ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อัลเฟรเดรีย...โรงเรียนนักสู้ผู้พิทักษ์

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6: ประชุมสภานักสู้แห่งอัลเฟรเดรีย

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 50


     

     

    บทที่ 6: ประชุมสภานักสู้แห่งอัลเฟรเดรีย

     

                ช่วงเวลาวันหยุดประจำสัปดาห์ของเหล่านักเรียนแห่งอัลเฟรเดรีย หลายคนยังคงหลับใหลอยู่บนเตียงนอนนุ่มสบาย บางคนก็เริ่มทะยอยมาทานอาหารเช้า มีบางส่วนเริ่มทำกิจกรรมยามว่าง และส่วนน้อยที่ศึกษาทบทวนบทเรียน หรือ ฝึกซ้อมการต่อสู้ การใช้เวทย์ หรืออะไรที่เกี่ยวกับการเรียนการศึกษา

     

                    แต่กระนั้นก็ยังมีนักเรียนหลุ่มหนึ่งที่ยามเช้าอันแสนสบายแบบนี้แต่กลับต้องสละเวลามาเพื่อทำงานให้กับส่วนรวม คนที่ต้องมารวมตัวตัวกันเพื่อการนั้น...พวกเขาก็คือ...

     

                    สภานักสู้แห่งอัลเฟรเดรีย

     

                    พวกเขาคือเหล่านักเรียนจากหอคอยทั้งสามซึ่งต่างก็มียศในหอด้วยกันทั้งสิ้น และตอนนี้ก็ใกล้ได้ฤกษ์เริ่มการประชุมแล้ว ไลเตอร์ปี1 ของหอคอยแห่งดวงดาราก้าวเดินไปตามทางเข้าตึกเรียนโดยมีจุดหมายอยู่ที่ห้องประชุมสภา ด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย เพราะความจริงแล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้สนใจที่จะมาทำงานอะไรแบบนี้หรอก...ก็แค่เพราะมีโชคช่วยตอนทดสอบเท่านั้น ถึงได้ต้องมาเป็นไลเตอร์

     

                    หืม? เป็นอะไรน่ะ ยังไม่ตื่นรึไงวีริด พี่เฟอร์โด้ที่อาสามาเป็นคนนำทางไปห้องประชุมครั้งแรกให้นั้นเอ่ยถามด้วยท่าทีแปลกใจเมื่อเห็นรุ่นน้องหนุ่มทำท่าเซ็งโลกกับการประชุมครั้งแรกแบบนี้

     

                    เปล่าครับ เขาตอบเสียงเรียบและสั้น อย่างแรง!

     

                    เฮ้อ...อ้าว เอนดี้เฟอร์โด้ถอนใจทีหนึ่ง เมื่อสาวตาได้พบสบกับการ์เดี้ยนสาวของหอที่กำลังเดินรีบร้อนไปในเส้นทางเดียวกับพวกเขาจึงทักขึ้นทันที ทางตัวการ์เดี้ยนสาวที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อเล่นของตนเอง จึงหันไปตามเสียงเรี กจึงได้พบเพื่อนร่วมรุ่นกับรุ่นน้องหนุ่ม

     

                    เฟอร์โด้ แล้วก็ วีริด เหรอ? มีอะไรงั้นเหรอ? สาวเธอถามขึ้นทันที ไลเตอร์ปี 2 ส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะบอกด้วยใบหน้าสดใสเช่นเคย

     

                    ไม่มีอะไรหรอก แค่ทักเฉยๆน่ะ นี่เธอกำลังรีบอยู่เหรอ? เฟอร์โด้ถามขึ้นอีกครั้ง เอนเดรียถอนหายใจน้อยๆอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะตอบพร้อมรอยยิ้มแหยๆที่บนใบหน้า

     

