ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : I feel you
“ออด ออดดดดดดดดดดดด”
เย้ในที่สุดก้ออดเสียที เอ.. แล้วฉันจาดีใจทำไมละเนี่ย เสียงออดนั่นนะเปรียบเสมือนเสียงนรกเลยนะ เพราะนั่นเปงสันยานเริ่มต้นการลงโทดอันแสนหะรึโหดของอีตาประธานน.ร.สุดขี้เก้กนั่นนะสิ แย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆที่สุดเลย
“อ้าว เฮ้ยโมเน่ทำไมไม่ไปสะทีละ เดี๋ยวโดนลงโทดอีกนะ”
ฮึ่ย ทำไมชอบตอกย้ำกันจิง
“ช่วยหาแผนอู้หน่อยจิ ฮารุ”
“เธออยากเหงฉันโดนพี่ยูธด่ารึไง ชอบหาเรื่องให้ฉันจิง”
“เพื่อนกันจิงป่ะเนี่ย ไม่ยอมช่วยเยย”
“ก้เพราะเปงเพื่อนเนี่ยละ ถึงต้องรีบไป ไปละนะจ๊ะ บาย”
อ๊ายยยยยยยยยยยยย! เค้าเรียกตัวเองว่าเปงเพื่อนฉันแน่รึเนี่ย แถมยังมีหน้ามาโบกมือบ๊ายบายอีก เดี่ยวเหอะฝากไว้ก่อน หลังจากยืนบ่นได้สัก10นาที ฉันก้รู้สึกตัว กึ่ย....แย่แล้วเลยหลังเลิกเรียนมา20นาทีแย้ว ฮือๆๆๆพระเจ้าช่วยลูกช้างด้วยอย่าให้อีตานั่นยัดเยียดข้อหาให้อีกข้อเลย ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องกระหืดกระหอบวิ่งมาหลังโรงเรียนขาแทบขวิด
“เธอมาสาย”นั่นไงเสียงนรกนั่นอีกแล้ว
“ฉันพยายามมาเร็วที่สุดแล้วนะ”
“การมาสายถือเป็นกดผิดสำหรับฉัน”
“เหรอคะ ไม่ทราบว่าใครถาม”
“เธอว่าไงนะ”
“ฉันพูดว่า เราจะเริ่มถอนหญ้าที่สูงท่วมหัวนี่ได้รึยัง”เฮ้อ รอดไป เกือบไปแล้วไหมละ
“เราจะเริ่มก็ต่อเมื่อเธอไปเองอุปกรณ์สำหรับการถอนหญ้าออกมาจากโรงเก็บของ อ้อ แล้วก้อีกอย่างไม่ใช่เราแต่เป็นเธอคนเดียว”
ว่าไงนะ ให้ตายเถอะฉันต้องถอนไอต้นหญ้าที่สูงท่วมหัวคนเดียวเหรอเนี่ย
“เข้าใจบทลงโทดแล้วใช่ไหม”
“ค่าาเข้าใจแล้วท่านประธานนักเรียนผู้ยิ่งใหญ่”
พูดจบฉันก้รีบวิ่งแจ้นออกมาทันที เฮ้อ เสียดายชะมัดเลย ฉันน่าจาหันกลับไปดูเสียหน่อยไม่งั้นฉันคงจะได้เห็นรอยยิ้มของท่านประธานนักเรียนผู้ยิ่งใหญ่นั่นแล้ว
“แฮ่กๆ เหนื่อยจิงๆเลย โรงเก็บของก้ใกล้นิดเดียวทำไมเราต้องเหนื่อยด้วยนะ .”
