คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ::Chapter 3: วันธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา::
Chapter 3: วันธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา
“ว๊ากกกกกกกก!!! สายแล้วๆๆ”
เสียงหวานโวยวายลั่นบ้านขณะที่วิ่งลงจากบันไดมาด้วยความรีบร้อน ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มร่างสูงที่ยังตื่นไม่สนิทพลางมองตามต้นเสียงด้วยท่าทีงงๆ ที่เห็นร่างบางวิ่งลงมาด้วยแต่งตัวไปด้วย
“ทำอะไรน่ะ แจจุง” ยุนโฮถามขึ้นแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้คำตอบ เมื่อร่างบางหน้าหวานไม่ได้สนใจเขาเลย แจจุงไม่ได้สนใจอะไรนอกจากวิ่งพุ่งออกไปนอกบ้านด้วยความเร็วเหนือแสงแบบที่โกลด์เซนต์จากการ์ตูนเรื่อง เซนต์เซย่า ที่เขาดูตอนสมัยเด็กๆทำกันบ่อยๆ....
ปล่อยให้เจ้าชายยุนโฮแห่งแวร์กลายืนงง.....
ทางด้านของร่างบางที่วิ่งกระหืดกระหอบอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่สนใจรถแท๊กซี่หรืออะไรทั้งนั้นในหัวของเขาตอนนี้มีแต่เรื่องวิ่งที่จะต้องวิ่งให้ถึงมหาวิทยาลัยของเขาโดยเร็วเท่านั้น และเหตุผลที่ทำให้เขาต้องรีบแทบตายเช่นนี้ก็ไม่ใช่เพราะอะไรนอกจากที่ว่า...วันนี้เป็นวันสอบของคณะเขา.....ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียง 10 นาทีที่จะต้องให้ถึงห้องสอบโดยเร็วไม่งั้นเขาจะถูกตัดสิทธิทันที....
ขาทั้งสองวิ่งสวบๆจนในที่สุดเขาก็พาร่างอันบอบบางของตัวเองจนมาถึงมหาวิทยาลัยจนได้ เขารีบวิ่งต่อไปยังห้องสอบของคณะตนด้วยความเร็วสูงสุด จนมาถึงทันเข้าห้องสอบจนได้ และที่หน้าห้องสอบเขาก็พบเพื่อนหนุ่มหน้าสวยคมกำลังยืนบ่นพึมพำเหมือนกำลังท่องสูตรอะไรบางอย่างอยู่หน้าห้องสอบ เมื่อดวงห็นตาคู่สวยเหลือบมองเห็นเพื่อนของตนยืนหอบแฮ่กๆอยู่ก็ตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ
“แจจุง! คิมแจจุง! นายมาอะไรเอาป่านนี้เนี่ย” แจจุงยืนหอบอยู่ครู่ดวงตาคู่โตพยายามเงยขึ้นมองเพื่อนของตนที่ยืนมองเขาอย่างประหลาดใจก่อนจะยกมือขึ้นกันเป็นเหมือนการบอกว่า ขอเวลาสักครู่ให้หายใจก่อน...เพียงครู่หนึ่งร่างบางก็สามารถขยับขึ้นมายืนดีๆได้
“พอดีฉัน....ตื่นสายน่ะฮีชอลนี่ยังไม่เข้าสอบกันใช่ป่ะ?” ร่างบางตอบ อีกฝ่ายถอนหายใจอย่างเอือมๆ ก่อนจะส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนที่ปากจะพึมพำท่องสูตรที่เขาจะใช้เตรียมสอบต่อ...ดวงตาสีนิลมองไปยังเพื่อนสนิทของตน....หากว่าเขายังเรียกอย่างนั้นได้ล่ะนะ.....พลางนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนทางโทรศัพท์ ท่าทางว่าอีกฝ่ายจะลืมและไม่ได้ใส่ใจเสียด้วยสิ.....
....ถึงจะน้อยใจ....
....แต่เขาก็ไม่ใช่พวกชอบขุดคุ้ยอะไรให้ผิดใจกัน......
....ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะ......
แจจุงยืนสงบสติคิดทบทวนความรู้ที่อยู่ในหัวเขาไปเรื่อยๆ ไม่นานนักเสียงเรียกให้เข้าห้องสอบก็ดังขึ้น ร่างบางเข้าไปนั่งทำข้อสอบอย่างตั้งใจ เดิมทีเขาก็เป็นคนตั้งใจเรียนอยู่แล้ว จึงไม่ต้องทบทวนอะไรมากก็สามารถทำข้อสอบได้ และข้อสอบของครั้งนี้ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก จึงทำให้เขาสามารถทำได้ และมั่นใจว่าทำได้ดีเสียด้วย....แต่.....กลับมีอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ในใจของเขา......
.....รู้สึกเหมือนลืมอะไรไปบางอย่าง.....
หลังจากชั่วโมงแห่งการเข้าสอบจบลงแล้ว นักศึกษาบางคนก็ทำหน้าเซ็ง บางคนก็โล่งใจแต่กับหนุ่มหน้าหวานประจำคณะกลับออกมาจากห้องสอบด้วยใบหน้าที่เหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ไม่เลิก จนฮีชอลรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมา....
“คิดอะไรของนายน่ะ แจจุงหน้ามุ่ยเชียว เดี๋ยวหมดสวยหรอก” คนสวยถามเพื่อนของตนด้วยความห่วงใย แต่ก็ไม่วายที่แอบแขวะตามนิสัย หนุ่มหน้าหวานหันมาทำหน้าบูดใส่อีกฝ่ายก่อนจะตอบกลับไปพร้อมแอบกัดตอบ
“ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนี่นา ฉันไม่เหมือนฮีชอลนี่นา ที่จะเก๊กสวยตลอดทั้งวัน”
“อย่างฉันไม่ต้องเก็กสวย ก็สวยอยู่แล้ว~” แทนที่จะโกรธหนุ่มหน้าสวยผมยาวก็ยังสามารถย้อนกลับชนิดที่แจจุงรู้สึกหมดช่องทางที่จะเถียงกลับไปเลยทีเดียว....
....ถึงบางทีฮีชอลจะค่อยไม่สนใจเขา.....
....แต่อย่างน้อยที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้.......
....เขาก็ไม่ได้ต้องอยู่คนเดียว ถ้าหากว่ามีฮีชอลอยู่ด้วย.....
....มันก็โอเค.....
แต่ว่าช่วงเวลาที่เขาจะได้อยู่กับเพื่อนคนนี้มันก็ช่างน้อยนิดนั้น และเหตุผลก็ไม่ใช่เรื่องอะไรมาก นอกจาก....
“ไงครับ...ฮีชอลคนสวยของผม”
เสียงที่แจจุงไม่ค่อยพึงประสงค์ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงของเจ้าของเสียง หนุ่มผมดำรูปหล่อเจ้าชายของคณะรัฐศาสตร์ที่เป็นที่หมายปองของใครต่อใคร....และยังเป็น ‘แฟน’ ของเพื่อนสนิทของเขาด้วย
“ซีวอน...” ฮีชอลเรียกชื่อของอีกฝ่าย ที่กำลังยิ้มร่าเมื่อได้เจอสุดที่รักของตน พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้แขนโอบไหล่บางของหวานใจอย่างไม่อายสายตาของใครหน้าไหน ดวงตาคมจ้องหน้าสวยๆของฮีชอลอย่างไม่วางตาจนฝ่าบร่างบางในอ้อมแขนเป็นฝ่ายเขินไปเอง
“เป็นไง ทำข้อสอบได้ไหมครับ?”
“ก็พอได้นะ...แล้วซีวอนล่ะ?”
