ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic:TVXQ]...*+Verglas+*...(Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #13 : ::Chapter 12:แวร์กลา....:

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 51


     

    Chapter 12: แวร์กลา....

     

                ร่างสองร่างที่นั่งควบคู่กันไปบนหลังม้าสีขาวสะอาดควบไปตามทุ่งหญ้ากว้าง เคียงคู่กับนายทหารหน้าคมหากแต่เงียบขรึมอีกคน ศีรษะเล็กของร่างบางซบลงกับแผงอกกว้างพิงเป็นเหมือนพนักด้วยความรู้สึกหวงหา เห็นเช่นนั้นร่างสูงก็ยิ่งเขยิบเข้ามาใกล้เพื่อให้แจจุงพิงเขาได้สบายมากขึ้น....

     

                    แม้ไม่มีคำพูดอะไรมากมาย แต่เพราะอะไรบางอย่างที่เหมือนเป็นสื่อ ทั้งที่ไม่มีคำพูดแต่เหมือนกับได้พูดคุยกัน เพียงแค่นี้ แค่เวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆกันก็เหมือนกับได้พูดคุยมากกว่าคำพูดร้อยพันคำ เพียงเพื่อแทนคำว่า คิดถึง เท่านั้น.....

     

                    ฝ่าบาท....จะเข้าเมืองแล้วนะพะยะค่ะ เสียงนอบน้อยของชายหนุ่มที่ควบม้าสีน้ำตาลอยู่ในระยะห่างเพราะฐานันดรศักดิ์นั้นว่าขึ้น องค์ชายหนุ่มหันไปมองทางนายทหารฝีมือดีแห่งทัพฝั่งตะวันพร้อมกับเอ่ยเสียงเข้ม...

     

                    อืม....รู้แล้ว ฝากจัดการด้วยนะ ฮันกยอง.... ทหารหนุ่มน้อมรับคำสั่งก่อนที่จะควบม้าไปให้เร็วขึ้นจนนำหน้าชายหนุ่มไปไกล ดวงหน้าเรียวสวยเงยหน้ามองคนรักของตนด้วยแววตาสงสัยเต็มประดา ท่าทางใสซื่อที่เขาไม่ได้เห็นมานาน.....หรือจะเรียกว่าไม่ได้เห็นเลยดี เพราะปกติคนสวยของเขาดุอย่างกับสิงโต นั้นทำให้องค์ชายหนุ่มคลี่รอยยิ้มอ่อนโยนออกมาก่อนจะเอ่ยตอบไปอย่างเข้าใจในสายตานั้น.....

     

                    คนนั้นคือ ฮันกยอง เป็นทหารเอกของทัพฝั่งตะวันออกน่ะ แล้วก็....ฉันบอกให้ฮันกยองไปบอกทหารรักษาป้อมหน้าด่านว่า ฉันกำลังจะกลับเข้าประเทศน่ะ....มีอะไรเหรอ แจจุง?....ขณะที่เขากำลังอธิบาย ก็รู้สึกได้ถึงร่างกายบอบบางนั้นสั่นเทาน้อยๆเหมือนหวาดหวั่นอะไรอยู่....

     

                    ปะ....เปล่าหรอก แค่ตื่นเต้น ที่จะได้เห็นบ้านเกิดของยุนโฮน่ะ..... คนสวยตอบแม้ในน้ำเสียงนั่งคงสั่นเครือ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มขึ้นหากแต่มันเป็นรอยยิ้มของคนที่ฝืนมันออกมาและมีหรือที่ชองยุนโฮจะดูไม่ออก เพียงการมองครั้งเดียวเขาก็รู้แล้วว่า....ร่างบางกำลังคิดอะไรอยู่......

     

                    ไม่เป็นไรนะ แจจุง.....ตราบใดที่นายอยู่ที่นี่ฉันจะปกป้องนาย... น้ำเสียงจริงจังหากแต่นุ่มนวล พาให้ร่างบางลอยไปกับคำพูดแสนหวานของเจ้าตัว ความสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ๆกับเจ้าชายหนุ่มเข้ามาแทนที่....เขายอมรับเลย ว่าตอนแรกถึงจะได้เจอยุนโฮแล้ว....

     

                    .....เขาก็ยังกลัว.....

     

                    .....กลัวการมาอยู่ที่ๆไม่รู้จักแบบนี้.......

     

                    ......แต่ตอนนี้ไม่แล้ว.....

