบ้านั่นด้วยล่ะ!!!....เดี๋ยว.....เฮ้ย!! ยุนโฮ!!!

     

                    ร่างบางกรีดร้องอยู่ในใจขณะที่นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนของเขาไม่ได้รู้เรื่องของผู้มาเยือนแปลกประหลาดสองคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นของเขา แถมจุนซูกำลังใช้พลังเวทย์มนตร์อะไรนั่นอีก ตายๆ!!!! คิดได้เช่นนั้นร่างบางก็รีบวิ่งตามร่างของเพื่อนทั้งสองของตนไปในทันที

     

                    เดี๋ยวก่อน ฮีชอล!!” แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อคนทั้งสองเดินเข้าไปถึงห้องนั่งเล่นก่อนเขา แถมสายตายังดูผงะกับภาพเบื้องหน้า ส่วนสองคนที่อยู่ในห้องอยู่แล้วก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน....แจจุงเห็นแบบนั้นจึงรีบเดินไปด้านข้าง และสมองก็รีบประมวลผลอย่างรวดเร็วว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี....

     

                    ....ต้องแนะนำสินะ เพื่อเบี่ยงประเด็น ใช่ๆ!ต้องแนะนำ ยุนโฮ กับ จุนซู!!....

     

                    เอ่อคือ....ฮีชอล นี่คือ.....

     

                    องค์ชาย!!!!” ยังไม่ทันที่แจจุงจะได้พูดอะไรอยู่ดีๆคนหน้าสวยก็ร้องขึ้นพร้อมกับก้มลงไปคุกเข่าอย่างรวดเร็ว จนทำเอาร่างบางถึงกับงงยังไม่เท่ากับที่ใบหน้าของฮีชอลเต็มไปด้วยความกลัวต่ออะไรบางอย่างและความกังวล ทางซีวอนเองก็ก้มลงคุกเข่าในท่าคำนับต่อยุนโฮเช่นกัน...

     

                    แจจุงยิ่งงงเข้าไปใหญ่ พอหันไปมองทางเจ้าชายหนุ่มก็พบเห็นแววตาน่าเกรงขามอย่างที่ตัวแจจุงไม่เคยเห็นมาก่อนนั่นทำให้เขากลัวไม่น้อย พอเหลือบไปมองทางจุนซู รายนั้นก็ยิ่งตีหน้าเครียดเข้าไปใหญ่ แจจุงไม่รู้จะทำอย่างไรดี เลยเลือกที่จะเงียบและดูเหตุการณ์เหล่านี้ดีกว่า....

     

                    บรรยากาศที่เงียบและตึงเครียดนี่ทำให้แจจุงรู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อย จุนซูที่เห็นแบบนั้นจึงเดนเข้ามาร่างบางก่อนจะพาเดินออกมาจากเหตุการณ์ตรงนั้น คนหน้าสวยปล่อนให้จอมเวทย์หนุ่มพาเดินออกมาจนถึงชั้นสองตรงระเบียงหน้าบ้าน....

     

                    แจจุงคงจะตกใจสินะ ความเงียบแทนคำตอบจากร่างบางได้เป็นอย่างดี จุนซูจึงคลี่ยิ้มออกมาบางๆก่อนจะเอ่ยตอบสิ่งที่เป็นข้อข้องใจของร่างบาง....

     

                    ฟังที่ฉันพูดแล้วอย่าตกใจล่ะ....ฮีชอล....คิม ฮีชอล และ ชเว ซีวอน มาจากแวร์กลาเหมือนกับฉันและยุนโฮ คำพูดที่ทำเอาดวงตาคู่สวยต้องเบิกโพล่งด้วยความตกใจที่ได้ยิน...

     

                    หมะ....หมายความว่าไง ที่บอกว่า ฮีชอล เป็นคนจากโลกเดียวกับพวกนาย....ก็ในเมื่อ....

     

                    แจจุงจำเรื่องประตู ที่มีคนสามารถเปิดมันออกเมื่อ 4-5 ปีก่อนได้ไหม? คนหน้าสวยเพียงพยักหน้าตอบรับ และนั่นทำให้แจจุงสะกิดใจขึ้นมา เหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมานิดๆ เห็นเช่นนั้นจุนซูจึงเริ่มเอ่ยเล่าความจริงให้ร่างบางได้รับฟัง....ยังไงแจจุงก็เป็นคนที่มีสิทธิจะรู้เรื่องเหมือนกัน.....

