คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : My Peter Pan: Chapter43 [THE END]
“
แทยอนอย่าพึ่งเป็นอะไรนะ เธอต้องกลับมา ”
เสียงทุ้มของเซฮุนที่พร่ำบอกในขณะที่เท้าก็กำลังวิ่งเพื่อจะได้ช่วยพยาบาลพาเธอไปยังห้องไอซียูอีกแรง
น้ำตาแห่งความเสียใจค่อย ๆ
ไหลลงมาจากดวงตาคมไม่อาจจะเรียกสติให้คนที่นอนแน่นิ่งบนเตียงฟื้นขึ้นมาได้ แต่เซฮุนก็ไม่สามารถจะบังคับให้น้ำตามันหยุดไหลได้
“ เธอจะทิ้งกันไปดื้อ ๆ
ไม่ได้นะ...เธอต้องกลับมา แล้วก็พาพี่แบคฮยอนกลับมาด้วย ”
“
ญาติคนไข้เข้าไม่ได้นะคะ ต้องรอข้างนอกค่ะ ”
พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยบอกกับเซฮุนทันทีที่เข็นมาจนถึงหน้าประตูห้องไอซียู ซึ่งร่างสูงก็เข้าใจและยอมปล่อยมือออกจากเตียงของแทยอนแต่โดยดี
“ เธอจะรอดไหมครับคุณพยาบาล
”
“
ตอนนี้คงยังให้คำตอบไม่ได้หรอกค่ะ แต่ทางเราจะช่วยคนไข้จนสุดฝีมือ ทำใจดี ๆ
ไว้นะคะ เธอจะไม่เป็นอะไร ” พยาบาลสาวบอกกับเซฮุนด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องไอซียูพร้อมกับเลื่อนประตูมาปิดเอาไว้ตามเดิม
เมื่อประตูถูกปิดลง
ร่างสูงค่อย ๆ ทรุดลงกับพื้น เรี่ยวแรงที่มีไม่รู้มันเหือดหายไปไหนหมด
มือหนายกขึ้นมากุมขมับของตังเองไว้พรางนวดคลึงเบา ๆ ตอนนี้เขาแทบจะเป็บ้าอยู่แล้ว
อยากจะร้องไห้พร้อมกับตะโกนออกมาดัง ๆ แต่มันกลับร้องไม่ออก มันจุกแน่นไปหมด
ไม่รู้ว่าจะปลดปล่อยออกมายังไง
“ เธอตายไม่ได้เข้าใจมั้ยแทยอน
เธอยังตายตอนนี้ไม่ได้...เธอยังไม่ได้มีความสุขเลยด้วยซ้ำ
อย่าเป็นอะไรไปเลยนะฉันขอร้องล่ะ ”
“ เซฮุน! ”
เสียงหวาน ๆ
ที่เต็มไปด้วยความตกใจของใครบางคนทำให้เซฮุนเงยหน้าไปมองก่อนจะพบกับร่างบางสมส่วนของฮวัง
มิยองเพื่อนรักของแทยอนที่มีอายุเป็นพี่ของเขา ข้าง ๆ เธอมีชานยอล ชินบี ซันนี่ และ
เอสที่มองมายังเซฮุนด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะต่างกันเสียเท่าไหร่
“
แทยอนเป็นยังไงบ้าง...แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมแทยอนกับแบคฮยอนถึงถูกยิง ”
ทิฟฟานี่ถามด้วยความเป็นห่วง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปม
“ นั่นสิเซฮุน
มันเกิดอะไรขึ้นไหนลองเล่าสิ ”
ชานยอลพูดกับคนเป็นน้องก่อนจะย่อตัวลงนั่งให้อยู่ในระดับเดียวกันกับเซฮุน
“ ถามคนข้าง ๆ สิครับ
เขาคงจะรู้ดีกว่าผม...ใช่มั้ยครับพี่เอส? ”
ทันทีที่เซฮุนพูดจบทุกคนต่างก็พร้อมใจกันมองไปที่เอสเป็นตาเดียว...เอสถอนหายใจออกมาหนึ่งทีก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้สำหรับญาติคนไข้ที่อยู่ไม่ไกลจากที่
ๆ เขายืนนัก
ถึงตอนนี้ทุกคนจะรู้แล้วว่าคนในที่กลายเป็นหนอนคือใครแต่เขาก็ยังไม่อยากพูดเท่าไหร่
เพราะเขาเองก็ค่อนข้างเข้าใจความรู้สึกของลู่หานดีถึงบางครั้งจะไม่ค่อยชอบใจที่มันทำรุนแรงเกินเหตุก็เถอะ
“ รู้กันหมดแล้วยังจะถามทำไมอีก...ทำไมชอบให้อธิบายอะไรซ้ำ
ๆ ซาก ๆ
ก็ในเมื่อเรื่องมันกระจ่างจนไม่ต้องพูดสักคำก็เข้าใจแล้วจะถามฉันให้ได้อะไร
คนก็คนของพวกนายเองไม่ใช่เรอะ ”
“ ลู่หานทำแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว? ”
ชานยอลถามเสียงเรียบพรางกอดอกมองเอส ในหัวพรางนึกไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา
“ ก็ตั้งแต่จูยอนตาย
อันที่จริงน่าจะนับก่อนหน้านั้นด้วยเพราะมันรู้มาโดยตลอดว่าฉันกับยุนอาทำอะไรแถมไม่ยอมบอกแบคฮยอน
ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรจนกระทั้งจูฮยอนตายมันถึงเข้ามาหาพวกฉัน...ลู่หานมันเป็นคนยังไงพวกนายก็คงรู้ดี
มันไม่เป็นมิตรกับใครทั้งนั้นทั้งกับฉัน คยูฮยอน หรือแม้กระทั่งยุนอา
มันไม่เคยไว้ใจใครชอบทำอะไรไม่ปรึกษา
พวกเราเลยไม่ค่อยอยากหยุ่งด้วยเท่าไหร่เพราะมันน่ะอารมณ์รุนแรง ”
“ รู้แบบนั้นแล้วทำไมนายยังร่วมมือกับมันอีก...อ๋อ ฉันลืมไป
นายมันก็เลวไม่แพ้กันกับลู่หานนั่นแหละเพราะที่ผ่านมานายก็มีส่วนร่วมด้วยนิ หึ! ”
ทิฟฟานี่ฮึดฮัดในลำคอ ใจจริงเธอก็อยากจะเข้าไปกระชากเอสมาตบสั่งสอนสักหลาย ๆ
ทีให้สาสมกับสิ่งที่มันทำกับแทยอนแต่คิดไปคิดมาอีกทีก็ไม่อยากจะให้เลือดชั่ว ๆ
มันติดมือเพราะอย่างน้อย ๆ เอสมันก็ช่วยชีวิตแทยอนเอาไว้ครั้งหนึ่ง
“ ทุกคนคะอย่าด่าอย่าว่าพี่เอสเลยค่ะ
พี่เอสเขาไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก... ”
“ อย่าเข้าข้างคนของเธอชินบี เธอจะไปรู้อะไร
เงียบไปเลยยัยหัวขโมย... ” เซฮุนบอกกับชินบีเสียงเรียบปนดุแต่ทว่ากลับถูกคนตัวเล็กต่อว่าเสียก่อน
“ นี่เซฮุนอย่ามาว่าฉันนะ! นายจำคืนนั้นได้ไหมคืนที่นายวิ่งไล่ฉันที่ไร้ส้ม
อันที่จริงแล้วเรื่องทุกอย่างมันคือความตั้งใจ
พี่เอสเขาวางแผนทุกอย่างไว้เพราะเขาอยากช่วยให้พวกนายรู้ความจริงเร็ว ๆ ”
มันถึงเวลาแล้วที่เธอจะบอกควาจริงให้คนอื่นรู้เสียทีว่าที่แท้แล้วพี่เอสของเธอนั่นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คนอื่นคิด
“ แล้วทำไมไม่เดินเข้ามาบอกตรง ๆ
จะทำให้เรื่องมันหยุ่งยากทำไม ” ชานยอลถามเสียงห้วนพรางมองเป็นที่เอสเป็นเชิงถาม
“ ลืมไปแล้วหรือไงคะว่าพี่ลู่หานเขาก็มาด้วย ถ้าพี่เอสทำแบบนั้นพี่ลู่หานจะสั่งคนไปเก็บคุณลุงอึนฮยอก
พี่เอสเขาไม่มีทางเลือกค่ะเขาเลยเลือกที่จะบอกแบบนั้น...โน๊ตบุ๊คเครื่องนั้นเป็นของพี่ลู่หาน
พี่เอสเขาขโมยมาเพราะรู้ว่าพวกคุณคงต้องการมัน ”
“ แล้วทำไมตอนอยู่กันสองคนเธอถึงไม่บอกฉัน ”
เซฮุนเอ่ยถามหญิงสาวตัวเล็ก
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะก้าวเข้ามาหาเธออย่างเชื่องช้า “
เก็บเรื่องสำคัญมากขนาดนี้เอาไว้คนเดียวได้ยังไง ”
“
ฉันพยายามจะบอกหลายครั้งแล้วแต่พอฉันพูดถึงพี่เอสที่ไรนายก็หงุดหงิดตลอดเลย
ถึงพูดไปนายก็คงไม่ฟังอยู่ดีแล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ”
“
ก็ถ้าเธอบอกฉันให้เร็วกว่านี้พี่แบคฮยอนกับแทยอนก็คงไม่โดนยิงหรอก! ”
ร่างสูงยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาวางไว้บนไหล่บางของชินบีก่อนจะบีบมันแรง ๆ
พร้อมเขย่าตัวเธอด้วยความโกรธที่มีอยู่เต็มปรี่ “ ยัยโง่! เธอรู้ไหมว่าเธอทำให้คนสองคนกำลังจะตาย
ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันล่ะ! ”
“ ฉันเจ็บนะ! ปล่อย! ”
ร่างเล็กบอกเสียงแข็งก่อนจะสะบัดตัวให้หลุดออกจากฝ่ามือหนาแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะเซฮุนบีบแน่นเกินไป
“ คิดว่าฉันอยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้หรือไง
ฉันอยู่กับพี่แทยอนมาสามเดือนถึงจะทะเลาะกันบ่อยแต่นายคิดว่าฉันอยากให้เธอตายงั้นเหรอ?
ถ้าฉันล่วงรู้อนาคตได้ก็คงไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นหรอก
แต่เพราะตอนนั้นฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นแบบนี้ฉันถึงไม่บอก!
เรื่องแค่นี้ทำไมนายไม่เข้าใจห๊ะ! หาคนผิดไม่ได้เลยคิดจะมาลงที่ฉันอย่างงั้นเหรอ!
ฉันไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของนายนะเซฮุน! ”
“ เลิกทะเลาะกันได้แล้วทั้งคู่น่ะ นี่โรงพยาบาลนะ
เขาห้ามใช้เสียงดัง ”
ซันนี่เอ่ยปรามคนทั้งคู่พรางเอื้อมมือไปแกะมือหนาของเซฮุนที่วางไว้บนบ่าของชินบีออก
ร่างสูงชักมือกลับก่อนจะมองไปที่ร่างเล็กอย่างคาดโทษซึ่งชินบีก็คือชินบีอยู่วันยังค่ำเพราะเธอไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเขาแถมยังมองตอบด้วยแววตาแข็งกร้าวนั่นอีก
“ เซฮุนกลับบ้านไปสงบสติอารมณ์ไป
ฉันเข้าใจนะว่านายเสียใจแต่การโทษชินบีไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง...กลับไปก่อนเถอะแล้วค่อยมาใหม่
ทางนี้ฉันจะดูแลเอง ”
“ ใช่เซฮุนกลับไปก่อนเถอะ นายคงตกใจมากกลับไปพักผ่อนสักนิดให้มีสติมากกว่านี้แล้วค่อยกลับมา
เดี๋ยวฉันจะโทรไปรายงานเองถ้ามีอะไรคืบหน้า ”
ชานยอลพูดเสริมก่อนจะตบบ่าน้องชายตัวเองเบา ๆ เซฮุนหันกลับไปมองประตูห้องไอซียูอีกครั้งก่อนจะหันกลับมาแล้วพยักหน้าให้กับพี่ชาย
“ งั้นผมขอตัวนะครับ ”
“ อย่าไปฆ่าตัวตายล่ะ ”
ชินบี่เอ่ยขึ้นมาลอย ๆ
แต่ทว่าทำให้คนที่กำลังจะเดินจากไปหันกลับมามองเธอด้วยแววตาที่เดาอารมณ์ได้ยาก...เซฮุนหยุดเดินพร้อมกับจ้องมองมาที่ชินบี
ดวงตาคมที่คลอเอ่อไปด้วยน้ำตาของเขาช่างน่าสงสารและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
“ ถ้าหัวใจของแทยอนยังเต้นอยู่ ฉันก็ยังตายไม่ได้ ”
*
“ แทยอน... ”
เสียงเรียกที่แสนจะอบอุ่นจากน้ำเสียงที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีทำให้แทยอนหันกลับไปมองต้นตอของเสียงด้วยรอยยิ้มที่มาจากความดีใจ
ร่างเล็กวิ่งเข้าไปหาเขาพร้อมกับสวมกอดอย่างแนบแน่น
“ นึกว่าเราจะไม่ได้เจอกันซะแล้ว ”
“ ต้องได้เจอสิ ฉันไม่ทิ้งเธออยู่แล้ว ” มือหนาค่อย ๆ
ลูบหัวคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน
ตัวของแทยอนเย็นเฉียบตัวของเขาเองก็เช่นกันแต่เมื่อทั้งคู่อยู่ด้วยกันความอบอุ่นจึงก่อตัวขึ้น
“ แต่ตอนนี้เธอไม่ควรจะอยู่ที่นี่ เธออยู่นี่นานเกินไปแล้ว กลับไปได้แล้วแทยอน ”
“ คะ? ”
แทยอนเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่า
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปมแบคฮยอนจึงใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงตรงคิ้วเพื่อให้เธอคลายความกังวล
“ เด็กโง่ เธออยู่ที่นี่ไม่ได้...กลับไปซะเถอะนะ ”
“ ถ้าฉันไปพี่จะไปด้วยรึเปล่าคะ? ”
“ ฉันไม่รู้...แต่ที่แน่ ๆ คือเธอต้องไป อยู่นานเกินไปมันไม่ดี
”
“ คนใจร้าย คิดจะทิ้งกันเหรอ? สัญญามาก่อนสิคะ
ว่าถ้าฉันไปแล้วพี่จะตามฉันมาด้วย ”
“ อืม ฉันสัญญา... ”
แบคฮยอนยกมือขึ้นมาเกี่ยวก้อยกับคนตัวเล็กก่อนจะค่อย ๆ
เอานิ้วโป้งมาแตะกัน...สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา
แบคฮยอนเป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ผิดคำพูด
แต่ทำไมเขากลับไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลยว่าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้
ยิ่งมองหน้าแทยอนก็ยิ่งเหมือนดูหนังเศร้าที่ทั้งหน่วงในจิตใจ
ทั้งเจ็บและจุกไปหมด...แทยอนเองก็คงจะรู้สึกเหมือนกับเขาเช่นกันเพราะแววตาของเธอมันบอก
เศร้าขนาดนี้แล้วจะให้แบคฮยอนไม่ห่วงได้ยังไง
“ นานแค่ไหนฉันก็จะรอนะคะ ขอแค่กลับมา ”
“ อื้ม... ”
เปลือกตาสีมุกค่อย ๆ ขยับขึ้นลงช้า ๆ
ดวงตาที่ปิดอยู่นานเริ่มเปิดออก...คนตัวเล็กหรี่ตาลงเพื่อปรับให้รับกับแสงสว่างที่สาดเข้ามา
ความปวดหนึบบริเวณช่วงท้องทำให้เธอทรมาณอย่างบอกไม่ถูก...ร่างบางสูดหายใจเข้าลึก ๆ
ก่อนจะกลั้นใจลืมตาขึ้นมา
เพดานสีขาวสะอาดไร้รอยเปื้อน
กลิ่นยาที่ตลบอยอวลจนน่าปวดหัวทำให้แทยอนรับรู้ได้ในที่ว่าเธออยู่ที่ไหน...บรรยากาศแบบนี้เธอชักจะชินกับมันเสียแล้วสิ
รู้สึกว่าช่วงนี้จะฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาลบ่อยเสียเหลือเกิน
“ ทุกคนครับรุ่นพี่แทยอนฟื้นแล้ว ”
เสียงคีย์ต่ำที่ออกจะใหญ่ ๆ หน่อยทำให้แทยอนรู้ทันทีว่านั่นเป็นเสียงของใคร...แทฮยองน้องชายต่างสายเลือดของแบคฮยอน
คนที่ครั้งหนึ่งเคยมาจับตาดูเธอเพื่อเอาความเคลื่อนไหวของเธอไปบอกแบคฮยอน
“ แทฮยองพี่หิวน้ำ... ”
แทยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแต่ก็ใช้ว่าแทฮยองจะไม่ได้ยิน
เขาพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะหันกลับไปรินน้ำให้เธอดื่มอย่างร้อนรน มือที่สั่นเทาค่อย
ๆ จับหลอดมาจ่อที่ปากอันแห้งผากของคนเจ็บ พอกินจนหายอยากแล้วแทยอนจึงค่อย ๆ
กวาดสายตาไปรอบห้องก่อนจะพบว่ามีอีกหลายชีวิตที่ยืนเรียงรายกันอยู่ที่นี่จนเต็มไปหมด
“ รุ่นพี่จำผมได้ด้วยเหรอครับ? ”
“ ทำไมพี่จะจำเธอไม่ได้ล่ะ พี่จำได้ทุกอย่างนั่นแหละ...ทุกเรื่องเลย
”
“ มาครับผมช่วย... ” เด็กหนุ่มบอกกับคนเจ็บพร้อม ๆ
กับการช่วยปรับเตียงให้เธออยู่สบายตัวขึ้น แทยอนยกมือขึ้นมากุมแผลตัวเองก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมอะไรบางอย่างไป
“ ทุกคนคะ พี่แบคฮยอนไม่เป็นอะไรใช่ไหม?
เมื่อกี้ฉันฝันไม่ค่อยดีเลย
ฉันฝันว่าฉันได้เจอกับเขาแต่เขากลับเอาแต่บอกให้ฉันกลับมา บอกว่าอยู่ที่นั่นไม่ได้
อยู่กับเขาไม่ได้ ตอนนี้เขาฟื้นแล้วหรือยังคะ? เขาอยู่ห้องไหน พาฉันไปเจอหน่อยได้มั้ย
”
“ แทยอนใจเย็น ๆ นะ เธอพึ่งฟื้นอย่าพึ่งสนใจแบคฮยอนเลย
อย่าคิดมากมันก็แค่ฝัน...ทำใจให้สบายแล้วรอให้หมอมาตรวจเถอะ ” ชานยอลบอกกับแทยอน
พรางยื่นมือมาตบบ่าเธอเบา ๆ “ เดี๋ยวฉันไปตามหมอให้นะ
เธอหลับมาหลายวันแล้วพึ่งจะมาฟื้นเอาวันนี้คงต้องตรวจกันเยอะหน่อย ”
พูดจบเขาก็เดินออกไปทันทีไม่ยอมเปิดโอกาสให้แทยอนได้ถามอะไรต่อสักคำ...พอมองไปที่คนอื่น
ๆ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าลำบากใจไม่ต่างกัน
ทำให้หัวใจของเธอแฟ่บลงราวกับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออกจนหมด
มันคงไม่มีใครเป็นอะไรหรอกใช่มั้ย?
“ ทิฟฟานี่พี่แบ... ”
“ เอ้อแทยอน
ที่เมื่อกี้เธอบอกว่าจำได้ทุกอย่างนี่หมายความว่ายังไงเหรอ? ความทรงจำกลับมาแล้วอย่างนั้นใช่มั้ย?
” อี้ฟานพูดสวนขึ้นมาทั้ง ๆ ที่แทยอนยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ
ทำให้เธอต้องล่ะทิ้งคำถามเกี่ยวกับแบคฮยอนออกไปแล้วหันไปตอบคำถามของเขาแทน
“ กลับมาได้สักพักแล้วค่ะ...อันที่จริงมันกลับมานานแล้ว
ก่อนที่ทุกคนจะมาเจอฉันซะอีก ”
“ อ้าว
แล้วทำไมแกถึงไม่บอกพวกเราสักคำเลยล่ะ...แล้วความจำแกกลับมาตั้งแต่ตอนไหน ”
ทิฟฟานี่พูดอย่างข้องใจที่เพื่อนรักของเธอไม่ยอมบอกเรื่องสำคัญแบบนี้กับเธอแถมยังทำเป็นไม่รู้จักกันอีกในตอนแรกที่เจอ
“ ตอนแรกน่ะฉันจำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ
แต่พออยู่ไปนานเข้าฉันก็เริ่มจะจำบางเรื่องได้ จำคนได้บางคน ฉันจำไม่ได้ทั้งหมด
ก็เลยคิดว่าให้ทุกคนเข้าใจว่าฉันยังจำอะไรไม่ได้จะดีกว่า...แต่ในงานเลี้ยงคืนนั้นคืนที่ยุนอาผลักฉันตกน้ำ
มันทำให้ความทรงจำของฉันกลับมาจนครบ ฉันจำทุกเรื่องที่เกิดขึ้นได้แม้กระทั้งตอนที่เกิดอุบัติเหตุฉันก็จำได้
”
“ ถึงว่าสิ หลังจากคืนนั้นเธอก็ดูแปลก ๆ ไป ที่แท้ก็เพราะความจำกลับมาหมดแล้วนี่เอง
” อี้ฟานพูดก่อนจะเดินกลับไปนั่งบนโซฟาตามเดิม “
แต่ทำไมเธอถึงไม่บอกสักคำเลยล่ะว่าความจำกลับมาแล้ว ”
“ เพราะการที่เป็นคนความจำเสื่อมมันทำอะไรได้ง่ายกว่าคนที่จำทุกอย่างได้แล้วหนิคะ...ฉันมีบางเรื่องที่ต้องทำให้มั่นใจก่อนค่ะก็เลยยังบอกไม่ได้ว่าความจำกลับมาแล้ว
”
แทยอนพูดเสียงเศร้า ดวงตาสีนิลหลุบลงต่ำพรางนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เธอพยายามทำอยู่...ก่อนหน้านี้ที่เธออาศัยอยู่รีสอร์ตกับเอสที่ปูซานมันทำให้เธอได้รู้ความลับอะไรหลาย
ๆ อย่างของพวกเขา
อาจจะเพราะเอสคิดว่าเธอความจำเสื่อมหรือไม่เขาก็อาจจะตั้งใจไม่ปิดบังกับแทยอนตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็ได้เขาถึงได้ไม่ระวังตัวจนเธอไปรู้ความเข้าแบบนี้
“ เรื่องที่ว่านั่นคือเรื่องอะไรเหรอครับ?
