คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ::Chapter 3::
Chapter 3:
“ไม่เป็นไรนะ มินมิน ต่อจากนี้พี่จะดูแลนายเอง......”
คำพูดของเมื่อวันวานที่แม้ว่าจะผ่านมาไม่รู้กี่ปีแล้วก็ตามยังคงตราตรึงอยู่หัวใจของเขา ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน....คำมั่นสัญญาตั้งแต่เด็กๆที่พี่ยุนโฮสัญญาไว้ แม้ว่าสำหรับคำสัญญานั้นมันจะเป็นเรื่องที่นานมากแล้ว....นับตั้งแต่เขาสูญเสียคุณลุงที่เลี้ยงเขามา.....
“พี่ยุนโฮ.....” ชางมินพึมพำเรียกชื่อของร่างสูงผู้เป็นพี่ชายแผ่วเบาหากแต่นุ่มนวล ร่างโปร่งทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่ม...ขณะที่ดวงตาคู่สวยหรุบลงเพื่อนึกถึงความหลังครั้งสมัยวัยเยาว์....และในที่สุดก็เผลอหลับไปอีกแล้ว
**********************************
.....พี่ยุนโฮ......
.....ผมยังจำได้ดีตั้งแต่วันที่เราได้เจอกันครั้งแรก.....
เรื่องราวของผมกับพี่ยุนโฮ....เริ่มขึ้นเมื่อหลายปีก่อน กับตัวผมที่เป็นเด็กกำพร้าสูญเสียคุณพ่อคุณแม่ไป แต่ผมก็จำไม่ได้หรอกว่า ท่านทั้งสองเสียชีวิตได้อย่างไร หน้าตาของพวกท่านเป็นอย่างไรผมก็จำไม่ได....เพราะอะไรน่ะเหรอ?....เพราะว่าผมความจำเสื่อม....ความทรงจำแรกของผมเริ่มเมื่อผมได้มาอยู่ที่บ้านของคุณลุง ผมมาที่นี่ได้อย่างไรผมก็ไม่แน่ใจเพียงแต่มีภาพลางๆของชายหนุ่มที่ผมไม่แน่ใจว่ารู้จักเขารึเปล่า พาผมมาที่บ้านของคุณลุง...พี่ชายของคุณแม่....ญาติเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ของผม....แต่เพราะผมอยู่สภาวะที่ไม่ค่อยปกติจึงลืมเรื่องของชายหนุ่มคนนั้นไปได้อย่างรวดเร็ว....
“ไม่เป็นไรนะ ชางมิน จากนี้ ชางมิน มาอยู่กับลุงนะ” คุณลุงผู้แสนใจดีเอ่ยกับผมอย่างนั้น ตัวผมที่ตอนนั้นคงจะตกใจกับเรื่องเกี่ยวกับความทรงจำต่างๆที่ผ่านๆมา....สิ่งเดียวที่ผมจำได้คือชื่อของผม...ชิม ชางมิน.....
ตอนนั้นผมเพียงแค่พยักหน้ารับคำพูดของคุณลุงเท่านั้น หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยพูดอะไรอีกเลย อย่าว่าแต่พูดเลยครับ....แม้แต่จะขยับไปไหน หรือแสดงสีหน้าอาการท่าทางอะไร ผมก็ไม่ทำทั้งนั้น ผมเองก็รู้ว่าคุณลุงเป็นห่วงแค่ไหน เพียงแค่เห็นดวงตาหมองๆที่มองมายังผมทุกครั้งที่ท่านพยายามจะพูดคุยกับผม....
แต่ว่า....อะไรบางอย่างที่อยู่ในใจบอกกับผมว่า ผมไว้ใจไม่ได้ ผมจะไว้ใจและเชื่อใจใครไม่ได้เด็ดขาด ห้ามเชื่อใคร!!! อะไรบางอย่างที่บอกผมเช่นนั้นเสมอ ทำให้ผมขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่พูดกับใคร ไม่ยอมพบเจอใครทั้งนั้น....จนคุณลุงของผมคงทนเห็นผมกลายเป็นเด็กที่เหมือนจะเป็นใบ้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...
