คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ::Chapter 2::
Chapter 2::
วันเข้าหอพักที่แสนวุ่นวายของโรงเรียนมัธยมปลายมยองมุน มาถึงแล้ว หน้ารั้วโรงเรียนเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนที่ต่างฮิ้วกระเป๋าเดินทางซึ่งบรรจาสัมภาระไปอย่างเนืองแน่น บ้างก็มากับผู้ปกครองที่มาส่งลูกหลานเข้าเรียน โดยเฉพาะจุดลงทะเบียนเข้าหอพักนั้นดูจะแออัดมากกว่าส่วนอื่น ใต้ต้นไม้สูงใหญ่อันเป็นแหล่งพื้นที่สีเขียวของโรงเรียนนั้น ร่างบางเจ้าของดวงตาสวยกำลังยืนรอเพื่อนรักของตนที่เข้าไปเป็นหน่วยกล้าตายไปเอากุญแจห้องตรงจดลงทะเบียนท่ามกลางผู้คนที่เหมือนฝูงมดส่วนตัวเองก็เฝ้าสัมภาระรอ
ใช้เวลาไม่นานเพื่อนรักแสนสวยก็เดินเข้ามาด้วยหัวกระเซอะกระเซิงเหมือนกับผ่านสนามรบชอปปิ้งเซลล์มาก็ไม่ปาน ในมือก็ถือกุญแจห้องสองดอก ซึ่งมีป้ายหมายเลขห้องห้อยอยู่เป็นพวงกุญแจประดับ...
“เป็นไงบ้างชอลลี่ หัวกระเซิงหมด” ร่างบางตาสวยเอ่ยถามเพื่อนของตน พร้อมกับยื่นหวีพก ฮีชอลถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายพร้อมกับรับหวีพกของอีทึกมาจัดการสางผมของตนให้อยู่ทรงดังเดิม...
“ก็เหนื่อยน่ะสิ ทึกกี้!! คนจะแห่มาอยากกับแจกของฟรีกว่าจะฝ่าออกมาได้แทบแย่อ่ะ” ทำเสียงฮึดฮัดในตอนแรก แล้วก็ลงท้ายด้วยการเข้าไปอ้อนเพื่อนรักอย่างทึกกี้อีกครั้ง หัวกลมๆของฮีชอลถูไถแขนของเพื่อนรักที่ตนคล้องแขนกอดเหมือนลูกแมวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้าของก็ไม่ปาน...
“จ้าๆ ขอบใจมากเลยนะ งั้นเราขนของเข้าห้องกันเลยดีไหม?”
“อื้อ ดีเหมือนกัน ข้างล่างร้อนจะตาย เราจะได้ไปจัดของด้วย ไหนๆวันนี้ก็ว่างแล้ว” ฮีชอลตอบรับพร้อมกับฮิ้วกระเป๋าสัมภาระสีแดงเข้มที่บ่งบอกรสนิยมความชอบส่วนตัวอย่างแรง แล้วเดินนำเพื่อนรักของตนไปยังด้านในสุดของโรงเรียนซึ่งเป็นโซนหอพักทั้งหมด จุดหมายคือ ตึกสูงหกชั้น ซึ่งเป็นอีกตึกต่างหากจากตึกที่ตอนนี้คับคั่งไปด้วยเด็กมามายที่แห่กันเข้าไปในหอ ตึกที่เงียบสงบล้อมรอบด้วยธรรมชาติ...เวอร์ไปมั้ง....