                    อืม...ก็ประมาณนั้นน่ะ พอดีว่าพี่เซเดีย เขาลืมเอกสารการประชุมไว้เลยวานฉันให้ไปเอาให้น่ะ อ๊ะ...ฉันต้องรีบไปแล้วล่ะนะ แล้วเจอกันที่ห้องประชุมนะ เฟอร์โด้ วีริด!” พอบอกเป็นที่เรียบร้อย สาวผมดำรวมหางม้าก็เริ่มเตรียมออกวิ่ง

     

                    อือ...แล้วเจอกัน ไลเตอร์ปีสองบอกพร้อมโบกมือน้อยๆ ผิดกับเจ้าเด็กปีหนึ่งด้านข้างนี่จริงๆเลย

     

                    ครับ!!! แล้วเจอกันนะครับ พี่เอนเดรียคนสวย~” วีริดบอกพร้อมโบกมือด้วยท่าทีกระชุ่มกระชวยแถมยังดูร่าเริงสดใสอีกต่างหาก ไม่พอเจ้าตัวแสบยังส่งรอยยิ้มหวานเสน่ห์ไปทั่ว สาวรุ่นพี่เพียงหันมาโบกมือก่อนจะออกสิ่งไปเท่านั้น ทิ้งให้ไลเตอร์ปี 2 มองรุ่นน้องตัวแสบด้วยความหมั่นไส้....

     

                    ....หนอย...ไอ้นี่ทีอยู่กับสาวๆล่ะ ดี๊ด๊าเชียวนะแก!.....

     

                    ทั้งสองเดินต่อไปเรื่อยจนถึงหน้าประตูห้องหนึ่งในโรงเรียนซึ่งกว้างกว่าปกติมาก ประตูถูกสลักไว้เป็นลายอย่างงดงาม บานประตูสูงใหญ่นั้นเปิดอ้า ขณะที่มีนักเรียนหลายคนซึ่งต่างก็มีตรายศเริ่มทะยอยกันเข้าไป เฟอร์โด้เดินนำเข้าไป พอเห็นแบบนั้นสายลับหนุ่มก็เดินตามเข้าไป โดยไม่บ่นอะไร

     

                    ภายในห้องประชุมสภานั้นกว้างใหญ่โออ่ามีที่นั่งสูงไล่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆที่ล้อมอยู่ทางด้านหนึ่งของห้องเหลือพื้นที่กว้างตรงลานกลางไว้ พื้ถูกประดับด้วยหินแก้วสีต่างๆประดับไว้อย่างงดงาม สะท้อนแสงกับเพดานกระจกตรงกลางที้สร้างเป็นวงกลมทรงพอดีกับพื้นหิวแก้วได้อย่างงดงาม เบื้องหน้าของที่นั่งสภานักเรียนนั้น มีที่นั่งล้อมรอบเป็นวงสำหรับ 6 ที่นั่ง ซึ่งก็ดูว่าหรูหราว่าที่ๆเขาต้องนั่งแน่นอน วีริดหยุดอยู่แถวๆที่นั่งและเฝ้าดูสถานการณ์ไป พอสังเกตได้ว่าพวกรุ่นพี่ทะยอยไปนั่งที่ ยิ่งที่สูงขึ้นก็หมายถึงยศที่สูงขึ้นด้วย และที่ๆจุดหนึ่งนั่นกลับว่างอยู่จุดเดียว จากที่เขาเหลียวมองก็ดูว่ายังไม่มีไลเตอร์ปี 1 มาสักคน นั่นก็หมายความว่าที่นั่งตรงนั้นคงเป็นของไลเตอร์ปีหนึ่งเป็นแน่ พอคิดพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปนั่งตรงที่นั่งหนึ่ง แต่ก็ยังคงเหลืออีก 2 ที่นั่งสำหรับไลเตอร์อีกสองคนอยู่ดี

     

                    ....มาถึงก่อนแบบนี้ก็ว่างชะมัด อยากรู้จังนะว่าไลเตอร์อีก 2 คนจะเป็นแบบไหน?.....

