คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Give Me Love
Give Me Love
.
.
.
.
.
‘ว่างเปล่า’
‘ว่างเปล่า........ ว่างเปล่า.. มันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน’
‘เหงา คำนี้ไม่เพียงพอที่ผมจะใช้อธิบาย’
‘ต้องการเหลือเกินคนที่จะมาเติมเต็มหัวใจอันแสนว่างเปล่าดวงนี้ของผม’
‘ได้โปรด.... ให้ความรักกับผมเถอะ...’
ณ ห้องไม้แคบๆที่ผมอาศัยอยู่ พื้นที่อันเล็กน้อยและฟูกใหญ่กลางห้องที่กินอาณาเขต พื้นที่ของห้องแทบทั้งหมด ดวงไฟสีอ่อนที่มีเพียงดวงเดียว ยังคงทำหน้าที่ให้แสงสว่างกับห้องที่มืดมิดห้องนี้
แต่ก็มิได้ทำให้หัวใจของผมดูสว่างขึ้นโดยแม้แต่น้อย……
ผมใช้ชีวิตแบบนี้มาแสนนานตั้งแต่จำความได้ ครอบครัวคือสิ่งที่ผมโหยหามาตลอด ความอบอุ่นและ ความรักคือสิ่งที่ผมต้องการแม้จะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม
‘ พระเจ้าครับผมทำอะไรผิดหรือ? ถึงได้รับโทษอันแสนเจ็บปวดอย่างนี้ การที่โลกนี้ต้องอยู่โดยไร้ความรักนั้นมันช่างเป็นเรื่องที่ทรมานเสียเหลือเกิน....’
ห้องที่แสนเย็นเฉียบ ความว่างเปล่าที่แสนว้าเหว่ ผมได้แต่นั่งกอดเข่าตนเองไว้เพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกาย สิ่งรอบข้างที่อยู่โดยรอบช่างน่าเบื่อหน่าย
และในที่สุดผมจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องของตน และ ก้าวออกไปเพื่อเจอโลกกว้าง
.
.
.
ตอนนี้ก็เข้าหน้าหนาวแล้ว สังเกตเห็นจากคู่รักที่เดินอยู่รอบๆตัวผม พวกเขาต่างสวมกอดเพื่อมอบความอบอุ่นให้แก่กันและกัน
‘ช่างน่าอิจฉาสิ้นดี.....’
แม้จะเดินออกไปรอบๆเมืองแล้วก็ตามแต่ ความโดดเดี่ยวในจิตใจของผมก็มิได้หายไปเลยแม้แต่น้อย......กลับทวีความหนาวเหน็บในจิตใจผมมากขึ้น
ภาพบาดตาบาดใจของคู่รักรอบๆเมืองทำให้ผมหันกลับมามองตัวเอง
‘ทำไมผมถึงไม่มีแบบนี้บ้างนะ’
ผมได้แต่เฝ้าบอกกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในเมื่อเมืองอันหนาวเหน็บแห่งนี้ ไม่สามารถเติมเต็มช่องโหว่ในจิตใจของผมได้เลยแม้แต่น้อย ขาของผมก็เริ่มก้าวเดินไปอีกครั้งเพื่อกลับไปที่สถานที่เดิม ที่ผมเดินจากมา
‘บ้านเพียงแห่งเดียวของผม....บ้านอันแสนว้าเหว่ของผม…..’
.
.
.
หลังจากก้าวออกไปสู่โลกภายนอก ผมได้แต่เตือนตนเองว่า ไม่มีความรักใดๆบนโลกใบนี้...ให้กับคนอย่างผมแล้ว ผมได้แต่ทิ้งตัวลงนอนบนฟูกเหม็นๆในห้อง และทำอะไรบางอย่างที่เฝ้าทำอยู่ทุกวันไป แม้จะไร้ปรโยชน์ก็ตาม......