ก่อนที่ฉันจะพูดประโยคเด็ดออกมา ภาพเบื้องหน้าก้ทำให้ฉันช็อคอย่างแรงจนลืมวิธีพูดไปเสียสนิท คุณคงงงละสิว่าทำไมฉันถึงต้องช็อค
ก้สภาพห้องเก็บของเนี่ยสิมันทำให้ฉันนึกถึงหนังที่เคยดูสมัยก่อน เอ..เรื่องอะไรนะ เหมือนเรื่องโรงแรมผีเลย สงสัยคงไม่เคยมีคนมาเข้าห้องนี้เปงศตวรรษแล้วละมั้ง เมื่อวานดันดูเรื่องมิติลี้ลับมาด้วย อ้ายยยยย ฉันมันบ้าไปแล้ว จะคิดถึงเรื่องนั้นตอนนี้ทำไมละเนี่ย ตาของฉันยังไม่ค่อยคุ้นชินกับความมืดทำให้มองอะไรไม่ค่อยชัดเจน ต้องเอามือคลำหากรรไกรตัดหญ้าในความมืด อ่ะ รู้สึกว่าโชคจะเข้าข้างฉันเสียแล้ว ฉันรำพึงก่อนจะหยิบมันขึ้นมา
“เฮ้อ หาเจอสะที” แต่เอ๊ะ เมื่อกี้อะไรดำๆมันผ่านหน้าไปนะ ไม่หรอกฉันคงตาฝาดไป
“ดีแล้วที่เจอจะได้รีบออกไปซะที ที่นี่วังเวงชะมัด”
ขณะที่ฉันก้าวขาออกไปนั้น ไอสิ่งที่ทำให้เกิดเงาดำเมื่อสักครู่ก้ค่อยๆขยับกายของมันออกมาแต่ก่อนที่ฉันจะทันได้เห็นสิ่งสำคัญนั้น ฉันก้
ระเบิดเสียงแหกปากกรี๊ดทันทียูธ เรเดียนท์
ให้ตายเถอะทำไมยัยเพี้ยนนั่นไม่ยอมมาเสียที หรือว่าแอบหนีไปแล้ว เฮ้อ เด็กสมัยนี้ทำไมเปงอย่างนี้นะ (พูดอะไรนะนายยูธ ยังกะคนแก่อายุ80ซะงั้นละ
แต่แล้ว...
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงยัยนั่นนี่นาเกิดอะไรขึ้นนะ แล้วขาของเขาก้ไวเท่าความคิด เขาวิ่งอย่างรวดเร็วไปที่ห้องเก็บของนั่นทันที
“เกิดอะระ.....”เขาพูดไม่ทันจบคำ ร่างๆหนึ่งก้วิ่งเข้ามากอดอ่ะ.. เรียกว่ากอดคงจะไม่ถูกเท่าไรมันเรียกว่าชนเสียมากกว่า มันแรงมาก จนเกิดเสียงดังอัก แถมชนอย่างเดียวไม่พอยังทำท่าจะฉุดเขาลงไปนอนกองกับพื้นด้วย
ยัง... ยังไม่พอแถมด้วยอีกอย่างร่างเล็กๆนั่นทำมือปัดไปปัดมาราวกับกำลังจะปัดสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่น่ารังเกียดอยู่จนกระทั่ง
“โป๊กกกก”มือนั่นปัดไปโดนหัวของเขาพอดี เท่านั้นแหละความอดทนของเขาก็ถึงจุดสิ้นสุดทันที
“นี่มันจะมากไปแล้วนะ”
พอสิ้นสุดคำพูดเขาก้โยนร่างทั้งร่างลงพื้นทันที ร่างนั้นสั่นเบาๆก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น
“นาย... หน๊าย .. นาย .... วันนี้นายโยนฉันลงพื้นเปงครั้งที่3 แล้วนะ”
“ช่วยไม่ได้ก้เธอทำตัวน่ารำคานเอง”
