ตอนที่ 3 : Chapter 2 ติดตามแต่ถอยห่าง
เช้าวันใหม่อากาศไม่ค่อยสดใสนัก ท้องฟ้าที่ญี่ปุ่นค่อนข้างอึมครึม ชายที่นอนคลุมโปงอยู่ยังคงไม่ตื่นจากการหลับใหล สาเหตุเพราะเพิ่งข่มตาหลับได้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ ทั้งที่เจ้าตัวตั้งปณิธานไว้ว่าจะรีบหลับหลีกหนีความรู้สึก ทว่าเอาเข้าจริงแล้วกลับทำได้ยากนัก...
"สควอโล่~ ตื่นๆๆๆ"
ลุซซูเรียเร่งเร้าฉลามคลั่งที่นอนกินบ้านกินเมืองให้รีบตื่น คราแรกส่งเสียงจากระยะไกลทว่าเจ้าตัวยังคงนอนนิ่ง เช่นนั้นจึงต้องเดินเข้ามาพูดในระยะใกล้ ก่อนจะตัดสินใจใช้มือเขย่าตัวเพื่อนที่นอนขดอยู่ในผ้าห่ม เหตุเพราะการเรียกให้อีกฝ่ายตื่นนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน
"หืออ อะไรนักหนาวะเนี่ย"
ผู้ถูกปลุกมีน้ำเสียงงัวเงียเล็กน้อย เมื่อต้องตื่นมาทั้งที่ยังต้องการหลับต่อ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิด ขณะที่เปลือกตาค่อยๆหรี่ขึ้นมองคนเรียก ดูท่าแล้วจะมีเรื่องให้เขาต้องปวดหัวแต่เช้า สังเกตจากสีหน้าแปลกประหลาดของอีกฝ่ายที่จ้องมองมา คล้ายกับกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
"ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าบอสกับเด็กนั่นมันเกิดอะไรขึ้น ไปญาติดีกันตอนไหนกันฮะ"
สควอโล่ลืมตาเต็มตื่นทันที เด็กนั่นที่หมายถึงคงเป็น ซาวาดะ สึนะโยชิ ดูท่าว่าลุซซูเรียคงจะเข้าไปหาบอสที่ห้องและพบเจอกับเด็กคนนั้นเข้าแล้ว...
"แกปลุกฉันเพื่อมาถามเรื่องแบบนี้รึไง"
ผู้พูดถามออกไปอย่างหัวเสีย เมื่อกำลังพยายามลืมเรื่องของสองคนนั้นตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนหน้าอุตส่าห์นอนหลับจนลืมเรื่องนี้ไปได้สักชั่วขณะแล้ว สุดท้ายก็ยังมิวายมีคนพูดถึงมันอีก
"ก็เจ้นึกว่าแกรู้ทุกเรื่องของบอสเลยมาถามนี่นาา"
ลุซซูเรียเอ่ยลากเสียงยาวอย่างรู้สึกผิด ทว่าต่อจากนั้นก็ยังคงพูดถึงเรื่องซันซัสและสึนะต่อไป เพราะยังมีข้อสงสัยในใจมากมายที่ไม่ได้คำตอบ ทั้งสิ่งที่สองคนนั้นกระทำด้วยกันตอนอยู่ในห้อง ทั้งสาเหตุที่สองคนนั้นมาญาติดีกันได้
"แล้วแกรู้ไหมว่าเมื่อเช้าฉันเปิดเข้าห้องบอสไปแล้วเจออะไรน่ะฮ้าาา"
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไงวะ ฉันหลับอยู่"
ฉลามหนุ่มตอบอย่างเบื่อหน่ายเพราะไม่ได้อยากรู้ ทว่าลุซซูเรียก็ไม่ทันสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินั้น ทั้งยังคงเล่าต่อไปอย่างออกอรรถรส
"เจ้เห็นเด็กคนนั้นนั่งหลับเอาหน้าฟุบไปบนเตียงบอสเลยนะฮ้า ส่วนบอสก็นอนหลับไม่สนใจอะไร ทั้งที่ควรจะขับไสไล่ส่งไปแล้วรึเปล่าอ่า แบบนี้มันไม่ปกติแล้วน้าา"
"เรื่องของบอสมันสิ คงจะถูกใจเด็กนั่นล่ะมั้ง" สควอโล่ตอบขณะที่รู้สึกหน่วงตรงหน้าอกอย่างบอกไม่ถูก ลมหายใจลากยาวจึงถูกพ่นออกมาทางจมูก เพื่อหวังผ่อนคลายร่างกาย
"ก่อนหน้าบอสไม่เคยแม้แต่จะพูดจาดีใส่เด็กนั่นนะ หรือว่าศึกก่อนหน้านี้หัวบอสไปฟาดโขดหินแล้วสมองกระเทือนหรือเปล่าน้า" จนตอนนี้ลุซซูเรียก็ยังคงไม่หยุดตั้งคำถาม ในที่สุดสควอโล่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
"ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ขี้เกียจฟังแล้วว่ะ" ผู้พูดเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลง เมื่อภายในอกเริ่มรู้สึกคับแน่น
ลุซซูเรียเหมือนเริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้ เขาลืมไปเสียสนิทว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกับบอส แม้เจ้าตัวไม่เคยปริปากพูดมันออกมาแต่ลูกน้องทุกคนก็สังเกตได้ ลุซซูเรียแทบอยากตบปากตัวเองที่เล่าอะไรออกไปไม่ทันคิด!