ร่างกายของผมค่อยๆขยับลงมานั่งบนพื้นไม้ ผมชันข้อศอกไว้กับเตียงพร้อมกับนำมือทั้งสองข้างมาประสานเข้าด้วยกันและเริ่มต้นสวดภาวนา
“พระเจ้าครับ ผมทำอะไรผิดกันแน่.....ทำไม....ถึงไม่มีใครรักผมเลยล่ะครับ? ได้โปรด...ส่งใครสักคนมาให้ผมเถอะนะครับ ตอนนี้ผมต้องการเหลือเกิน.... ’ความรัก’ ขอเพียงพระองค์จียดความเมตตาสักครั้งเถอะนะครับ…”
หยดน้ำตาใสค่อยหล่นลงมาทุกๆคำที่เอ่ยขอ ผมปีนขึ้นฝูกเน่าๆของตนพร้อมกับกอดตัวเองไว้ และผลอยหลับไปทั้งๆน้ำตา
แต่ทันใดนั้นความรู้สึกแปลกประหลาดก็ถาโถมเข้ามาใส่ตัวผม ความรู้สึกเจ็บแสบทางร่างกายทำให้ผมไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้
‘นี่ผมเป็นอะไร....เกิดอะไรขึ้นกับผม?! ผมขอพระองค์เยอะเกินไปหรอ...ถึงได้รับการลงโทษแบบนี้’
ทุกๆส่วนในร่างกายผมเริ่มสั่นไหว มันช่างเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดเหลือเกินจนร่างของผมแทบแตกสลาย และความเจ็บปวดทั้งหมดนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงใจกลางหลังของผม
“อ๊ากกก…อึก” ผมดิ้นทุรนทุรายอยู่กลางฟูกนั้น ตอนนี้ความรู้สึกเดียวที่ผมมีก็คือ ความเจ็บปวดทรมาน เจ็บจนผมอยากจะตายตรงนี้และตอนนี้ให้ได้เลย แต่ผมจะตายตอนนี้ไม่ได้ ในเมื่อผมยังไม่เคยได้รับรู้สึกถึงความอบอุ่นของความรักเลยแม้แต่น้อย ผมยังอยากรู้สึกถึงมัน เพราะฉะนั้นผมจะตายไม่ได้!!
ผมใช้ความพยายามเต็มที่ ที่จะเอื้อมมืออันอ่อนแรงของผม เพื่อที่จะไปสัมผัสกับจุดที่ซึ่งตอนนี้ที่รู้สึกเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน
และผมก็ได้รู้สึกถึงจุดขรุขระบนกลางหลังของผม ทั่งที่มันไม่เคยมีมาก่อน ผมสัมผัสมันช้าๆและรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะมีอะไรออกมาจากหลังของผม ผมใช้ความกล้าทั้งหมดที่ตัวผมมี ดึงสิ่งๆนั้นออกมา
และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็ได้เกิดขึ้น.... เมื่อผมกำลังจ้องมองขนนกสีขาวเปรอะเลือดในมือ ที่เมื่อสักครู่นี้มันพึ่งงอกออกมาจากตัวผม มันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีขนนกออกมาจากตัวผมได้... มันเกิดอะไรขึ้น?!
แต่คำถามที่ผมได้แต่ถามตัวเองก็ได้หยุดลงพร้อมกับความทรมานครั้งใหม่ที่ถาโถมเข้ามาใส่ตัวผมอีกครั้ง
.
.
.
‘ปีก คือสิ่งที่มักอยู่กับนางฟ้า’
‘ปีก ไม่ใช่สิ่งที่จะอยู่กับคนธรรมดาอย่างผม’
‘แล้วผม…..เป็นตัวอะไรกัน’
หลังจากความเจ็บปวดในวันนั้นผมก็ ตื่นขึ้นมาพร้อมกับปีกสีขาวสวยกลางหลังของผม มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมกัน....ทำไมถึงมีปีกขึ้นมากลางหลังได้?หรือ ปีกพวกนี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่ตัวผมสร้างมันขึ้นมาเอง...