ในวันนั้น....คือในที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้....วันนั้นคุณลุงพาเด็กผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาหาผม ดูจากท่าทางแล้วเข่าน่าจะไล่เลี่ยกว่าผม คงจะแก่กว่าไปเกิน 2 ปีนั่นแหละ....
“สวัสดี ชางมิน ใช่ไหม? พี่ชื่อ ชอง ยุนโฮนะ แก่กว่าชางมิน 2 ปีล่ะ” เด็กคนนั้นแนะนำตัวกับ แน่นอนว่าผมก็ยังคงมีปฏิกิริยาเดิม คือ เงียบ......
“อ่า....คือพี่พูดไม่ค่อยเก่งอ่ะนะ แต่ว่า....พี่อยากสนิทกับชางมินนะ” เด็กชายที่ ผมมองว่ายังไงก็หล่อเป็นบ้า ขนาดเด็กๆยังหล่อได้ขนาดนี้แล้วโตขึ้นจะหล่อได้อีกไหมเนี่ย? หัวสมองของผมก็ดันเริ่มพิเรณท์โดยการจินตนาการภาพของคนเบื้องหน้า....ในอนาคตที่ยังมาไม่ถึงอย่างเพลิดเพลิน....
“เอ่อ....” เด็กชายที่ชื่อ ยุนโฮ นั่นดูเหมือนจะเสียศูนย์ไปเมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมตอบอะไรเขาสักอย่าง และผมก็คิดว่าเขาคงจะยอมแพ้แล้ว แต่มันไม่ใช่เลย....
“มีเรื่องอะไรอยู่ในใจรึเปล่า?.....ถึงนายจะไม่ยอมพูดอะไรออกมา....แต่ความเศร้าของนายน่ะมองบอกฉัน.....ผ่านดวงตาของนาย.....” ยุนโฮคนนั้นเอ่ยบอกผม ขณะที่ดวงตาเจ้าเสน่ห์ของเขาจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของผมจนผมเผลอก้มหน้าหลบด้วยความเขินอายขึ้นมา.....มืออุ่นๆของเด็กชายคนนั้นลูบเส้นผมนุ่มของผมไปมาอย่างอ่อนโยน....ไม่รู้ทำไมผมก็รู้สึกหัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกอบอุ่น....แต่ที่ยิ่งกว่านั้น.....
.....ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องเขินด้วย.....
“ยังไม่ต้องคุยกับฉันตอนนี้ก็ได้นะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่นะ” แล้วยุนโฮคงนั้นก็ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ตอนนั้นผมก็คิดจริงๆว่าแปลกคน แต่ผมก็ไม่ได้ใคร่ใส่ใจอะไรมากมาย ทุกวันหลังจากนั้นเด็กชายที่ชื่อ ยุนโฮ คนนั้นจะคอยมาหาผมทุกวัน....คอยมาคุยให้ผมฟังเล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟัง แม้ว่าผมจะไม่เคยตอบอะไรสักครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมจะไม่ตั้งใจฟังเขา.....
ยอมรับนะครับ เมื่อก่อนแรกๆที่เขาคอยมาหาผมทุกวันแบบนั้น ผมน่ะทั้งเบื่อทั้งรำคาญที่สุด ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องขยันมาหาผมนักหนา ทั้งที่ก็รู้ว่าถึงมาผมก็ไม่ยอมพูดด้วยอยู่ดี.....แต่ก็ยังมาคอยคุยกับผม....
ตอนนี้ผมไม่รำคาญเขาอีกต่อไปแล้วล่ะครับ แต่ผมก็ยังไม่สามารถจะคุยกับเขาตอบได้อยู่ดี อะไรบางอย่างที่บอกผม...ว่าอย่าไว้ใจใครทั้งนั้น ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงคิดอย่างนั้นทั้งที่....เอ่อ....พี่ยุนโฮ....ต้องเรียกอย่างนี้สินะก็เขาแก่กว่าผมนิ....ทั้งที่พี่ยุนโฮ เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรสักหน่อย....