“อย่างผมต้องทำได้อยู่แล้ว เพราะแค่ผมนึกถึงหน้าของฮีชอล ก็ทำให้ผมมีกำลังใจทำข้อสอบแล้ว” หยอดคำหวานเข้าก็ทำเอาร่างบางอายจนหน้ามุดไปแล้ ดวงหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยนั่นยิ่งทำให้ซีวอนมองอีกฝ่ายอย่างหลงใหลขึ้นไปอีก....บรรยากาศสีชมพูที่ทำให้คนอย่าง คิมแจจุง รู้สึกเลี่ยนแทบอ้วก เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินหลีกหนีออกมาอย่างเงียบๆไม่แม้จะทักทายซีวอน หรือบอกลา ฮีชอล ด้วยกลัวว่าเขาจะเผลออ้วกกับความหวานเลี่ยนของคู่นี้ไปจริงๆนี่สิ....
ร่างบางเดินออกมาเรื่อยๆด้วยสายตาเหม่อลอยเพราะคิดอะไรไปเรื่อย โดยที่เจ้าตัวเองอาจจะไม่รู้ตัวแต่ก็มีชายหนุ่มหลายคนมองตามเขามาตลอดทาง นั่นเพราะความสวยหวานสะดุดตาที่ใครมองเพียงครั้งเดียวก็ยังรู้สึกหลงใหล....ถ้าหากคิมฮีชอลคือ เจ้าหญิงล่ะก็....คิมแจจุงก็คงจะเป็นนางฟ้า.....
....แต่ก็นะ.....
....แจจุงไม่เคยสนใจเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว.....
....แต่ว่า....
.....ก็มีบางเวลาที่เขารู้สึกว้าเหว่.....
.....เพราะฮีชอลก็มีคนสำคัญไปแล้ว.......
.....บางทีก็เคยคิดอยู่เหมือนกัน......
......ว่ามันจะดีสักแค่ไหน ถ้าเกิดเขาจะมีคนพิเศษมาคอยอยู่ข้างๆบ้าง......
พอตคิดมาถึงตรงนี้ร่างบางก็รีบเอาความคิดบ้าๆที่ชวนให้ใจหดหู่นี้ออกไปโดยเร็ว ใช่! เพราะเขาเคยให้คำปฏิญาณกับตัวเองไว้แล้วว่า อยู่คนเดียวก็ไม่ตายหรอก!!....แต่ตอนนี้เขาควรจะนึกเรื่องที่มันตะหงิดๆอยู่ในใจนี้ให้ออกเสียก่อน เรื่องที่มันคาใจที่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็นึกไม่ออก!
คิดอะไรมาเรื่อยเปื่อยเขาก็เดินมาถึงจุดใกล้หน้าประตูมหาวิทยาลัยจนได้....
“ดูสิเธอ! คนนั้นใครน่ะ หล่อเนอะ” เสียงนักศึกษาสาวคนนี้เอ่ยซุบซิบขึ้น แจจุงแทบจะไม่ใส่ใจเลยเขาไม่เข้าใจเลยว่า วันๆหนึ่งผู้หญิงพวกนี้ว่างมากรึไง ถึงมาชี้ว่าคนนู้นคนนี้หล่อเนี่ย
“หล่อน่ะมันก็จริงอยู่หรอก แต่ทำไมแต่งตัวพิลึกแบบนั้นน่ะ!”
“อาจจะมาถ่ายหนังก็ได้นิ อย่างดาราใหม่อะไรเงี้ย” เสียงของหญิงสาวคู่นั้นยังคงพูดไปเรื่อย และนั่นทำให้เขาเริ่มสนใจมาหน่อยจึงมองตามไปยังทิศทางที่พวกผู้หญิงนั้นมอง และภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าก็ทำให้เขาแทบพูดอะไรไม่ออก....
ชายหนุ่มร่างสูงรูปงามในชุดนักดาบตะวันตก....ใบหน้าคมสัน ที่ใครมองก็ชวนหลง....และที่สำคัญยังเป็นคนที่เขารู้จักดีเสียด้วย จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก....
