ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic: SJ+TVXQ]...Angelic....(Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #5 : ::Chapter 3::

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ค. 53


     

    Chapter 3::

     

                    “ยินดีต้อนรับสู่งานเลี้ยงของฉันนะ ลี ฮันกยอง”

                    มหาเทพเอ่ยเสียงเข้มซึ่งแตกต่างจากที่พูดคุยกับเทวทูตปีกขาวฮีชอลโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่เพราะบุคคลเบื้องหน้าและคณะคือเทวทูตปีกดำ แต่เพราะบุคคลคนๆนี้คือ ลี ฮันกยอง...ผู้ที่ทั้งเจ้าเล่ห์และมีพลังอันร้ายกาจที่สุด ที่แม้แต่มหาเทพอย่างเขายังต้องแอบหวั่นเกรง...

                    “ต้องขอขอบคุณมหาเทพชินดงมากนะครับ ที่เชิญเทวทูตปีกดำตระกูลอย่างพวกเรามร่วมงานมงคลของท่านด้วย” เจ้าของใบหน้าหล่อเอ่ยน้ำเสียงทุ้มพร้อมรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่รอยยิ้มที่ยินดีกับงานฉลองของมหาเทพอย่างแน่นอน...

                    “จะไม่ให้ฉันเชิญได้ยังไงกันล่ะ ก็พวกเธอตระกูลลี เป็นตระกูลเทวทูตปีกดำที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี แถมว่าที่ผู้นำคนตระกูลอย่างเธอ อย่างเป็นคนที่ใครๆให้ความนับถือกันเยอะนี่นา...” ชินดงเอ่ยน้ำเสียงเรียบตอบกลับ ขณะที่ดวงตาจ้องดวงตาคู่คมของอีกฝ่ายอย่างไม่ขยับสายตาไปไหน ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำเช่นกันราวกับว่าหากละสายตาไปเพียงชั่วครู่ก็อาจจะถึงตายได้...

                    “ท่านก็เอ่ยชม เกินไป...อ้อ จริงด้วยผมมีเรื่องอยากจะถามท่านสักหน่อย ไม่ทราบว่ากลุ่มเทวทูตปีกขาวที่เดินมาหาท่านเมื่อสักครู่ เป็นใครกันอย่างนั้นเหรอครับ?” มหาเทพกระตุกเรียวคิ้วอย่างนึกสงสัยว่าจะถามไปทำไม? และมีจุดประสงค์อะไรรึเปล่า??...

                    “จะอยากรู้ไปทำไมอย่างนั้นเหรอ??”

                    “ก็ไม่ทำไมหรอกครับ ก็แค่คนคุ้นตาอาจจะเคยเจอในแวดวงธุรกิจของผมน่ะครับ” ฮันกยองตอบน้ำเสียงเรียบและดูไม่มีพิรุธใดๆทั้งสิ้น...มหาเทพจ้องดวงตาอีกฝ่าย และพยายามคิดเข้าข้างตนเองว่า อาจจะคิดมากเกินไป...

                    “นั่นคือ ว่าที่ผู้นำตระกูลคิม ตระกูลของเทวทูตปีกขาวที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กับตระกูลของเธอ แล้วก็พี่น้องของเขา”

                    “อย่างนั้นเองเหรอครับ?? คงเพราะรัศมีมันไม่ต่างกันผมเลยรู้สึกคุ้นตานี่เอง” หนุ่มหล่อเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงแลดูตื่นเต้นออกแนวกวนประสาทมหาเทพอยู่นิดๆ นั่นทำให้มหาเทพชินดงอดนึกหงุดหงิดไม่ได้...ไอ้คนที่เขาอยากให้ลดความเคารพลงก็ไม่ยอม ส่วนไอ้คนที่อยากจะให้เคารพเขาให้มากขึ้นก็ไม่ทำ....ชายหนุ่มร่างหนาเห็นคิ้วขมวดของมหาเทพนั้น ก็ใช้ศอกแข็งแรงสะกิดเพื่อนรักของตนที่ตอนนี้ชักจะแหย่มหาเทพมากเกินไปแล้ว....

                    หนุ่มหล่อที่โดนสะกิดจึงยอมหยุดยิ้มกวนประสาท ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มจริงใจ ก่อนจะเอ่ยทิ้งท้ายไว้...

