ตอนที่ 13 : Chapter 12 แยกห่าง
ณ ห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มีชายร่างสูงที่ดูคล้ายหายจากอาการบาดเจ็บแต่ยังนอนรักษาตัวอยู่บนเตียง วงหน้าคมสันของชายผู้นั้นฉายเพียงความแค้นที่สั่งสมมาจากศึกที่เพิ่งล่วงผ่าน ขณะที่ด้านข้างเตียงมีชายผู้มีเรือนผมสีเงินยาวกำลังยืนใช้ไม้ค้ำพยุงตัวอยู่เพราะได้รับบาดเจ็บมาจากศึกนั้นเช่นกัน...
ทั้งที่ร่างกายของชายผู้ยืนอยู่เคียงข้างไม่เอื้ออำนวยทว่ากลับฝืนเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยแห่งนี้ เพื่อที่จะมาสารภาพความผิดกับผู้เป็นนายที่ตนจงรักภักดียิ่งชีวิต
'นี่บอส...ขอบคุณนะที่ยังไม่ไล่ฉันออกไป ครั้งนี้เป็นเพราะฉัน แกเลยไม่ได้ตำแหน่งนั้น' ฉลามหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด หากเขาชนะยามาโมโตะ ทาเคชิในศึกชิงแหวนแห่งพิรุณ วาเรียจะมีจำนวนแหวนวองโกเล่มากกว่าและเป็นฝ่ายชนะทันที…
แต่สุดท้ายเขาก็ทำให้ซันซัสต้องผิดหวัง…
เขาไม่สามารถทำให้หมอนั่นเป็นใหญ่ในวองโกเล่ได้ตามต้องการ ไม่สามารถช่วยอะไรได้ยามที่หมอนั่นบาดเจ็บขณะที่ต่อสู้กับซาวาดะ สึนะโยชิ เขามันไม่ต่างจากสวะไร้ประโยชน์และไม่คู่ควรจะยืนอยู่ในวาเรียอีกต่อไป...!!
แต่ว่า...เขากลับทำแบบนั้นไม่ได้
เพราะไม่มีความกล้ามากพอที่จะเดินจากไปจากนภามืดผืนนี้
ต่อให้รู้ว่าตัวเองโดนอีกฝ่ายหัวเราะเยาะใส่ยามที่ถูกฉลามทำร้าย หรือโดนบอกว่าตัวเองเป็นเพียงอดีตที่อีกฝ่ายต้องการกำจัด ความรู้สึกน้อยใจก่อตัวขึ้นแต่กลับไร้ซึ่งความโกรธเคืองใด เขายังคงเลือกเดินเคียงข้างหมอนั่นต่อไปดังที่เคยปฏิญาณเอาไว้เมื่อยังเด็ก
'ดังนั้นฉันจะไม่มีทางตัดผมนี่ตามคำพูด! ' ว่าพลางจับเส้นผมสีเงินยาวของตัวเองขึ้นมาให้อีกฝ่ายดู เขายืนยันเรื่องคำสาบานที่เคยให้เอาไว้อีกครั้ง คำสาบานที่เคยกล่าวออกไปว่าจะไม่มีทางตัดผมเด็ดขาดหากหมอนั่นไม่ได้ตำแหน่งที่ต้องการ…
ที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อจะย้ำเตือนว่าตัวมันมีความสำคัญขนาดไหน
...ฉันถึงได้รักษาคำสาบานนี้ระหว่างเรา
'จะทำอะไรก็เรื่องของแก ฉันไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าแกจะพูดอะไรเอาไว้' ชายผู้มีใบหน้าคมคายเพียงปรายตามองลูกน้องของตนด้วยสายตาเคียดแค้นดังที่มีอยู่แต่เดิม ไม่ได้มีท่าทีสนอกสนใจอะไรดังที่ปากได้กล่าวไว้ทุกประการ
'เออ! งั้นแกรอดูความยาวของผมฉันได้เลยนะว้อย แล้วแกก็จะได้ดูมันไปอีกนานด้วย เพราะฉันจะไม่มีวันไปจากแกยังไงล่ะ! '
'ไม่มีวันไปเหรอ ฮ่าๆๆๆ ' ชายผู้กำลังคิดแค้นถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกับกระชากเรือนผมของอีกฝ่ายให้โน้มใบหน้าลงมาใกล้ 'หึ ไอ้ฉลามโง่เง่า! ฉันต่างหากที่มีสิทธิ์เลือกว่าจะให้แกอยู่หรือไป! '
'โว้ยยยยย จะดึงทำไมวะ คุยดีๆ ไม่เป็นรึไง!! '
'ถ้าวันไหนแกกลายเป็นสวะอ่อนแอไร้ค่าในสายตาฉัน หรือคิดมุ่งร้ายต่อฉันแล้วล่ะก็...'
ซันซัสเหยียดยิ้มใส่คนตรงหน้าก่อนจะตวาดเสียงกร้าว
'ฉันก็จะไล่แกออกไป!! เหมือนที่ไล่ไอ้พวกสวะกระจอกที่เคยผ่านเข้ามา!! '
ประโยคที่อีกฝ่ายกล่าวมานั้นย้ำชัดในใจมาจนถึงปัจจุบัน เขาต้องไม่อ่อนแอ ต้องห้ามกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เพื่อที่จะได้อยู่ข้างกายคนที่ต้องการ!
