คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ::Chapter 1: พรจากแวร์กลา::
Chapter 1: พรจากแวร์กลา
“สุดท้ายก็เอามาจนได้นะเรา”
ร่างบางพึมพำกับตัวเองขณะที่เขาก้าวเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นของเขา บ้านขนาดย่อมที่ตกแต่งด้วยสไตล์เรียบง่ายนั้นมันออกจะใหญ่ไปเสียหน่อยสำหรับเขาที่อยู่ตัวคนเดียว แต่ว่าเพราะสัญญาของบิดามารดาผู้ล่วงลับไปแล้วที่ให้เขารักษาบ้านหลังนี้ไว้ ทำให้เขาต้องเก็บบ้านหลังนี้เอาไว้....
แจจุงเดินไปที่ชั้นวางของซึ่งเหนือชั้นนั้นมีกรอบรูปเล็กๆซึ่งเป็นรูปของเด็กน้อยน่าตาน่ารัก คุณแม่ผู้อ่อนโยน และ คุณพ่อผู้ใจดี วางประดับอยู่....
“คุณพ่อฮะ คุณแม่ฮะ วันนี้ผมไปจ่ายเงินค่าน้ำ ค่าไฟแล้วนะฮะ แถมวันนี้ยังได้เงินค่าพี่เลี้ยงเด็กจากคุณจีอึนด้วยฮะ จียอนถึงจะดื้อไปหน่อยแต่ผมว่าเขาเป็นเด็กน่ารักนะครับ แจจุงสบายดีคุณพ่อ กับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ...” นัยน์ตากลมโตมองลงไปยังใบหน้าของบุพการีของตนเบื้องหลังกรอบรูปนั้น เป็นประจำไปแล้วที่คิมแจจุงจะต้องมาเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดกับเขาให้กับรูปภาพของพ่อกับแม่ของเขา....
เขาจัดการวางของที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยให้สะอาดเข้าที่ก่อน จากนั้นเขาก็เดินไปจัดการอะไรต่อมิอะไรในครัว ทำอาหารง่ายๆที่ไม่ต้องเสียเวลามากเพียงเล็กน้อยสำหรับเขาคนเดียว....และจากนั้นเขาก็ขึ้นเตรียมน้ำอาบสำหรับเขาคนเดียวเช่นเดียวกัน....
.....สำหรับ คิมแจจุง.....
.....ชีวิตประจำวันของเขาคือการทำอะไรคนเดียว......
......เขามีเพื่อนสนิทไม่มากนัก เพราะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานหาเลี้ยงตนเอง.......
......เพราะตั้งแต่บุพการีทั้งสองเสียไป......
......เขาก็ต้องอยู่คนเดียว.......
......เขาไม่เคยโทษใคร......
.......เพราะเขาก็คิดว่านี่ก็เรื่องธรรมดาของชีวิต......
หลังจากหมดวันอันเหนื่อยยากอีกวันหนึ่งแจจุงหยิบสมุดบันทึกค่าใช้จ่ายประจำวันออกมาแล้วจัดการจดบันทึกค่าน้ำค่าไฟที่เขาไปเสียมาลงในใบบันทึก รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆลงในสมุดบัญชีส่วนตัว....นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนธรรมดาของเขา....
....เบื่อจัง....
เขาคิดอย่างใจลอย และแจจุงก็นึกไปถึงเพื่อนที่เขาพอจะสามารถเรียกได้ว่าเพื่อนสนิทที่เหลืออยู่น้อยนิดแล้วของเขาขึ้นมาได้ เขาหยิบมือถือคู่ใจที่นานนานทีจะยอมหยิบขึ้นมาใช้ด้วยความเสียดายเงินค่าบริการนั้นออกมา แล้วกดหาเบอร์ของเพื่อนของเขา....ฮีชอล.....
ตื๊ด.....ตื๊ด.....ตื๊ด.......