‘ผมไม่รู้ และ ผมต้องพิสูจน์’
ผมนำพาขาหนักๆของผมผ่านประตูห้องไป ที่ๆผมจะไปก็คือร้านกาแฟที่ผมไม่เคยแม้แต่คิดที่จะเข้าไป เพราะร้านกาแฟแห่งนี้เป็นที่สำหรับคู่รัก และในเมื่อผมไม่มีมันแล้วผมจะไปทำไม……
ผมค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปในร้านกาแฟแห่งนั้น ทุกสายตาจ้องมาที่ผม ด้วยสายตาที่มอง......ตัวประหลาด
“หึ” ผมแค่นหัวเราะกับตัวเองเบาๆ อย่างน้อยผมก็ไม่ได้บ้า ในเมื่อเหล่าคู่รักที่อยู่ในร้านกาแฟแห่งนี้ ส่งสายตารังเกียจออกมาอย่างชัดเจนให้กับผม นั่นก็แปลว่าปีกที่อยู่กลางหลังของผมไม่ใช่จินตนาการที่ผมสร้างมันขึ้นมาเอง
ผมเดินเข้าไปหาพนักงานเพื่อจะสั่งกาแฟอุ่นๆคลายหนาว พร้อมกับจ้องมองไปที่หญิงแก่ที่ทำหน้าที่ชงกาแฟให้ผมอยู่ และทันทีที่เธอรู้สึกตัวว่าผมกำลังจ้องมองเธออยู่นั้น เธอก็ส่งยิ้มมาให้ผม
“สวัสดีหนุ่มน้อย” เสียงแหบๆของเธอเอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับ”
“หนุ่มน้อยไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ ยายไม่กัดหรอก” หญิงชราเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย
“ครับ” ผมยิ้มตอบเธอไป ผมไม่ได้ยิ้มกับคนอื่นมานานเท่าไหร่แล้วนะ……
“ปีกที่อยู่บนหลังเธอสวยจังเลยนะพ่อหนุ่ม” ผมอึ้งกับคำพูดของเธออยู่สักพัก พร้อมกับจ้องมองไปที่ตาสว่างสดใสของเธอเพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้พูดโกหก
“หึหึ ยายพูดจริงๆนะ ปีกสวยๆแบบนี้มันช่างเหมือนกับเทพธิดาน้อยๆ ที่คอยส่งความรักให้กับผู้คนจริงๆ” เธอพูดและค่อยๆส่งมืออันเหี่ยวย่นของเธอมาสัมผัสกับปีกสีขาวของผม
“หรอครับ…”
“อืม……แต่ยายว่าถ้ามีธนูด้วยมันจะครบมากเลยนะ” หญิงชราค่อยๆยกกาแฟที่เธอพึ่งชงเสร็จส่งให้กับผม
“งั้นหรอครับ” ผมพูดและรับแก้วกาแฟอุ่นๆมาไว้ในมือพร้อมกับควักสตางค์ในกระเป๋าของตนเองและยื่นให้กับคุณยายคนนั้นและ เดินออกจากร้ายไป
แต่สิ่งที่ผมจะทำต่อไปนี้คงเป็นสิ่งที่บ้ามากเท่าที่ผมคิด ผมเดินไปที่สวนสาธารณะของเมือง พร้อมกับค่อยๆเก็บกิ่งไม้ที่ตกอยู่บน พื้นอันเย็นเยียบ ทีละอัน..ทีละอัน
เมื่อผมกลับมาถึงห้องของผม ผมจึงนำมีดพับอันเล็กๆเก่าๆ มาฝนไปที่กิ่งไม้อย่างระมัดระวัง ทำให้ตรงปลายหัวแหลมขึ้นแต่ก็ไม่แหลมมากจนกระทั่งมันสามารถที่จะทิ่มใครก็ได้ พร้อมกับดึงขนนกที่อยู่บนหลังของผมมาติดไว้ที่ปลายอีกด้าน และใช้เชือกมัดเข้าด้วยกัน เพียงเท่านี้.....ธนูลูกแรกของผม
เมื่อผมจัดการทำลูกธนูได้จำนวนที่ผมต้องการแล้ว ผมจึงนั่งฝนกิ่งไม้แท่งที่ใหญ่ที่สุด ฝนจนมันเงาและลื่นมือ สุดท้ายผมก็ขึงมันด้วยเชือกทั้งสองด้าน เป็นอันเสร็จสิ้น
และเมื่อผมทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ผมก็มานั่งคิดทบทวนกับความคิดตัวเองว่า ผมทำไอ้เจ้าธนูไร้ประโยชน์นี่ขึ้นมาทำไม
“เฮ้อ……” ผมถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาพร้อมกับมองไปที่สิ่งที่ผมเพิ่งจะทำมันขึ้นเองกับมือ
‘ไหนๆแล้ว ก็ช่างมันเถอะ ยังไงผมก็ได้ลองทำอะไรที่ผมไม่เคยทำ’
‘ช่างมันเถอะ’
.
.
.
เมื่อผมมองไปที่ธนูที่ผมทำขึ้นมาผมก็เกิดความคิดที่ว่า มันจะใช้ได้รึเปล่านะ? ผมจะยิงไปโดนใครตายมั้ย? ผมจะเอาเจ้านี่ไปโชว์ให้กับคุณยายคนนั้นดีหรือไม่?