“คนที่มากเกินไปนั่นมันนายต่างหาก”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เธอนั่นแหละฉันสั่งให้มาเอาอุปกรณ์ตัดหญ้าแต่ก้ดันเถลไถล แถมยังซุ่มซ่ามมาชนฉันอีก” ยัยสุพรรณิการ์อะไรนั่น มองหน้าเขาและก้เม้มปากแรงๆให้รู้ว่าขัดใจ แต่แล้วสายตาอันเฉียบคมของเขาก้ มองไปเห็นตัวสีดำๆกำลังกระเดิบๆบนรองเท้าของเขา สมองอันเฉียบคมไม่แพ้สายตาก้ลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดได้ยังกับตาเห็น ฮึๆอย่างนี้ต้องมีแกล้งสักหน่อย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ยัยนั่นร้องกรี๊ดขึ้นมาทันที ที่เขาหยิบเจ้าตัวสีดำๆนั้นขึ้นมา
“เอามันโยนทิ้งไปสิ บอกให้เองไปไกลๆ นี่อย่าเข้ามานะ”
ฮ่าๆๆดูหน้าของยัยนี่สิ เขาเกิดรู้สึกสนุกขึ้นมาจึงค่อยขยับเข้าไปใกล้เธอเรื่อยๆ ยิ่งใกล้เท่าไหร่ร่างบางๆก้ยิ่งสั่นมากขึ้นเท่านั้น
“เฮ้ ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ ถ้าขืนเข้ามาอีกละก้...”เธอเว้นคำพูดให้เขานึกต่อ พร้อมกับตั้งการ์ดขึ้นมาราวกับจะบอกว่า เข้ามาอีกเปงเรื่องแน่ ทันใดนั้นขณะที่เขากำลังจะเข้าไปถึงตัวเธอก้เกิดสะดุดก้อนหินก้อนเบ้อเริ่มทำให้เซถลาทรงตัวไม่อยู่ จึงต้องกวัดแกว่งมือเพื่อหาหลักยึดเอาไว้ ซึ่งหลักในที่นั่นก้มีแค่เพียงเธอที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
“ว้ายยยยยยยยยยยยยยย”
ร่างทั้ง2ร่างเซถลาล้มลงพร้อมกัน แขนยาวๆของเขากอดร่างบางๆนั้นแน่นและใช้จังหวะที่กำลังจะล้มลงสับเปลี่ยนตำแหน่งให้หลังของเขากระแทกลงพื้นแทนที่จะเป็นเธอ แต่ทันใดนั้นราวกับมีสิ่งปาฏิหารย์เกิดขึ้นริมฝีปากของทั้งเขาและเธอกลับบรรจบกันอย่างสนิท เป็นเวลาเนิ่นนานที่แทบไม่ได้หายใจและรู้สึกว่าเธอในอ้อมกอดของเขาจะรู้สึกตัวก่อน เธอจึงทั้งแตะ ต่อย ถีบนับไม่ถ้วน เขาจึงปล่อยเธอเป็นอิสระทั้งเธอและเขาต่างก้ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย บ้า บ้าไปแล้วจิงๆ”
เธอพูดคล้ายพึมพำกับตัวเอง แต่แล้วสีหน้าของเธอก้เปลี่ยนไปราวกับคนที่ตัดสินใจได้แล้ว
...............................................................................................................................................................................................................................................
เย้ในที่สุดก้ออดเสียที เอ.. แล้วฉันจาดีใจทำไมละเนี่ย เสียงออดนั่นนะเปรียบเสมือนเสียงนรกเลยนะ เพราะนั่นเปงสันยานเริ่มต้นการลงโทดอันแสนหะรึโหดของอีตาประธานน.ร.สุดขี้เก้กนั่นนะสิ แย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆที่สุดเลย
“อ้าว เฮ้ยโมเน่ทำไมไม่ไปสะทีละ เดี๋ยวโดนลงโทดอีกนะ”
ฮึ่ย ทำไมชอบตอกย้ำกันจิง
“ช่วยหาแผนอู้หน่อยจิ ฮารุ”
“เธออยากเหงฉันโดนพี่ยูธด่ารึไง ชอบหาเรื่องให้ฉันจิง”
“เพื่อนกันจิงป่ะเนี่ย ไม่ยอมช่วยเยย”