รุ่นพี่พอจะบอกได้ไหม? ” แทฮยองเอ่ยถามอย่างสงสัยซึ่งแทยอนเองก็ยิ้มให้บาง ๆ
ก่อนจะพยักหน้าใหกับเขา
“ เรื่องลู่หานนั่นแหละ
ตอนนั้นฉันรู้แค่ว่ามีคนหักหลังแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็เลยตั้งใจว่าจะตามหาค่ะ
การที่ทำให้ทุกคนคิดว่าฉันจำอะไรไม่ได้ก็จะไม่มีใครสนใจฉันและคน ๆ
นั้นก็จะไม่ระวังตัวกับฉันด้วย...แต่ยังไม่ทันรู้อะไรเลยด้วยซ้ำก็โดนจับไปซะก่อน ”
“ หมอมาแล้ว ”
เสียงทุ้มของชานยอลที่ดังมาแต่ไกลทำให้ทุกคนหันไปมองที่ประตูเป็นตาเดียวกัน
ชายหนุ่มสูงอายุท่าทางใจดีสวมเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม
เขาเดินตรงมายังเตียงของแทยอนก่อนจะลงมือตรวจเช็คตามส่วนต่าง ๆ เพื่อดูอาการโดยรวม
ๆ
พอตรวจเสร็จก็ส่งยิ้มให้กับแทยอนอีกครั้งต่อด้วยการพูดคุยกับคนไข้ด้วยน้ำเสียงสุขุม
“ ทุกคนไม่ต้องกังวลไปนะครับ
ที่คนไข้หลับไปหลายวันเพราะเธอเสียเลือดมากก็เท่านั้นเอง...ความดันก็อยู่ในระดับปกติ
โชคดีที่กระสุนไม่โดนจุดสำคัญเลยไม่ต้องห่วงเรื่องผลข้างเคียงหรือผลกระทบที่จะตามมา
แต่ทางเราคงยังให้กลับบ้านไม่ได้เพราะต้องรอดูอาการไปสักพักก่อน ”
“ ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ
ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะอาจจะเจ็บแผลบ้างตอนขยับตัวแต่ก็ไม่เป็นไรมาก...ว่าแต่คนไข้อีกคนที่มาพร้อมกับฉันตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนเหรอคะ?
ปลอดภัยดีใช่ไหม ฟื้นแล้วใช่รึเปล่า? ”
คำถามของแทยอนทำให้คุณหมอที่มีท่าทีเริงร่าค่อย ๆ
หุบยิ้มลงโดยอัตโนมัติ เขาไม่มองหน้าแทยอนแต่กลับหันไปสบตากับคนอื่น ๆ
เหมือนกับว่าพวกเขากำลังพยายามจะปิดบังอะไรเธออยู่
“ พวกคุณยังไม่ได้บอกเธอหรือครับ? ”
“ เอ่อคือ... ”
“ ทำไมหรอคะ? พี่แบคฮยอนเขาเป็นอะไร หมอบอกมาสิคะ?
แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? ทำไมไม่มีใครบอกอะไรฉันเลยละ ”
แทยอนโวยวายก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วดึงสายน้ำเกลือที่แขนออก
ร่างบางปีนลงจากเตียงแต่ทว่าความปวดหนึบบริเวณช่วงท้องกลับเล่นงานเธอจนคนตัวเล็กทรุดลงกับพื้นโชคดีที่เธอจับขอบเตียงไว้ได้ทันเลยทำให้ทรงตัวได้อยู่
“ ใจเย็น ๆ สิแทยอน กลับขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลย
ตัวเองยังไม่แข็งแรงจะไปห่วงคนอื่นได้ยังไง ”
“ ฉันไม่เป็นไร ฉันจะไปหาพี่แบคฮยอน เขาอยู่ที่ไหนพาฉันไปหาเขา
เดี๋ยวนี้! ”
*
ร่างหนาของแบคฮยอนที่ยังคงนอนแน่นิ่งบนเตียงคนไข้
เครื่องมือทางการแพทย์มากมายที่ตั้งอยู่รอบตัวระโยงระยางไปหมดไม่รู้มีอะไรต่ออะไรบ้าง
เคลื่อนหัวใจที่เต้นอยู่ริบรี่ไม่ไม่เป็นจังหวะไม่รู้ว่าจะหายไปตอนไหนทำให้ต้องจับตาดูอยู่ตลอดเวลา
แบคฮยอนไม่มีทางรู้เลยว่าตอนนี้กำลังมีดวงตาคู่นึงจ้องมองเขาด้วยความเป็นห่วงจนแทบขาดใจ...มือเรียวยกขึ้นมาลูบกระจกใสอย่างอาลัยอาวอนราวกับว่ามันเป็นใบหน้าของคนที่นอนอยู่ข้างใน
เหตุที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าเธอไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ในตอนนี้
“ เขา...จะรอดมั้ยคะ? ”
แทยอนเอ่ยถามเสียงสั่น
เหมือนกับหัวใจของเธอที่ตอนนี้ดิ่งลงเหวไปหมดแล้ว...เพราะนี่ไม่ใช่ละคร
ไม่มีใครกล้าพูดว่าแบคฮยอนจะกลับมาและในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครกล้าที่จะบอกว่าเขาจะจากเธอไปตลอดกาล
บนโลกนี้ไม่มมีอะไรแน่นอน ทุกอย่างมันพร้อมจะพลิกด้านได้ทุกเมื่อ
“
คนไข้มีภาวะหัวใจล้มเหลวครับที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะเครื่องช่วยหายใจ
ญาติคนไข้ขอผมเอาไว้ให้ช่วยเขาจนกว่าคุณจะฟื้น...ตอนนี้อยู่ที่คุณแล้วว่าจะยื้อเขาไว้หรือปล่อยเขาไป
”
ราวกับสมองหยุดทำงานทันทีที่คุณหมอสูงอายุพูดจบ
แทยอนได้แต่ยืนนิ่งเงียบ
แก้วตาสีนิลที่บัดนี้มีน้ำตาคลอเอ่อจ้องมองไปยังใบหน้าของแบคฮยอนไม่วางตา
รู้สึกหายใจติดขัดอย่างบอกไม่ถูกมันเหมือนมีอะไรก็ไม่รู้วิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอจนเธอกระอักกระอ่วนไปเสียหมด
“ แต่ถ้าจะยื้อไว้เขาก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน
คุณแบคฮยอนเขาสู้มากเลยนะครับเขาเข้มแข็งมาก
เขาพยายามที่จะกลับมาหลายครั้งแล้วแต่สุดท้ายร่างกายเขาเหนื่อยเกินไปที่จะกลับมาครับ
”
น้ำตาหนึ่งหยดที่กลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกค่อย ๆ
ไหลลงมาอาบแก้มช้า ๆ แทยอนหายใจเข้าออกผ่านปากจนเริ่มเหนื่อยล้าขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
แขนขาก็ดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงกระทันหันโชคดีที่เธอยังแข็งใจพอที่จะยืนต่อได้
ผู้ชายตรงหน้าของเธอ
คนที่เป็นต้นเหตุของรอยยิ้มและความเสียใจของเธอ เขากำลังนอนแน่นิ่งโดยมีเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง
ๆ
มากมายคอยช่วยต่อลมหายใจอยู่...แต่ถ้าหากไม่มีอุปกรณ์พวกนี้อยู่เขาก็คือร่างที่ไร้วิญญาณ
ไม่มีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมานั่งคุยกับเธอ
“ เขา...เขาจะไปได้ยังไงคะ? ”
แทยอนพึ่งจะเข้าใจคำว่าเสียใจจนพูดไม่ออกอย่างถ่องแท้ก็วันนี้นี้เอง
ทำไมการจะเค้นคำพูดออกมาแต่ละคำมันช่างยากเย็นเหลือเกิน...เธอไม่อยากจะร้องไห้ให้เขาเห็นเลย
เพราะถ้าเธอร้องไห้มันก็เท่ากับว่าแทยอนได้ยอมรับว่าแบคฮยอนได้จากไปแล้วจริง ๆ
แต่ยิ่งเธอฝืนมันมากเท่าไหร่น้ำตามันก็ยิ่งอยากจะไหลทะลักออกมามากเท่านั้น...ปากเรียวเล็กและไหล่บางสั่นเทา
มือนุ่มกำชายเสื้อตัวเองแน่น แค่คิดว่าจะต้องจากกันไปแบบไม่มีวันหวนกลับมาพบกันอีกหัวใจเล็ก
ๆ ดวงนี้ก็สั่นสะท้านไปทั้งดวง
“ เขาบอกฉันว่าเขาจะกลับมา...เขาบอกให้ฉันรอเขาแล้วเขาจะทิ้งฉันไปได้ยังไง
”
“ คือว่า... ”
“ ทำไมต้องโกหกกันด้วย...ตื่นขึ้นมาสิ ตื่นขึ้นมคุยกันก่อน
ทำไมต้องหนีกันไปดื้อ ๆ แบบนี้ด้วย ”
ร่างบางวิ่งไปเขย่าแขนคนตัวสูงที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงราวกับเด็กน้อย
ไม่ได้! แบคฮยอนจะทิ้งเธอไปแบบนี้ไม่ได้
ถ้าขาดเขาไปถึงเธอจะมีชีวิตอยู่ได้แต่จะเอาหัวใจที่ไหนไปมีควมสุขในเมื่อควมสุขครึ่งนึงในชีวิตของเธอก็คือเขา...คนที่จากไปเจ็บแค่ครู่เดียวเดี๋ยวก็ลืมไปแล้วแต่คนที่อยู่กลับเจ็บไปจนวันตาย
ต้องอยู่กับความทรงจำที่ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่มีวันลืม
“ ไหนล่ะคะคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับฉัน เรื่องง่าย ๆ
แบบนี้ทำไมถึงทำไม่ได้ ”
“ ใจเย็น ๆ นะครับ ตั้งสติก่อน ฟังหมอนะครับ
ตอนนี้ถึงคุณจะพูดอะไรออกไปเขาก็ไม่รับรู้อีกแล้ว
คุณต้องทำใจยอมรับนะครับว่าเขาจากไปแล้วจริง ๆ ”
“ ไม่! เขาต้องอยู่สิ ถ้าเขาไปแล้วฉันละ? ”
“ คุณก็ต้องอยู่ต่อไปครับ ทำใจเถอะนะครับ ”
“ ไม่! ”
แทยอนโพล่งออกมาก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องไอซียู
ขาเรียวออกแรงวิ่งไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดหมายปลายทางว่าจะไปที่ใด
ตอนนี้มีสิ่งเดียวที่ธอรู้คือเธอต้องไปให้พ้น ๆ จากที่นี่
ไปที่ไหนก็ได้ที่เธอจะไม่ได้ยินเสียงคนคอยพร่ำบอกให้ทำใจเรื่องแบคฮยอน
กำปั้นเล็ก ๆ ทุบลงตรงอกข้างซ้ายของแทยอน เธอค่อย ๆ
ผ่อนแรงที่วิ่งลงจนหยุดอยู่ที่หน้าลิฟต์
เป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์เปิดออกพอดี...ร่างเล็กเดินเข้าไปในลิฟก่อนจะทรุดลงกับพื้นทันทีราวกับเรี่ยวแรงที่มีมันหมดลงกระทันหัน
เสียงสะอึกสะอื้นที่น่าสงสารดังออกมาจากคนตัวเล็ก น้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสายอาบโชกแก้มทั้งสองข้าง
ร่างเล็กสายหน้าไปมาราวกับเด็กพรางกำมือแน่น
ความรู้สึกตอนนี้มันแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีไม่รู้จะแยกแยะความรู้ความเจ็บปวดออกมาจากความเสียใจยังไงทุกอย่างมันรวนไปหมดจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก
“ ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้....ต้องไม่จบแบบนี้สิ ”
ภาพในอดีตค่อย ๆ
ไหลเข้ามาในหัวของแทยอนราวอัลบั้มภาพแห่งความทรงจำ...ภาพที่แบคฮยอนกอดเธอ
เช็ดน้ำตาให้เธอและปลอบโยนเวลาเธอร้องไห้ ภาพที่เขาส่งยิ้มมาให้เธอ
ภาพที่เขามาสีหน้าเคร่งเครียดเพราะเป็นห่วงเธอ
ภาพที่เขาร้องไห้เพราะกลัวว่าจะเสียเธอไป ภาพที่เขาปกป้องเธอ
ทุกอย่างมันอยู่ในหัวของแทยอนและยังคงชัดเจนในความทรงจำ