                    “ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับอายุ 980 ปีนะครับ แล้วก็ขอให้อายุยืนพันๆปีนะครับ มหาเทพ” เอ่ยเสร็จสิ้นเจ้าตัวก็สะบัดเดินหันหลังไป โดยไม่รอฟังคำเอื้อนเอ่ยใดๆจากมหาเทพต่อเลยแม้แต่น้อย เหล่าคณะที่ตามติดลี ฮันกยองมา ต่างโค้งให้มหาเทพคนละที ก่อนจะเดินตามผู้นำของตนไป...

                    เหลือเพียงมหาเทพที่ลอบส่ายหน้าน้อยๆกับความเหนื่อยใจ เขาไม่ได้นึกเกลียดในความเหย่หยิ่งทรนงตนของอีกฝ่าย เพียงแต่หวั่นว่าความทรนงนั่นจะนำพาความเดือดร้อนผู้อื่นด้วยนี่สิ...

                    หลังจากที่เดินออกมาจนพ้นรัศมีของมหาเทพที่นั่งอยู่หน้างานนั้น ชายหนุ่มร่างหนาก็ถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอกที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น

                    “ฮันกยอง รู้บ้างรึเปล่า ว่าการที่นายไปแหย่มหาเทพแบบนั้นมันไม่สมควร”

                    ชายหนุ่มร่างเจ้าของนาม คังอิน เอ่ยต่อเพื่อนรักของตนด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายใจกับความโอหังของเจ้าตัว นี่ยังดีนะ ที่เขาห้ามไว้ก่อน ไม่งั้นสงสัยจะเกิดเรื่องขึ้นแหงๆ...

                    “นายก็คิดมากเกินไป ไอ้แก่ตัวแสบไม่สั่งประหารฉันหรอก” หนุ่มหล่อหน้าจีนเอ่ยน้ำเสียงสบายๆ คังอินส่ายหน้าอย่างหน่ายใจยิ่งกว่าเดิม นี่ถ้าคนอื่นมาได้ยินสรรพนามที่ใช้เรียกมหาเทพนี่ พวกเขาคงไม่พ้นโดนรุมยำแน่ๆ...ขณะที่อีกคนกำลังเหนื่อยใจ ส่วนเจ้าน้องชายต่างมารดาตัวแสบน่ะเหรอ หัวเราะก๊ากไปแล้ว นี่ถ้าเขาไม่กลัวหลุดฟอร์มของหมาป่าสุดหล่อนะ เขาจะลงไปหัวเราะกลิ้งๆๆๆกับพื้นให้ดู....

                    “เยี่ยมไปเลยเฮีย!! ไอ้แก่ตัวแสบหรอ จี้เส้นดีว่ะเฮีย”

                    “ใช่มั้ยล่ะ เฮียคิดเองเลยนะเนี่ย!!” ฮันกยองเอ่ยเน้นเสียงกลั้วหัวเราะ แล้วเจ้าสองพี่น้องก็กอดคอกันขำอยู่สองคน คังอินลอบมองซ้ายขวา...ดีนะ ที่ไม่มีใครมาสนใจพวกเขามากนัก ไม่งั้นคงเสียชื่อตระกูลลีแย่เลย....แต่พอมองซ้ายขวานั่นแหละ เขาถึงได้รู้สึกว่าอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม

                    “ว่าแต่...ทงเฮ ไปไหนแล้วอ่ะ???” ได้ยินคังอินพูดเช่นนั้นหนุ่มหล่อสองคนที่ยืนกอดคอขำกันอยู่ก็พลางมองซ้ายขวามองหาบ้าง...เออวะ น้องชายที่แสนน่ารักของพวกเขา หายไปไหนแล้วเนี่ย...

     

     

                    ร่างบอบบางที่แสนงดงามประดุจเทพธิดาด้วยปีกสีขาวบริสุทธิ์ของความเป็นเทวทูตสีขาว ถ้าหากไม่สังเกตกันจริงๆแล้วคงจะไม่มีใครรู้ว่า เจ้าของเพศผู้งดงามนี้คือ เพศชาย...สายลมที่พัดมาเบาๆพัดเส้นผมนุ่มสลวยให้ปลิวไปตามแรงลม ยิ่งเสริมภาพเบื้องหน้าให้ดูงดงามยิ่งกว่าเดิม....