แต่ประเด็นน่ะอยู่ที่ว่าตักที่เป็นจุดหมายของพวกฮีชอล คือตึกหอพักของ S-Class โดยเฉพาะเน้นๆ เนื่องจากห้องเอสคลาสถือได้ว่าเป็นห้องที่รวมบุคคลยอดเยี่ยมมากมาย จึงได้มีสวัสดิการพิเศษตั้งแต่หอพักเฉพาะของเอสคลาสที่อาศัยอยู่ไม่เกิน 24 คนในห้องตึกหกชั้น ก็เนื่องด้วย S-Class ในแต่ละชั้นปี ก็จะมีแค่ไม่เกิน 15 คนเป็นอย่างมาก ในห้องพักห้องหนึ่งจะพักเพียงแค่ 2 คนซึ่งต่างจากชั้นปกติที่พักกันถึง 4 คนในห้องเดียว แถมสวัสดิการในหอพักก็เยี่ยม ห้องก็กว้าง แถมสบายอีกต่างหาก กฏข้อห้ามอะไรในหอพักก็มีน้อยกว่า พวกชั้นปกติมากโข จึงไม่แปลกเลยที่ใครๆก็มุ่งหวังจะเข้า S-Class แต่ก็น้อยคนที่จะได้เข้าไป ก็มีแต่พวกระดับหัวกะทิ กับพวกดีเด่นกิจกรรมต่างๆ และพวกดีเด่นกีฬา....
กรณีของฮีชอล กับ อีทึกนั้น ได้อยู่ระดับ S-Class ก็ไม่เชิงหัวกะทิอะไรมากมาย ก็แค่ว่า อีทึกเป็นแชมป์หมากรุกประจำจังหวัด เป็นเด็กอัจฉริยะที่เล่นหมากรุกเป็นตั้งแต่ 4ขวบ เรียกได้ว่าเล่นหมากรุกเป็นก่อนพูดซะอีก...ส่วนฮีชอล ก็แค่สุดยอด acting boy แห่งปีเอง ไม่ว่าจะไปประกวดการแสดงที่ไหน ก็กวาดแชมป์มาหมดตั้งแต่อายุ 6 ขวบนู่น และแม้ว่าจะมีแมวมองมาทาบทามให้เป็นดาราตั้งแต่ยังเด็ก แต่เจ้าตัวก็จะตอบแบบปัดๆไปว่า อยากเรียนให้จบก่อน....แต่ความจริงแล้วคือยังไม่อยากรีบรับงาน อยากรู้ว่าตัวเองชอบอะไรจริงๆก่อนค่อยว่ากัน...
....เออ สรุปคือไอ้คำว่า ไม่เชิงหัวกะทิที่ทั้งสองคิดนั้น มันแบบว่า ถล่มตัวไปไม๊?...
เมื่อเดินมาถึงประตูของอาคารหอพัก ประตูกระจกก็เลื่อนเปิดอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีร่างบอบบางสองร่างที่เดินเข้าไปภายในบริเวณชั้นล่างซึ่งถูกวางด้วยล็อกเกอร์จดหมายหลายล็อกเกอร์ที่วางอย่างเป็นระเบียบและติดป้ายชื่อไว้อย่างเรียบร้อย อีทึกกับฮีชอลเดินมารอลิฟท์เพื่อที่จะไปยังชั้นของตน....ตามหมายเลขที่ติดอยู่ที่ป้ายห้อง 502
“นี่ทึกกี้อย่างเห็นห้องของเราจังเลยน๊า” ฮีชอลเอ่ยอย่างอารมณ์ดีเมื่อพยายามจะจินตนาการถึงห้องในหอพัก เพราะร่างบางพลันไปนึกถึงนิตยาสารโรงเรียนที่เคยลงรูปหอพักของโรงเรียนม.ปลายมยองมุน สำหรับ S-Class ว่าได้รับการรางวัลดีไซน์ทันสมัยแห่งปี...
....เอาเข้าไป โรงเรียนนี้จะเวอร์ไปไหน??....
“อืม นั่นสิ...แต่ฉันอยากหาเพื่อนใหม่ให้ได้เยอะๆมากกว่าอ่ะ” อีทึกเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้ม แต่ร่างบางกลับทำปากปากหมึกพร้อมสะบัดหน้างอน เรียกเครื่องหมายQuestion Mark ให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยๆของเพื่อนรัก...