~ฮาโหล....ฮีชอลครับ~
“ฮาโหล ฮีชอลเหรอ นี่ฉันแจจุงนะ”
~แจจุง....แจจุงไหนครับ~ คำตอบที่ตอบกลับมานั้นทำให้ร่างบางเกิดอาการน้อยใจไปบ้าง แล้วก็รู้ว่าทางฝ่ายเพื่อนของตนก็ไม่ได้แค่แกล้งเขาด้วย.....
“แจจุงไง เพื่อนร่วมคณะของนายไง”
~แจจุง....อืม....อ้อ! นึกออกแล้วๆ ขอโทษทีๆนะ แล้วนายโทรมามีอะไรเหรอ?~
“ก็เปล่า แค่ตั้งใจจะโทรมาเฉยๆน่ะ นายว่างรึเปล่า”
~อืม....โทษทีนะแจจุง พอดีว่า ซีวอนมาหาน่ะ เอ่อ....โทษนะแค่นี้ก่อนนะ~
แล้วสายก็ถูกตัดไปอย่างไม่ใยดี นั่นทำให้แจจุงรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเก่า นี่เพราะเขาห่างเหินจากเพื่อนมาก จนแม้แต่คนที่เขาให้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทยังจำเสียงเขาไม่ได้เลยเหรอ?....แต่ถึงจะคิดน้อยอกน้อยใจไปก็เท่านั้น มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นร่างบางจึงตัดสินใจที่จะเข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อให้พรุ่งนี้มีแรงทำงาน แล้วก็เตรียมอ่านหนังสือสอบด้วย.....เขาทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มกลิ่นหอมอ่อนๆจากการที่เขานำผ้าปูที่นอนไปซักให้สะอาดอยู่เสมอ.....
แต่.....
ไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ข่มตานอนไม่หลับ แม้ว่าห้องของเขาจะไม่ได้กว้างอะไรนัก แต่ว่าเขากลับรู้สึกเหมือนนอนไม่หลับ ต่อให้พยายามข่มตานอนแค่ไหน เพราะความรู้สึกวังเวงที่ต้องอยู่คนเดียวมันเข้ามารบกวนจิตใจของเขา
....ทำไมนะ.....
....ก็แค่น้อยใจที่เราไม่มีเพื่อนสนิทรึไงนะ.....
เพราะความวังเวงที่เกิดขึ้นก็ยิ่งทำให้คนอย่างคิมแจจุงคิดมากขึ้นไปเรื่อยๆ แสงจันทร์ที่ลอดผ่านผ้าม่านช่วยให้แสงสว่างกับเขาในเวลาแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยลดความวังเวงในจิตใจไปได้เลย ดวงตาคู่โตมองสอดส่องไปเรื่อยในห้องนอนของตน และก็ไปหยุดลงที่หนังสือว่างเปล่าเล่มสีขาวสะอาดที่ถูกวางไว้บนต๊ะเขียนหนังสือ....แวร์กลา....ที่เขาได้มา....
“หนังสือเล่มนั้น เป็นหนังสือพิเศษพ่อหนุ่ม....หากว่าเขียนคำอธิษฐานลงไปในสมุดพร้อมกับชื่อของพ่อหนุ่ม คำอธิษฐานของเธอก็จะเป็นจริง”
คำพูดของชายแก่เจ้าของร้านก้องขึ้นมาในหัวสมองของเขา นั่นทำให้เขาเกิดความชั่งใจเดินเข้าไปใกล้ มือเรียวบางบรรจงเปิดหนังสือนั้นขึ้นมาเบาๆ บนหน้ากระดาษที่แสนว่างเปล่า...
คิมแจจุงไม่เคยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้....แต่....ลองสักครั้งคงไม่เสียหาย.....
พอตัดสินใจได้แบบนั้น มือบางก็คว้าปากกาที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น แล้วค่อยลงมือเขียน....คำอธิษฐาน....
งั้นเหรอ?....เขาไม่เคยต้องการอะไร....ไม่เคยอยากได้อะไรเป็นพิเศษ.....พอมาถึงตรงนี้เขาก็นึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรดี....ดวงหน้าสวยหวานเหม่อลอยออกไปไกล พลางจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความคิด....