     

                    ไม่นานนักหนึ่งในคำตอบก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา เมื่อเด็กสาวท่าทางเรียบร้อยอ่อนหวานพร้อมใบหน้าสวยหวานคนหนึ่งก้าวเข้ามา นั่งข้างเขาฝั่งหนึ่ง เล่นเอาเขาอึ้งไปอยู่เหมือนกัน...เครื่องแบบสีแดงที่เจ้าหล่อนสวมใส่อยู่นั้นบ่งบอกหอที่เธออาศัยอยู่ได้เป็นอย่างดี....หอคอยแห่งสุริยา....

     

                    สวัสดีครับ เธอก็เป็นไลเตอร์เหมือนกันเหรอครับ คนสวย.... วีริดเริ่มเอ่ยทักทายแกมจีบด้วยใบหน้าสวมรอยยิ้มเทพบุตรเช่นเคย พอสาวเจ้าเธอได้ยินก็หันมาทางเขาด้วยท่าทีแปลกใจ รวมกับเขินอายที่เขาชมเธอว่าเป็น คนสวย และดูจากท่าทางแล้ว เธอคนนี้จะเขินจริงๆไม่เหมือนยัยจอมเวทย์ที่เขารู้จักเลยแม้แต่นิดเดียว...

     

                    คะ...ฉัน มาเนีย ดาเรย์ ปี 1 สายนักเวทย์ ไลเตอร์ของหอคอยแห่งสุริยา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ นัยน์ตาสีฟ้าใสหลบนิดๆด้วยท่าทางเขิน ยิ่งเสริมความน่ารักให้เป็นเท่าตัว

     

                    เช่นกันครับ...ผม วีริด แร๊ก ปี 1 สายนักสู้ผสานเวทย์ ไลเตอร์ของหอคอยแห่งดวงดารา เขาแนะนำตัวเสร็จสับพร้อมส่งรอยยิ้มเทพบุตรไปอีกครั้ง พยายามเปล่งประกายรัศมีความหล่อให้เต็มที่ ซึ่งดูเหมือนว่าสาวเธอจะออกใสซื่อกว่าที่คิดเลยหลบหน้าไปเสียเฉยๆ...

     

                    เวลาใกล้การประชุมจะเริ่มขึ้นแล้ว ขณะนั้นเองประตูห้องประชุมก็ค่อยๆเลื่อนปิดลงเหมือนที่ได้กำหนดเวลาเอาไว้ ช่วงที่ประตูกำลังจะปิดลงนั่นเอง ร่างของเด็กปีหนึ่งคนหนึ่งก็รีบวิ่งฝ่าประตูนั้นมาด้วยความเร็วสูงจนหน้าเกือบทิ่มลงกับพื้นแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวยังเซฟตัวเองไว้ได้ทัน ท่ามกลางหมู่รุ่นพี่หลายคนที่ไปเห็นเข้าพอดีแล้วเหงื่อเริ่มตกนิดๆ แต่ท่าทางหนุ่มน้อยคนนั้นจะไม่ได้สนใจ เขาเดินดุ่มๆไปที่ที่นั่งของไลเตอร์ปี 1...

     

                    เด็กหนุ่มปี 1 ในชุดเครื่องแบบของหอคอยแห่งจันทราเดินมานั่งอีกฝั่งหนึ่งของเขา วีริดบังเอิญหันไปสบตาพอดี พอเห็นเท่านั้นแหละตัววีริดแทบจะอ้าปากค้าง สายลับหนุ่มรีบหันไปคุยกับไลเตอร์ปี 1 คนสวยแทนอย่างรวดเร็ว ทางเด็กหนุ่มผู้มาใหม่นั้น จัดผมสีดำสนิทของตนให้เรียบร้อยนัยน์ตาสีม่วงเหลือบมองไปทางเพื่อนร่วมยศก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวด้วยท่าทางสุภาพ

     

                    สวัสดีครับ ผมชื่อ ปารินทร์ เวสพรีน่า เธโอตานาเซีย ปี 1 สายนักสู้ผสานเวทย์ ไลเตอร์ของหอคอยแห่งจันทรา ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ เจ้าตัวเอ่ยด้วยใบหน้าแย้มรอยยิ้ม สาวไลเตอร์ที่เห็นเข้าก็ทักทายตอบเช่นกัน...

