ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic:TVXQ]...*+Verglas+*...(Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #8 : ::Chapter 7: ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว....::

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 51


     

    Chapter 7: ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว....

     

                    เสียงนกร้องยามเช้ากับสายลมเย็นที่พัดมาเอื่อยๆชวนให้ใครหลายคนที่ได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้านี้อารมณ์สดชื่นแจ่มใสทุกคน ตัวแจจุงเองก็ชอบบรรยากาศยามเช้าแบบนี้เช่นกัน แต่รู้สึกเหมือนว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้เขารู้สึกดีไปกับอากาศดีๆแบบนี้เอาเสียเลย....

     

                    เอ่อ....คุณจุนซู ไปทานข้าวเช้าก่อนดีไหมครับ? ร่างบางหน้าสวยเอ่ยเสียงนุ่ม ขณะที่มองไปยังหนุ่มหน้าหวานที่กำลังอยู่บนโซฟาตัวเดิมตั้งแต่เมื่อคืน เบื้องหน้าของจอมเวทย์แสนน่ารักคือ หนังสือเล่มขาว จุดหมายเจ้าปัญหาที่กำลังสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้แก่จอมเวทย์ที่ได้ชื่อว่าเก่งกล้าที่สุดในแวร์กลาเป็นอย่างมาก....

     

                    จอมเวทย์โลมาน้อย ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาวางทาบทับลงบนหนังสือปกขาวแข็งขอบทองนั้น ดวงตาคู่เล็กปิดสนิทเพื่อตั้งสมาธิ ขณะที่ปากบางพึมพำเหมือนคาถาเวทย์มนตร์ที่ร่างลางคนสวยไม่มีทางจะเข้าใจได้ ไม่นานก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาอย่างทรงพลัง แต่เมื่อแสงนั้นจางหายไปแล้ว ท่าทางว่าจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่จอมเวทย์หน้าหวานคาดการณ์ไว้ สังเกตได้จากใบหน้าของจุนซูที่บูดบึ้งเป็นโลมาไม่ได้กินปลา.....

     

                    บึ้งมากจนน่ากลัว....ตัวคนหน้าสวยก็ชักจะหวั่นใจกับการจะไปเรียกเจ้าตัวมาทานอาหารเช้า....แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจคิดอยู่นานพลางคิดถึงเหตุการณ์ของเมื่อเย็นวานที่ทำให้เช้าวันใหม่เป็นเช่นนี้.....

     

     

     

                    ย้อนไปเมื่อเหตุการณ์ตอนนั้น......

     

                    เดี๋ยว!!!!!!” เสียงหวานของแจจุงร้องลั่น ขณะที่มือบางพยายามความหามือของร่างสูงข้างกายท่ามกลางแสงสว่างที่ส่องมาอย่างแรงนั้น....ความหวังบางอย่างในใจของแจจุงเหมือนถูกฉุดกระชากไปกับแสงเมื่อคิดว่าร่างสูงที่คอยเคียงข้างเขาตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ทำให้เอาเขาใจหาย....แต่อะไรบางอย่างที่บอกว่ามันคือสิ่งที่ยิ่งกว่าคำว่า ใจหาย

     

                    และเมื่อแสงสว่างจางหายไป ดวงตาคู่โตลืมตื่นขึ้นด้วยความตกใจ ขณะที่มองไปรอบด้านเพื่อมองหาคนร่างสูงที่เขากลัวว่าจะหายไป....หายไปทั้งที่เขายังไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเอง มือเล็กควานจับอะไรบางอย่างจากอากาศและสิ่งที่เขาจับได้ กายเนื้ออุ่นๆส่วนท่อนข้างแกร่งที่โอบกอดเขาไว้....แจจุงเงยหน้ามองเบื้องหน้าก็พบว่ายุนโฮยังอยู่....ยุนโฮยังอยู่ที่นี่.....อยู่กับเขา.......

     

                    ยุนโฮ..... ร่างเล็กเรียกชื่ออีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นของจริง ไม่ใช่แค่อาการพร่าเลือน.....

     

                    แจจุง.... อีกฝ่ายเรียกตอบ ไม่ต้องพูดอะไรมากก็เหมือนกับสื่อความหมายได้ ทั้งสองหันควับไปมองจอมเวทย์ที่นั่งฝั่งตรงข้าม ซึ่งตอนนี้ดวงตาคู่เล็กนั้นเหมือนพยายามจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ....