     

                    ......ถ้าหากมียุนโฮอยู่ใกล้ๆแบบนี้คงไม่เป็นไร.......

     

                    ใช้เวลาไม่นานนักเจ้าสัตว์สี่ขาก็พาคนทั้งคู่มาถึง หน้าป้อมปราการที่เหมือนเป็นด่านกั้นเมือง ด้านบนมีธงสีแดงสด มีสัญลักษณ์รูปมงกุฏสวยงาม ตรงรูปอัญมณีที่อยู่กลางมงกุฏสวยนั้นเหมือนจะเห็นรางๆเป็นรูปของหญิงสาวซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจมันเหมือนกัน.....

     

                    เมื่อม้าสีขาวควบเข้าใกล้กับป้อม ประตูใหญ่ที่ปิดตายนั้นก็เปิดออกมาในทันที พร้อมกับที่ทหารยามอารักขาประตูก้มโค้งจนแทบจะลงไปกราบผู้มีฐานันดรศักดิ์ยิ่งใหญ่รองจากกษัตริย์ ยุนโฮเพียงแค่พยักหน้ารับแต่แจจุงนี่สิเหวอไปแล้ว!!

     

                    เดินเข้ามาเบื้องหลังกำแพงปราการได้ไม่นาน ทหารหนุ่มนามฮันกยองก็ควบม้าเข้ามาสมทบและเริ่มออกเดินทางเข้าไปในเมือง ผู้คนมากมานหลายหลากต่างพากันมาน้อมรับเสด็จ ความจริงครั้งแรกที่เจ้าชายผ่านเมืองนี้เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้านั้น พวกประชาชนไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวรับเสด็จ เพราะพระองค์ควบม้ามาเร็วไปเร็วเหมือนรีบอะไรซักหนึ่งอยู่.....

     

                    แจจุงกวาดตามองไปรอบด้วยความแปลกใจ เขาเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา ภาพที่ประชาชนในชุดชาวบ้านตะวันตกพร้อมใจกันคุกเข่าถวายบังคมต้อนรับการกลับมาขององค์ชายเขาก็เคยเห็นเพียงในหนังเท่านั้น ตาคู่สวยมองไปยัคนรักของตนที่ยามนี้ดูน่าภูมิฐานเป็นที่สุด....ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ว่าคนๆนี้จะเป็นเจ้าชาย.....

     

                    ควบผ่านเมืองมาได้ไม่นานก็ต้องผ่านทางเดินที่คลับคล้ายจะเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆเบื้องหน้าคือกำแพงกั้นปราสาทอันใหญ่โตโอฬาร คล้ายคลึงกับปราสาทนอย์วันสไตล์ของเยอรมันซึ่งเป็นต้นแบบของปราสาทซินเดอเรลล่าเลยก็ว่าได้ รอบรั้วกำแพงประดับประดาด้วยธงที่เหมือนกับป้อมหน้าด่าน ไม่มีผิด....

     

                    ที่นี่คือ...... เสียงหวานเอ่ยขึ้นแทนการถาม เจ้าชายหนุ่มคลี่รอยยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่ยตอบว่า....

     

                    ที่นี่คือ ปราสาทแห่งแวร์กลา....บ้านของฉันเอง..... ยุนโฮเอ่ยตอบเมื่อมาถึงหน้าปราสาท ประตูไม้ขนาดใหญ่อันเป็นทางเข้าออกก็เปิดออกต้อนรับการกลับมาขององค์ชายองค์โตพร้อมด้วยการคำนับจากเหล่าทหารเฝ้ายาม....

     

                    เมื่อยุนโฮ แจจุง และ ฮันกยอง เดินเข้ามาในตัวปราสาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทหารหนุ่ม และเจ้าชายก็กระโดดลงจากม้าของตัวเอง ยุนโฮเอื้อมมือไปช่วยพยุงให้ร่างบางลงจากม้าสีขาวของตน เมื่อไร้ผู้อยู่บนหลังม้าศึกที่ถูกฝึกอย่างดีทั้งสองตัวก็เดินกลับไปยังทางโรงม้าหลวงอย่างรู้หน้าที่....

     

                    ขอบใจเจ้ามาก ฮันกยอง ยุนโฮ หันไปเอ่ยกับทหารหนุ่มด้วยน้ำเสียงเข้มแข็งแต่แฝงไว้ด้วยความสุภาพ ทหารหนุ่มคุกเข่าคำนับรับคำขอบคุณ....

