คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : My Peter Pan: Chapter3
" เข้าไปเดี๋ยวนี้! นี่คือคำสั่ง! "
" ปล่อยนะคะ ถ้าฉันไม่เข้าไปแล้วจะไม?! "
ปากเล็กงอคว่ำลง นัยน์ตาสีนิลสั่นระริกราวกับกลัวความคิดตัวเอง
ก็แบคฮยอนเล่นต้อนเธอเข้าบ้านแบบนี้แถมยังบอกว่าจะมอบสิทธิ์ให้แล้วจะให้คิดยังไงล่ะ
เขาคงไม่เข้าไปเล่นพ่อแม่ลูกกันข้างในนั้นหรอกนะ
" ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า หุ่นอย่างกับเด็กอนุบาล
ฉันไม่มีอารมณ์ " แบคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับสิ่งที่พูดออกมาเป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวบ้านเขาพูดกัน
แต่นั่นกลับทำให้ร่างเล็กเลือดขึ้นหน้าแก้มทั้งสองข้างแดงซะยิ่งกว่ามะเขือเทศดอยคำเสียอีก
" นี่คุณ! "
" ฉันพูดความจริง หรือจะเถียง? "
แบคฮยอนพูดพรางคว้านหากุญแจบ้านในกระเป๋ากางเกง
นานเท่าไหร่แล้วเนี่ยที่เขาไม่ได้มาบ้านแห่งนี้
ไม่ใช่ว่าช่วงนี้เขามีความสุขจนไม่มาสถานที่เก็บความทุกข์แห่งนี้แต่เพราะเขาหยุ่งอยู่กับงานจนไม่มีเวลาไปไหนเลยต่างหาก
พอเปิดประตูได้ก็ไม่รอช้าให้เวลาผ่านไปเสียเปล่า แบคฮยอนรีบฉุดร่างเล็กให้เชถลาเข้าไปในบ้านทันทีก่อนจะปิดประตูล็อคแบบอัตโนมัตที่เป็นการแสกนลายนิ้วมือของเขา...ขอย้ำว่าแสกนลายนิ้วมือ
ชึ่งมันก็หมายความว่าเธอไม่มีทางหนีรอดไปได้หากเขาไม่ปล่อย
" ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไงละคะ แล้วล็อคประตูทำไม?
"
" ถามโง่ ๆ ขืนไม่ล็อคเธอก็หนีฉันไปนะสิ " ร่างสูงทำสีหน้าขัดใจกับคำถามของคนตัวเล็ก
ถ้าในหัวของเธอไม่คิดเรื่องหนีคงไม่มีทางถามอะไรแบบนี้หรอก
" แล้วคิดว่าฉันจะหนีได้มั้ยเล่า! "
" แน่นอนว่า...ไม่ได้ "
ตุบ!
แบคฮยอนพลักร่างเล็กให้ล้มลงติดโซฟาปุยนุ่มสีอ่อน
ใบหน้าคมคายยกยิ้มมุมปาก ทำเอาร่างเล็กรีบถอยกรูดจนแผ่นหลังบางติดกับพนังเย็นเฉียบ
ดันตัวเองทั้งร่างให้ติดกับพนังจนถ้าสิงได้คือสิงไปแล้ว
" หยุดนะ!!!...ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรฉันไง
"
" แล้วไอ้ทำอะไรของเธอนี่มันหมายถึงอะไรล่ะ
" แบคฮยอนไม่พูดเปล่าเขาเดินอย่างใจเย็นมาตรงจุดที่ร่างเล็กขดตัวเป็นหอยหลอดอยู่แพรางยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาทาบพนังไว้เป็นเชิงปิดทางหนี
ใบหน้าสวยหวานอยู่ห่างจากใบหน้าคมคายเพียงปลายจมูกจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
มือเรียวบางยกขึ้นมาดันอกแกร่งให้ออกห่างตัวแต่ดูเหมือนว่ายิ่งพลักให้ห่างยิ่ง
ใกล้เข้ามาทุกทีจนร่างทั้งสองแนบชิดกันอย่างเสียมิได้ แววตาสีน้ำตาลเข้มถูกส่งผ่านเข้ามาหาม่านตาสีนิลของอีกฝ่ายอย่างน่าหลงใหลชวนให้เคลิบเคลิ้ม
แต่แฝงไปด้วยความเย็นชาและเจ้าเล่ห์ไร้ชึ่งแววของความขี้เล่น
ร่างเล็กหลุบตาลงต่ำหลบสายตาของอีกฝ่ายที่ส่งมา อัตราการเต้นของหัวใจรุนแรงจนแถบจะถลนออกมานอกเบ้า
พยายามจะสูดลมหายใจเข้าปอดให้ได้มากถึงมากที่สุดแต่ก็เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาอุดตันจนติดขัดไปซะหมด
แบคฮยอนโน้มหน้าเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนร่างเล็กไม่อาจจะขยับตัวได้เพราะขยับตัวอีกเพียงนิดเดียวอะไรต่อมิอะไรก็อาจจะชนกันเข้าได้
เปลือกตาสีอ่อนปิดสนิทร่างกายสั่นระริกด้วยความกลัว
อะไรกันเจอหน้ากันครั้งแรกก็จู่โจมเลยเรอะ!
" รุ่นพี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะคะ! ถึงฉันจะเคยรักรุ่นพี่มากแต่ก็ใช่ว่าฉันจะยอมให้ย่ำยีง่าย
ๆ นะคะ ถ้าคู่หมั้นของรุ่นพี่รู้ว่ารุ่นพี่ทำแบบนี้กับฉันเธอจะรู้สึกยังไง?
ฉันไม่คิดเลยนะว่าคนหน้าตาดีอย่างรุ่นพี่จะเป็นพวกชอบบังคับขืนใจชาวบ้านเขาแบบนี้น่ะ
"
น้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมาสั่นกระเช็นขาดเป็นห้วง ๆ
แต่ก็ไม่อาจเป็นอุปสรรคต่อการได้ยินของแบคฮยอนเลยเพราะอยู่ใกล้กันแค่นี้ไม่ได้ยินคือหูเป็นต้อระยะสุดท้ายแล้วไหม
" อะไร? คิดว่าฉันจะทำอะไรเธอรึไง "
แบคฮยอนผละออกจากร่างเล็กพรางยกยิ้มมุมปากเพราะใบหน้าสวยหวานในตอนนี้มันตลกสิ้นดี
หลับตาปี๋ขดตัวจนแทบจะสิงโซฟาได้อยู่แล้วแถมน้ำเสียงยังสั่น ๆ
นี่คงไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรเกินเลยหรอกใช่มั้ย?