'มันจะไม่มีวันนั้นหรอกว่ะ' รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปากของฉลามหนุ่มราวกับท้าทายชายตรงหน้า 'เรื่องคิดร้ายต่อแกน่ะฝันไปได้เลยเพราะมันไม่มีทาง! ส่วนไอ้เรื่องอ่อนแอนี่มันก็ไม่ใช่ตัวฉันอยู่แล้วโว้ย!! "
‘หึ งั้นเหรอ’
'ฟังเอาไว้เลยนะไอ้คุณบอส!! ว่าฉันคนนี้จะยืนอยู่ข้างแกอย่างแข็งแกร่งตลอดไป!! '
...คำกล่าวในวันวานช่างผิดกับตัวเขาในวันนี้
เขาไม่ใช่คนแข็งแกร่งอย่างในวันนั้น
แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะติดตามหมอนั่นต่อไปเช่นเดิม...
เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงรุ่งสางวันถัดไป สควอโล่กำลังฝันถึงอดีตที่ล่วงเลยผ่านมาในครั้งหลังจบศึกชิงแหวน ราวกับเป็นลางว่าอีกไม่นานเขาจะต้องเจอเรื่องร้ายอย่างไรอย่างนั้น...แต่มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้...
เพราะมันจะมีเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาอีกหรือไงกัน…
สติเริ่มกลับมาพร้อมกับอาการแน่นหน้าอกที่ยังไม่หายขาดตั้งแต่เมื่อคืน มันดูคล้ายจะดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยก็ตรงที่ไม่ได้หอบหายใจหนักหน่วงมากนัก สควอโล่ค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่งลงบนเตียงก่อนจะทุบแผ่นอกเบาๆ เพื่อให้ความเจ็บแน่นนั้นคลายลงบ้าง ลมหายใจที่ถูกผ่อนเข้าออกอย่างเชื่องช้า เพื่อให้ร่างกายของตนเองฟื้นกลับคืนมาเป็นปกติอีกครั้ง
ในขณะที่ดวงตาสีแดงกำลังมองการกระทำนั้นอยู่ด้วยความแปลกใจ หากไม่คิดจะเอ่ยทักแต่อย่างใด บอสแห่งวาเรียกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานด้วยสีหน้าเรียบเฉยมาตลอดทั้งคืน ยากจะอ่านความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงได้ยามที่มองไปยังผู้ที่ขึ้นชื่อว่าทรยศต่อตนเอง...
และไม่นานซันซัสก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปยังเตียงนอนของตนเอง ก่อนจะมองคนที่นั่งอยู่บนนั้นด้วยสายตาเหยียดหยาม...ซึ่งปนไปด้วยความสมเพช
"ไสหัวไปซะ ฉันไล่แกออกจากวาเรียแล้ว"
!!!!!
ร่างสูงออกคำสั่งชับไล่ลูกน้องของตนด้วยท่าทีเฉยชา น้ำเสียงที่เอ่ยเรียบนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อยกับคำพูดที่ตัวเองเอ่ยออกไป
และนั่น..คือประโยคที่เป็นเสมือนมีดนับร้อยเล่มที่แทงลึกเข้าไปในใจของฉลามหนุ่ม สิ่งที่กำลังหวาดกลัวได้เกิดขึ้นจริงแล้ว...
"มะ...ไม่จริง แกว่าอะไรนะบอส" สควอโล่ทวนถามอีกครั้งเผื่อตัวเองจะได้ยินผิดไป ขณะที่หัวใจเริ่มเต้นสั่นระรัวด้วยความหวาดหวั่น ร่างกายเริ่มสั่นเทาเล็กน้อยเพราะกลัวว่าสิ่งที่ได้ยินก่อนหน้าจะเป็นเรื่องจริง…!!
"ฉันบอกให้แกไสหัวไปจากที่นี่ซะ หูหนวกรึไง!! "
ประโยคความหมายเดิมถูกตวาดออกมาซ้ำสอง มีดที่แทงลึกลงไปในใจของสควอโล่ตอนแรกกำลังถูกชายตรงหน้าจับด้ามของมันแล้วแทงเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม!
"ไม่นะบอส ฉันไม่ออก!! "
ตะโกนพร้อมกับเอื้อมไปจับมือของเจ้านายตนเองไว้เป็นการขอร้อง ขณะที่ดวงตาของตนมันกำลังระริกไหวอย่างยากที่จะมีโอกาสได้เห็นมันสักครา
“ฉันไม่ไปนะบอส...” สควอโล่เอ่ยย้ำอีกครั้ง หยาดน้ำใสกำลังก่อตัวขึ้นในดวงตาจนการมองเห็นพร่าเลือน ร่างกายไหวสั่นมากกว่าเดิมเพราะความกลัวที่มันค่อยๆ กัดกินร่างอย่างเชื่องช้า...ทว่าเจ็บเกินทน
และช่างน่าเห็นใจ...ที่ซันซัสกลับไม่แยแสคำขอร้องเลยแม้แต่นิด
"ฉันบอกให้แกออกไปซะ!! แล้วก็อย่ากลับมาที่ปราสาทนี้อีก" ร่างสูงสะบัดมือออกจากการกอบกุมอย่างแรง...จนผู้จับสะดุ้งกับความว่างเปล่าที่หลงเหลือ...
ซันซัสรีบตรงไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาโยนใส่ร่างเปลือยเปล่าบนเตียง ที่บัดนี้กำลังนั่งตัวสั่นพร้อมกับส่ายศีรษะไปมาเบาๆ เหมือนไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น วงหน้างามเริ่มปรากฏน้ำสีใสที่ซึมออกมาทางหางตา บ่งบอกว่าจิตใจของเจ้าตัวในตอนนี้กำลังทรมานเพียงใด…
"ไม่...ไม่ ฉันเคยบอกแล้วว่าฉันจะอยู่ข้างแก! ยังไงฉันก็ไม่ไปไหน!! "
แม้จะถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังคงพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดกระถดตัวเข้าไปหาผู้เป็นนายที่ยืนอยู่ตรงขอบเตียง ก่อนจะนำมือหนามากุมไว้อีกครั้ง...พร้อมเอามาแนบไว้ที่แก้มของตน…
"แกอย่าไล่ฉันไปเลยได้มั้ยวะ จะลงโทษฉันก็ได้" ถ้อยประโยคขอร้องถูกกล่าวออกไปอีกคราแต่อีกฝ่ายก็หาได้ตอบแทนมาด้วยความเห็นใจสักนิดไม่...!!