     

                    มันเป็นหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้ว องค์ชาย.... ชายหนุ่มนามฮันกยองตอบ....

     

                    แต่หากเจ้าไม่ตามเราไป เราเองก็คงจะฝ่าวงล้อมออกมาไม่ได้เช่นกัน งานนี้ยกเป็นความดีของเจ้า....และเจ้าลุกขึ้นเถอะ ยุนโฮเอ่ยอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่ร่างบางมองร่างสูงข้างกายตนด้วยความรู้สึกชื่นชมยิ่งนัก.....สง่างาม.....

     

                    ขอบพระทัย องค์ชาย.... ทหารเอกแห่งทัพฝั่งตะวันออกเอ่ย พลางลุกขึ้นยืนตามที่องค์ชายได้ว่าไว้ แม้จะมีความสงสัยในบุคคลที่ยืนเคียงข้างองค์ชาย คนที่งดงามดั่งเทพธิดาอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่คิดจะตั้งคำถามใดๆ.....

     

                    งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะ แจจุง ฮันกยอง.... ยุนโฮบอกอีกครั้ง ร่างบางพยักหน้าพลางส่งเสียงน้อยๆว่า อือ...ส่วนทหารหนุ่มไม่ทำอะไรมากไปกว่าการเดินตามองค์ชายไปเท่านั้น.....

     

     

    *********************************************************************

     

     

                หลังจากผ่านทางเดินที่หรูหราอลังการอย่างที่คนธรรมดาอย่างแจจุงไม่มีทางเหยียบเข้ามาได้เลย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผ่านเหล่านางสนองพระโอษฐ์ ทั้งหนุ่มและสาวรับใช้มากมายที่มองมายังเขาไม่หยุดในที่สุดก็เดินมาจนถึงที่ๆเรียกว่า ห้องโถงกลาง....

     

                    บานประตูใหญ่เปิดออกพร้อมกับเหล่าขุนนางใหญ่ไม่กี่คน น้อยกว่าที่คิดไว้มาก อาจเป็นเพราะนี่เป็นเรื่องส่วนบุคคลของคนในราชวงศ์จึงมีเพียงขุนนางคนสนิท และผู้ที่ได้รับอนุญาติเท่านั้น มองเหนือขึ้นไปยังบังลังค์ที่อยู่สูงแสดงอำนาจบารมีของชายสูงวัยหากแต่ยังมีบุคคลิกงามทรงภูมิฐานบนบัลลังค์ทองประดับอัญมณี ด้านข้างยังคงมีบังลังค์สง่าอยู่ หากแต่ว่างเปล่า.....

     

                    แจจุงมองไปรอบๆเขาเห็นจุนซู ที่ยืนสงบนิ่งอยู่เคียงข้างกับชายอีกคนหนึ่งที่ดูดีและหล่อเหลาไม่แพ้กับยุนโฮเลยเพียงแต่ยังไงก็ตาม คนรักของเขาก็หล่อกว่าอยู่แล้ว....ดวงตาคู่งามเหลือบมองไปอีกฝั่งจุดยืนที่ใกล้กับบัลลังค์สูงชั้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาคมคายมากกว่าใครที่เขาเคยพบ อยู่ในเครื่องทรงคล้ายๆกับที่ยุนโฮสวมใส่อยู่ ซึ่งแสดงฐานะของรัชทายาท.....ก่อนที่จะเหลือบไปมองชายสูงวัยที่นั่งอยู่บนบัลลังค์อย่างเกร็งๆ....

     

                    เจ้าคือ คิม แจจุง ใช่ไหม? เสียงทุ้มก้องกังวานของ กษัตริย์มินโฮ แห่งราชวงศ์ชอง ดังก้องขึ้นทั่วห้องโถงกว้างประดับประดาด้วยอัญมณีนั้น เรียกให้เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งน้อยๆ....

     

                    อ่ะ...เอ่อ...ใช่ ครับ เอ้ย!! พะยะค่ะ....เอ่อ....ฝ่าบาท.....แจจุงตอบรับผิดๆถูก พร้อมด้วยความรู้สึกเกร็งๆในยิ่งทำให้เขาไม่มั่นใจ ซึ่งร่างสูงก็รู้สึกได้ถึงความกังวลนั้นเป็นอย่างดีมือกร้านบีบมือนุ่มน้อยๆแทนการให้กำลังใจ ร่างบางหันมายิ้มบางๆให้กับยุนโฮเล็กน้อย....