“ยุนโฮ!!!” แจจุงร้องเรียกลั่นด้วยความตกใจขึ้นมา และดูเหมือนว่าเจ้าของนามจะได้ยินเสียงของเขาเสียด้วย เมื่อดวงตาที่น่าหลงใหลนั้นหันกลับมาทางเขาพร้อมกับเดินก้าวเข้ามาด้วยความดีใจ
“ดีใจจริงๆที่ได้พบนาย แจจุง!” เจ้าชายแห่งแวร์กลาเอ่ยด้วยความตื่นเต้น ร่างบางทำหน้าเหยเก เขารู้แล้วว่าอะไรที่มันตะขิดตะขวงใจเขามาตั้งแต่เช้า....
....ดันลืมไปว่า ไอ้เจ้าชายจากแวร์กลานั่นมันก็อยู่กับเราด้วย!!....
“แล้วนายมาที่นี่ได้ยังไง” ไม่ทันไรแจจุงก็รีบยิงคำถามที่เขาสงสัยทันที ก็ไอ้เจ้าชายเนี่ยมันมาจากต่างแดนแล้วมันรู้ได้ยังไงว่าเขามา มหาวิทยาลัย และมาถูกได้ยังไงกัน!!
“เอ่อ....ก็ เมื่อเช้าฉันเห็นนายรีบร้อน อย่างกับจะไปออกรบที่ไหนเลยคิดจะตามมาช่วยนาย ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่านายจะไปไหน ก็เลยเดินมาเรื่อยๆ แล้วก็เห็นว่ามีคนท่าทางอายุคราวเดียวกับนายมาอยู่ที่นี่กันเยอะ ก็เลยลองเสี่ยงมารอที่นี่ดูเท่านั้นน่ะ” คำตอบที่ชวนให้เขาอยากเอาหัวลงโขกกับกำแพงให้รู้แล้วรู้รอดกันไปให้ได้ สรุปว่าไอ้เจ้าชายบ้านี่มันดันดวงดี แต่ที่ดวงซวยน่ะมันเขา เพราะตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงสายตาของคนรอบด้านที่มองเขามาแล้ว....
....จะยังไงก็ช่าง! ตอนนี้เขาต้องทำอะไรสักอย่างกับเจ้าชายบ้านี่ซะก่อน!!....
....ดันออกมาจากบ้านทั้งที่ชุดก็ยังไม่ได้เปลี่ยน!!!.....
....แบบนี้ใครๆก็คงคิดว่าเขาเป็นเพื่อนกับคนบ้าที่พึ่งออกจากหลังคาแดงแหงๆ!!.....
และด้วยความรวดเร็ว มือเรียวบางก็คว้าหมับเข้ากับมือหนาของร่างสูงแล้วรีบเดินลากออกไปจากรั้วมหาวิทยาลัยโดยเร็วที่สุด และจุดหมายเดียวที่เขาคิดจะไปมีอยู่ที่เดียวเท่านั้น!!
ร้านเสื้อผ้า!!!
*********************************************************************
“เอ่อ....ตอบฉันหน่อยได้ไหมว่าทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้?”
เขาเอ่ยด้วยความสงสัยขณะที่เดินออกมาจากห้องแคบๆเล็กๆที่มีเพียงกระจกบานใหญ่ๆบานหนึ่งเท่านั้น พร้อมกับเสื้อตัวใหม่ที่ออกจะแปลกพิลึกในความคิดของเขา มันเป็นเพียงเสื้อแขนกุดที่มีรูปดาวอยู่ตรงกลาง กับเสื้อกั๊กสีออกน้ำตาล เข้ากันได้ดีกับกางเกงผ้าแปลกๆที่ร่างบางบอกว่ามันคือ กางเกงยีนส์
“แบบนี้ค่อยดีหน่อย! ฉันไม่รู้นายคิดยังไงที่ใส่เสื้อประหลาดของนายออกไปเดินโทงๆแบบนั้น” แจจุงที่นั่งรอเขาจัดการกับเครื่องแต่งกายของเขาอยู่หน้าห้องนั้นเอ่ยบอกหลังจากที่เขาเดินออกมาแล้ว ใบหน้าหล่อตีหน้าบึ้งก่อนจะตอบกลับไปว่า
“นั่นมันเป็นเครื่องทรงของฉันนะ!” เขาเถียงขึ้น แต่พลันก็โดนสายตาประดุจเหยี่ยวจากดวงตาสีนิลสวยนั้นควัมามองอย่างเอาเรื่อง จนไม่กล้าเถียงไปมากกว่านั้น
“มันอาจจะเป็นเครื่องทรงของประเทศนาย แต่ถ้าเกิดนายเอามาใส่ที่นี่นายอาจจะถูกหาว่าเป็นคนบ้าได้ โอเค?” ร่างบางตอบเขาอย่างมีเหตุผลซึ่งเขาว่ามันก็จริง เพราะที่นี่ไม่ใช่ดินแดนบ้านเกิดของเขา อย่างว่า...เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม....