จนเกือบจะหนึ่งเดือนแล้วที่ผมรู้จักกับพี่ยุนโฮ และก็ไม่มีวันไหนเลยที่พี่เขาจะไม่มาหาผม พี่ยุนโฮมันจะมาหาผมจนเหมือนกลายเป็นกิจวัตรไปเสียแล้ว....น่าแปลก....วันนี้ผมยังไม่เห็นพี่ยุนโฮมาเลย ไม่มีแม้แต่วี่แววหรือเงาของเขาที่เข้ามาในบ้านหลังนี้....
วันนี้ผ่านไปด้วยความว่างเปล่า เมื่อไม่มีพี่ยุนโฮมาคอยคุยกับผม....ไม่สิ แค่ไม่มีพี่ยุนโฮอยู่ในห้องกับผม มันก็รู้สึกหว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก ผมนั่งรอพี่ยุนโฮตลอดตั้งแต่เช้าจนเกือบห้าทุ่มและนั่นมันก็ดึกมากสำหรับเด็กเล็กๆอย่างผม....ในที่สุดผมก็ผล็อยหลับไป.....
......สงสัยว่าพี่ยุนโฮ คงจะหมดความพยายามที่จะคุยกับผมแล้วมั้ง.....
ผมคิดอย่างนั้นจริงๆในตอนนั้น พอผมตื่นขึ้นในวันใหม่ ผมก็ยังคงแอบลอบมองไปที่ประตูเป็นครั้งคราวใจลึกๆก็หวังว่าอยากให้พี่ยุนโฮมา.....แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แวว....วันนี้ผมตั้งใจว่าจะรอพี่เขาจนถึงแค่ตอน 10 โมงเท่านั้น....เพราะอะไรถึงต้องเป็นตอน 10 โมงน่ะเหรอ? เพราะว่ามันเป็นเวลาที่พี่ยุนโฮสายที่สุดถ้าหากว่าวันไหนจะมาหาผม....
เข็มยาวใกล้ชี้เลข 12 ใกล้หมดเวลาที่ผมตั้งใจไว้แล้ว....ความหวังเล็กๆของผมพลันสลายหายไปเพียงพริบตา ความผิดหวังเข้ามาแทนที่....ยังไงก็คงจะเชื่อใจใครไม่ได้จริงๆ.....
ขณะที่ขาทั้งสองข้างของผมจะพาเดินไปจากหน้าประตูที่ผมมายืนเฝ้ารอตั้งแต่เช้า ตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงคนเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน ผมรีบหันกลับไปมองทางประตูวินาทีนั้นผมรู้สึกได้ว่าหัวใจของผมกำลังพองโตขึ้นมา....
คนที่ผมเฝ้าคิดถึงตั้งแต่เมื่อวานตอนนี้มาปรากฏตัวต่อหน้าผมแล้ว พี่ยุนโฮเหมือนจะวิ่งมาเห็นเขาหอบแฮ่กๆ แต่ที่ผิดสังเกตกว่านั้นที่แขนข้างซ้าย....เข้าเฝือก?.....
“แฮะๆ ขอโทษทีนะ ชางมิน ที่เมื่อวานพี่ไม่ได้มาหาแถมวันนี้ก็เกือบสายอีก” ประโยคแรกที่พูดกับผมนั้นทำให้ผมหัวใจเต้นแรงขึ้นมานิดๆ....ผมเดินเข้าไปใกล้พี่เขาพร้อมกับยกมือขึ้นลูบเฝือก แล้วช้อนตาสบกับดวงตาคู่คมเป็นเชิงถาม...และเหมือนพี่เขาจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร พี่เขาเพียงแค่ยิ้มแห้งๆ หัวเราะแฮะๆก่อนจะตอบไปเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่....