" คะ? "
" เป็นอะไรไปแทยอน โซฟาบ้านฉันที่ออกตั้งกว้างไปนั่งหลังขดทำไมตรงนั้นล่ะ
"
" ก็แล้วใครใช้ให้รุ่นพี่ทำแบบนี้ล่ะคะ
ใจหายหมดเลย " แทยอนเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ คิดแล้วก็อยากจะทึ้งหัวตัวเองแรง
ๆ สักทีที่เผลอคิดอะไรโง่ ๆ ไปไกลแสนไกล ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่มีอะไรเลย
วันนี้มันวันซวยแห่งชาติรึไง
ทำไมถึงเจอแต่เรื่องขายหน้า
" ก็แค่จะหยิบของต้องมีคนใช้ด้วยหรอ?
" ร่างสูงเลิกคิ้วถามใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง ดูเหมือนคำถามของเขาจะเป็นคำถามที่ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายตอบ
" หยิบของ? "
" ใช่ ก็นี่ไง " แบคฮยอนชูสร้อยข้อมือสีเงินเส้นหนึ่งขึ้นมามันดูเก่าแต่ก็ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นของล้ำค่าอย่างบอกไม่ถูก
แต่ประเด็นคือเขาไปเอามาจากไหนเมื่อกี้ตอนเดินมายังไม่เห็นเลยหรือที่เขาพูดจะจริง แล้วทำไมต้องทำให้ใจเต้นมาแรงแบบนั้นด้วยละ
ทำไมไม่รีบหยิบรีบออกไป คิดว่าทำให้คนอื่นคิดไปถึงไหนต่อไหนมันเจ๋งรึไง
" อ่ะ ใส่ซะสิ "
แทยอนรับสร้อยที่อีกฝ่ายโยนมาอย่างทุลักทุเล หนักใช่เล่นเลยนะเนี่ยของจริงแน่
ๆ เลย ร่างเล็กก้มสำรวจสร้อยอย่างจริงจัง ในนั้นสลักตัวอักษรย่อเอาไง้ด้วยเป็นตัว 'BH' คงจะเป็นตัวย่อชื่อของแบคฮยอน
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนจะผูกเป็นโบว์ตามบันไดงานวัดอยู่แล้ว
ทำไมเธอจะต้องใส่มันด้วยล่ะ เธอไม่อยากจะเกี่ยวข้องพัวพันธ์อะไรกับผู้ชายคนนี้อีกแล้วถ้าเกิดใส่สร้อยนี้ไปทุกครั้งที่มองเห็นมันภาพใบหน้าหล่อคมคายของอีกฝ่ายเป็นต้องลอยอยู่เต็มห้วงความคิดของเธอแน่
ๆ
" แล้วถ้าฉันไม่ใส่? "
" ก็ลองดูสิ เลือกเอาว่าจะใส่สร้อยนี้หรือจะให้ฉันใช้วิธีอื่น
"
" วิธีอื่น? คืออะไรหรอคะ?
"
" เธอไม่อยากรู้หรอก หรืออยากจะลอง? " แบคฮยอนไม่พูดเปล่าเขากำลังขยับเข้ามาทำท่าเหมือนก่อนหน้านี้แต่ก็ถูกร่างเล็กขัดกลางอากาศซะก่อน
เพราะดูจากแววตาของเขาแล้ว เขาคงเอาจริงชึ่งเธอก็ไม่อาจเสี่ยงเอามือไปแหย่ไฟเล่นหรอกเดี๋ยวโดนไฟลวก
" มะ...ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันใส่ก็ได้ ก็แค่สร้อยเส้นเดียวจะบังคับทำไมนักหนา
"
" ดี...ใส่แล้วห้ามถอด ต้องใส่ตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ
เข้าใจมั้ย? ถ้าฉันไม่เห็นเธอใส่ก็อย่าได้อ้างเหตุผลว่าสร้อยมันขาดเพราะเนี่ยเป็นสร้อยเงินเก่าแก่ถึงจะเอาที่ตัดเหล็กมาตัด
ก็ไม่ขาดเพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องข้ออ้างได้เลย "
" แล้วถ้าใส่อาบน้ำมันจะไม่ดำหรอคะ? "
" ฉันเพื่อนเล่นเธอเรอะ! "
" ก็รู้หรอกค่ะว่าของแท้ แต่ถ้าเกิดวันนึงมันลอกมันดำขึ้นมาเดี๋ยวรุ่นพี่ก็หาว่าฉันดูแลไม่ดีอีก
"
" ขอเตือนไว้เลยนะ ถ้าวันไหนฉันไม่เห็นมันบนข้อมือของเธอ
คงไม่ต้องเดานะว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง "
ประโยคเมื่อสักครู่ที่เขาเอ่ยมาแสดงว่าเธอก็ต้องเจอกับเขาทุกวันนะสิ
แล้วแบบนี้มันจะตัดใจได้ยังไงถ้าต้องเจอใบหน้าหล่อ ๆ ที่แสนเย็นชากับเธอแบบนี้ทุกวัน
ถึงเขาจะพูดจาทำร้ายจิตใจมากแค่ไหนแต่มันก็ยังยากต่อการตัดใจอยู่ดีนี่นา
" ถ้าเธอไม่อยากมีปัญหากับที่นี่ก็หัดทำตัวดี ๆ
กับฉันเข้าไว้ เลิกพูดจาแข็งกระด้างกระแทรกเสียงใส่รุ่นพี่ของเธอได้แล้ว "
" ก็ถ้ารุ่นพี่พูดดี ๆ กับฉัน ฉันก็จะพูดดี ๆ
กับรุ่นพี่ค่ะ แต่ถ้ารุ่นพี่ไม่ฉันก็ไม่เหมือนกันเราจะไปเสมอกันไงคะ "
" ฉันเป็นรุ่นพี่
ตามกฏเธอต้องเคารพ...แต่ถ้าเธอฝ่าฝืนฉันจะเป็นคนลงโทษเธอเองและเพราะเธอคือคนพิเศษฉะนั้นบทลงโทษของเธอจะพิเศษกว่าคนอื่น...อย่ามาหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกันเพราะฉันเตือนเธอแล้ว
"
" ทำตัวให้หน้าเคารพสิคะ
แล้วฉันจะมากราบเช้ากราบเย็นเลย "
" ปากดีไปเถอะ แล้วเดี๋ยวเราจะได้รู้กันว่าเธอจะแข็งข้อกับฉันได้นานแค่ไหน...ปากเก่งแบบนี้ไปเรื่อย
ๆ แล้วกันคิม แทยอน "
ร่างเล็กใจกระตุกวูบกับแววตาและน้ำเสียงที่ร่างสูงส่งออกมา
