ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY PETER PAN รักนี้มีบททดสอบ [END] || EXO SNSD

    ลำดับตอนที่ #5 : My Peter Pan: Chapter3

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.25K
      3
      27 ม.ค. 60

     












     

    " เข้าไปเดี๋ยวนี้! นี่คือคำสั่ง! "

    " ปล่อยนะคะ ถ้าฉันไม่เข้าไปแล้วจะไม?! "

     

    ปากเล็กงอคว่ำลง นัยน์ตาสีนิลสั่นระริกราวกับกลัวความคิดตัวเอง ก็แบคฮยอนเล่นต้อนเธอเข้าบ้านแบบนี้แถมยังบอกว่าจะมอบสิทธิ์ให้แล้วจะให้คิดยังไงล่ะ เขาคงไม่เข้าไปเล่นพ่อแม่ลูกกันข้างในนั้นหรอกนะ

    " ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า หุ่นอย่างกับเด็กอนุบาล ฉันไม่มีอารมณ์ " แบคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับสิ่งที่พูดออกมาเป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวบ้านเขาพูดกัน แต่นั่นกลับทำให้ร่างเล็กเลือดขึ้นหน้าแก้มทั้งสองข้างแดงซะยิ่งกว่ามะเขือเทศดอยคำเสียอีก

    " นี่คุณ! "

    " ฉันพูดความจริง หรือจะเถียง? " แบคฮยอนพูดพรางคว้านหากุญแจบ้านในกระเป๋ากางเกง นานเท่าไหร่แล้วเนี่ยที่เขาไม่ได้มาบ้านแห่งนี้ ไม่ใช่ว่าช่วงนี้เขามีความสุขจนไม่มาสถานที่เก็บความทุกข์แห่งนี้แต่เพราะเขาหยุ่งอยู่กับงานจนไม่มีเวลาไปไหนเลยต่างหาก

    พอเปิดประตูได้ก็ไม่รอช้าให้เวลาผ่านไปเสียเปล่า แบคฮยอนรีบฉุดร่า​ง​เล็ก​ให้​เ​ช​ถลา​เข้าไป​ใน​บ้าน​ทันที​ก่อน​จะ​ปิดประตูล็อคแบบอัตโนมัตที่เป็นการแสกนลายนิ้วมือของเขา...ขอย้ำว่าแสกนลายนิ้วมือ ชึ่งมันก็หมายความว่าเธอไม่มีทางหนีรอดไปได้หากเขาไม่ปล่อย

     

    " ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไงละคะ แล้วล็อคประตูทำไม? "

    " ถามโง่ ๆ ขืนไม่ล็อคเธอก็หนีฉันไปนะสิ " ร่างสูงทำสีหน้าขัดใจกับคำถามของคนตัวเล็ก ถ้าในหัวของเธอไม่คิดเรื่องหนีคงไม่มีทางถามอะไรแบบนี้หรอก

    " แล้วคิดว่าฉันจะหนีได้มั้ยเล่า! "

    " แน่นอนว่า...ไม่ได้ "

    ตุบ!

     

    แบคฮยอนพลักร่างเล็กให้ล้มลงติดโซฟาปุยนุ่มสีอ่อน ใบหน้าคมคายยกยิ้มมุมปาก ทำเอาร่างเล็กรีบถอยกรูดจนแผ่นหลังบางติดกับพนังเย็นเฉียบ ดันตัวเองทั้งร่างให้ติดกับพนังจนถ้าสิงได้คือสิงไปแล้ว

    "  หยุดนะ!!!...ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรฉันไง "

    " แล้วไอ้ทำอะไรของเธอนี่มันหมายถึงอะไรล่ะ " แบคฮยอนไม่พูดเปล่าเขาเดินอย่างใจเย็นมาตรงจุดที่ร่างเล็กขดตัวเป็นหอยหลอดอยู่แพรางยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาทาบพนังไว้เป็นเชิงปิดทางหนี ใบหน้าสวยหวานอยู่ห่างจากใบหน้าคมคายเพียงปลายจมูกจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

    มือเรียวบางยกขึ้นมาดันอกแกร่งให้ออกห่างตัวแต่ดูเหมือนว่ายิ่งพลักให้ห่างยิ่ง ใกล้เข้ามาทุกทีจนร่างทั้งสองแนบชิดกันอย่างเสียมิได้ แววตาสีน้ำตาลเข้มถูกส่งผ่านเข้ามาหาม่านตาสีนิลของอีกฝ่ายอย่างน่าหลงใหลชวนให้เคลิบเคลิ้ม แต่แฝงไปด้วยความเย็นชาและเจ้าเล่ห์ไร้ชึ่งแววของความขี้เล่น

     

    ร่างเล็กหลุบตาลงต่ำหลบสายตาของอีกฝ่ายที่ส่งมา อัตราการเต้นของหัวใจรุนแรงจนแถบจะถลนออกมานอกเบ้า พยายามจะสูดลมหายใจเข้าปอดให้ได้มากถึงมากที่สุดแต่ก็เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาอุดตันจนติดขัดไปซะหมด

    แบคฮยอนโน้มหน้าเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนร่างเล็กไม่อาจจะขยับตัวได้เพราะขยับตัวอีกเพียงนิดเดียวอะไรต่อมิอะไรก็อาจจะชนกันเข้าได้ เปลือกตาสีอ่อนปิดสนิทร่างกายสั่นระริกด้วยความกลัว

    อะไรกันเจอหน้ากันครั้งแรกก็จู่โจมเลยเรอะ!

    " รุ่นพี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะคะ! ถึงฉันจะเคยรักรุ่นพี่มากแต่ก็ใช่ว่าฉันจะยอมให้ย่ำยีง่าย ๆ นะคะ ถ้าคู่หมั้นของรุ่นพี่รู้ว่ารุ่นพี่ทำแบบนี้กับฉันเธอจะรู้สึกยังไง? ฉันไม่คิดเลยนะว่าคนหน้าตาดีอย่างรุ่นพี่จะเป็นพวกชอบบังคับขืนใจชาวบ้านเขาแบบนี้น่ะ "

    น้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมาสั่นกระเช็นขาดเป็นห้วง ๆ แต่ก็ไม่อาจเป็นอุปสรรคต่อการได้ยินของแบคฮยอนเลยเพราะอยู่ใกล้กันแค่นี้ไม่ได้ยินคือหูเป็นต้อระยะสุดท้ายแล้วไหม

     

    " อะไร? คิดว่าฉันจะทำอะไรเธอรึไง "

     

    แบคฮยอนผละออกจากร่างเล็กพรางยกยิ้มมุมปากเพราะใบหน้าสวยหวานในตอนนี้มันตลกสิ้นดี หลับตาปี๋ขดตัวจนแทบจะสิงโซฟาได้อยู่แล้วแถมน้ำเสียงยังสั่น ๆ นี่คงไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรเกินเลยหรอกใช่มั้ย?