“คือว่า....พอดีเมื่อวานตอนที่พี่จะมาหาชางมิน พี่แบบว่า....ลื่นล้มตกบันไดที่บ้านเพราะรีบไปหน่อยน่ะ ก็เลยต้องไปหาหมอ....คุณหมอบอกว่ากระดูกที่แขนพี่มันกระเทือนก็เลยต้องเข้าเฝือกกันไว้ก่อน แม่ของพี่เขาก็ไม่ยอมให้พี่มาน่ะ ความจริงวันนี้พี่แอบหนีมาล่ะ ก็พี่อยากมาหาชางมินมากกว่า....” พอได้ยินคำอธิบายแสนอบอุ่น กับรอยยิ้มเสียงหัวเราะแห้งๆ แต่นั่นก็ทำให้หัวใจของผมรู้สึกชุ่มชื่นขึ้นมา....
เหมือนกับความด้านชาและหวาดระแวงในหัวใจหายไป เมื่อได้เห็นความจริงใจจากคนตรงหน้านี้ และเมื่อไหรก็ไม่รู้ที่น้ำตาของผมไหลออกมา ความรู้สึกที่หลากหลายประดังเข้ามาทำให้ผมรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก...ทั้งสุข ตื้นตัน....
แต่....ทุกความรู้สึกนั้นล้วนแต่เป็นความรู้สึกดีๆทั้งนั้น.....
“เจ็บ...มากรึเปล่าครับ....” นับว่าเป็นคำพูดแรกของผมตั้งแต่ ผมมาอยู่ที่นี่พี่ยุนโฮดูจะตกใจมากที่ในที่สุดผมก็ยอมคุยกับเขา แต่นั่นคงไม่เท่ากับที่พี่เขาเห็นน้ำตา เสียงของผมสั่นเครือเพราะเสียงสะอื้น เรียวนิ้วของพี่ยุนโฮปาดคราบน้ำตาออกจากขอบดวงตาของผม....
“พี่ไม่เจ็บหรอก ชางมินไม่ต้องร้องไห้นะครับคนเก่ง” น้ำเสียงของพี่ยุนโฮอ่อนโยนจนมันแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของผมอย่างง่ายดาย ความหวาดระแวงหายไปจากใจของผมจนหมดสิ้นเมื่อมีคนๆนี้อยู่ด้วย....มีเพียงความอบอุ่นที่แทรกเข้ามา....
“มินมิน.....” ผมพึมพำเสียงเบา พี่ยุนโฮทำหน้างงกับคำพูดของผม....
“หืม? อะไรเหรอชางมิน”
“เรียกผมว่า....มินมิน เถอะนะครับ พี่ยุนโฮ....” ผมบอกพี่เขาเหมือนเป็นการแสดงความวางใจ เพราะชื่อเล่นนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เขาอนุญาตให้ใครเรียก มันเป็นชื่อที่...ผมเองก็จะไม่ได้ว่าทำไมผมถึงได้หวงแหนชื่อนี้นักหนา....รู้แต่ว่าผมจะให้เฉพาะคนที่ผมวางใจได้เรียกเท่านั้น.....ทางพี่ยุนโฮมองผมอีกครั้งจึงคลี่ยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับน้ำมือขึ้นมาลูบเส้นผมของผมอย่างอ่อนโยน
“ตกลงครับ มินมิน....”
แค่ได้ยินเสียงอ่อนโยนที่เรียกชื่อเล่นของผม ผมก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาในหัวใจ อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก พลันหัวใจของผมก็เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ....
ช่วงเวลาแห่งความสุขของผมจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่วันนั้น ผมที่ไม่เป็นเด็กเก็บตัวอีกต่อไปแล้ว มีทั้งครอบครัวที่ใจดีอย่างคุณลุงคอยดูแล แถมยังมีพี่ชายที่แสนดีอย่างพี่ยุนโฮอยู่เคียงข้าง แค่นี้ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว....