มันดูจริงจังและแฝงไป ด้วยความป่าเถื่อน คำพูดทุกคำเธอจำมันได้ดีมันเป็นเสมือนลางบอกเหตุอันเลวร้ายสำหรับเธอเพราะแบคฮยอนคนนี้ไม่ใช่คนเดิมของเธอ...เขาพร้อมจะบีบเธอให้ตายคามือเสมอเมื่อเขาต้องการ
แบคฮยอนพลักประตูบานใหญ่สีแดงเลือดนกเข้าไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวโดยที่ไม่สนใจกลุ่มคนที่นั่งอยู่ข้างในเลยว่าจะกำลังคุยเรื่องสำคัญอะไรอยู่รึเปล่า...ใช่
ที่นี่คือห้องประชุมหุ้นส่วนที่ชานยอลและเซฮุนพูดถึงและเขาก็มาถึงเป็นคนสุดท้ายพอดี
สายตาทั้งสิบเอ็ดคู่จดจ้องมาที่หุ้นส่วนใหญ่ผู้พึ่งมาถึงเป็นตาเดียวโดยมีเพียงชานยอลและเซฮุนที่ดูจะกระวนกระวายทันทีที่พบหน้าผู้มาถึง
" ไอ้แบคแกพาแทยอนหายไปไหนมา! "
ชานยอลดูเหมือนจะทนร้อนอกร้อนใจไม่ได้ เขาเดินตรงมากระชากตัวให้แบคฮยอนหันมาประจันหน้ากับเขาในทันที
ก็รู้อยู่หรอกว่าแบคฮยอนมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ครั้งนี้เขาทนไม่ไหวจริง
ๆ ที่จู่ ๆ เพื่อนรักของเขาก็เล่นพาตัวเด็กผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนก็ไม่รู้ตั้งนานสองนานแถมมันยังเสนอหน้ากลับมาคนเดียวไร้ชึ่งวี่แววยัยตัวเล็กคนนั้นเลย
“ เงียบทำไมวะ! ”
แบคฮยอนสตั้นไปหลายวิกับการกระทำอันอุอาจของเพื่อนตัวสูง
ปรกติเห็มมันเป็นคนที่โกธรยากมากเพราะมันมักจะอารมณ์ดีตลอดเวลาแถมยังเป็นพวกสุขนิยมแต่นี่แค่เขาพาแทยอนหายไปทำให้มันของขึ้นได้ขนาดนี้เชียวหรอ
" ประชุมถึงไหนกันแล้วล่ะ ขอโทษนะทุกคนที่มาสาย...เชิญพูดต่อได้เลยครับฮยอง
"
แบคฮยอนไม่ได้ตอบชานยอลแต่เขากลับหันหน้าไปพูดกับหุ้นส่วนคนอื่น
ๆ โดยไม่สนใจเลยว่าชานยอลว่าจะมีอารมณ์เดือดขนาดไหน ก่อนจะหันไปกล่าวของโทษหุ้นส่วนใหญ่อีกคนที่อายุมากกว่า
คริส พยักหน้ารับเพราะเห็นถึงกลิ่นอายของความคร่ำเครียดที่ลุกโซนในห้องประชุมแห่งนี้
หากไม่รีบดับไฟได้ลามแน่
" กลับไปนั่งที่สิ ทุกคนเริ่มประชุมกันต่อได้
"
สิ้นเสียงผู้มีอำนาจสูงสุดชายหนุ่มทั้งสิบสองก็ตกอยู่ในความเงียบและกลับไปเคร่งเครียดเรื่องโรงเรียนเหมือนเดิม
แบคฮยอนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉียบปราศจากอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้า ปล่อยให้ชานยอลอารมณ์พุ่งพล่านจ้องหน้าเพื่อนรักอย่างเอาเป็นเอาตาย
เซฮุนเองก็เช่นกันแต่เนื่องจากเขาเป็นน้องเล็กที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่พอจึงสามารถสงบสติอารมณ์ได้ดียิ่งกว่าผู้เป็นพี่เสียอีก
ทุกคนในที่ประชุมต่างก็สงสัยและงุนงงในเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อย
ตั้งแต่เข้าประชุมมาชานยอลก็ดูหงุดหงิดผิดปกติจากเดิม ครั้นจะถามก็ไม่มีใครกล้าเพราะถ้าไม่ใช่เรื่องจริง
ๆ คนอย่างปาร์ค ชานยอลก็คงไม่อารมณ์เดือดขนาดนี้หรอก
ทุกคนจึงพร้อมใจกันเงียบไว้เป็นดีที่สุด รอให้เจ้าตัวมันเล่าเองก็คงไม่เสียหายอะไร
แถมหุ้นส่วนใหญ่อีกคนของโรงเรียนอย่างแบคฮยอนยังหายไปแบบไม่มีปี่มีคลุ่ย ทั้งที่บอกกับทุกคนว่าจะไปรับชานยอลกับน้องเล็กแท้
ๆ ไหงปล่อยให้สองคนนั้นเดินหน้าอมทุกข์กลับมาแล้วตัวเองหายหัวไปไหนก็ไม่มีใครรู้อีก
บรรยากาศแปลก ๆ ตลบอบอวนไปตลอดการประชุมทั้งเครียดจากเรื่องโรงเรียนแล้วยังมาเรื่องของชานยอลกับแบคฮยอนอีกทำให้การประชุมเป็นไปด้วยความยากลำบาก
แต่พี่ใหญ่อย่างคริสก็มักจะคอยควบคุมสถานการณ์ให้ผ่านไปด้วยดีเสมอ
หลังการประชุมจบทุกคนต่างแยกย้ายสลายตัวอย่างรวดเร็ว
ยังเหลือก็แต่สามพี่น้องต่างครอบครัวที่ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนแบะไม่มีใครพูดอะไรออกมาทั้งสิ้น...จนในที่สุดก็เป็นชานยอลอีกนั่นแหละที่ทนอึดอัดไม่ไหวถึงได้พูด
" ฉันขอถามแกหน่อยเหอะ
แกมีปัญหาอะไรนักหนากับแทยอนหรอ...แทยอนก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ
ไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรแล้วแกเป็นบ้าอะไรทำไมลากเขาไปแบบนั้นวะ "
ชายหนุ่มพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้มากที่สุดระหว่างคุยกับเพื่อนพยายามคิดหาเหตุผลเพื่อให้เข้าใจแบคฮยอนให้มากที่สุด
แต่ก็เท่านั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรเอาเสียเลย
"..."