ผมเลยเดินออกไปที่ระเบียงของห้อง มองลงไปที่ทางเท้าที่ไม่มีคนอยู่ ผมจึงยกธนูของผมขึ้นมา ดึงสายธนูเข้าหาตัวและลองปล่อยลูกศรที่อยู่ในมือดู
ลูกศรพุ่งไปด้วยแรงทั้งหมดที่ผมใส่เข้าไป อยู่ๆทันใดนั้นก็มีคู่ชายหญิงเดินเข้ามาในวิถีของลูกศรของผม
ก่อนที่ผมจะเอ่ยขึ้นเตือนด้วยความตกใจ แต่อยู่ๆ ลูกศรที่กำลังพุ่งไปยังตัวผู้หญิงคนนั้นก็สลายหายไป และได้ปรากฎแต่เพียงหมอกควันสีแดง
ผู้หญิงที่กำลังหัวเราะสนุกชอบใจ ได้เปลี่ยนท่าทีของเธอในทันที ท่าทางอาการที่เคยมีได้หายวับไปกับตา และนั่นก็ทำให้ชายที่อยู่ข้างเธอเริ่มรู้สึกผิดสังเกต
“เคท เคท! เป็นอะไรน่ะอยู่ๆก็เงียบไป” ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีอันร้อนรน
“…….”
“เคท ตอบผมหน่………….” ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยปากพูดให้จบประโยค หญิงสาวก็เริ่มใช้มือของตนดันชายหนุ่มให้ติดกำแพงทันที พร้อมกับประกบปากสีแดงสดลงบนปากหนาอย่างร้อนแรงและรวดเร็ว
ชายหนุ่มที่ดูจะขัดขืนในตอนแรกก็เริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ไหวและเริ่มจูบตอบหญิงสาวในแรงที่พอๆกัน
.
เมื่อเห็นอย่างนั้นผมจึงรีบเข้ามาในห้องของผมทันที ผมปิดผ้าม่านและทรุดตัวลงกับพื้น ตัวผมสั่นสะท้านด้วยความตกใจ
‘นี่ผมทำอะไรลงไป...ทำไมอยู่ๆผู้หญิงคนนั้นถึงพุ่งเข้าไปจูบอย่างร้อนแรงกับผู้ชายคนนั้นได้นะ…..’
‘หรือว่า.............ผมจะเป็นกามเทพเหมือนที่คุณยายคนนั้นบอกจริงๆ……………’
.
.
.
วันเวลาได้ผ่านไป ผมค่อยๆทำหน้าที่ ที่พระเจ้าให้มาทุกวันและทุกวัน ผมใช้ธนูที่ผมทำขึ้นมาเองกับมือทำให้คนสองคนรักกัน โดยที่เค้าไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นจะเป็นเพศไหนผมก็สามารถทำให้เขาก็รักกันได้
เมื่อเสร็จภารกิจในแต่ละวันผมจะคอยเฝ้าดูคู่รักใหม่ที่ผมสร้างขึ้นพร้อมกับนึกอยู่ในใจลึกๆว่า…..
‘ในเมื่อผมสามารถทำให้คนรักกันได้ แล้วเหตุใดทำไมผมถึงไม่สามารถหาคนที่มาจะรักผมได้เลยสักคน…….’
อากาศหนาวเย็นทำให้ ผมนั่งสั่นอยู่บนฟูกเหม็นๆฝูกเดิมของผม บรรยากาศเดิมๆที่ไม่น่าอภิรมณ์ ความเหงาเดิมๆที่ไม่เคยจางหาย และความอิจฉาริษยาถูกปักธนูใส่เสียมากกว่าฟูกต่อคู่รักใหม่ที่ผมสร้างขึ่นด้วยมือของตนเอง.. แม้ผมจะได้ให้กำเนิดคู่รักใหม่ๆในแต่ละวัน ในตอนแรกตัวผมเองก็มีความรู้สึกยินดีที่ได้มอบความรักให้แก่คนอื่นๆ แต่ในตอนนี้ความรู้สึกนั้นกลับหายไปแต่มันกลับแทนที่ด้วยความรู้สึกที่ว่า ผมไม่ได้อยากที่จะเป็นคนที่จะทำให้คนอื่นรักกันเลยแม้แต่น้อย แต่ผมอยากเป็นคนที่ ถูกรักเสียมากกว่า...