"สควอโล่~ เจ้ขอโทษน้าา"
น้ำเสียงและสีหน้าของผู้พูดแสดงความรู้สึกผิดจนทำให้คนฟังใจอ่อน อันที่จริงสควอโล่ก็ไม่ได้โกรธอะไรอยู่แล้ว จึงส่ายหน้าว่าตัวเองไม่เป็นอะไร
"แกจะขอโทษทำไมวะ เออช่างมัน ฉันจะไปห้องน้ำแล้ว" ฉลามหนุ่มรีบพูดปัดเพราะขี้เกียจจะเสวนาอะไรด้วยมากมาย ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียงแล้วมุ่งตรงไปยังห้องน้ำ ขณะที่มือเรียวยกขึ้นทุบหน้าอกเบาๆเมื่อเดินพ้นจากสายตาของอีกฝ่าย
"เดี๋ยวก่อนสิสควอโล่ ชิชิชิ"
อีกไม่กี่ก้าวก็จะเดินเข้าไปในห้องน้ำอยู่แล้ว แต่ทว่ายังไม่ทันได้เข้าไป เบลเฟกอลก็เปิดประตูเข้ามาเรียกตัวไว้เสียก่อน ทำให้ขาทั้งสองต้องหยุดชะงักลง
เจ้าชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาหาสควอโล่เพื่อที่จะบอกเรื่องบางอย่าง ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูซีดเซียวของอีกฝ่ายจึงอดทักไม่ได้
"แกเป็นอะไรไปน่ะสควอโล่ชิชิชิ เจ้าชายว่าหน้าแกดูซีดมากเลยอะ"
"หือ หน้าฉันน่ะเหรอซีด ทำไมวะ" สควอโล่ชะงักไปเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าสีหน้าของตัวเองจะออกอาการให้เห็นชัดขนาดนั้น แสดงว่าก่อนหน้าเขาคงหอบหายใจแรงไปหน่อย ทั้งหน้าทั้งปากเลยซีดไปหมด
"กลายเป็นไอ้หน้าจืดเหมือนไก่ต้มเลยล่ะ" เจ้าชายหนุ่มหัวเราะออกมากับสิ่งที่ตนเปรียบ ทว่าหน้าของเพื่อนก็ดูไร้สีแบบนั้นจริงๆ
"ไหนขอเจ้ดูหน่อยยย" ลุซซูเรียได้ยินจึงรีบเดินมาดูให้เห็นกับตาตัวเอง "อะไรเนี่ยสควอโล่ เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลยนะยะ ทำไมตอนนี้กลายเป็นไก่ต้มแล้วล่ะฮ้าาา"
“สงสัยเมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับว่ะ เลยดูโทรมๆ”
เรื่องนี้เขาไม่ได้โกหก แม้เมื่อเช้าจะดูเหมือนหลับสนิท ทว่านั่นเป็นเพราะเขาเพิ่งจะข่มตาหลับได้ไม่นานต่างหาก จึงกลายเป็นว่าได้นอนหลับทีก็เกือบเช้า
"อ๋อออ อย่างนี้นี่เองชิชิชิ งั้นวันนี้กลับปราสาทค่อยไปนอนต่อแล้วกัน"
"กลับปราสาท...วันนี้?"
ฉลามหนุ่มทวนถาม ตอนแรกเขาคิดว่าจะได้พักอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่านี้เสียอีก เมื่อร่างกายเขายังไม่ค่อยหายดี ทว่า...ก็ลืมนึกไปสนิทว่าบอสมันหายเป็นปกติดีแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องให้มันมาอยู่รอเขา
"ชิชิชิ เจ้าชายจะเข้ามาบอกเรื่องนี้แหละ บอสสั่งมา"
"บอสสั่งให้กลับปราสาทวันนี้ไม่เร็วไปรึไงยะ" ลุซซูเรียเองก็ไม่เห็นด้วย "นี่สควอโล่ยังหน้าซีดอยู่เลยเนี่ย ควรพักต่อดีกว่ามะ..."
"กลับเลยก็ได้โว้ยยยย ฉันบอกว่าฉันแค่นอนน้อย เดี๋ยวกลับไปนอนก็คงหายแล้ว"
เสียงของสควอโล่ดังแทรกลุซซูเรียขึ้นมาก่อน แม้อาการเขาจะยังไม่หาย แต่การไปขัดใจซันซัสใช่ว่าทำได้โดยง่าย อีกอย่างอาการมันก็ไม่ได้ย่ำแย่จนฝืนไม่ไหวขนาดนั้น
"แกนี่ก็ตามใจบอสตลอดเลยนะยะ แต่เอาเถอะ...เพราะยังไงก็ขัดบอสไม่ได้อยู่แล้วนี่เนอะ" ลุซซูเรียถอนหายใจอย่างหน่ายเหนื่อย
"เออนี่ เจ้าชายมีเรื่องบางอย่างจะบอกด้วยอีกเรื่องอะ"
สีหน้าที่ดูเคร่งเครียดของเจ้าชายหนุ่มทำให้คนฟังทั้งสองเริ่มหวั่นใจ เบลหันไปมองสควอโล่ก่อนจะชั่งใจว่าควรบอกเรื่องนี้ดีหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดีในไม่ช้า เช่นนั้นเบลจึงตัดสินใจบอกไปตามตรง
"เด็กรุ่นที่สิบนั่นจะกลับอิตาลีไปกับเราด้วยน่ะสิ"
!!!!!
"อะไรน้าาาา!!" เป็นเสียงของลุซซูเรียที่หวีดร้องลั่นออกมา
และเรื่องที่เบลบอกก็ทำให้ทั้งสควอโล่และลุซซูเรียต้องเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ ทว่าสควอโล่ยังคงเงียบสนิท แต่สีหน้านั้นปิดความผิดหวังเอาไว้ไม่มิด...
