คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ::Chapter 2: เจ้าชายรัชทายาทแห่งแวร์กลา::
Chapter 2: เจ้าชายรัชทายาทแห่งแวร์กลา
เสียงนกร้องยามเช้า แดดอ่อนๆที่ลอดส่องตามริมหน้าต่าง ลมที่พัดโชยมาเบาๆ ทั้งที่วันอากาศดีแบบนี้จะเป็นวันที่ คิมแจจุง ควรจะรู้สึกสบายใจและสงบใจมากที่สุด....แต่ทว่า....
“ตื่นได้แล้ว คุณจองยุนโฮ”
ร่างบางเอ่ยเสียงอย่างเก็บอารมณ์และพยายามสงบใจให้ใจเย็นให้ได้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ขณะที่เอื้อมสะกิดปลุกร่างสูงใต้ผ้าห่มในห้องนอนสำหรับแขกภายในบ้านของเขา แต่....ร่างข้างใต้ผ้าห่มก็ไม่มีวี่แววจะตื่นเลยแม้แต่น้อย....
“นี่! นายตื่นได้แล้วนะ” แจจุงเริ่มออกแรงปลุก พร้อมขึ้นเสียงดังอีกหน่อยหนึ่งและคราวนี้ถ้าจะได้ผล เมื่อร่างสูงใต้ผ้าห่มเริ่มมีอาการขยับขยุกขยิกเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง ดวงตาคู่คมมองตวัดมายังร่างบางหน้าสวยอย่างถือดี และเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“บังอาจนัก! ที่มาปลุก เจ้าชายยุนโฮคนนี้!”
ร่างบางแอบลอบถอนใจ ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจเป็นที่สุด.....
“รู้แล้ว แต่นายน่ะควรจะลงไปกินข้าวเช้าก่อนจะดีไหม?” แจจุงตอบ คิ้วเรียวกระตุกเล็กน้อยด้วยการที่พยายามให้มากที่สุด ที่จะอดทนเอาไว้....อีกฝ่ายยังคงทำหน้าถือดีก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระชากอย่างยะโส
“เราคือ เจ้าชาย นายต้องใช้คำสุภาพกับเราเข้าใจไหม?” มุมปากสวยกระตุกด้วยความเหนื่อยใจผสมรวมกับความเหลืออด แต่...เขาก็ยังคงมีสติและอดทนต่อไปได้.....
“เข้าใจแล้ว พะยะค่ะ....องค์ชายยุนโฮ โปรดเสด็จลงไปเสวยอาหารเช้าดีไหม?”
“ต้องแบบนี้สิ” ยุนโฮเอ่ยอย่างพอใจก่อนจะกระโดดลงจากเตียงแล้วเดินออกไปจากทางประตู ทิ้งให้ร่างบางถอนใจยาวหลังจากที่ประตูนั้นปิดลง....
ทำไมเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้....เขาคงไม่ต้องมาตามใจไอ้เจ้าชายบ้านั่น ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะเรื่องเมื่อคืนนี้.....
ย้อนไปเมื่อคืนที่ผ่านมา......
“นายเป็นใคร....มีนามว่าอะไร....” เจ้าของดวงหน้าหล่อถาม
“คิมแจจุง....”
“คิมแจจุง....งั้นเหรอ....”
“แล้วนายล่ะ.....เป็นใคร”
“นามของเรา....คือ จองยุนโฮ....”
ชื่อนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเขาที่เป็นคนเกาหลีนัก กับคนที่ออกมาจากหนังสือ เดี๋ยว!! นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้! นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมเจ้าหน้าหล่อนี่ถึงมาอยู่ในห้องของเขาได้!!
“เดี๋ยวๆ!!! ฉันไม่ได้ถามชื่อนาย นายน่ะเป็นใครแล้วทำไมถึงโผล่มาอยู่ที่นี่ได้ห๊ะ!!!” ร่างบางร้องลั่น ขณะที่เผลอชี้นิ้วใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยความตกใจ ปากเรียวของอีกฝ่ายเริ่มแสดงความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นชา
“ระวังกริยาของนายด้วย เราคือ เจ้าชายรัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งประเทศแวร์กลา...จองยุนโฮ”
“หะ....หา.....”
“ทำหน้าอะไรของนาย....ว่าแต่นายเถอะ เป็นใคร ยศตำแหน่งอะไร” ผู้เป็นเจ้าชายเอ่ยถามย้อนร่างบางหน้าหวานที่ตอนนี้ทำหน้างง แถมเหวอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน!!!