     

                    ทำไม..... จุนซูพึมพำเสียงค่อย ดวงหน้าหวานฉายความประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง....และนั่นเป็นท่าทางที่ยุนโฮไม่เคยเห็นราชครูตัวเล็กของเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน จึงเอ่ยถามจอมเวทย์โลมาด้วยท่าทีเป็นกังวลไปด้วย....ทั้งที่ใจจริงแล้ว....ตัวเขา...กลับดีใจลึกๆที่ยังได้อยู่ที่นี่ อยู่กับแจจุง......

     

                    เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ จุนซู?

     

                    ประตูมิติ....ปิดตายไม่ยอมเปิด..... คำตอบที่ออกมานั้นทำให้เจ้าชายหนุ่มแห่งแวร์กลาผงะไปเหมือนกัน แล้วแบบนี้....เขาจะกลับไปประเทศบ้านเกิดเมืองนอนได้รึเปล่า?......ทางร่างบางที่ได้ยินดังนั้นก็แปลกใจไม่แพ้กัน....

     

                    และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้จอมเวทย์หนุ่มที่ได้ชื่อว่ามีพลังเวทย์สูงที่สุดในแวร์กลาจดจ่ออยู่กับหนังสือเล่มขาว หาทางเปิดประตูมิติให้จงได้ ตั้งแต่เหตุการณ์ตอนนั้นจนถึงเช้าวันใหม่......

     

     

                   

                กลับมาสู่ปัจจุบัน......

     

                    จอมเวทย์หน้าหวานนั่งคุดเหมือนกับคิดอะไรไม่หยุดเช่นนั้นทำเอาร่างบางที่คิดจะเข้าไปหาก็ยังเกรงกลังต่อรังสีมาคุที่กระจายอยู่รอบด้านจนเสียวสันหลังวาบ....

     

                    .....แต่จะปล่อยให้นั่งแบบนั้นไปตลอดจนเปิดประตูมิติได้เสียทีไหน.....

     

                    แจจุงทำใจกล้า ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ร่างบางที่ยังคงทำหน้าบูดเหมือนคนไม่ได้ดั่งใจนั้นอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาข้างร่างบางของจอมเวทย์หนุ่มน้อย....

     

                    เอ่อ....คุณจุนซู ไปทานข้าวเช้าก่อนดีไหม? ร่างบางเอ่ยถามน้ำเสียงแกมห่วงใย ขณะที่ฝ่ายจอมเวทย์หนุ่มเพียงเอ่ยคำสั้นๆก่อนจะตอบไปด้วยท่าทางเรียบนิ่ง....

     

                    ไม่ครับ ขอบคุณ....ผมคงจะไม่ขยับไปไหนจนกว่าจะหาทางเปิดประตูมิติได้ เหมือนดั่งร่างบางแอบคาดเดาในใจว่าคนตัวเล็กนี่จะต้องตอบแบบนี้ แจจุงลอบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของจุนซู มือเล็กนิ่มเอื้อมไปจับมือของจอมเวทย์ที่กำแน่นด้วยความรู้สึกที่กดดันตัวเองอย่างนุ่มนวล เจ้าของมือหันมามองคนหน้าสวยด้วยสายตาประหลาดใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ.....

     

                    ผม....ไม่รู้หรอกนะ.....ว่าสงครามที่พวกคุณกำลังเผชิญอยู่มันร้ายแรงแค่ไหน....ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกของคุณเลยแม้แต่น้อย....แต่ว่า....ถ้าเกิดคุณยังคงฝืนร่างกายอยู่แบบนี้ จะทำให้ร่างกายแย่เอานะครับ.... แจจุงเอ่ยน้ำเสียงหวานที่แสนอบอุ่น ชวนให้คนที่ฟังอยู่หลงใหล.....ไม่ใช่หลงใหลใครได้ปอง แต่เป็นความหลงใหลที่เหมือนกับได้ใกล้ชิดมารดามากกว่า....มันคือความหลงใหลที่ถูกจำกัดความด้วยคำว่าอบอุ่น......

