คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #44 : My Peter Pan: Chapter42
เพราะฉันรักเธอเพียงแค่คนเดียว......
ซองกยูขับรถมาตามถนนด้วยความเร็วเกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ชายหนุ่มยังคงมีสีหน้าสบายอารมณ์ไร้ความกังวลใด ๆ ในขณะที่อีกคนเอาแต่ทำหน้านิ่งไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งสิ้น สายตาแข็งกร้าวของแบคฮยอนยังคงมองเหม่อออกไปนอกกระจกรถโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย เหมือนกับว่าเขาต้องการที่จะจมอยู่ในโลกของตัวเองเพื่อใช้เวลาไปกับความคิดมากมายที่อยู่ในหัวตลอดเวลา
มือข้างซ้ายของเขาถือกล่องสีน้ำเงินเอาไว้พรางจับมันแน่นราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าที่แสนจะหวงแหน
ซึ่งซองกยูเองก็รู้ดีว่าในกล่องนั่นมันมีอะไร
“
พยอน แบคฮยอน ฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้ายนะ...แกอยากจะไปจริง ๆ รึเปล่า ”
แบคฮยอนหันมามองหน้าเพื่อนสนิทด้วยแววตาที่ว่างเปล่าก่อนจะหันออกไปมองวิวด้านนอกกระจกตามเดิม
เขาเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยตอบซองกยูด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ ถ้าอยากให้ทุกอย่างจบ
จะช้าหรือเร็วยังไงฉันก็ต้องเผชิญกับมันอยู่ดี ”
“
แกจะไม่เสียใจแน่นะ ”
“
ก่อนหน้านี้แกยังบอกให้ฉันจัดการให้ถึงที่สุดอยู่เลย
ทำไมตอนนี้ถึงเอาแต่ถามคำถามแบบนี้ล่ะ ”
“
ก็ถ้าแกแสดงอารมณ์ออกมามากกว่านี้ฉันก็ไม่มาถามย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ
แบบนี้หรอก...แล้วอีกอย่างนะ
ถ้าเกิดวันนี้มันมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาล่ะก็ฉันไม่อยากเห็นแกเป็นทุกข์ไปตลอดชีวิตนะเว้ย
”
“
ฉันจะไม่มีวันเสียใจ...ขอแค่ให้เรื่องบ้า ๆ พวกนี้จบไปถึงตายฉันก็ยอม ”
แบคฮยอนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ก่อนที่มือหนาจะล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงพรางหยิบมือถือออกมา ตอนแรกแบคฮยอนตั้งใจว่าจะเอาออกมาปิดเครื่องแต่ทว่าสายตากลับโฟกัสไปยังข้อความมากมายที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอ
และเพียงแค่มองไปยังชื่อของบุคคลที่ส่งมาแบคฮยอนก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร มือหนาสไลค์หน้าจอที่มีภาพพื้นหลังเป็นรูปของผู้หญิงที่เขารักก่อนจะกดเข้าโปรแกรมแชทสุดฮิตเพื่อเข้าไปอ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาให้
®แม่ของมินอา®
'
กลับช้าได้ แต่ต้องกลับนะคะ '
'
วันนี้ฉันจะกลับไปนอนรอที่บ้านกับมินอา...รีบ ๆ กลับมานะคะ ทำธุระให้เสร็จเร็ว ๆ
เราสามคนจะได้เข้านอนพร้อมกัน '
'
บ้าจริง ๆ เลย ทำไมฉันต้องส่งข้อความพวกนี้มาหาพี่ด้วยเนี่ย...พี่ไม่ได้จะไปไหนสักหน่อยก็แค่ไปทำธุระนิดเดียวเองเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว
สงสัยเป็นเพราะไวน์ที่ทิฟฟานี่ให้จิบแน่ ๆ เลย...ฮ่า ๆ ๆ ๆ ฉันจะรอนะคะ '
'
เผื่อพี่ยังไม่รู้...ฉันรักพี่นะคะ '
'
ฉันต้องเมาแล้วแน่ ๆ เลย เป็นบ้าไปแล้ว ห้ามเปิดอ่านนะคะ '
แบคฮยอนหัวเราะในลำคอเบา
ๆ ก่อนที่แววตาจะเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