....อะไรที่เขาอยากได้.....
....จะผิดรึเปล่านะ.....
.....ถ้าเกิดว่า......
เมื่อความคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นในหัวสมองของเขา จะด้วยความน้อยใจหรือสิ่งที่ใจจริงเรียกร้องเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้แต่ว่า สิ่งที่เขาเขียนลงไปนั้น.....
‘ขอใครสักคน...ที่จะมาอยู่เคียงข้างผม.....คิมแจจุง’
.....มืด.....
.....หนาว.......
......ที่นี่มันที่ไหนกัน.......
หนุ่มร่างสูงวิ่งวนสับสนไปมาอยู่ในห้วงมิติขนานพิลึกที่ตัวเขาเองไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ห่างจากแดนบ้านเกิดแค่ไหน ตั้งแต่ถูกแสงประหลาดห่อหุ้มเขาก็ถูกส่งมา ณ ที่แห่งนี้....ดินแดนที่แสนว่างเปล่า....ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืดมิดที่บดบังเขาจากทุกสิ่ง....ความหนาวเย็นที่ราวกับจะแช่กระดูกของของเขาให้กลายเป็นน้ำแข็งไป.....
“ต้องรีบหาทางติดต่อใครสักคน....ไม่งั้นมีหวังเราตายอยู่ที่นี่แน่ๆ ปัดโถ่เว้ย!!” ชายหนุ่มที่ได้รับการขานเรียกชื่อจากฝ่ายอริศัตรูว่า จองยุนโฮ....กำลังหัวเสียถึงที่สุด ในเมื่อตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากขอความช่วยเหลือ จะว่าไปแล้ว....
....กับแค่การขอความช่วยเหลือเขายังไม่สามารถจะทำได้เลย!!.....
“รู้งี้น่าจะยอมเรียนเวทย์มนตร์พื้นฐานมาจากจุนซูนะเนี่ย!” ยุนโฮบ่นขึ้นอย่างขัดใจพลางนึกไปถึงเพื่อนของตนซึ่งมิชาเวทย์มนตร์แก่กล้า แต่...ถ้าไม่รู้ว่าเขาหายไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี....ตัวเขาที่ไร้ซึ่งพลังเวทย์ก็ได้แต่บ่นรำคาญกับตัวเอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้....
ยิ่งคิดก็จะมีแต่หงุดหงิดใจ เพราะ ไร้ซึ่งทางออกมีเพียงความคิดเดียวที่อยู่ในสมองของเขาตอนนี้....
ไม่มีทางออก!! สงสัยต้องตายสถานเดียว!!
เขาทอดกายลงนั่งลงกับพื้น อันที่จริงเขาไม่รู้ด้วซ้ำว่าที่ที่เขากำลังนั่งอยู่ตอนนี้จะเป็นพื้นรึเปล่า แล้วที่ที่เขาวิ่งวนไปวนมามันคือแผ่นดินจริงรึเปล่า มันคือที่ไหนเขาไม่มีทางรู้ได้เลย!
ความสิ้นหวังแล่นวาบเข้ามาในความคิด...เขาเริ่มปลงใจเพราะอากาศที่แสนหนาวเช่นนี้อีกไม่นานก็คงทำให้เขาตายเป็นแน่แท้....
“งานนี้....เราตายแน่.....” เขาพึมพำเสียงค่อยก่อนจะหรุบตาลง เพื่อทำใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา...ความตาย.....
“ใครสักคน....”
เสียงหนึ่งที่ทั้งหวานและแผ่วเบาอ่อนนุ่ม เข้าสู่โสตประสาทการรับฟังของเขา นั่นทำให้ยุนโฮสะดุ้งขึ้นมา เขากวาดตามองตามหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่พบใคร....
“นั่นใครน่ะ!!” เขาตวาดเรียกลั่น หากแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ....
“ขอใครสักคน....ที่จะอยู่เคียงข้าง.....”