“เอ่อ....ฉันชื่อ คิมแจจุง....เอ่อ....เป็นสามัญชนธรรมดาแห่งประเทศเกาหลี....” แจจุงตอบพอได้ยินเช่นนั้น หนุ่มรูปงามก็พลันขมวดเรียวคิ้วขึ้นอย่างฉงนใจก่อนจะถามต่อไปอีก
“คิมแจจุง....งั้นนายก็เป็นคนที่เรียกเรามางั้นสิ?” ได้ยินคำถามแบบนี้เข้าใจ ร่างบางก็ยิ่งงงเข้าไปอีก เขาไปเรียกไอ้เจ้าชายบ้านี่ตอนไหนล่ะเนี่ย....
....จะว่าไปแล้ว....ชื่อประเทศที่...เอ่อ....เจ้าชายยุนโฮมานี่มันคุ้นๆนะ......
“เรียกอะไร.....?”
“ก็นายเองไม่ใช่เหรอ...ที่บอกว่า ‘ขอใครสักคน ที่จะอยู่เคียงข้าง....’” พอได้ยินที่ฝ่ายหนุ่มร่างสูงตอบมานั้น ก็ทำเอาเขาเริ่มหน้าถอดสีรู้สึกเหมือนดวงหน้าร้อนวูบวาบ เมื่อใครที่ไหนก็ไม่รู้มาล่วงรู้คำอธิษฐานของเขาที่เขียนลงไปใน....
......หนังสือ...‘แวร์กลา’......
หรือว่า....นี่จะเป็นเพราะ....พรที่เขาขอจากแวร์กลา งั้นเหรอ?......
กลับมาสู่ปัจจุบัน.......
และด้วยเพราะไอ้เจ้าชายขี้เก๊กนั่นมันบอกว่าเป็นความผิดของเขาที่ทำให้เจ้าตัวต้องมาอยู่ที่นี่ เขาเลยต้องรับผิดชอบมาดูแล คุณชายนี่ ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์พิลึกนั่นด้วยตัวเอง เขาคงต้องมองว่า ยุนโฮน่ะเป็นคนบ้าแน่นอนล้านเปอร์เซนต์
.....แต่เรื่องประหลาดวันเกิดขึ้นมาแล้ว....
.....จะมามัวแต่สงสัยอะไรตอนนี้คงไม่ได้.......
.....ยังไงก็คงต้องจัดการกับเรื่องยุ่งๆแบบนี้ก่อน.......
ร่างบางก้าวเดินลงมาตามบันไดเรื่อยๆและเดินตรงเข้าไปในห้องครัวซึ่งติดอยู่กับห้องทานอาหาร และพบว่าร่างสูงที่เขากำลังกลุ้มใจอยู่เมื่อสักครู่กำลังนั่งมองอาหารเช้าที่เขาเตรียมไว้ให้ด้วยท่าทีประหลาดใจ
“อะไรอย่างนั้นเหรอ?” แจจุงเอ่ยทำเสียงค่อย พอได้ยินเสียงหวานของแจจุงก็ทำให้หนุ่มหน้าคมเงยหน้าจากจานอาหารเช้าของตนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“นี่มันคืออะไรกัน?” ยุนโฮเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับชี้ไปยังขนมปังปิ้งทาเนยที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ในจานของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าตื่นตกใจ แจจุงขมวดคิ้วบางเล็กน้อยแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายมาจากอีกโลกหนึ่ง(?) คงจะไม่รู้จักขนมปัง
“เขาเรียกว่า ‘ขนมปังปิ้ง’ น่ะ ยุนโฮไม่เคยกินเหรอ?”
“ไม่ล่ะ....ที่ประเทศของเรา ไม่มีไอ้ของกินที่เรียกว่าขนมปังหรอก” ยุนโฮตอบและดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่า ร่างบางไม่ได้ใช้ศัพท์สุภาพกับตน เพราะตัวเขามัวแต่จับจ้องอยู่กับอาหารที่งเรียกว่า ขนมปังปิ้ง ไม่วางตาและนั่นทำให้ร่างบางที่กำลังนั่งลงบนเก้าอี้รู้สึกขบขันเล็กน้อย เรียวปากบางยกขึ้นยิ้มเล็กน้อยก่อนจะแนะอีกฝ่าย
“งั้นก็ลองกินดูสิ อร่อยดีนะ อยู่ท้องด้วย” ร่างสูงเงยหน้าสบขึ้นมามองร่างบางหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าท่าทางระแวง
“นายคงไม่ได้วางยาพิษเราหรอกใช่ไหม?”
“จะบ้าเหรอ! ทำไม ฉันจะต้องวางยาพิษนายด้วย!” แจจุงขึ้นเสียงดังด้วยความหงุดหงิดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ไว้ใจเขาขนาดนี้เนี่ย!!