“เป็นไรไปอ่ะ ชอลลี่”
“ชิ! ก็ทึกกี้ไม่อยากเป็นเพื่อนฉันแล้วใช่ม๊า? ถึงได้อยากหาเพื่อนใหม่อ่ะ” ได้ยินแบบนี้ คนตาสวยก็ฉีกยิ้มกว้างกับความน่ารักของเพื่อนคนสวย เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า...ฮีชอลติดเพื่อนอย่างเขามาก....
“เปล่า...ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แต่ถ้าเรามาเรียนแล้วได้รู้จักคนเยอะๆก็ดีไม่ใช่หรอ ฉันเองก็อยากเห็นชอลลี่มีเพื่อนเยอะๆ ก็เพื่อนฉันน่ารักขนาดนี้ ก็อยากให้คนอื่นรู้สึกเหมือนกัน” พูดไปก็ลูบหัวไป พอจบคำพูดของเพื่อนตาสวยร่างบางเอาหัวไปถูๆอย่างออดอ้อน
“ชอลลี่รักทึกกี้ที่สุดเลยยย >[]<”
“ของมันแน่อยู่แล้ว^[]^”
!ติ๊ง!
เสียงลิฟท์เดินทางมาถึงพอดี ฮีชอลกดปุ่มลืฟท์ให้เปิดค้างไว้ ปล่อยให้อีทึกจัดการเอาสัมภาระทั้งของตัวเองและของฮีชอลเข้าไปในลิฟท์ คนตาสวยพาร่างของตัวเองตามไป ส่วนคนสวยที่เห็นว่าเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็เดินเข้าไปในลิฟท์ขนาดกลางนั้นบ้าง และเมื่อประตูลิฟท์กำลังจะปิด....
“เดี๋ยวครับ!!!! รอด้วย!!!!!!” เสียงหวานแหกปากลั่นร้องจนคนหน้าสวยกดปุ่มเปิดลิฟท์ค้างไว้แทบไม่ทัน มือบางสองข้างกับขาอีกข้างพร้อมพุ่งเข้าไปช่วยยันประตูจนคิม ฮีชอล เข้าโหมดเล่นกายกรรมเปียงยางอีกแล้ว...เจ้าของเสียงหวานผู้มีใบหน้าหวานสุดเรียบร้อย ที่หอบสัมภาระ มาพร้อมกับร่างบางอวบๆหน้าตาแอ๊บแบ๊วที่หิวสัมภาระวิ่งกระหืดกระหอบเขามาลิฟท์หลังจากที่ฮีชอลเลิกยันประตูลิฟท์ท่ากายกรรมเปียงยางแล้ว...
“ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยนะครับ” หนุ่มหน้าตาเรียบร้อยผงกหัวประหลกๆเป็นเชิงขอบคุณ ที่เห็นคนสวยลงทุนเล่นกายกรรมเต็มที่เพื่อให้พวกเขาทั้งสองได้เข้ามาในลิฟท์ทันจนได้...
“ไม่เป็นไรเรื่องเล็ก แต่ขอร้องคราวหลังอย่าตะโกนอย่างนั้นเลย ตกใจหมด” ฮีชอลเอ่ยบอกเรียบๆ ขณะที่พิจารณาใบหน้าหวานๆของคนที่ก้มหัวประหลกๆไม่เลิกนั่น...
...ยัยหมวยนี่หน้าคุ้นๆแฮะ.....
“ยังไงก็ต้องขอบคุณจริงๆนะ.....เอ่อ...นาย...คิม ฮีชอล อ่ะป่าวอ่ะ??” คนหน้าเรียบร้อยเอ่ยถามขึ้น ขณะเพ่งพินิจหน้าสวยของอีกฝ่ายเช่นกัน...
“ใช่...นายรู้จักฉันหรอ??” ร่างบางถามย้อนกลับ ทำเอาอาหมวยน่าเรียบร้อยแอบเสียเซลฟ์ไป...ใจลึกๆก็แอบคิดว่า...
....เออสิ!! ถ้าไม่รู้จักจะทักเรอะ ฉลาดน้อยป่าวเนี่ย....
