คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ::Chapter 5: สัมผัสที่ห่างหายไปนาน.....::
Chapter 5: สัมผัสที่ห่างหายไปนาน.....
“ยุนโฮ....ตื่นได้แล้วลูก....”
เสียงนุ่มละมุนชวนระรื่นหูดังแว่วขึ้นมาเบาๆเคล้าเคลอไปกับเสียงนกไนติงเกลตัวน้อยที่ร้องออกมาในยามเช้าของประเทศแวร์กลา ทว่าเจ้าชายองค์น้อยก็ยังไม่ยอมลุกจากเตียงบรรทมโดยดี แถมยังดึงผ้าห่มมาคลุมโปงปิดบังใบหน้าจากแสงแดดที่ทอดผ่านม่านหน้าต่างระเบียงในห้องนอนอีก เห็นเช่นนั้นคนเป็นมารดาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะคลี่รอยยิ้มอันอ่อนโยน....
เธอก้าวเดินไปเบาๆที่เตียงของลูกชาย มือบางเลิกผ้าห่มออกจากร่างของเด็กน้อยอย่างเบามือ เผยให้เห็นเด็กชายตัวเล็กนอนขดตัวอย่างน่าเอ็นดูแลคล้ายกับลูกหมีไม่ยอมตื่นจากจำศีล พระราชินีแห่งแวร์กลาส่ายพระพักตร์ไปมาอย่างหน่ายใจ แต่ใบหน้าสวยสมดั่งเป็นหญิงงามที่สุดในประเทศก็ยังคงแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเดิม...
“ยุนโฮ เช้าแล้วนะลูก ตื่นได้แล้ว” เธอเอ่ยอีกครั้ง แต่เจ้าลูกตัวดีก็ยังทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ฝ่ายนางสนองพระโอษฐ์ที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้องบรรทมเพื่อเตรียมพา องค์ชายคนโตไปสรงน้ำ เหลือบสายตามามองทางหญิงสาวคนงามเป็นแนวถามว่าต้องการให้ช่วยไหม? ซึ่งแน่นอนว่า ราชินีทรงส่ายพระพักตร์....ดวงตาคู่สวยราวกับเพชรจ้องมองไปยังบุตรของตน ก่อนจะเอ่ยบอกน้ำเสียงเฉียบขาดแต่ก็ยังคงแฝงไปด้วยความใจดี....
“ถ้าหากว่าลูกไม่ตื่น แม่จะไม่มาปลุกแล้วนะจ๊ะ ยุนโฮ” เท่านั้นแหละ องค์ชายน้อยก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากเตียงทันที ดวงตาตี่พยายามจะขยายให้ใหญ่ขึ้น ขณะจ้องมองไปยังพระมารดาด้วยใบหน้าเบะๆ เหมือนจะร้องไห้....
“ไม่เอานะ เสด็จแม่!” เด็กน้อยร้องบอกมารดาที่ยืนแย้มสรวลอย่างอ่อนโยนมาให้ แววตาฉายแววกังวลด้วยเหตุผลที่ว่า กลัวพระมารดาจะไม่ยอมมาปลุกเขาในตอนเช้า....
“ก็แล้วทำไม ตอนที่แม่เรียก ยุนโฮถึงไม่ตื่นล่ะจ๊ะ” พระราชินียุนอา ดุขึ้น ทางเจ้าชายพระองค์น้อยก็ทรงตีหน้าสลดลง เพื่อเรียกความเห็นใจ แต่ดูเหมือนว่ามุขนี้มันจะใช้ไม่ได้ผลกับพระมารดาผู้ทรงรู้ทันเด็กชายไปเสียทุกอย่าง เมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าตัวก็นั่งขัดสมาธิบนเตียงพร้อมกับบอกมารดาของตนด้วยท่าทางเขินๆ....