"ฉันบอกให้แกไปก็ไปซะ!! อย่าให้ฉันหมดความอดทน!! "
ซันซัสสะบัดมือออกจากการกอบกุมอีกครั้ง ซึ่งมันแรงกว่าเดิมจนใบหน้าของสควอโล่หันไปอีกทาง!
"และก็รีบออกไปตั้งแต่ตอนนี้เพราะฉันไม่อยากเห็นหน้าสวะอย่างแกอีกต่อไป!! " เสียงตวาดดังลั่นออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ซันซัสจะมุ่งหน้าเดินออกไปจากห้องนอนแห่งนี้
"ฉันแค่อยากอยู่กับแก...ก็แค่นั้นเอง"
เสียงที่เอ่ยออกไปนั้นอ่อนลงกว่าที่เคย ซึ่งมันบ่งบอกถึงความเศร้าโศกของผู้พูดได้เป็นอย่างดี และมันก็เป็นเหตุที่ทำให้ผู้ที่กำลังจะเดินออกไปต้องหยุดชะงัก...
"ขอแค่นี้..แกให้ฉันไม่ได้เลยรึไง แกไม่ต้องให้อภัยฉันแล้วก็ได้นะบอส" เสียงเริ่มสั่นพร่า ทว่า...มันก็ยังไม่ทำให้ผู้เป็นนายเห็นใจจนยอมกลับคำพูดอยู่ดี
ขอร้องให้ตายยังไง ผลลัพธ์ก็คงจะเป็นแบบเดิม
ซันซัสยังคงยืนหันหลังให้ สควอโล่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะเดินตามไปในตอนนี้จึงทำได้เพียงมองแผ่นหลังกว้างด้วยหัวใจที่บอบช้ำ เขายกมือขึ้นมากุมตำแหน่งหัวใจของตนที่กำลังเต้นแรงด้วยความเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิมในทุกวินาทีที่ผันผ่าน…
"อีกอย่าง..นะบอส อึก..ฉันเป็นห่วงแก" น้ำเสียงเริ่มขาดห้วง ร่างโปร่งพักหอบหายใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ "เพลิงพิโรธของแก..ยังกลับมาใช้ไม่ได้ ฉันไม่ให้แก..อยู่คนเดียวหรอกนะ"
"นั่นมันเป็นเรื่องของฉันและฉันก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากแก ไสหัวไปซะทีไอ้ฉลามสวะ!! " ว่าจบร่างสูงก็เปิดประตูห้องเตรียมจะเดินออกไป ทว่า..ก็ยังไม่ลืมที่จะหันมาย้ำอะไรบางอย่าง "และถ้าแกไม่ไปล่ะก็ ฉันจะเป็นฝ่ายไปเอง!! "
ปัง!!!
ประตูถูกปิดลงเสียงดังสนั่นพอกับเสียงของผู้พูด เจ้าของห้องได้เดินจากไปแล้ว ทิ้งให้สควอโล่นั่งอยู่ในห้องอย่างโดดเดี่ยว ทำใจรับชะตากรรมอันโหดร้ายนี้เพียงลำพัง…
สุดท้ายเขาก็ต้องไปจากที่นี่อย่างนั้นหรือไง...
เป็นครั้งแรกที่โดนซันซัสเอ่ยปากไล่ออกไปจากชีวิต ก่อนหน้าไม่ว่าจะเคยทำอะไรให้โกรธแค่ไหนก็ไม่เคยถึงขั้นไล่ออกจากวาเรีย
หรือความผิดในครั้งนี้มันคงอภัยให้กันไม่ได้จริงๆ
"ฮะ..ฮะๆๆ " เสียงหัวเราะดังออกมาราวกับเยาะเย้ยตัวเอง หัวใจกำลังเจ็บจนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอดเสีย ในเมื่ออยู่ไปมันก็มีแต่เรื่องเลวร้ายประเดประดังเข้ามาไม่จบสิ้น...แล้วจะอยู่ต่อไปทำไมให้ทรมาน...
ฉลามหนุ่มตัดสินใจหยิบเชือกของเสื้อคลุมอาบน้ำข้างลำตัวขึ้นมาถือไว้ในมือ อย่างไรก็หายใจไม่ค่อยสะดวกอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นเอาเชือกรัดคอไม่นานก็คงจะลาโลกนี้ไปโดยเร็ว…
มือจับเชือกมาพันรอบลำคอ เตรียมพร้อมสำหรับการก้าวไปสู่ความตายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
แต่ทว่า...ในขณะที่กำลังจะมัดปมเชือกนั้น ความคิดบางอย่างก็ผุดเข้ามาเสียก่อน ให้สิ่งที่กำลังกระทำอยู่ต้องหยุดชะงักโดยพลัน...!!
ถ้าเขาตัดสินใจที่จะไม่มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว คนที่กระทำความผิดตัวจริงมันก็ต้องได้ใจและใช้ชีวิตลอยนวลอยู่ต่อไปอย่างนั้นเหรอ
ไม่มีทาง!!
