คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ::Chapter 1::
Chapter 1::
กรุงโซล ประเทศเกาหลี ณ คฤหาสน์ใหญ่โตหรูหราสีขาวสะอาดซึ่งเป็นบ้านประจำตระกูลคิม ซึ่งรอบบ้านถูกตกแต่งด้วยต้นไม้ และดอกไม้นานาพันธุ์แลดูสบายตา นี่คงจะเป็นสถานที่อีกที่หนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดสีเขียวบนกรุงโซลเช่นนี้...บ้านสุดหรูที่ใครเฝ้าอยากจะเป็นเจ้าของแต่ดูเหมือนว่า ยามสายเช่นนี้บ้านหลังนี้ดูจะวุ่นวายสิ้นดี
“รยออุค เร็วๆเข้า เดี๋ยวไปไม่ทันเล็คเชอร์ของ อ.เอริค นะ!!” หนุ่มหน้าหวานเจ้าของดวงตากลมโตเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทร่างเล็กของตนที่กำลังจัดหนังสือเรียนอย่างวุ่นวายไปหมด
“รู้แล้วๆ ก็รีบอยู่นี่ไง!! อ๊ะ ชางมิน ข้าวเช้าอ่ะ!!” ร่างเล็กของเจ้าของดวงหน้าหวานไม่แพ้เพื่อนของตนเอ่ยขึ้นมา นั่นแทบจะฉุดวิญญาณของชางมินที่อยากจะไปเลคเชอร์ได้ราวกับถูกสะกดนิ่ง
“จริงด้วยๆ ฉันไปเรียนโดยไม่กินข้าวเช้าไม่ได้นะ!!” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เตรียมจะวิ่งไปหาอาหารเช้ากิน แต่ดูเหมือนขาทั้งสองข้างจะต้องหยุดลง เมื่อร่างบอบบางเจ้าของดวงหน้าสวยหวานราวกับเทพธิดา เดินออกมาพร้อมกล่องข้าวขนาดย่อม 2 กล่องส่งให้คนหน้าหวานทั้งสองคน...
“อ๊ะ...ฉันว่าแล้วว่า ชางมิน กับ รยออุค ต้องลืมกินข้าว พี่เลยใส่แซนวิชไว้ในกล่องให้เราเป็นเสบียงก่อนเข้าเรียนนะ”
“พี่ฮีชอล!!!!” ชางมินร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างออดอ้อนพร้อมกับกระโดดเข้ากอดทันที เมื่อได้รับกล่องใส่อาหารรสเลิศ(?) มาอยู่ในมือ ความซาบซึ้งใจปรากฏขึ้นประดุจมีเทพธิดามาโปรด
“โอเวอร์ ไปรึเปล่า ชางมิน เอ้าๆ รีบไปเรียนได้แล้วทั้งสองคน เดี๋ยวจะสายไม่ใช่หรอ?” คนหน้าสวยเอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง คราวนี้ก็เรียกสติของทั้งสองให้กลับมาได้อีกครั้งหนึ่ง
“เออ! จริงด้วยๆ รีบไปกันเถอะ รยออุค”
“นั่นสิๆ” หลังจากที่ตกลงกันได้แล้ว ทั้งชางมิน และ รยออุค ก็พุ่งเข้ามาขนาบข้างคนสวยพร้อมจุ๊บแก้มกันคนละที อย่างที่เคยทำกันเป็นปกติตั้งแต่เด็ก ก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งแจ้นเหมือนถูกสุนัขพันธุ์ร๊อตไวเลอร์ไล่กวด...
เจ้าของหน้าสวย ยิ้มนิดๆ ด้วยความเอ็นดูน้องๆทั้งสองของเขา ที่ยังคงออดอ้อนคนเป็นพี่แบบนี้ ไม่ต่างกับสมัยก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว...
“อ้าว...เจ้าตัวแสบทั้งสองคน ไปเรียนแล้วหรอ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของคนสวย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร ก้าวย่างเดินมาได้อีกสักไม่กี่ก้าว ก็ปรากฏร่างบอบบางของเจ้าของใบหน้าสวยอีกคน ผู้มีดวงตาที่แสนอบอุ่น...