“ก็....ลูก....ลูกอยากให้เสด็จแม่ เข้ามาปลุกลูกใกล้ๆ....อยากได้ยินเสียงเสียงของเสด็จแม่....อยากให้เสด็จแม่อยู่ใกล้ๆกับลูกนี่นา....” พอได้ยินเช่นนั้นคนเป็นแม่ถึงกับใจอ่อน เพราะความน่าเอ็นดูของลูกชายตัวเอง พระนางหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆเด็กน้อย แขนบางทั้งสองข้างเอื้อมออกมาก่อนจะโอบกอดลูกน้อยของตนเอาไว้เบาๆ....
ยุนโฮคลี่ยิ้มออกมาบางๆด้วยความดีใจ เมื่อพระมารดากำลังสวมกอดเขาอยู่....เวลาที่ได้อยู่ใกล้แม่เขามีความสุขที่สุด....เวลาที่ได้อยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของท่านแม่....เวลาที่ได้กลิ่นกายหอมๆเหมือนกับดอกไม้ของท่านแม่....เวลาที่ยินเสียงอันอ่อนโยนของท่านแม่....เวลาที่ยังรู้สึกว่าท่านแม่รักเขา....
“ยุนโฮรักท่านแม่มากๆเลยนะครับ” เจ้าชายน้อยเริ่มเอ่ยอ้อนมารดา ด้วยคำธรรมดาที่โดยปกติแล้วเขาถูกเสด็จพ่อห้ามไม่ให้ใช้ ต้องใช้เพียงคำสุภาพเท่านั้น....แต่อย่างน้อยที่สุดเวลาที่เขาได้อยู่กับท่านแม่แค่สองคน....ขอคุยอย่างสนิทสนมเหมือนแม่ลูกทั่วไป....
ราชินียุนอาแย้มรอยสรวลน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วราวกับเสียงกะซิบ ทว่ามันกลับดังก้องและแผ่ซ่านอยู่ในหัวใจของ ชองยุนโฮ เหลือเกิน.....
“แม่เองก็รักลูกมาจ๊ะ....ยุนโฮ ลูกเป็นแก้วตาดวงใจของแม่นะจ๊ะ......ยุนโฮ.....ยุนโฮ.....” เสียงของพระมารดาที่บอกรักเขา เสียงของพระมารดาที่พร่ำเรียกชื่อของเขายังคงดังก้องอยู่ในหูไม่เสื่อมคลาย.....และยังคงติดตรึงอยู่เช่นนั้น.....
!กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!
เสียงของเครื่องนาฬิกาปลุกดังขึ้นรบกวนโสตประสาท เรียกให้เจ้าชายหมีขี้เซาสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันแสนหวานโดยไม่ตั้งใจ ร่างสูงทะลึ่งพรวดขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง เขากวาดสายตามองไปโดยรอบ....ห้องนอนที่เขามาอาศัยพักที่บ้านของแจจุง....
และมองไปรอบๆ....ก็ไม่มีกระทั่ง ‘เงา’....หรือวี่แววของคนๆนั้นเลยแม้แต่น้อย.......
“ฝันงั้นเหรอ?....อีกแล้วนะเรา....” ยุนโฮบ่นพึมพำกับตัวเอง พลางนึกย้อนไปถึงฝันที่เขายังคงติดตา...ความฝันที่เกี่ยวกับอดีตของเขา สมัยที่ยังมีพระมารดาผู้โอบอ้อมอารีอยู่ข้างกาย....ดวงตาคู่สง่ากวาดตามองอีกครั้ง โดยหวังว่าใครคนนั้นที่หัวใจเขายังเรียกร้องจะเดินเข้ามาหาเขาเพื่อปลุกเขาให้ตื่นนอน.....แต่ก็ไม่มีเลย...แม้แต้เงา....
.....ทำไม.....
......ทำไมนะ.....ตลกจริงๆเลยเรา......
.......รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้.......
.......แต่ทำไมยังหวัง.....
.......ว่า ‘คนๆนั้น’ จะยังอยู่นะ......
เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดอะไรไร้สาระไปมากกว่านั้น ยุนโฮจึงลุกขึ้นจากเตียงจัดการกับเตียงนอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแบบที่แจจุงเคยสอนเขาให้ทำ.....แต่ก็เสียเวลาไปพอสมควร ก็คนที่เป็นเจ้าชายรัชทายาทอันดับหนึ่งอย่างเขาเคยต้องทำอะไรเองทีไหน แค่สั่นกระดิ่งเบาๆแค่กริ๊งเดียว ก็มีนางกำนัล ข้ารับใช้แทบจะมารุมทึ้งแย่งกันทำเตียงนอนของเขากันแทบแย่....
แต่....คิดไปมันก็เท่านั้น แล้วนี่เขาก็ไม่ได้อยู่ที่ประเทศของตัวเองเสียหน่อย......
พอเดินลงมาถึงข้างล่างแล้ว เขาก็พบเพียงจานอาหารเช้า และกระดาษโน๊ตลายมือรีบๆของแจจุงที่เขียนวางเอาไว้ข้างๆจานอาหารของเขาเท่านั้น....ร่างสูงหยิบมันขึ้นมาอ่านพอได้เห็นก็เผลอคลี่ยิ้มออกมาโดยที่แม้แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่า ยิ้มทำไมเหมือนกัน....
‘ตื่นแล้วงั้นเหรอ ไอ้คุณเจ้าชายหน้าหมี! คราวหลังหัดตื่นให้มันเช้าๆหน่อย! วันนี้ฉันมีเรียนเช้านะ คิดว่าประมาณ บ่ายกว่าๆก็กลับแล้ว ไม่ต้องตามฉันไปที่มหาวิทยาลัยเข้าใจไหม! รออยู่ที่บ้านโอเค!! กินข้าวเช้าให้หมด เก็บจานไว้ให้ฉันล้างก็ได้ เพราะขืนให้นายล้างมีหวังจานแตกไม่เหลือซากแหง ไอ้หมีบ้าพลัง! ส่วนข้าวเที่ยงฉันทำอาหารง่ายๆกินได้ ไม่ใส่ยาพิษหรอก โอเค! อยู่ในตู้เย็นหยิบกินเอาเอง เข้าใจไหม!.....พระราชาของบ้านหลังนี้ แจจุง!!’
พออ่านเสร็จเขาเผลอหลุดขำขึ้นมา เมื่ออ่านลงชื่อทิ้งท้ายที่ เจ้าคนหน้าหวานนั่นบอกว่า ตัวเองเป็น พระราชาของบ้านหลังนี้ เนี่ย....ถ้าเกิดบอกว่าตัวเองเป็น ราชินี เขาอาจจะเชื่อมากกว่านี้ก็ได้....ชายหนุ่มจัดการทานอาหารเช้าที่แจจุงเตรียมไว้ให้จนหมด ก่อนจะนำจานเหล่านั้นไปวางไว้ในซิ้งค์ล้างจาน ความจริงเขาเองก็อยากจะเป็นคนล้างให้นะ แต่ว่า....ครั้งล่าสุดที่เขาล้างจานนั้น ก็ทำเอาจานใบโปรดของแจจุงแตกไปเกือบครึ่งหนึ่งที่มีแน่ะ!....
หลังจากจัดการกับเรื่องที่ร่างบางสั่งไว้แล้ว เขาก็เดินไปยังห้องนั่งเล่นจับนู่นจับนี่ดูอย่างนึกสนใจ แต่ก็หมดความสนใจอย่างรวดเร็วในแต่ละอย่างเพราะเขาไม่เข้าใจถึงสิ่งต่างๆของโลกนี้เลยแม้แต่น้อย เวลาผ่านล่วงเลยไปสักพัก ดวงตาคมก็หันไปพบกับแผ่นกระดาษหนาๆที่เขียนเลขเอาไว้มากมายซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะลิ้นชักสำหรับใส่ของ....และเป็นสิ่งที่เขาจำได้ว่าแจจุงบอกว่า มันเรียกว่า ‘ปฏิฑิน’....
.....อืม......
.....ถ้าจำไม่ผิด.....
.....เจ้าพระราชาคนสวยนั่นบอกว่า......
.....มันใช้บอกวันเวลากันลืม.....