     

                    ร่างบางเห็นจุนซูยังคงนั่งนิ่ง จึงเดินเข้าไปในครัวและจัดการเทนมใส่แก้ว2 แก้ว จึงเดินกลับมาแล้วยื่นแก้วหนึ่งให้กับจอมเวทย์ที่รับมาด้วยท่าทางงงๆ....

     

                    ถ้ายังไม่หิวอะไร ยังไงก็....ดื่มนมสดก่อนก็ดีนะครับ จะทำให้คุณสดชื่นขึ้นจะได้มีแรงร่ายเวทย์ต่อไงครับ แจจุงเอ่ยติดตลกนิดพลางคลี่รอยยิ้มสวยจนทำเอาอีกคนยังเผลอยิ้มตามไปด้วย.....

     

                    น่าแปลก....คนอย่าง คิม จุนซู....หรือในอีกฉายาหนึ่งคือ จอมเวทย์เซีย....ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะหลุดยิ้มออกมา...เพราะพยายามจะปั้นหน้านิ่งเพื่อสร้างความหนักแน่นให้กับตัวเองทุกครั้งไป......

     

                    ขอบคุณครับ....คุณแจจุง....

     

                    เรียกแจจุงเฉยๆก็ได้ครับ

     

                    เอ๋?

     

                    คือแบบว่า....ผมไม่คุ้นน่ะครับที่มีคนมาเรียกผมว่าคุณ ให้พูดตรงๆนะครับ ผมว่ามันแสลงหูพิลึก ร่างบางอธิบายพลางทำสีหน้าเหยเกเป็นฉากประกอบ แต่นั่นก็ยิ่งกว่าเมื่อเรียกเสียงหัวเราะขำน้อยๆจากจุนซูได้ แจจุงมองคนเบื้องหน้าพลางคลี่รอยยิ้มอ่อนหวาน....พลางนึกว่าจอมเวทย์ผู้วิเศษคนนี้เวลายิ้ม หรือ หัวเราะ ดูน่ารักเหมือนเด็ก.....

     

                    ครับ แจจุง....งั้นก็เรียกผมว่า จุนซู เฉยๆก็ได้ครับ แจจุงพยักหน้ารับคำของแม่ปลาโลมา พลางนึกว่าได้ผูกมิตรกับเพื่อนใหม่แล้ว.....แต่จะให้พูดตรงๆก็ไม่กล้าเลยได้แต่นิ่งเงียบ ทางด้านจอมเวทย์โลมาเห็นแบบนั้นเหมือนจะเดาใจของคนสวยด้านข้างนี้ออกก่อนจะชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน....

     

                    งั้น....จากนี้เรามาเป็น เพื่อน กันนะแจจุง.... พอได้ยินอีกฝ่ายเป็นฝ่ายเอ่ยชวนขึ้นมาแบบนี้ ร่างบางก็ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะรีบเอ่ยตอบรับทันที....

     

                    อื้อ!”

     

                    .....นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่มีคนบอกอยากจะเป็นเพื่อนกับเขา เพราะที่ผ่านมาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนของเขามีเพียงแค่ ฮีชอล กับ ซีวอน เท่านั้นล่ะมั้ง......

     

                    เอ้อ....จริงด้วย จุนซู....คือว่า....ถ้าเกิดฉันถามอะไรหน่อยจะได้ไหม?.... แจจุงเอ่ยขึ้นพลางมองหน้าคนหน้าหวานเป็นเชิงขออนุญาตอีกฝ่ายมองเขาตาปริบๆก่อนจะเอ่ยรับ

     

                    ได้สิ อยากถามอะไรเหรอ?

     

                    คือ....ฉันอยากรู้....เรื่องเกี่ยวกับ แวร์กลา น่ะ จะได้ไหม? ร่างบางว่าขึ้น ใช่...นั่นคือคำถามที่เขาสงสัยมาเนิ่นนาน อะไรคือสิ่งที่เรียกว่า แวร์กลา เขาอยากจะรู้จักให้มากกว่านี้....นั่นคือสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ โดยพยายามไม่สนใจหัวใจที่คักค้านบอกว่า....อยากจะรู้จักยุนโฮ ให้มากกว่านี้.....

     

                    จุนซูทำหน้าเหมือนคิดอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้าตอบรับแล้วจึงเริ่มเอ่ยปากเล่า....