“อื้อ!! ฉัน ลี ทงเฮ ที่เคยเข้าประกวดการแสดงเยาวชนระดับ ม.ต้น ไง จำได้ป่าว??” อาหมวยตอบพร้อมแนะนำตัวเสร็จสับ คนหน้าสวยยังคงยิ้มหวานที่ถูกแอคติ้งมาโดยธรรมชาติเลือดนักแสดงในตัว...ปากก็ร้องอ๋อไปแทนคำตอบ...
“จำได้ๆ นึกออกแล้วนาย ลี ทงเฮ นี่เอง ก็ว่าหน้าคุ้นๆ” โกหกคำโต ร่างบางย่อมรู้อยู่แก่ใจ ไอ้หน้าตาคุ้นๆเขาก็พอจำคุ้นๆหน้าอยู่แหละ...ใครมันจะไปจำได้ฟระ แต่อีกฝ่ายดันจำเขาได้ ถ้าบอกไปว่าจพไม่ได้ก็เสียฟอร์มเด้ เรื่องไรอ่ะ!!...
....เอาเป็นว่า โมเมไปก่อนนี่แหละ โทษทีนะยัยหมวย 555+....
“อิอิ ดีใจจังที่จำได้ นายก็มาเรียนที่นี่ด้วยหรอ?”
“ก็ใช่ซิ ไม่งั้นนายจะเห็นฉันมาขนของขึ้นหอแบบนี้รึไง?” ตอบด้วยคำสั้นๆแล้วย้อนถามให้อาหมวยเสียเซลฟ์อีกครั้ง นี่ขนาดรู้จักกันจริงๆครั้งแรกนะครับท่านผู้ชม...
“เออเนอะ...ฉันก็ว่าไปนั่น จริงด้วยสิเนอะ^[]^ อ๊ะ! จริงด้วย คนเนี่ยเป็นญาติห่างๆกับฉันชื่อ ลี ซองมิน...ซองมิน นี่ คิม ฮีชอล แหละเขาแสดงละครเก่งมากเลยนะ” แล้วยัยหมวยก็แนะนำตัวเสร็จสับ เจ้าของชื่อซองมินที่ตอนแรกเหมือนจะไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่ก้มลงถักไหมพรมสีสันสดใส พอโดนญาติหน้าหวานสะกิดเรียก ร่างอวบจึงยอมเงยออกหน้าขึ้นมาจากโครเชร์ไหมพรม...
“อื้อ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ฉันชื่อ ลี ซองมิน นะ” พอแนะนำตัวเสร็จเจ้าตัวก็ก้มลงไปถักไหมพรมต่อไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรมอะไรอีกรอบ...
“นี่ซองมิน นายจะรีบถักไปไหนอ่ะ ไม่ต้องรีบก็ได้นี่นา” ทงเฮสะกิดบอกซองมิน แต่เจ้าตัวกลับเงยหน้าขึ้นมาอย่างจริงจัง พร้อมมือที่กำเข็มโครเชร์แน่น และดวงตาที่มุ่งมั่นจนเกินเหตุ...
“ไม่ได้นะ ทงเฮ!! ไหมพรมก็เปรียบเหมือนเส้นชีวิตของผลงานไหมพรมทุกชิ้น!! ต้องใส่ใจและทำให้ต่อเนื่อง แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆในลิฟท์ ฉันก็ต้องถักมันต่อ!!” ความรู้สึกที่เหมือนร่างอวบไปยืนสาบานอยู่หน้าคลื่นกระทบฝั่งที่พบเห็นได้ในหนังชีวิตญี่ปุ่น ทำเอาร่างบางอีกสามร่างที่เหลือถึงกับอึ้ง...ค้าง....
....ไม่มีคำเสนอแนะใดๆครับพี่น้อง!!...
“อ่า....ฉันชื่อ ปาร์ค จองซู เรียกว่า อีทึก ก็ได้ ฉันเป็นเพื่อนรักของฮีชอลน่ะ” อีทึกขัดความเงียบเช่นนั้นขึ้นมาด้วยการแนะนำตัว โดยพยายามไม่สนซองมินที่ยังคงยืนทำเอ็มวีคลื่นกระทบฝั่งสู้โว้ยตามสไตล์ญี่ปุ่นต่อไป...อาเมน...