ทุกเหตุการณ์ ทุกการกระทำ ทุกคำพูด
มันไม่ยุติธรรมเลยในขณะที่เธอจำได้ทุกอย่างแต่แบคฮยอนกำลังจะลืมมันและจะไปจากเธอตลอดกาล
“ ทำไมต้องโกหกกันด้วย ”
ยิ่งพยายามที่จะหยุดน้ำตามันก็ยิ่งหลั่งไหลออกมามากขึ้นเป็นเท่าตัว
และยิ่งร้องไห้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกเรี่ยวแรงที่มีมันหมดไปมากเท่านั้น...แทยอนรู้สึกปวดหัวขึ้นมากระทันหัน
ปั่นป่วนในท้องเหมือนจะอ้วกออกมาแต่ก็ไม่
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ทรมาณใจอย่างเดียวไม่พอยังจะมาทารมาณกายอีก...เปล่าประโยชน์ที่จะฝืนตัวแข็งใจเอาไว้ร่างบางจึงปล่อยให้ร่างกายไถลลงไปกับพื้นพรางหลับตาลง
ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะสะกดจิตตัวเองให้สลบลงไปเดี๋ยวนี้เลยจะได้หนีจากปัญหาพวกนี้ไปได้
ถึงจะไม่ถาวรแต่มันก็ทำให้เธอลืมไปได้ชั่วคราวก็แล้วกัน
*
“ นายไปเจอที่ไหนเนี่ยเซฮุนทำไมแทยอนถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ไปได้
” ทิฟฟานี่เอ่ยถามเซฮุน ในขณะที่มือยังคงบรรจงเช็ดตัวให้เพื่อนสาว
“
ผมเจอแทยอนนอนสลบที่ลิฟต์ครับ...พอขึ้นมาที่นี่ก็เจอคุณหมอที่ผ่าตัดให้พี่แบคฮยอนเลยรู้ว่าแทยอนไปหาพี่แบคฮยอนมา
เธอคงจะรับไม่ได้ก็เลยช็อกหมดสติไป ”
“
จะช้าหรือเร็วยังไงแทยอนก็ต้องรู้อยู่ดี...ให้รู้ตั้งแต่ตอนนี้มันดีแล้วแหละ ”
หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าพรางวางผ้าที่ชุ่มด้วยน้ำอุ่นลงบนชามใบเล็กที่โต๊ะข้างเตียง...หลังจากที่เซฮุนอุ้มแทยอนเข้ามาที่นี่
เธอก็ให้หมอเข้ามาตรวจเพราะกลัวว่าอาจจะเป็นพิษจากการผ่าตัด
หมอบอกว่าแทยอนไม่ได้เป็นอะไรมากแค่สลบเพราะช็อกและมีไข้เล็กน้อย ให้ยาเดี๋ยวก็หาย
“ ผมไม่อยากเห็นแทยอนเป็นแบบนี้เลย...เราไม่มีหนทางที่จะช่วยพี่แบคฮยอนเลยเหรอครับ?
”
“ มีแค่เดียวเท่านั้นคือต้องหาหัวใจดวงใหม่มาเปลี่ยน...แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็เท่ากับว่าเราฆ่าคนอีกคนเพื่อให้แบคฮยอนมีชีวิตรอด
”
“ ถ้างั้น... ”
เซฮุนจ้องมองหน้าแทยอนพรางทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะพูดสิ่งที่เขาคิดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ เอาหัวใจของผมได้ไหม? ”
“ พูดอะไรของนาย! นายอยู่ตัวคนเดียวบนโลกหรือไง
นายยังมีพ่อมีแม่มีเพื่อน ๆ แล้วจะเอาหัวใจไปให้แบคฮยอนทำไม ”
“ แต่พี่แบคฮยอนเขาก็มีเหมือนผมทุกอย่าง
ที่สำคัญแทยอนรอให้เขากลับมาหา ผมไม่อยากให้เธอเศร้าไปมากกว่านี้อีกแล้ว ”
พระรองก็ยังคือพระรองอยู่วันยังค่ำเซฮุนรู้ตัวดี
ในเมื่อเขารักแทยอนไปแล้ว ความสุขของผู้หญิงคนนี้ก็คือความสุขของเขาด้วยเช่นกัน...เขาไม่ได้โง่ที่จะยอมสละชีวิตเพื่อผู้หญิงคนนึง
แต่เขากำลังทำสิ่งที่ฉลาดที่สุดต่างหาก ถ้าเกิดให้แบคฮยอนรอดชีวิตมา
แบคฮยอนจะสามารถดูแลครอบครัวของเขาแทนเขาได้และแทยอนเองก็จะได้ไม่ต้องมาเป็นทุกข์อยู่แบบนี้ด้วย
“ แล้วนายคิดว่าแทยอนต้องการอย่างนั้นหรอ?
ถ้าแบคฮยอนฟื้นขึ้นมาแล้วนายคิดว่าเขาจะมีความสุขกับการใช้หัวใจของนายหรอ?
ทุกชีวิตมีค่าและมีความหมายนะเซฮุน นายไม่ได้เกิดมาเพื่อมอบหัวใจให้ใคร
นายยังต้องดูแลและรับผิดชอบชีวิตคนอีกมาก อย่าคิดอะไรแบบนั้นอีก เข้าใจมั้ย? ”
“ แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมปวดหัวไปหมดแล้วเนี่ย ”
“ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ
ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็นก็พอ...ถ้าแบคฮยอนยังไม่ถึงฆาตยังไงเขาก็ไม่ตาย
พวกเราผ่านอะไรมาด้วยกันมาตั้งเยอะตั้งแยะแค่ช่วยพยุงกันให้ผ่านมันไปอีกเรื่องคงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง
”
“ ... ”
“ ไหน ๆ
ก็ล้มมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วล้มอีกสักครั้งจะเป็นไรไป
แต่ไม่ว่าจะยังพวกเราก็ต้องช่วยพยุงกันให้ลุกขึ้นมาอีกครั้งอยู่ดี
ถึงบาดแผลในครั้งนี้มันจะอักเสบมากกว่าครั้งไหน ๆ
แต่เชื่อเถอะเซฮุกว่าเวลาจะเป็นตัวช่วยของทุกอย่างเอง ”
“ ผมไม่คิดเลยว่าเราจะมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้
สิ่งที่เราพยายามทำกันมาทั้งหมด ทั้งรวบรวมหลักฐานเอาผิดคนร้าย
ทั้งตามหาความจริงเมื่อสองปีก่อน ทั้งพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับแทยอน
ทุกอย่างที่เราทำมามันไม่มีความหมายอะไรเลย...ที่ผ่านมาเราพยายามกับแทบตายเพื่อให้พี่แบคฮยอนกับแทยอนมีสภาพแบบนี้น่ะเหรอครับ?
ผมไม่ชอบเลย ”
เซฮุนดูหงุดหงิดที่ตัวเขาเองทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
จะช่วยปลอบใจแทยอนก็ทำไมได้ จะมอบหัวใจให้แบคฮยอนก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน
ตั้งแต่เล็กจนโตเซฮุนไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าขนาดนี้มาก่อนเลยจะทำอะไรก็ไมได้ดั่งใจสักอย่าง
ถ้าเขารู้ว่าเรื่องมันจะบานปลายมาแบบนี้เขาคงจะไม่ทำอะไรตั้งแต่แรก
แต่ทว่าคิดได้ตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว
“ มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่านี้หรอกเซฮุน...ที่เรื่องมันเลวร้ายแบบนี้ก็เพราะความแค้นในใจคน
โกรธกันไปโกรธกันมาไม่จบไม่สิ้นสุดท้ายทุกฝ่ายก็ล้วนเจ็บปวดเหมือน ๆ กัน...นั่น!
แทยอนฟื้นแล้ว ”
คำท้วงติงของทิฟฟานี่ทำให้เซฮุนและเธอหันไปให้ความสนใจกับแทยอนเป็นจุดเดียว...ใบหน้าสวยหวานที่มีเม็ดเหงื่อเกาะติดอยู่ช่างดูซีดเซียวและอ่อนล้า
คิ้วเรียวค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันก่อนที่มือเรียวบางจะเลื่อนขึ้นมากุมที่ขมับ
“ แกไหวมั้ยเนี่ย? ”
“ อือ...ฟานี่ ฉันปวดหัวจังเลย ”
“ แน่สิ
ร้องไห้จนช็อกหมดสติไปแถมยังโดนอัดยาเยอะขนาดนั้นไม่ปวดหัวสิแปลก ”
“ แทยอนเธอปวดหัวมากไหม? ไหวรึเปล่า? ให้ฉันไปตามหมอมาดูให้ไหม?
” เซฮุนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงที่สุมอยู่เต็มอก
มือหนาเลื่อนไปกุมมือเรียวเอาไว้หลวม ๆ
ทำให้ความร้อนรุ่มที่ฝังตัวอยู่ในร่างของคนตัวเล็กส่งต่อมายังเขา “ ทำไมตัวร้อนขนาดนี้เนี่ย
พึ่งเช็ดตัวไปเองนี่นา...รอเดี๋ยวนะแทยอน ฉันจะไปตามหมอมาให้ ”
“ ไม่ต้องเซฮุน...ไม่ต้องไปตามหมอหรอก ”
น้ำเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมา
ถึงมันจะเบาจนแทบจะไม่ได้ยินแต่เซฮุนก็พอจะจับใจความได้ว่าแทยอนต้องการจะสื่ออะไร
“ ฉันไหว...ฉันจะไปหาพี่แบคฮยอน เขารอฉันอยู่ ”
“ ไม่ได้นะแทยอน
เธอจะไปไหนในตอนนี้ไม่ได้ทั้งนั้น...แค่จะลุกขึ้นนั่งเธอยังแทบจะไม่ไหวแล้วเธอจะไปไหนได้
รอให้หายก่อนแล้วค่อยไปหาพี่แบคฮยอนก็ได้นี่นา ”
“ ไม่ได้! ฉันรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้วเซฮุน
แค่นี้มันก็สายมากเกินพอแล้ว... ”
“
ไปตอนนี้กับไปวันพรุ่งนี้แล้วมันต่างกันยังไงล่ะแทยอนในเมื่อไม่ว่าจะไปตอนไหนพี่แบคฮยอนก็ไม่อยู่รอเจอเธอแล้ว...เขาไปแล้ว
แต่เธอยังอยู่แค่นี้พวกเราก็เจ็บปวดกันมากพอแล้วนะแทยอน
ถ้าเธอเป็นอะไรไปอีกคนหัวใจและความรู้สึกของพวกเราจะมีสภาพเป็นยังไง ”
“ ... ”
แทยอนนิ่งเงียบไปสักครู่ก่อนที่คนตัวเล็กจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเพื่อนตัวสูง
แววตาที่ดูเศร้าหมองของเธอทำให้สิ่งต่าง ๆ รอบข้างกลายเป็นภาพขาวดำไปจนหมด “
เซฮุน...ฉันรู้ว่าทุกคนเสียใจ แต่ฉันต้องไปหาเขาเดี๋ยวนี้ อย่าห่วงฉันเลยนะ
ฉันจะรักษาชีวิตของฉันเอาไว้ให้ดีที่สุด ”
*
มือเรียวเล็กผลักประตูห้องไอซียูเข้ามา
ก่อนที่ร่างบางจะค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องที่เธอคุ้นเคยกับบรรยากาศเป็นอย่างดี ภายในห้องมีอุณหภูมิค่อนข้างต่ำกว่าข้างนอกแต่ก็ไม่ถึงขั้นหนาว
ร่างเล็กรีบเดินไปยืนอยู่ข้างเตียงของแบคฮยอนพรางส่งมือบางไปฉกฉวยเอามือหนาขึ้นมากอบกุมไว้
แทยอนสามารถใจเย็นขึ้นได้หลังจากที่นอนทำใจอยู่นาน
“ มือเย็นเชียว ” แทยอนพึมพำเบา ๆ ก่อนจะส่งมืออีกข้างออกไปลูบหัวของแบคฮยอนอย่าแผ่วเบา
“ พี่หนาวมั้ยคะ? หลับสบายมากเลยไม่อยากตื่นขึ้นมางั้นเหรอ ”
“ .... ”
“ คิดจะทดสอบกันเหรอคะ? แต่บททดสอบแบบนี้แรงไปนะคะ
ฉันรับมันไม่ไหวหรอก พี่ก็รู้ว่าฉันมันอ่อนแอ ”
“ ... ”
คนตัวเล็กละมือจากคนตัวสูงก่อนจะเดินไปลากเก้าอี้ที่ตั้งอยู่บริเวณนั้นมาไว้ข้างเตียงก่อนจะย่อนตัวลงนั่ง
พรางส่งมือไปกอบกุมมือเย็นเฉียบของร่างสูงเอาไว้ดังเดิมหวังจะช่วยบรรเทาความหนาวเหน็บให้เขาได้บ้าง
“ ปฏิหาริย์จะมีจริง ๆ เหรอคะ?