“ฉันถามว่านั่นใคร!!!”
“คิมแจจุง.....”
ชื่อของคนๆหนึ่งถูกส่งมาให้เขาได้ยิน เป็นชื่อที่ประหลาดและไม่คุ้นหูเขาเป็นที่สุดแต่มันก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างที่บอกไม่ถูก....
“คิม....แจจุง....งั้นเหรอ....แล้วอยู่ที่ไหนกัน.....” ร่างสูงพึมพำขึ้นมา....อยากจะรู้...ใครกัน....นั่นเป็นเสียงของใครกัน....คนที่ทำให้เขารู้สึกประหลาด....อยากจะเจอ....อยากจะพบ......
ตอนนั้นเองที่เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาจนทำให้ดวงตาของเขาพร่ามัว ยุนโฮทำใจกล้าค่อยๆลดแขนลงจ้องมองไปทางแสงสว่างที่อบอุ่นเรืองรอง แสงที่ส่องออกมานั้นเป็นดั่งทางเดิน และเขามั่นใจว่านั่นคือทางออก...เขาจึงรีบวิ่งไปในทันที!
ไร้สาระชะมัด!!
ร่างบางคิดพลางถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ เขานี่มันก็บ้าจริงๆนั่นแหละ ขออะไรพิลึกพิลั่นแถมยังขอกับสมุดเปล่าที่มีแค่คำพูดของคุณลุงแก่ๆที่บอกว่าถ้าเขาอธิษฐานแล้วมันจะเป็นจริง ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็น 6 ขวบที่เชื่อเรื่องซานตาครอสจะเอาของขวัญมาแจกเด็กดีในวันคริสต์มาสแบบนี้
ไม่สมเป็นเขาเอาเสียเลย.....
มือบางปิดหนังสือสีขาวสะอาดนั้นลงอย่างเบามือก่อนที่จะหันหลังกลับไป เพื่อจะเข้านอน...ทว่า....
พรึ่บ!พรึ่บ!!!!!แว๊บบบบ!!
เสียงของหน้าหนังสือที่เปิดออกมานั้นทำเอาให้เขาตกใจจนต้องหันไปมอง และก็ได้เห็นหน้าของหนังสือที่เขาปิดไปแล้ว เปิดขึ้นพรึ่บพรั่บจนทำให้เขากลัว จนล้มลงไปกองกับพื้น....
พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย เจ้ากรรมนายเวรอย่ามาตามหลอกหลอนผมเลย!!!
แจจุงแอบกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในใจด้วยความกลัว แต่ดวงตาก็ยังคงจ้องไปที่หนังสือเล่มนั้นไม่วางตา เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็ปรากฏแสงสว่างวาบไปทั่วทั้งห้อง....และ....
ดวงตาคู่สวยเบิกโพล่งด้วยความตกใจเมื่อเบื้องหน้าของเขาปรากฏร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งเจ้าของดวงหน้าหล่อเหลา สง่างาม นัยน์ตาคมสวยจนไม่อาจละสายตาได้ นั่นจะไม่ทำให้เขาประหลาดใจเลยถ้าเกิดว่าชายคนนั้นมาด้วยชุดปกติ ไม่ใช่ชุดที่ดูคลับคล้าบคลับคลาจะเป็นชุดแฟนซีของนักดาบตะวันตกแบบนี้!!
“นายเป็นใคร....มีนามว่าอะไร....” เจ้าของดวงหน้าหล่อถามขึ้น ซึ่งในใจของร่างบางนั้นก็คิดอยู่ว่า นั่นน่ะมันต้องเป็นคำถามของเขาไม่ใช่เหรอ!!!
“คิมแจจุง....” แต่เขาก็ใสซื่อจนตอบออกไปดื้อๆ....
“คิมแจจุง....งั้นเหรอ....”
“แล้วนายล่ะ.....เป็นใคร”
“นามของฉัน....คือ ชองยุนโฮ....”
*********************************************************************
ความคิดเห็น