     

                    ที่จริงแล้ว เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อนนั้นน่ะ ฉันยังไม่มีสิทธิได้รับศักดิ์ให้เป็นจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดในแวร์กลา เพราะตอนนั้นมีจอมเวทย์อัจฉริยะ อย่างฮีชอลอยู่.... แจจุงนั่งฟังอย่างตั้งใจ แม้จะมีคำถามอยู่มากมายแต่เขาก็เลือกที่จะนิ่งเงียบฟังดีกว่า....

     

                    ใช่...ฮีชอลเป็นจอมเวทย์อัจฉริยะที่ 100 ปีจะมีสักคนก็ว่าได้ แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็ได้เป็นหัวหน้าจอมเวทย์ของราชวังเลยทีเดียว แถมฮีชอลเองก็ยังเป็นคนที่คอยดูแลเหมือนเป็นพี่ชายของยุนโฮ ถึงจะอายุไม่ต่างกันนักหรอกอ่ะนะ....ฮีชอลเป็นจอมเวทย์ที่ดีเขาควรจะมีอนาคตที่ไกลกว่านี้....แต่ว่าวันหนึ่ง...ใช่แล้ววันนั้น....วันที่เราเริ่มมีปัญหาที่เป็นส่วนหนึ่งของชนวนสงครามของ แวร์กลา กับ กลาสต์เพราะอยู่ดีๆ ประเทศกลาสต์ที่เคยเป็นประเทศพันธมิตรของเรา หลังจากเสียพระราชาไป ก็มีการส่งทหารเข้ามาสือบประเทศของเราอย่างน่าสงสัย แต่ก็ถูกจับได้....สายสืบคนนั้น ก็คือ ชเว ซีวอน คนนั้นนั่นแหละ..... ยิ่งฟังแจจุงก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองถลำลึกเข้าไปในโลกที่เขาไม่รู้จักขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นเขาก็อยากจะรู้....เรื่องของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา....

     

                    ขณะที่พวกเราเอาตัว ซีวอน มาสอบสวน ฮีชอลเองก็อยู่ด้วย....คงไม่ต้องบอกนายก็น่าจะพอเดาได้นะ....ฮีชอลตกหลุมรักซีวอน....แต่ว่าเพราะซีวอนเป็นสายลับคงจะต้องถูกลงโทษในไม่ช้า....ฮีชอลจึงได้ตัดสินใจเปิดประตูมิติแล้วหนีมาพร้อมกับซีวอน..... ยิ่งแจจุงได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกสงสารฮีชอลขึ้นมาจับใจ...ฮีชอลคงทั้งรู้สึกผิดต่อประเทศบ้านเกิด แต่ก็ไม่อาจจะละเลยหัวใจของตัวเอง....

     

                    .....เมื่อ หน้าที่และ ความรักกลายเป็นเส้นขนาน......

     

     

    *********************************************************************

     

     

                    คุณคือ จอมเวทย์แห่งแวร์กลาที่เขาร่ำลือกันสินะ....

                   

                    ใช่....นายคงจะเป็น ชเว ซีวอน สินะ....ฉันชื่อ คิม ฮีชอล นะ

     

                ฮีชอลเหรอ ชื่อเพราะจังเลยนะ.....

     

                    นายก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ทำไมถึงต้องทำอย่างนี้?

     

                    คุณก็น่าจะรู้....เพราะหน้าที่ไงครับ เพราะคำสั่ง ผมเป็นทหารต้องทำตามหน้าที่.....ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง....

     

                    อีกเหตุผลเหรอ?....

     

                    ผมอยากจะเห็นกับตาว่า จอมเวทย์แห่งแวร์กลา งดงามดังคำร่ำลือรึเปล่า?....และวันนี้ผมก็ได้เห็น ทำไมคุณถึงทำหน้าเศร้าล่ะครับ?

     

                    ทำไมนายถึงทำแบบนี้....ทั้งที่รู้ว่าอาจจะตายได้นะ....

     

                    ผมรู้อยู่แล้วครับ....คุณอย่าร้องไห้เลยนะ ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของฮีชอล ถ้าคุณยิ้มจะสวยที่สุดเลย....

     

                    บ้า...