“เดี๋ยวฉันจะซื้อเสื้อผ้าให้นายใส่อีกนิดนึงแล้วกัน เพราะฉันไม่คิดว่านายจะใส่ของฉันได้หรอกนะ” ว่าแล้วร่างบางก็เดินออกไปเลือกซื้อเสื้อผ้าที่คิดว่าเหมาะกับตัวเขา ยุนโฮไม่พูดอะไรเพียงมองตามร่างบางไปไม่วางสายตา แววตาที่เหมือนจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่างของร่างบางทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา...
....ร่างบางยามนี้ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ....
หลังจากการเลือกซื้ออยู่ครู่ หอบถุงผ้าของเสื้อผ้าของยุนโฮที่แจจุงเลือกซื้อมาก็เยอะแยะ จากแค่ ถุงเดียวก็เริ่มเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆจนตอนนี้มีเสื้อผ้าเฉพาะของตัวยุนโฮมากกว่า 4 ถุงเสียแล้ว....
“เอาล่ะ เรียบร้อย ทีนี้นายก็พอจะมีเสื้อใส่แล้ว” แจจุงว่าเสร็จก็ยื่นถุงทั้งสี่ให้กับเขาที่มองตามอย่างงงๆ ดวงตาคมของร่างสูงแสดงความฉงนออกมาเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนตัวคนหน้าหวานก็รู้ว่าร่างสูงหมายถึงอะไร...
“นี่เป็นของ ของนายเพราะฉะนั้นนายก็ต้องเป็นคนถือ” พอพูดเสร็จมือบางก็จับยัดถุงทั้งหมดนั่นลงมือของยุนโฮ คนเป็นเจ้าชายตวัดสายตามองร่างบางอย่างไม่พอใจ แต่ตัวคนหน้าหวานกลับไม่ได้สนใจแถมยังเดินนำหน้าเขาออกจากร้านไป ไอ้ตัวเขาก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนจึงได้แต่เดินตามไปเท่านั้น....
....นี่เป็นครั้งแรกที่ คนอย่าง เจ้าชายจองยุนโฮ ต้องถือของเอง!!.....
“จริงสิ นายหิวไหม?” ร่างบางหันกลับมาถามเขาอย่างพึ่งนึกได้ จริงๆแล้วตอนนี้เขาไม่ใช่แค่หิวธรรมดา แต่เขาหิวพอจะกินช้างได้ทั้งตัวเลยก็ว่าได้ให้ตายสิ! ตั้งแต่เช้าตื่นมายังไม่ได้กินอะไรเลย จนตอนนี้ก็เข้าเวลาสายใกล้เวลาเย็นก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย!
แต่ว่าเขาเป็นเจ้าชายจะให้พูดกับคนต่างถิ่นว่าเขาหิวข้าวได้ยังไงกัน....มันเหมือนกับว่าเขาต้องขออาหารกิน ทำตัวอย่างกับเป็นขอทานชัดๆ!! เจ้าชายยุนโฮทำไม่ได้!!