"ฉันว่าเรื่องนี้มันแปลกมากจริงๆแล้วนะยะ ปกติบอสเกลียดเด็กคนนั้นจะตายแล้วทำไมตอนนี้..."
"จะไปสนใจทำไม" สควอโล่พูดแทรกขึ้นมาอย่างรำคาญ "พวกเราก็รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวบอสจะรอนาน"
สุดท้ายแล้วฉลามหนุ่มจึงพาตัวเองเดินแยกออกมาเพื่อหยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยน สองคนที่เหลือมองตามอย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร แค่ปัจจุบันยังเป็นถึงขนาดนี้ แล้วหากสควอโล่ไปเห็นสองคนนั้นในปราสาททุกวันเล่า...จะทนได้หรือ
"งั้นถ้าแกเปลี่ยนชุดเรียบร้อยก็มาหาพวกฉันที่ด้านล่างนะยะ" ลุซซูเรียว่าพลางดึงคอเสื้อของเบลให้เดินตามออกมาด้วย เพราะคิดว่าในตอนนี้สควอโล่อาจจะอยากอยู่คนเดียวมากกว่า
เมื่อห้องอยู่ในความเงียบสงบ สควอโล่ก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของตัวเอง เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมส่วนของหัวใจ บัดนี้ความเจ็บปวดก่อนหน้าได้ทุเลาลงแล้ว ทุกครั้งที่เขามีเรื่องทุกข์ใจ ภายในอกมักจะบีบรัดจนปวดหนึบ ปวดในส่วนที่หัวใจฝังอยู่ โดยความเจ็บมันจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นตามระดับความทุกข์ที่พบเจอ
ทำไมต้องมาเจ็บปวดกับอะไรงี่เง่าแบบนี้ด้วยวะ
สควอโล่ได้แต่ตัดพ้อกับตัวเองในใจ ก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ในขณะที่มองดูกระจกเบื้องหน้า สิ่งที่กำลังสะท้อนออกมานั้นคือภาพใบหน้าของตนที่ดูซีดเซียวลงอย่างชัดเจน เป็นอย่างที่เบลกับลุซซูเรียว่าเอาไว้ ทำไมเขาถึงดูอ่อนแอลงแบบนี้...ฉลามร้ายกาจผู้แข็งแกร่งหายไปไหนกัน
"ฮะๆๆๆ" สควอโล่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างฝืดเฝื่อน โชคชะตาช่างสรรหาคำสาปโหดร้ายนี้มาให้เขา ชีวิตต่อจากนี้ต้องทนอยู่กับมันไปตลอดอย่างนั้นหรือ...
หากต้องอยู่กับมันยาวนานขนาดนั้น สิ่งที่ต้องทำคือพยายามไม่คิดเรื่องที่ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ก็เท่านั้น
แต่ทว่า...เมื่อความทุกข์นั้นเกิดจากคนสำคัญ แล้วจะห้ามความคิดได้อย่างไร
สควอโล่คิดพลางถอดชุดผู้ป่วยออก จากนั้นจึงเปลี่ยนมาใส่ชุดเครื่องแบบของวาเรีย ใช้เวลาประมาณห้านาที เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ ทว่ายามที่ก้าวขาออกมาข้างหนึ่งก็ต้องชะงักไป เมื่อโซฟาที่อยู่เบื้องหน้าปรากฏร่างของใครบางคนกำลังนอนอยู่อย่างสบายใจ
คนผู้นั้นเป็นคนที่เขาอยากเจอและไม่อยากเจอในเวลาเดียวกัน...
“ไงวะ บอส” สควอโล่เอ่ยทักอีกฝ่าย “นี่แกยังไม่ลงไปข้างล่างอีกรึไงกัน"
"ทำอะไรอยู่ในห้องน้ำตั้งนาน"
ซันซัสส่งคำถามมาแทนคำตอบ ถามแบบนี้แปลว่าอีกฝ่ายเข้ามาในหัองได้พักหนึ่งแล้ว ขณะนี้ผู้ที่นอนอยู่บนโซฟากำลังปรายตามองมาทางเขาคล้ายไม่พอใจอะไรบางอย่าง ไม่แน่ใจว่ามันไปโกรธอะไรมาหรือไม่ แล้วเกี่ยวข้องกับเขาด้วยไหมก็ไม่รู้ หมอนี่มันเป็นคนคาดเดาได้ยากอยู่แล้ว
สควอโล่ไม่ตอบคำถาม ทำเพียงเดินผ่านหน้าร่างสูงไปยังโต๊ะอีกมุมหนึ่ง มือหยิบดาบที่สั่งทำขึ้นใหม่มาพินิจดู เสียดายที่ดาบเล่มโปรดได้ถูกศัตรูทำลายไปเสียแล้ว สควอโล่อาลัยอาวรณ์มันเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบดาบเล่มใหม่ขึ้นมาเช็ดทำความสะอาด โดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาคู่ดุดันจ้องมองอยู่
ซันซัสกำลังรอว่าเมื่อไหร่อีกฝ่ายจะหันมาสนใจ ทว่าเมื่อระยะเวลารอมันเกินขีดจำกัดของชายหนุ่มแล้ว แรงโทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมา ยิ่งเห็นท่าทีแปลกไปของอีกฝ่าย ซันซัสก็ยิ่งโมโหจนต้องเอื้อมมือไปคว้าแจกันบนโต๊ะขึ้นมา
เพล้ง!!
“โว้ยยยยยยย อะไรของแกวะ!”