“อื้อ พึ่งไปเมื่อกี้เองน่ะ อีทึก” คนตาสวยเจ้าของนาม อีทึก พยักหน้ารับรู้พลางทำท่าขบคิดอะไรบางอย่าง เห็นท่าทางกลุ้มๆของเพื่อนรักแบบนั้น คนหน้าสวยก็อดเป็นห่วงไม่ได้จึงรีบชิงถามขึ้นก่อน
“เป็อะไรหรออีทึก ตัวร้อน ปวดศีรษะ เป็นไข้ ขัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดท้อง ปวด....”
“โอ๊ย! พอเถอะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องร่ายยาวก็ได้” อีทึกรีบชิงตัดบทก่อนที่ยัยคนสวยเนี่ยจะถามประดุจแช่งเขาให้เป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ตั้งมากมายก่ายกองแบบนี้....
“อ้าว...ก็เห็นนายทำหน้าบูดซะขนาดนั้นใครมันจะไปรู้ล้ะเออ” ว่าแล้วคนสวยก็กอดอกงอนแทนซะนี่ เป็นเหตุให้อีทึกต้องรีบง้อเพื่อนรักอย่างด่วนจี๋แทน
“อ่า.....ฮีชอล อย่าโกรธฉันสิน๊า นา>.<” พอเห็นเพื่อนรักทำท่าแอ๊บแบ๊วซะเต็มประดาแบบนั้น ใครมันจะกล้างอนต่อฟระ??...คิดได้เช่นนั้นคนหน้าสวยก็ถอนหายใจออกเฮือกใหญ่
“โอเคๆหายงอนก็ได้ ว่าแต่ถามจริงนายเครียดไรอยู่อ่ะ” พอหายงอนแล้ว ฮีชอลก็รีบกลับมาถามเรื่องเดิม อีทึกถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบก่อนจะเอ่ยตอบไปตามตรง...
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันเป็นห่วงเจ้าแสบสองตัวนั่นนะ....ฉันก็แค่กลัวว่าจะไปทำอะไรเปิ่นๆจนความแตกนี่สิ”
“ลางสังหรณ์ เหรอ?” ฮีชอลถามกลับด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนเครียดกว่าใบหน้ายามแรกเนอะ คนถูกถามส่ายหน้าเบาเป็นเชิงปฏิเสธ แต่นั่นก็ทำให้คนสวยดูโล่งใจมากทีเดียว...
“ถ้าอย่างนั้นฉันว่า ก็คงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างถึงทั้งสองคนนั้นจะซนยังไง แต่ว่าก็เอาตัวรอดเก่งทั้งคู่นั่นแหละ สบายใจได้น่าอีทึก”
“แต่ว่า....” ยังไม่ทันได้พูดอะไร นิ้วเรียวของฮีชอลก็ทาบลงเรียวปากสวยที่กำลังจะพูดให้เป็นเชิงหยุด คนหน้าสวยส่ายหน้าเบาๆอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยต่อไป...
“ไม่เอาน๊า น้องๆก็โตพอจะดูแลตัวเองได้แล้วล่ะ...อ๊ะ นี่จะสายแล้วอีทึกเราเข้าบริษัทกันเถอะ” ร่างบางทักขึ้นหลังจากที่ดวงตาคู่โตเหลือบไปมองนาฬิกาที่กำลังขยับเวลาเลยช่วงสายไปอีกนิด คนตาสวยมองนาฬิกาตามก็นึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาต้องไปทำงานแล้ว....
“นั่นสินะ...งั้นรีบไปกันเถอะฮีชอล” ว่าแล้วทั้งสองร่างก็พอกันเดินไปที่โรงรถเพื่อจะนำรถออกไปบ้านตระกูลคิม เพื่อไปยังบริษัทซึ่งตระกูลนคิมนี้เองที่เป็นเจ้าของ...
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ” ฮีชอลเอ่ยทักให้เพื่อนรักของตนหยุดยืนรออยู่ครู่หนึ่งเมื่อดวงตาคู่หวานนั้นเหลือบไปเห็นดอกไม้ในแจกันกำลังแห้งเหี่ยว และอีกไม่นานคงมีแม่บ้านมานำเอาไปทิ้ง...นิ้วเรียวสวยเข้าสัมผัสที่กลีบดอกไม้นั้นอย่างเบามือ ในพริบตานั้นเองที่ดอกไม้ซึ่งเคยเหี่ยวเฉาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง...