" เอ่อ...ผมว่าพวกพี่คุยกันไปก่อนนะ
ผมขอตัวไปตามหาแทแทก่อน " น้องเล็กทนบรรยากาศมาคุไม่ไหวจึงขอตัวออกไปตามหาเพื่อนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าหายไปไหน
ที่เห็นเขานิ่งเงียบไม่แสดงอาการอะไรไม่ใช่ว่าไม่กังวลแต่เพราะ...ไม่รู้สิ เขาก็แค่ไม่อยากจะแสดงให้ใครเห็นว่าเขาเป็นห่วงเพื่อนใหม่คนนี้จนจะอยู่ไม่เป็นสุขก็เท่านั้น
ชายหนุ่มทั้งสองมองตามแผ่นหลังของเซฮุนที่ก้าวออกไป
หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปรกคุมทั่วบริเวณ แบคฮยอนยังคงนิ่งเงียบหากเขาพูดอะไรไปแน่นอนว่ามันคงไม่ส่งผลดีอะไรเลย
มิหนำช้ำคนอย่างชานยอลก็คงไม่ยอมเข้าใจอะไรง่าย ๆ แน่ ๆ
" โอเค แกจะไม่ตอบ...ถ้าแทยอนเป็นอะไรไปเพราะปากหมา
ๆ ของแก ฉันไม่เอาแกไว้แน่ " ไม่ปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองลุกลามนาน ชานยอลสาวเท้าเดินดุ่น
ๆ ออกไปทางประตูก่อน จะกระแทกบานประตูกลับเข้าที่แรง ๆ ทีหนึ่งเป็นเชิงระบายความหงุดหงิด
แบคฮยอนพ่มลมหายใจออกทางปากอย่างโล่งอก
มันไม่ง่ายเลยที่เขาต้องมาทำหน้านิ่งทั้ง ๆ ที่กำลังไม่สบอารมณ์อย่างแรง...เป็นห่วงกันเข้าไปอยากรู้นักว่าถ้าพวกมันสองคนเห็นสร้อยข้อมือที่ยัยนั่นใส่พวกมันจะทำหน้ายังไง
ของที่เคยเป็นของเขายังไงมันก็ต้องเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ
เพื่อนพี่น้องหรือใครก็หมดสิทธิ์...นี่ไม่ใช่อาการหึงหรือหวงใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะอาการแบบนั้นมันต้องเกิดจากคนที่มีความรักต่อกันเท่านั้น
แต่สำหรับเขาความรู้สึกแบบนั้นมันหมดไปตั้งนานแล้วไม่มีหลงเหลือเลยสักนิด
แต่ทว่าทำไมเวลาเขาอยู่ใกล้ยัยตัวเล็กนั่นเขาถึงได้ใจเต้นแปลก
ๆ ล่ะ ใบหน้าสวยหวาน แววตาไร้เดียงสาเป็นประกาย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวบางสีชมพูธรรมชาติชวนน่าจุมพิตนั่น
ทำไมถึงได้ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกได้ถึงขนาดนี้
ไม่! พยอน แบคฮยอนแกจะกลับไปเป็นไอ้หน้าโง่เหมือนเดิมไม่ได้...ทุกอย่างเป็นเพียงความมารยาที่ผู้หญิงคนนั้นสร้างขึ้นเพื่อให้แกกลับไปติดกับอีกครั้ง
ยัยนั่นมาเรียนที่นี่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นโรงเรียนของฉัน...ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์อะไรแต่แทยอนจะต้องได้รับบทเรียนที่เคยทำฉันเสียใจไว้แน่
นี่มันแค่เริ่มต้นนะคิม แทยอนฉันจะทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าที่ฉันเจ็บหลายร้อยเท่าเลย
เธอจะได้รู้สักทีว่าไม่ควรจะล้อเล่นกับหัวใจของใครทั้งนั้น!
ชายหนุ่มร่างสูงเดินหัวเสียออกมาจากห้องประชุม
ปล่อยให้พี่ชายที่เคารพรักทั้งคู่ก่อสงครามประสาทด้วยกันต่อไป
ถ้าถามว่าหงุดหงิดที่แบคฮยอนพาแทยอนหายไปไหม?
เขาคงตอบแบบไม่ต้องลังเลเลยว่าโคตรจะหงุดหงิดแต่แค่ไม่อยากจะแสดงออกให้ใครเห็นก็เท่านั้นเพราะมันไม่เห็นจะจำเป็นเลย
สำหรับสายตาคนทั่วไปที่ไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวทุกคนจะมองและคิดเหมือน
ๆ กันว่าคุณชายเล็กของโรงเรียนอย่างเขาหยิ่งยโสเป็นพวกที่มีดีแค่หน้าตาและฐานะเท่านั้นชึ่งถ้าใครจะคิดแบบนั้นเขาก็ไม่เคยจะสนใจเพราะมันก็จริงอย่างที่คนพวกนั้นพูดนั่นแหละ
ถ้าไม่สนิทหรือคุ้นเคยกันจริง ๆ เซฮุนคนนี้จะไม่ปริปากพูดด้วยเด็ดขาด
หากถามว่าเป็นเพราะอะไรเขาก็คงจะตอบทันทีว่า ทุกคนที่เข้ามาล้วนเป็นพวกเสแสร้ง
หน้าไหว้หลังหลอกทั้งนั้นที่เข้าหาเขาเพราะหวังผลประโยชน์ล้วน ๆ นะสิ คนประเภทแบบนี้แหละที่เขารู้สึกรังเกียจมากที่สุด
ไม่ว่าจะด้วยกรุ๊ปเลือดหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เขาเป็นคนสองแง่สองง่ามแบบนี้
แต่พี่ ๆ ทุกคนก็มักจะรับมันได้กับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงบ่อยเหมือนฝนฟ้าของน้องเล็ก
บุคคลภายนอกน้อยคนนักที่จะเห็นรอยยิ้มจากใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา...ถึงภายนอกจะบ่งบอกว่าเขายังเด็กแต่หลักการของความคิดกลับเติบโตกว่าการกระทำอยู่มากโข
เขาเองเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งและมักจะไม่แสดงออกให้ใครเห็นทั้งนั้นเพราะเซฮุนถือคติที่ว่า
'เรื่องบางเรื่องหากเก็บไว้ในใจเพียงผู้เดียวดีกว่าป่าวประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้'
อย่างที่รู้ว่าเขาไม่ชอบเสวนากับคนแปลกหน้าแต่ทำไมตอนนี้เขาถึงกล้าที่จะแสดงอีกด้านของตัวเองให้ยัยตัวเล็กที่เพิ่งเจอหน้าเห็น...นั่นคือคำถามที่ค้างคาอยู่ในห้วงของความรู้สึกของผู้ชายที่ชื่อโอ เซฮุน ทำไมเขาถึงต้องอยากปกป้องเธอด้วย/
ภายในของโอ
เซฮุนกำลังมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปซึ่งเขาเองก็ให้คำตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่
อาจเป็นเพราะฉันไม่เคยมีเพื่อนเป็นผู้หญิงละมั้งถึงได้รู้สึกอะไรแบบนี้กับเธอ...ยัยตัวเล็กรู้มั้ยเนี่ยว่าเธอคือผู้หญิงคนแรกเลยนะที่ฉันอยากเป็นเพื่อนด้วย
พี่แบคฮยอนก็นะไม่รู้ว่าไปโกรธอะไรมานักหนาถึงได้อารมณ์ร้อนขนาดนี้...แถมมาลงกับใครไม่ลง
ดันไปลงกับยัยตัวเล็กที่ไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย แล้วฉันจะไปตามหาเธอที่ไหนเนี่ยแทยอน
เซฮุนครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็มีเบอร์ของคนตัวเล็กอยู่เหมือนกัน
และเมื่อคิดได้ดังนั้นมือเรียวยาวจึงล้วงลงเอาโทรศัพท์มือถือราคาเฉียดล้านออกมาจากกระเป๋ากางเกงพรางกดโทรหาเบอร์ใหม่ที่พึ่งเชฟไว้ได้ไม่นานอย่างร้อนรน...ไม่ปล่อยให้คนโทร.รอนานปลายสายกดรับทันทีที่เสียงสัญญานดังขึ้นเพียงไม่กี่ครั้ง
ชายหนุ่มร่างสูงแววตามีประกายขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงความปลอดภัยของปลายสายที่ตนโทร.หา
ทว่าปลายสายกลับมีเสียงสั่นเครือเหมือนผ่านการร้องไห้มา
เหมือนกับว่าเธอต้องการกลั้นเสียงสะอื้นไว้ เพราะไม่อยากให้เขารู้ แต่เซฮุนไม่ได้โง่
เขาฟังออกว่าแทยอนมีสภาพจิตใจเป็นเช่นไร
แต่ใครจะสนละในเมื่อตอนนี้แทยอนรับสายเขาได้ก็คงจะไม่มีอะไรต้องห่วงมาก...บางทีหลังจากกดวางสายเขาอาจจะไปอยู่ข้าง
ๆ เธอเลยก็ได้
" ฮัลโหล "
[ ยัยตัวเล็กเธออยู่ที่ไหน? ปลอดภัยดีใช่มั้ย? พี่แบคฮยอนทำอะไรเธอบ้างรึเปล่า? แล้วเขาพาเธอหายไปไหนมา?