     

                    ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันคะ มาเนีย ดาร์เรย์ ไลเตอร์ปี 1 ของหอคอยแห่งสุริยา สายนักเวทย์คะ...เอ่อ...คุณ ปารินทร์ เธอเอ่ยทักทายตอบด้วยท่าทางสุภาพอีกเช่นกัน

     

                    เรียก ปริ๊นซ์ เฉยๆ ก็ได้ครับ พอดีชื่อผมมันยาวไปหน่อยน่ะครับ คุณมาเนีย เด็กหนุ่มเอ่ยบอก ระหว่างที่คนทั้งสองกำลังทักทายแนะนำตัวอยู่นั้น ทางสายลับหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงกลาง กลับไม่ยอมพูดอะไรสักคำ แต่แทนที่จะสงบมันกลับเป็นจุดเด่นยิ่งกว่าเดิม...เด็กหนุ่มชื่อยาวได้ใจเหลือบมองทางคนตรงกลางที่เงียบ เขามองอย่างพิจารณาอยู่ครู่และนั่นก็ทำให้เขานึกออก

     

                    อ๊ะ! คุณวีริด นั่นเอง!! นึกอยู่ตั้งนานว่าเคยเห็นหน้าที่ไหน ปริ๊นซ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มท่าทางร่าเริง เท่านั้นแหละเจ้าของชื่อแทบสะดุ้งโหยง หันมามองหน้าเด็กหนุ่มผมดำผู้มีดวงตาสีอะเมทิสต์ที่ยิ้มร่าเริงมาให้เขาด้วยใบหน้าพร้อมรอยยิ้มแหยๆ ส่วนอีกสาวก็ได้แต่นั่งงงๆแต่ตัวเธอก็ไม่ได้พูดหรือถามอะไร

     

                    นาย เป็นใครฉันไม่รู้จัก.... วีริดรีบตอบอย่างตัดพ้อ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกหกไม่สนิทขนาดเด็กสิบขวบยังจับโกหกได้ อีกฝ่ายเริ่มทำหน้าเบะเหมือนกับในอดีต

     

                    คุณวีริด อย่ามาโกหกผม ผมรู้นะ...ถ้าคุณวีริดพูดแบบนั้นล่ะก็...ผมจะ....... ว่าแล้วเจ้าตัวก็เริ่มทำท่าเหมือนสมัยก่อนเตรียมจะร้องไห้เต็มที่!!

     

                    โอเคๆ!!ฉันยอมแล้ว! เพราะฉะนั้นเลิกทำท่าแบบนั้นทีเถอะ ปริ๊นซ์ วีริดเอ่ยขึ้นมาด้วยหน้าซีเรียสเครียดอย่างเหลืออด มือหนึ่งยกกุมขมับเนื่องเพราะความปวดหัวที่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ ทางหนุ่มท่าทางน่ารักเห็นแบบนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา แล้วก็เริ่มหันไปทางการประชุมที่เหมือนจะเริ่มแล้วโดยมี ดยุคของหอคอยแห่งสุริยาออกมาทักทายเปิดการประชุม แล้วอยู่ๆตัวปริ๊นซ์เองก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

     

                    จะว่าไปแล้ว...ที่บ้านตระกูลเร็ก....อุ๊บ!” ยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบมือหนาของวีริดก็พุ่งเข้าปิดปากปริ๊นซ์ด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วเสียง พร้อมส่งสายตาข่มขู่ไปอย่างน่ากลัว

     

                    ถ้าแกพูดมากไปกว่านี้ เดี๋ยวพ่อจับเชือดทิ้ง!” เห็นแบบนั้นทางตัวปริ๊นซ์ก็วางตัวเฉยๆ ยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะไม่พูดอะไรอีก

     

