ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SeVen Days to Prove My Love

    ลำดับตอนที่ #3 : I feel you

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 51


      “ออด ออดดดดดดดดดดดด”

         เย้ในที่สุดก้ออดเสียที เอ.. แล้วฉันจาดีใจทำไมละเนี่ย เสียงออดนั่นนะเปรียบเสมือนเสียงนรกเลยนะ เพราะนั่นเปงสันยานเริ่มต้นการลงโทดอันแสนหะรึโหดของอีตาประธานน.ร.สุดขี้เก้กนั่นนะสิ แย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆที่สุดเลย

         “อ้าว เฮ้ยโมเน่ทำไมไม่ไปสะทีละ เดี๋ยวโดนลงโทดอีกนะ”

         ฮึ่ย ทำไมชอบตอกย้ำกันจิง

         “ช่วยหาแผนอู้หน่อยจิ ฮารุ”

         “เธออยากเหงฉันโดนพี่ยูธด่ารึไง ชอบหาเรื่องให้ฉันจิง”

         “เพื่อนกันจิงป่ะเนี่ย  ไม่ยอมช่วยเยย”

         “ก้เพราะเปงเพื่อนเนี่ยละ ถึงต้องรีบไป ไปละนะจ๊ะ บาย”

         อ๊ายยยยยยยยยยยยย!  เค้าเรียกตัวเองว่าเปงเพื่อนฉันแน่รึเนี่ย แถมยังมีหน้ามาโบกมือบ๊ายบายอีก  เดี่ยวเหอะฝากไว้ก่อน หลังจากยืนบ่นได้สัก10นาที ฉันก้รู้สึกตัว กึ่ย....แย่แล้วเลยหลังเลิกเรียนมา20นาทีแย้ว ฮือๆๆๆพระเจ้าช่วยลูกช้างด้วยอย่าให้อีตานั่นยัดเยียดข้อหาให้อีกข้อเลย  ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องกระหืดกระหอบวิ่งมาหลังโรงเรียนขาแทบขวิด

         “เธอมาสาย”นั่นไงเสียงนรกนั่นอีกแล้ว

         “ฉันพยายามมาเร็วที่สุดแล้วนะ”

          “การมาสายถือเป็นกดผิดสำหรับฉัน”

         “เหรอคะ ไม่ทราบว่าใครถาม”

         “เธอว่าไงนะ”

         “ฉันพูดว่า เราจะเริ่มถอนหญ้าที่สูงท่วมหัวนี่ได้รึยัง”เฮ้อ รอดไป เกือบไปแล้วไหมละ

         “เราจะเริ่มก็ต่อเมื่อเธอไปเองอุปกรณ์สำหรับการถอนหญ้าออกมาจากโรงเก็บของ อ้อ แล้วก้อีกอย่างไม่ใช่เราแต่เป็นเธอคนเดียว”

         ว่าไงนะ ให้ตายเถอะฉันต้องถอนไอต้นหญ้าที่สูงท่วมหัวคนเดียวเหรอเนี่ย

         “เข้าใจบทลงโทดแล้วใช่ไหม”

         “ค่าาเข้าใจแล้วท่านประธานนักเรียนผู้ยิ่งใหญ่”

         พูดจบฉันก้รีบวิ่งแจ้นออกมาทันที เฮ้อ เสียดายชะมัดเลย ฉันน่าจาหันกลับไปดูเสียหน่อยไม่งั้นฉันคงจะได้เห็นรอยยิ้มของท่านประธานนักเรียนผู้ยิ่งใหญ่นั่นแล้ว



         “แฮ่กๆ เหนื่อยจิงๆเลย โรงเก็บของก้ใกล้นิดเดียวทำไมเราต้องเหนื่อยด้วยนะ….”

         ก่อนที่ฉันจะพูดประโยคเด็ดออกมา ภาพเบื้องหน้าก้ทำให้ฉันช็อคอย่างแรงจนลืมวิธีพูดไปเสียสนิท คุณคงงงละสิว่าทำไมฉันถึงต้องช็อค

    ก้สภาพห้องเก็บของเนี่ยสิมันทำให้ฉันนึกถึงหนังที่เคยดูสมัยก่อน เอ..เรื่องอะไรนะ เหมือนเรื่องโรงแรมผีเลย สงสัยคงไม่เคยมีคนมาเข้าห้องนี้เปงศตวรรษแล้วละมั้ง เมื่อวานดันดูเรื่องมิติลี้ลับมาด้วย อ้ายยยยย ฉันมันบ้าไปแล้ว จะคิดถึงเรื่องนั้นตอนนี้ทำไมละเนี่ย  ตาของฉันยังไม่ค่อยคุ้นชินกับความมืดทำให้มองอะไรไม่ค่อยชัดเจน ต้องเอามือคลำหากรรไกรตัดหญ้าในความมืด อ่ะ รู้สึกว่าโชคจะเข้าข้างฉันเสียแล้ว  ฉันรำพึงก่อนจะหยิบมันขึ้นมา

         “เฮ้อ หาเจอสะที”  แต่เอ๊ะ เมื่อกี้อะไรดำๆมันผ่านหน้าไปนะ ไม่หรอกฉันคงตาฝาดไป

         “ดีแล้วที่เจอจะได้รีบออกไปซะที ที่นี่วังเวงชะมัด”

         ขณะที่ฉันก้าวขาออกไปนั้น ไอสิ่งที่ทำให้เกิดเงาดำเมื่อสักครู่ก้ค่อยๆขยับกายของมันออกมาแต่ก่อนที่ฉันจะทันได้เห็นสิ่งสำคัญนั้น ฉันก้

    ระเบิดเสียงแหกปากกรี๊ดทันทียูธ  เรเดียนท์

         ให้ตายเถอะทำไมยัยเพี้ยนนั่นไม่ยอมมาเสียที  หรือว่าแอบหนีไปแล้ว เฮ้อ เด็กสมัยนี้ทำไมเปงอย่างนี้นะ (พูดอะไรนะนายยูธ ยังกะคนแก่อายุ80ซะงั้นละ

         แต่แล้ว...