     

                    ผมน่ะนะ ถึงจะตายก็ไม่เสียใจแล้วที่ได้พบคุณ ได้คุยกับคุณ.....คงจะเสียดายอย่างเดียวที่ผมรู้จักคุณช้าไป....

     

                    หืม?

     

                    เพราะว่า....ถ้าเกิดผมรู้จักคุณเร็วกว่านี้อาจจะได้มีโอกาสร่วมกัน...คุณจะหาว่าผมบ้าก็ได้ ถ้าผมจะบอกว่า....ผมตกหลุมรัก คุณเข้าแล้ว คงจะเรียกว่า รักแรกพบ ล่ะมั้งครับ

     

                ความทรงจำเก่าๆในคุกใต้ดินวันนั้นที่เขาลอบไปหาซีวอนที่เขารู้สึกสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกนั้น ผุดขึ้นมาในหัวทั้งน้ำเสียงความจริงจังในแววตาที่ส่งมาหาเขา ทำให้เขารู้ว่าคนเบื้องหน้านี้ไม่ได้โกหกเขา และเสียงหัวใจร่ำร้องที่เหมือนกัน คำว่า รักแรกพบทำให้หัวใจของเขาทรยศประเทศบ้านเมืองเกิดละทิ้งประเทศ....และพาซีวอนหนีมาอยู่ที่นี้....

     

                    ความรู้สึกผิดนี้แม้จะนานมากแล้ว แต่มันยังคงฝังตรึงอยู่ในหัวใจของเขาเสมอ ไม่อาจลบเลือนได้เลยแม้แต่น้อยยิ่งเมื่อเห็นเจ้าชายที่เขารู้จักดี...คนที่เขาคิดว่าชาตินี้คงไม่มีวันได้พบอีกแล้ว มาปรากฏอยู่เบื้องหน้า ความรู้สึกผิดเก่าๆประดังเข้ามามากกว่าความสงสัยที่ว่า เหตุใดเจ้าชายยุนโฮ และจอมเวทย์จุนซูถึงได้มาอยู่ที่นี่?....

     

                    องค์ชาย....กระหม่อมขออภัยที่..... ฮีชอลที่ยังคงนั่งคุกเข่านั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ....ไม่กล้าแม้จะสบดวงตาคู่คมนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าชายเพียงลอบถอนหายใจออกมาพร้อมกับคลี่รอยยิ้มออกมาบางๆ....

     

                    เจ้า......สบายดีใช่ไหม? คำถามที่ทำเอา ร่างบางถึงกับแปลกใจ ถ้าเป็นองค์ชายเมื่อก่อนไม่มีทางใจเย็นแบบนี้หรอก...

     

                    เอ่อ...สบายดีกระหม่อม....

     

                    อย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ....ถึงน้ำเสียงจะอ่อนโยน แต่ร่างบางก็ยังคงมีความกังวใจเพราะความรู้สึกผิดต่อความผิดที่ตนก่อไว้เมื่อครั้งนั้น....ตราบาปที่ทรยศประเทศแวร์กลาไม่อาจลบล้างไปได้.....

     

                    ฮีชอล ไม่ต้องทำหน้ากังวลอย่างนั้นหรอก....ฉันไม่ติดใจเรื่องเมื่อก่อนแล้ว เพราะฉันเองก็ชักจะเข้าใจความรู้สึกนายขึ้นมาบ้างแล้ว.... ร่างสูงเอ่ยบอกพลางนึกไปถึงดวงหน้าหวานใสที่ทำให้เขาใจในสิ่งที่ฮีชอลต้องยอมละทิ้งประเทศมา....

     

                    ....คำว่า รัก....แม้เขาจะไม่แน่ใจ แต่เขาก็รู้สึกว่าเข้าใจควาหมายของคำๆนี้ขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้ว....

     

                    แล้ว นายชื่อซีวอนใช่ไหม? เจ้าชายหนุ่มเปลี่ยนไปถาม เชลยครั้งนู้นที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าขนาบข้างของคนรัก....

     

                    ใช่กระหม่อม....

     

                    ที่ผ่านมา....และจากนี้ไปนายจะดูแลฮีชอลเป็นอย่างดีใช่ไหม?

     

                    ใช่กระหม่อม....กระหม่อมขอสาบานด้วยชีวิตที่มีทั้งหมดนี้ จะอยู่เพื่อ ฮีชอล เท่านั้น คำมั่นสัญญาที่เรียกรอยยิ้มจากเจ้าชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี และเรียกความตื้นตันในหัวใจของอดีตจอมเวทย์แห่งแวร์กลา....