ทั้งที่ช่วงเวลาของผมกำลังมีความสุขถึงที่สุดก็เหมือนหยุดชะงัก เมื่อคุณลุงที่แสนใจดีของผมประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตอนนั้นผมเสียใจแทบจะขาดใจ ผมร้องไห้ไม่หยุด....แม้ว่าคุณลุงจะมีเงินทองมากมายที่ท่านได้ทำพินัยกรรมยกให้ผมไว้แล้ว เผื่อท่านเป็นอะไรไป ผมไม่เคยคิดอยากได้มันเลย เพราะถึงจะมีเงินก็สู้ไม่ได้กับการมีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่เคียงข้าง....
ในงานศพวันนั้นของคุณลุงผมยังคงโศกเศร้า ไม่รู้ว่าจะพึ่งพาใครอีกต่อไปดี....ผมไร้ที่พึ่งพิงแล้ว และในวันนั้นพี่ชายแสนดีที่เคียงข้างผมมาตลอดก็เดินเข้ามาหาผม แล้วกอดปลอบประโลมผมพร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ผมจดจำมาจนถึงวันนี้....
“ไม่เป็นไรนะ มินมิน...พี่สัญญาจากนี้พี่จะดูแลนายเอง.....”
ผมดีใจเหลือเกินที่ได้ยินคำนั้นมันเหมือนกับมีคนคอยเคียงข้างผม หัวใจของผมเต้นแรงขึ้น และผมก็เริ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นทีละนิด....ผมรักพี่ยุนโฮ.....ตอนนั้นผมได้แอบสาบานกับตัวเองอยู่ในใจ....
.....ผมจะทำทุกอย่างเพื่อความสุขของพี่ยุนโฮ.....
.....ต่อให้นั่นต้องแลกมาด้วยความทุกข์ของผมเองก็ตาม......
หลังจากนั้นผมกับพี่ยุนโฮยังคงความสัมพันธ์ในฐานะของความเป็นพี่น้องที่แสนดีกันเสมอมาพี่ยุนโฮดูแลผมได้ตามที่เขาสัญญาไว้ไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ผมอยากให้มันเป็นอย่างนี้ตลอดไป แต่หัวใจของผมก็ดันทรยศเพราะ....ความรัก.....ที่มีหี่ยุนโฮมันเริ่มทำให้ผมเห็นแก่ตัวขึ้นมานิดๆ เพราะมันเป็นความรักที่อยากจะให้พี่ยุนโฮเป็นของผมคนเดียว ไม่อยากจะแบ่งความอ่อนโยนของพี่ยุนโฮให้ใครทั้งนั้น.....
แต่....ผมคงจะโลภมากเกินไป......
แม้ว่าผมกับพี่ยุนโฮจะเรียนอยู่กันคนละโรงเรียนกัน แต่ว่าพี่ยุนโฮก็คอยทำหน้าที่รับส่งผมไม่ให้ขาดตั้งแต่ผมก่อนจะขึ้นมัธยมต้นปี 1 ได้หนึ่งปีจนตอนนี้ ผมกำลังจะขึ้นชั้นม.ปลายแล้ว.....พี่ยุนโฮที่แสนดีก็ยังคงคอยไปรับไปส่งผมจนเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว.....
ผมมีความสุขมากกับความเอาใจใส่ของพี่ยุนโฮที่มีให้กับผมจนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่พวกผมกำลังเดินทางกลับบ้านกัน....
“เอ่อ....นี่....มินมิน รู้จักคนที่ชื่อ คิม แจจุง ที่อยู่ชั้นปีเดียวกับพี่รึเปล่า?” พี่ยุนโฮถามผม แน่นอนว่าผมรู้จัก ก็ใครจะไม่รู้จัก หนุ่มหน้าสวยที่ใครๆต่างก็หมายปอง รุ่นพี่ที่อยู่แผนกม.ปลาย ของโรงเรียนของผม....แถมยังเป็นรุ่นพี่ร่วมชมรมขับร้องประสานเสียงเดียวกับผมอีกต่างหาก....