     

                    .....อย่างน้อยถ้าอยู่กับยุนโฮแบบนี้ เขาก็ไม่น่าจะต้องกังวลอะไรมากมาย.....

     

                    ข้าคือกษัตริย์แห่งแวร์กลามีนามว่า ชอง มินโฮ ข้าได้ยินเรื่องของเจ้ามาจาก ยุนโฮ ตั้งมากมาย ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลลูกของข้าเป็นอย่างดี....

     

                    ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย พะยะค่ะ กระหม่อมยินดี

     

                    อืม....เจ้าใบหน้างดงามจริงๆ ตอนแรกที่ยุนโฮเล่าเกี่ยวกับเจ้าให้ฟัง ข้าก็นึกไม่ออกจริงๆว่าจะมีผู้ใดงดงามขนาดที่ยุนโฮ ชมไม่ขาดปาก พอเห็นตัวจริงแล้วข้าเองก็ยังอึ้งอยู่ไม่น้อยเลย....

     

                    มะ....ไม่ขนาดนั้นหรอกพะยะค่ะ ร่างบางรีบเป่ยปฏิเสธ สองมือก็ปัดไปมาอย่างเขินๆ ดวงหน้าสวยแดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ดวงตาหวานหันไปมองทางองค์ชายหนุ่มที่หันหนีอย่างเขินๆ เพราะมันคือความจริงที่เขาชมร่างบางให้ท่านพ่อของเขาฟังอยู่เสมอๆ....

     

                    ฮะๆ เจ้านี่ถ่อมตัวจริงๆ ทั้งที่เจ้าก็งดงามขนาดนี้ ทำให้ข้านึกถึงมเหสีของข้าที่สิ้นไปแล้วจริงๆ เจ้าคิดเช่นไร ชางมิน? ราชาเอ่ยพลันหันไปขอความเห็นรัชทายาทองค์รองร่างสูงโปร่ง รูปงาม....เจ้าชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่ม....

     

                    ข้าก็คิดเช่นนั้นเสด็จพ่อ คงเป็นเพราะงามถึงขนาดนี้ ท่านพี่ถึงได้รีบออกไปตามหาทันทีขนาดนั้น.... เจ้าชายหนุ่มอ่อนวัยหันไปมองทางหนุ่มหน้าสวยอย่างมีแววเลศนัยน้อยๆ สร้างความไม่พอใจให้คนเป็นพี่ไม่น้อยแต่ก็ไม่อาจแสดงอาการอะไรออกมาได้มากมายนัก....

     

                    ฮะๆ เจ้ายังว่าเช่นนั้นเลยจริงไหม? จะว่าไปแล้ว เจ้าคิดจะซ่อนตัวอยู่หลังเสาถึงเมื่อไหรงั้นเหรอ....ฮีชอล.... กษัตริย์เอ่ยขึ้นเสียงนุ่มนวลพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่ประดับอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อได้ยินชื่อที่ถูกเอ่ยขึ้นมา ทกคนในห้องโถงต่างก็ตื่นตกใจเสืองฮือฮาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ โดยเฉพาะทหารหนุ่มนาม ฮันกยอง ที่ดูตกใจมากกว่าใครเพื่อน เขารีบหันไปมองตามต้นเสาใหญ่ที่อยู่ในมุมหลบทันที....

     

                    ร่างบางระหงในชุดของจอมเวทย์สีดำที่เป็นชุดประจำตำแหน่งนั้นค่อยๆก้าวเดินออกมาจากหลังเสาที่แอบซ่อนตัวอยู่นาน พร้อมกับชานหนุ่มหล่อในชุดเกราะของทหาร ที่เดินตามมาห่างๆ....ดวงหน้าสวยที่ไม่มีใครได้เห็นมาเนิ่นนานนั่นสร้างความตกตะลึงให้หลายๆคน โดยเฉพาะพวกขุนนางที่แก่เฒ่าหลายคนก็เช่นกัน....เสียงกระซิบกระซาบทั้งหลายดังขึ้นมาชวนให้ปวดใจ....

     

                    นั่น....จอมเวทย์ฮีชอล....คนทรยศ!!”

     

                    กลับมาที่นี่ได้ยังไง แถมยังมาพร้อมกับเจ้าเชลยด้วย!!!”

     

                    นึกว่าตายไปแล้วเสียอีก!!”

     

                    ยังมีหน้ากลับมาที่นี่อีก!!!”

     

                    นังคนทรยศ!!!”

