คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
เด็กหญิงเมื่อตอนนั้นบัดนี้ได้กลายเป็นเด็กสาว อยู่โรงเรียนมัธยมระดับจังหวัด ฉันว่าก็ดีนะ ชีวิต มอปลาย ฉันมีเพื่อนสนิทแล้วนะสนิทมาก 2 คน รับรองได้ว่าชลชนัย และ นลินทิพย์ ไม่มีทางเป็นแบบ วากับบุษได้หรอก ตลอดสี่ปี ฉันรู้ว่าเขาทั้งสองเป็นเช่นไร ฉันใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนมากขึ้น และแน่นอนว่าเรื่องไม่มีทางซ้ำรอยเดิมแน่
ทิพย์ ก็มีรุ่นพี่มาจีบมากมาย เธอเป็นคนร่าเริง ตลกๆ อีกด้วย เธอไม่ค่อยอายใคร แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบล่ะก็จะอายแบบแทรกแผ่นดินหนีเลยล่ะ ฉันเอือมละอา กับพฤติกรรมนี้มากไม่ใช่ว่าที่เธออายนะ แต่ว่าแต่ละคนของเธอไม่ค่อยซ้ำหน้ากันเท่าไหร่น่ะซิ
ชล เพื่อนผู้แสนดี แถมบ้านใกล้ฉันอีกด้วย มีอะไรก็ชลนี่แหละที่ช่วยทุกครั้ง ชลก็เพล์บอยเหมือนกันนะคบใครไม่นานซักที น่าสงสารน้องๆ เขาจังเลยแล้วใครมีปัญหาอะไรก็ฉันทุกที
“ไหนเธอบอกจะย้ายมาห้องเดียวกับฉันไง” ชลถามทิพย์ ขณะที่เรารอเวลาเข้าเรียนกัน
“อะไร ตอนนั้นก็ตอนนั้น ตอนนี้ก็ตอนนี้ ไม่เห็นเกี่ยวกัน ตอนนี้ฉันไม่ย้ายอยู่กับเมดีกว่า” ทิพย์บอกชล
โป๊ก!
“โอ๊ย อะไรของนายเนี่ย หัวฉันแบะหมด” ทิพย์รีบโต้ตอบทันควัน
ป้าบ !
“หลังฉัน โอ๊ย ยัยบ้า หลังหักพอดี” ชลร้องโอดครวน เมื่อฝ่ามือของทิพย์ฝาดลงไปที่แผ่นหลังเขาอย่างเมแรง ฉันได้แต่มองและขำกับการที่ทั้งสองทะเลาะกัน ทะเลาะกันได้ทุกวันนั่นแหละ
ฉันกับทิพย์อยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่มัธยมต้น แต่ชลเพิ่งแยกห้องกันไปตอน ม. 4 ทิพย์หยุดชะงักเมื่อเห็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่เดินมาทางเธอ
“พี่ศร พี่ศรจะไปไหนเหรอคะ” ทิพย์ หันมาทักรุ่นพี่และรุ่นพี่ก็หน้าเจื่อนไปเมื่อหันมาเจอฉัน ฉันยิ้มให้เขาไป ใครจะรู้ว่าเขานี่แหละ เพิ่งมาขอ คบกับฉันเมื่ออาทิตย์ก่อนแต่วันนี้กลับจะหันเหมาทางทิพย์ คบไม่ได้แหะ
“เป็นไง ฉันเป็นแฟนกับพี่ศร แล้วนะ” ทิพย์ บอกเราทั้งสองคน
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” ฉันกับชล พูดขึ้นพร้อมๆกัน
“ทำไมต้องตกใจด้วยเนี่ย” ทิพย์ถามแต่ไม่มีคำตอบจากใคร “ก็เมื่อ 2 วันก่อนน่ะ มีอะไรกันรึเปล่า”