“เฮ้อ...ทุกทีเลยฮีชอล ถ้าเป็นเรื่องของต้นไม้ ดอกไม้ นายไม่เคยจะปล่อยปะละเลยเลยน๊า” ฮีชอลยิ้มรับคำกล่าวของอีทึกก่อนที่ทั้งสองจะรีบเดินไปยังโรงรถอีกครั้ง...
ตระกูลคิมนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเจ้าของบริษัทนำเข้า และ ส่งออกสินค้า “U co.” ซึ่งมีฐานะร่ำรวยมาก แต่เบื้องหลังของตระกูลคิมในโลกแห่งความลี้ลับนั้น พวกเขาคือผู้สืบทอดของเผ่าพันธุ์เทวทูตปีกขาว ซึ่งมีพลังลึกลับที่แสนบริสุทธิ์ และคนในตระกูลนี้เกือบทุกคนก็ล้วนแต่เป็นเทวทูตปีกขาว ส่วนเหล่าผุ้รับใช้และแม่บ้านทั้งหลายเองต่างก็รู้เรื่องนี้ดี แต่แม่บ้านของตระกูลล้วนซื่อสัตย์และไม่นำเรื่องของเจ้านายไปแพร่งพราย....
คิม ฮีชอล...ชายหนุ่มหน้าสวยคนนี้นี่เองที่เป็นลูกชายคนโตของตระกูลคิม และมีพลังของเทวทูตปีกขาว อันเป็นพลังแห่งปฐพี ซึ่งจะคอยฟื้นคืนธรรมชาติ นับว่าเป็นพลังที่มีไว้เพื่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ ส่วน อีทึก นั้นเป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่ของตนทอดทิ้งเพราะหวาดกลัวลูกของตัวเอง และตระกูลคิมก็ได้รับอีทึกมาเลี้ยงไว้เหมือนลูกแท้ๆ โดยให้เป็นเพื่อนเล่นของฮีชอลตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งสองจึงเติบโตมาด้วยกันและสนิทกันมาก...พลังของอีทึกนั้นคือพลังแห่งลางสังหรณ์ ทุกคนจึงต่างจะเชื่อการคาดการณ์ที่อีทึกสามารถมองเห็น เหตุการณ์ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นมาได้ ซึ่งมีความแม่นยำถึง 90เปอร์เซนต์เลยทีเดียว....
“อ้าว เหม่ออะไรน่ะอีทึก ถึงบริษัทแล้วนะ” ฮีชอลเอ่ยทักขึ้นมาเรียกให้อีทึกซึ่งกำลังหวนรำลึกถึงอดีตที่ผ่านมา จนเกือบจะขับรถเลยบริษัทไปเสียแล้ว...
“อ๊ะ จริงด้วยสิ ฉันเหม่อไปหน่อยน่ะ”
“โหยๆ เหม่อ อย่างนี้ ไม่สมกับเป็น ‘แม่หมอฟันธง’ เลยนะ” ฮีชอลเอ่ยล้อเลียนขึ้นนิดๆ เรียกให้คราวนี้คนตาสวยงอนขึ้นมาบ้างแล้ว ก็นะเล่นเอาฉายาตอนเด็กๆเขามาล้อท้งๆที่ก็โตป่านนี้แระ...เสียงหัวเราะใสๆดังขึ้น รอยยิ้มของฮีชอลทำให้โลกดูสดใส และอีทึกเองก็หวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มของเพื่อนคนสำคัญตลอดไป....
....แม้ในยามนี้ทุกอย่างจะคงดูปกติ และไม่มีอะไรเกิดขึ้น....แต่ว่า...กงล้อแห่งชะตากรรม เริ่มเดินแล้ว....
To be Continued
คุยกับกับคนแต่ง
เอาเรื่องใหม่มาลงอีกแล้ว อีกโปรเจ๊คหนึ่งที่เราตั้งใจจะแต่งเพื่อฮันชอล รักป๋า รักเจ๊ ไม่ว่าจะเกิดไรขึ้นจะป๋ารักเจ๊ตลอดไป
ตอนแรกอาจจะเรื่อยเปื่ยไปหน่อยแต่หวังว่าจะช่วยกันติดตามนะค่า ตอนหน้าจะให้ได้เจอป๋าฮันแล้วล่ะนะค่า ^[]^แล้วเจอกานตอนหน้าค่า
เอ้(Mio_MinMin)
ความคิดเห็น