     

                    ที่แวร์กลาน่ะ....เป็นประเทศที่สวยงาม สวยมากๆเลยล่ะ เต็มไปด้วยภูเขา แม่น้ำใสๆ บางทีในฤดูหนาวที่หิมะตก ก็จะมีฝนแทรกมาส่องประกายสวยเหมือนเพชรเลยล่ะ....ที่ประเทศแวร์กลาว่ากันว่า ได้รับการคุ้มครองจากพระแม่แห่งแผ่นดิน ผู้ให้กำเนิดทุกสิ่งนามของท่านคือ พระแม่ไกอา... เพียงแค่ประโยคแรกที่เอ่ยออกมาก็ทำให้ร่างบางนึกจินตนาการตามไปด้วย แค่คิดก็รู้สึกว่ามันสวยงามแล้ว....แล้วถ้าเกิดเป็นของจริงจะงดงามเพียงไหนกันนะ....และเมื่อจุนซูอธิบายจึงนามของไกอาที่เอ่ยขึ้นมา ใบหน้าหวานเหมือนเปี่ยมด้วยความหวังอะไรบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ....

     

                    บรรยายได้แค่นี้เหมือนจุนซูจะหยุดเล่าเสียดื้อๆ ทำเอาจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เขาอยากรู้เรื่องดินแดนต่างมิตินั้นเป็นอันต้องพับเก็บ....แจจุงรู้สึกเสียดายไม่น้อย ซึ่งแสดงออกมาทางสีหน้าแม้ว่าจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หากแต่ก็ไม่ได้รอดพ้นสายตา จอมเวทย์หน้าหวานหลุดขำออกมานิดๆ....ก่อนจะเล่าต่อ....

     

                    ตอนนี้ที่แวร์กลาน่ะ ถูกปกครองด้วยกษัตริย์ของ ราชวงศ์ชอง ซึ่งพูดได้เลยว่า กษัตริย์ของพวกเรา นามของพระองค์คือ ชอง มินโฮ เป็นผู้ที่ปกครองที่มีความสามารถที่สุดในบรรดาราชวงศ์อื่นๆที่ขึ้นมาปกครอง แต่ฉันน่ะไม่เข้าใจเลย ว่า ทำไมลูกของฝ่าบาทถึงได้งี่เง่าแบบนี้.... จุนซูเอ่ยอย่างภาคภูมิใจในเจ้าเหนือหัวของตน แต่ก็อดไม่ได้ที่นินทาเจ้าชายที่ยังนอนหลับสนิทเป็นหมีจำศีลขึ้นมา....

     

                    พอได้เห็นใบหน้าหวานของจอมเวทย์ที่มู่ลงประกอบคำนินทาก็ทำให้แจจุงหลุดหัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้  จุนซูเห็นแบบนั้นก็ยังรู้สึกว่าคนเบื้องหน้านี้ช่างสวยเสียจริงๆ....ทำให้เกิดความรู้สึกที่อยากจะนินทาคนได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์....จะเผาให้เกรียมเลยงานนี้!!!!.....

     

                    นายรู้ไหม แจจุง....ยุนโฮน่ะเป็นเจ้าชายที่ไม่เอาไหนอย่างแรง ทั้งขี้เกียจ ขี้เซา บ้าพลัง นึกสนุกอย่างเดียว งานการมีไม่ทำ เที่ยวทำคนอื่นเขาป่วนกันไปหมด ต้องปล่อยให้ฉันจัดการสุดท้ายทุกที!” จุนซูเล่านินทาแต่เหมือนเป็นการระบายความอัดอั้นในใจเสียมากกว่า....

     

                    แต่ว่านะ..... จอมเวทย์เซียเอ่ยขึ้น ขณะที่สีหน้าปรับมาเป็นสีหน้าแสนอ่อนโยนก่อนคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ....

     

                    ยุนโฮเองก็เป็นคนดี จริงใจอย่างที่สุดเลยล่ะ เวลาตั้งใจอะไรจริงๆก็จะทุ่มเทจนสุดความสามารถ ถึงตอนนี้จะไม่เอาไหน แต่ฉันก็เชื่อว่า....เขาจะต้องเป็นกษัตริย์ที่ดีในอนาคตได้อย่างแน่นอน..... คนหน้าสวยพยักหน้ารับอย่างมั่นใจเช่นกัน ถึงยุนโฮจะไม่ได้เรื่องในหลายๆเรื่องแต่ก็เป็นคนมุมานะ.....ตัวเขาเองก็เชื่อว่า ร่างสูงคนนั้น....เมื่อกลับไปที่ประเทศของตนก็จะเป็นกษัตริย์ที่น่าภาคภูมิใจในอนาคตได้.....