ฉันและชลต่างพากันส่ายหน้า เหอๆ อะไรจะรวดเร็วอย่างนี้ ดีนะที่ฉันไม่ตัดสินใจคบกับพี่เขา แต่มายุ่งกับเพื่อนฉันก็ไว้ใจไม่ได้เหมือนกัน “น่าเป็นห่วงนะ” ชลหันมาพูดกับฉัน ชลเป็นคนที่รู้เรื่องของฉันทั้งหมด ก็อย่างว่าบ้านใกล้กันนี่นา “ อืม”
“ทิพย์ เลิกไปเถอะ เขาเพิ่งมาขอคบกับฉันเมื่อ อาทิตย์ก่อนเอง” ฉันบอกทิพย์ แลเธอจะไม่ค่อยสนใจ
“ชลก็รู้งั้นเหรอ” ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ “แล้วไม่บอกฉันเนี่ยนะ” ทิพย์ทำท่าจะงอนแล้วสิ
“ก็เห็นเธอปลื้ม เขาอยู่นี่ เลยไม่อยากขัด แต่อย่าไปคบ ขอเตือน เชื่อฉันนะ” ฉันบอกทิพย์
“อือ ขอบใจ ฉันก็ไม่ได้จะจริงจังอะไรหรอก” ทิพย์บอกพวกเรา เรา 2 คนได้แต่มองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้ “แน่เร้อ” ชลแกล้งอย่างไม่เชื่อว่าทิพย์จะทำได้
“แน่ซิ ก็พวกแกเป็นเพื่อนฉันนี่นา ถ้าไม่เชื่อแกแล้วจะไปเชื่อใคร” ทิพย์ย้ำหนักแน่น
มันทำให้ฉันนึกถึงบุษกับวา อีกแล้วซิ “เม เป็นอะไร นึกถึงเพื่อนเก่าเหรอ” ทิพย์ถามฉัน
“ไม่มีอะไรหรอก ไปเรียนกันเถอะ” ฉันบอกทั้งสองซึ่งมองฉันอย่างเป็นห่วง
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากที่ฉันพูดถึงเพื่อนเก่า ทิพย์ก็ไม่ได้คบกับพี่ศร แหะ วงวัยจะเบื่อ แต่ก็ไม่เห็นคบกับใครสงสัยจะหยุดแล้ว
“นี่ เม เย็นนี้ บอย ชวนไปกินติม ไปไหม” ทิพย์เข้ามาชวนฉัน แต่เดี๋ยวนะ บอย
“บอยไหนเหรอ อย่าบอกนะว่า” หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดนะ
“ใช่แล้ว ฉันคบกับบอยอยู่ ไปด้วยกันไหมเนี่ย ตกลงว่าไง” ทิพย์ ยังเซ้าซี้ถามฉัน
“แล้วบอยเขาขอคบเธอเหรอ หรือว่าเธอไปอ้อนวอนขอคบ” ชลปากไม่ดีอีกแล้วซิ
“ไอ้ชล หุบปากบ้างก็ได้นะ ฉันเป็นยังไงมิทราบถึงต้องไปอ้อนวอนขอใครคบ ฉันไม่ใช่อย่างนายนะ น้องก้อยครับ คบกับพี่ได้ไหมครับ” ทิพย์ล้อเลียน “แหวะ”
“หนอย ไอ้ทิพย์”
“เออ ฉันก็เคยเห็น น้องหนิงเราคืนดีกันนะ พี่ขอโทษ” ฉันก็เคยเห็นนี่นาแหม “คุณชลชนัยค่ะจะทำอะไรก็ให้มันลับหูลับตาหน่อย คนเค้ารู้หมด ไปทำให้กลุ่มอับอายไดไงเนี่ย” ได้ทีว่าฉันก็ว่ามาหยุด
“ไปแล้วนะบอยรออยู่” ทิพย์บอกพวกฉัน แล้วเธอก็เดินไป
“มันต้องใช้คุณไสแน่ๆ” ชลพูดขึ้น และได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกอยู่ห่างๆ “ นินทาอะไรได้ยิงนะ ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ชล” เสียงจากทิพย์นั่นเอง