                    ฮีชอลมองไปรอบระเบียงที่ถูกปลูกไปด้วยต้นไม้ เถาวัลย์และดอกไม้อยู่เต็มไปหมด เขาชอบบรรยากาศสบายๆแบบนี้มากกว่าการที่จะต้องอยู่ในงานปาร์ตี้ที่มีแต่คนพลุกพล่าน มือบางแตะสัมผัสที่จุดหนึ่งของถาวัลย์ที่เลื้อยมายังไม่เต็มที่ ในวินาทีที่เรียวนิ้วแตะสัมผัสกับก้านเถาวัลย์สีเขียวสดนั้น เถาวัลย์ที่เดิมทียังคงเป็นเพียงต้นเล็กๆ ก็แตกหน่อกลายเป็นต้นที่ใหญ่จนพันได้รอบรั้วระเบียง และเหล่าดอกไม้ต้นไม้เล็กก็พลันเติบโตอย่างงดงาม...ร่างบางยิ้มอย่างพอใจกับผลงานของตนเพียงลำพัง ทว่า...

                    !!แปะ!!แปะ!!แปะ!!

                    เสียงปรบมือดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เรียกให้ร่างบางรีบหันไปมองยังต้นเสียง เบื้องหน้าของร่างบางที่หันกลับไปมอง ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำและปีกสีดำอันองอาจที่เด่นอยู่กลางหลัง ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรราวกับรูปสลักที่มีชีวิต แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น...พลังอันน่าหวั่นเกรง ที่ทำให้เขารู้สึกกลัว....

                    “งดงามมากเลย....นี่คือพลังของเทวทูตปีกขาวอย่างนั้นเหรอ?” เจ้าของดวงหน้ารูปสลักเอ่ยขึ้นมา ขณะที่มองเหล่าหมู่แมกไม้ที่เจริญงอกงามยามที่ร่างบางแสนสวยคนนี้เดินเหยียบเข้าไปในบริเวณนั้น ร่างสูงก้าวเดินเข้าไปใกล้ร่างบาง แต่คนสวยกลับพยายามที่จะเดินถอยหนีด้วยความหวั่นเกรง จนกระทั่งหลังไปติดระเบียงและไม่มีพื้นที่ให้เดินต่อ...

                    “ฮึ....ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอกครับ คนสวย” ชายหนุ่มเอ่ยบอกเสียงเรียบกลั้วหัวเราะกับท่าทีที่สั่นเทานิดๆกับดวงตาคู่สวยที่จ้องมายังเขาอย่างหวาดหวั่น แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็ง...ดวงตาที่เขาไม่ค่อยได้พบเห็นจากใครนั้น ราวกับสะกดเขาไว้...

                    “คุณเป็นใคร?” เสียงหวานเอ่ยถามบุคคลผู้มาใหม่ โดยพยายามกลบความหวาดหวั่นไว้ด้วยความทรนงที่เขาก็มีไม่แพ้ใคร...

                    “ก่อนที่จะถามคนอื่นน่ะ ตามมารยาทก็ควรจะบอกชื่อของตัวเองก่อนไม่ใช่เหรอครับ คนสวย” ร่างสูงเอ่ยเย้าหยอกด้วยความจงใจอยากจะกวนประสาทคนหน้าสวยเบื้องหน้านี้สักหน่อย เรียวคิ้วบนใบหน้าสวยขมวดเข้าหาเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะหงุดหงิดกับประโยคยอกย้อนนั้น แต่หงุดหงิดกับคำว่า คนสวย ที่อีกฝ่ายใช้เรียกเขาต่างหาก...

                    “ผมชื่อ คิม ฮีชอล...เทวทูตปีกขาวจากตระกูลคิม อีกอย่างผมไม่ใช่ผู้หญิง กรุณาอย่าเรียกผมว่า คนสวย ถ้าคุณจะกรุณา” ร่างบางเอ่ยเสียงกระชากนิดๆอย่างไม่เต็มใจ พร้อมกับที่แขนทั้งสองข้างกอดอกแน่น ดวงตาคู่สวยที่เมื่อครู่ยังมีความหวาดหวั่นแฝงอยู่ แต่บัดนี้กลับเป็นดวงตาที่ฉายความหยิ่งทรนงขึ้นมาทันที...ร่างสูงกระตุกรอยยิ้มอย่างถูกใจกับดวงตาของอีกฝ่ายยิ่งกว่าเดิม ก็ไม่เคยมีใครมาทำหน้าตาอวดดีใส่เขาแบบนี้มาก่อนนี่นา....