ด้วยความนึกสนใจยุนโฮลุกจากโซฟาตัวสบาย ออกไปแล้วเดินไปคว้าเจ้าปฏิฑินมาดูอย่างใคร่สนใจ เนื่องด้วยว่า มันเป็นความประหลาดที่เขาก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ เมื่อวันเวลาของที่โลกนี้ เหมือนกับที่โลกของเขาอย่างไม่คลาดเคลื่อนแม้เวลาเดียว และนั่นทำให้เขารู้ว่าตัวเอง ติดอยู่ที่นี่นานมาก.....นานจนชักเป็นห่วงที่ประเทศบ้านเกิดเมืองนอน.....ในยามที่ข้าศึกศัตรูกำลังหาช่องทางทำลายประเทศของเขา.....แต่เจ้าชายรัชทายาทอันดับหนึ่งอย่างเขากลับไม่สามารถรับรู้อะไรได้......
ร่างสูงมองลงไปยังเลขวันที่....วันที่ของวันนี้.....วันที่ 23 ของเดือนที่ 7 ของปี.......เพียงเท่านั้นร่างสูงที่เมื่อครู่ยังดูเหมือนสดใสก็พลันหุบรอยยิ้มลงในทันใด.....ดวงตาเรียวเล็กมองเหม่อออกไปในตัวเลขของปฏิฑินนั้น
....มิน่าล่ะ.....ทำไมเราถึงได้ฝันถึงท่านแม่.....
....ถึงวันนี้แล้วอย่างนั้นเหรอ?......
ยุนโฮคิดอย่างเหม่อลอยเขาวางปฏิฑินไว้ที่เดิมก่อนจะกลับไปยังโซฟาตัวเก่งในห้องนั่งเล่น เขาทอดกายเอนลงนอนลงอย่างสงบนิ่ง พลางนึกถึงความหลัง....ทั้งความหลังที่แสนสุขและความหลังที่แสนเศร้า....เศร้าเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้.....เพราะว่าวันนี้....คือวันที่คนที่เขารักที่สุดจากไป....วันที่ท่านแม่สิ้นพระชนม์......
.....ท่านแม่.....ท่านแม่.....
.....ท่านแม่ของยุนโฮ.......
......ถึงจะผ่านมาหลายปีแล้ว.......
......แต่ยุนโฮก็ยังคิดถึงท่านแม่นะ........
*********************************************************************
“โอ๊ย!!เหนื่อยๆ!!ร้อนๆ!!”
ร่างบางร้องบ่นไปเรื่อย ขณะที่เดินเข้ามาในบ้าน มือบางพยายามปัดป้องให้ความร้อนนั้นออกจากร่างกาย ขาเรียวพาร่างบอบบางนั้นเดินเข้าไป ตอนแรกเขาก็บ่นไม่หยุดอยู่หรอกนะ แต่พอเห็นว่าชายหนุ่มผู้มาพักอาศัยด้วยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาเขาก็เงียบลง....
แจจุงเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงที่นอนเหยียดกายอยู่บนโซฟา ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ ทำให้ร่างเผลอมองไม่เลิก....แม้ใบหน้ายามหลับก็ยังดูหล่อเหลา....
นิ้วเรียวขาวเผลอไล้ไปตามใบหน้าที่กำลังหลับตาสนิทนั้นอย่างเผลอใจหลงใหล เพียงครู่เดียวสิ่งที่ทำให้เขาตกใจมาก เมื่อน้ำใส่ไหลออกมาเบาๆจากดวงตาที่ปิดสนิทนั้น.....
“เอ๋?” แจจุงพึมพำเสียงค่อยด้วยความแปลกใจ เขาเองก็กลัวจะทำให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา....ริมฝีปากหนาขยับเบาๆพึมพำเสียงละเมอ แม้จะเป็นเสียงเบาๆ....แต่ว่า...ก็รู้สึกได้ถึงความเศร้าสร้อยที่ส่งผ่านออกมา....
“ท่านแม่......ท่านแม่......”
.....อะไรของไอ้หน้าหมีนี่เนี่ย!......