     

    " คะ? "

    " เป็นอะไรไปแทยอน โซฟาบ้านฉันที่ออกตั้งกว้างไปนั่งหลังขดทำไมตรงนั้นล่ะ "

    " ก็แล้วใครใช้ให้รุ่นพี่ทำแบบนี้ล่ะคะ ใจหายหมดเลย " แทยอนเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ คิดแล้วก็อยากจะทึ้งหัวตัวเองแรง ๆ สักทีที่เผลอคิดอะไรโง่ ๆ ไปไกลแสนไกล ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่มีอะไรเลย

     

    วันนี้มันวันซวยแห่งชาติรึไง ทำไมถึงเจอแต่เรื่องขายหน้า

    " ก็แค่จะหยิบของต้องมีคนใช้ด้วยหรอ? " ร่างสูงเลิกคิ้วถามใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง ดูเหมือนคำถามของเขาจะเป็นคำถามที่ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายตอบ

    " หยิบของ? "

    " ใช่ ก็นี่ไง " แบคฮยอนชูสร้อยข้อมือสีเงินเส้นหนึ่งขึ้นมามันดูเก่าแต่ก็ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นของล้ำค่าอย่างบอกไม่ถูก แต่ประเด็นคือเขาไปเอามาจากไหนเมื่อกี้ตอนเดินมายังไม่เห็นเลยหรือที่เขาพูดจะจริง แล้วทำไมต้องทำให้ใจเต้นมาแรงแบบนั้นด้วยละ ทำไมไม่รีบหยิบรีบออกไป คิดว่าทำให้คนอื่นคิดไปถึงไหนต่อไหนมันเจ๋งรึไง

     

    " อ่ะ ใส่ซะสิ "

    แทยอนรับสร้อยที่อีกฝ่ายโยนมาอย่างทุลักทุเล หนักใช่เล่นเลยนะเนี่ยของจริงแน่ ๆ เลย ร่างเล็กก้มสำรวจสร้อยอย่างจริงจัง ในนั้นสลักตัวอักษรย่อเอาไง้ด้วยเป็นตัว 'BH' คงจะเป็นตัวย่อชื่อของแบคฮยอน

    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนจะผูกเป็นโบว์ตามบันไดงานวัดอยู่แล้ว ทำไมเธอจะต้องใส่มันด้วยล่ะ เธอไม่อยากจะเกี่ยวข้องพัวพันธ์อะไรกับผู้ชายคนนี้อีกแล้วถ้าเกิดใส่สร้อยนี้ไปทุกครั้งที่มองเห็นมันภาพใบหน้าหล่อคมคายของอีกฝ่ายเป็นต้องลอยอยู่เต็มห้วงความคิดของเธอแน่ ๆ

    " แล้วถ้าฉันไม่ใส่? "

    " ก็ลองดูสิ เลือกเอาว่าจะใส่สร้อยนี้หรือจะให้ฉันใช้วิธีอื่น "

    " วิธีอื่น? คืออะไรหรอคะ? "

    " เธอไม่อยากรู้หรอก หรืออยากจะลอง? " แบคฮยอนไม่พูดเปล่าเขากำลังขยับเข้ามาทำท่าเหมือนก่อนหน้านี้แต่ก็ถูกร่างเล็กขัดกลางอากาศซะก่อน เพราะดูจากแววตาของเขาแล้ว เขาคงเอาจริงชึ่งเธอก็ไม่อาจเสี่ยงเอามือไปแหย่ไฟเล่นหรอกเดี๋ยวโดนไฟลวก

    " มะ...ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันใส่ก็ได้ ก็แค่สร้อยเส้นเดียวจะบังคับทำไมนักหนา "

    " ดี...ใส่แล้วห้ามถอด ต้องใส่ตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ เข้าใจมั้ย? ถ้าฉันไม่เห็นเธอใส่ก็อย่าได้อ้างเหตุผลว่าสร้อยมันขาดเพราะเนี่ยเป็นสร้อยเงินเก่าแก่ถึงจะเอาที่ตัดเหล็กมาตัด ก็ไม่ขาดเพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องข้ออ้างได้เลย "

    " แล้วถ้าใส่อาบน้ำมันจะไม่ดำหรอคะ? "

    " ฉันเพื่อนเล่นเธอเรอะ! "

    " ก็รู้หรอกค่ะว่าของแท้ แต่ถ้าเกิดวันนึงมันลอกมันดำขึ้นมาเดี๋ยวรุ่นพี่ก็หาว่าฉันดูแลไม่ดีอีก "

    " ขอเตือนไว้เลยนะ ถ้าวันไหนฉันไม่เห็นมันบนข้อมือของเธอ คงไม่ต้องเดานะว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง "

     

    ประโยคเมื่อสักครู่ที่เขาเอ่ยมาแสดงว่าเธอก็ต้องเจอกับเขาทุกวันนะสิ แล้วแบบนี้มันจะตัดใจได้ยังไงถ้าต้องเจอใบหน้าหล่อ ๆ ที่แสนเย็นชากับเธอแบบนี้ทุกวัน ถึงเขาจะพูดจาทำร้ายจิตใจมากแค่ไหนแต่มันก็ยังยากต่อการตัดใจอยู่ดีนี่นา

    " ถ้าเธอไม่อยากมีปัญหากับที่นี่ก็หัดทำตัวดี ๆ กับฉันเข้าไว้ เลิกพูดจาแข็งกระด้างกระแทรกเสียงใส่รุ่นพี่ของเธอได้แล้ว "

    " ก็ถ้ารุ่นพี่พูดดี ๆ กับฉัน ฉันก็จะพูดดี ๆ กับรุ่นพี่ค่ะ แต่ถ้ารุ่นพี่ไม่ฉันก็ไม่เหมือนกันเราจะไปเสมอกันไงคะ "

    " ฉันเป็นรุ่นพี่ ตามกฏเธอต้องเคารพ...แต่ถ้าเธอฝ่าฝืนฉันจะเป็นคนลงโทษเธอเองและเพราะเธอคือคนพิเศษฉะนั้นบทลงโทษของเธอจะพิเศษกว่าคนอื่น...อย่ามาหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกันเพราะฉันเตือนเธอแล้ว "

    " ทำตัวให้หน้าเคารพสิคะ แล้วฉันจะมากราบเช้ากราบเย็นเลย "

    " ปากดีไปเถอะ แล้วเดี๋ยวเราจะได้รู้กันว่าเธอจะแข็งข้อกับฉันได้นานแค่ไหน...ปากเก่งแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วกันคิม แทยอน "

     

    ร่างเล็กใจกระตุกวูบกับแววตาและน้ำเสียงที่ร่างสูงส่งออกมา มันดูจริงจังและแฝงไป ด้วยความป่าเถื่อน คำพูดทุกคำเธอจำมันได้ดีมันเป็นเสมือนลางบอกเหตุอันเลวร้ายสำหรับเธอเพราะแบคฮยอนคนนี้ไม่ใช่คนเดิมของเธอ...เขาพร้อมจะบีบเธอให้ตายคามือเสมอเมื่อเขาต้องการ