สควอโล่ร้องเสียงดังทันที เมื่อแจกันถูกโยนลงมากระแทกศีรษะตนจนแตกเป็นเสี่ยง ไม่บอกก็รู้ว่าตอนนี้ซันซัสกำลังไม่พอใจเขาอยู่
"ฉันถามทำไมไม่ตอบ"
บอสแห่งวาเรียกดเสียงต่ำ คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม ชัดเจนว่าเจ้าตัวกำลังโกรธ อาจเพราะยามนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสควอโล่อย่างที่เคยเป็น การหมางเมินเช่นนี้อีกฝ่ายไม่เคยทำมาก่อน เมื่อเจอเข้าจริงแล้ว ซันซัสถึงกับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
"ก็ฉันไม่รู้จะตอบอะไรนี่ ทีตอนแกไม่ตอบคำถามฉัน ฉันยังไม่ว่าอะไรเลยนะโว้ย"
"หึ ทำมาเป็นย้อนฉันนะ"
สิ่งสควอโล่ตอบมาทำให้ซันซัสรู้สึกคันไม้คันมือ หากแถวนั้นมีสิ่งของที่สามารถปาออกไปได้อีก ซันซัสก็คงจะปามันออกไปใส่ศีรษะของอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
"แล้วนี่แกเข้ามาในห้องฉันทำไมไม่ทราบ"
ฉลามหนุ่มถามออกไปด้วยความสงสัย เมื่อซันซัสน่าจะอยู่กับใครอีกคนมากกว่า แปลกที่มานั่งอยู่ลำพังในห้องของเขาแบบนี้ แล้วเด็กที่จะกลับวาเรียด้วยมันหายไปไหนกัน
"ซาวาดะล่ะ..."
"แกจะมายุ่งทำไมไอ้สวะ นั่นมันเรื่องของฉัน"
สควอโล่แค่นหัวเราะเสียงแผ่วเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมา เพิ่งรู้ว่าเขาไม่มีสิทธิถามถึงเด็กนั่น เช่นนั้นต่อไปก็จะจำเอาไว้แล้วจะไม่ถามอีก
หลังจากนั้นไม่นานซันซัสก็หลับตาลง ฉลามหนุ่มลอบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเจือความหมองเศร้า ดูท่าแล้วเรื่องของซาวาดะจะสำคัญสำหรับมันมาก จนแม้แต่เขาเองก็ยังแตะต้องไม่ได้
"แล้วแกมานอนนี่ ไม่กลับปราสาทแล้วเรอะ"
เขาถามเพราะมันเป็นคนสั่งให้วาเรียเดินทางกลับปราสาทวันนี้ เมื่อเห็นมันมานอนอยู่ในห้องผู้ป่วยเขาจึงแปลกใจ ยังไม่ถึงเวลากลับหรือไงกัน
เฝ้ารอคำตอบอยู่หลายนาที ทว่าซันซัสยังคงนอนหลับไม่ตอบโต้อะไร สควอโล่ถึงกับถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่ร้อยของวัน บ่งบอกว่ามีเรื่องให้เหนื่อยใจไม่หยุดหย่อน
ในเมื่ออีกฝ่ายหลับเช่นนี้แล้ว สควอโล่จึงตัดสินใจเดินไปทางประตูห้อง เขาทิ้งซันซัสไว้ลำพังก็คงไม่เป็นไร เดี๋ยวมันพอใจก็คงออกมาเอง หรือไม่ซาวาดะก็อาจจะเข้ามาตามให้มันออกไปด้วยซ้ำ
"ไอ้ฉลามสวะ ใครใช้ให้แกเดินออกไป"
ทว่ายังไม่ทันเดินออกไปได้ดังใจหวัง เสียงของเจ้านายก็ดังขึ้นพาให้สควอโล่ต้องหยุดชะงัก พร้อมคำถามบางอย่างที่เกิดขึ้นในหัวขณะนั้น บอสจะมายั้งเขาไว้เพื่ออะไรอีก ทั้งที่เขาพยายามจะถอยห่างออกมาจากมันแล้ว
เพราะยิ่งอยู่ใกล้กันแบบนี้...เขาจะบังคับตัวเองไม่ให้เข้าไปใกล้มันได้ยังไง ซันซัสคงไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหน ในการก้าวถอยห่างออกมาทั้งที่ใจไม่ต้องการ
"ไม่ใช่ว่าจะกลับปราสาทแล้วรึไงวะบอส แกมัวแต่นอนเฉื่อยอยู่ได้"
“อยู่ที่นี่ก่อน” ซันซัสออกคำสั่งเสียงเย็น “อย่าต้องให้พูดมาก มันน่ารำคาญ”
"แกมันก็น่ารำคาญเหมือนกันล่ะวะ!"