ซึ่งน่าแปลก เพราะพี่แจจุงคนสวยคนนั้นเป็นอีกคนที่ผมวางใจถึงขนาดยอมให้เรียกชื่อเล่นที่ผมแสนหวงแหนนั้น....มินมิน....ผมยอมให้พี่แจจุง ผู้ใจดีและแสนอ่อนโยนคนนั้นเรียกผมด้วยชื่อนี้....
“รู้จักครับ พี่แจจุงทำไมเหรอครับ?”
“คือว่า....ฟังแล้วห้ามหัวเราะนะ มินมิน คือว่า พี่แอบชอบแจจุงเขาอ่ะ” คำตอบของพี่ยุนโฮที่ทำเอาผมเกือบหยุดหายใจ....พี่ยุนโฮแอบชอบพี่แจจุง.....พี่ยุนโฮรักพี่แจจุงสินะ.....เหมือนหัวใจของผมถูกบีบอย่างแรง....
“หระ....เหรอครับ แล้วพี่ยุนโฮ....ทำไมถึงแอบชอบพี่แจจุงล่ะครับ?” ผมลอบถามเพื่อคลายบรรยากาศตึงเครียดที่เกิดขึ้นกับผม อย่างน้อยก็ยังอยู่ในเรื่องที่คุยกัน และไม่ใช่คำถามที่คำตอบที่ออกมานั้นจะทำให้ผมเจ็บปวดเท่าไหรนัก...
“อืม....เพราะว่าวันที่ไปดูมินมินแสดงชมรมตอนงานโรงเรียนของมินมินครั้งที่แล้วที่พี่หาเราไม่เจอน่ะ พี่หลงทาง แล้ว...แจจุงเขามาช่วยพี่น่ะ พี่ก็เลยตกหลุมรักเขา จะเรียกว่า รักแรกพบ ก็ได้ล่ะมั้ง”พี่ยุนโฮเล่าไป ผมก็เพียงแค่ฟังเงียบๆและไม่พูดอะไร
....ก็ไม่เห็นจะแปลก....คนที่ทั้งสวยแล้วก็ใจดีอย่างพี่แจจุง.....
.....ถ้าพี่ยุนโฮจะหลงเสน่ห์ที่น่าหลงใหลนั่นก็คงจะไม่แปลกอะไร.....
“แหมๆ พี่ยุนโฮหวังสูงนะ พี่แจจุงน่ะเสน่ห์แรงจะตาย” ผมแกล้งหยอกขึ้น เรียกให้ใบหน้าหล่อๆของคนที่เรียกได้ว่า พี่ชายแสนดีตลอดกาลของผมนั้นถึงกับแสดงสีหน้าผิดหวัง คอตกเชียว...
“ก็นั่นแหละปัญหา....พี่ขอร้องเถอะนะมินมิน ช่วยให้พี่ได้มีโอกาสใช้แวลากับแจจุงหน่อยเถอนะ พี่รักแจจุงจริงๆ” อยู่ดีๆพี่ยุนโฮก็เอ่ยขอร้องผมขึ้น นั่นทำให้ผมสะดุดไปทีเดียว จะให้ผมรับฟังพี่พร่ำบอกรักของคนอื่นผมทนได้นะ แต่เรื่องนี้....
“ขอร้องนะมินมิน” พี่ยุนโฮเอ่ยอีกครั้งสายตาของพี่ยุนโฮคือการขอร้องจากหัวใจ....
“ตกลงครับ...ผมจะช่วยเท่าที่ทำได้แล้วกันนะครับ” ผมตอบออกไปทั้งที่หัวใจพร้อมจะแตกสลายได้อย่างง่ายดายเหมือนกับแก้วใสยามตกกระทบพื้น....พี่ยุนโฮยิ้มแป้นขึ้นทันทีที่ได้ยินคำตอบของผม....