]
" เดี๋ยวก่อนเซฮุนนายถามฉันมากเกินไปแล้วนะ...ฉันสบายดี
ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ชายนายแค่มาส่งฉันที่หอแล้วก็คุยอะไรกันนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง
"
[ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ]
" ฉันอยู่ที่หอน่ะ...ถามทำไมหรอ? "
“ นายไม่ต้องห่วงหรอกน่า
ฉันไม่เจ็บไม่ปวดไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ ทั้งสิ้น สบายดีทั้งกายและใจ ”
[ แน่ใจนะว่าสบายดีจริง ๆ
ไม่อยากให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนหรอ? ]
“ จริง ๆ ฉันน่ะแข็งแรงนะ ไม่โดนใครทำร้ายง่าย ๆ
หรอก ”
[ ฉันไม่ได้หมายถึงกาย ฉันหมายถึงใจต่างหาก... ]
คำพูดของโอ
เซฮุนทำให้แทยอนหยุดชะงักทุกอย่างลง...น้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงอย่างล้นเอ่อทำให้เธอยิ่งอ่อนแรงหนักกว่า
ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเขาถึงต้องมาทำดีกับเธอในช่วงเวลาแย่ ๆ แบบนี้ด้วย
“ พูดอะไรของนาย
ใจฉันจะไม่สบายได้ยังไงในเมื่อมันไม่ได้มีอะเกิดขึ้นสักหน่อย ”
[ นั่นสินะ... ]
“ พูดแบบนี้ไม่เชื่อฉันหรอ?
นายไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอกน่าเซฮุน ฉันอยู่คนเดียวได้
ฉันอยากจะเก็บของให้เข้าที่เข้าทางน่ะจัดห้องให้เรียบร้อยด้วยตอนนี้มันรกมาก ๆ
เลยพรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้วฉันว่ากลัวไม่มีเวลาทำน่ะ ถ้านายมามันจะลำบากนายเปล่า ๆ
นะ ”
[ ลำบากอะไร ปล่อยให้เธอทำคนเดียวสิลำบากยิ่งกว่า
]
“ อย่าพูดเหมือนตัวเองว่างสิเซฮุน
พึ่งประชุมเสร็จไม่ใช่หรอ? นายไปพักผ่อนเถอะแล้วค่อยเจอกันพรุ่งนี้เช้า ”
[
ถ้างั้นอยากได้อะไรก็โทร.มาได้ตลอดเวลาเลยนะไม่ต้องเกรงใจ
ถ้าหิวก็ลงไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร
มันอยู่ถัดจากหอไม่ไกลมากหรือถ้าไม่อยากลงไปโทร.มาหาฉันก็ได้ ฉันว่างเสมอ ]
“ อืม...ขอบคุณนายมากนะเซฮุน ขอบคุณจริง ๆ ”
ร่างเล็กกดวางสายทันทีที่พูดจบเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ได้ถึงเสียงที่ผิดเพี้ยนเพราะการร้องไห้อย่างหนักของตน
ยิ่งเซฮุนทำดีกับเธอมากเท่าไหร่แสดงออกว่าห่วงเธอมากเท่าไหร่น้ำตาเจ้ากรรมมันยิ่งอยากจะไหลออกมามากเท่านั้น
เพราะคนที่พึ่งรู้จักกันวันนี้อย่างเซฮุนยังดีกับเธอมากกว่าคนที่เธอเคยรักหมดหัวใจอย่างแบคฮยอนเสียอีก
คนที่เธอเฝ้าอยากจะเจอหน้ามาโดยตลอดอย่างเขาเอาแต่ทำร้ายจิตใจของเธอให้บอบช้ำ
ความเฉยชาและคำพูดถากถางน้ำใจที่เขาส่งมาให้ไม่เคยมีผลดีกับหัวใจดวงนี้เลยสักนิด
แบคฮยอนในตอนนี้คือคนที่เธอไม่อยากจะเข้าใกล้มากยิ่งกว่าพวกผู้ชายที่ลวนลามเธอเมื่อเช้าเสียอีก
ความเจ็บปวดที่เขาทิ้งเอาไว้ค่อย ๆ
แล่นไปสู่ก้อนเนื้ออกข้างซ้ายของคนตัวเล็กอีกครั้ง
ทั้งเจ็บปวดและทรมานจนเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
ทุกลมหายใจเข้าออกเปรียบเสมือนมีปลายธนูแหลมคมมาปักลงตามเนื้อตัว
รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะแหลกสลายเมื่อย้อนกลับไปนึกถึงบทสนทนาเมื่อเช้าระหว่างเธอและเขา
" ปากดีไปเถอะ แล้วเดี๋ยวเราจะได้รู้กันว่าเธอจะแข็งข้อกับฉันได้นานแค่ไหน...ปากเก่งแบบนี้ไปเรื่อย
ๆ แล้วกันคิม แทยอน "
สายตาคมแข็งกร้าวดุจหมาป่าที่เหือดกระหายเนื้อ
น้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงจังจนน่ากลัวดุจเสือขู่คำราม
ใบหน้าหล่อคมคายแต่กลับเย็นชาและเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกันทำให้ใจดวงน้อยไหววูบ...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาแสดงออกมาเปรียบเสมือนมนต์สะกดให้เธอไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน
ร่างเล็กเหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้แค่จะพลักไสให้เขาถอยห่างจากตัวเองเธอยังทำไม่ได้เลย
แทยอนได้แต่กล่าวต่อว่าตนเองอยู่ในใจไม่รู้ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าแบคฮยอนเธอถึงได้อ่อนแอแบบนี้