“อื้อ ยินดีที่ได้รู้จักนะ อีทึก” ทงเฮตอบรับคำทักทายนั้นด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ลิฟท์กำลังเลื่อนขึ้นจนใกล้จะถึงชั้น 5 อยู่แล้ว คนตาสวยจึงเอ่ยถามขึ้น...
“จะว่าไปแล้ว พวกทงเฮ ห้องอยู่ที่ชั้นไหนเหรอ?” พูดมาก็เหมือนทำให้เจ้าตัวนึกได้ อาหมวก็เอามือเลื้อยไปตามตัวเพื่อคลำหากุญแจที่ไม่รู้ไปซ่อนไว้ไหน...
....ลิฟท์ขึ้นมาจนจะถึงชั้น 5 แระพึ่งถาม เจริญเถิดโยม....
เมื่อล้วงไปที่กระเป๋ากางเกงจึงพบพวงกุญแจที่เขียนหมายเลขห้องว่า 504
“อื้อ อยู่ชั้น 5 น่ะ” เจ้าตัวตอบพร้อมรอยยิ้ม นั่นทำให้คนตาสวยดูตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก...
“อยู่ชั้นเดียวกับห้องของฉันกับชอลลี่เลยนะ”
“จริงอ่ะ ดีๆ เผื่อคืนนี้จะไปหา ได้ไม๊? ฮีชอล??” ทงเฮถามร่างบางอีกคนด้วยความตื่นเต้น คนสวยที่ยืนเงียบอยู่นาน ก็คลี่รอยยิ้มออก...
“เอาสิ คืนนี้มาปาร์ตี้ชุดนอนกัน เอาขนมมาด้วยนะ ^[]^” ฮีชอลตอบ นั่นทำให้อาหมวยก็ดูดีใจมาก และตัวอีทึกก็ดูจะถูกใจมากที่ฮีชอลเริ่มผูกมิตรกับคนอื่นแล้ว ถึงแม้ว่าคนเอ่ยชวนจะเป็นเขาก็เถอะ....
!ติ้ง!
เสียงลิฟท์ที่บ่งบอกหารมาถึงชั้นห้า เรียกให้ซองมินที่ไปอยู่ทะเลญี่ปุ่นเสียนานยอมเก็บไหมพรมจนได้ ส่วนฮีชอล อีทึก และทงเฮ ก็ตกลงกันว่าจะไปจัดของให้เรียบร้อยก่อน แล้วเดี๋ยวดึกๆจะค่อยมาจัดปาร์ตี้ที่ห้องนอนของฮีชอลกับอีทึก...เมื่อออกมาจากลิฟท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฮีชอลกับอีทึก ก็เดินไปยังหน้าประตูห้อง 502...
ภายในห้อง 502 ถูกตกแต่งไปด้วยโทนสีชมพูอ่อนหวาน ผิดอิมเมจกับการเป็นโรงเรียนชายล้วนอย่างแรง เฟอร์นิเจอร์ในห้องถูกจัดวางให้มีอย่างละสองชิ้นตั้งแต่เตียงนอน ตู้ และโต๊ะ โดยจัดการให้อยู่ในจุดสมมาตร ด้วยกลัวว่ามันจะไม่ซีเมตทรีอย่างหนักของดีไซนเนอร์....
ถ้าหากเป็นผู้ชายคนอื่นคงจะหงุดหงิดกับห้องสีชมพูอ่อนหวานแบบนี้ แต่สองร่างบางกลับกรี๊ดกร๊าดด้วยความตื่นเต้น เมื่อจัดแบ่งเตียงของตนแล้วจึงแยกย้ายกันเก็บข้าวของเพื่อรอคอยปาร์ตี้ชุดนอนของสาวๆ(?)ในคืนนี้...
ห้อง 602...