สควอโล่ตะโกนตอบกลับไปแต่มีหรือที่อีกฝ่ายจะสนใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ขัดใจซันซัสไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องจำยอมอยู่ในห้องนี้ต่อ สควอโล่ไม่รู้จะเดินไปรอตรงไหนดี ทางเลือกสุดท้ายจึงมาบรรจบที่โซฟา
ฉลามหนุ่มเดินมานั่งลงบนโซฟาที่ตั้งอยู่เยื้องเจ้านายตน เมื่อมาอยู่ใกล้ก็อดจะเหลือบมองดูอีกฝ่ายหลับไม่ได้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เสียงลมหายใจดังขึ้นสม่ำเสมอบ่งบอกว่าซันซัสกำลังหลับสนิท สควอโล่มองอีกฝ่ายไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว แม้เวลาอาจผ่านไปนาน ทว่าการมองซันซัสแบบนี้ไม่เคยทำให้สควอโล่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด
เขาอยากอยู่แบบนี้ทั้งวันด้วยซ้ำหากเป็นไปได้ แต่นี่มันช่างขัดกับความคิดก่อนหน้า เคยบอกว่าจะพยายามถอยห่างออกมา แต่เอาเข้าจริงแล้วเขาจะทำได้หรือไง
เมื่อยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งห้ามใจได้ยาก สควอโล่ลุกขึ้นจากโซฟาที่ตนนั่งโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะย่อตัวลงนั่งบนพื้นข้างโซฟาที่อีกฝ่ายนอนอยู่ ฉลามหนุ่มยกมือขึ้นมาจับใบหน้าของซันซัสอย่างแผ่วเบา เมื่อความอุ่นที่ผิวแก้มนั้นทำให้ไม่สามารถละมือออกไปได้ ซันซัสในยามที่นอนหลับช่างดูสงบนิ่ง แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีรังสีแห่งความน่าเกรงขามแผ่ออกมา และหากเปลือกตาที่ปิดอยู่เปิดขึ้นเมื่อไหร่ ดวงตาสีโกเมนคงฉายแววโกรธใส่เขาเป็นแน่
รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปากของสควอโล่ยามที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย มือที่จับใบหน้าอีกฝ่ายอยู่กำลังไม่อยู่นิ่ง นิ้วโป้งเริ่มเกลี่ยไปตามผิวแก้มสากอย่างเพลิดเพลิน เมื่อซันซัสยังคงนอนหลับไม่ขยับเขยื้อนดังเดิม จึงเป็นโอกาสให้สควอโล่ได้ทำตามอำเภอใจต่อไป
หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เขาก็คงไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้อีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นขอใช้โอกาสสุดท้ายนี้ให้คุ้มหน่อยก็แล้วกัน…
สควอโล่เริ่มใช้นิ้วลูบไปตามรอยแผลเป็นที่ข้างแก้มของซันซัส มันย้ำเตือนให้นึกถึงความทรงจำอันโหดร้ายของอีกฝ่าย รวมไปถึงเขาด้วยเช่นกัน ระหว่างนั้นเรื่องราวยามที่เขากับหมอนี่ยังเด็กก็ย้อนกลับมา ความทรมานของซันซัสยามที่โดนเดือดทะลุจุดศูนย์นั้น เขาไม่อาจช่วยเหลือหรือแบ่งเบาความเจ็บปวดของมันได้เลย ยังเป็นเรื่องที่เขารู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้...
เคยคิดมาตลอดว่าข้างกายซันซัสควรมีเขาอยู่เคียงข้าง แต่ทว่า..เมื่อลองมองย้อนมาที่ตัวเองในตอนนี้ เขาพบว่าตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเก่า ยามนี้เขาเปรียบเสมือนฉลามที่มีบาดแผลแต่มองไม่เห็น ความเจ็บปวดทางใจจะทำให้เขาล้มลงวันไหนก็ไม่อาจรู้
ดังนั้นการที่ซันซัสมีเด็กคนนั้นอยู่เคียงข้างก็ถือเป็นเรื่องดีไม่น้อย หากไม่มีเขาแล้วก็ยังคงมีซาวาดะ สึนะโยชิคอยดูแลซันซัสอยู่ แม้ภายนอกเด็กคนนี้อาจดูเหมือนอ่อนแอ ทว่าแท้จริงแล้วความสามารถนั้นล้นเหลือ มันเคยเอาชนะคนที่เก่งกาจอย่างซันซัสได้ อีกทั้งที่ศึกสายรุ้งก่อนหน้าผ่านพ้นไปด้วยดี เป็นเพราะได้เด็กคนนี้ช่วยเอาไว้
ดังนั้นเขาคงวางใจได้ในระดับหนึ่งว่าบอสจะปลอดภัยหากมีไอ้เด็กคนนั้นอยู่ เมื่อทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางแล้ว เขาก็ควรเลิกคิดเรื่องของสองคนนี้เสียที ควรจะปล่อยวางและร่วมยินดีไปกับพวกมัน
เขาเคยรับปากว่าจะติดตามซันซัสตลอดไป อย่างไรเขาก็จะรักษาคำพูดนั้นไว้เสมอ เพียงแต่ในตอนนี้ซันซัสกำลังจะมีคนข้างกายอย่างแท้จริง ดังนั้นเขาคงติดตามมันอย่างใกล้ชิดเหมือนเดิมไม่ได้ เพียงแต่การติดตามอยู่ห่างๆยังคงทำได้อยู่
สุดท้ายสควอโล่ก็ตัดสินใจละมือออกจากใบหน้าของอีกฝ่าย จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินกลับไปนั่งที่ของตน ทว่า..ขณะที่จะเดินกลับไป ซันซัสกลับกำมือเขาเอาไว้แน่น แม้จะพยายามสะบัดมือนั้นออกแต่ก็ไม่เป็นผล มีแต่จะทำให้แรงบีบมันมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
"แกคิดจะทำอะไร"
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพร้อมกับเปลือกตาที่เปิดขึ้น ซันซัสจ้องคนข้างตัวที่บัดนี้กำลังหน้าถอดสี คล้ายกับคนที่กำลังทำความผิดอะไรอยู่
สควอโล่พยายามเก็บอาการตกตะลึงของตัวเอง ทั้งยังทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่าซันซัสตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน มันจะรู้หรือไม่ว่าก่อนหน้าเขาทำอะไร สักพักเขาจึงกระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามที่ไม่รู้ว่าพอฟังขึ้นหรือไม่
"แมลงมันเกาะหน้าแกว่ะ ฉันแค่จะเอาออกให้" พยายามเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่งที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับพิรุธได้ แต่สควอโล่หารู้ไม่ว่ามันเรียบนิ่งเกินปกติไปหน่อย...