     

                    ร่างบางเจ้าของชื่อนั้นมีแต่ความกังวลแอบแฝงไปหมด ร่างสั่นเทาน้อยๆจนดูน่าสงสาร แจจุงที่มองตามเพื่อนของตนก็เป็นห่วงจนอยากจะเดินเข้าไปหาแต่ก็ถูกชายคนรักรั้งตัวเอาไว้ ฮีชอลนั้นรู้ดีอยู่แล้ว ผลของการเชื่อตามหัวใจของตัวเอง คือการเป็นคนทรยศ แต่มันห้ามใจตัวเองไม่ได้ ซีวอนที่เดินตามหลังร่างบางไม่ห่างนั้นก็เกลียดตัวเองขึ้นมาที่เป็นต้นเหตุให้คนสวยต้องเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายขนาดนี้.....

     

                    จอมเวทย์อัจฉริยะก้มลงคุกเข่านอบน้อมต่อองค์กษัตริย์ อย่างสงบนิ่งแต่เสียงนินทาเซ็งแซ่ยังคงดังก้องไม่หยุด จนสุดท้ายเป็นราชามินโฮที่ส่งคำสั่งให้ทุกคนเงียบ...

     

                    เงียบ!! ข้ามีเรื่องต้องคุยกับฮีชอล... มินโฮบอก นั่นทำให้เสียงขุนนางทั้งหลายเงียบลงได้....ราชามองไปยังร่างบางที่นั่งคุกเข่าอย่างนอบน้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่น....

     

                    ไม่ได้เจอกันนาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ฮีชอล....

     

                    หม่อมฉัน สบายดี แล้วทางพระองค์ก็ยังดูมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงเหมือนเดิมนะพะยะค่ะ

     

                    ฮะๆ ข้ามันก็แก่แล้ว ยุนโฮเล่าเรื่องที่ไปพบเจ้ามาแล้ว ขอบใจมากที่ช่วยเหลือลูกชายข้า

     

                    หามิได้พระองค์ มันเป็นหน้าที่ของหม่อมฉัน

     

                    ข้าคิดว่าหากจะถามว่าเจ้ากลับมาที่นี่ได้ยังไงคงจะยาว ข้าเองก็มีหน้าที่ไว้คราวหลังเราค่อยคุยกัน

     

                    พะยะค่ะ

     

                    ฮีชอล....ข้ามีเรื่องอยากจะให้เจ้าช่วย...

     

                    หากพระประสงค์กระหม่อมก็ยินดีจะช่วยพะยะค่ะ....

     

                    ข้าอยากให้เจ้ากลับมารับตำแหน่ง จอมเวทย์ประจำราชสำนัก อีกครั้ง คำกล่าวที่เรียกให้ดวงหน้าสวยต้องมองใบหน้าชราขององค์ราชาด้วยความแปลกใจ และเสียงเซ็งแซ่ของเหล่าขุนนาง....

     

                    ฝ่าบาท ทรงรู้ตัวหรือไม่ว่าทรงตรัสอะไรอยู่! คนๆนี้คือคนทรยศต่อแผ่นดิน ขุนนางชราคนนั้นเอ่ยค้านขึ้น เนตรของกษัตริย์ตวัดมองอย่างไม่พอใจก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ....

     

                    บุตรชายของข้า อภัยโทษให้ฮีชอลแล้ว และ...ตัวข้าเห็นว่า พลังเวทย์เข้มแข็งของฮีชอล จะช่วยประเทศของเราได้ หรือว่าไม่จริง? ขุนนางเฒ่าถึงกับผงะเพราะเถียงไม่ได้ ในเมื่อองค์ราชากล่าวถูกทุกประการ ฮีชอลเปนจอมเวทย์ที่มีพลังเวทย์สูงที่สุด จนไม่มีใครเทียบได้....

     

                    ถ้าหากว่าไม่มีใครคัดค้านอีก ข้าก็ขอตัดสินใจเช่นนี้ และ เจ้า....ชื่อ ชเว ซีวอน ใช่ไหม? กษัตริย์หันไปถามทหารในชุดเกราะทุกคุกเข่าอยู่เฉียงไปทางหลังของจอมเวทย์หน้าสวย....เขาไม่ได้ตอบอะไร เพราะไม่รู้จะทำเช่นไร เขาเองก็ไม่ใช่คนของประเทศนี้.....ราชามินโฮเห็นว่าเจ้าตัวไม่ได้พูดอะไรจึงเอ่ยเพียงแค่ว่า....