     

                    ....เมื่อกลับไป.....นั่นก็หมายถึงว่าจะต้องจากเขาไป......

     

                    ความคิดที่แล่นขึ้นมาในความคิดทำเอาหัวใจของร่างบางเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก....เขาไม่เข้าใจ...ทำไมทุกครั้งเมื่อคิดว่ายุนโฮจะจากเขาไป.....หัวใจ.....ต้องเจ็บทุกครั้งไป.....

     

                    แจจุง? จุนซูเรียกเมื่อเห็นว่าคนที่เขากำลังคุยด้วยนั้นอยู่ดีๆก็เงียบไปเสียดื้อๆ และนั่นทำให้ร่างบางได้สติขึ้นมาก่อนจะรีบหาเรื่องคุยขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อน....แต่กลบเกลื่อนอะไร เขาเองก็ไม่รู้....อาจจะกลบเกลื่อนความรู้สึกเจ็บๆในอกนี่ก็ได้.....

     

                    อ่ะ....เอ่อ.....แล้ว ยุนโฮ....เป็นลูกคนเดียวเหรอ? แจจุงถามขึ้น เมื่อนึกได้ว่าเจ้าชายหมีนั่นดูเหงาแค่ไหน ยามไม่มีมารดา....แปลว่าเดิมทีเป็นลูกโทนรึเปล่า? ถึงได้ดูเหงาหงอยเศร้าสร้อยแบบนั้น....

     

                    อ๋อ....เปล่าหรอก ยุนโฮน่ะมีน้องชายอีกคน...โอรสองค์รองแห่งแวร์กลา องค์ชายชางมิน น่ะ...โหย ไม่อยากจะพูดเลย องค์ชายชางมินน่ะสุดยอด! เรียนก็เก่ง ฉลาด ทักษะในการวางแผนกลยุทธ์ก็สุดยอด แถมยังขยันหมั่นเพียร แบบว่า ยุนโฮเทียบไม่ติดเลย!” จุนซูเอ่ยขึ้นมา ยิ่งทำให้แจจุงเริ่มอยู่ว่า ถ้าเกิดเจ้าหมีอ้วนนั่นมันตื่นขึ้นมาแล้วได้ยินพวกเขาสองคนนินทากันเนี่ยจะโกรธแค่ไหนกันนะ.....

     

                    เอ่อ....แล้ว.....เรื่อง สงคราม....ทำไมประเทศที่ดูสงบสุขอย่างแวร์กลา....ถึงได้มีสงคราม... คำถามที่ถามออกไปนั้น ทำเอาร่างบางที่จ้อไม่เลิกเมื่อครู่นิ่งไปอยู่นาน....

     

                    คือ....เรื่องนั้น......

     

     

     

                    แจจุง~~~~หิวข้าวแล้วอ่ะ~~~”

     

                    ยังไม่ทันทีที่จุนซูจะเล่าต่อ เสียงของเจ้าหมีจำศีลก็เอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อน ร่างบางนั้นทันที ดวงหน้าหล่อเหลาของเจ้าชายแห่งแวร์กลา จ้องมองดวงหน้าหวานสวยของเจ้าของบ้านด้วยแววตาปิ๊งๆอย่างน่ารัก....

     

                    แล้วมาตื่นอะไรเอาตอนนี้ห๊ะ! เจ้าหมีอ้วน!” แจจุงไม่สายกัดเข้าให้ทีหนึ่งก่อนจะส่งสายตาคมดุจเหยี่ยวไปให้ ทำให้เอาเจ้าหมีน้อยแทบจะร้องไห้เพราะความหิวที่ทำให้กระเพาะปวดไปหมด....