         “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

         เสียงยัยนั่นนี่นาเกิดอะไรขึ้นนะ  แล้วขาของเขาก้ไวเท่าความคิด เขาวิ่งอย่างรวดเร็วไปที่ห้องเก็บของนั่นทันที

         “เกิดอะระ.....”เขาพูดไม่ทันจบคำ ร่างๆหนึ่งก้วิ่งเข้ามากอดอ่ะ.. เรียกว่ากอดคงจะไม่ถูกเท่าไรมันเรียกว่าชนเสียมากกว่า มันแรงมาก จนเกิดเสียงดังอัก แถมชนอย่างเดียวไม่พอยังทำท่าจะฉุดเขาลงไปนอนกองกับพื้นด้วย

         ยัง... ยังไม่พอแถมด้วยอีกอย่างร่างเล็กๆนั่นทำมือปัดไปปัดมาราวกับกำลังจะปัดสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่น่ารังเกียดอยู่จนกระทั่ง

         “โป๊กกกก”มือนั่นปัดไปโดนหัวของเขาพอดี เท่านั้นแหละความอดทนของเขาก็ถึงจุดสิ้นสุดทันที

         “นี่มันจะมากไปแล้วนะ”

         พอสิ้นสุดคำพูดเขาก้โยนร่างทั้งร่างลงพื้นทันที ร่างนั้นสั่นเบาๆก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น

         “นาย... หน๊าย .. นาย .... วันนี้นายโยนฉันลงพื้นเปงครั้งที่3 แล้วนะ”

         “ช่วยไม่ได้ก้เธอทำตัวน่ารำคานเอง”

         “คนที่มากเกินไปนั่นมันนายต่างหาก”

         “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เธอนั่นแหละฉันสั่งให้มาเอาอุปกรณ์ตัดหญ้าแต่ก้ดันเถลไถล แถมยังซุ่มซ่ามมาชนฉันอีก”  ยัยสุพรรณิการ์อะไรนั่น มองหน้าเขาและก้เม้มปากแรงๆให้รู้ว่าขัดใจ แต่แล้วสายตาอันเฉียบคมของเขาก้ มองไปเห็นตัวสีดำๆกำลังกระเดิบๆบนรองเท้าของเขา สมองอันเฉียบคมไม่แพ้สายตาก้ลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดได้ยังกับตาเห็น ฮึๆอย่างนี้ต้องมีแกล้งสักหน่อย

         “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

         ยัยนั่นร้องกรี๊ดขึ้นมาทันที ที่เขาหยิบเจ้าตัวสีดำๆนั้นขึ้นมา

         “เอามันโยนทิ้งไปสิ  บอกให้เองไปไกลๆ นี่อย่าเข้ามานะ”

         ฮ่าๆๆดูหน้าของยัยนี่สิ เขาเกิดรู้สึกสนุกขึ้นมาจึงค่อยขยับเข้าไปใกล้เธอเรื่อยๆ  ยิ่งใกล้เท่าไหร่ร่างบางๆก้ยิ่งสั่นมากขึ้นเท่านั้น

         “เฮ้ ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ ถ้าขืนเข้ามาอีกละก้...”เธอเว้นคำพูดให้เขานึกต่อ พร้อมกับตั้งการ์ดขึ้นมาราวกับจะบอกว่า เข้ามาอีกเปงเรื่องแน่   ทันใดนั้นขณะที่เขากำลังจะเข้าไปถึงตัวเธอก้เกิดสะดุดก้อนหินก้อนเบ้อเริ่มทำให้เซถลาทรงตัวไม่อยู่ จึงต้องกวัดแกว่งมือเพื่อหาหลักยึดเอาไว้ ซึ่งหลักในที่นั่นก้มีแค่เพียงเธอที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น



         “ว้ายยยยยยยยยยยยยยย”



         ร่างทั้ง2ร่างเซถลาล้มลงพร้อมกัน แขนยาวๆของเขากอดร่างบางๆนั้นแน่นและใช้จังหวะที่กำลังจะล้มลงสับเปลี่ยนตำแหน่งให้หลังของเขากระแทกลงพื้นแทนที่จะเป็นเธอ แต่ทันใดนั้นราวกับมีสิ่งปาฏิหารย์เกิดขึ้นริมฝีปากของทั้งเขาและเธอกลับบรรจบกันอย่างสนิท  เป็นเวลาเนิ่นนานที่แทบไม่ได้หายใจและรู้สึกว่าเธอในอ้อมกอดของเขาจะรู้สึกตัวก่อน เธอจึงทั้งแตะ ต่อย ถีบนับไม่ถ้วน เขาจึงปล่อยเธอเป็นอิสระทั้งเธอและเขาต่างก้ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



         “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย บ้า บ้าไปแล้วจิงๆ”

         เธอพูดคล้ายพึมพำกับตัวเอง แต่แล้วสีหน้าของเธอก้เปลี่ยนไปราวกับคนที่ตัดสินใจได้แล้ว



    ...............................................................................................................................................................................................................................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×