     

                    จากนี้ก็ช่วยทำหน้าที่ดูแล ฮีชอล ต่อไปด้วยล่ะ พอได้ยินเช่นนั้นทหารหนุ่มก็เงยหน้ามองกษัตริย์ผู้อ่อนโยน ด้วยสีนห้ายินดีก่อนที่จะเอ่ยรับคำ....

     

                    พะยะค่ะ

     

                    งั้น....หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะไปพักผ่อนก่อน เอ่ยเสร็จก็ทรงลุกจากบัลลังค์ เหล่าขุนนาง หรือแม้แต่องค์รัชาทายาทโค้งเคารพ ให้กษัตริย์ที่เดินผ่านตนไป ก่อนที่พวกขุนนางชราเฒ่าจะเดินตามเจ้าแผ่นดินไป เหลือเพียงคน รัชทายาททั้งสอง เม่ทัพและทหารเอกจากทัพฝั่งตะวันออก จอมเวทย์เซีย จอมเวทย์ฮีชอล ทหารซีวอน และ สามัญชนคิม แจจุง.....

     

                    เฮ้อ....ค่อยยังชั่วหน่อยที่เหลือแต่คนกันเอง อยู่ต่อหน้าเสด็จพ่อแล้วเกร็งเป็นบ้า!!” องค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 1 เอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกอัดอั้นเป็นที่สุดเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเสด็จพ่อของตน...

     

                    เฮ้อ.....ท่านพี่นี่แหละน่า ทำตัวไม่มีภูมิฐานเอาเสียเลย องค์ชายองค์รองเอ่ยบอกด้วยท่าทางเหนื่อยๆ ขณะเหลือบมองไปทางคนสวยที่นิ่งเงียบอยู่ตั้งน๊านนาน....

     

                    สวัสดีครับ คุณคิม แจจุง....ผมชื่อ ชางมิน เป็นรัชทายาทอันดับที่ 2 แห่งแวร์กลาของราชวงศ์ ชอง... พอโดนทักแบบนี้คนหน้าสวยถึงกับเขินๆไปกับรอยยิ้มเทวดาที่ส่งมาให้....

     

                    อ่าครับ....เอ่อ คิม แจจุง ครับ.... พอเห็นสายตากรุ้มกริ่มของคนเป็นน้องมองมายังคนสวยของตน อาการของหมีหวงน้ำผึ้งก็ออกมาทันที!!

     

                    ห้ามมายุ่งกับแจจุงของฉันนะ ไอ้น้องบ้า!!” ไม่ว่าเปล่าเจ้าหมีหวงน้ำผึ้งก็คว้าเอาคนสวยเข้ามาในอ้อมกอดอย่างหวงแหน คนเป็นน้องทำหน้าเอือมๆกับเจ้าชายที่ไม่วางมาดอย่างเหนื่อยๆก่อนจะเอ่ยต่อว่า....

     

                    เอาเถอะๆ คนของท่านพี่ ผมไม่ยุ่งหรอก เพราะผมเองก็.....อ๊ะ!ไม่พูดดีกว่า....แต่จะว่าไปผมว่าเราควรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องของ คุณฮีชอล มากกว่านะครับชางมินเอ่ยบอกพลางมองไปยังหนุ่มหน้าสวยที่ตอนนี้เดินเข้ามาทางกลุ่มที่คุยกันอยู่อย่างเป็นกันเองในห้องโถงที่มีเพียงแค่พวกเขา....

     

                    นั่นสิครับ...คุณฮีชอลมาที่นี่ได้ยังไงล่ะครับ?? จอมเวทย์เซียเอ่ยถามอย่างใคร่รู้....ผู้กลับมาประจำตำแหน่งจอมเวทย์ประจำราชสำนักจึงเอ่ยเล่าเรื่องทั้งหมด.....

     

                    พอฉันรู้ว่าแจจุงไม่ได้อยู่กับพวกนาย ฉันก็เป็นห่วงมากเลยตัดสินใจ ที่จะใช้....ดวงตาพยัคฆ์ แล้วเดินทางมาที่นี่น่ะ.... ฮีชอลตอบ เพราะเป็นห่วงเพื่อนเพียงคนเดียวตอนที่เขาอยู่อีกโลกหนึ่งมากจึงได้ใช้อัญมณีประจำตระกูล หินเวทย์มนตร์ที่พลังสูงที่สุดในการสร้างทางเข้ามาสู่แวร์กลา....คนหน้าสวยที่ได้ยินเช่นนั้นทั้งซาบซึ้งและรู้สึกผิดกับเพื่อนตัวเองเป็นอย่างมากที่ทำให้ต้องลำบาก....