“ก้เพราะเปงเพื่อนเนี่ยละ ถึงต้องรีบไป ไปละนะจ๊ะ บาย”
อ๊ายยยยยยยยยยยยย! เค้าเรียกตัวเองว่าเปงเพื่อนฉันแน่รึเนี่ย แถมยังมีหน้ามาโบกมือบ๊ายบายอีก เดี่ยวเหอะฝากไว้ก่อน หลังจากยืนบ่นได้สัก10นาที ฉันก้รู้สึกตัว กึ่ย....แย่แล้วเลยหลังเลิกเรียนมา20นาทีแย้ว ฮือๆๆๆพระเจ้าช่วยลูกช้างด้วยอย่าให้อีตานั่นยัดเยียดข้อหาให้อีกข้อเลย ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องกระหืดกระหอบวิ่งมาหลังโรงเรียนขาแทบขวิด
“เธอมาสาย”นั่นไงเสียงนรกนั่นอีกแล้ว
“ฉันพยายามมาเร็วที่สุดแล้วนะ”
“การมาสายถือเป็นกดผิดสำหรับฉัน”
“เหรอคะ ไม่ทราบว่าใครถาม”
“เธอว่าไงนะ”
“ฉันพูดว่า เราจะเริ่มถอนหญ้าที่สูงท่วมหัวนี่ได้รึยัง”เฮ้อ รอดไป เกือบไปแล้วไหมละ
“เราจะเริ่มก็ต่อเมื่อเธอไปเองอุปกรณ์สำหรับการถอนหญ้าออกมาจากโรงเก็บของ อ้อ แล้วก้อีกอย่างไม่ใช่เราแต่เป็นเธอคนเดียว”
ว่าไงนะ ให้ตายเถอะฉันต้องถอนไอต้นหญ้าที่สูงท่วมหัวคนเดียวเหรอเนี่ย
“เข้าใจบทลงโทดแล้วใช่ไหม”
“ค่าาเข้าใจแล้วท่านประธานนักเรียนผู้ยิ่งใหญ่”
พูดจบฉันก้รีบวิ่งแจ้นออกมาทันที เฮ้อ เสียดายชะมัดเลย ฉันน่าจาหันกลับไปดูเสียหน่อยไม่งั้นฉันคงจะได้เห็นรอยยิ้มของท่านประธานนักเรียนผู้ยิ่งใหญ่นั่นแล้ว
“แฮ่กๆ เหนื่อยจิงๆเลย โรงเก็บของก้ใกล้นิดเดียวทำไมเราต้องเหนื่อยด้วยนะ .”
ก่อนที่ฉันจะพูดประโยคเด็ดออกมา ภาพเบื้องหน้าก้ทำให้ฉันช็อคอย่างแรงจนลืมวิธีพูดไปเสียสนิท คุณคงงงละสิว่าทำไมฉันถึงต้องช็อค
ก้สภาพห้องเก็บของเนี่ยสิมันทำให้ฉันนึกถึงหนังที่เคยดูสมัยก่อน เอ..เรื่องอะไรนะ เหมือนเรื่องโรงแรมผีเลย สงสัยคงไม่เคยมีคนมาเข้าห้องนี้เปงศตวรรษแล้วละมั้ง เมื่อวานดันดูเรื่องมิติลี้ลับมาด้วย อ้ายยยยย ฉันมันบ้าไปแล้ว จะคิดถึงเรื่องนั้นตอนนี้ทำไมละเนี่ย ตาของฉันยังไม่ค่อยคุ้นชินกับความมืดทำให้มองอะไรไม่ค่อยชัดเจน ต้องเอามือคลำหากรรไกรตัดหญ้าในความมืด อ่ะ รู้สึกว่าโชคจะเข้าข้างฉันเสียแล้ว ฉันรำพึงก่อนจะหยิบมันขึ้นมา
“เฮ้อ หาเจอสะที” แต่เอ๊ะ เมื่อกี้อะไรดำๆมันผ่านหน้าไปนะ ไม่หรอกฉันคงตาฝาดไป
“ดีแล้วที่เจอจะได้รีบออกไปซะที ที่นี่วังเวงชะมัด”
ขณะที่ฉันก้าวขาออกไปนั้น ไอสิ่งที่ทำให้เกิดเงาดำเมื่อสักครู่ก้ค่อยๆขยับกายของมันออกมาแต่ก่อนที่ฉันจะทันได้เห็นสิ่งสำคัญนั้น ฉันก้
ระเบิดเสียงแหกปากกรี๊ดทันทียูธ เรเดียนท์
ให้ตายเถอะทำไมยัยเพี้ยนนั่นไม่ยอมมาเสียที หรือว่าแอบหนีไปแล้ว เฮ้อ เด็กสมัยนี้ทำไมเปงอย่างนี้นะ (พูดอะไรนะนายยูธ ยังกะคนแก่อายุ80ซะงั้นละ
แต่แล้ว...