     

                    น๊า............ พอโดนอ้อนเข้ามากๆ แจจุงก็พลันถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อไปหาอะไรให้หมีอ้วนนี่กินเป็นอาหารเช้า โดยที่มีเจ้าชายแห่งแวร์กลาเดินตามต้อยๆเหมือนหมาน้อย เชื่อฟังเจ้านายอย่างไรอย่างนั้น สรุปคือ หมดมาดเจ้าชายหมด.....

     

                    จอมเวทย์จุนซูที่มองตามไปก็อดรู้สึกอนาถใจไม่ได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับท่าทางแปลกใหม่ขององค์ชายภาพลักษณ์ที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน....จึงหันไปสนใจกับประตูมิติเจ้ากรรมที่ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไหรมันก็ไม่ยอมเปิดออกเสียที......

     

     

    *********************************************************************

                ช่วงกลางวันที่แสนยาวนานผ่านพ้นไป จนเหลือเพียงท้องฟ้ามืดครึ้ม ที่วันนี้ดูเหมือนจะมืดเป็นพิเศษก้อนเมฆดำลอยตัวเหนือพื้นอากาศไม่เท่าไหร เพื่อเป็นสัญญาณให้รู้ว่า พายุฝนใกล้เข้ามาแล้ว....

     

                    หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแจจุงเหลือบมองออกไปนอกห้องพบเห็นท้องฟ้ามืดครึ้มแบบที่เขาไม่ชอบเอาเสีเลย เขาถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะจัดการเก็บของบนโต๊ะให้เรียบร้อย....ดวงตากลมโตคู่สวยหันไปพบเห็นกับรูปครอบครัวของเขาในกรอบรูปอันสวย.....ดวงหน้าสวยเผลอคลี่ยิ้มออกมาบางๆ....

     

                    ....คิดถึงจังครับ....คุณพ่อ คุณแม่....วันนี้แจจุงมีความสุขดีครับ ถึงจะมีเรื่องไม่คาดฝันก็เถอะ..... เสียงหวานพึมพำค่อยๆเหมือนจะให้ตัวเองได้ยินเพียงคนเดียว ทุกครั้งที่เขามองรูปของบุพการีผู้เป็นที่รัก ซึ่งลาจากโลกใบนี้ไปเมื่อนานมาแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยคุย....เหมือนเป็นการปลอบใจว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว....

     

     

                    .....แต่ก็นานแค่ไหนแล้วนะ.....

     

                    .....ที่เขาไม่ได้เอ่ยคุยกับรูปภาพของคุณพ่อ คุณแม่......

     

                    .....คงตั้งแต่ที่เขา.....

     

                    ......ได้พบยุนโฮล่ะมั้ง......

     

     

                    ยิ่งเมื่อคิดถึงดวงหน้าหล่อเหลานั่นก็ทำเอาแจจุงหน้าแดงขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ นี่เพราะเขาอยู่ห้องนอนส่วนตัวคนเดียวถึงได้โล่งใจ....ว่าไอ้เจ้าชายหน้าหมีนั่นจะไม่เห็นตอนเขากำลังหน้าแดงได้ที่แบบนี้.....

     

                   

                    เปรี้ยง!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

                    ไม่ให้สัญญาณอะไรให้ร่างบางตั้งตัวทันเสียงฟ้าผ่าก็ดังเปรี้ยงขึ้นมา ทำเอาแจจุงที่ไม่ทันได้เตรียมใจถึงกับตกใจต้องรีบเอาตัวเข้าซุกในผ้าห่ม ดึงผ้านวมผืนใหญ่ขึ้นปิดหูไม่ให้ได้ยินเสียงฟ้าผ่า....

     

                    .....นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่มีใครนอกจากตัวเขาแล้วก็ครอบครัวของเขาที่ตายไปแล้วเท่านั้นที่รู้....นั่นคือจริงๆแล้ว....ตัวเขา....คิม แจจุง คนนี้กลัวฟ้าร้องฟ้าผ่าอย่างกับอะไรดี!!!!.......

     

                    แจจุงนอนตัวสั่นหงึกๆ น้ำตาแทบไหลเมื่อแสงพิโรธของท้องฟ้าส่องแลบๆ เป็นสัญญาณว่าอีกไม่นานฟ้าจะต้องส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่ากลัว....

     

                    ....นึกแล้วก็อยากให้มีใครมาอยู่ข้างๆ อยากให้ใครสักคนมากอดปลอบเขา จนกว่าฝนจะหยุด.....