"หึ เอาแมลงออกให้ฉันงั้นเหรอไอ้สวะ ฉันไม่คิดว่าแกจะใจดีขนาดนั้น"
ซันซัสทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อ ทว่าก็ดูไม่ได้เอะใจอะไร เช่นนั้นสควอโล่จึงโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย ดูท่าแล้วอีกฝ่ายเหมือนเพิ่งตื่นขึ้นมาได้ไม่นานมากกว่า แต่หากมันรู้มาตั้งแต่แรก มันคงไม่ปล่อยให้เขาได้จับใบหน้าของมันนานขนาดนี้ ป่านนี้เขาคงโดนมันจับศีรษะทุ่มลงกับพื้นเสียก่อน
"เออ ช่างมันเถอะน่า" สควอโล่รีบบอกปัดเพื่อที่จะได้เปลี่ยนเรื่องโดยเร็ว "แกอยากกินอะไรไหม เดี๋ยวฉันไปหาให้"
"ไม่เอา มีแต่ของน่าเบื่อ"
สควอโล่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ลืมนึกไปว่ามันคงไม่อยากกินอาหารที่เขาหามาให้นัก เมื่อวันก่อนเขาควรจะเข็ดได้แล้ว โดนใช้ให้เดินขึ้นลงเป็นสิบรอบ น่าตลกสิ้นดีที่สุดท้ายมันเลือกกินอาหารของเด็กนั่น
"แล้วแกจะจับมือฉันไปถึงเมื่อไหร่วะ ฉันจะลงไปด้านล่างแล้วโว้ย" ฉลามหนุ่มว่าพลางมองมือทั้งสองที่สัมผัสกัน เขาไม่ควรอยู่กับมันนานกว่านี้ ยิ่งได้รับสัมผัสแบบนี้ยิ่งไม่ควร ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เลย...
ทว่าแม้สควอโล่จะร้องขออย่างไร ซันซัสก็ไม่ยอมคลายมืออยู่ดี ทั้งยังบีบมันแน่นขึ้นอีกจนเจ็บมือไปถึงกระดูก
"มันเจ็บนะว้อยยย แกจะปล่อยได้รึยังวะ!" สควอโล่เริ่มขึ้นเสียงเผื่อซันซัสจะไม่พอใจแล้วยอมปล่อย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด มันยังคงบีบมือเขาแน่นดังเดิม
"เดี๋ยวนี้หัดขึ้นเสียงใส่ฉันแล้วรึไง" แววตาของซันซัสแสดงความไม่พอใจออกมาฉายชัด มือหนาเตรียมออกแรงดึงร่างของสควอโล่เข้าหาตัว
แต่ทว่า...มันกลับต้องหยุดชะงักลงเมื่อรับรู้ถึงการมาของใครบางคน
ประตูพลันถูกเปิดออก สึนะเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อซันซัสเห็นว่าใครเข้ามาก็สะบัดมือของสควอโล่ทิ้งลงอย่างไม่ใยดี ทำให้สควอโล่ได้โอกาสลูบมือตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บ
ทว่าเอาเข้าจริงแล้ว...เจ็บที่มืออาจไม่เจ็บเท่าการถูกสะบัดมือออกก็เป็นได้
"ทั้งสองคนคุยธุระอะไรกันอยู่ไหมครับ" สึนะถามแทรกขึ้นมาด้วยความเกรงใจ
สควอโล่ยืนมองผู้มาใหม่อยู่ชั่วครู่ เขารอให้ซันซัสพูดอะไรขึ้นมาบ้าง ทว่าน่าแปลกที่มันกลับเอาแต่นั่งเงียบ
"ไม่มีอะไร แล้วแกขึ้นมาทำไม" เป็นสควอโล่ที่ตัดสินใจถามเอง เพราะซันซัสไม่ยอมพูดอะไรเสียที
"พวกวาเรียด้านล่างบอกให้ผมมาตามพวกคุณที่ห้องนี้น่ะครับ เพราะเห็นว่าไม่ลงมาซะที"
"ไอ้สวะ เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหม" คราวนี้ซันซัสเริ่มคุยกับสึนะบ้างแล้ว ผู้ถูกถามพยักหน้าตอบรับพร้อมชูกระเป๋าเดินทางในมือให้ดู
"เก็บเรียบร้อยแล้วล่ะ เราไปกันเลยมะ..."
"ขอตัวก่อนนะบอส แล้วเจอกันด้านล่าง"
ประโยคคำถามของสึนะถูกขัดโดยฉลามหนุ่ม ไม่ว่าพร่ำทำเพลงนาน เขารีบเดินออกห่างจากซันซัส ก่อนจะมุ่งหน้าออกจากประตูห้องไปทันที ทิ้งคนที่เหลือให้อยู่ด้วยกันลำพัง เพราะบางทีการมีเขาอยู่อาจทำให้พวกมันกระอักกระอ่วนใจ
นอกจากนั้น หากเขาฟังบทสนทนาของทั้งคู่นานกว่านี้ หัวใจอาจเจ็บแปลบมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ยามนี้อาการมันเริ่มแสดงหนักขึ้นเรื่อยๆ จนการหายใจเป็นไปได้อย่างลำบาก เขาเริ่มหอบหายใจถี่ขึ้น ขณะที่ขาก้าวเดินลงบันไดไปด้วย
นี่คนเข้มแข็งอย่างเขากำลังจะพ่ายแพ้ให้กับความเจ็บปวดนี้หรือไง...