                    การประชุมก็ยังคงดำเนินไปเรื่อย เรื่องของการประชุมก็เป็นเพียงเรื่องของกิจกรรมต่างๆที่อาจจะจัดขึ้นในโรงเรียน ความปลอดภัยเล็กน้อย แล้วก็เรื่องการเตรียมส่งรอยงานประจำปี ก็เพียงเท่านั้น โดยเฉพาะกิจกรรมนี่มีแต่คนเสนอหลายๆอย่างหลายความคิด แล้วก็ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรนัก ผิดกับสภาที่เขาจินตนาการเอาไว้ลิบลับเลย แต่ที่น่าแปลกกว่านั้น เขาพึ่งสังเกตว่าพวกคิงกับควีน ไม่เห็นมาในการประชุมครั้งนี้ มีเพียงดยุค กับดัชเชส ที่เป็นยศสูงสุดในการประชุมครั้งนี้และเมื่อเขาถามขึ้นก็ได้คำตอบจากมาเนียมาว่า พวกคิงกับควีนนั้นจะประชุมหลังจากที่การประชุมครั้งนี้จบนั่นคือเอารายงานผลการสรุปการประชุมครั้งนี้ไปให้เขาเหล่านั้นพิจารณากันอีกที

     

                หลังจากการประชุมเกี่ยวกับกิจกรรมของเดือนนี้และเดือนหน้าจบลงไปแล้วนั้น พวกสภานักเรียนนักสู้ทั้งหลายก็เริ่มแยกย้ายกันไป และไม่วายก็ยังคงมีงานให้เพิ่มนั่นคือไปเขียนรายงานเกี่ยวกับนักเรียนในชั้นปี และความประพฤติหลายอย่าง เป็นงานส่งทุกสิ้นเดือน นี่ก็เป็นรายงานที่ต้องทำเฉพาะพวกที่เป็นไลเตอร์ประจำชั้นปีเท่านั้น คิดแล้วงานที่ต้องรับผิดชอบแบบนี้มันไม่เหมาะสำหรับเขาเอาเสียเลย แต่มันก็ช่วยไม่ได้...

     

     

                    อีกด้านหนึ่งในห้องประชุมที่เล็กกว่าห้องเมื่อประชุมรวม หากแต่ก็ดูหรูหราอลังการกว่ามาก

     

                    ที่ตรงกลางห้องที่ตกแต่งอย่างงดงามนั้นถูกวางด้วยโต๊ะกลมไม้เนื้ออย่างดี ตรงกลางนั้นที่ลูกแก้วใสกลมลูกใหญ่ถูกฝังรวมกับโต๊ะไม้อย่างดีนั้น ราวกับเป็นเนื้อเดียวกับรอบโต๊ะก็พร้อมด้วยเก้าอี้เข้าชุดกันอีกหกตัว ซึ่งตอนนี้ สี่ในหกของเก้าอี้นั้นมีคนมานั่งกันพร้อมแล้ว...

     

                    ช้าจังเลยนะ... หญิงสาวคนหนึ่งบ่นลอยๆขณะที่เริ่มเอาตั้งศอกอย่างเซ็งนิดๆ ปล่อยให้ผมซอยสีน้ำตาลเข้มระตามคอขาวนั้น ขณะที่นัยน์ตาสีน้ำตาลของเจ้าหล่อนเริ่มเหล่ไปยังอีกคนอีกคนที่นั่งกอดอกด้วยท่าทีเฉยเมยข้างเธอด้วยท่าทีเฉยเมย

     

                    ครูซ เนี่ยใจเย็นจังเนอะ หญิงสาวคนเดิมในชุดเครื่องแบบของนักเรียนหอคอยแห่งสุริยา เช่นเดียวกับชายหนุ่มเจ้าของนาม ครูซ อันพร้อมพรั่งด้วยเครื่องประดับและตรายศของผู้มีตำแหน่งสูงสุดในหอ

     