ห้องที่ถูกตกแต่ง ในสไตล์สีน้ำตาลเข้มที่ดูสมชายกว่าห้องด้านล่าง บนเตียงฝั่งหนึ่งถูกจองด้วยร่างสูงหน้าหล่อที่นอนทิ้งตัว ขณะที่มองร่างหนาๆของเพื่อนรักที่กำลังจัดวางถ้วยรางวัลที่แสนภาคภูมิใจนักหนา บนโต๊ะ....แต่ยิ่งห็นก็ยิ่งเซ็ง.....
“ทำไมกรุต้องมานอนห้องเดียวกับเมิงด้วยวะ” ฮันกยองบ่นใส่ร่างหนาที่กำลังจัดของๆตน จนอีกฝ่ายต้องหันมาทำหน้าหมีอมผึ้งใส่ทันที...
“อะไรของเมิง? ถ้าเมิงไม่นอนกับกรุ แล้วเมิงจะนอนกับตัวเห้ ที่ไหนไม่ทราบ??”
“กรุก็จะไปนอนกับคนสวยของกรุสิวะ”
“เออ!!กล้านะเมิง รู้จักเขาไม่กี่วัน แถมยัยคนสวยปากปีจอนั่น เขาดูรังเกียจเมิงอย่างกับอะไรดีแล้วจะไปนอนกับเค้า เมิงนี่ถ้าจะบ้า” โดนใส่ซะยับ แต่คนอย่างฮันกยองก็ไม่ได้หมดกำลังใจไปกับเรื่องแค่นี้หรอก...
“เมิงไม่เคยดูซีรี่ย์รึไง นางเอก กับพระเอก เกลียดกันแทบตายแค่ไหนสุดท้ายก็รักกัน”
“เออ แต่นี่ชีวิตจริงนะเมิง”
“เมิงไม่เคยได้ยินเพลงนี้รึไง ~โลกคือละครทุกคนต้องแสดงทุกคน ทนไป อย่าอาลัย ยิ้มกันสู้ไปจะได้สบาย~” หนุ่มนักบาสสุดเท่ห์ไม่เถียงธรรมดายังเอาเพลงสุนทราภรณ์สมัยพ่อยังแบเบาะมาร้องให้เพื่อนมันฟังที่มาอีก เอากับมันสิครับพี่น้อง....
“กรุละเชื่อจริงๆ เมิงไปรู้จักเพลงสมัยพระเจ้าเหา ได้ไงวะ”
“กรุเก่งไงแสรดด”
“ไอ้หลงตัวเอง เอ้ย...กรุล่ะหนักใจกับเมิงจริงๆเนี่ย” คังอินบ่นพึมพำก่อนจะแสร้งทำไม่สนใจเพื่อนรักของตนที่นับวันจะเพี้ยนขึ้นทุกวัน ไอ้ที่แย่ยิ่งกว่าปกติ ก็คือ เมื่อวานไอ้เพื่อนหล่อแต่หน้าเนี่ย มันดันชวนเขาไปซื้อตุ๊กตาแมวน้อยน่ารักแอ๊บแบ๊วสีขาวมา...
....คิดดูสิ!!ผู้ชายหน้าโคตรแมนสองคนไปเลือกซื้อตุ๊กตาหน้าตาแอ๊บแบ๊ว!!เจริญ!!....
....แค่คิดก็อยากจะบ้าตาย!!...
นั่นนินทาในใจได้ไม่เท่าไหร ไอ้เพื่อนรักของเขามันก็เอาตุ๊กตาแมวสีขาวที่มันตั้งชื่อว่า ‘ฮีชอล’ มากอดพากลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงราวกับคนสติไม่ดีอยู่ครู่ ก่อนที่จัวางตุ๊กตาน้อยน่ารักนั้นอย่างเบามือสุดๆแล้วออกไปเดินเล่นที่ริมระเบียงห้อง...