ทำไมพี่ถึงชอบทำตัวใจร้ายกับฉันจัง ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน คบกัน จนเลิกกัน แล้วก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง
จนถึงตอนนี้พี่ก็ยังใจร้ายกับฉันไม่เลิก ”
“ ... ”
“ ฉันมีแผลที่ท้อง แต่ทำไมฉันถึงเจ็บตรงนี้ล่ะ ”
ร่างบางทุบกำปั้นเล็ก ๆ
ลงที่อกข้างซ้ายของตัวเอง...ดวงตาเริ่มแดงก่ำเป็นผลมาจากการก่อตัวของน้ำตา
รู้สึกหมดเรี่ยวแรงลงอย่างกระทันหันราวกับถูกดูดไปจนหมด แทยอนไม่ได้อยากจะร้องไห้เพราะเธอไม่ต้องการให้แบคฮยอนมาเห็นความอ่อนแอของเธอ
แต่มันก็ห้ามไม่ได้จริง ๆ
ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุให้ความเจ็บปวดมันมากขึ้นกว่าเดิมจนเธอไม่สามารถจะมองใบหน้าเขาได้อย่างเต็มตาอีกต่อไป
“ ฉัน...เจ็บไปหมดเลย ”
แบคฮยอนในตอนนี้
เหมือนไม่ใช่แบคฮยอนที่เธอรู้จัก...ใบหน้าซีดเซียวไร้สีฝาดของเลือด
ผิวที่เคยขาวสดใสก็กลับดูไร้ชีวิตชีวาราวกับว่าไร้โรหิตคอยล่อเลี้ยง ร่างกายก็ดูโซมลงอย่างน่าเป็นห่วง...เขาดูเหนื่อยมากกว่าปกติที่เคยเจอจริง
ๆ
“ เรื่องนี้...จบแบบนี้ความสุขไม่ได้เหรอคะ? ”
“ ... ”
“ ทำไมการที่เราสองคนจะรักกันมันถึงได้ยากเย็นนัก ”
จู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเองอย่างห้ามไม่ได้
คนตัวเล็กซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือหนาของแบคฮยอน
พร้อมกับเม้มปากเป็นเส้นตรงเพื่อปกปิดเสียงสะอื้นอันน่าสมเพชของตัวเอง
แต่ยิ่งเธอพยายามปกปิดและหยุดยั้งมันเท่าไหร่ความเสียใจก็ยิ่งพลักดันให้เธอปลดปล่อยมันออกมามากเท่านั้น
มันทรมาณอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนมีน้ำถ้วมขังอยู่ในอกไร้หนทางที่จะระบายออกมา...ไม่ว่าจะหาคำไหนมาพูดมาบรรยายความรู้สึกในตอนนี้ก็คงจะไม่สามารถบอกให้รับรู้และเข้าใจได้หมด
ความเสียใจมันมีมากเกินไปจนบอกออกมาเป็นคำพูดไม่ได้แม้จะให้เขียนบรรยายสักห้าหน้ากระดาษก็คงจะไม่เพียงพอ
“ ฉันคงรอไม่ได้อีกแล้วใช่ไหมคะ ”
“ ... ”
“ ในเมื่อพี่จะไม่กลับมาแล้ว จะให้ฉันรอได้ยังไง ”
พูดจบก็ซุกใบหน้าลงกับต้นแขนของคนตัวสูง...ถ้าเป็นไปได้เธอไม่อยากจะไหนเลยด้วยซ้ำ
อยากอยู่ตรงนี้นั่งอยู่ตรงนี้ไปนาน ๆ จนกว่าเขาจะฟื้น
อยากให้ผู้หญิงคนแรกที่เขาเห็นหลังจากลืมตาขึ้นมาเป็นเธอ ไม่ใช่นางพยาบาล...แต่ก็คงไม่มีทางเป็นไปได้
เพราะแบคฮยอนจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีกแล้ว
กรึ่ก
เสียงประตูกระทบกันที่ดังขึ้นทำให้แทยอนเงยหน้าขึ้นจากต้นแขนของแบคฮยอน
แทยอนหันกลับไปดูคนที่เข้ามาใหม่ก่อนที่คิ้วบางจะขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เข้ามาชัด
ๆ
“ ยุนอา... ”
“ อยู่ที่นี่นี่เอง ตามหาตั้งนาน ” ยุนอาพูดเสียงเรียบก่อนจะเดินเข้ามาใกล้จุดที่แทยอนนั่งอยู่
ใบหน้าสวยหวานเรียบนิ่งแต่แววตากลับดูเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด
“ ตามหาฉันทำไมคะ? ”
“ ฉันตั้งใจจะมาลาแบคฮยอน แล้วก็เธอ...เป็นครั้งสุดท้าย ”
“ มาลา? คุณจะไปไหนคะ? ”
แทยอนเอ่ยถามอย่างสงสัยแต่ทว่ายุนอากลับเอาแต่จ้องมองแบคฮยอนแล้วนิ่งเงียบ...เธอไล่สายตาตั้งแต่ปลายเท้าของร่างสูงไล่ขึ้นมาจนถึงดวงหน้าคมคายที่ซีดเซียวและดูอิดโรย
“ ฉันกำลังจะไปจากที่นี่ ไปในที่ ๆ
ไม่มีใครรู้จักฉัน...ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ”
“...”
“ ต่อไปนี้ฉันคงจะมีความสุขมากขึ้นเพราะฉันจะไม่ได้เห็นหน้าเธออีกต่อไปแล้ว...ฉันจะไม่ขอโทษสำหรับทุกอย่างทีผ่านมานะ
เพราะถึงฉันจะขอโทษไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ดี
คำขอโทษของฉันคงไม่อาจทำให้แบคฮยอนฟื้นขึ้นมาได้ ”
เธอพูดพรางยื่นมือไปลูบใบหน้าของแบคฮยอนอย่างแผ่วเบา...จู่
ๆ ยุนอาก็ยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่แทยอนไม่เคยเห็นมาก่อน
รอยยิ้มที่ดูจริงใจแต่ก็แสนจะเศร้าในเวลาเดียวกัน
“ แทยอนเธอรู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงเกลียดเธอนัก ”
“ คุณเคยบอกว่าเพราะฉันแย่งทุกอย่างไปจากคุณ
คุณก็เลยเกลียดฉัน ”
“ ไม่ใช่หรอก ฉันโกหกเธอ...เพราะฉันอิจฉาเธอต่างหาก
เธอไม่เคยแย่งอะไรไปจากฉันเลย ฉันต่างหากที่เป็นคนปล่อยมือจากแบคฮยอนเอง...ฉันรักษาเขาเอาไว้ไม่ได้เลยเอาแต่โทษว่าเธอแย่งไป
”
“ ... ”
“
การที่ฉันเอาแต่คิดว่าคนทั้งโลกผิดและมีแค่ฉันคนเดียวที่ถูกมันทำให้ฉันทำร้ายคนที่หวังดีกับฉันมาทั้งชีวิตอย่างแบคฮยอน...เธออาจจะสงสัยนะว่าทำไมฉันพึ่งมาคิดได้เอาตอนที่เรื่องมันเลวร้ายแบบนี้
แต่ฉันก็แค่...อยากจะพูดตอนที่ยังพอมีโอกาสจะพูดได้ก็แค่นั้น ”
“ ถ้าจะบอกว่าไม่เป็นไรฉันก็คงจะดูใจดีเกินไป...บอกตามตรงนะคะว่าฉันโกรธคุณมาก
ถึงขั้นเกลียดเลยก็ว่าได้ แต่ลองคิดในทางกลับกันถ้าฉันเป็นคุณฉันก็คงจะเกลียดคนที่มาเอาความรักที่มีค่าที่สุดของฉันไปเหมือนกัน
เผลอ ๆ ฉันอาจจะทำมากกว่าคุณก็ได้ แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คุณทำมันถูกต้องนะคะ
ยังไงผิดก็คือผิดถึงคุณจะขอโทษฉันก็ไม่คิดจะให้อภัยอยู่แล้ว
เพราะสิ่งที่คุณทำกับฉันมันมากเกินไป ”
“ ฉันก็เลยไม่ขอโทษไง
สิ่งที่ฉันทำแม้แต่พระเจ้ายังยากที่จะให้อภัย
และอีกอย่างคำพูดแบบนั้นจากคนอย่างฉันเธอเองก็คงจะไม่ต้องการ
ฉันจะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้วล่ะ
ฉันอยากจะเห็นแบคฮยอนฟื้นขึ้นมาอยู่กับเธออีกครั้งหวังว่าปฏิหาริย์จะมีจริงนะ ”
“ แล้วคุณจะไม่กลับมาที่นี่อีกเหรอคะ? ”
“ อาจจะ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ไปอยู่ที่อื่นน่าจะดีกว่า...ฉันไปนะ อ้ออีกอย่าง ฉันมีของจะให้เธอด้วย
ของของเธอที่ฉันขโมยมา มันควรจะคืนสู่เจ้าของของมันได้แล้ว ”
ยุนอายื่องกล่องผ้ากำมะยี่สีแดงให้กับแทยอนก่อนเดินจากไปปล่อยให้แทยอนนั่งอยู่อย่างนั้นในห้องกับแบคฮยอนสองคน...คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาพรางจ้องมองไปที่ดวงหน้าซีดเซียวของคนที่เธอรัก
เขาดูเหนื่อยล้ามากกว่าทุกทีที่เธอเคยเห็นจนน่าใจหาย...คงต้องปล่อยมือจริง ๆ
แล้วสินะ
“
ทำไมนิยายเรื่องนี้ปีเตอร์แพนถึงทิ้งให้ทิงเกอร์เบวอยู่คนเดียวคะ? ”
“ ... ”
“ ฉันคงทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้แล้วล่ะ ”
“ ... ”
“ ฉันจะไม่พูดว่าลาก่อนนะคะ
เพราะเราสองคนจะต้องเจอกันอีกครั้ง ”
“ ... ”
“ ไม่ช้าก็เร็ว... ”
หนึ่งเดือนผ่านไป
ร่างเล็กทอดสายตาไปยังสายทธาราที่อยู่ตรงหน้า
ท้องฟ้าสีครามจาง ๆ ทำให้ใจดวงน้อยยิ่งรู้สึกหดหู่
ในใจต่างมีคำถามผุดขึ้นมามากมายจนยากที่จะหาคำตอบเพราะคนที่จะตอบมันได้กลับไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว
ท้องฟ้าที่เธอกำลังมองอยู่นั้นกว้างใหญ่และห่างไกลมากแค่ไหนเธอไม่อาจจะร่วงรู้ได้
แม่น้ำที่ทอดยาวไกลอยู่ตรงหน้านี้ลึกแค่ไหนและจะไปสิ้นสุดอยู่ที่ใดเธอก็ไม่อาจจะรู้ได้อีกนั้นแหละ