                    เธอเองก็ใจร้อนเกินไปนี่ ริเรนี่ ครูซหันมาบอกเธอเสียงเรียบ ขณะปัดผมยาวสีน้ำตาลอ่อนที่มาปรกหน้าให้ออกไป ทว่านัยน์ตาสีนิลนั้นกลับมองเลยออกไปไหนแล้วก็มิอาจรู้ได้ จนทำเอาควีนแห่งหอคอยแห่งสุริยาถึงกับทำหน้าเซ็งขึ้นมาอีกครั้ง

     

                    นั่นน่ะสิจ๊ะ ใจเย็นๆเถอนะ เรนี่ เดี๋ยว เครย์อาซ กับ โคโค่เว็ต ก็มาเองล่ะจ๊ะ เสียงหวานนุ่มนวลของหญิงสาวอีกคนว่าขึ้น พร้อมด้วยรอยยิ้มสวยอ่อนโยนฉาบอยู่บนใบหน้า เรือนผมยาวสีใบไม้อ่อนจรดบั้นเอว อันถูกรวมเป็นสองข้างด้วยที่รัดถูกรูปดอกไม้แรกแย้ม เข้ากันได้ดีกับนัยน์ตาสีมรกตดูอ่อนโยน...พร้อมด้วยกลิ่นหอมตลบอบอวลของดอกไม้....

     

                    ใช่แล้วๆ สงสัยยัยโคโค่เว็ตก็คงมัวเอื่อย อีกตามเคยนั่นแหละ ชายหนุ่มอีกคนว่าขึ้นที่อยู่ในชุดเต็มยศของคิงแห่งหอคอยจันทรา ซึ่งนั่งข้างสาวน้อยแห่งดอกไม้ผู้เป็นควีนแห่งจันทรา เอ่ยขึ้นเสียงร่าเริง พร้อมยกแข้งขาขึ้นพาดโต๊ะอย่างไม่เกรงใจ ใบหน้าหล่อเหลาพร้อมผมยาวเล็กน้อยสีดำซึ่งถูกรวบไว้เป็นระเบียบพร้อมดวงตาสีแดงเพลิงที่พร้อมหลับตาลงงีบ

     

                    กราเดียส...การเอาขาขึ้นโต๊ะน่ะ มันไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ครูซติงขึ้นเล็กน้อยพร้อมส่งสายตาเย็นเฉียบไปให้ทว่าทางคู่กรณีก็ยังไม่สนใจเฉกเช่นเดิม นั่นทำให้คิงแห่งสุริยาเริ่มฉุนขึ้นมาแล้ว

     

                    หนอย!! ไม่ฟังฉันรึไง!! ฉัน ครูซ เซาว์เฟีย เจ้าชายรัชทายาทแห่งเซราเฟีย ขอสั่งให้นายเอาขาลงเดี๋ยวนี้ !!” ครูซเริ่มสติแตกเข้าโหมดวางอำนาจอีกครั้ง นอกจากจะไม่เอาขาลงแล้ว กราเดียสยังยิ้มเยาะกลับมาให้อย่างที่นึกอยากจะแหย่เจ้าชายที่โอ่คนนี้ แต่เมื่อศึกย่อยๆระหว่างครูซกับกราเดียส กำลังจะเริ่มขึ้นนั่นเอง

     

                    นี่...ทั้ง 2 คนอย่าทะเลาะกันเลยนะจ๊ะ.... สาวกลิ่นดอกไม้เอ่ยขึ้นขัด พร้อมด้วยใบหน้าอ่อนโยนและรอยยิ้มหวานจับใจ นั่นทำเอาคิงทั้งสองคนต้องหยุดกันแต่โดยดี ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายครูซ หรือ กราเดียส ยังไงทั้งสองคนต่างก็ต้องสยบให้กับ ควีนของหอคอยแห่งจันทรา....คาดีร่า เวลซูน คนนี้เสมอ.....