     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนพลักประตูบานใหญ่สีแดงเลือดนกเข้าไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวโดยที่ไม่สนใจกลุ่มคนที่นั่งอยู่ข้างในเลยว่าจะกำลังคุยเรื่องสำคัญอะไรอยู่รึเปล่า...ใช่ ที่นี่คือห้องประชุมหุ้นส่วนที่ชานยอลและเซฮุนพูดถึงและเขาก็มาถึงเป็นคนสุดท้ายพอดี

    สายตาทั้งสิบเอ็ดคู่จดจ้องมาที่หุ้นส่วนใหญ่ผู้พึ่งมาถึงเป็นตาเดียวโดยมีเพียงชานยอลและเซฮุนที่ดูจะกระวนกระวายทันทีที่พบหน้าผู้มาถึง

    " ไอ้แบคแกพาแทยอนหายไปไหนมา! "

     

    ชานยอลดูเหมือนจะทนร้อนอกร้อนใจไม่ได้ เขาเดินตรงมากระชากตัวให้แบคฮยอนหันมาประจันหน้ากับเขาในทันที ก็รู้อยู่หรอกว่าแบคฮยอนมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ครั้งนี้เขาทนไม่ไหวจริง ๆ ที่จู่ ๆ เพื่อนรักของเขาก็เล่นพาตัวเด็กผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนก็ไม่รู้ตั้งนานสองนานแถมมันยังเสนอหน้ากลับมาคนเดียวไร้ชึ่งวี่แววยัยตัวเล็กคนนั้นเลย

     

    “ เงียบทำไมวะ! ”

     

    แบคฮยอนสตั้นไปหลายวิกับการกระทำอันอุอาจของเพื่อนตัวสูง ปรกติเห็มมันเป็นคนที่โกธรยากมากเพราะมันมักจะอารมณ์ดีตลอดเวลาแถมยังเป็นพวกสุขนิยมแต่นี่แค่เขาพาแทยอนหายไปทำให้มันของขึ้นได้ขนาดนี้เชียวหรอ

    " ประชุมถึงไหนกันแล้วล่ะ ขอโทษนะทุกคนที่มาสาย...เชิญพูดต่อได้เลยครับฮยอง "

    แบคฮยอนไม่ได้ตอบชานยอลแต่เขากลับหันหน้าไปพูดกับหุ้นส่วนคนอื่น ๆ โดยไม่สนใจเลยว่าชานยอลว่าจะมีอารมณ์เดือดขนาดไหน ก่อนจะหันไปกล่าวของโทษหุ้นส่วนใหญ่อีกคนที่อายุมากกว่า คริส พยักหน้ารับเพราะเห็นถึงกลิ่นอายของความคร่ำเครียดที่ลุกโซนในห้องประชุมแห่งนี้ หากไม่รีบดับไฟได้ลามแน่

    " กลับไปนั่งที่สิ ทุกคนเริ่มประชุมกันต่อได้ "

     

    สิ้นเสียงผู้มีอำนาจสูงสุดชายหนุ่มทั้งสิบสองก็ตกอยู่ในความเงียบและกลับไปเคร่งเครียดเรื่องโรงเรียนเหมือนเดิม แบคฮยอนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉียบปราศจากอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้า ปล่อยให้ชานยอลอารมณ์พุ่งพล่านจ้องหน้าเพื่อนรักอย่างเอาเป็นเอาตาย  เซฮุนเองก็เช่นกันแต่เนื่องจากเขาเป็นน้องเล็กที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่พอจึงสามารถสงบสติอารมณ์ได้ดียิ่งกว่าผู้เป็นพี่เสียอีก

    ทุกคนในที่ประชุมต่างก็สงสัยและงุนงงในเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อย ตั้งแต่เข้าประชุมมาชานยอลก็ดูหงุดหงิดผิดปกติจากเดิม ครั้นจะถามก็ไม่มีใครกล้าเพราะถ้าไม่ใช่เรื่องจริง ๆ คนอย่างปาร์ค ชานยอลก็คงไม่อารมณ์เดือดขนาดนี้หรอก

    ทุกคนจึงพร้อมใจกันเงียบไว้เป็นดีที่สุด รอให้เจ้าตัวมันเล่าเองก็คงไม่เสียหายอะไร แถมหุ้นส่วนใหญ่อีกคนของโรงเรียนอย่างแบคฮยอนยังหายไปแบบไม่มีปี่มีคลุ่ย ทั้งที่บอกกับทุกคนว่าจะไปรับชานยอลกับน้องเล็กแท้ ๆ ไหงปล่อยให้สองคนนั้นเดินหน้าอมทุกข์กลับมาแล้วตัวเองหายหัวไปไหนก็ไม่มีใครรู้อีก

    บรรยากาศแปลก ๆ ตลบอบอวนไปตลอดการประชุมทั้งเครียดจากเรื่องโรงเรียนแล้วยังมาเรื่องของชานยอลกับแบคฮยอนอีกทำให้การประชุมเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่พี่ใหญ่อย่างคริสก็มักจะคอยควบคุมสถานการณ์ให้ผ่านไปด้วยดีเสมอ

    หลังการประชุมจบทุกคนต่างแยกย้ายสลายตัวอย่างรวดเร็ว ยังเหลือก็แต่สามพี่น้องต่างครอบครัวที่ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนแบะไม่มีใครพูดอะไรออกมาทั้งสิ้น...จนในที่สุดก็เป็นชานยอลอีกนั่นแหละที่ทนอึดอัดไม่ไหวถึงได้พูด

    " ฉันขอถามแกหน่อยเหอะ แกมีปัญหาอะไรนักหนากับแทยอนหรอ...แทยอนก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรแล้วแกเป็นบ้าอะไรทำไมลากเขาไปแบบนั้นวะ "

     

    ชายหนุ่มพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้มากที่สุดระหว่างคุยกับเพื่อนพยายามคิดหาเหตุผลเพื่อให้เข้าใจแบคฮยอนให้มากที่สุด แต่ก็เท่านั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรเอาเสียเลย

    "..."