เหมือนกับเขาคนนั้นที่ตอนนี้จะไปอยู่ที่ไหนและจะคิดถึงเธอเหมือนที่เธอคิดถึงเขาไหมเธอก็ไม่อาจจะรับรู้ได้เช่นกัน
ตั้งแต่วันที่คน ๆ นั้นจากไปเธอก็ตัดสินใจมาพักผ่อนชั่วคราวที่เกาะเชจูโดยมีเพื่อน
ๆ
คอยปลอบใจอยู่ไม่ห่างตัว...น่าแปลกที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนไม่ว่าเธอจะทำอะไรเธอก็ไม่เคยลบเขาคนนั้นออกไปจากความทรงจำได้สักที
มีแต่จะคิดถึงมากขึ้นและมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
“ คนใจร้าย ” ในที่สุดเธอก็พูดคำ ๆ
นึงที่ก้องอยู่ในหัวของเธอมาตั้งแต่วันที่เขาจากไปออกมาได้ “ ทำแบบนี้ได้ยังไง
ทำให้รักแล้วทิ้งไปแบบนี้ได้ยังไง...ฮึก ”
น้ำตาที่ไม่ได้ต้องการให้มันทะลักออกมาเริ่มไหลริน
ริมฝีปากบางสั่นไหวเพราะเธอพยายามที่จะสะกัดกั้นอารมณ์ไม่ให้มันอ่อนแอไปมากกว่านี้
มือเรียวเล็กยกขึ้นมาปิดปากกั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพราะกลัวเขาคนนั้นที่อยู่บนท้องฟ้าได้ยินแล้วจะไม่สบายใจ
แต่ยิ่งพยายามที่จะหยุดมันเท่าไหร่ น้ำตามันกลับยิ่งไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก...หญิงสาวข่มตาหลับแน่นเพราะความเจ็บปวดที่เข้ามาเล่นงานหัวใจและสมอง
แต่แทนที่ทุกอย่างจะมืดมิดเธอกลับยิ่งเห็นใบหน้าเขาคนนั้งชัดเจนขึ้นไปอีก
รอยยิ้มยียวน คำพูดกวนประสาท แววตาที่ไม่มีพิษมีภัยทำให้เธอยิ่งเจ็บปวด
“ กลับมาตอบคำถามของฉันก่อนไม่ได้เหรอคะ? ฮึก...ทำไมถึงปล่อยให้ฉันค้างคาใจอยู่แบบนี้...ตกลง
เรารักกันหรือฉันคิดไปเองคนเดียวคะ...ฮึก ”
เสียงสะอื้นราวกับคนใกล้จะขาดใจทำให้เธอดูน่าสงสารจับจิต
จนทำให้เพื่อนสาวที่ยืนดูอยู่นานทนไม่ไหว
เธอไม่สามารถปล่อยให้เพื่อนของเธอเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ พอแล้ว...เลิกร้องไห้ได้แล้ว
ทำแบบนี้มันไม่ดีกับตัวแกเลยนะ...ตั้งสติหน่อยสิ ที่พวกฉันพาแกมาที่นี่ก็เพราะต้องการให้แกลืมเรื่องเลวร้ายพวกนั้นไปซะ
”
“ แล้วจะให้ฉันทำยังไง...ฮึก...ฉันงงไปหมดแล้วซันนี่
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงต่อไปดี ”
“ แต่ฉันรู้ว่าแกควรจะทำยังไงต่อไป ชีวิตแกต้องเดินต่อนะเจสสิก้า
หยุดร้องไห้ได้แล้ว...ถ้าวิญญาณของรุ่นพี่ลู่หานมาเห็นแกในสภาพแบบนี้เขาจะไปไม่สบายนะ
”
“ งั้นก็ดีสิ...ฮึก...เขาจะได้กลับมาไง
เขาจะได้รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรเอาไว้บ้าง...ฮึก...เขาทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง
ฉันยังไม่ได้บอกเขาเลยด้วยซ้ำว่าฉันรักเขา แล้วเขามาจากไปแบบนี้ได้ยังไง ”
หญิงสาวเอ่ยตัดพ้อตัวเองพรางสะอึกสะอื้นเพราะความเสียใจ
ตอนที่เจสสิก้ารู้ข่าวว่าคนร้ายตัวจริงที่ทำร้ายแทยอนคือลู่หานเล่นเอาเธอช็อกไปไม่ใช่น้อย
คนที่ดูเหมือนเล่นไปวัน ๆ ไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรอย่างลู่หานกลับทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้ลงคอ
แถมยังมีสาเหตุมาจากเรื่องของจูฮยอนอีก แล้วที่ผ่านมารหว่างเธอกับเขามันคืออะไร
ที่เขาตามตอแยเธอเพราะเขารักเธอจริง ๆ หรือแค่เล่นละครตบตาให้คนอื่นตายใจ
แต่ทว่ายังไม่ทันที่เจสสิก้าจะได้ถามคำถามพวกนี้กับเขาเลยด้วยซ้ำเรื่องบ้า
ๆ ที่นำมาซึ่งความสูญเสียก็ดันมาเกิดขึ้นซะก่อน...มันเลยทำให้คำถามพวกนี้เป็นคำถามที่เธอจะไม่มีวันรู้คำตอบได้อีก
“ แกรักเขา แล้วเขารักแกรึเปล่า? เลิกคร่ำครวญได้แล้ว
ที่ผ่านมาสิ่งที่ลู่หานทำไปทั้งหมดมีใครรู้บ้างว่ามันคือเรื่องจริงหรือโกหก
เขาไม่เคยจริงใจกับใครแม้กระทั่งกับเพื่อนที่เป็นเหมือนพี่น้องตัวเองเขายังทำร้ายได้ลงคอ...ตัดใจซะเถอะนะเจสสิก้า
อีกไม่นานแกก็จะลืมเขาได้เอง ”
“ ฉันผิดอะไรเหรอซันนี่...ทำไมเขาต้องลงโทษฉันด้วย
ทำไมเขาถึงสร้างบ่วงมาคล้องให้ฉันติดอยู่กับความทุกข์แบบนี้ด้วย...ฮึก ”
“
เพราะเขาไม่เคยคิดถึงใครนอกจากตัวเองไง...หยุดร้องไห้ซะเถอะนะ
ฉันเห็นแกเป็นแบบนี้แล้วฉันไม่ชอบเลย
ให้ความเสียใจของแกฝังลงลุมศพไปพร้อมกับรุ่นพี่ลู่หานเถอะ ”
มือเรียวเล็กของซันนี่ตบลงเบา ๆ ที่บ่าของเพื่อนสาว
รอยยิ้มที่เป็นกำลังใจของเธอทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเจสสิก้าได้รับการเยียวยาขึ้นมาเล็กน้อย
“ อย่าลืมนะเจสสิก้าว่าแกยังมีฉัน มีทิฟฟานี่ มีแทยอน
มีทุกคนที่รักและเป็นห่วงแกจากใจจริงอยู่...ฉันรู้ว่าความเสียใจมันรักษาให้หายไม่ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
แต่เชื่อเถอะว่าสักวันนึงแกจะสามารถยิ้มและหัวเราะได้โดยไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจกับเรื่องนี้อีก
”
เจสสิก้าโผลเข้ากอดเพื่อนรักพรางซุกหน้าเข้ากับไหล่บาง ๆ
ของเพื่อนสาว...หยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากความบอบช้ำค่อย ๆ
ซึมเข้าไปในเนื้อผ้าของซันนี่จนเปียกชุ่มไปหมด ตอนนี้หัวใจของเจสสิก้าถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาจนหนาวเหน็บแต่เชื่อเถอะความอบอุ่นที่มาจากความห่วงใยของเพื่อนจะเป็นเหมือนผ่าห่มผืนหนาคอยทำให้หัวใจของเธออบอุ่นและไล่หมอกควันไปได้ในสุด
“
ฉันคิดว่าถ้าเลือกได้เขาก็คงไม่อยากจะทำร้ายหัวใจของแกหรอก ”
*
เปลือกตาสีมุกไร้การแต่งแต้มของเครื่องสำอางค์ค่อย ๆ
เปิดออก
แสงสีทองของดวงตะวันที่สาดส่องเข้ามากระทบม่านตาทำให้คนตัวเล็กต้องใช้เวลาครู่หนึ่งในการปรับสายตา...ผ้าม่านสีขาวผืนบางที่ไหวปลิวไปตามลมทำให้คนตัวเล็กมองเห็นอะไรได้ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่
ความอุ่นสบายที่ก่อตัวขึ้นภายใต้ผ้าห่มผืนหนาทำให้เธอไม่อยากจะลุกไปไหน
อยากจะฝังตัวให้สบายใต้ผ้าห่มนี่
ทว่าหลับตาลงอีกครั้งยังไม่ถึงครึ่งวิด้วยซ้ำก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะรู้สึกได้ว่าที่ว่างข้าง
ๆ ยวบลง
ไวกว่าความคิดที่ใคร่รู้ว่าเป็นใคร ร่างบางพลิกตัวหันกลับมา
พลันสายตาก็ประสบเข้ากับใบหน้าคมคายของคนตัวสูงจุดประกายรอยยิ้มปนมาด้วยน้ำตาบนใบหน้าสวยหวาน
ใจดวงน้อยสั่นระรัวเพียงแค่ได้สบตาคู่นี้ คู่ที่เธอคิดว่าจะไม่มีวันได้มองมันอีก
“ คนขี้เซา คิดจะนอนต่อเหรอครับ? ”
“ ฉัน...ไม่ได้ได้ฝันไปใช่มั้ยคะ? พี่กลับมาแล้วจริง ๆ เหรอคะ?
”
คำถามของแทยอนส่งผลให้คนตัวสูงส่งยิ้มบาง ๆ มาให้เธอ
มือหนาเอื้อมไปคว้ามือเรียวบางมาทาบทับไว้ที่ใบหน้าของคมคายของเขาเอง...ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมือนุ่มมายังใบหน้าของเขาทำให้หัวใจที่หนาวเย็นอบอุ่นขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
นี่สินะเหตุผลที่ทำให้เขามาอยู่ที่นี่ในตอนนี้
“ ไม่อนุญาตให้ตบนะ แต่จูบจะได้ จะได้รู้ว่าฝันไปรึเปล่า ”
“ เป็นไปได้ยังไงคะ? ก็หมอบอกว่า... ”
“ หัวใจฉันล้มเหลวไปแล้ว แต่มันกลับมาได้อีกครั้ง...เพราะเธอ
” มือหนายกขึ้นมาวางไว้บนหัวของคนตัวเล็กก่อนจะลูบเบา ๆ
พรางใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาให้แทยอน “ ร้องไห้ทำไม?