ฉลามหนุ่มรีบปาดน้ำตาบนใบหน้าและลบล้างความคิดที่จะฆ่าตัวตายโดยทันที เขาควรอยู่เพื่อที่จะล้างความผิดบาปให้ตัวเองและนำตัวคนกระทำผิดมาลงโทษมากกว่าจะมายอมแพ้เช่นนี้
ความอ่อนแอผันแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นพลัง เพื่อต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่คนผิด และเพื่อที่จะได้กลับมายืนข้างนภามืดอย่างไร้มลทินใดในสักวัน
เพียงแค่ต้องรอเวลาซึ่งอาจจะเร็วหรืออาจจะยาวนานมากก็ตาม...
อีกอย่างเขาลืมนึกไปสนิทว่าตนเองควรอยู่ต่อไปเพื่อความปลอดภัยของซันซัส จนเพิ่งรู้ว่าเวลาคนเราอยากตายมันก็ลืมเรื่องบางเรื่องไปได้ง่ายๆ เช่นนี้นี่เอง…
...แต่ตอนนี้เขาดึงตัวเองกลับมาแล้ว
เพราะเป็นห่วงแก...ฉันถึงต้องอยู่
เมื่อนึกถึงหน้าคนที่เพิ่งเอ่ยวาจาขับไล่ตนก็อดจะรู้สึกเสียใจต่อไปไม่ได้ แต่ทว่าตอนนี้เขาก็กำลังพยายามย้ำเตือนกับตัวเองว่าสิ่งที่ควรกระทำคือหาหนทางให้ตัวเองพ้นจากความผิดไม่ใช่มานั่งเสียใจ!
ผู้กระทำผิดต้องข้องเกี่ยวกับวาเรีย บางทีมันอาจอยู่ไม่ไกลตัวจนบางทีก็น่าหวาดหวั่น ไม่อย่างนั้นมันคงไม่รู้เรื่องอาวุธระเบิดที่ทำลายเพลิงพิโรธได้ เช่นนี้แล้วความปลอดภัยของซันซัสในยามที่ไร้พลังไฟก็เหลือน้อยเต็มที…
เหตุการณ์เลวร้ายยังอยู่รอบตัว เขาต้องรีบนำตัวคนกระทำผิดมาจัดการให้ได้เพราะอันตรายอาจอยู่ในปราสาทแห่งนี้ และถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่ร่วมกับซันซัสอีกแล้ว...แต่ก็ใช่ว่าเขาจะแอบตามหมอนั่นไม่ได้นี่
เพียงแต่มันจำเป็นต้องพึ่งพาใครบางคน...
เมื่อคิดได้ดังนั้นฉลามหนุ่มจึงค่อยๆ สวมเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วฝืนสังขารขาเดินมาห้องที่ตนเองอย่างยากเย็น ยามที่ก้าวเข้ามาในห้องแล้วสิ่งแรกที่ทำคือเดินไปคว้ามือถือขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนสนิท ซึ่งก็คือคนที่สควอโล่เพิ่งมีโอกาสเจอเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี่เอง...
[นี่นายโทรหาฉันก่อนเหรอเนี่ย] ต่อสายไปไม่นานดีโน่ก็รีบรับอย่างรวดเร็วเพียงแต่น้ำเสียงที่พูดติดจะงัวเงียเอาเรื่อง เหตุคงเพราะถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ยังไม่ทันเช้าตรู่
"ฉันโทรก่อนแล้วมันผิดตรงไหน" เขาว่าแล้วว่ามันต้องทักเรื่องนี้ เพราะอย่างที่เคยบอกว่าเขาไม่ส่งข้อความหรือเป็นฝ่ายโทรหาใครก่อนหากไม่ใช่เรื่องงาน
[อย่างกับฝันไปแหนะ ที่โทรมาก่อนนี่ต้องมีอะไรให้ฉันช่วยแน่เลยใช่มั้ยล่ะ] คนในสายพูดติดตลกและเหมือนจะรู้ทันความคิดของสควอโล่ที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่พอดี
"เออ...คือฉันจะขอไปอยู่กับแกสักพักว่ะ"
[อะไรนะ!!] คนในสายตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึงทันที [นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ยสควอโล่ นายจะมาอยู่คฤหาสน์ฉันจริงเหรอ!]
ดีโน่ยังคงไม่หายจากอาการตกใจแม้จะง่วงนอนอยู่ก็ตาม ใครจะไปคิดว่าคนอย่างสควอโล่จะยอมแยกจากซันซัสแล้วออกมาอยู่ที่อื่น
นอกเสียจากว่า...สองคนนั้นจะมีปัญหากัน
"ไม่ได้รึไง" ฉลามหนุ่มลองถามไปดูแต่เชื่อว่าเพื่อนตนไม่ปฏิเสธ
[นายจะบ้าเหรอ ฉันต้องให้นายมาได้อยู่แล้ว ว่าแต่..ฉันถามได้มั้ยว่านายไปเจอเรื่องอะไรมา] แท้จริงแล้วดีโน่ได้ยินข่าวลือเรื่องซันซัสถูกทำร้ายมาบ้างแต่ยังไม่รู้ลึกนัก ได้รู้ก็เพียงแค่ซันซัสได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงเท่านั้น
"ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง นายรีบมาเลยแล้วกัน ฉันรอนานมากไม่ได้"
เพราะซันซัสคงไม่อยากให้เขาเสนอหน้าอยู่ที่นี่ต่อไปนานนัก
จำได้ดีว่าอีกฝ่ายบอกให้รีบไสหัวไปให้เร็วที่สุด...