“ขอบใจนะมินมิน นายเนี่ยเป็นน้องชายที่น่ารักที่สุดในโลกเลย พี่รักนายจัง!” พี่ยุนโฮบอกกับผมด้วยท่าทีร่าเริงสุดๆ ผมไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มตอบบางๆเท่านั้น....พี่ยุนโฮ....พี่ยุนโฮเคยรู้ไหมครับ ว่าน้องชายคนนี้ ‘รัก’ พี่ยุนโฮจากใจจริง.....
แน่นอนว่าถึงหัวใจของผมจะต้องเจ็บช้ำก็ตาม ผมก็ยินดีที่จะทำ ถึงจะต้องย่ำยีหัวใจตนเองจนแหลกสลาย แต่ถ้านั่นคือความสุขของพี่ยุนโฮผมก็จะทำ....
ผมทำตามที่พี่ยุนโฮขอร้องนั่นคือการทำหน้าที่เป็น ‘พ่อสื่อ’ ให้พี่ยุนโฮกับพี่แจจุง ความสัมพันธ์ของทั้งสองก้าวหน้าขึ้นรวดเร็ว โดยมีผมเป็นคนเชื่อมความสัมพันธ์นี้ และไม่นานนักที่พี่แจจุงตอบรับคำสารภาพรักของพี่ยุนโฮ.....
ถึงผมจะมองพี่ยุนโฮอยู่ห่างๆ แต่ผมก็รู้ว่าพี่ยุนโฮมีความสุขแค่ไหน ถึงผมจะเจ็บเจียนตาย ที่ความรักของผมที่มีต่อพี่ยุนโฮจะต้องเก็บซ่อนไว้ภายใน....
แต่แค่ได้เห็นพี่ยุนโฮมีความสุขแบบนี้ ผมก็พอใจแล้ว....ใช่ถึงผมจะไม่อยู่ถ้ามีพี่แจจุงอยู่ด้วย พี่ยุนโฮก็จะมีความสุขได้......
พี่ยุนโฮครับ....น้องชายคนนี้ของพี่รักพี่นะครับ.....ถ้าแค่พี่ยุนโฮมีความสุขผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว....
**********************************
ชางมินตื่นขึ้นจากห้วงความฝันที่ก่อเกิดขึ้นจากความทรงจำในอิดีตที่แม้จะผ่านมานานมากแล้วก็ยังคงตรึงในความทรงจำของเขาไม่เสื่อมคลาย....ดวงตาคู่สวยเหลือบไปมองกรอบรูปที่ใส่รูปถ่ายใบสวยที่มีเขากับยุนโฮและแจจุงกำลังยิ้มอย่างร่าเริงสดใสอยู่ในภาพ....
“พี่ยุนโฮ....ผมรักพี่ยุนโฮนะครับ ไม่ว่าจะผ่านไปยังไงผมก็จะรักพี่ยุนโฮ....” ร่างบางเอ่ยบอกกัยหนุ่มหล่อที่อยู่ในรูปคำมั่นสัญญาที่เขาต้องคอยพูดกับรูปถ่ายนี้เสมอ ชางมินคลี่ยิ้มหวานใสบางๆเมื่อยิ่งจ้องใบหน้าเหลาของพี่ชายผ่านกรอบรูป....ทว่าอยู่ดีๆเขาก็นึกถึงดวงหน้าหล่อของคนที่พึ่งรั้กันเร็วๆนี้ขึ้นมา...
“อึ๋ย....ทำไมต้องนึกหน้าตของตาบ้านั่นด้วยเนี่ย” ชางมินแอบกร่นด่าตัวเองอยู่ในใจที่ดันไปคิดถึงเรื่องของตาบ้านั่นอีก....ร่างบางพยายามทำลืมไปโดยการลงมือทำงานที่ถูกสั่งให้ทำเป็นรายงานนั้น โดยไมคิดจะสนใจอะไรอีกเลย....
ความคิดเห็น