    " เอ่อ...ผมว่าพวกพี่คุยกันไปก่อนนะ ผมขอตัวไปตามหาแทแทก่อน " น้องเล็กทนบรรยากาศมาคุไม่ไหวจึงขอตัวออกไปตามหาเพื่อนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน ที่เห็นเขานิ่งเงียบไม่แสดงอาการอะไรไม่ใช่ว่าไม่กังวลแต่เพราะ...ไม่รู้สิ เขาก็แค่ไม่อยากจะแสดงให้ใครเห็นว่าเขาเป็นห่วงเพื่อนใหม่คนนี้จนจะอยู่ไม่เป็นสุขก็เท่านั้น

    ชายหนุ่มทั้งสองมองตามแผ่นหลังของเซฮุนที่ก้าวออกไป หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปรกคุมทั่วบริเวณ แบคฮยอนยังคงนิ่งเงียบหากเขาพูดอะไรไปแน่นอนว่ามันคงไม่ส่งผลดีอะไรเลย มิหนำช้ำคนอย่างชานยอลก็คงไม่ยอมเข้าใจอะไรง่าย ๆ แน่ ๆ

    " โอเค แกจะไม่ตอบ...ถ้าแทยอนเป็นอะไรไปเพราะปากหมา ๆ ของแก ฉันไม่เอาแกไว้แน่ " ไม่ปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองลุกลามนาน ชานยอลสาวเท้าเดินดุ่น ๆ ออกไปทางประตูก่อน จะกระแทกบานประตูกลับเข้าที่แรง ๆ ทีหนึ่งเป็นเชิงระบายความหงุดหงิด

    แบคฮยอนพ่มลมหายใจออกทางปากอย่างโล่งอก มันไม่ง่ายเลยที่เขาต้องมาทำหน้านิ่งทั้ง ๆ ที่กำลังไม่สบอารมณ์อย่างแรง...เป็นห่วงกันเข้าไปอยากรู้นักว่าถ้าพวกมันสองคนเห็นสร้อยข้อมือที่ยัยนั่นใส่พวกมันจะทำหน้ายังไง

    ของที่เคยเป็นของเขายังไงมันก็ต้องเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ เพื่อนพี่น้องหรือใครก็หมดสิทธิ์...นี่ไม่ใช่อาการหึงหรือหวงใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะอาการแบบนั้นมันต้องเกิดจากคนที่มีความรักต่อกันเท่านั้น แต่สำหรับเขาความรู้สึกแบบนั้นมันหมดไปตั้งนานแล้วไม่มีหลงเหลือเลยสักนิด

    แต่ทว่าทำไมเวลาเขาอยู่ใกล้ยัยตัวเล็กนั่นเขาถึงได้ใจเต้นแปลก ๆ ล่ะ ใบหน้าสวยหวาน แววตาไร้เดียงสาเป็นประกาย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวบางสีชมพูธรรมชาติชวนน่าจุมพิตนั่น ทำไมถึงได้ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกได้ถึงขนาดนี้

    ไม่! พยอน แบคฮยอนแกจะกลับไปเป็นไอ้หน้าโง่เหมือนเดิมไม่ได้...ทุกอย่างเป็นเพียงความมารยาที่ผู้หญิงคนนั้นสร้างขึ้นเพื่อให้แกกลับไปติดกับอีกครั้ง ยัยนั่นมาเรียนที่นี่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นโรงเรียนของฉัน...ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์อะไรแต่แทยอนจะต้องได้รับบทเรียนที่เคยทำฉันเสียใจไว้แน่

    นี่มันแค่เริ่มต้นนะคิม แทยอนฉันจะทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าที่ฉันเจ็บหลายร้อยเท่าเลย เธอจะได้รู้สักทีว่าไม่ควรจะล้อเล่นกับหัวใจของใครทั้งนั้น!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มร่างสูงเดินหัวเสียออกมาจากห้องประชุม ปล่อยให้พี่ชายที่เคารพรักทั้งคู่ก่อสงครามประสาทด้วยกันต่อไป ถ้าถามว่าหงุดหงิดที่แบคฮยอนพาแทยอนหายไปไหม? เขาคงตอบแบบไม่ต้องลังเลเลยว่าโคตรจะหงุดหงิดแต่แค่ไม่อยากจะแสดงออกให้ใครเห็นก็เท่านั้นเพราะมันไม่เห็นจะจำเป็นเลย

     

    สำหรับสายตาคนทั่วไปที่ไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวทุกคนจะมองและคิดเหมือน ๆ กันว่าคุณชายเล็กของโรงเรียนอย่างเขาหยิ่งยโสเป็นพวกที่มีดีแค่หน้าตาและฐานะเท่านั้นชึ่งถ้าใครจะคิดแบบนั้นเขาก็ไม่เคยจะสนใจเพราะมันก็จริงอย่างที่คนพวกนั้นพูดนั่นแหละ ถ้าไม่สนิทหรือคุ้นเคยกันจริง ๆ เซฮุนคนนี้จะไม่ปริปากพูดด้วยเด็ดขาด หากถามว่าเป็นเพราะอะไรเขาก็คงจะตอบทันทีว่า ทุกคนที่เข้ามาล้วนเป็นพวกเสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอกทั้งนั้นที่เข้าหาเขาเพราะหวังผลประโยชน์ล้วน ๆ นะสิ คนประเภทแบบนี้แหละที่เขารู้สึกรังเกียจมากที่สุด

     

    ไม่ว่าจะด้วยกรุ๊ปเลือดหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เขาเป็นคนสองแง่สองง่ามแบบนี้ แต่พี่ ๆ ทุกคนก็มักจะรับมันได้กับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงบ่อยเหมือนฝนฟ้าของน้องเล็ก บุคคลภายนอกน้อยคนนักที่จะเห็นรอยยิ้มจากใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา...ถึงภายนอกจะบ่งบอกว่าเขายังเด็กแต่หลักการของความคิดกลับเติบโตกว่าการกระทำอยู่มากโข

     

    เขาเองเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งและมักจะไม่แสดงออกให้ใครเห็นทั้งนั้นเพราะเซฮุนถือคติที่ว่า 'เรื่องบางเรื่องหากเก็บไว้ในใจเพียงผู้เดียวดีกว่าป่าวประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้'

     

    อย่างที่รู้ว่าเขาไม่ชอบเสวนากับคนแปลกหน้าแต่ทำไมตอนนี้เขาถึงกล้าที่จะแสดงอีกด้านของตัวเองให้ยัยตัวเล็กที่เพิ่งเจอหน้าเห็น...นั่นคือคำถามที่ค้างคาอยู่ในห้วงของความรู้สึกของผู้ชายที่ชื่อโอ เซฮุน ทำไมเขาถึงต้องอยากปกป้องเธอด้วย/ ภายในของโอ เซฮุนกำลังมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปซึ่งเขาเองก็ให้คำตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

    อาจเป็นเพราะฉันไม่เคยมีเพื่อนเป็นผู้หญิงละมั้งถึงได้รู้สึกอะไรแบบนี้กับเธอ...ยัยตัวเล็กรู้มั้ยเนี่ยว่าเธอคือผู้หญิงคนแรกเลยนะที่ฉันอยากเป็นเพื่อนด้วย

        

    พี่แบคฮยอนก็นะไม่รู้ว่าไปโกรธอะไรมานักหนาถึงได้อารมณ์ร้อนขนาดนี้...แถมมาลงกับใครไม่ลง ดันไปลงกับยัยตัวเล็กที่ไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย แล้วฉันจะไปตามหาเธอที่ไหนเนี่ยแทยอน