[เอ๋ ตอนนี้เลยเหรอ ดูท่าว่าคงด่วนมากเลยสินะ] ถึงแม้ดีโน่จะถูกปลุกให้ตื่นมากะทันหันและอยากจะนอนต่อมากแค่ไหน แต่ทว่าหากเป็นคำขอร้องของเพื่อนคนนี้ก็ยอมที่จะทำตามแต่โดยดี
"ถือว่าตื่นเช้าสักวันแล้วกันไอ้ม้าพยศ แค่นี้ก่อนนะ ฉันจะไปเก็บของแล้ว"
ฉลามหนุ่มรีบกดวางสายโทรศัพท์ ก่อนจะเดินไปเปลี่ยดชุด คราแรกอยากใส่ชุดเครื่องแบบวาเรีย แต่..ลืมไปว่าถูกไล่ออกมาแล้วและคงไม่มีสิทธิ์ใส่มันอีกนาน สุดท้ายจึงใส่เพียงเสื้อเชิ้ทและกางเกงธรรมดาเท่านั้น
เขาไล่เก็บข้าวของที่จำเป็นใส่กระเป๋า ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าเพราะไม่ใช่คนซื้อของจุกจิกมากนัก และเมื่อเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกที่เรียกว่าใจหาย
ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้วสินะ...
เวลาที่เขาจะต้องไปจากที่นี่ตามคำสั่งของซันซัส
สควอโล่ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาหมองเศร้า ในยามนี้พระอาทิตย์ยังไม่เคลื่อนตัวขึ้นจากขอบฟ้า ท้องนภามืดมิดด้านนอกตรึงดวงตาเขาไว้กับที่ ความทรงจำมากมายระหว่างตนกับซันซัสไหลย้อนเข้ามาในหัวราวกับต้องการจะตอกย้ำให้ใจปวดหน่วงยิ่งกว่าเดิม…
เพียงต้องการติดตามแกตลอดไป ก็แค่นี้...แต่ทำไมมันถึงเป็นไปไม่ได้
เขาเงยหน้าขึ้นบังคับไม่ให้น้ำบ้าที่อยู่ในตาไหลลงมา..เพราะมันเพิ่งจะหายไปได้ไม่นานนี้เอง
ตลอดระยะเวลาแปดปีที่ผ่านมานี่เป็นครั้งแรกที่ต้องห่างกัน...และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่เราจะได้มาอยู่ในปราสาทนี้ด้วยกันอีกครั้ง
ภาวนาให้เขารีบหาตัวคนรัายให้เจอโดยเร็ว
ยังไงก็ต้องไม่ยอมเป็นแพะรับบาปกับความผิดที่ตนเองไม่ได้ก่อ…!!
สควอโล่บอกกับตัวเองในใจก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นมาถือแล้วพาขาทั้งสองก้าวออกมาจากห้อง โดยไม่ลืมที่จะหันไปมองประตูห้องที่อยู่ข้างเคียง
เป็นครั้งสุดท้าย...
ยามนี้เป็นเวลารุ่งสางที่ท้องฟ้ายังคงมืดมิด บรรยากาศทั้งภายนอกและภายในปราสาทจึงดูเงียบเหงา ไร้เสียงลูกน้องพูดคุยกันดังเช่นปกติ ผู้คนในปราสาทต่างยังคงหลับใหล เว้นก็แต่บอสแห่งวาเรียที่ไม่อาจทราบได้ว่าหายไปอยู่ส่วนใดของปราสาทนับแต่เดินออกไปจากห้องนอนครานั้น รวมถึงสควอโล่ด้วยที่บัดนี้กำลังยืนอยู่ภายนอกตัวปราสาทอย่างว้าเหว่
น่าเสียดายที่ไม่มีเวลาได้ร่ำลาพวกลูกน้องวาเรียคนอื่น แต่หากพวกนั้นต้องการติดต่อเขาก็ย่อมโทรผ่านมือถือได้อยู่แล้ว เช่นนั้นเขาจึงไม่กังวลเรื่องนี้นัก
จวบจนใกล้ถึงเวลาที่จะต้องไป ร่างโปร่งหันกลับมามองปราสาทเป็นครั้งสุดท้ายอย่างอาวรณ์ ทั้งสถานที่ต่างๆ ในปราสาทที่ตนคุ้นชินเพราะอยู่มายาวนานถึงแปดปี ทั้งเพื่อนพ้องที่ร่วมสู้รบกันมาจนไว้เนื้อเชื่อใจกัน และใครอีกคนหนึ่งที่อยู่ในความรู้สึกตลอดมา
ซันซัส...มันจะต้องมีวันที่ฉันกลับมายืนอยู่ข้างแกได้อย่างภาคภูมิอีกครั้ง และฉันในวันนั้นจะต้องไม่ใช่ผู้กระทำผิดอีกต่อไป ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน...แต่ฉันจะรอเสมอและยืนยันว่าจะรักษาสัญญาระหว่างเราเหมือนเดิม
คำมั่นที่จะไม่ตัดผม ฉันก็จะไม่ตัดมัน
คำมั่นที่เคยให้ไว้ว่าจะเดินร่วมทางไปด้วยกัน ฉันก็จะยังเดินไปพร้อมกับแก
เพียงแต่จะมีแค่ฉันคนเดียวที่รับรู้ เพราะฉันจะคอยปกป้องแกอยู่ในที่ของฉัน...โดยที่แกไม่เห็น
ตราบใดที่แกยังสร้างเพลิงพิโรธไม่ได้ ฉันคนนี้ก็จะไม่ปล่อยให้แกสู้รบเพียงลำพังแน่นอน…!!