โอ๊ย! น่าเบื่อ ทำไมนะ ทำไมไม่มีการนอนกลางวันบ้างทีตอนอนุบาลยังมีเลย ฉันอยากนอนจังเลย
“เธอๆ เรียนที่นี่เหรอ” ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาตามเสียงเรียกใครเนี่ย
“หา? ใครเหรอ” ฉันถามออกไปทั้งๆที่ตาก็ไม่อยากจะลืมเท่าไหร่
“ฉันถามเธอนั่นแหละว่าเรียนที่นี่เหรอ” ผู้ชายคนนึงที่หน้าตาคุ้นๆ เห็นเห็นที่ไหนก็จำไม่ได้เข้ามาทักฉัน
“อะไร ? เรียน? ก็เรียนที่นี่” เอ๊ะ อะไรเนี่ยฉันว่าฉันนั่งเรียนอยู่นี่นา แล้วที่นี่ที่ไหนกันล่ะโรงเรียนกวดวิชางั้นเหรอฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย
“วรรษา” อ๊ะ เขารู้ชื่อฉันด้วยงั้นเหรอ แต่ทำไม เสียงมันคุ้นๆ จังเลย เสียงเหมือน อาจารย์วิ
“เม” ทิพย์เรียกฉัน ฉันลุกขึ้นยืนอย่าง งงๆ เพื่อนๆในห้องต่างหัวเราะ มีอะไรน่าขำเนี่ย แล้วฉันอยู่ในห้องเรียนอย่าบอกนะว่าเมื่อกี้ฉันฝันโอย แล้วเขาคนนั้นเป็นใครกันนะทำไมคุ้นหน้าจัง
“วรรษา นอนหลับสบายไหม ฝันดีรึเปล่า แต่เลิกเรียนเธอก็จะฝันร้ายแล้วล่ะทำเวรห้องวิทย์” อาจารย์วิยดาบอกฉัน นี่ฉันต้องทำความสะอาดห้องวิทย์ นรกชัดๆ ห้องวิทย์น่ากลัวจะตายไป “อิทธิ เธอมีเพื่อนช่วยทำเวรแล้วล่ะ” อาจารย์หันมาบอกอิทเพื่อนคนนึงที่เรียนเก่งแต่ปากไม่ดีของห้อง
หลังเลิกเรียนก็ถึงเวลาอันน่าเศร้าสลด ทิพย์อยากช่วยฉันแต่กลัวบอยว่า ฉันเลยบอกว่าไม่เป็นไร
“ทำไมนายถึงโดนทำเวรด้วยล่ะ” ฉันถามออกไปแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด “ ได้ยินไหมเนี่ยฉันถามนายอยู่นะ”
“ฉันไม่ได้นอนน้ำลายไหลอย่าเธอก็แล้วกัน” เขาตอบ หา? นอนน้ำลายไหลงั้นเหรอ
“ใครนอนน้ำลายไหลกัน ฉันเปล่านะ” กรี๊ด ฉันโกรธ จริงๆ ผู้ชายปากร้าย
วันนี้วันพระ ซึ่งตรงกับวันหยุดพอดี ฉันและแม่จะไปทำบุญกันแต่ ฉันนี่ซิ “โอ๊ย! แม่อีกนิดนึงนะ”
แม่ฉันนี่ปลุกแต่เช้าเลย
“นี่มัน 7 โมงแล้วนะ จะไปตอนพระฉันเลยรึไงแก” นี่แหละแม่ฉัน ยังกับเพื่อนกันเลยมั๊ยล่ะ
“อีกนิดนะ อีกสิบห้านาที 7 โมงสิบห้าก็ไม่สาย” โอ๊ย วันหยุดทั้งทีขอพักหน่อยไม่ได้
“แล้วแกจะอาบน้ำแต่งตัวกี่ชั่วโมง” แม่ฉันนาง
“งั้นแกก็ไม่ต้องไป” แม่นะแม่ ก็ได้ นี่วันนี้ฉันจะได้บุญไหมเนี่ย เถียงแม่ตั้งแต่เช้าเลย