ร่างบางคิดอย่างประหลาดใจเมื่อไอ้คนที่ชอบทำตัวเก่ง ทำตัวหยิ่งยโส ทำตัววางอำนาจจะเป็นลูกแหง่ติดแม่กับเขาด้วย.....
“ท่านแม่....อย่าเป็นอะไรไปนะครับ.....อย่าทิ้งยุนโฮไป.......”
.....................
ร่างบางถึงกับพูดอะไรไม่ออก เหมือนกับว่าความเศร้าสร้อยของร่างสูงถูกส่งมาถึงเขา....มือขาวไล้ไปตามใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากอิ่มสีสดเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน....
“ไม่เป็นไรนะ....ยุนโฮ” พอได้ยินเสียงของร่างบางที่เปล่ง ก็เหมือนกับว่าเจ้าชายยุนโฮจะรับรู้ได้ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ดวงตาเรียวเล็กเปิดขึ้นอย่างแช่มช้า สิ่งแรกที่เขาเห็นคือใบหน้าสวยหวานของแจจุงที่กำลังยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
....เหมือน....เหมือนเหลือเกิน.......
....รอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนกับท่านแม่.....
เขาขยับร่างกายขึ้นมานั่ง ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ถามอะไรมากกว่านั้น อ้อมแขนแกร่งก็รั้งร่างบางๆของคนสวยเบื้องหน้าให้เข้าไปอยู่อ้อมกอด แจจุงสะดุ้งตกใจก่อนจะดิ้นน้อยๆให้หลุดออกจากการกอดรัดของอีกฝ่าย....แต่เหมือนยิ่งดิ้นอีกฝ่ายก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้นไปอีก....ร่างบางจึงหมดความคิดที่จะดิ้นได้แต่นั่งนิ่งให้ร่างสูงกอดเขาแนบแน่นอยู่เช่นนั้น เนิ่นนาน....สิ่งที่น่าแปลกกว่านั้นคือ หัวใจเจ้ากรรมของคนหน้าหวานดันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนตัวเขาก็ยังหวั่นว่ายุนโฮจะได้ยินมัน.....
นานมากที่คนทั้งสองกอดกัน ปล่อยให้เวลาวิ่งผ่านไปราวกับมันไม่มีค่าเลยแม้แต่น้อย....ผ่านไปได้อีกพักใหญ่ดูเหมือนเจ้าชายจากแวร์กลาก็ชักรู้สึกตัว เขารีบผละออกจากการกอดร่างบางอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหลบดวงหน้าหล่อไม่สบกับหน้าสวยของแจจุงที่ยังนั่งงงอยู่ไม่หาย.....
“ขอโทษนะ....แจจุง....” ร่างสูงเอ่ยบอกเสียงแผ่ว....แจจุงเอียงคอมองเจ้าตัวคนบอกขอโทษอย่างงงๆ ชักไม่เข้าใจแล้วว่าตกลงอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่กันแน่....
“ขอโทษที่กอดนาย....คือ....ฉันแค่....แบบว่า.....” ยุนโฮพยายามบอกเหตุผล แต่ก็เหมือนอะไรบางอย่างที่มันติดอยู่ในคอทำให้เขาพูดไม่ออก แต่เพียงแค่ปราดเดียวคนหน้าสวยก็มองออกแล้ว.....
“ให้ฉันเดา....นายกำลังคิดถึงแม่ของนายใช่รึเปล่า?” เท่านั้นแหละ เจ้าชายจอมหยิ่งก็ถึงกับจุกขึ้นมาเลยทีเดียว ก็ในเมื่อสิ่งที่ร่างบางบอกเขานั้นมันตรงประเด็นพอดีเด๊ะ!....สมแล้วที่เป็นแม่มดจอมอ่านใจ!!...สมแล้วที่มีคุณสมบัติของภรรยาที่ดี (ไว้ข่มคนเป็นสามี!)......คนหน้าหล่อถอนใจน้อยๆ เมื่อเห็นดวงตากลมโตสวยที่มองมายังเขาเพื่อหาคำตอบ.....ปิดไว้ก็คงจะไม่มิด.....