เมื่อได้เวลาต้องจากไปแล้ว สควอโล่จึงหมุนตัวเดินกลับไปยังทางออกของปราสาท ขณะนี้หน้าประตูใหญ่มีรถตู้คันหนึ่งจอดเทียบอยู่ซึ่งเป็นรถของคาบัคโรเน่แฟมิลี่ที่เพิ่งขับมาถึงได้ไม่นานนี้ ผ่านไปชั่วครู่ก็มีชายร่างสูงผมทองเดินลงมาจากรถพร้อมรอยยิ้มที่ดูแปลกไปกว่าทุกวัน เป็นยิ้มที่ดูเหมือนฝืนอย่างไรชอบกล…
"วันนี้แกเป็นอะไรวะ" เขาเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นท่าทีผิดปกติของอีกฝ่ายพร้อมกับเดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่
"บอกตามตรงนะ ฉันง่วงมาก นายเรียกฉันมาตั้งแต่เช้ามืดเลยนะ" คนพูดอ้าปากหาวให้ดูเป็นการยืนยันว่าเจ้าตัวไม่ได้โกหกแต่อย่างใด
"เออ งั้นก็รีบขึ้นรถกลับเลยแล้วกัน แกจะได้ไปนอน" ว่าจบก็ยกกระเป๋าใส่สัมภาระขนาดกลางไปไว้ท้ายรถ ก่อนจะเดินเข้ามานั่งด้านในรถตู้ตรงเบาะข้างม้าพยศ
ไม่นานรถของคาบัคโรเน่ก็เคลื่อนตัวห่างจากปราสาทวาเรียออกไป ทุกเหตุการณ์ระหว่างคนสองคนล้วนอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่ง แววตาของผู้มองฉายเพียงความเคืองโกรธ มือกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปถึงเนื้อหนังก่อนที่มันก็ถูกชกเข้ากับกำแพงเพื่อข่มอารมณ์ สุดท้ายแล้วคนผู้นั้นทำได้เพียงบอกกับตัวเอง
...ว่าต้องรอเวลาไปก่อน
ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงม้าพยศกับฉลามหนุ่มก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์คาบัคโรเน่ ระหว่างทางทั้งคู่ไม่ได้สนทนาอะไรกันมากนักแม้ดีโน่จะอยากถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปากสควอโล่มากแค่ไหนก็ตาม เหตุเพราะเพื่อนดูคล้ายต้องการความสงบ สังเกตจากที่เจ้าตัวนั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่างตลอดทาง
...ไร้ซึ่งเสียงโวยวายเหมือนที่เคยเจอกันครั้งก่อนหน้าไม่มีผิด
"นี่สควอโล่ ฉันสั่งคนให้เตรียมห้องไว้ให้นายแล้วก่อนที่ฉันจะไปรับนาย"
ดีโน่ว่าพลางเดินนำเพื่อนของตนไปยังห้องที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งเป็นห้องรับแขกระดับวีไอพีเลยทีเดียว ด้วยขนาดห้องที่กว้างขวางและเตียงนอนแบบคิงไซส์ เครื่องนอนเครื่องใช้ครบคันสมกับฐานะที่ร่ำรวยของเจ้าของคฤหาสน์
"ขอบใจ" ฉลามหนุ่มตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าห้องไป
ทว่า...ประตูยังไม่ทันได้ปิดสนิทก็ถูกดีโน่เอาแขนมากั้นบานประตูไว้เสียก่อน
"มีอะไรของแก" สควอโล่เลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจแต่ไม่ได้โมโหอะไร
"นายยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังเลยว่าไปเจอเรื่องอะไรมา" ดีโน่รีบท้วงด้วยความอยากรู้เต็มทน จากตอนแรกที่ง่วงอยู่แต่พอยังไม่รู้สิ่งที่ต้องการก็คงนอนไม่หลับแล้ว
"เออฉันลืม โทษที" สควอโล่ลืมนึกถึงเรื่องนั้นไปสนิทเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องสำคัญอื่น "แกอยากรู้อะไรก็ถามฉันมา ถ้าฉันตอบได้ก็จะตอบ"
"ทำไมนายถึงออกมาจากปราสาทวาเรียล่ะ ถึงขนาดออกมานี่ต้องเจอเรื่องแย่มากใช่มั้ย"
"มันเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันว่ะ ฉันจะเล่าแต่แกจะเชื่อมั้ยก็อีกเรื่อง"
สควอโล่ชวนม้าพยศเข้ามานั่งด้วยกันในห้องก่อนจะตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง เริ่มตั้งแต่เรื่องที่ได้ยินซันซัสโทรศัพท์มาหาว่าให้นำระเบิดไปวางใกล้ห้องทำงานศัตรู ตอนที่ซันซัสได้รับบาดเจ็บจากระเบิดนั้นแล้วถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล จนกระทั่งเรื่องคนที่โทรมาสั่งไม่ใช่ซันซัส
ดีโน่คล้ายอยากให้คำแนะนำแต่ทว่าก็คิดถึงสาเหตุของมันไม่ออกเช่นกัน
"หมอนั่นระเบิดตัวแรงซะด้วย ยังดีที่กระโดดออกมาก่อน ไม่อย่างนั้นก็คง..."