     

                    มาแล้วจ้า...ขอโทษที่ทำให้รอนานนะ!” เสียงสดใสร่าเริงของควีนแห่งหอคอยแห่งดวงดารา แว่วขึ้นพร้อมกับร่างเพรียวบางที่เดินเข้ามานั่งประจำที่นั่งของตนเอง พร้อมด้วยคิงแห่งดวงดารา ซึ่งตามมานั่งด้วยท่าทีเรียบเฉย

     

                    นี่ๆโคโคเว็ต ดีนะ...ที่เธอมาแล้วเนี่ย ไม่งั้นสงสัยคิงทั้ง 2 ต้องเปิดศึกย่อยกันเองแหงๆ ริเรนี่ วูลจีสก้า แห่งหอคอยแห่งสุริยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน สาวผมสีชมพูอ่อนพอได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยพร้อมกับถามกลับไป

     

                    นี่แปลว่า ได้คาดีร่า ช่วยเป็นคนห้ามศึกอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย ทางหญิงสาวที่ถูกเอ่ยถึงเพียงแค่ยิ้มรับน้อยๆแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น ก่อนที่สองสาวจะได้คุยไม่เลิก ตัวเครย์อาซก็รีบเอ่ยขักขึ้นอย่างรู้แกว

     

                    ฉันว่า เรามาเริ่มประชุมกันดีกว่า พอได้ยินแบบนั้นแหละสองสาวที่ตั้งวงพร้อมจะคุยก็ต้องหยุดลงด้วยใบหน้าบูดเหมือนถูกขัดใจ

     

                    เหล่าคิงและควีนทั้งหกก็เริ่มประชุมเรื่องพื้นๆอย่างกิจกรรมต่างๆและสรุปกิจกรรมอีกมากมายจากการประชุมของสภาที่ประชุมก่อนพวกเขา และจึงจบลงด้วยเวลาไม่นาน เพราะการพิจารณาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเลิกประชุมของวันนั้นเอง

     

                    นี่...จะว่าไปแล้ว ที่หอของพวกนายมีปี 1 เจ๋งๆบ้างรึเปล่า? กราเดียสถามขึ้นด้วยท่าทางนึกสนุกเช่นเคย

     

                    ฮึ....ที่หอคอยแห่งสุริยา ก็มีแต่เด็กระดับชั้นยอดอยู่เกือบทุกปีนั่นแหละ ไม่เห็นต้องถาม ครูซเอ่ยขึ้นราวกับเยาะอีกฝ่ายเป็นการแก้เผ็ดเมื่อสักครู่ ทางกราเดียสเพียงทำหน้าบูดส่งเสียงจึ๊กจั๊กในลำคออย่างไม่ค่อยชอบใจนัก

     

                    อืม....จะว่าไปแล้ว ที่หอคอยของฉัน เจอเด็กท่าทางน่าสนใจด้วยนะ ตั้ง 2 คนแน่ะ จิโคลเรียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง พลาง่งรอยยิ้มหวานใสก่อนจะยื่นมือไปที่ลูกแก้วเบื้องหน้าส่งพลังเวทย์เล็กน้อย ทันใดนั้นลูกแก้วที่ตรงกลางโต๊ะก็เรืองแสงออกมาพร้อมด้วยภาพของเด็กหนุ่ม และ เด็กสาวคู่หนึ่งที่กำลังทำกิจกรรมส่วนตัว

     

                    หืม? เด็กผู้ชายนั่น ใช่คนที่ทำให้ลูกแก้วเกิดอาการประหลาดตอนเลือกสายใช่ไหม? ริเรนี่เอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มผมเงินนั่นก็จะจำได้ในทันที

     

                    ใช่แล้วล่ะ....ฉันน่ะสัมผัสพลังลึกลับแปลกๆได้จาก 2 คนนี้นะ พวกเธอคิดว่าไง? ควีนแห่งหอดวงดาราขอความเห็นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใส ทุกคนเองก็อยู่ในคิดพินิจพิจารณา

     

                    ฉันเองก็คิดอย่างนั้นนะ มันเป็นพลังที่แปลกมากเลยล่ะ คาดีร่าเอ่ยเสริม ทว่าดวงตาสีใบไม้ก็เริ่มเหม่อลอยออกไปไกล

     

                    สำหรับ เด็กผู้หญิงคนนั้น คงจะเป็นคนจาก ตระกูลเซรุเนส ล่ะสิ ครูซเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นสาวจอมเวทย์อย่างเซียร่า ริเรนี่สบตาด้วยท่าทางสงสัยประมาณว่า รู้ได้ยังไง?