เพราะเกียรติถือดีของเจ้าชายมันทำให้เขาไม่สามารถพูดได้ แต่ท้องเจ้ากรรมกลับไม่รักดี ดันร้องโครกครากออกมาซะดังให้ตัวคนร่างบางได้ยินชัดแจ๋ว พอคนหน้าหวานได้ยินแบบนั้นก็อดขำไม่ได้ จึงได้แต่แอบกลั้นเสียงหัวเราะ ยุนโฮได้แต่ก่นด่าท้องของตัวเองที่ทำให้เขาเป็นตัวตลก แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น....ทว่าเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายมีรอยยิ้มและท่าทางสนุกสนานร่าเริงแบบนั้น เขาก็เผลอจ้องเสียนาน....
....อา....ยังไงก็เหมือนนางฟ้า.....
....ถ้าไม่ติดว่าดุอย่างกับนางพญาสิงโตแบบนั้นน่ะนะ!!....
“โอเคๆ งั้นเดี๋ยวแวะไปซื้อของสดกันแล้วเดี๋ยวฉันจะทำอะไรให้กินนะ” แจจุงบอกพร้อมกับเดินนำหน้ายุนโฮไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนร่างสูงที่เดินตามหลังมาก็ลอบยิ้มก่อนจะเดินตามไปต้อยๆ....
*********************************************************************
ร่างบางเดินเลือกซื้อของอาหารสดโดยมี เจ้าชายจากแวร์กลามาช่วยเป็นลูกมือขนของ แม้ตอนแรกคนเป็นเจ้าชายจะทำหน้าไม่เต็มใจนัก แต่พอขู่เข้าหน่อยว่า จะไม่ให้กินข้าว ก็ยอมทำตามแต่โดยดี นั่นทำให้เขานึกขำ ขนาดคนอย่างเจ้าชายจากต่างมิติยังยอมได้ทุกอย่างเพื่อข้าวปลาเหมือนกัน....
น่าแปลกทั้งที่วันนี้มันก็เหมือนทุกๆวันที่เขาต้องมาซื้ออาหารสดเพื่อเอาไปตุนไว้สำหรับการทำอาหาร แต่วันนี้เขากลับรู้สึกสนุกกว่าครั้งไหน กับการจับจ่ายของที่ตลาด....อาจจะเป็นเพราะมีใครบางคนมาอยู่ด้วย คอยคุยกับเขาถามเขาเรื่องนู้นเรื่องนี้ ทำให้เขาไม่รู้สึกเหงา....
.....อย่างน้อย....วันนี้เขาก็ไม่ได้อยู่คนเดียวล่ะนะ.....
“แจจุง แจจุง!” เสียงเรียกของยุนโฮทำให้เขาประหลาดใจก่อนจะมองไปทางเจ้าของเสียงซึ่งดูกำลังตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง ร่างบางสาวเท้าเดินเข้าไปหาและพบว่าชายหนุ่มกำลังมายืนอยู่หน้าร้านขายซาลาเปา
“นี่มันคืออะไรกันเหรอ ?แจจุง” ดวงตาคมมองร่างบางทีกับก้อนขนมสีขาวหน้าตาประหลาดนั้นอย่างใคร่รู้ และเพราะท่าทางซื่อๆของเจ้าชายที่พยายามเก๊กตลอดวันนี้นั้นมันขัดกันโดยสิ้นเชิงทำให้เขารู้สึกขบขัน เหมือนกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กเล็กๆที่กำลังเรียนรู้กับสิ่งรอบด้าน
“อ๋อ....นั่นน่ะเขาเรียกว่า ‘ซาลาเปา’ เป็นของกินที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนน่ะ” แจจุงอธิบายแต่เหมือนว่ายิ่งอธิบายขยายความเท่าไหร ฝ่ายพยายามรับข้อมูลก็จะยิ่งงงมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเห็นว่าถึงอธิบายไปก็คงเท่านั้น ร่างบางจึงตัดสินใจซื้อมาให้ลองกินเลยดีกว่าล่ะมั้ง ว่าแล้วร่างบางก็ซื้อซาลาเปาใส้หมูสับมาสองลูก แล้วจึงยื่นลูกหนึ่งให้กับร่างสูง....