สควอโล่รีบเดินให้พ้นจากเขตห้องผู้ป่วยของตนให้เร็วที่สุด เมื่อมั่นใจว่าอยู่ในระยะที่คนด้านหลังตามมาไม่ทันแล้ว ความเร็วในการเดินก็ชะลอลงทันที ชายหนุ่มยกมือขึ้นทุบหน้าอกเบาๆ หวังให้อาการบีบรัดภายในคลายลง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาพวกวาเรียด้านล่าง เขาจะต้องทำตัวให้หายเป็นปกติเสียก่อน
"สควอโล่"
มาม่อนโผล่ออกมาจากทางไหนก็ไม่ทราบได้ สควอโล่ชะงักไปเล็กน้อย เช่นนี้มาม่อนคงเห็นอาการผิดปกติของเขาหมดแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเล่าเรื่องนี้ให้มันฟัง เผื่อว่าจะพอมีทางแก้ปัญหา
"แกเจ็บแบบนี้มานานรึยัง"
มาม่อนถามอย่างเป็นห่วง เขาแอบตามสควอโล่มาตั้งแต่ตอนที่มันเดินออกจากห้องผู้ป่วย เพียงแต่ใช้พลังมายาพรางตัวไว้เลยไม่มีใครเห็น เขาตามมาก็เพื่อจะตรวจสอบเรื่องหัวใจให้แน่ชัด ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะปกปิดไว้ซึ่งมันก็เป็นจริง ถือเป็นข่าวร้ายมากที่ภาพลวงตาเขาดันมีปัญหา เพราะมันยังไม่มีวิธีรักษามันให้หายได้
"เป็นมาสักพักหนึ่งแต่ฉันไม่ได้เป็นตลอด มันเป็นเฉพาะตอนที่จิตใจมีเรื่องมากระทบกระเทือนว่ะ" สควอโล่ตอบพลางทุบหน้าอก ขณะนี้มันยังคงมีอาการปวดหลงเหลืออยู่
"อะไรนะ แล้วมันเป็นหนักมากแค่ไหนกัน" มาม่อนถามขึ้นอย่างตกใจ เมื่อรู้ว่าสิ่งที่สควอโล่เผชิญนั้นหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะใครมันจะมีชีวิตดีถึงขั้นไม่มีเรื่องมากระทบจิตใจเลย
"ถ้าพยายามปล่อยวางเรื่องพวกนั้นได้ มันก็จะค่อยๆหายไปเอง"
"แต่ถ้าปล่อยวางไม่ได้ มันก็จะเป็นหนักขึ้นหรือเปล่า"
สควอโล่พยักหน้าว่าเป็นอย่างที่มาม่อนพูด คนมองเริ่มมีสีหน้าวิตก หากเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงต้องทรมานไปจนถึงวันตายเลยหรือเปล่า เช่นนี้ควรแก้ปัญหาอย่างไร ในหัวมาม่อนไม่มีทางออกใดแม้แต่ทางเดียว เพราะเรื่องแบบนี้ไม่เคยพบเจอมาก่อน
"แล้วสาเหตุที่มักทำให้แกปวดใจแบบนี้ก็คือบอส ใช่ไหมล่ะ"
"เออ ฉันผิดเองที่ไปรู้สึกแบบนั้นกับบอส"
เป็นครั้งแรกที่สควอโล่บอกความในใจที่มีต่อซันซัสกับคนอื่น หากเขาไม่คิดเกินเลยความเป็นเจ้านายกับลูกน้องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้ การที่ซันซัสเลือกคบกับซาวาดะไม่ใช่เรื่องผิด เมื่อเรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนั้นเขาย่อมเข้าใจดีเพราะตัวเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
แต่จากนี้ไปถึงบังคับใจตัวเองไม่ได้ เขาก็จะขอบังคับร่างกายตัวเองให้ถอยห่างออกมาแทน...
"สควอโล่...แกรู้รึเปล่าว่าการฝืนต่อไปแบบนี้น่ะ มันอาจมีสักวันที่ความเจ็บปวดนั้นมันเกินขีดจำกัดที่แกจะรับไหว"
แน่นอนว่าเขารู้เรื่องนั้นดี ทั้งยังทำใจได้นานแล้วด้วย
"แต่ถ้าแกเจ็บจนไม่อยากจะทนอีกต่อไป ทางเลือกเดียวตอนนี้คือฉันต้องลบภาพมายาหัวใจแกออก...แต่แกก็จะต้องตาย" ซึ่งนั่นมาม่อนคงทนไม่ได้ รวมถึงพวกวาเรียที่เหลือก็คงทนไม่ได้เช่นกัน
“งั้นเหรอวะ” สควอโล่หลุบสายตาลงต่ำอย่างใช้ความคิด
หนทางมีแค่สองอย่าง
คืออยู่ต่อไปโดยที่ต้องพบเจอกับความเจ็บปวด
กับตายจากโลกนี้ไปดังเช่นที่ควรจะเป็นในศึกที่ผ่านมา
สควอโล่เริ่มหนักใจ ไม่มีสักหนทางที่ดีเลยหรือไง เช่นนั้นเขาควรมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือควรตายจากโลกนี้ไปเสีย หากเป็นอย่างหลังก็คงไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว แต่ว่า...เขาเคยรับปากซันซัสเอาไว้แล้ว เคยบอกว่าจะเดินร่วมทางไปกับมัน จะติดตามมันตลอดไป ในเมื่อตอนนี้เขายังมีโอกาสทำมันอยู่ก็ไม่ควรผิดคำพูดของตัวเอง รอให้เวลามันพรากชีวิตไปเมื่อถึงเวลาคงจะดีกว่า