     

                    ฮึ...กลิ่นเวทย์มนตร์ดำ ที่มีเลือดของพวกปีศาจเข้มข้นแบบนี้ แค่ได้สัมผัสไอเวทย์เล็กน้อยก็รู้แล้ว เธอเองก็น่าจะพอรู้สึกได้จริงไหม? ครูซเอ่ยอธิบายพร้อมกับเหล่ไปทางโคโค่เว็ต ซึ่งพอรู้ว่าถูกถามเช่นนั้นก็พลันทำหน้าสีหน้าเครียดขึ้นมาอยู่ครู่ก่อนที่จะกลับมาเป็นรอยยิ้มสดใสเช่นเดิมก่อนจะตอบไปว่า

     

                    นั่นน่ะสินะ...ทำไมกันนะ

     

                    แต่...ฉันว่าช่วงนี้ ฉันรู้สึกได้ถึงพลังแปลกประหลาดที่ค่อยๆเข้ามาในโรงเรียน ฉันยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่ ยังไงฉันขอเตือนให้ทุกคนระวัตัวไว้ให้ดี โดยเฉพาะคาดีร่า แล้วก็เธอนะ โคโค่เว็ต คงจะไม่ต้องให้ฉันบอกหรอกนะ ว่าเพราะอะไร... ทันทีที่เครย์อาซพูดขึ้นบรรยากาศก็ดูเย็นเฉียบสองคนที่ถูกพูดถึงพลันมีสีหน้าเครียดขึ้นเล็กน้อย ทว่าควีนแห่งดวงดารากลับเปลี่ยนท่าทีมาสดใสได้อย่างเดิมเธอเอี้ยวตัวเข้าไปกอดคอเครย์อาซที่นั่งข้างเธอ พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาน

     

                    เป็นห่วงฉันล่ะสิ? ชายหนุ่มที่เห็นเธอมาทำแบบนี้เขาก็หรุบตาลง แต่ก็ยังคงรักษาท่าทีด้วยความเรียบเฉยเอาไว้จากความเคยชิน ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นๆหากแต่แฝงไว้ด้วยความจริงใจ

     

                    ก็ใช่น่ะสิ พอได้ยินคำตแบแบบนั้น สาวเธอก็ยิ้มด้วยความพออกพอใจก่อนจะยิ้มออกมาอย่างร่าเริง พร้อมกับบอกคำที่อีกฝ่ายคิดว่าเคยชินแล้วเสมอ

     

                    ฉันรักเครย์อาซที่สุดเลย!” เธอบอกพร้อมส่งรอยยิ้มหวานไปให้ อีกฝ่ายหัวเราะฮึอย่างพอใจก่อนที่จะพูดตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ที่มุมปาก

     

                    ของมันแน่อยู่แล้ว

     

                    พอเห็นภาพฉากการสวีทกันจนทำเอาบรรยากาศเครียดๆเมื่อสักครู่ให้กลายเป็นสีชมพูได้ ก็ทำเอาทั้งกราเดียส กับครูซที่ปกติไม่ถูกกันยังต้องหันหน้าหนีด้วยความเอือมเหมือนๆกัน เรนี่นั้นหันไปคุยกับคาดีร่า โดยที่เหมือนเห็นภาพเหล่านี้ไปด้วยความเคยชิน และตอนนี้ห้องประชุมของคิงและควีนก็กลายเป็ยสถานที่พักผ่อนของผู้มาประชุมด้วยเอวัง

     

                    แต่ว่า...สิ่งที่เครย์อาซพูดถึงเองก็กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆเช่นกัน....

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×