“เอ้า! ถ้าไม่ลองกินก็คงไม่รู้หรอกว่าอร่อยรึเปล่า” มือเรียวยื่นของกินที่ว่านั่นให้กับเขา เจ้าชายยุนโฮรู้สึกชั่งใจมากในการที่จะรับมันมา....
แต่ไหนแต่ไร....เขาถูกสอนไม่ให้รับอาหารจากคนอื่นหากยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ว่ามียาพิษรึเปล่า นั่นเพราะอาจจะมีใครคิดร้ายกับเขาก็ได้....แล้วยิ่งมาต่างถิ่นเช่นนี้ทำให้เขาไม่กล้าไว้ใจอะไรทั้งนั้น....
....แต่มันน่าแปลก.....
.....ที่เขากลับไว้ใจร่างบางเบื้องหน้าอย่างน่าประหลาด......
มือหนารับซาลาเปามา แล้วค่อยๆใช้ปากกัดลิ้มรสชาติของมัน รสชาติแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จักแต่มันก็ให้ความรู้สึกรสชาติกล่มกล่อมหอมอร่อยเป็นที่สุด โดยเฉพาะกับเขาที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องแต่เช้าแล้ว....
“อร่อย....” ยุนโฮเอ่ยเสียงค่อย นั่นเรียกความสนใจจากร่างบางด้านข้างได้มากทีเดียว คนสวยคลี่รอยยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่ยออกเป็นแนวถามขึ้นว่า
“ใช่ไหมล่ะ....เอาล่ะ ของที่ต้องซื้อก็หมดแล้ว งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ” ร่างบางว่าเสร็จสับพร้อมกับเดินนำหน้าไป ทว่าร่างสูงกลับยืนนิ่งแล้วพึมพำขึ้น แต่คนสวยหูดีก็ได้ยินด้วยแน่นอน
“บ้านงั้นเหรอ?” แจจุงขมวดคิ้วเข้าเล็กน้อยก่อนจะบอกกลับไปว่า...
“ก็ใช่น่ะสิ หรือนายจะนอนกลางตลาดแบบนี้ก็ได้นะ ฉันไม่ว่าหรอก” ว่าแล้วก็แขวะทีประชดทีเข้า แต่เหมือนคนถูกแขวะจะยังไม่รู้สึกตัวกลับ ยังคงถามด้วยท่าทางซื่อๆ
“บ้านของนายน่ะเหรอ?” พอได้ยินแบบนั้น เจ้าของดวงหน้าสวยก็ถอนหายใจออกมาเบา....คงยังไม่ไว้ใจเขาอยู่ดีนั่นแหละ....แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกร่างสูงอยู่บ้างจึงคลี่ยิ้มใสออกไปบางๆแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน....
“นี่ยุนโฮ ฉันก็บอกนายแล้วไง ว่าบ้านของฉันก็เหมือนกับบ้านของนายไง...เอ้า! อย่ามัวแต่ชักช้ากลับบ้านกันได้แล้ว!” ร่างบางย้ำอีกครั้งพร้อมกับเดินนำหน้าไป ปล่อยให้ชายหนุ่มร่างโปร่งมองตามไปพร้อมรอยยิ้มจางๆที่คงไม่มีใครสังเกตปรากฏขึ้นบนใบหน้าก่อนจะหิ้วของสดมากมายที่ร่างบางซื้อมาจนเขาต้องถือจนล้นแขนตามแจจุงไป....
....ถึงเขาจะไกลสถานที่ที่เรียกว่า ‘บ้าน’ จากดินแดนมาไกล....แต่อย่างน้อยในตอนนี้ เพราะได้อยู่กับคนๆนี้ เขาก็....ยังพอมีสถานที่ที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘บ้าน’ ได้บ้างล่ะนะ.....
....วันธรรมดาที่แสนน่าเบื่อกับอะไรเดิมๆ แต่จากนี้....ตั้งแต่วันนี้ไป มันคงจะไม่น่าเบื่ออย่างที่ตัวเขาคิดก็ได้ คนอย่างคิม แจจุงกล้าสาบานได้เลย.....
*********************************************************************
ความคิดเห็น