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงยัยนั่นนี่นาเกิดอะไรขึ้นนะ แล้วขาของเขาก้ไวเท่าความคิด เขาวิ่งอย่างรวดเร็วไปที่ห้องเก็บของนั่นทันที
“เกิดอะระ.....”เขาพูดไม่ทันจบคำ ร่างๆหนึ่งก้วิ่งเข้ามากอดอ่ะ.. เรียกว่ากอดคงจะไม่ถูกเท่าไรมันเรียกว่าชนเสียมากกว่า มันแรงมาก จนเกิดเสียงดังอัก แถมชนอย่างเดียวไม่พอยังทำท่าจะฉุดเขาลงไปนอนกองกับพื้นด้วย
ยัง... ยังไม่พอแถมด้วยอีกอย่างร่างเล็กๆนั่นทำมือปัดไปปัดมาราวกับกำลังจะปัดสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่น่ารังเกียดอยู่จนกระทั่ง
“โป๊กกกก”มือนั่นปัดไปโดนหัวของเขาพอดี เท่านั้นแหละความอดทนของเขาก็ถึงจุดสิ้นสุดทันที
“นี่มันจะมากไปแล้วนะ”
พอสิ้นสุดคำพูดเขาก้โยนร่างทั้งร่างลงพื้นทันที ร่างนั้นสั่นเบาๆก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น
“นาย... หน๊าย .. นาย .... วันนี้นายโยนฉันลงพื้นเปงครั้งที่3 แล้วนะ”
“ช่วยไม่ได้ก้เธอทำตัวน่ารำคานเอง”
“คนที่มากเกินไปนั่นมันนายต่างหาก”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เธอนั่นแหละฉันสั่งให้มาเอาอุปกรณ์ตัดหญ้าแต่ก้ดันเถลไถล แถมยังซุ่มซ่ามมาชนฉันอีก” ยัยสุพรรณิการ์อะไรนั่น มองหน้าเขาและก้เม้มปากแรงๆให้รู้ว่าขัดใจ แต่แล้วสายตาอันเฉียบคมของเขาก้ มองไปเห็นตัวสีดำๆกำลังกระเดิบๆบนรองเท้าของเขา สมองอันเฉียบคมไม่แพ้สายตาก้ลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดได้ยังกับตาเห็น ฮึๆอย่างนี้ต้องมีแกล้งสักหน่อย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ยัยนั่นร้องกรี๊ดขึ้นมาทันที ที่เขาหยิบเจ้าตัวสีดำๆนั้นขึ้นมา
“เอามันโยนทิ้งไปสิ บอกให้เองไปไกลๆ นี่อย่าเข้ามานะ”
ฮ่าๆๆดูหน้าของยัยนี่สิ เขาเกิดรู้สึกสนุกขึ้นมาจึงค่อยขยับเข้าไปใกล้เธอเรื่อยๆ ยิ่งใกล้เท่าไหร่ร่างบางๆก้ยิ่งสั่นมากขึ้นเท่านั้น
“เฮ้ ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ ถ้าขืนเข้ามาอีกละก้...”เธอเว้นคำพูดให้เขานึกต่อ พร้อมกับตั้งการ์ดขึ้นมาราวกับจะบอกว่า เข้ามาอีกเปงเรื่องแน่ ทันใดนั้นขณะที่เขากำลังจะเข้าไปถึงตัวเธอก้เกิดสะดุดก้อนหินก้อนเบ้อเริ่มทำให้เซถลาทรงตัวไม่อยู่ จึงต้องกวัดแกว่งมือเพื่อหาหลักยึดเอาไว้ ซึ่งหลักในที่นั่นก้มีแค่เพียงเธอที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
“ว้ายยยยยยยยยยยยยยย”
ร่างทั้ง2ร่างเซถลาล้มลงพร้อมกัน แขนยาวๆของเขากอดร่างบางๆนั้นแน่นและใช้จังหวะที่กำลังจะล้มลงสับเปลี่ยนตำแหน่งให้หลังของเขากระแทกลงพื้นแทนที่จะเป็นเธอ แต่ทันใดนั้นราวกับมีสิ่งปาฏิหารย์เกิดขึ้นริมฝีปากของทั้งเขาและเธอกลับบรรจบกันอย่างสนิท เป็นเวลาเนิ่นนานที่แทบไม่ได้หายใจและรู้สึกว่าเธอในอ้อมกอดของเขาจะรู้สึกตัวก่อน เธอจึงทั้งแตะ ต่อย ถีบนับไม่ถ้วน เขาจึงปล่อยเธอเป็นอิสระทั้งเธอและเขาต่างก้ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย บ้า บ้าไปแล้วจิงๆ”
เธอพูดคล้ายพึมพำกับตัวเอง แต่แล้วสีหน้าของเธอก้เปลี่ยนไปราวกับคนที่ตัดสินใจได้แล้ว
...............................................................................................................................................................................................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น