โอย ฟังพระสวดมนต์ เหมือนบทเพลงกล่อมให้หลับเสียจริงๆ ถึงจะง่วงแต่ก็หลับตาไม่ได้ หลับตาเมื่อไหร่ได้หลับคาวัดแน่ๆ แต่แล้วสายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็น คนๆนึงอายุไล่เลี่ยกับฉันเดินถือขันข้าวมาตักบาตร คนในฝันฉัน ไม่ใช่ๆ คนในความฝันฉันนั่นเอง จริงซินะ ฉันลืมเขาได้ไงเนี่ย
เขาคือลูกชายคนโตของลุงนาจ เจ้าของโต๊ะและเครื่องเล่นกีฬาประจำชุมชนเป็นเหมือนหมู่บ้านนั่นแหละแต่ที่นี่เขาเรียกว่าชุมชน เขาอยู่ชุมชนต้นกล้า ส่วนฉันอยู่ชุมชนบ้านช่าง อยู่ห่างกันไม่เท่าไรหรอก เขาชื่ออะไรฉันก็ไม่รู้หรอกนะ แต่รู้ว่าอยู่โรงเรียนระดับหนึ่งของจังหวัดเลย ท่าทางจะเก่งกีฬาหลายอย่าง ก็บ้านมีแต่เครื่องเล่นกีฬา มีสนามบาสด้วยนะ สนามแบดมินตันก็มี ส่วนสนามฟุตบอลใช้ของโรงเรียนประถมก็แม่ฉันเป็นครูสอนอยู่ที่นั่นแหละ อยู่ใกล้บ้านเขา แต่เขาดันไม่เรียนฉันนี่ซิเป็นคนไปเรียน
โอ๊ย! หิวไส้จะขาด “แม่มีไรกินบ้างไหมอ่ะ หิวจะแย่” ฉันร้องอวดครวน แทนที่จะได้รับความเห็นใจกลับโดนต่อว่าอีก แล้วแม่ฉันพูดเสียงเบาเสียเมื่อไหร่ พูดทีก็ประจาญลูกตัวเอง
“ก็ฉันเรียกให้แกลุกตั้งนานแล้ว แต่แกก็ยังนอนต่อ ช่วยไม่ได้ ทนหิวไปก็แล้วกัน” นี่นะแม่ไม่ห่วงกันบ้างเลย ฉันหน้างอง่ำแต่ก็มองไปทางเขาคนนั้น ฉันรู้สึกว่ามองเขาทีไรก็ไม่เบื่อฉันชอบมองหน้าเขาจังเลย นี่ฉันคงไม่ได้ปิ๊งเขาหรอกนะ แต่แล้วความคิดต้องหยุดชะงัก เมื่อเขาหันกลับมา
โป๊ะเชะ ! แต่เขากลับมองไปทางอื่น อ้าวนึกว่ามองเราเสียอีก ฉันก็อดเสียดายไม่ได้ อยู่ๆแม่ก็เรียกซะดังลั่น “เม เป็นอะไร” แม่ถามฉัน
“เบาๆ ก็ได้แม่ อยู่ใกล้ๆ ไม่เห็นต้องเรียกซะดังเลย” ฉันหันมาพูดกับแม่
“ฉันเรียกแกตั้งนานแล้ว แต่แกไม่ได้ยิน เอามือลงได้แล้ว” แม่บอกฉัน ก็ฉันไหว้พระอยู่นี่
“พระสวดเสร็จแล้ว เขาจะกลับบ้านกันหมดแล้ว”
“อ้าว !” คำเดียวที่พูดได้ตอนนี้ และตามติดด้วยคำที่ทำให้เจ็บตัว
“แม่เร็ว จะการ์ตูนจะเริ่มแล้ว เร็วแม่”
โป๊ก ! มะเงกอันเน้อเริ่ม ลงมากลางกระม่อมเชียว
“แล้วใครช้ามัวแต่นั่งเม่อล่ะ” แม่ฉันหันมาบอกแล้วก็บ่น บ่น และบ่น อะไรนักก็ไม่รู้ บางทียังพาดพิงถึงการ์ตูนสุดที่รักอีก ฮึ่ม ยอมไม่ได้ “โต จนหมาเลีย ตูดไม่ถึงแล้วยังจะดูการ์ตูนอีก” แม่ก็เงี้ยว่าได้ว่าดี