“ก็ไม่แน่....เราน่ะเป็นเจ้าชายแห่งแวร์กลานะ!!” ร่างสูงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นแถมยังวางมาดเจ้าชายใส่เขาอีก และนั่นยิ่งทำให้ร่างบางยิ่งหงุดหงิดขึ้นอีกเป็นเท่าตัว!
....อะไรๆก็อ้างว่าเป็นเจ้าชาย ชักจะเหลืออดแล้วนะ!!!....
!!ปึ๊ก!!
กำปั้นบางๆของแจจุงทุบเข้ากับโต๊ะอย่างแรงด้วยความเหลืออดที่เขาต้องทนมาตั้งแต่เมื่อวาน นั่นทำให้ร่างสูงที่กำลังพยายามจะกินขนมปังปิ้งยังต้องสะดุ้งมองคนสวยที่บัดนี้เริ่มปั้นหน้ายักษ์จนขนาดที่เจ้าชายผู้องอาจอย่างเขายังต้องกลัว
“ฟังให้ดีนะ จองยุนโฮ! ไม่ว่านายจะเป็นเจ้าชายมาจากไหนก็ตามที! แต่ที่นี่เป็นบ้านของฉัน!! เพราะฉะนั้นนายจะต้องฟังคำสั่งของฉัน!! ฉันคือ พระราชาของที่นี่ เข้าใจไหม!!!” แจจุงแว๊ดลั่นทำเอาเจ้าชายหน้าหล่อชักหงอ ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ...
“ขะ...เข้าใจแล้ว....” พอเห็นว่าเจ้าชายยุนโฮเอ่ยรับแล้ว ร่างบางก็คลี่ยิ้มพอใจก่อนจะพูดต่อไป...
“ดี! รีบๆกินเข้าไปซะ! แล้วก็ไปทำความสะอาดห้องที่นายนอนเมื่อตะกี้ด้วย เข้าใจไหม!” แล้วร่างบางก็เริ่มออกคำสั่ง พอยุนโฮจะค้านขึ้น แต่ก็พลันต้องสะดุดกึกเมื่อร่างบางส่งรอยยิ้มหวานกลับมาให้ หากเป็นคนอื่นก็คงต่างต้องลุ่มหลงไปแล้ว แต่ร่างสูงกลับรู้สึก กลัว! เพราะมันเป็นรอยยิ้มของนางพญาที่ชวนให้ขนลุกเป็นที่สุด!!
....คนอะไรฟระ!!....
....หน้าตาก็ออกสวยปานนี้......
....แต่ดุเป็นนางพญาสิงโตเลยเว้ย!!!......
*********************************************************************
หลังจากมื้อเช้าที่แสนวุ่นวายผ่านไป ร่างบางที่กำลังนั่งลงอ่านหนังสือฆ่าเวลาไปเรื่อย พลางก็นึกรู้สึกผิดที่ไปใช้ชายผู้มาจากต่างมิติให้ไปทำความสะอาดห้องนอน แต่เป็นเพราะเมื่อเช้าเขาฉุนจริงๆที่อีกฝ่ายมาหาว่าเขากำลังคิดร้าย แต่เมื่อมาลองนึกดูอีกที เจ้าชายคนนั้นคงจะผ่านอะไรมาเยอะ จนไม่สามารถไว้ใจใครได้ แถมยังต้องมาอยู่ต่างถิ่นเช่นนี้อีก....
“เสร็จแล้ว....เอ่อ....มีอะไรให้ผมรับใช้อีกไหม?” เสียงทุ้มหากแต่ดูหวาดเกรงเอ่ยขึ้น ร่างบางหันไปมองทางหนุ่มร่างสูงที่เดินเข้ามาใหม่ และรู้สึกแปลกกับวิธีในการพูดของอีกฝ่ายอย่างมาก
“ไม่ต้องพูดสุภาพแบบนั้นก็ได้นี่นา” แจจุงถามกลับไปแต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าแววตาจริงจัง
“ไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อท่านเป็น ราชา ของที่นี่ การที่จะให้ความเคารพท่านก็เป็นเรื่องปกติครับ” นอกจากจะปฏิเสธคำแนะนำของเขาแล้ว แถมยังพูดสุภาพขึ้นไปอีก พอเห็นท่าทางนอบน้อมของเจ้าชายที่เมื่อเข้ายังทำท่ายะโสโอหังเช่นนี้ ก็ทำให้ร่างบางนึกขำจนไม่อาจหุบรอยยิ้มได้...
....ความจริง....
.....ก็คงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรก็ได้.....
แจจุงมองหน้าของอีกฝ่ายพร้อมแสร้งทำตาขึงขังใส่อีกฝ่าย....
“งั้น....นายต้องฟังฉันจากนี้.....”
“ครับ....”