        

     

    เซฮุนครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็มีเบอร์ของคนตัวเล็กอยู่เหมือนกัน และเมื่อคิดได้ดังนั้นมือเรียวยาวจึงล้วงลงเอาโทรศัพท์มือถือราคาเฉียดล้านออกมาจากกระเป๋ากางเกงพรางกดโทรหาเบอร์ใหม่ที่พึ่งเชฟไว้ได้ไม่นานอย่างร้อนรน...ไม่ปล่อยให้คนโทร.รอนานปลายสายกดรับทันทีที่เสียงสัญญานดังขึ้นเพียงไม่กี่ครั้ง

    ชายหนุ่มร่างสูงแววตามีประกายขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงความปลอดภัยของปลายสายที่ตนโทร.หา ทว่าปลายสายกลับมีเสียงสั่นเครือเหมือนผ่านการร้องไห้มา เหมือนกับว่าเธอต้องการกลั้นเสียงสะอื้นไว้ เพราะไม่อยากให้เขารู้ แต่เซฮุนไม่ได้โง่ เขาฟังออกว่าแทยอนมีสภาพจิตใจเป็นเช่นไร

     

    แต่ใครจะสนละในเมื่อตอนนี้แทยอนรับสายเขาได้ก็คงจะไม่มีอะไรต้องห่วงมาก...บางทีหลังจากกดวางสายเขาอาจจะไปอยู่ข้าง ๆ เธอเลยก็ได้

    " ฮัลโหล "

    [ ยัยตัวเล็กเธออยู่ที่ไหน? ปลอดภัยดีใช่มั้ย? พี่แบคฮยอนทำอะไรเธอบ้างรึเปล่า? แล้วเขาพาเธอหายไปไหนมา? ]
          

    " เดี๋ยวก่อนเซฮุนนายถามฉันมากเกินไปแล้วนะ...ฉันสบายดี ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ชายนายแค่มาส่งฉันที่หอแล้วก็คุยอะไรกันนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง "
           

    [ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ]
     

    " ฉันอยู่ที่หอน่ะ...ถามทำไมหรอ? "

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ นายไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันไม่เจ็บไม่ปวดไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ ทั้งสิ้น สบายดีทั้งกายและใจ ”

     

    [ แน่ใจนะว่าสบายดีจริง ๆ ไม่อยากให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนหรอ? ]

     

    “ จริง ๆ ฉันน่ะแข็งแรงนะ ไม่โดนใครทำร้ายง่าย ๆ หรอก ”

     

    [ ฉันไม่ได้หมายถึงกาย ฉันหมายถึงใจต่างหาก... ]

     

    คำพูดของโอ เซฮุนทำให้แทยอนหยุดชะงักทุกอย่างลง...น้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงอย่างล้นเอ่อทำให้เธอยิ่งอ่อนแรงหนักกว่า ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเขาถึงต้องมาทำดีกับเธอในช่วงเวลาแย่ ๆ แบบนี้ด้วย

     

    “ พูดอะไรของนาย ใจฉันจะไม่สบายได้ยังไงในเมื่อมันไม่ได้มีอะเกิดขึ้นสักหน่อย ”

     

    [ นั่นสินะ... ]

     

    “ พูดแบบนี้ไม่เชื่อฉันหรอ? นายไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอกน่าเซฮุน ฉันอยู่คนเดียวได้ ฉันอยากจะเก็บของให้เข้าที่เข้าทางน่ะจัดห้องให้เรียบร้อยด้วยตอนนี้มันรกมาก ๆ เลยพรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้วฉันว่ากลัวไม่มีเวลาทำน่ะ ถ้านายมามันจะลำบากนายเปล่า ๆ นะ ”

     

    [ ลำบากอะไร ปล่อยให้เธอทำคนเดียวสิลำบากยิ่งกว่า ]

     

    “ อย่าพูดเหมือนตัวเองว่างสิเซฮุน พึ่งประชุมเสร็จไม่ใช่หรอ? นายไปพักผ่อนเถอะแล้วค่อยเจอกันพรุ่งนี้เช้า ”

     

    [ ถ้างั้นอยากได้อะไรก็โทร.มาได้ตลอดเวลาเลยนะไม่ต้องเกรงใจ ถ้าหิวก็ลงไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร มันอยู่ถัดจากหอไม่ไกลมากหรือถ้าไม่อยากลงไปโทร.มาหาฉันก็ได้ ฉันว่างเสมอ ]

     

    “ อืม...ขอบคุณนายมากนะเซฮุน ขอบคุณจริง ๆ ”

     

    ร่างเล็กกดวางสายทันทีที่พูดจบเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ได้ถึงเสียงที่ผิดเพี้ยนเพราะการร้องไห้อย่างหนักของตน ยิ่งเซฮุนทำดีกับเธอมากเท่าไหร่แสดงออกว่าห่วงเธอมากเท่าไหร่น้ำตาเจ้ากรรมมันยิ่งอยากจะไหลออกมามากเท่านั้น เพราะคนที่พึ่งรู้จักกันวันนี้อย่างเซฮุนยังดีกับเธอมากกว่าคนที่เธอเคยรักหมดหัวใจอย่างแบคฮยอนเสียอีก

     

    คนที่เธอเฝ้าอยากจะเจอหน้ามาโดยตลอดอย่างเขาเอาแต่ทำร้ายจิตใจของเธอให้บอบช้ำ ความเฉยชาและคำพูดถากถางน้ำใจที่เขาส่งมาให้ไม่เคยมีผลดีกับหัวใจดวงนี้เลยสักนิด แบคฮยอนในตอนนี้คือคนที่เธอไม่อยากจะเข้าใกล้มากยิ่งกว่าพวกผู้ชายที่ลวนลามเธอเมื่อเช้าเสียอีก

     

    ความเจ็บปวดที่เขาทิ้งเอาไว้ค่อย ๆ แล่นไปสู่ก้อนเนื้ออกข้างซ้ายของคนตัวเล็กอีกครั้ง ทั้งเจ็บปวดและทรมานจนเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ทุกลมหายใจเข้าออกเปรียบเสมือนมีปลายธนูแหลมคมมาปักลงตามเนื้อตัว รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะแหลกสลายเมื่อย้อนกลับไปนึกถึงบทสนทนาเมื่อเช้าระหว่างเธอและเขา

     

     

    " ปากดีไปเถอะ แล้วเดี๋ยวเราจะได้รู้กันว่าเธอจะแข็งข้อกับฉันได้นานแค่ไหน...ปากเก่งแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วกันคิม แทยอน "

     

    สายตาคมแข็งกร้าวดุจหมาป่าที่เหือดกระหายเนื้อ น้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงจังจนน่ากลัวดุจเสือขู่คำราม ใบหน้าหล่อคมคายแต่กลับเย็นชาและเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกันทำให้ใจดวงน้อยไหววูบ...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาแสดงออกมาเปรียบเสมือนมนต์สะกดให้เธอไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน

     

    ร่างเล็กเหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้แค่จะพลักไสให้เขาถอยห่างจากตัวเองเธอยังทำไม่ได้เลย แทยอนได้แต่กล่าวต่อว่าตนเองอยู่ในใจไม่รู้ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าแบคฮยอนเธอถึงได้อ่อนแอแบบนี้ ไม่ว่าอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ที่เขาทำมันมีอิทธิพลกับเธอเสมอ

     

    แต่แทยอนไม่สามารถแสดงความอ่อนแอให้แบคฮยอนเห็นได้ เธอจะร้องไห้ต่อหน้าเขาไม่ได้เด็ดขาด น้ำตาที่มาจากการกระทำของเขาไม่ว่าจะยังไงเธอก็ปล่อยให้มันไหลออกมาไม่ได้...คนไม่มีหัวใจอย่างเขาถึงร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดเขาก็คงไม่มีวันสนใจ กลับกันเขายิ่งจะได้ใจและทำร้ายเธอซ้ำ ๆ ...ไม่มีเหตุผลอะไรที่แทยอนจะต้องยอมให้เขา เธอจะต้องตอบโต้ เธอจะต้องเข้มแข็ง เธอจะยอมให้ความอ่อนแอมากัดกินหัวใจแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้

     

    “ เงียบทำไม เมื่อกี้ยังเถียงฉันฉอด ๆ อยู่เลย ยังไม่ทันไรก็ยอมแพ้แล้วหรอ? ไม่เอาสิแทยอน แบบนี้มันไม่สนุกนะ ” ร่างสูงพูดติดตลกแต่แววตากลับไม่ฉายแววความขี้เล่นเลยสักนิดทำเอาคนฟังก้มหน้าหงุด ๆ หลบสายตาของเขา...ก็จะให้เธอพูดอะไรล่ะขืนพูดอะไรออกไปตอนนี้ก็จะมีแต่แย่กับแย่ แต่หากไม่พูดอะไรเลยแบคฮยอนก็คงจะไม่หยุดพูดจากระแทกแดกดันง่าย ๆ

     

    “ สนุกมากไหมล่ะคะ พูดจาเหมือนเป็นตัวร้ายในละครเพื่อให้ฉันรู้สึกแย่คงสนุกมากล่ะสิ...รุ่นพี่จะมาอะไรกันนักกันหนากับฉันคะ เราจบกันแล้วไม่ใช่หรอ? ทุกอย่างมันจบลงตั้งแต่วันแรกที่เราหันหลังให้กันแล้ว ” แทยอนเว้นจังหวะคำพูดเอาไว้ช่วงนึงเพื่อทำการเรียบเรียงคำพูดที่มีอยู่เต็มหัวใจ “ ระหว่างเราฉันไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ที่มันแย่ไปกว่าเดิมก็เพราะรุ่นพี่ทำมันเองทั้งนั้น ฉันไม่เข้าใจเลยค่ะว่ารุ่นพี่จะโกรธจะเกลียดอะไรฉันนักหนา อยากเห็นฉันเสียใจอยากเห็นฉันร้องไห้อยากเห็นฉันเจ็บปวดก็เห็นมาหมดแล้วหนิคะยังต้องการอะไรจากฉันอีก ”

     

    “ ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอทั้งนั้นแหละแล้วฉันก็ไม่สนด้วยว่าไอ้ความสัมพันธ์บ้า ๆ บอ ๆ นั้นใครจะเป็นคนทำมันพังแต่ฉันก็ต้องขอบคุณเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมันทำให้ฉันรู้ว่าผู้หญิงหน้าตาซื่อ ๆ อย่างเธอมันมารยาแค่ไหน หลอกผู้ชายไปทั่วไม่รู้ว่าก่อนจะมาถึงฉันเธอผ่านใครมาบ้าง...นี่ฉันโง่ไปหลงรักผู้หญิงอย่างเธอได้ยังไงเนี่ย! ”

     

    “ ... ”

     

    ร่างเล็กนิ่งเงียบไปม่ตอบอะไร เธอเพียงแค่จ้องมองแบคฮยอนด้วยแววตาที่แสนจะเจ็บปวดปนเกลียดชัง ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าเขาทำแบบนี้ทำไม แค่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระมันไม่ง่ายกว่าเหรอ

     

    “ ฉันพูดแทงใจดำเหรอถึงได้มองฉันแบบนั้น อย่าพึ่งรีบตัดใจจากฉันเลยแทยอนเธอยังต้องเจ็บปวดอีกเยอะตราบใดที่เธอยังอยู่ที่นี่...เพราะฉันไม่ใช่คนเดิมฉะนั้นจะไม่มีเห็นใจใด ๆ ทั้งสิ้น ฉันไม่ได้พูดเล่นนะเตรียมหัวใจเอาไว้บ้างก็ดี ”

     

    ยิ่งพูดเหมือนยิ่งสร้างความไม่เข้าใจให้คนตัวเล็กมากขึ้น คำพูดที่เป็นเสมือนคำขู่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความน่ากลัว ร่างเล็กหรี่ตามองใบหน้าของร่างสูง แบคฮยอนยกยิ้มมุมปากแล้วคว้ามือร่างเล็กให้ลุกขึ้นตามเขาไป
           

    " ปล่อยค่ะ! จะพาฉันไปไหนคะ " คิดลากไปไหนก็ไป คนนะไม่ใช่สิ่งของและที่สำคัญคือแบคฮยอนไม่มีสิทธิ์ในตัวเธอ

    " ฉันก็จะพาเธอไปส่งตามที่เซฮุนกับชานยอลบอกนะสิ นี่ก็สายมากแล้วอย่าเยอะได้มั้ย "

    " แล้วใครใช้ให้พาฉันมาที่นี่ละคะ ไม่ได้ขอให้พามาสักหน่อย "

    “ นั่นมันก็เรื่องของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์ขัดขืน "

    " เผด็จการ...ฉันเกลียดรุ่นพี่ "

     

    " เธอเองก็ไม่มีค่าพอให้ฉันใส่ใจเหมือนกัน "

    ตลอดทางที่แบคฮยอนขับรถมาส่งถูกปรกคุมด้วยความเงียบ ไม่ใช่ว่าเธอและเขาไม่อยากพูดอะไร...แต่ถ้าเปิดปากพูดแน่นอนว่าแบคฮยอนคงไม่พ้นที่จะจิกกัดเธออย่างเจ็บแสบชึ่งเธอก็คนมีหัวจิตหัวใจจะให้ทนฟังคนที่เคยเป็นทุกอย่างในชีวิตมานั่งบีบคั้นหัวใจเล่นก็คงไม่ตายด้านจนจะเก็บน้าตาเอาไว้อยู่...เธอไม่ได้ตายด้านเป็นก้อนน้ำแข็งเหมือนไอ้คนที่นั่งผิวปากขับรถนั่นหนิ

     

    " ไปดูที่โพลรายชื่อจะได้รู้ว่าอยู่ห้องไหน...กระเป๋าอยู่ที่หลังรถไปเอาเองนะ ไม่ช่วย รีบ "

     

    " ..."