                    “แต่ฉันว่า เธอน่ะสวยกว่าพวกผู้หญิงอีกนะ...ฉันก็เลยเรียกอย่างนั้น อ้อ! ฉันลืมแนะนำตัวไปนี่เนอะ ฉัน ลี ฮันกยอง...เทวทูตปีกดำจากตระกูลลี ยินดีที่ได้รู้จัก” ร่างสูงคลี่รอยยิ้มอีกครั้ง พร้อมกับยื่นมือออกมาเหมือนธรรมเนียมของพวกฝรั่งที่จะใช้วิธีจับมือแสดงการทักทาย ร่างบางมองมือใหญ่ของอีกฝ่ายที่ยื่นมาหาเขาด้วยท่าที

                    ....ไอ้จะไม่จับตอบมันก็ดูไม่มีมารยาทผู้ดี เดี๋ยวเสียชื่อ คิม ฮีชอล หมด...

                    ....เอาวะ จับไปคงไม่ถึงตายหรอก...มั้ง....

                    ทันทีที่มือบางคว้าไปจับมือใหญ่ที่ตั้งใจจะเข้ามาผู้มิตรนั้น ร่างบอบบางของเขาก็ถูกฉุดรั้งเค้าไปใกล้กับดวงหน้าหล่อปานเทพบุตรที่กำลังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ร่างบางรีบใช้มืออีกข้างที่ว่างยันอกของอีกฝ่ายเอาไว้เพ่อไม่ให้ร่างของพวกเขาทั้งสองใกล้ชิดกันไปมากกว่านี้...

                    “มองใกล้ๆก็ยิ่งสวยนะ...คิม ฮีชอล...” ฮันกยองเอ่ยเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ ใกล้กับดวงหน้าสวยหวานที่ตอนนี้เริ่มจะมีสีแดงขึ้นจางๆที่พวงแก้มทั้งสองข้าง...ก็แหม จะไม่ให้เขินก็กะไรอยู่ อีกฝ่ายก็หล่อปานเทพบุตร ถึงจะเป็นเทวทูตปีกดำก็เถอะ...

                    “นี่คุณ! ปล่อยผมนะ ทำแบบนี้มันไม่สมควร!!” ร่างบางเอ่ยพลางดิ้นไปพลาง แต่แทนที่คนหน้าหล่อจะปล่อยกลับรั้งให้ร่างบอบบางนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นจะใบหน้าเนี่ยห่างกันไม่กี่เซนต์แล้วเนี่ย!!

                    “อะไรที่ไม่สมควร?? กฏของไอ้แก่ตัวแสบน่ะหรอ?? ฉันไม่สนใจหรอกนะ จะบอกให้” ร่างสูงเอ่ยเสียงเจ้าเล่ห์อีกครั้ง คราวนี้ไม่ว่าปากเปล่า เจ้าตัวค่อยๆดึงรั้งมือของอีกฝ่ายที่เขาคว้ามาไว้แต่แรกขึ้นมาจุมพิตเบาๆบนหลังฝ่ามือ เรียกเลือดฝาดให้ขึ้นบนใบหน้าสวยอีกแล้ว....ดูแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ....

                    “หน้าแดงแบบนี้แปลว่าชอบล่ะสิ งั้นจะทำให้รู้สึกดีกว่านี้ดีไหมล่ะ?” ฮันกยองเอ่ยเสียงเจ้าเล่ห์ตั้งใจแกล้งยั่วอีกฝ่ายให้เคลิ้มกว่าเดิม ใบหน้าหล่อค่อยๆก้มลงมาโดยมีจุดหมายอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มสีสดของร่างบาง อีกเพียงไม่กี่เซนต์ก็จะถึงอยู่แล้ว แต่...

                    !!!พลั่ก!!!