ทันใดนั้นความคิดชั่ววูบของผมก็แล่นเข้ามาในสมอง ผมค่อยๆเอื้อมไปหยิบลูกธนูข้างตัวขึ้นมาไว้กับมือ ผมจ้องมองไปที่มัน และเริ่มทำสิ่งที่ผมคิดไว้ ผมเคลื่อนลูกศรที่อยู่ในมือให้มันเข้ามาใกล้คอของผมเข้ามาเรื่อยๆ….
‘ในเมื่อลูกธนูนี้สามารถทำให้คนรักกันได้ ผมก็อยากให้ลูกธนูนี้ทำให้คนรักกันได้เหมือนกัน’
เมื่อจบความคิดผมก็ปักลูกธนูลงบนต้นคอของผมอย่างรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่หมอกควันสีแดงที่ผมมักเห็นเป็นประจำ ร่างกายของผมเริ่มชา ทำให้ร่างของผมหล่นลงมานอนบนตียงอย่างเต็มตัว เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลออกมาจากลำคอของผมช้าๆ ผมพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะออกเสียงแต่กลับไม่มีเสียงออกมาจากกล่องเสียงของผมเลยแม้แต่น้อย
ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศเย็นรอบตัว และลมหายใจเฮือกสุดท้ายของผม
.
.
.
‘กึก กึก กึก กึก’
ขาเรียวยาวที่กำลังก้าวเดินออกไปข้างหน้า ร่างสูงหาวเล็กน้อยพร้อมกับกุมมือเรียวของตนใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงหนัง สีหน้างัวเงียของการตื่นเช้าปรากฏ เด่นชัดบนใบหน้าของร่างสูง
.
.
.
อากาศตอนเช้านี่มันดีก็จริงแต่ผมไม่ชอบตื่นเช้าเลยน้า~ อ่ะ!!!! ผมลืมแนะนำตัว ผมชื่อเต๋า เศรษฐพงศ์ เพียงพอ เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบครับ ที่ผมต้องตื่นเช้าแบบนี้ก็เพราะผมต้องมาตรวจคดีน่ะสิ น่าเบื่อจางงงงง
ผมเดินตามแผนที่ในมือมาเรื่อยๆและในที่สุดผมก็ถึงสถานที่เกิดเหตุเสียที
“ไอ้เต๋าในที่สุดก็มาถึงสักทีนะแก” พี่นัทที่เป็นตำรวจรุ่นใหญ่เดินเข้ามาหาผมและตบหัวผมเบาๆหนึ่งที
“ขอโทษครับรุ่นพี่ เอ่อ……แล้วคดีนี้เป็นไงบ้างครับ”
“อืม...ก็เป็นการฆ่าตัวตายล่ะนะ แต่ก็ไม่เด่นชัดเท่าไหร่ อ่ะ...นี่ประวัติของผู้ตาย” พี่นัทยื่นกระดาษแผ่นบางๆมาให้ผมทันทีที่พูดเสร็จ
“นาย:นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์
อายุ : ไม่สามารถระบุได้
วัน/เดือน/ปีเกิด : ไม่สามารถกำหนดได้
สาเหตุการตาย : ไม่สามารถระบุได้
ครอบครัว : ไม่สามรถระบุได้”
เมื่อผมอ่านข้อมูลทั้งหมดของผู้ตายจบ ผมก็มองหน้าพี่นัททันที
“เฮ้อ…..แกเป็นเหมือนฉันเลยตอนอ่านจบ ผู้ตายคนนี้มีแต่ชื่อ ครอบครัวก็ไม่มี คนรู้จักก็ไม่มี งานก็ไม่มีไม่รู้ว่าอยู่ไปได้ยังไง” พี่นัทพูดพร้อมกับถอนหายใจไปในทุกๆคำพูด
“ผมว่าเขาน่าสงสารออกนะครับ ต้องมาตายแบบโดดเดี่ยวแบบนี้” ผมพูดสิ่งที่ตัวผมเองคิดออกมา
“ผมขอเข้าไปดูศพหน่อยนะครับ” ทันทีที่พูดจบผมก็ก้าวเดินเข้าไปในห้องของผู้ตายโดยทันที
สภาพในห้องค่อนข้างว่างเปล่าและน่ากลัว มันไม่มีอะไรเลยยกเว้นฟูกที่ตั้งอยู่ตรงกลางของห้อง ผมเดินเข้าไปที่ฝูกนั้นอย่างช้าๆ จับจ้องไปที่ศพที่นอนจมกองเลือด
สภาพของศพคือนอนตะแคงข้าง ธนูปักอยู่บนใบคอเรียว เลือดเจิ่งนองไปทั่วทุกพื้นที่ทั่วบริเวณ และปีกขนาดใหญ่อยู่ที่กลางหลังของผู้ตาย ผมค่อยๆมองหน้าของเขาอย่างตั้งใจ
‘ทำไมคนที่หน้าตาสวยขนาดนี้....ถึงไม่มีแม้แต่ญาติกันนะ...’