     

    ทันทีที่ถึงหน้าตึกสูงที่มีรูปสัญลักษณ์เป็นรูปพระจันทร์ลวดลายเก่าแก่สีเงินร่าง เล็กก็ปลดเข็มขัดนิรภัยเตรียมจะลงจากรถ...แต่ก็ต้องชะงักเพราะมือหนาของใครบางคนมาคว้าแขนเล็กไว้เสียก่อน

    แทยอนหันขวับไปมองหน้าอีกฝ่ายทันที จะอะไรกันอีก พยายามไม่พูดด้วยไม่ตอบโต้อะไรแล้วนะยังจะมาหาเรื่องอะไรอีกเหรอ!

    " ขอบคุณค่ะที่มาส่ง! " ร่างเล็กสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแต่ก็เท่านั้นในเมื่อแบคฮยอนเป็นคนจับเอาไว้ เธอก็ไม่สามารถขัดขืนได้ สะบัดไปนอกจากจะไม่หลุดแล้วเขายังจะบีบแรงขึ้นอีกด้วยซ้ำ

    “ จะหาเรื่องอะไรอีกคะ! "

     

    " ฉันก็ไม่ได้อยากจะจับเนื้อต้องตัวเธอหรอกถ้าไม่จำเป็น. ฉันก็แค่อยากจะบอกเธอเอาไว้ว่าอย่าหยุ่งกับเพื่อน ๆ ฉันอีก...ฟังให้จบแทยอน! " แบคฮยอนตะคอกร่างเล็กที่อ้าปากทำท่าจะเถียงจนทำให้เธอหงอยไป " ฉันไม่อยากให้เธอเข้าใกล้เพื่อนฉัน...ไม่อยากให้เธอเข้าไปหยุ่งไปพัวพันธ์กับพวกมัน เพราะไอ้พวกนั้นมันยังไม่รู้จักเธอดีพอ! "

     

    " ขอเหตุผลที่ดีกว่านี้ด้วยค่ะ "

     

    " เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางอย่างที่พวกมันคิด เพราะเธอร้ายกว่านั้น ตอนนี้เธออาจจะกำลังตามล่าเก็บแต้มผู้ชายเล่นกับเพื่อนเธอก็ได้ และฉันก็ไม่อยากให้เพื่อนฉันเป็นไอ้หน้าโง่ให้เธอยัดหญ้าเข้าปากพวกมัน...เหตุผลแค่นี้พอมั้ย? ”

     

    " มันจะมากไปแล้วนะคะ รุ่นพี่ดูถูกฉันยังไม่พอ รุ่นพี่ยังไปดูถูกเพื่อนของรุ่นพี่เองอีก...ไหนคะหัวใจ ไหนคะจิตสำนึก กลับไปคิดดูดี ๆ เถอะค่ะว่าใครกันแน่ที่ร้าย ฉันหรือรุ่นพี่! " ร่างเล็กกระชากตัวเองออกแรง ๆ ก่อนจะเปิดประตูลงไปพรางกระชากปิดเข้าที่แรง ๆ แล้วเดินกระแทกส้นไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่ด้านหลังของรถ

    แทยอนลากกระเป๋าขึ้นมาชั้นเจ็ดอย่างยากลำบากไม่ใช่เพราะว่าเหนื่อยกายหรือกระเป๋ามีน้ำหนักเกินไปหรอก แต่เป็นเพราะบางสิ่งบางอย่างที่บั่นทอนจิตใจจนทุกย่างก้าว เหมือนเยียบย่ำไปบนปลายเข็มแหลมคมจนปวดหนึบไปหมด

     

    ประตูห้องถูกเจ้าของผู้มาใหม่เปิดออกอย่างเชื่องช้ากระเป๋าหนึ่งใบถูกลำเลียงเข้า มาในห้องพร้อมด้วยร่างเล็กของหญิงสาวที่ภายในใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวด...ทันทีที่ประตูห้องปิดลงเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก็พังทลายหายไป ความเข้มแข็งที่เธอสร้างขึ้นพังทลายลงในพริบตา น้ำตาที่เก็บกลั้นไว้เริ่มไหลรินออกมาจากเบ้าตาลงมาอาบแก้มขาวเนียนทั้งสองข้างด้วยความเจ็บปวด

    น้ำเสียงที่แข็งกร้าว แววตาที่ส่อถึงความรังเกียจเธอเหลือทน การกระทำที่บ่งบอกเหลือเกินว่าเขาเกลียดเธอ คำพูดทุกคำที่เปร่งออกมามันไม่รักษาน้ำใจเธอเลยสักนิด

     

    ทำไม! ปีศาจซาตานตนไหนที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้ไปได้ ทำไมเทพบุตรถึงกลายเป็นซาตาน ทำไมปีเตอร์แพนถึงกลายเป็นกัปตันฮุคไปได้ ทำไมพระเจ้าถึงกลั่นแกล้งเธออย่างนี้ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเธอยังเจ็บปวดไม่พอรึไงถึงได้ส่งแบคฮยอนมาทำให้เธอเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้

    ร่างเล็กร่ายคำถามออกมาเป็นชุดเพราะความเจ็บปวด...อาจจะเป็นเพราะความอึดอัดที่เพิ่งไปเผชิญมาจึงทำให้ความอัดอั้นตันใจถูกระบายออกมาแบบนี้ แต่เวลานี้ เวลาที่เธอต้องการใครสักคนอยู่เคียงข้างกลับมีเพียงความว่างเปล่าชึ่งมันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับผู้หญิงที่ชื่อคิม แทยอน ตั้งแต่จำความได้เธอก็อยู่กับความเงียบเหงาและตัวคนเดียวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มี มีเพื่อนก็เหมือนไม่มีเพราะเธอไม่กล้าที่จะรบกวนทิฟฟานี่เธอจึงมักจะนั่งร้องไห้ระบายความในใจคนเดียวเวลาอึดอัดมาก ๆ อย่างเช่นตอนนี้

     

    จะมีใครรู้มั้ยว่าภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่ข้างนั้นนอาจจะกำลังร้องไห้อยู่ก็ได้และนั่นเป็นสิ่งที่เธอทำมันมาโดยตลอดจนชิน ก็แค่ยิ้มมันจะไปยากอะไร แต่ที่ยากกว่านั้นคือฝืนยิ้มทั้งที่ใจอยากจะร้องไห้อยู่รอมร่อแบบนั้นมันเจ็บปวดกว่าการที่ร้องไห้ออกมาตรง ๆ ซะอีก...เวลาที่มีความสุขก็ดูเหมือนจะไม่ทุกข์ช้ำอะไรอีก แต่พอเวลามีทุกข์ก็ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบจะไม่มีคำว่ายินดีผ่านเข้ามาอีกเลย