ในที่สุดสควอโล่ก็ตัดสินใจได้
“ไม่ต้องลบมันหรอก ไอ้หัวใจบ้านี้น่ะ” คำตอบของสควอโล่ทำให้มาม่อนดีใจ ทว่าก็ยังรู้สึกผิดอยู่ในเวลาเดียวกัน
"แกช่วยฉันคลายคำสาปอัลโกบาเลโน่อย่างเต็มที่ ในตอนนี้แกกำลังจะกลายเป็นคนที่มีคำสาปแทนฉัน แต่ฉันกลับช่วยอะไรไม่ได้เลยเนี่ยนะ" สีหน้าของมาม่อนตอนนี้ เรียกว่าดูหมองลงยิ่งกว่าตอนเสียเงินล้านไปเสียอีก
"ช่างมันเถอะน่า แกอย่ามาทำหน้าตาน่าเกลียดแบบนั้นได้ไหมวะ" สควอโล่เอื้อมมือไปจับตัวเพื่อนมาเขย่าเล่นเพื่อไม่อยากให้เพื่อนคิดมาก "ตอนนี้ฉันยังทนไหวอยู่ไงโว้ยยยย"
"โอ๊ยยย..ไอ้บ้านี่ แกเลิกเขย่าตัวฉันสักที!" มาม่อนโดนเขย่าจนมึนหัวไปหมด ตัวเล็กก็เสียเปรียบแบบนี้
"มัวทำอะไรกันอยู่ไอ้พวกสวะ"
สควอโล่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำอันคุ้นเคย เมื่อหันไปด้านทางต้นเสียงก็พบว่าซันซัสกำลังเดินเคียงคู่มากับซาวาดะ เช่นนั้นเขาจึงเบือนใบหน้าหนีไปทางเดิม และตอบคำถามโดยไม่มองหน้ามัน
"ฉันเล่นกับไอ้เวรนี่นิดหน่อยเอง แกมีปัญหาอะไรไหมบอส"
เมื่อเห็นท่าทีหมางเมินนั้นก็อดจะโมโหไม่ได้ ซันซัสรีบก้าวเข้าไปดึงผมอีกฝ่ายเข้าหาตัวอย่างแรง จนสควอโล่เอนตัวไปตามทิศของการดึงนั้น ทว่าแม้จะเจ็บแต่ก็ยังเลือกที่จะไม่หันไปมองหน้าอีกฝ่ายอยู่ดี เมื่อคิดได้ว่าถ้าซันซัสหายโกรธก็คงจะปล่อยไปเอง
"ทำไมวันนี้แกชอบหลบหน้าหลบตาฉันนักหา! มีอะไรก็พูดมาสิวะ!!" มือหนาดึงผมสีเงินแรงขึ้นเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ ทั้งยังเป็นการเร่งให้อีกฝ่ายเงยหน้ามามองตนด้วย
"บอสอย่าทำสควอโล่แบบนั้น"
"หุบปาก!!!"
มาม่อนพยายามช่วยพูดแต่ผลตอบรับคือถูกเจ้านายตัวเองตะคอกกลับใส่เสียงดัง บอสแห่งวาเรียยังคงโกรธจัด ยิ่งเห็นท่าทีของสควอโล่ที่ทำเป็นไม่สนใจ ซันซัสก็ยิ่งอยากทำให้อีกฝ่ายเจ็บจนยอมหันกลับมามองตนอีกครั้ง
"หยุดเถอะบอส ผมฉันจะหลุดแล้วว้อยยยย" สควอโล่ยอมเอ่ยปากในที่สุด เมื่อแรงดึงนั้นเพิ่มมากขึ้นจนรู้สึกคล้ายผมจะหลุดออกมาจากศีรษะ ทว่าถึงขอร้องอย่างนั้นซันซัสก็ยังคงไม่เห็นใจ เมื่อโทสะพุ่งสูงเกินกว่าจะห้ามได้
"พอเถอะนะซันซัส เสียงดังไปทั้งโรงพยาบาลแล้ว"
สึนะรวบรวมความกล้าช่วยห้ามปราม ทว่าเมื่อเป็นสึนะพูด ซันซัสกลับค่อยๆได้สติและยอมคลายมือลง สควอโล่รีบดึงผมของตัวเองกลับมาทันที ทั้งยังไม่หันไปสบตาอีกฝ่ายเช่นเดิม ไม่มีแม้กระทั่งเสียงโวยวายดังเช่นครั้งเก่า เมื่อความคิดตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความสงสัย เหตุใดซันซัสถึงยอมฟังเพียงเด็กคนนั้น...
"รีบไปกันเถอะว่ะมาม่อน พวกนั้นรอนานแล้ว"
สุดท้ายสควอโล่ก็ละทิ้งความสนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตน ก่อนจะหันไปคุยกับมาม่อน แล้วจึงรีบปลีกตัวเดินออกไปหาพวกวาเรียคนอื่น มาม่อนได้ยินก็รีบตามหลังไปทันทีด้วยความเป็นห่วง เพราะเข้าใจว่าตอนนี้อาการเจ็บนั้นคงเกิดขึ้นอีกแล้ว
"สควอโล่ ตอนนี้แกโอเครึเปล่าน่ะ"
"ไม่เป็นไร ฉันยังทนได้อยู่"
สควอโล่ตอบเสียงเรียบเฉย เขายังทนได้แต่เขาแค่อยากรู้ว่ามันต้องทนไปจนถึงเมื่อไหร่ ทำไมต้องทนอยู่กับความอ่อนแอ ทั้งที่มันไม่เหมาะกับตัวเขาเลยสักนิด...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

42 ความคิดเห็น
-
#4 namzbongz (จากตอนที่ 3)วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 / 09:26สควอจัง~แซนซัสทำแบบนี้กับน้อนได้ไง🥺#40
-
#3 moomun (จากตอนที่ 3)วันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 / 20:50รอตอนต่อไปเจ้าค่ะ#30