“ต่อจากนี้นายห้ามทำหยิ่งยะโส ห้ามอวดอ้างศักดิ์เจ้าชายอะไรนั่นกับฉัน...”
“ครับ....”
“พอตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ต้องเก็บที่นอนให้เรียบร้อย”
“ครับ...”
“แล้วก็เลิกใช้คำสุภาพกับฉันได้แล้ว ฟังแล้วมันแหม่งๆนะ”
“ครับ....อ๊ะ....เอ่อ....อืม”
“สุดท้าย....นายก็ทำตัวตามสบายแล้วกันคิดว่าที่นี่คือบ้านของนายนะ” ยุนโฮที่ได้ยินเช่นนั้นก็คลี่รอยยิ้มออกมาแต่ก็ยังคงรักษามาดขององค์ชายเอาไว้ไม่ขาด...แจจุงเหลือบมองไปที่รูปของบิดามารดาของตนด้วยแววตานุ่มนวลประดุจว่า ดวงตาคู่งามนั้นกำลังแย้มยิ้ม.....
....พ่อครับ...แม่ครับ ผมว่า จากนี้ผมคงต้องเจอเรื่องยุ่งๆแน่ๆเลยครับ.....
ยุนโฮแอบลอบมองร่างบางที่นั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น ด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม...สวย...นิยามเดียวที่อยู่หัวของเขา ยามที่ดวงตาคูงามนั้นราวกับกำลังยิ้ม ใบหน้าสวยนุ่มนวล ตัวเขาก็พึ่งจะได้สังเกตร่างบางดีๆ เพราะที่ตั้งแต่มาที่นี่เขาก็ทั้งหวาดหวั่นระแวงไปเสียทุกอย่าง....
“เอ่อ....คิมแจจุง....” หนุ่มหน้าคมเอ่ยเรียก เจ้าของชื่อพลันตื่นจากภวังค์หันมามองผู้เรียกด้วยใบหน้าประมาณว่า มีอะไรเหรอ....ชายหนุ่มพลันมีสีหน้าหมองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า....
“เราต้องขอโทษจริงๆ ที่หยาบคายกับท่าน....นั่นเป็นเพราะเรารู้สึกหวาดหวั่นกับโลกที่นี่เหลือเกิน จึงไม่ไว้ใจท่านไปด้วย” ยุนโฮเอ่ยบอกพร้อมกับคุกเข่าขออภัยอย่างที่เขาเคยเห็นหนังฝรั่งประมาณเรเนซองค์ทำกันเท่านั้น แจจุงรีบถลาเข้าไปหาผู้ที่คุกเข่าอยู่พร้อมกับพยุงให้ลุกขึ้น
“ไม่ต้องคุกเข่าแบบนี้ก็ได้! อีกอย่างฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องสุภาพ ใช้คำว่า ‘ฉัน’ กับ ‘นาย’ ก็พอแล้ว” แจจุงบอกอีกฝ่าย ร่างสูงจึงค่อยๆลุกขึ้นดวงตาคมมองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกซาบซึ้งใจ ก่อนจะเอ่ยตอบไปว่า
“ขอบคุณท่านมาก....เอ่อ....ขอบใจมาก คิมแจจุง” ร่างสูงต้องรีบเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกทันทีเมื่อเห้นว่าดวงตาคู่โตของอีกฝ่ายแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจเมื่อเขาใช้คำสุภาพอีกครั้ง...
“เรื่องเล็กน่า อีกอย่าง...ฉันว่าเหตุผลที่ทำให้นายต้องมาอยู่ที่นี่ก็คงเป็นเพราะฉันนั่นแหละ...” คนหน้าหวานเอ่ยบอกพลางนึกไปถึง คำขอพรของเขาที่เขียนไว้กับแวร์กลา....
....คงเป็นเพราะเขานั่นแหละ.....
.....ที่ทำให้อีกฝ่ายต้องมาอยู่ที่นี่.......
“คิมแจจุง....” ดวงหน้าเรียวสวยส่ายหน้าเบาๆก่อนจะแก้คำของอีกฝ่าย....
“แจจุงเฉยๆ ต่างหากล่ะ แล้วจากนี้ฉันก็จะเรียกนายว่า ยุนโฮ เฉยๆตกลงไหม” ร่างสูงพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อจากสิ่งที่เขาตั้งใจจะพูดเมื่อสักครู่...
“ขอบใจนายมากนะ....แจจุง....” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มจริงใจที่ปรากฏขึ้นบนดวงหน้าหล่อ...เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนอย่าง คิมแจจุง....รู้สึกเผลอใจเต้นขึ้นมา.....
....อะไรของเรากันนะ......
*********************************************************************
ความคิดเห็น