                    ร่างบางที่ไม่ได้เคลิบเคลิ้มไปกับการกระทำแสนหวานของอีกฝ่าย ก็อาศัยจังหวะที่ร่างสูงเผลอผลักเข้าเต็มแรงจนเทวทูตปีกดำสุดหล่อถึงกับลงไปกองกับพื้น

                    “อย่าหวังว่าจะได้แอ้มง่ายๆเลยไอ้ลามก!!!” เมื่อเธอด่าทิ้งทวนไว้แล้ว เธอก็เดินจากไป ปล่อยให้อีกคนที่ลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าทำหน้าขุ่นเคืองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาอีกครั้ง....

                    ....ฮึ กล้าผลักฉันล้มเลยนะ....

                    ....ดี ดีมาก!! ไม่เคยมีใครกล้าทำกับฉันแบบนี้มาก่อน....

                    ....ชักจะถูกใจจริงๆแล้วล่ะนะ คิม ฮีชอล....

     

     

                    ร่างบางที่เดินมาด้วยใบหน้าหงิกงอทำให้เหล่าเทวทูตปีกขาวหนุ่มๆทั้งหลายที่ตั้งใจจะเข้าไปทำความรู้สึกคนสวยต้องพากันถอยกรูดออกมาทุกคน คงไม่ดีแน่ถ้าจะเข้าไปทักอาจจะโดนวีนแตกกลับมาก็ได้ไม่ดีๆ...ตัวของคนสวยไม่ได้สนใจสิ่งรอบด้าน แต่ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดได้ที่เลย อยู่ดีไม่ว่าดีต้องไปเจอกับเทวทูตปีกดำหน้าหล่อ แต่ดันกวนส้นเป็นยิ่งนัก

                    ...เอาเถอะ ยังไงก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว....

                    ....กฏ ก็ต้องเป็น กฏ ห้ามเทวทูตทั้งสองเผ่าพันธุ์ข้องเกี่ยวกันเป็นอันขาด....

                    “นี่ ชางมิน พอเถอะนะฉันอายคนอื่นเขาอ่ะ” เสียหวานของน้องชายคนเล็กเรียกให้คนสวยหันไปมองยีงจุดต้นเสียง คือโต๊ะหนึ่งที่กองไปด้วยอาหารมากมายจนเกือบล้นตกลงมาจากโต๊ะ และมีน้องชายที่แสนน่ารักของเขาสองคนนั่งอยู่ รยออุคมองเพื่อนรักของตนด้วยความละอายใจต่อสายตารอบด้านที่มองมายังพวกเขา ก็แหม...เขาน่ะอิ่มตั้งนานแระ แต่เจ้าเพื่อนกระเพาะ20มิติ ของเขานี่สิไม่ยอมอิ่มง่ายๆ แถมยังตักเพิ่มขึ้นๆๆจนล้นโต๊ะแบบนี้จะไม่ให้เขาอายได้ไง!!!

                    “อายอะไรกัน รยออุค เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย อีกอย่างอาหารพวกนี้อร่อยจะตายไม่กินก็เสียดายแย่” นอกจากจะไม่มีสามัญสำนึกแล้วยังเถียงออกมาได้อีกแน่ะ ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเหลือบมองไปพบกับพี่ชายคนสวยของตน...

                    “พี่ฮีชอล!!!มาก็ดีแล้วครับ ช่วยห้ามชางมินที” รยออุคเอ่ยบอกพี่ชายคนสวยที่เดินมานั่งลงที่โต๊ะของตนเช่นกัน พี่ชายคนสวยคลี่รอยยิ้มอ่อนโยนก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน...

                    “ดีแล้วนี่นา ชางมินกินให้เต็มที่เลยนะ ของฟรีต้องเอาให้เต็มที่!!” คำพูดที่ไม่สมเป็นว่าที่ประธานบริษัท U co. ทำเอาน้องชายคนเล็กถึงกับอ้าปากค้าง ส่วนคนที่ได้รับการสนับสนุนอ่ะ ยิ้มร่าไปแล้ว...

                    “เห็นไม๊? รยออุคกี้ พี่ฮีชอลยังเห็นด้วยเลยนี่!!!” ชางมินเอ่ยอย่างถูกใจขณะที่ตักเอาอาหารเขาปากเรื่อยๆประดุจเครื่องสูบที่พึ่งจะเริ่มทำงานทั้งที่ เจ้าตัวนั่งกินมากว่าชั่วโมงแล้วเนี่ย...