ฮันกยองที่ไม่ได้ล่วงรู้การนินทาในใจจากเพื่อนร่างหนาของตนเลยแม้แต่น้อย เดินออกมารับลมที่ริมระเบียงบนห้องชั้นบนสุด ปล่อยให้สายลมที่พัดผ่านมากระทบใบหน้าจนรู้สึกเย็นสดชื่น ขณะที่ก้มลงมองระเบียงห้องด้านล่างอยากจะรู้เหลือเกินว่าใครจะมาอยู่...แต่ไม่ว่าใครหน้าไหนเขาก็ไม่สน เขาคิดถึงแต่ฮีชอลว่าที่สุดที่รักของเขา(ในตอนนี้) เท่านั้น...
....อา คิดถึงปุ๊บก็มาอยู่ตรงหน้าปั๊บ....
....นี่ความรักทำให้คนที่เราแอบรักมาอยู่ข้างล่างเลยเหรอ เนี่ย....
....O.O....เฮ้ย!!! ฮีชอลของจริงนี่หว่า....
....แถมใส่เสื้อกล้ามบางๆกับกางเกงขาสั้นด้วย โฮก!!!โค ต ร เซ็กซี่เลย!!!....
...บุญตาของไอ้เกิงจริงๆที่ได้เห็นคนสวยคนนี้ ถ่ายรูปอย่างนี้ต้องถ่ายรูป!!...
เมื่อคิดปุ๊บ ร่างสูงก็รีบคว้ามือถือที่ปิดเสียงแล้วมารีบกดชัตเตอร์ร่างบางออกมารับลมที่ระเบียงเช่นกันโดยไม่ได้สนใจร่างสูงที่ระดมกดชัตเตอร์ร่างบางจนได้ทุกอากัปกิริยาบถของร่างบางกันเลยทีเดียว...
....เขาไม่ได้โรคจิตนะ แต่อยากเก็บภาพสวยๆของฮีชอลในทุกมุมมองเท่านั้นเอง....
....จริงๆนะ....
....แต่ฮีชอลนี่เซ็กซี่จริงๆหวังว่าคงจะไม่มีไอ้หื่นคนไหนนอกจากเขามามองแล้วนะ....
....ถ้ารู้นะ พ่อจะตามไปเควี้ยงลูกบาสใส่หัวแมร่งเลย....
....อ้าว...เดินกลับเข้าไปแล้ว เสียดายจัง....
...แต่แค่นี้ก็พอแล้ว....
แล้วฮันกยองก็กลับมาทิ้งตัวลงบนเตียงกอดตุ๊กตาแมวฮีชอลกลิ้งไปกลิ้งมา สลับกับดูรูปในมือถือ คังอินที่ไม่รู้ว่าเพื่อนของตนเป็นอะไรก็ยิ่งหนักใจกว่าเดิม พร้อมด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่ว่า ช่วงปิดเทอมเขาจะเพื่อนเพื่อนหล่อแต่หน้าของเขาคนนี้ไปตรวจที่ศรีธัญญาสักครั้งคงจะดีไม่น้อย....
ส่วนคนหน้าจีนตอนนี้มีรอยยิ้มอันเบิกบานอย่างเป็นสุข ถึงจะเสียดายที่ไม่ตะโกนบอกให้ร่างบางรู้ว่า เขาอยู่ห้องด้านบน แต่ว่าก็ดีแล้วล่ะ เขาจะได้มีโอกาสเก็บช็อตรูปน่ารักๆทีเผลอของร่างบางแบบนี้อีก แค่คิดก็ดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว!!!
To be Continued
คุยกันกับไรเตอร์
มาต่อกันด้วยตอนสบายๆอีกตอนนะค่า มะรู้จะพูดอะไรดีนอกจาก ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจนะคะ ถ้ามาอ่านกันก็อย่าลืมเม้น?เปนกำลังใจให้กันด้วยนะค่า ^[]^ ตอนหน้าจะเป็นยังไงต้องติดตามชม วันนี้อัพตัวละครเพิ่มด้วยนะค่า แล้วก็ โพสรูปห้องนอนของ ทึกกี้ กะ ชอลลี่ และ เกิง กะ คัง ไว้ให้ดูด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะค่า
เอ้(Mio_MinMin)
ห้องนอนของ ฮีชอล+อีทึก
ห้องนอนของ ฮันกยอง+คังอิน
ความคิดเห็น