“ใช่.....นายคงอยากจะหัวเราะเยาะฉันล่ะสิ....ที่คนเป็นเจ้าชายอย่างฉันคิดถึงท่านแม่ที่เสียไปแล้วเนี่ย!” ยุนโฮเอ่ยเสียงแนวประชดประชันเล็กน้อย ด้วยความหัวเสียที่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านใจเขาได้หมด....ถ้าในช่วงนี้ยิ่งกับแจจุงแล้ว เขาไม่มีทางหงุดหงิด....แต่ว่า....เพราะวันนี้เป็นวันที่เขา....ไม่ต้องการให้ใครเห็นเขาสภาพที่น่าสมเพศแบบนี้เลย!.....
แจจุงเลือกที่จะเงียบ....ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ๆร่างสูงแล้วเป็นฝ่ายรั้งอีกฝ่ายเข้ามากอดเรียวแขนเล็กโอบรอบคอของอีกฝ่าย รู้สึกได้....ถึงคางหนาที่เกยอยู่บนไหล่บางของเขา...แม้ว่าจะลำบากไปหน่อยเนื่องด้วยว่าร่างกายของเขาเล็กกว่าไอ้เจ้าชายขี้เก๊กนี่เยอะ....และนั่นยิ่งทำให้คนร่างสูงถึงกับงงน้อยๆอยู่เหมือนกัน....
“มัน....ไม่เป็นไรหรอกนะ.....ถ้าเกิดจะร้องไห้ เพราะคิดถึงใครสักคน.....” แจจุงเอ่ยขึ้น....ซึ่งยุนโฮก็เงียบและตั้งใจฟังเป็นอย่างดี....ปล่อยให้คนหน้าหวานเอ่ยต่อไปเรื่อยๆ.....
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของนายดี.....เวลาที่....อยู่เดียวดาย....เวลาที่อยากให้ใครอยู่ด้วย....แต่ต่อให้เรียกร้องยังไง....ก็ไม่มีใคร.....”
“...............................”
“นายน่ะ....ไม่จำเป็นต้องทำตัวเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้.....แค่ช่วงเวลาหนึ่งที่นายจะอ่อนแอ มันก็ไม่ผิดหรอกนะ.....เพราะฉะนั้น.....มันไม่เป็นไรหรอกนะ” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของแจจุงเหมือนเข้าห่อหุ้มหัวใจของที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งของชายหนุ่มอย่างยุนโฮ.....เป็นคำพูดง่ายๆที่เหมือนไม่มีอะไรเลย....แต่ว่า....สำหรับเขาแล้ว....มันคือคำปลอบโยนที่อบอุ่นที่สุด.....
.....นานแค่ไหนแล้วนะ......
......ที่ไม่มีคนมาบอกเขาว่า ‘ไม่เป็นไรหรอก’......
......นานแค่ไหนแล้วนะ......
......ที่เขาไม่ยอมปล่อยให้น้ำตาไหลออกจากดวงตาที่เข้มแข็งนี่......
แล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร....รู้ตัวอีกทีเขาก็รู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นๆที่ค่อยๆไหลอาบแก้มกร้านของเขาอย่างช้าๆ...เป็นสาย แม้ไม่ได้สะอื้นไห้ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงของความเศร้า เพียงแต่...สั่นน้อยๆ....รู้แค่ว่าเศร้ามาก.....แม้แต่ตัวเขาเองคนที่เป็นเจ้าชายผู้กล้าแกร่งอย่างเขา....ทำไมถึงได้ยอม.....ยอมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา....
เพียงแค่คำพูดของคนๆนี้.....
แต่....จะเพราะอะไรก็ช่างมัน เพียงแค่ที่เขารู้สึกตอนนี้.......
เพียงแค่ได้อยู่กับคนนี้ๆ เขาจะขออยู่กับความอ่อนแอ.....
ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ....ท่านแม่.....ท่านแม่ของยุนโฮ........
ความคิดเห็น