     

    พระเจ้าท่านต้องการจะทดสอบอะไรกันแน่? จริงอยู่ที่ท่านสร้างมนุษย์ทุกคนขึ้นมาให้มีความอดทนแต่ทุกอย่างมันก็มีขีดจำกัดของมัน ฉันเองก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งมีความรู้สึกมีหัวใจ เจ็บเป็นเหนื่อยเป็นท่านจะรู้บ้างไหมว่าสิ่งที่ฉันกำลังพบเจออยู่มันหนักหนาแค่ไหน ทำไมท่านไม่เอาเปรี้ยงเดียวให้จอดไปเลยล่ะ ท่านจะทำให้ฉันเจ็บพร่ำเพรื่อไปทำไมกัน

     

    ฉันยอมรับว่าฉันยังรักรุ่นพี่แบคฮยอนอยู่ รักมากรักอยู่เต็มหัวใจและมันคงลบล้างออกไม่ได้ แต่ฉันจะต้องโกหกตัวเองโกหกทุกคนอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนว่าฉันเกลียดเขา...การที่ท่านทำให้ฉันกลับมาพบกับคนที่ฉันรักถือเป็นเรื่องน่ายินดีแต่ท่านกลับทำให้ฉันตายทั้งเป็นโดยการที่ทำให้เขาเกลียดฉัน ทำให้เขามีคู่หมั้นและทำให้ทุกอย่างแย่ลงโดยการทำให้เขาเข้ามาในชีวิตฉันอีกครั้ง...ท่านทำแบบนั้นเพื่ออะไรคะ เวรกรรมอะไรฉันยินดีชดใช้ให้หมดแต่ต้องไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช้ส่งฉันมาอยู่ในนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่แบบนี้

    " ฮึก...ฉันรักรุ่นพี่...ฮึก...ฉันควรทำไงดี...ฮึก...ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย...ฮึก...ฉันทำอะไรผิดนักหนา...ฮึก...ฮึอ "

     

    มือเรียวยกขึ้นมาปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นอันน่าสมเพชของตัวเองเอาไว้...ใจทั้งดวงปวดหนึบเหมือนจะแหลกสลายเสียให้ได้ ทุกลมหายใจเป็นไปด้วยความยากลำบาก....แบคฮยอนเขาจะรู้บ้างมั้ยว่าทุกครั้งที่ร่างเล็กเอ่ยปากพูดตอบโต้เขามันเหมือนกับเธอเอาน้ำมันราดบนหัวใจแล้วจุดไฟเผาตัวเอง

     

    " ...ฮึก...ฉันรักแต่ฉันพูดไม่ได้...ฮึก...ถ้าเลือกได้ฉันจะยอมให้รุ่นพี่เกลียดดีกว่า...ฮึก...ที่รุ่นพี่จะมีคู่หมั้น...ฮึก...ฉันไม่เข้าใจ...ฮึก...ว่าทำไมรุ่นพี่ถึงจงเกลียดจงชังฉันนัก...ฮึก...แต่ขอร้องล่ะ ฉัน...ฮึก...ทนดูคนที่เคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตฉัน เป็นแบบนี้ไม่ได้...ฮึก...ไหนรุ่นพี่เคยบอกว่าจะอยู่เคียงข้างฉันไง แล้วทำไมวันนี้ถึงทิ้งไปซะละ...ฮึก...ฮึก...ถ้ารุ่นพี่เย็นชากับฉันแบบนี้ต่อไป...ฮึก...แล้วฉันจะอยู่ยังไง โดนทำร้ายหัวใจทุกวันมันไม่สนุกหรอกนะ...ฮึก....รุ่พี่อย่าบังคับให้ฉันต้องเกลียดรุ่นพี่สิ ฉันทำไม่ได้หรอก ทำไม่ได้จริง ๆ  "

    ความรู้สึกตอนนี้แหลกละเอียดจนไม่เหลือชิ้นดี ปล่อยให้ความอ่อนแอรินไหลจากดวงตา หัวใจของเธอไม่เข้มแข็งอย่างที่ควรจะเป็น แบคฮยอนคงจะเห็นเธอเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตเขาอยู่ช่วงเวลานึงแล้วก็ผ่านไป กลายเป็นเพียงลมที่ไร้ตัวตน ไร้คนมองเห็น ไร้คุณค่า...

     

    เป็นทิงเกอร์เบวที่เขาไม่มีวันมองเห็น เพราะสุดท้ายแล้วปีเตอร์แพนก็มองเห็นเพียงแค่เวนดี้ของเขา...ทิงเกอร์เบวจะถูกลืมและเป็นเพียงผู้แอบมองอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น

     

    Rrrrrr~

     

    เสียงริงโทนที่ดังขึ้นเปรียบเสมือนเสียงสัญญานที่ช่วยหยุดทุกอย่างเอาไว้ทั้งเสียง สะอื้น ทั้งน้ำตาที่เคยพรั่งพรูออกมา ทั้งความคิดที่เตลิดไปไกลก็พร้อมใจกันชะงัก ร่างเล็กมองดูเบอร์ที่ไม่คุ้นตาโทร.เข้ามา แน่นอนว่าอาจจะเป็นรุ่นพี่ชานยอลหรือไม่ก็เซฮุนชึ่งถ้าสองคนนั้นรับรู้ได้ถึงการร้องไห้ของเธอคงไม่ดีเท่าไหร่แน่

     

    “ ฮัลโหล... ”

    ...

     

     

    “ อืม...ขอบคุณนายมากนะเซฮุน ขอบคุณจริง ๆ ”

     

    จนถึงตอนนี้แม้เซฮุนจะวางสายไปแล้วแต่ความเจ็บปวดกลับไม่หายไปด้วย ครั้นมันกลับมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ เพราะแก้วที่มันร้าวแม้จำให้เวลามันหรือรักษามันแค่ไหนแต่รอยร้าวก็ยังเหมือนเดิม

     

    หัวใจคนเราก็เช่นกันหากมันมีรอยร้าวแล้วแม้จะปล่อยให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนรอยร้าวของหัวใจยังอยู่ อะไรที่เสียไปแล้วโดยเฉพาะความรู้สึกมันกลับคืนมาไม่ได้หรอก ความรักก็เช่นกันหากอีกฝ่ายเปลี่ยนใจไปแล้วคนที่ยังเหมือนเดิมก็ไม่อาจจะเปลี่ยนใจคนที่เปลี่ยนไปให้กลับมารู้สึกได้ดังเดิม











     










    รู้นะคะว่ารีดเดอร์คิดอะไรอยู่ สิทธิ์ที่พี่แบคว่าคือสร้อยข้อมือนะคะไม่ใช่อย่างอื่น อย่าคิดลึกนะ
    รักคนอ่านค่ะ ให้กำลังใจกันด้วยเน้อ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×