‘ทำไมคนที่หน้าหลงใหลขนาดนี้ถึงได้ตายอย่างโดดเดียวอ้างว้างแบบนี้’
ผมค่อยๆคุกเข่าลงและมองไปที่ใบหน้าหวานซีดอย่าง หลงใหล พร้อมกับนำมือเย็นเฉียบของผมแตะลงไปที่แก้มบางขาวซีด
“คุณนนทนันท์ แม้ว่าโลกนี้จะไม่มีใครรักคุณแต่ผมแน่ใจว่าผมจะจดจำคุณไปตลอดกาล…..”ผมเอ่ยช้าๆ ทุกคำพูดล้วนแล้วกลั่นออกมาจากส่วนลึกของหัวใจผมทั้งสิ้น
และทันทีที่มือของผมแตะลงไปบนแก้วบาง อยู่ๆก็มีหมอกควันสีแดงสดปรากฎขึ้นมา ลูกธนูที่อยู่บนลำคอสวยหายไปในพริบตาพร้อมกับปีกขนาดใหญ่กลางหลัง
ร่างบางกระตุกขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับไอออกมาอย่างรุนแรง เสียงหายใจทำให้รู้ว่าร่างบางตรงนี้กำลังพยายามเต็มที่เพื่อนำอากาศเข้าปอด เปลือกตากลมขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ขอบตาสวยมีหยดน้ำตาติดมาเล็กน้อย
ร่างบางค่อยๆลืมเต็มตาและมองมาที่ผม ตากลมมองประสานเข้ามากับดวงตาของผม และทุกๆอย่างรอบตัวเหมือนหยุดลง รู้ตัวอีกทีร่างของผมก็ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ร่างบางเข้าทุกที
บรรยากาศโดยรอบเริ่มเปลี่ยนไป ผมไม่สามารถรู้สึงถึงสิ่งโดยรอบได้อีกแล้วยกเว้นแต่รสสัมผัสหวานหอมของริมฝีปากบาง ที่จะตราตรึงในใจผมตลอดไป…………..
.
.
.
‘Let me love you’
.
.
.
THE END
สวัสดีค้า~ เป็นไงบ้างคะงงหล่ะสิ งงชิมิ สั้นด้วยเนอะ ก็มันเป็นsf หนิหนา
ก็สมควรงงนะคะ 5555 จิงๆแล้วฟิคเรื่องนี้เป็นการนำเนื่อหาmv เพลง เพลงนึงมาแต่งทั้งหมดเลยคะ
http://www.youtube.com/watch?v=FOjdXSrtUxA กดไปดูกันโลด555
เพลงชื่อ give me love ค่ะ5555
บทพี่เต๋าน้อยเนาะของคชานี้แบบแทบทั้งเรื่อง5555
อืมจริงๆแล้วในส่วนตัวของไรท์เองไม่ชอบ mv เพลงนี้เลยค่ะ(ไม่ชอบจริงๆค่ะ) แต่มันกลับมอบความตราตรึงใจ
ให้กับไรท์เลย นำมาเขียนเป็นฟิคค่ะ ตัวไรท์เองเขียนฟิคไม่เก่งเลย แถมสะกดภาษาไทยแบบว่า
แย่มากเลยOrz แต่ก็นะคะ ว่าฟิคเรื่องนี้จะไม่ค่อยสนุกมากมายแต่ไรท์ก็ตั้งใจแต่งสุดชีวิต
จะกระอักดลือดตายเลยทีเดียวค่ะ55555 อ่านแล้วเม้นไรท์ก็จะดีใจมากนะคะ
.
.
.
.
.
.
ความคิดเห็น