     

                    ....คุณพ่อ คุณแม่ครับ.....แจจุงอยากให้คุณพ่อกับคุณแม่มากอดปลอบแจจุงจัง.....

     

                   

                    แต่ถึงใจจะหวังเท่าไรแต่เขาก็รู้ดีกว่าบุพการีอันเป็นที่รักไม่อยู่แล้ว คืนนี้เขาก็คงต้องข้ามผ่านความกลัวนี้ไปให้ได้เพียงลำพังอีกแล้วสินะ.....

     

                    !!!เปรี้ยง!!!!

     

                    เสียงสายฟ้าส่งลงมาอีกแล้วแถมคราวนี้ยังดังกว่าเดิม น่ากลัวกว่าเดิม เสียงความพิโรธของท้องฟ้าสายฝนยามที่ร่างบางไม่ได้ตั้งตัว แถมยังเหงพาลคิดถึงบุพการีอันเป็นที่รัก ทำให้เขาไม่ได้เตรียมใจจนต้องเผลอร้องออกมา....

     

                    อ๊ากกกก!” แจจุงหลับหูหลับตาแน่น เสียงหวานกรีดร้องออกมาเพื่อระบายความกลัวให้ออกไป เขาสะดุ้งพรวดขึ้นมานั่งกอดเข่าตัวเองแน่น ไหล่บางสั่นสะท้านเพราะความกลัวที่มากเกินกว่าเขาจะรับไหวในคืนนี้....ได้แต่หวังอยากให้ใครมาอยู่ข้างๆเขาตอนนี้เท่านั้น....

     

                    .....แต่คงได้แค่หวัง.....

     

                    แจจุง!!!” เสียงของพ่อหมีตัวใหญ่ที่ร้องเรียกร่างบางพลางเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องของร่างบางดังไปจนถึงห้องที่เขานอนพักอยู่....เพราะอะไรก็ไม่รู้เขาอยากจะรีบรุดมาหาร่างบางเพื่อให้แน่ใจว่าไม่เป็นอะไร และภาพเบื้องหน้าของเขา คือร่างบางที่นั่งกอดเข่าสั่นสะท้านอยู่บนเตียงนอน

     

                    ยุนโฮก้าวเข้าไปร่างบางช้าๆก่อนจะนั่งลงบนเตียงนั้น เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยถามกับร่างบางเสียงอ่อนโยน...

     

                    เป็นอะไรน่ะ แจจุง..... พอได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ คนที่พยายามทำตัวเข้มแข็ง....พยายามทำตัวว่าอยู่ได้แม้ในวันที่ฟ้าร้องแบบนี้....ก็ถึงกับน้ำตาเล็ดออกมา ดวงตาคู่งามที่ประดับด้วยหยาดน้ำตามองไปยังร่างสูงที่เหมือนจะตกใจเล็กน้อย....เมื่อเห็นน้ำตาของอีกฝ่าย....

     

                    กลัว....ฉันกลัวเสียงฟ้าร้อง..... เสียงดุๆที่เคยชอบเอ่ยว่าเขา บัดนี้กลับสั่นสะท้าน....คงจะกลัวมากจริงๆ....ความรู้สึกที่ไปก่อนความคิดนั้นทำให้ยุนโฮดึงคนร่างเล็กเข้ามาซุกในอ้อมกอดอันอบอุ่น....อย่างอ่อนโยนที่สุด.....

     

                    ไม่เป็นไรนะ....มีเจ้าชายยุนโฮ อยู่ทั้งคน ฟ้าร้องพวกนั้นทำอะไรแจจุงไม่ได้หรอก~” คำพูดที่ออกจะติดตลกเพื่อให้ร่างบางสบายใจยิ่งขึ้น และนั่นก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นจริงๆ ไม่ใช่เพราะมุขตลกฝืดๆนั่น แต่เป็นเพราะอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้ต่างหาก.....แจจุงคลี่ยิ้มอย่างเงียบๆก่อนจะเอ่ยบอกกับคนที่เขาเอาอกแกร่งซุกหาความอบอุ่นนั้น....