                    “แต่....=.=....เฮ้อ...ช่างเถอะ” รยออุคที่ตั้งใจจะค้านอะไรขึ้นมาสักหน่อยก็เป็นอันต้องเงียบไป เมื่อไม่รู้ว่าจะสรรหาคำอะไรมาพูดแล้วนี่สิ...

                    “ว่าแต่ อีทึกไปไหนหรอ??” ฮีชอลเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เจอเพ่อนรักตาสวยของเขาเลย...ร่างเล็กเอ่ยตอบแทนเพื่อนของตนที่ยังคงเอาอาหารเข้าปากไม่หยุดหย่อน...

                    “พี่อีทึกไปตามหาพี่ฮีชอลน่ะฮะ อีกเดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะฮะ...ผมจะไปเอาน้ำสักหน่อย พี่ฮีชอลจะเอาด้วยไม๊ฮะ” คนตัวเล็กเอ่ยถามพี่ชายคนสวยของเขาส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหวานเฉกเช่นเคย

                    “ไม่ล่ะ พี่นั่งดูชางมินกินที พี่ก็อิ่มจนไม่รู้จะเอาท้องที่ไหนมาใส่น้ำแล้วล่ะ”

                    “แฮะๆ นั่นน่ะสิฮะ” ว่าแล้วรยออุคก็เดินไปจนจะถึงที่ตักน้ำ แต่ทว่า...พลั่ก!โครม!! เสียงก่อนชนกันของร่างบอบบางสองร่างก่อนที่จะล้มลงไปทั้งคู่ เรียกให้พี่ชายคนสวยและเพื่อนรักที่กำลังนั่งหม่ำอยู่ต้องละจากอาหารชั่วครู่มาช่วยพยุงเพื่อนรักของตน...

                    “เป็นอะไรอ่ะป่าว รยออุคกี้” ชางมินเอ่ยถามเพื่อนของตนที่ลุกขึ้นมายืนได้แล้ว คนตัวเล็กส่ายหน้าพร้อมกับยื่นมือไปช่วยพยุงคนร่างบางอีกคนที่ล้มลงเพราะชนกันเมื่อครู่ ร่างบอบบางหน้าหวานจัดในชุดสูทสีดำและปีกสีดำ...

                    “เอ่อ ขอโทษที่ชนนะครับ คุณเป็นอะไรรึเปล่า??” รยออุคเอ่ยถามคนเทวทูตปีกดำหน้าหวาน อีกฝ่ายเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหวานไม่แพ้กัน...

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะไม่ขอโทษหรอกนะ เพราะคนที่ชนผมก็คือคุณ แต่ที่คุณช่วยพยุงผมขึ้นมาก็ถือเป็นการไถ่โทษ สรุปก็คือ เราหายกันนะครับ” เจ้าตัวตอบด้วยรอยยิ้ม แต่ทำให้อีกสามสาว(?) ถึงกับงงกับคำพูดและท่าทีของอีกฝ่าย...แต่สำหรับชางมินอีกความรู้สึกที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ เจ้าเทวทูตปีกดำหน้าหวานเนี่ย ชักจะกวนส้นตีนแระ...

                    “อ่ะ...เอ่อ...คือ...??”

                    “ทงเฮ!!มาอยู่นี่เอง พวกพี่หาเธอตั้งนาน!!” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงของเทวทูตปีกดำอีกคนหนึ่ง เจ้าของใบหน้าหล่อเหมือนหมาป่าเจ้าเล่ห์ เดินเข้ามาคว้ามือของผู้ที่เป็นน้องชายคนเล็กของตนไว้...

                    “พี่คยู ผมไม่เป็นไรหรอก พอดีคุณคนนี้เขาชนผม แต่ไม่เป็นไรแล้วล่ะฮะ เพราะเขาช่วยพยุงผมขึ้นมาเลยถือว่าหายกันน่ะฮะ” เทวทูตปีกดำหน้าหวานร่ายยาวให้ฟัง จนทำให้สามสาว(?)ถึงกับงงอีกครั้ง แต่ดูท่าทางว่าคนรับฟังจะเคยชินเสียแล้ว...