ดีโน่ชะงักไปเมื่อเห็นสีหน้าที่หมองลงของเพื่อน ก่อนจะพบว่าตนเผลอพูดเรื่องนี้ออกไปโดยลืมไปว่าสควอโล่เป็นคนทำแต่ไม่ได้ตั้งใจ
ให้ตายสิ...ไม่น่าพูดให้สควอโล่รู้สึกผิดเลย
"นี่สควอโล่ ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจน่ะ" ม้าพยศทำหน้าเศร้าทั้งยังมีท่าสลดจนสควอโล่ที่มองอยู่เห็นใจ จึงไม่เอ่ยปากว่าอะไร
"ช่างมันเถอะ ฉันเองก็คิดเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้งเหมือนกัน ซันซัสเกือบตายไปแล้วเพราะฉัน" แววตาของสควอโล่วูบไหวลงทันทีเมื่อเอ่ยเรื่องนี้ "และนี่ก็คือบทลงโทษของฉันล่ะมั้ง...ถูกไล่ออกมาจากวาเรีย"
"แต่นายจะไม่ยอมรับข้อกล่าวหานี้ใช่มั้ยล่ะ นายต้องหาทางเอาคืนแน่"
ดีโน่พูดอย่างรู้นิสัยเพื่อนดี คนอย่างสควอโล่ก็ค่อนข้างเจ้าคิดเจ้าแค้นพอตัว ไม่มีทางที่สควอโล่จะยอมเสียประโยชน์โดนคนอื่นเอาเปรียบ
...แต่ก็มีซันซัสคนเดียวที่เป็นข้อยกเว้น
"ใช่ ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้" เขากล่าวออกไปอย่างแน่วแน่จริงจัง "และฉันจำเป็นต้องขอพึ่งแกด้วยว่ะไอ้ม้าพยศ"
"ฮ่าๆๆ ได้เสมอเลย นายอยากให้ช่วยอะไรก็เอ่ยปากขอฉันได้ทันที"
"อย่างแรกก็คือขออยู่ที่นี่ไปจนกว่าเรื่องจะคลี่คลาย อย่างที่สองก็คือแกต้องช่วยไปสืบภารกิจที่พวกวาเรียออกไปทำให้กับฉัน สืบมาให้หมดว่าบอสของฉันต้องไปที่ไหนบ้าง"
ขอร้องเรื่องนี้ออกไปเพราะอีกฝ่ายก็เป็นคนสำคัญคนหนึ่งของวองโกเล่ ดังนั้นมันย่อมไปสืบงานของวาเรียได้อยู่แล้ว เพียงแค่ไปสอดแนมจากปราสาทของวองโกเล่รุ่นที่เก้าก็เท่านั้น...!
"รบกวนแกหน่อยแล้วกันว่ะ ไว้เรื่องนี้ผ่านไปฉันจะมาตอบแทน"
"ได้อยู่แล้ว ว่าแต่นายจะอยากรู้ตารางงานของซันซัสไปทำไมเหรอ จะตามหมอนั่นไปรึไง"
"เออ เพราะฉันกลัวว่าหมอนั่นจะไม่ปลอดภัย" สควอโล่ยังไม่ได้เอ่ยเรื่องที่ซันซัสใช้เพลิงพิโรธไม่ได้เพราะเรื่องนี้ควรเป็นความลับเพียงในวาเรีย จึงอธิบายไปเท่าที่พูดได้ "อีกอย่างการที่ไอ้บ้านั่นทำให้ฉันแตกหักกับซันซัส ก็อาจจะทำไปเพื่อให้กำจัดซันซัสได้ง่ายขึ้น เพราะยังไงคนเดียวก็จัดการง่ายกว่าสองคนนี่"
ยังไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นเป็นจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ต้องคิดเผื่อไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย ศัตรูอาจจงใจวางแผนให้เขาเป็นคนฆ่าซันซัสจนเสียชีวิตในวันนั้น แต่คงคิดเผื่อไว้ว่าหากแผนล่มขึ้นมา คนที่จะได้รับผิดข้อกล่าวหานี้ก็จะเป็นเขา...
พวกคนจากแฟมิลี่ที่มาใหม่ก็น่าสงสัยอยู่เหมือนกัน หากจะกระทำการทรยศก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะยามนี้คนในแฟมิลี่นั้นก็อยู่ใกล้ตัววาเรียมากที่สุดแล้ว...
โดยเฉพาะคู่หมั้นของซันซัสที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกพบ จนตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าคนผู้นั้นรักชอบซันซัสจริงอย่างที่ปากว่าหรือไม่ ดังนั้นมันอาจจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็ได้ เขาจึงขอเก็บมันเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยครั้งนี้ก่อน
"นายไม่โกรธหมอนั่นบ้างเหรอไง ที่ไม่เชื่อใจนายและไล่นายออกมา" ดีโน่ถามออกไปทั้งที่น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วว่าสควอโล่ไม่มีทางโกรธเกลียดซันซัส ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะทำร้ายร่างกายและจิตใจมากแค่ไหนก็ตาม...