     

                    ขอบคุณนะ.... พอได้ยินน้ำเสียงหวานที่ไม่มีความดุเข้ามาผสมจุนเจือเลยแม้แต่น้อยนิด ก็ทำให้เจ้าชายหมีอดยิ้มกับท่าทางน่ารักของคนร่างบางนี่ไม่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจก็ตามว่าทำไมร่างกายของเขาถึงอยากกอดอีกฝ่ายไว้....ไม่อยากให้มีน้ำตา....นั่นเป็นความคิดแรกของเขาที่มีต่อร่างบาง แต่....หยุดเรื่องนี้ไว้ก่อนตอนนี้สิ่งที่เขาจะต้องทำในตอนนี้มีแค่ให้ความอบอุ่นกับร่างบางที่คง....รู้สึกโดดเดี่ยวไม่ต่างจากเขา.....เท่าไหรหรอก......

     

                    ยินดีครับ...เจ้าหญิงของผม.... ประโยคถัดมาของเจ้าชายรูปงามทำเอาแจจุงหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่ยุนโฮคงไม่เห็น ร่างบางแสร้งทำเป็นหลับไปแล้วเพื่อไม่ให้ยุนโฮเห็นว่าเขากำลังเขินอายกับคำพูดที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทีเล่นทีจริงแบบนั้น.....แต่ก็อดที่จะลอบยิ้มอยู่เงียบๆไม่ได้......

     

                .....ยุนโฮรู้ไหม?......

     

                    .....ที่กลัวฟ้าร้องฟ้าผ่าน่ะไม่ใช่หรอก.....

     

                    .....ที่กลัวยิ่งกว่าฟ้าร้อง.....

     

                    .....คือการที่ต้องอยู่คนเดียวในเวลากลางคืนแบบนี้ต่างหาก.....

     

                    .....กลัวความอ้างว้างที่จะเข้ามากัดกินหัวใจยามค่ำคืน.....

     

                .....ถึงได้วอนขอให้ใครสักคนอยู่ด้วย......

     

                    .....และตอนนี้แจจุงก็เชื่อแล้วล่ะ......

     

                    .....ว่า ยุนโฮ หรือพรวิเศษจากหนังสือเล่มนั้น......

     

     

    *********************************************************************

     

                   

                ท่ามกลางบรรยากาศอุ่นๆที่ถูกสร้างขึ้นจากคนสองคนที่อยู่บนเตียงนั้น ถูกมองโดยอีกคนที่อยู่ข้างนอก ตอนแรกตั้งใจจะมาถามร่างบางเจ้าของบ้านหลังนี้ว่าได้ทำอะไรกับหนังสือเวทย์มนตร์เล่มนี้รึเปล่า ถึงได้ทำให้องค์ชายของเขามาอยู่ที่นี่....

     

                    แต่เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าก็ทำให้ไม่อยากจะแทรกตัวเข้าไปยุ่ง...จึงได้แต่เดนละออกไป แม้ในสมองจะจดจำใบหน้าเปื้อรอยยิ้มอ่อนโยนขององค์ชายองค์โตไม่เลือนก็ตาม....

     

                    สิ่งที่เขาไม่ได้เล่าให้แจจุงฟังเกี่ยวกับยุนโฮนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ เมื่อก่อนองค์ชายยุนโฮ นั้นเป็นคนรั้น เอาแต่ใจ และมักจะซ่อนใบหน้าแย้มยิ้มไว้เสมอ....และไม่เคยอ่อนโยนกับใครนับแต่เสียมารดาไป.....

     

                    แต่....ตอนนี้คงไม่ใช่.......

     

                    .....ยุนโฮอ่อนโยนมาก.....แต่คงจะแค่กับแจจุงคนเดียว.........

     

                    โชคชะตา....โปรดอย่าเล่นตลกกับทั้งสองคนเลย...... จุนซูพึมพำเสียงค่อยพลางนึกถึงสิ่งที่จากนี้คงจะต้องเกิดขึ้นกับคนทั้งสองคนนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้....เขาคงได้แต่หวังว่า สิ่งที่เขาแอบคาดการณ์อยู่ในใจจะไม่เป็นจริง....

     

                    ....เพราะถ้าหาก....หัวใจของสองคนนั้นเชื่อมโยงถึงกันเมื่อใด.....

     

                    .....นั่นคงหมายถึงเวลาที่จะต้องจากลา........

     

     

    *********************************************************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×