นอกจากจะขี้เซาแล้วยังขี้แยอีกเหรอ? ”
“ คนบ้า! จะไม่ให้ร้องไห้ได้ยังไงคะ พี่หายไปไหนมาเป็นเดือน
ๆ ถ้ายังไงตายก็ช่วยส่งข่าวบอกกันสักนิดก็ยังดี
แต่นี่กลับปล่อยให้ฉันกลายเป็นคนโง่ที่คิดว่าพี่ตายไปแล้ว ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอหน้าพี่อีกแล้วรู้ไหม
ฉันร้องไห้จนสายตัวแทบขาด ฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวันก็เพราะฉันคิดว่าพี่ตายไปแล้ว
แล้วจู่ ๆ ก็โผล่มานอนข้าง ๆ ฉันแบบนี้แล้วจะไม่ให้ฉันร้องไห้ได้ยังไง...”
แทยอนหน้างอง้ำ น้ำตาหยดโต ๆ
ยังคงไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยไม่ยอมหยุด แบคฮยอนหัวเราะเบา ๆ
ในลำคอก่อนที่ริมฝีปากหนาจะเคลื่อนไปจูบซับน้ำตาให้กับคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน
“ ฉันสัญญากับเธอเอาไว้แล้วว่าฉันจะกลับมา ฉันก็มาแล้วนี่ไง
ถึงจะมาช้าไปสักนิดแต่ก็ยังดีกว่าไม่กลับมาเลยไม่ใช่เหรอ? ”
“ แล้วทำไมถึงมาช้านักล่ะคะ ”
“ เพราะฉันมีเรื่องที่ต้องสะสางให้เสร็จ
ถ้าฉันไม่รีบจัดการกับเรื่องที่ยังค้างคาเอาไว้ฉันก็คงจะไม่มีหน้ากลับมาเจอเธอ...คนที่ทำร้ายฉันฉันไม่เคยคิดจะโกรธหรือเอาคืนแต่คนที่ทำให้เธอเจ็บ
ฉันปล่อยเอาไว้ไม่ได้จริง ๆ ”
“ คนที่ทำร้ายคนอื่นมันก็สมควรแล้วที่จะได้รับโทษ...แล้วนี่พี่พอจะรู้ไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้นกับลู่หานหลังจากคืนนั้น...
“
“ ฉันก็ไม่รู้...พอตื่นขึ้นมา ฉันก็พบว่าเขาจากเราไปแล้ว
พี่อี้ฟานบอกว่าตอนที่เขาไปเจอเขาก็เห็นลู่หานนอนจมกองเลือดอยู่ข้าง ๆ ฉัน...เขาฆ่าตัวตายหลังจากที่ยิงเรา
”
“ พี่...ไม่เป็นไรนะคะ “ แทยอนบอกกับคนตัวสูง
แววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้แบคฮยอนลืมความรู้สึกผิดที่มีต่อเพื่อนไปชั่วขณะ
“ แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นคะ ใครเป็นคนให้หัวใจกับพี่ เล่าให้ฉันฟังได้มั้ยคะ ”
คำพูดของคนตัวเล็กทำเอาแบคฮยอนชะงักไปครู่หนึ่ง
แววตาของเขาดูหมองลงอย่างเห็นได้ชัดจนแทยอนเองใจแป๋วตามไปด้วย
“ คงไม่ใช่...เซฮุนให้มั้ยคะ? ” แบคฮยอนจ้องมองดวงตาคู่สวย
น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วกลับพลั่งพรูออกมาอีกครั้งเมื่อสมองคิดไปถึงชายหนุ่มอีกคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้รอยยิ้มของเธอปรากฏ
“ ไม่ใช่หรอก ”
“ แล้วใครล่ะคะ? ”
“ เอส.. ” แบคฮยอนหยุดคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะหลุบตาต่ำ
มือหนาเลื่อนมากุมที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง หัวใจที่เต้นอย่างเป็นจังหวะเป็นหัวใจของใครอีกคนที่ไม่ใช่ของเขา
หากไม่ได้หัวใจดวงนี้ช่วยเอาไว้เขาคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่ในวินาทีนี้ “
หัวใจดวงนี้เป็นของเอส ”
“ ว่าไงนะคะ? พี่เอสเป็นคนมอบหัวใจให้พี่?
งั้นก็แสดงว่าพี่เอส...ตายแล้วงั้นเหรอคะ? ”
“ อือ... ”
แบคฮยอนพยักหน้าเบา ๆ
ยอมรับเลยว่าตอนแรกที่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเอสได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้วเขาเองก็ตกใจไม่น้อย
แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือสาเหตุที่ทำให้เอสจากไปเพราะเอสได้สละหัวใจเพื่อให้แบคฮยอนมีชีวิตอยู่ต่อซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่แบคฮยอนต้องการเลย
การให้อีกคนตายเพื่อให้ตนได้ฟื้นขึ้นมา
แบคฮยอนไม่เคยต้องการมันสักนิดแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะคนที่จากไปก็ได้จากไปแล้ว
มีสิ่งเดียวที่เขาจะทำเพื่อเป็นการตอบแทนเอสได้คือการปกป้องดูแลหัวใจของมันให้ดีที่สุด
ทำตามคำขอสุดท้ายที่เอสฝากเอาไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“ ทำไมคะ? เขาทำแบบนั้นทำไม? ”
“ เธอรู้ใช่มั้ยว่าเอสรู้สึกยังไงกับเธอ หัวใจดวงนี้เฝ้าปกป้องและดูแลเธอมาตั้งแต่วันแรกที่เจ้าของของมันรู้จักกับเธอ
เอสรักเธอและหัวใจของเขาก็เป็นของเธอ... ”
ร่างสูงเว้นจังหวะเพื่อเรียบเรียงที่เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะมาพูดกับแทยอนในวันนี้
“ ก่อนที่เอสจะเข้าห้องผ่าตัดเขาได้เขียนจดหมายไว้ฉบับหนึ่งฝากไว้ให้ฉัน
เอสฝากให้ฉันช่วยดูแลคุณอาอึนฮยอกแทนเขาให้ดีแถมยังกับให้ฉันดูแลเธอเป็นอย่างดีด้วยแล้วก็ยังบอกกับฉันว่า
' ในเมื่อตอนที่หัวใจดวงนี้อยู่ที่เขา มันทำหน้าที่ของมันไม่ได้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น
เอสเลยอยากจะให้หัวใจดวงนี้ได้อยู่กับคนที่พร้อมจะใช้ความรักทั้งหมดที่เขามีกับคนที่เขารักมาโดยตลอด
เขาไม่อยากจะต้องมานั่งกังวลว่าฉันจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นไหม เขาเต็มใจที่จะยกหัวใจดวงนี้ให้ฉันเพราะเขามั่นใจว่าหัวใจดวงนี้มันจะรักได้แค่เธอคนเดียว
' ”
“ เขาพูด...อย่างนั้นเหรอคะ? ”
“ นี่แทยอน...หัวใจดวงนี้เป็นของเอสก็จริง
แต่ความรู้สึกมันเป็นของฉัน และไม่ว่าตอนนี้ฉันจะมีชีวิตอยู่ด้วยหัวใจของใคร
ฉันก็คือพยอน แบคฮยอนคนที่รักแทยอนด้วยทั้งหมดที่มีของหัวใจ...คำว่ารักที่ฉันบอกเธอมันไม่ใช่คำพูดลอย
ๆ ที่แค่อยากจะพูดก็พูดได้ เพราะฉันต้องมั่นใจก่อนว่าคน ๆ นั้นจะสามารถอยู่ข้าง ๆ
ฉันและเป็นแม่ที่ดีให้ลูกฉันได้คำว่ารักที่ฉันพูดออกไปมันถึงจะฟังดูศักดิ์สิทธิ์ ”
“ พี่ทำให้ฉันเสียใจ เสียน้ำตา เจ็บปวดมานับครั้งไม่ถ้วน
แต่ฉันก็ไม่เคยไปไหน หลายคนอาจจะบอกว่าฉันโง่ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ไม่ยอมก้าวพ้นจากพี่ไปสักที...แต่รู้อะไรไหมคะ
ฉันไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ฉันทำมันโง่เง่าเลยเพราะที่ฉันยังอยู่ตรงนี้ก็เพราะว่าฉันรักพี่
สำหรับฉันในความรักไม่มีคนโง่ค่ะ จะมีก็แค่คนพิการ
บางคนเลือกจะหูหนวกไม่ฟังคำเตือนของคนทั้งโลกเพียงเพราะต้องการจะฟังเสียงจากคน ๆ เดียว
บางคนเลือกที่จะตาบอดมองข้ามสิ่งเลวร้ายที่อีกฝ่ายทำเพียงเพราะไม่อยากเสียเขาไป
บางคนเลือกที่จะเป็นใบ้ไม่ยอมพูดอะไรทั้งที่รู้ทุกอย่าง
และที่ฉันยอมหูหนวกตาบอดไม่ฟังใครเพราะฉันยังต้องการที่จะอยู่ข้าง ๆ พี่แบบนี้ไงคะ
”
“ ขอบคุณนะแทยอน...แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เธอร้องไห้
ฉันจะไม่ขอให้เธอยกโทษให้แต่ฉันสัญญานะว่านับจากนี้เป็นต้นไปเธอจะไม่เสียใจเพราะฉันอีก
”
“ อย่าสัญญาเลยค่ะ
เราสองคนต่างไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ฉะนั้นอย่าไปกำหนดวันข้างหน้าเลยค่ะแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ ”
“ ขอบคุณจริง ๆ ที่ยังยอมให้ฉันอยู่ตรงนี้ ”
“
ฉันก็ต้องขอบคุณพี่ด้วยเหมือนกันค่ะที่ยังอยากจะอยู่ตรงนี้...ข้าง ๆ ฉัน ”
ชายหนุ่มส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับหญิงสาวอันเป็นที่รักของเขา
ก่อนที่มือหยาบกร้านจะดึงรั้งท้ายทอยอีกฝ่ายเข้ามา
ริมฝีปากหนาเคลื่อนตัวเข้าครอบงำริมฝีปากเรียวบาง ความหอมหวานจากรสสัมผัสทำให้หัวใจอันห่อเหี่ยวของคนทั้งคู่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
ความสุขที่แบคฮยอนส่งมอบให้หัวใจของเธอมันช่างเป็นสิ่งที่แทยอนไม่เคยคาดคิดว่าจะได้รับหลังจากเจอเขาครั้งสุดท้ายที่ห้องไอซียู
ต้องขอบคุณเอสจากใจจริงที่ทำให้แบคฮยอนกลับมาอยู่ตรงนี้ข้าง
ๆ เธออีกครั้ง...เธอขอสัญญาว่าจะดูแลหัวใจดวงนี้ให้ดีที่สุด
จะมอบความรักให้แก่มันและน้อมรับความรักที่มันมอบให้
จะรักษามันเอาไว้ให้สมกับที่เอสฝากมันไว้ที่เธอและแบคฮยอน
แบคฮยอนและแทยอนเองไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาสองคนจะมีวันนี้ด้วยกัน