“การ์ตูนเขาจำกัดอายุด้วยเหรอค่ะคุณบุษบา” ฉันแกล้งถามแม่ ขวับ มะเงกอีกก้อนเกือบไปแล้ว ดีนะที่หลบทัน “ก็คนมันชอบนี่นา” ฉันพูด
ฉันอยู่กับพ่อและแม่ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของท่าน ฉันรู้ว่าพ่อกับแม่รักฉันมาก ตาแม่มักจะเป็นคนพูดอะไรตรงๆ และเฉียบขาดที่สุด ขนาดพ่อฉันยังเกรงเลย แม่เป็นคุณครูสอนอยู่โรงเรียนประถม พ่อฉันก็เป็นชาวสวนธรรมดานี่แหละสวนฉันก็ปลูกพวก ผลไม้
กริ๊ง ๆ ๆ............. เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แต่ฉันก็จะดูการ์ตูน ใครจะรับก็รับไป
“เม โทรศัพท์ แกน่ะ” แม่ตะโกนบอก ฉันจึงต้องผละจากหน้า ทีวี ไปที่โทรศัพท์ ทำไมไม่ติดตั้งโทรศัพท์ใกล้ๆ โทรทัศน์นะ
“ฮัลโหล เมพูดค่ะ” ฉันกรอกเสียงอันน่าเบื่อหน่ายใส่โทรศัพท์
“เม ออกมาซิ ฉันกำลังจะไปสมัครเรียนพิเศษล่ะ เรียนไหม มีเคมีด้วยนะ” ทิพย์นั่นเอง
“ที่ไหน”
“ก็ที่เราไปดูกันมาไง” ทิพย์บอกฉัน
“อ๋อ” ฉันพูดอย่างนึกได้ ก่อนหน้านี้เราเคยไปดูสถานที่เรียนกันมาแล้ว ก็ถือว่าดีนะ
“เรียนนะ ชลก็เรียน แต่มันเรียนฟิสิกส์” ทิพย์บอกฉันและพยายามเซ้าซี้ให้ฉันเรียน
“อือ เดี๋ยวไปวันอื่นได้ไหม” ฉันถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ ก็ฉันไม่อยากไปวันนี้นี่
“ไม่ได้” เสียงเฉียบขาดของทิพย์ ทำให้ฉันต้องรีบตัดสินใจ
“เอ่อ ...เอาไงดี ... เดี๋ยวฉันถามแม่ก่อนก็แล้วกันนะ” ก็ไม่รู้จะพูดไงต่อ เรียนก็ดีเหมือนกันยิ่งไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่ “ฉันรู้ว่าเธอต้องเรียน” ทิพย์บอกฉันแล้วก็ตัดสายไป ยังไม่ทันได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“แม่ หนูไปหาที่เรียนพิเศษนะ ทิพย์มันได้แล้ว เรียนเคมี หรือ แม่ว่าไง”
“เคมี ก็ดีนะ ยิ่งไม่รู้เรื่องอยู่นี่นา” แม่บอกฉัน จ้า ใครจะเก่งอย่างแม่ล่ะ
“ไปแล้วนะ บอกพ่อด้วย” ยังไม่ทันได้รอคำตอบรับฉันก็เดินออกมาแล้วล่ะ
เมื่อฉันมาถึงก็พบชลและทิพย์ รออยู่แล้ว ฉันสะดุดกึกกับโต๊ะพวกนั้น อ๋อที่นี่นี่เองที่ฉันฝันว่าเจอลูกคนโตของลุงนาจ ว่าแล้วว่าคุ้นๆ
“มาช้าจังเราสมัครให้แล้ว” ทิพย์บอกฉัน อะไรสมัครให้แล้ว งง นะเนี่ย
“อ้าว แล้วให้ฉันมาทำไมเนี่ย” ฉันถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ
“ฉันว่าเธอต้องแฟนหล่อแน่ๆเลย นี่ใบสุดท้ายของเธอเลยนะ” ชลบอกฉัน สุดท้ายเหรอ
“ฉันลงเรียนฟิสิกส์ เพราะคิดว่าฟิสิกส์เธอเรียนรู้เรื่อง แต่เคมีไม่ได้เรื่อง” ทิพย์บอกฉัน นี่จะชมหรือด่าเนี่ย “ทิพย์ สละให้ฉันเหรอ ไม่เป็นไรหรอกนะ ฉันเรียนฟิสิกส์ก็ได้” ฉันบอกเธอ
“โอย เม แกก็เรียนไปเถอะ ไอ้ทิพย์มันเรียนฟิสิกส์กับฉันก็ดีแล้ว” ชลบอกฉัน
“แล้วเรียน ”
“เรียน 5 โมงถึง 6 โมง หลังเลิกเรียน ไม่ต้องเป็นห่วงกลับพร้อมกัน” ทิพย์พูดให้ฉันฟังทั้งๆที่ฉันยังถามไม่จบเลย ทิพย์จะกลับพร้อมเรา งง ก็ทิพย์นั่งรถสายเดียวกับเราถึงบ้านเสียเมื่อไหร่
“แล้วทิพย์ก็กลับด้วยเหรอ” ฉันถามอีกครั้งก็งง นี่นา
“อือ เดี๋ยวลงปากซอยให้ ป๊ะป๋า มารับ ไม่ต้องห่วง” ทิพย์บอกเสียงเจื้อยแจ้ว
“นี่ฉันเจอคนๆนึงด้วยนะ” ฉันเริ่มพูด แต่ไม่มีใครสนใจเลย จะเล่าเรื่องลูกคนโตของลุงนาจซะหน่อย
ทิพย์ก็พูดโทรศัพท์ ชลก็นั่งฟังเพลง แล้วเรียกฉันออกมาทำไมเนี่ย สมัครก็สมัครให้เรียกมาก็ไม่สนใจกัน กลับดีกว่าไหมเนี่ย
“เอ้อ เม บอยเขาชวนไปดูหนัง ไปด้วยกันไหม” ทิพย์เอ่ยปากชวนฉัน แล้วใครจะไปเป็นก้างล่ะ
“ไม่เอาอ่ะ ฉันไปห้องสมุดดีกว่า ไม่เสียตังส์ด้วย” ฉันพูดออกไปงั้นแหละ
“เออ แม่จอมงก” ทิพย์แกล้งแซวฉัน ก็ทุกทีแหละฉันพูดยังงี้ทีไรต้องว่าฉันงกทุกที ก็แค่ประหยัดอดออมเท่านั้นเอง
“ฉันไปก่อนนะ ต้องรีบกลับด้วย แล้วขอบใจเรื่องใบสมัครด้วยนะ” ฉันบอกทั้งสองและขอตัวไปก่อน
เมื่อฉันอยู่ที่ห้องสมุด ก็หาหนังสืออ่านแต่ก็ไม่นาน ยังมีการบ้านรออยู่นี่นา กลับดีกว่าแหะ
ฉันเห็นนักเรียนกำลังซ้อมบาสอยู่ที่สนาม ใกล้ๆ ห้องสมุด ฉันชอบดูนะ ฉันจึงไปนั่งอยู่ใกล้ๆเพื่อดูเขาเล่นกีฬากัน ฉันมองคนๆนึงอยู่ ใช่ ใช่เขาจริงๆด้วย ฉันเผลอยิ้มออกมา ทำไมลูกลุงนาจถึงมาเล่นที่นี่นะ ฉันมองตามลูกบาสไปเรื่อยๆ แต่กลับหยุดชะงักเมื่อเขาแทนที่จะรับลูกบาส แต่กลับมองมาทางฉัน ฉันสงสัยว่าเขามองฉันรึเปล่า ฉันจึงหันไปข้างหลัง เพื่อให้แน่ใจว่าเขามองฉัน
แป่ว ผู้หญิงสองคนยืนอยู่ข้างหลังฉัน กำลังโบกไม้โบกมือให้เขาอยู่ ไม่เป็นเพื่อนก็คงเป็นแฟนแน่เลย ก็ผู้หญิง สองคนนี่น่ารักจะตายไป ว้ากลับดีกว่า ได้เวลากลับบ้านซักที กลับไปอ่านหนังสือ เชอร์ล็อก โฮล์ม ดีกว่า
ชอบจังเลยหนังสือเล่มนี้ เฮ้อ ..........
ความคิดเห็น