ไม่ว่าอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ที่เขาทำมันมีอิทธิพลกับเธอเสมอ
แต่แทยอนไม่สามารถแสดงความอ่อนแอให้แบคฮยอนเห็นได้
เธอจะร้องไห้ต่อหน้าเขาไม่ได้เด็ดขาด
น้ำตาที่มาจากการกระทำของเขาไม่ว่าจะยังไงเธอก็ปล่อยให้มันไหลออกมาไม่ได้...คนไม่มีหัวใจอย่างเขาถึงร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดเขาก็คงไม่มีวันสนใจ
กลับกันเขายิ่งจะได้ใจและทำร้ายเธอซ้ำ ๆ
...ไม่มีเหตุผลอะไรที่แทยอนจะต้องยอมให้เขา เธอจะต้องตอบโต้ เธอจะต้องเข้มแข็ง
เธอจะยอมให้ความอ่อนแอมากัดกินหัวใจแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้
“ เงียบทำไม เมื่อกี้ยังเถียงฉันฉอด ๆ อยู่เลย
ยังไม่ทันไรก็ยอมแพ้แล้วหรอ? ไม่เอาสิแทยอน แบบนี้มันไม่สนุกนะ ”
ร่างสูงพูดติดตลกแต่แววตากลับไม่ฉายแววความขี้เล่นเลยสักนิดทำเอาคนฟังก้มหน้าหงุด
ๆ หลบสายตาของเขา...ก็จะให้เธอพูดอะไรล่ะขืนพูดอะไรออกไปตอนนี้ก็จะมีแต่แย่กับแย่
แต่หากไม่พูดอะไรเลยแบคฮยอนก็คงจะไม่หยุดพูดจากระแทกแดกดันง่าย ๆ
“ สนุกมากไหมล่ะคะ
พูดจาเหมือนเป็นตัวร้ายในละครเพื่อให้ฉันรู้สึกแย่คงสนุกมากล่ะสิ...รุ่นพี่จะมาอะไรกันนักกันหนากับฉันคะ
เราจบกันแล้วไม่ใช่หรอ? ทุกอย่างมันจบลงตั้งแต่วันแรกที่เราหันหลังให้กันแล้ว ”
แทยอนเว้นจังหวะคำพูดเอาไว้ช่วงนึงเพื่อทำการเรียบเรียงคำพูดที่มีอยู่เต็มหัวใจ “
ระหว่างเราฉันไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้ยังไง
แต่ที่มันแย่ไปกว่าเดิมก็เพราะรุ่นพี่ทำมันเองทั้งนั้น
ฉันไม่เข้าใจเลยค่ะว่ารุ่นพี่จะโกรธจะเกลียดอะไรฉันนักหนา
อยากเห็นฉันเสียใจอยากเห็นฉันร้องไห้อยากเห็นฉันเจ็บปวดก็เห็นมาหมดแล้วหนิคะยังต้องการอะไรจากฉันอีก
”
“
ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอทั้งนั้นแหละแล้วฉันก็ไม่สนด้วยว่าไอ้ความสัมพันธ์บ้า ๆ
บอ ๆ
นั้นใครจะเป็นคนทำมันพังแต่ฉันก็ต้องขอบคุณเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมันทำให้ฉันรู้ว่าผู้หญิงหน้าตาซื่อ
ๆ อย่างเธอมันมารยาแค่ไหน
หลอกผู้ชายไปทั่วไม่รู้ว่าก่อนจะมาถึงฉันเธอผ่านใครมาบ้าง...นี่ฉันโง่ไปหลงรักผู้หญิงอย่างเธอได้ยังไงเนี่ย!
”
“ ... ”
ร่างเล็กนิ่งเงียบไปม่ตอบอะไร
เธอเพียงแค่จ้องมองแบคฮยอนด้วยแววตาที่แสนจะเจ็บปวดปนเกลียดชัง
ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าเขาทำแบบนี้ทำไม แค่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระมันไม่ง่ายกว่าเหรอ
“ ฉันพูดแทงใจดำเหรอถึงได้มองฉันแบบนั้น
อย่าพึ่งรีบตัดใจจากฉันเลยแทยอนเธอยังต้องเจ็บปวดอีกเยอะตราบใดที่เธอยังอยู่ที่นี่...เพราะฉันไม่ใช่คนเดิมฉะนั้นจะไม่มีเห็นใจใด
ๆ ทั้งสิ้น ฉันไม่ได้พูดเล่นนะเตรียมหัวใจเอาไว้บ้างก็ดี ”
ยิ่งพูดเหมือนยิ่งสร้างความไม่เข้าใจให้คนตัวเล็กมากขึ้น
คำพูดที่เป็นเสมือนคำขู่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความน่ากลัว
ร่างเล็กหรี่ตามองใบหน้าของร่างสูง
แบคฮยอนยกยิ้มมุมปากแล้วคว้ามือร่างเล็กให้ลุกขึ้นตามเขาไป
" ปล่อยค่ะ! จะพาฉันไปไหนคะ "
คิดลากไปไหนก็ไป คนนะไม่ใช่สิ่งของและที่สำคัญคือแบคฮยอนไม่มีสิทธิ์ในตัวเธอ
" ฉันก็จะพาเธอไปส่งตามที่เซฮุนกับชานยอลบอกนะสิ นี่ก็สายมากแล้วอย่าเยอะได้มั้ย
"
" แล้วใครใช้ให้พาฉันมาที่นี่ละคะ
ไม่ได้ขอให้พามาสักหน่อย "
“ นั่นมันก็เรื่องของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์ขัดขืน
"
" เผด็จการ...ฉันเกลียดรุ่นพี่ "
" เธอเองก็ไม่มีค่าพอให้ฉันใส่ใจเหมือนกัน "
ตลอดทางที่แบคฮยอนขับรถมาส่งถูกปรกคุมด้วยความเงียบ
ไม่ใช่ว่าเธอและเขาไม่อยากพูดอะไร...แต่ถ้าเปิดปากพูดแน่นอนว่าแบคฮยอนคงไม่พ้นที่จะจิกกัดเธออย่างเจ็บแสบชึ่งเธอก็คนมีหัวจิตหัวใจจะให้ทนฟังคนที่เคยเป็นทุกอย่างในชีวิตมานั่งบีบคั้นหัวใจเล่นก็คงไม่ตายด้านจนจะเก็บน้าตาเอาไว้อยู่...เธอไม่ได้ตายด้านเป็นก้อนน้ำแข็งเหมือนไอ้คนที่นั่งผิวปากขับรถนั่นหนิ
" ไปดูที่โพลรายชื่อจะได้รู้ว่าอยู่ห้องไหน...กระเป๋าอยู่ที่หลังรถไปเอาเองนะ
ไม่ช่วย รีบ "
" ..."