     

                    ถ้าอย่างนั้นก็ดี....ฉันในฐานะ เจ้าชายรัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งแวร์กลา อภัยโทษในความผิดของพวกเจ้าทั้งสอง.... ด้วยคำพูดจริงจัง เรียกให้ฮีชอลยิ่งตื้นตัน เขาได้รับการให้อภัย....แม้ในใจจะยังรู้สึกผิดอยู่บ้างก็ตาม ยุนโฮเดินเข้าไปพยุงให้คนทั้งสองที่คุกเข่าอยู่นานลุกขึ้นพร้อมคลี่รอยยิ้มอบอุ่นให้คนที่คอยดูแลเขาเหมือนเป็นพี่มาตั้งแต่เมื่อก่อน...

     

                    ดีใจที่ได้เจอ ฮีชอลนะ พี่สาว....

     

                พี่ก็ดีใจที่ได้เจอนายเหมือนกัน....ยุนโฮ.....

     

                    ภาพของความตื้นตันนั้นทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นขึ้น คนที่แอบลอบมองอยู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มไปด้วย...

     

                    .....ความบาดหมางหายไปเหลือเพียงบรรยากาศที่แสนอบอุ่นเท่านั้น.....

     

     

    *********************************************************************

     

     

                    เพื่อฉลองความน่ายินดีอย่างนี้ แจจุงจึงเลิกสนใจกับรายงานแม้จะต้องรีบส่งก็ตามเปลี่ยนมาเป็นการลงมือทำอาหารเย็นอย่างสุดฝีมือเพื่อความยินดีครั้งนี้อย่างเต็มที่แทน หลังจากที่อาหารถูกนำมาตั้งโต๊ะพวกเขาก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน รวมถึงฮีชอลที่อธิบายเรื่องต่างๆทั้งเรื่องที่มาโลกนี้ เรื่องที่โกงอายุแฝงตัวเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในชั้นปีเดียวกับแจจุง ทั้งที่จริงๆแล้วเขาแก่กว่าร่างบางถึง 2 ปีก็ตาม....และเรื่องที่ยุนโฮหลุดมายังโลกแห่งนี้และหาทางกลับไม่ได้อีกต่างหาก

     

                    จริงด้วย! คุณฮีชอลอยู่ก็ถือว่าดีเลย.... จุนซูเอ่ยขึ้นเรียกให้ใบหน้าสวยใสอ่อนกว่าวัยหันมามองจอมเวทย์เซียด้วยท่าทางสงสัย...

     

                    คนที่มีพลังเวทย์มากอย่างคุณฮีชอลน่ะ ต้องช่วยผมให้สามารถเปิดประตูมิติได้ใช่ไหมครับ คำถามที่มันดูไม่มากมายอะไรนัก แต่ก็ทำให้แจจุงถึงกับสะดุดไป....หัวใจเศร้าหมองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเหมือนมีคนมาบีบหัวใจ....

     

                    มันก็ได้อยู่ แล้ว.....

     

                    ช่วยประสานเวทย์กับผมแล้วทั้งผมกับองค์ชายยุนโฮกลับไปสู่แวร์กลาได้ไหมครับ? คำถามที่จุนซูเอ่ยถามกับจอมเวทย์อัจฉริยะที่ยิ่งทำให้แจจุงสะดุ้งหนักกว่าเดิม....

     

                    .....มันก็ต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ ที่ทั้งยุนโฮกับแจจุงจะได้กลับบ้าน....แต่ทำไม....หัวใจลึกๆทันร่ำร้องให้ฮีชอลปฏิเสธ....

     

                    ได้สิ ฉันเข้าใจสถานการณ์ดี

     

                    ขอบคุณมากครับ คุณฮีชอล

     

                    คำตอบของฮีชอลที่ทำให้ประสาทการรับฟังของแจจุงต้องหยุดชะงักลง...เขาไม่สามารถรับรู้ถึงหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ได้อีก ความรู้สึกเจ็บปวดทีเกิดขึ้นในใจ ทำให้เขาต้องเงียบลงและเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัว....

     

                    ....ยุนโฮ....ฉันน่ะ.....

     

     

    *********************************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×