เหตุการณ์ต่าง ๆ นา ๆ มากมายที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอาจจะสร้างแผลเป็นในหัวใจของพวกเขาแต่อย่างไรเสียแผลเป็นนั่นก็จะกลายเป็นแค่ความทรงจำที่ครั้งนึงมันได้เคยเกิดขึ้น
มันอาจจะทำให้พวกเขาน้ำตาคลอยามนึกถึงแต่ในขณะเดียวกันมันก็คงจะสร้างรอยยิ้มให้กับพวกเขาพร้อมกับคำพูดที่ว่า
' อย่างน้อย ๆ เราก็ผ่านมันมาได้ด้วยกัน '
คำว่าอยู่ด้วยกันตลอด อาจจะไม่ใช่ระยะเวลาจากนี้ไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ
เราทุกคนต่างให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ว่ามันจะนานสักเท่าไหร่ ขอเพียงทำวันนี้และทุกช่วงเวลาให้มีความสุขที่สุด
สร้างทุกวันให้กลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่น่าจดจำเพราะคนรอบข้างไม่ได้อยู่กับไปตลอดชีวิตวันนึงพวกเขาก็ต้องจากเราไป
วันนี้เราอาจจะเจอเรื่องที่เลวร้ายที่สุดแต่ในวันพรุ่งนี้เราอาจจะมานั่งหัวเราะกับความคิดที่ว่า
' ฉันผ่านมันมาได้ยังไงนะ? ' และในวันต่อ ๆ
ไปที่เราย้อนกลับมานึกถึงมันอีกมันก็จะกลายเป็นบทเรียนที่มีค่าที่สุดบทนึงของเรา
สำหรับทั้งคู่เรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหลายปีมันได้กลายเป็นบทพิสูจน์ถึงรักแท้ที่น้อยคนนักจะหยั่งถึง
ความรักที่เกิดขึ้นหากไร้ซึ้งน้ำตาเราจะเรียกมันว่าความรักได้อย่างไร
ความรักที่ปราศจากรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสุข ความเศร้า ความทุกข์ น้ำตาและอุปสรรคหาได้ใช่รักที่มั่นคงไม่
หากก้าวผ่านความเลวร้ายนั้นไปได้รักนั้นจะคงอยู่ตราบสิ้นลมหายใจ
โลกนี้ถูกสร้างมาอย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งต่าง ๆ
มากมายที่เข้ามาไม่ว่าจะดีหรือร้ายล้วนแล้วแต่เป็นบททดสอบวัดความอดทนในใจคนทั้งสิ้น
คนที่ยอมพ่ายแพ้ให้แก่โชคชะตามีมากกว่าเม็ดทรายในทะเลแต่ในขณะเดียวกันคนที่ลุกขึ้นสู้นั้นกลับมีจำนวนเท่ากับดวงดาราทั่วทั้งจักรวาล
คนเราทุกคนล้วนมีทั้งสีขาวและสีดำอยู่ในตัว
ต่างกันก็เพียงแค่ว่าใครจะให้สีไหนขึ้นมาครอบครองมากกว่าก็เท่านั้น...บางคนร้ายมาทั้งชีวิตแต่พึ่งจะมาทำความดีตอนช่วงใกล้จะสิ้นลมก็มี
บางคนทำดีมาทั้งชีวิตแต่กลับสิ้นคิดในตอนท้ายก็มีถมไป
บนโลกใบนี้เอาแน่เอานอนได้เสียที่ไหน ทุกคนล้วนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ความแค้นไม่ใช่ของตายตัวมันจะเข้าออกใครก็ได้ขึ้นอยู่กับใจคน
สุดท้ายแล้วไม่ว่าชีวิตเราจะเป็นเช่นไร แต่ทุกชีวิตก็ต้องจบลงตรงดินกลบหน้าด้วยกันทั้งสิ้น
แต่อย่าได้ไปคิดถึงวันนั้นให้จิตตกเล่นเลย อย่าลืมว่าวันนี้และพรุ่งนี้เราจะทำอะไรก็เป็นพอเตรียมตัวรับกับบททดสองของชีวิตที่จะมาในรูปแบบต่าง
ๆ อย่าทิ้งสติและจงยึดหมั้นในความรักเท่านั้นเพียงพอแล้ว
เฉกเช่นเดียวกับแบคฮยอนและแทยอน
ความรักของเขาทั้งคู่หาได้ใช่ความรักที่ราบรื่นโรยด้วยกลีบกุหลาบไม่
มันมีทั้งขวากหนามและอุปสรรคเป็นร้อยเป็นพันที่คอยขัดขวางพวกเขาเอาไว้ไม่ให้รักกัน
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นความรักก็ยังคงเป็นความรัก
ถึงคนทั้งโลกจะบอกว่ามันผิดแต่แบคฮยอนก็จะบอกว่ามันถูกพร้อมกับส่งมือไปกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้แน่น
หากแทยอนหกล้มแบคฮยอนก็จะรีบเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้นแล้วเดินต่อไปด้วยกัน
หากแบคฮยอนโดนหนามเกี่ยวแทยอนก็จะรีบหายามาทาให้แล้วคอยสอดส่องดูแลเอาไว้ไม่ให้ขวากหนามพวกนั้นมาทำร้ายเขาอีก...หากอีกคนมีภัยอีกคนก็จะรีบเขาช่วยเหลือ
จะไม่มีคำว่าขาดและจะไม่มีคำว่าเกินจะมีแต่ความพอดีที่เขาทั้งคู่มีให้กัน
ในวันหนึ่งแบคฮยอนอาจจะนั่งเล่าเรื่องราวชีวิตที่เป็นมากกว่ากว่านิยายให้ลูกชายและลูกสาวของเขาฟัง
น้ำเสียงนุ่ม ๆ
ที่ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งก็สบายใจกำลังเล่าเรื่องความรักที่เขามีให้แค่ภรรยาสุดที่รักของเราในขณะที่มือหนาก็กอบกุมมือเรียวเล็กเอาไว้ไม่ห่างตัว
สายตาที่เขามองเธอไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนมันก็จะยังคงเหมือนเดิม
ไม่ว่าแทยอนจะอยู่ที่ไหนสายตาคู่นี้ก็จะหาเธอเจอเสมอ
เพราะตาของแบคฮยอนไม่เคยโกหกสิ่งที่อยู่ในใจได้เลยสักครั้ง
ทุกครั้งที่คิดถึงวันเวลาเก่า ๆ
ปีเตอร์แพนคนนี้จะพาทิงเกอร์เบวตัวน้อยไปยังเนเวอร์แลนด์
เพื่อตามหาความทรงจำและระลึกมันไปพร้อมกับเธอเอง
หากเธอร้องไห้มือคู่นี้ก็พร้อมจะซับน้ำตาให้
หากเธอเสียใจไหล่ทั้งสองข้างก็พร้อมที่จะเป็นที่พักพิงให้แก่เธอ
และหากเธอหัวเราะฉันก็พร้อมจะหัวเราะไปด้วยกับเธอ
เราจะไปยังที่
ๆ ฉันสามารถมองตาเธอและยิ้มให้กันได้อย่างเปิดเผย
ฉันคือผู้ชายของเธอและเธอคือผู้หญิงของฉัน เราต่างเป็นของกันและกัน
นี่อาจจะไม่ใช่บทสรุปแต่นี่คือจุดเริ่มต้นของเราสองคน...อีกครั้ง
อยู่ด้วยกันไปเรื่อย
ๆ นะทิงเกอร์เบวของฉัน
ขอพูดอะไรยาว ๆ นิดนึงนะคะ รีดเดอร์ช่วยอ่านให้จบด้วยเน้อ
จบแล้ว คราวนี้จบจริง ๆ แล้วรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลยค่ะ
ใจหายมาก ๆ เลยที่จะไม่ได้แต่งเรื่องนี้อีกแล้ว
นิยายเรื่องนี้มันมีความหมายกับมินมาก ๆ เลยมันเป็นนิยายเรื่องแรกที่แต่งแถมยังเป็นคู่ที่รักมาก
ๆ อีก นิยายเรื่องนี้เป็นเหมือนไดอารี่ของมินเลยค่ะ
เวลาที่มินรู้สึกเศร้ามินก็จะมานั่งแต่งเรื่องนี้
เรื่องมันถึงได้ออกมาดราม่าไม่หยุดไงคะ
มีหลายครั้งที่มินคิดจะหยุดแต่งเรื่องนี้เพราะคิดว่าแต่งยังไงก็คงไม่มีทางจบ
แต่พอจะทิ้งจริง ๆ มันกลับทิ้งไม่ได้ ฟังดูอาจเว่อร์ไปสักนิดนะคะ
แต่มินรักเรื่องนี้จริง ๆ แต่งมาสองปี หนึ่งเดือนกับอีกสิบวัน ผูกพันมาก ๆ เลย
มินดีใจทุกครั้งค่ะที่มียอดคนติดตาม
ยอดคนอ่านและยอดคนคอมเม้นขึ้น มันรู้สึกดีมาก ๆ เลยค่ะที่มีคนชอบในสิ่งที่เราทำ
ตอนแรกมินแค่แต่งเล่น ๆ สนุก ๆ คิดว่าขี้เกียจเมื่อไหร่ก็หยุดแต่พอยิ่งแต่งมันก็ยิ่งชอบ
อยากจะให้ผลงานออกมาดีที่สุด
ฟิคเรื่องปีเตอร์แพนอาจจะไม่ใช่ฟิคที่ดีที่สุด สนุกที่สุด
แต่มินอยากจะให้ฟิคเรื่องนี้อยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน
คิดถึงเมื่อไหร่ก็กลับมาอ่านได้ตลอดนะคะ ถ้าวันนึงมินมีโอกาสมินอาจจะทำเป็นเล่มสักสองสามเล่มมาแจกนะคะ
แต่ไม่รู้นะว่าจะเป็นเมื่อไหร่
ก่อนหน้านี้มินเตรียมคำพูดไว้มากมายเลยค่ะที่จะเอาไว้พูดในบทส่งท้าย
แต่พอมาพิมพ์จริง ๆ กลับคิดไม่ออกซะงั้น
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ
แล้วนี่ก็เป็นตอนจบของฟิคที่ยืดเยื้อยาวนานมากกว่าจะจบ มินจะไม่ขออะไรอีกแล้วค่ะ ขอคอมเม้นยาว
ๆ นะคะมินอยากจะรู้ว่ารีดเดอร์รู้สึกยังไงกับเรื่องนี้มีความประทับใจยังไง
ชอบตัวละครตัวไหนและชอบเหตุการณ์ใดมากที่สุด (ถ้ายังจำได้) คนที่ไม่เคยคอมเม้นเลยสักตอนก็ขอเถอะนะคะขอให้เขียนให้ตอนนี้ตอนเดียวเพราะมินคงไม่ได้มาขออีกแล้ว
มินอยากอ่านจริง ๆ ค่ะอยากรู้ว่ารีดเดอร์คิดยังไงรู้สึกยังไงกับนิยายเรื่องนี้
สุดท้ายแล้วมินก็ต้องขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนจริง ๆ
นะคะที่ยังคงอยู่กับเรื่องนี้ ตามอ่านมาจนถึงตอนจบ
ถึงมันอาจจะไม่ใช่ตอนจบในฝันของใครหลาย ๆ คนแต่มันคือตอนจบที่ลงตัวที่สุดแล้วค่ะ
มินนั่งแต่งตอนนี้มาสองสามรอบเห็นจะได้เพราะอยากจะให้มันกลายเป็นความประทับใจของทุกคน
คนที่อยู่มาตั้งแต่ปีห้าเจ็ดจนตอนนี้ห้าเก้าแล้วมินรู้สึกขอบคุณจริง
ๆ ค่ะที่อดทนมาได้ขนาดนี้ถ้าเป็นมิน มินคงเลิกอ่านไปนานแล้วค่ะ
เพราะกว่าจะอัพตอนนึงได้นี่นานมาก เป็นเดือนนึงหรือไม่สองสามเดือนค่อยมาอัพที
แต่ก็แต่งมาถึงตอนจจบได้ชมเชยตัวเองค่ะ
ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ มินจะรออ่านคอมเม้นนะคะ
รักรีดเดอร์เสมอค่ะ
(
หากอยากได้ตอนสเปเชี่ยลก็ทำตามที่ขอด้วยน๊า นี่ขู่แล้วนะคะ J )
ความคิดเห็น