ทันทีที่ถึงหน้าตึกสูงที่มีรูปสัญลักษณ์เป็นรูปพระจันทร์ลวดลายเก่าแก่สีเงินร่าง
เล็กก็ปลดเข็มขัดนิรภัยเตรียมจะลงจากรถ...แต่ก็ต้องชะงักเพราะมือหนาของใครบางคนมาคว้าแขนเล็กไว้เสียก่อน
แทยอนหันขวับไปมองหน้าอีกฝ่ายทันที จะอะไรกันอีก พยายามไม่พูดด้วยไม่ตอบโต้อะไรแล้วนะยังจะมาหาเรื่องอะไรอีกเหรอ!
" ขอบคุณค่ะที่มาส่ง! " ร่างเล็กสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแต่ก็เท่านั้นในเมื่อแบคฮยอนเป็นคนจับเอาไว้
เธอก็ไม่สามารถขัดขืนได้ สะบัดไปนอกจากจะไม่หลุดแล้วเขายังจะบีบแรงขึ้นอีกด้วยซ้ำ
“ จะหาเรื่องอะไรอีกคะ! "
" ฉันก็ไม่ได้อยากจะจับเนื้อต้องตัวเธอหรอกถ้าไม่จำเป็น.
ฉันก็แค่อยากจะบอกเธอเอาไว้ว่าอย่าหยุ่งกับเพื่อน ๆ ฉันอีก...ฟังให้จบแทยอน!
" แบคฮยอนตะคอกร่างเล็กที่อ้าปากทำท่าจะเถียงจนทำให้เธอหงอยไป " ฉันไม่อยากให้เธอเข้าใกล้เพื่อนฉัน...ไม่อยากให้เธอเข้าไปหยุ่งไปพัวพันธ์กับพวกมัน
เพราะไอ้พวกนั้นมันยังไม่รู้จักเธอดีพอ! "
" ขอเหตุผลที่ดีกว่านี้ด้วยค่ะ "
" เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางอย่างที่พวกมันคิด เพราะเธอร้ายกว่านั้น
ตอนนี้เธออาจจะกำลังตามล่าเก็บแต้มผู้ชายเล่นกับเพื่อนเธอก็ได้ และฉันก็ไม่อยากให้เพื่อนฉันเป็นไอ้หน้าโง่ให้เธอยัดหญ้าเข้าปากพวกมัน...เหตุผลแค่นี้พอมั้ย?
”
" มันจะมากไปแล้วนะคะ รุ่นพี่ดูถูกฉันยังไม่พอ
รุ่นพี่ยังไปดูถูกเพื่อนของรุ่นพี่เองอีก...ไหนคะหัวใจ ไหนคะจิตสำนึก
กลับไปคิดดูดี ๆ เถอะค่ะว่าใครกันแน่ที่ร้าย ฉันหรือรุ่นพี่! " ร่างเล็กกระชากตัวเองออกแรง
ๆ ก่อนจะเปิดประตูลงไปพรางกระชากปิดเข้าที่แรง ๆ แล้วเดินกระแทกส้นไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่ด้านหลังของรถ
แทยอนลากกระเป๋าขึ้นมาชั้นเจ็ดอย่างยากลำบากไม่ใช่เพราะว่าเหนื่อยกายหรือกระเป๋ามีน้ำหนักเกินไปหรอก
แต่เป็นเพราะบางสิ่งบางอย่างที่บั่นทอนจิตใจจนทุกย่างก้าว เหมือนเยียบย่ำไปบนปลายเข็มแหลมคมจนปวดหนึบไปหมด
ประตูห้องถูกเจ้าของผู้มาใหม่เปิดออกอย่างเชื่องช้ากระเป๋าหนึ่งใบถูกลำเลียงเข้า
มาในห้องพร้อมด้วยร่างเล็กของหญิงสาวที่ภายในใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวด...ทันทีที่ประตูห้องปิดลงเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก็พังทลายหายไป
ความเข้มแข็งที่เธอสร้างขึ้นพังทลายลงในพริบตา น้ำตาที่เก็บกลั้นไว้เริ่มไหลรินออกมาจากเบ้าตาลงมาอาบแก้มขาวเนียนทั้งสองข้างด้วยความเจ็บปวด
น้ำเสียงที่แข็งกร้าว
แววตาที่ส่อถึงความรังเกียจเธอเหลือทน การกระทำที่บ่งบอกเหลือเกินว่าเขาเกลียดเธอ
คำพูดทุกคำที่เปร่งออกมามันไม่รักษาน้ำใจเธอเลยสักนิด
ทำไม! ปีศาจซาตานตนไหนที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้ไปได้
ทำไมเทพบุตรถึงกลายเป็นซาตาน ทำไมปีเตอร์แพนถึงกลายเป็นกัปตันฮุคไปได้ ทำไมพระเจ้าถึงกลั่นแกล้งเธออย่างนี้ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเธอยังเจ็บปวดไม่พอรึไงถึงได้ส่งแบคฮยอนมาทำให้เธอเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้
ร่างเล็กร่ายคำถามออกมาเป็นชุดเพราะความเจ็บปวด...อาจจะเป็นเพราะความอึดอัดที่เพิ่งไปเผชิญมาจึงทำให้ความอัดอั้นตันใจถูกระบายออกมาแบบนี้
แต่เวลานี้ เวลาที่เธอต้องการใครสักคนอยู่เคียงข้างกลับมีเพียงความว่างเปล่าชึ่งมันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับผู้หญิงที่ชื่อคิม
แทยอน ตั้งแต่จำความได้เธอก็อยู่กับความเงียบเหงาและตัวคนเดียวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มี
มีเพื่อนก็เหมือนไม่มีเพราะเธอไม่กล้าที่จะรบกวนทิฟฟานี่เธอจึงมักจะนั่งร้องไห้ระบายความในใจคนเดียวเวลาอึดอัดมาก
ๆ อย่างเช่นตอนนี้
จะมีใครรู้มั้ยว่าภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่ข้างนั้นนอาจจะกำลังร้องไห้อยู่ก็ได้และนั่นเป็นสิ่งที่เธอทำมันมาโดยตลอดจนชิน
ก็แค่ยิ้มมันจะไปยากอะไร แต่ที่ยากกว่านั้นคือฝืนยิ้มทั้งที่ใจอยากจะร้องไห้อยู่รอมร่อแบบนั้นมันเจ็บปวดกว่าการที่ร้องไห้ออกมาตรง