"ฉันไม่โกรธมันหรอก อย่างที่บอกว่าถือเป็นบทลงโทษที่ฉันเกือบทำให้มันต้องตาย" ริมฝีปากแค่นรอยยิ้มออกมาหากแต่ดวงตาสีวารีของเจ้าตัวกลับสะท้อนความเศร้าออกมาชัดเจน...มันไหวระริกจนผู้มองรู้สึกได้
"โอเคเลย งั้นฉันไม่รบกวนนายแล้วดีกว่า" ดีโน่เห็นดังนั้นจึงตัดสินใจลุกขึ้นกลับห้องของตัวเองเพื่อปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักผ่อน โดยไม่ลืมกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง "นายอย่าลืมดูแลตัวเองด้วยล่ะ ถ้ามีอะไรก็โทรเรียกฉันได้ตลอดเวลา"
"เออ ขอบใจแกอีกทีก็แล้วกัน"
เมื่อม้าพยศออกจากห้องไปจึงเหลือเพียงฉลามหนุ่มอยู่ในห้องตามลำพัง ร่างโปร่งสอดสายตามองไปรอบห้องที่มีข้าวของมากมายแต่กลับให้ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว ทั้งที่ห้องก็กว้างใหญ่และสุขสบายไม่ต่างไปจากปราสาทวาเรียเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังคงอยากกลับไปอยู่ปราสาทวาเรียมากกว่าอยู่ดี
ความเจ็บปวดกำลังเกาะกินจิตใจจนปวดร้าว สควอโล่เอามือทุบหน้าอกไล่ความเจ็บปวดนี้ไปครั้งแล้วครั้งเล่า...มันจะมีสักวินาทีหรือเปล่าที่ความเจ็บปวดนี้จะหายไปยามที่ย้ายมาอยู่ที่นี่
แท้จริงอาการมันกำเริบมาสักพักแล้วเพียงแต่เจ้าตัวไม่ยอมแสดงมันออกมายามที่อยู่กับม้าพยศ เหตุเพราะไม่อยากให้ใครมาสงสัยหรือนึกเป็นห่วง
เมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว สควอโล่จึงหยัดตัวลุกขึ้นจากโซฟาและพาขาทั้งสองที่เหลือแรงเพียงน้อยนิดก้าวไปหยิบเสื้อจากกระเป๋าและเดินเข้าห้องน้ำไป
เขานอนแช่น้ำอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงให้ร่างกายผ่อนคลายซึ่งมันก็ช่วยได้อยู่บ้าง และเมื่อจัดการธุระส่วนตัวทุกอย่างในห้องน้ำเสร็จแล้วจึงค่อยเดินออกมาเปิดกระเป๋าสัมภาระเพื่อจัดของเข้าตู้
ทุกอย่างถูกจัดอย่างมีระเบียบ สิ่งของในกระเป๋าทุกชิ้นถูกสควอโล่นำออกมาเก็บให้เข้าที่
เว้นก็แต่...
ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับเสื้อเชิ้ตสีขาวของเจ้านายที่ถืออยู่ในมือ...มันเป็นเสื้อตัวที่ซันซัสเคยให้เขายืมมาใส่ในวันที่บาดเจ็บครั้งนั้น และที่ไม่ลืมนำเสื้อตัวนี้ออกมาด้วยก็เพื่อที่จะให้มันเป็นตัวแทนยามที่คิดถึง...เจ้าของๆ มัน
สควอโล่กอดเสื้อที่ถืออยู่ไว้แนบอกก่อนจะพาตนเองไปนอนลงบนเตียงกว้าง กลิ่นน้ำหอมประจำกายของซันซัสยังติดอยู่กับเสื้อไม่จางหายไป ดังนั้นเขาจึงกระชับเสื้อตัวนั้นไว้ในอ้อมกอดแน่นกว่าเดิมและซุกใบหน้าของตนลงไป
การมานอนต่างที่ทำให้ข่มตาหลับได้ยากนัก แม้ก่อนหน้าจะง่วงอยู่บ้างก็ตามที…
เมื่อสมองยังไม่ได้พักผ่อน ความทรงจำต่างๆ มากมายก็วนเวียนเข้ามาในหัว ร่างโปร่งบนเตียงนอนคู้ตัวฝืนทนกับความเจ็บลึกที่แผ่ขยายไปทั่วบริเวณอก มันช่างทรมานกับการใช้ชีวิตให้ผ่านไปแต่ละวัน...หากแต่สุดท้ายแล้วก็ยังเลือกที่จะอดทน
"อึก แค่กๆๆ " ลมหายใจเริ่มติดขัดจนในที่สุดก็ต้องโก่งตัวไอออกมาอย่างรุนแรงเพื่อให้หายใจได้สะดวกขึ้น มือเรียวยกขึ้นปิดปากที่กำลังไอหนักหน่วง และร่างก็เริ่มหอบหายใจถี่ขึ้นเมื่ออาการไอหยุดลง
สควอโล่เริ่มรู้สึกถึงความแปลกประหลาดเมื่อรู้สึกถึงของเหลวกลิ่นคาวที่ตามออกมาระหว่างไอ จึงค่อยๆ ยกมือที่ป้องปากออกมาหงายดู
และสิ่งที่เห็นก็ทำให้เจ้าตัวตกใจไม่น้อย
เลือดงั้นเหรอ...
"หึ" สควอโล่มองโลหิตสีแดงในมือพร้อมกับแค่นหัวเราะออกมาเพื่อประชดชีวิต ดูเหมือนว่าอาการทางหัวใจนี้จะไม่มีวันหายขาด มีแต่จะรุนแรงมากขึ้นก็เท่านั้น
นี่เขาใกล้ตายแล้วหรือไงกัน มันช่างเป็นอะไรที่...น่าสมเพช
สควอโล่ค่อยๆ ฝืนตัวลุกขึ้นก่อนจะพาร่างของตัวเองก้าวเดินโซเซเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างโลหิตที่อยู่ในมือ โดยกลัวว่ามันจะเปื้อนเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวหวงรวมไปถึงเตียงของเพื่อนสนิทด้วยเช่นกัน เมื่อล้างมือเสร็จเรียบร้อยดีจึงเดินออกมาล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้งและไม่ลืมที่จะนำเสื้อเชิ้ตกลับมากอดไว้แนบอก
แทนที่จะหลับแต่กลับมีหยาดน้ำใสไหลรินลงมาจากดวงตาอย่างเงียบเชียบ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่กำลังกอดอยู่เปียกชื้นเพราะเขาซุกหน้าลงไปกับมัน เสียงสะอื้นที่ไม่เคยได้สัมผัสมาแสนนานกำลังจะดังออกมา...แต่ทว่าเขากัดฟันกลั้นมันเอาไว้
ทำไมความคิดถึงมันถึงได้ทรมานอย่างนี้วะบอส
...เมื่อไหร่จะถึงวันที่ฉันได้กลับไปอยู่กับแกอีกครั้ง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ห็นค่าในตัวเราเลย;_;