     

                    ขอโทษนะ ฮีชอล.....เพราะฉัน....ทำให้นายลำบาก....

     

                    อย่าคิดมากสิแจจุง เพราะนายเป็นเพื่อนรักฉันนะ ฮีชอลตอบด้วยรอยยิ้มและนั่นเป็นเหตุให้เพื่อนรักหน้าสวยทั้งสองคนโอบกอดกันด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงแม้จะจากกันในเวลาไม่นานนัก....หลังจากผละกันแล้ว ดวงหน้าสวยของจอมเวทย์ก็ดูมีความตึงเครียดขึ้นมา....

     

                    ฉันว่า ที่เป็นปัญหาจากนี้คือเรื่องของนายนะ แจจุง....รู้ไหมว่า ตัวตนของนายหายไปจากโลกนั้น แล้วนะ จอมเวทย์อีกคนมีท่าทางตกใจ ขณะคนที่เหลือดูมีสีหน้าที่ยังไม่เข้าใจ ร่างสวยถอนใจน้อยๆก่อนจะเริ่มอธิบาย....

     

                    ตอนที่ฉันไปที่บ้านของนายนะแจจุง....บ้านของนายกลายเป็นบ้านร้างไป พอถามคนแถวๆนั้นเขาก็บอกว่า บ้านนี้ร้างมานานแล้ว คู่สามีภรรยาตาย และลูกชายก็หายสาบสูญไปตั้งนานมาแล้ว ตอนนั้นฉันตกใจมากเลยลองไปถามเพื่อนในมหาลัย ทุกคนก็ตอบเหมือนกันว่า ไม่รู้จักนาย ทางหน่วยลงทะเบียนก็ไม่มีชื่อของนายเลย...เหมือนกับนายไม่เคยมีตัวตนอยู่ที่นั่น..... ยิ่งได้ฟังคำบอกเล่าก็ยิ่งทำให้แจจุงเกิดความกังวลมากขึ้นไป เกิดอะไรขึ้นกับเขา?? พอยุนโฮเห็นคนรักของตนดูเป็นกังวลขนาดนี้ก็ตัดสินใจว่าจะพาคนสวยออกไปพัก โดยที่ให้หญิงรับใช้ไปจัดห้องเพื่อให้แจจุงพักผ่อน และพาออกไปจากห้องโถงกลางท่ามกลางความเป็นกังวลของเพื่อนๆที่เหลือ....

     

                    จุนซู ฉันต้องขอให้นายช่วยแล้วล่ะ ช่วยฉันตรวจสอบเรื่องนี้หน่อย ฉันว่ามันมีอะไรแปลกๆ ฮีชอลหันไปเอ่ยกับจอมเวทย์รุ่นน้อง....ซึ่งก็รับคำช่วยเขาแทบจะในทันที.....

     

                    ได้สิครับ คุณฮีชอล....

     

                    โหย~ อะไรอ่ะ คุณฮีชอล มาถึงก็ใช้งานสุดที่รักผมเลยหรอ??? ขุนนางงผู้รั้งตำแหน่งแม่ทัพเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนได้มานานก็โดนศอกเล็กกระทุ้งเข้าที่หน้าท้องจนจุก!!!

     

                    ใครเป็นสุดที่รักของนายกัน!!!” ร่างบางพูดกระแทกๆก่อนจะเดินออกไป ใครจะรู้ว่า....จริงๆแล้ว เพราะเขินต่างหาก!!!....หลังจากที่พยายามเกร็งตัวเองให้ฝืนอาการปวดไปแล้ว เขาก็เงยหน้ามองไปยังคนสวยอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม....

     

                    ไม่คิดจะคุยกับเขาหน่อยเหรอครับ....เขารอคุณฮีชอลมาตลอดเลยนะ ยูชอนว่าพลางเหลือบไปมองทางทหารเอกของทัพฝ่ายตน ที่นิ่งเงียบตั้งแต่เห็นจอมเวทย์คนสวย...ฮีชอลหันไปมองฮันกยองอย่างเศร้าๆ เวลาอย่างนี้ไม่ควรรบกวน ดังนั้นทั้งยูชอน และ องค์ชายชางมินก็ค่อยๆเดินออกไปจนเหลือคนเพียง 3 คน....