ๆ ซะอีก...เวลาที่มีความสุขก็ดูเหมือนจะไม่ทุกข์ช้ำอะไรอีก แต่พอเวลามีทุกข์ก็ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบจะไม่มีคำว่ายินดีผ่านเข้ามาอีกเลย
พระเจ้าท่านต้องการจะทดสอบอะไรกันแน่? จริงอยู่ที่ท่านสร้างมนุษย์ทุกคนขึ้นมาให้มีความอดทนแต่ทุกอย่างมันก็มีขีดจำกัดของมัน
ฉันเองก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งมีความรู้สึกมีหัวใจ เจ็บเป็นเหนื่อยเป็นท่านจะรู้บ้างไหมว่าสิ่งที่ฉันกำลังพบเจออยู่มันหนักหนาแค่ไหน
ทำไมท่านไม่เอาเปรี้ยงเดียวให้จอดไปเลยล่ะ ท่านจะทำให้ฉันเจ็บพร่ำเพรื่อไปทำไมกัน
ฉันยอมรับว่าฉันยังรักรุ่นพี่แบคฮยอนอยู่ รักมากรักอยู่เต็มหัวใจและมันคงลบล้างออกไม่ได้
แต่ฉันจะต้องโกหกตัวเองโกหกทุกคนอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนว่าฉันเกลียดเขา...การที่ท่านทำให้ฉันกลับมาพบกับคนที่ฉันรักถือเป็นเรื่องน่ายินดีแต่ท่านกลับทำให้ฉันตายทั้งเป็นโดยการที่ทำให้เขาเกลียดฉัน
ทำให้เขามีคู่หมั้นและทำให้ทุกอย่างแย่ลงโดยการทำให้เขาเข้ามาในชีวิตฉันอีกครั้ง...ท่านทำแบบนั้นเพื่ออะไรคะ
เวรกรรมอะไรฉันยินดีชดใช้ให้หมดแต่ต้องไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช้ส่งฉันมาอยู่ในนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่แบบนี้
" ฮึก...ฉันรักรุ่นพี่...ฮึก...ฉันควรทำไงดี...ฮึก...ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย...ฮึก...ฉันทำอะไรผิดนักหนา...ฮึก...ฮึอ
"
มือเรียวยกขึ้นมาปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นอันน่าสมเพชของตัวเองเอาไว้...ใจทั้งดวงปวดหนึบเหมือนจะแหลกสลายเสียให้ได้
ทุกลมหายใจเป็นไปด้วยความยากลำบาก....แบคฮยอนเขาจะรู้บ้างมั้ยว่าทุกครั้งที่ร่างเล็กเอ่ยปากพูดตอบโต้เขามันเหมือนกับเธอเอาน้ำมันราดบนหัวใจแล้วจุดไฟเผาตัวเอง
" ...ฮึก...ฉันรักแต่ฉันพูดไม่ได้...ฮึก...ถ้าเลือกได้ฉันจะยอมให้รุ่นพี่เกลียดดีกว่า...ฮึก...ที่รุ่นพี่จะมีคู่หมั้น...ฮึก...ฉันไม่เข้าใจ...ฮึก...ว่าทำไมรุ่นพี่ถึงจงเกลียดจงชังฉันนัก...ฮึก...แต่ขอร้องล่ะ
ฉัน...ฮึก...ทนดูคนที่เคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตฉัน เป็นแบบนี้ไม่ได้...ฮึก...ไหนรุ่นพี่เคยบอกว่าจะอยู่เคียงข้างฉันไง
แล้วทำไมวันนี้ถึงทิ้งไปซะละ...ฮึก...ฮึก...ถ้ารุ่นพี่เย็นชากับฉันแบบนี้ต่อไป...ฮึก...แล้วฉันจะอยู่ยังไง
โดนทำร้ายหัวใจทุกวันมันไม่สนุกหรอกนะ...ฮึก....รุ่พี่อย่าบังคับให้ฉันต้องเกลียดรุ่นพี่สิ
ฉันทำไม่ได้หรอก ทำไม่ได้จริง ๆ "
ความรู้สึกตอนนี้แหลกละเอียดจนไม่เหลือชิ้นดี ปล่อยให้ความอ่อนแอรินไหลจากดวงตา
หัวใจของเธอไม่เข้มแข็งอย่างที่ควรจะเป็น แบคฮยอนคงจะเห็นเธอเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตเขาอยู่ช่วงเวลานึงแล้วก็ผ่านไป
กลายเป็นเพียงลมที่ไร้ตัวตน ไร้คนมองเห็น ไร้คุณค่า...
เป็นทิงเกอร์เบวที่เขาไม่มีวันมองเห็น เพราะสุดท้ายแล้วปีเตอร์แพนก็มองเห็นเพียงแค่เวนดี้ของเขา...ทิงเกอร์เบวจะถูกลืมและเป็นเพียงผู้แอบมองอยู่ห่าง
ๆ เท่านั้น
Rrrrrr~
เสียงริงโทนที่ดังขึ้นเปรียบเสมือนเสียงสัญญานที่ช่วยหยุดทุกอย่างเอาไว้ทั้งเสียง
สะอื้น ทั้งน้ำตาที่เคยพรั่งพรูออกมา ทั้งความคิดที่เตลิดไปไกลก็พร้อมใจกันชะงัก
ร่างเล็กมองดูเบอร์ที่ไม่คุ้นตาโทร.เข้ามา แน่นอนว่าอาจจะเป็นรุ่นพี่ชานยอลหรือไม่ก็เซฮุนชึ่งถ้าสองคนนั้นรับรู้ได้ถึงการร้องไห้ของเธอคงไม่ดีเท่าไหร่แน่
“ ฮัลโหล... ”
...
“ อืม...ขอบคุณนายมากนะเซฮุน ขอบคุณจริง ๆ ”
จนถึงตอนนี้แม้เซฮุนจะวางสายไปแล้วแต่ความเจ็บปวดกลับไม่หายไปด้วย
ครั้นมันกลับมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ เพราะแก้วที่มันร้าวแม้จำให้เวลามันหรือรักษามันแค่ไหนแต่รอยร้าวก็ยังเหมือนเดิม
หัวใจคนเราก็เช่นกันหากมันมีรอยร้าวแล้วแม้จะปล่อยให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนรอยร้าวของหัวใจยังอยู่
อะไรที่เสียไปแล้วโดยเฉพาะความรู้สึกมันกลับคืนมาไม่ได้หรอก
ความรักก็เช่นกันหากอีกฝ่ายเปลี่ยนใจไปแล้วคนที่ยังเหมือนเดิมก็ไม่อาจจะเปลี่ยนใจคนที่เปลี่ยนไปให้กลับมารู้สึกได้ดังเดิม
ความคิดเห็น