                    “อย่างนั้นเองเหรอ...ว่าแต่คุณคนไหนเหรอ ที่ชนทงเฮน่ะ” ร่างสูงเอ่ยถามน้องชายต่างมารดา ด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ขณะที่กวาดสายตามองไปยังคนสวยทั้งสามที่ยืนอยู่ตรงหน้า

                    ....ถึงจะเป็นเทวทูตปีกขาวก็เถอะ....

                    ....แต่น่ารักเป็นบ้าเลย!!....

                    ....คนนี่ก็สวย คนที่ตัวเล็กก็น่ารัก คนที่ทำหน้าบูดๆหน่อยก็น่ารัก....

                    ....คยูจะเลือกคนไหนดีเนี่ย.....

                    “คุณคนที่ตัวเล็กที่สุดน่ะฮะ” ทงเฮตอบไปอย่างซื่อตรง นั่นยิ่งทำให้หมาป่าเจ้าเล่ห์กระตุกรอยยิ้มชขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจ้องมองใบหน้าหวานใสของคนตัวเล็ก...

                    “ยังไงก็ผมขอโทษแทนน้องชายของผมด้วยนะครับ นี่นามบัตรถ้าสึกหร่ออะไรตรงไหน โทรเรียกใช้ผมเลยได้นะครับ” ร่างสูงยื่นนามบัตรของตนให้ รยออุคมีท่าทีลังเลเล็กน้อยที่จะรับมา ทว่าก่อนที่มือเล็กๆจะได้หยิบนามบัตรไปจากมือของร่างสูง มือเรียวสวยของพี่ชายคนสวยก็ฉวยนามบัตรอันนั้นไปก่อน แล้วฉีกทิ้งอย่างไม่ใยดีต่อหน้าต่อตาเจ้าตัว...

                    “ขอโทษทีนะครับ น้องชายของผมถ้าบาดเจ็บอะไร ผมมีปัญญารักษาน้องผมเองได้ ไม่ต้องพึ่งคุณหรอกครับ ไปกันเถอะ รยออุค” ฮีชอลเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะรีบลากน้องชายคนเล็กของตนออกไปจากงานทันที แล้วจึงค่อยโทรหาอีทึกเพื่อที่จะกลับคฤหาสน์ของตน...

                    ...ปกติ เขาก็ไม่ใช่คนที่จะทำกิริยาแย่ๆแบบนั้นหรอก....

                    ...ถึงอีกฝ่ายจะเป็นเผ่าพันธุ์ของเทวทูตปีกดำก็เถอะ....

                    ...แต่เพราะวันนี้เจ้าเทวทูตปีกดำ หน้าหล่อ หน้าจีน ลามกนั่นแท้ๆ!!....

                    ...ทำให้เขาพาลโมโหพวกเทวทูตปีกดำไปซะหมด!!....

                    ...เพี้ยง!!พอกลับบ้านแล้ว ก็จะได้ไม่ต้องเจอหน้ามันแล้ว....

                    ...แค่คิดก็โมโหแล้วเนี่ย....

     

     
    To be Continued






    คุยกับไรเตอร์         

    มาต่อแล้วนะค่า ตอนเรียบง่ายๆในที่สุดฮันกะชอล ก็ได้คุยกันแร้ว อิอิ ความจริงเรื่องนี้อยากจะแต่งออกมาให้ซีเรียส แต่กลายเป็นว่าเริ่มมีความบ้าบอเข้ามาผสมโรงหวังว่าจะไม่เสียอรรถรสกันนะคะ พอดีเราเห็นว่าบ้านเมืองพึ่งผ่านสถานการณ์ตึงเครียดมาได้ เลยไม่อยากให้เครียดกาน ตอยเม้นท์นะคะ เราขออภัยจริงๆที่เรื่องนี้เปน ฮันชอล แต่ มะช่าย วอนฮยอก อ่ะคะ T^T ยังไงก็ฝากเรื่องนี้กับรีดเดอร์ทุกคนด้วยนะคะ เม้นท์ให้กำลังใจกานด้วยน๊า ทุกคอมเม้นท์คือกำลังใจที่ทำให้ไรเตอร์อยากจะแต่งต่อไปนะคะ รัก ฮันชอล ล่ะ

    เอ้(Mio_MinMIn)

                   

                   

                   

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×