     

                    ฮันกยอง.... เสียงหวานเอ่ยเรียกหลังจากที่เหลือกันเพียงแค่นั้น ชายหนุ่มเจ้าของชื่อเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะรั้งร่างสวยให้เข้าไปในอ้อมกอดของตนอย่างแนบแน่น จนซีวอนแทบจะพุ่งเข้ามาจัดการไอ้คนที่มันกอสุดที่รักของเขา แต่ก็ถูกคนสวยห้ามไว้ก่อน....

     

                    ท่านฮีชอล....ผมรอมาตลอด รอที่จะได้เจอท่านอีก..... น้ำเสียงสั่นและน้ำตาของลูกผู้ชายหลั่งออกมาจากดวงตาตกกระทบลงบนลาดไหล่ของคนที่เขาสวมกอด....

     

                ฮันกยอง.....ทำไมนายถึง....ทั้งที่ฉันเคยทรยศนาย....และประเทศนี้....

     

                    ท่านฮีชอลไม่เคยทรยศผมหรือใครทั้งนั้น ความปราถนาของท่านฮีชอลคือสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่าอะไรที่ท่านหวัง ผมจะเชื่อตามนั้น รวมทั้งเรื่องของชายคนนั้น.....

     

                    ฮันกยองไม่เคยลืม....บุญคุณของฮีชอล เขาเป็นเพียงคนเร่ร่อนที่พลัดหลงเข้ามาในปราสาท หากไม่ได้ฮีชอลช่วยไว้เขาคงตายไปแล้ว ไม่เคยลืมใบหน้าสวย ของคนที่มีจิตใจงามเลยสักครั้ง....คนที่เขารักดั่งชีวิตและรักสุดหัวใจ....ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ฮีชอลตัดสินใจ สำหรับเขามันคือสิ่งที่ถูกเสมอ.....

     

                    คนๆเดียวที่ทำให้ชีวิตของฮันกยองคนนี้มีความหมาย....คนๆนั้นมีเพียงแค่ คิม ฮีชอล คนนี้คนเดียวเท่านั้น.....

     

                    ร่างบางปล่อยให้ทหารหนุ่มสวมกอดอยู่ ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นที่ชวยให้คิดถึงความหลังแม้ยามนี้ไฟแห่งสงครามจะค่อยๆคืบคลานเข้ามาแล้วก็ตามที....

     

     

    *********************************************************************       

                    ขณะเดียวกันทางด้านองค์ชายหนุ่มที่จัดการให้ร่างบางมาอยู่ในห้องที่เขาบอกให้หญิงรับใช้มาจัดการทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็สั่งให้ใครอย่าเข้ามารบกวนเขาทั้งสอง...

     

                    ไม่เป็นไรนะแจจุง.... ยุนโฮเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน แต่ดูเหมือนร่างบางที่ตอนนี้เขาดึงให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดนั้นมีเพียงแค่ความสั่นเทาของร่างกายให้ร่างสูงได้สัมผัสถึงความรู้สึกของร่างบาง....

     

                    ยุนโฮ....ฉันกลัวจัง....เกิดอะไรขึ้นกับฉัน?? ฉันอยากรู้จริงๆนะยุนโฮ.... แจจุงเอ่ยเสียงแผ่ว ความรู้สึกกลัวมากมายถาโถมเข้ามาหาอย่างหนัก.....แขนแกร่งโอบกระชับร่างบางให้มากกว่าเดิมก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน....

     

                    อย่ากลัวเลยนะแจจุง....ฉันอยู่ตรงนี้และจะดูแลปกป้องแจจุงเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวนะ..... ไม่พูดเปล่า เขาไม่อยากให้แจจุงคิดอะไรมากไปกว่านี้ ร่างสูงเชยคางมนสวยของแจจุงขึ้นก่อนจะค่อยๆกดจูบลงไปบนริมฝีปากอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา เหมือนเป็นคำมั่นเพื่อให้ร่างบางรู้สึกหนักแน่นและมั่นใจในตัวของเขา....

     

                    แม้ว่าจะมีความหวาดกลัวอยู่ แต่ร่างบางก็จูบตอบรับอย่างเต็มใจ ถึงจะหวาดกลัวยังไงแต่ ตราบใดที่มียุนโฮอยู่ใกล้ๆเขาก็มั่นใจว่ามันจะเป็นไร.....

     

     

    *********************************************************************

                     

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×