รู้สึกเหมือนถูกดึงหัวใจออกมาแล้วโยนมันทิ้งลงไปในเหวลึก ลงไปในที่ที่เขาจะไม่มีวันค้นเจอ
ตอนที่เขาได้แทยอนคืนมา
แบคฮยอนสาบานกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกเขาจะไม่ยอมเสียเธอไปเด็ดขาดและตอนนี้เขาก็กำลังจะปกป้องเธอให้พ้นจากเรื่องเลวร้ายทั้งปวงที่เขาเป็นคนก่อ
ในเมื่อแทยอนเจ็บปวดเพราะเขาเธอก็ควรจะมีความสุขเพราะเขาด้วยเช่นกัน
®พ่อของมินอา®
1 ' แล้วจะรีบกลับไปหานะคนดี '
แบคฮยอนลงมือพิมพ์อย่างรวดเร็วก่อนจะกดส่งไปให้อีกฝ่าย
ร่างสูงกดปิดเครื่องทันทีเพราะไม่อยากให้มีอะไรมารบกวนจิตใจตัวเอง
แบคฮยอนกลัวว่าหากแทยอนพูดอะไรมากไปกว่านี้เขาอาจจะไขว้เขวจนไม่กล้าที่ทำอะไรเลยก็ได้และที่สำคัญเขาไม่ต้องการให้ใครมาเป็นกังวลเรื่องของเขา
แบคฮยอนอยากจะจัดการเรื่องนี้ให้เงียบที่สุดเท่าที่ทำได้เพราะอย่างน้อย
ๆ คนพวกนั้นก็เคยเป็นเพื่อนรักกับเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาไม่อยากจะทำร้ายใครไม่ใช่เพราะต้องการจะทำตัวเป็นพระเอกแต่ที่ไม่อยากให้ใครมาเกี่ยวด้วยเพราะเรื่องนี้เริ่มเพราะเขาถ้าจะจบก็ต้องจบที่เขาเท่านั้น
“
แกตายไม่ได้หรอกแบคฮยอน...เพราะมีคนรอแกอยู่ ฉันพูดถูกใช่ไหม? ”
“
แค่มาคุยธุระ จำเป็นที่จะต้องทำฟิลให้เหมือนจะไปรบที่ชายแดนด้วยเหรอวะ พูดซะฉันเป็นทหารที่กำลังร่ำราลูกเมียจะไปรบเลย
” แบคฮยอนพูดติดตลกเล็กน้อยก่อนจะเหลือบไปมองเบาะด้านหลังที่มีอาวุธครบมือชนิดที่ว่าก่อสงครามได้เลยทีเดียว
“ แล้วนี่แกเอาของพวกนี้มาด้วยทำไม มีกันแค่สองคนอาวุธนี่ขนมาเป็นกองทัพ
จะก่อสงครามระหว่างประเทศเหรอ? ”
“
เผื่อฉุกเฉินเฉย ๆ เว้ย! แกก็รู้หนิว่าอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ ”
“
นั่น ๆ โกดังข้างหน้านั่น ” แบคฮยอนบอกกับซองกยูกพรางชี้ไปที่โกดังร้างที่เต็มไปด้วยหญ้าต้นสูงแถมยังมีสภาพเก่าจนไม่น่าจะมีใครมาได้
แต่ก็นั่นแหละสถานที่แบบนี้มันย่อมเหมาะกับการพบปะกันของพวกที่คิดร้ายกับคนอื่น “
จอดตรงนี้แหละ เดี๋ยวพวกนั้นรู้ตัว ”
“
แน่ใจหรอแบคฮยอน? ถ้าพวกนั้นมาที่นี้แล้วไหนรถล่ะ
ฉันว่าป่าหญ้าข้างหน้านี่ถ้ามีรถขับผ่านเข้าไปก็ต้องมีร่องรอยล้อรถนะ
แกแน่ใจแล้วหรอว่าเป็นที่นี่จริง ๆ ” ซองกยูเอ่ยถามหลังจากที่ลงมาจากรถแล้ว
เขาย่นหน้าผากลงมาพรางจดจ้องไปที่ภาพตรงหน้าอย่างนึกสงสัย
จะประชุมกันทั้งทีเลือกที่ที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรอ? ทำไมไม่เลือกโรงแรมหรือที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่รกร้างแบบนี้
“
ฉันว่าฉันมั่นใจนะว่าเป็นที่นี่ หรือพวกมันจะรู้ตัวก่อนเลยไม่มา? ”
“
งั้นเข้าไปดูกันมั้ย บางทีพวกนั้นอาจจะจอดรถไว้ที่อื่นแล้วเดินเข้าไปแทน ”
แบคฮยอนพยักหน้าให้กับซองกยูก่อนจะเดินนำหน้าเข้าไปในนั้น
หญ้าที่ขึ้นอยู่เต็มพื้นที่สูงจนเกือบจะถึงเอวของเขา แถมพื้นดินยังเป็นดินแฉะ ๆ
ที่สร้างความลำบากให้กับการเดินอีก...เขาชักจะไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าที่นี่คือที่ ๆ
พวกนั้นนัดพบเจอกันจริงรึเปล่า
“
ในเมืองแบบนี้หญ้ายังขึ้นสูงได้อีกหรอวะ กันดารของแท้ ” ซองกยูบ่นอุบอิบแต่ก็ยังเดินฝ่าเข้ามาตามหลังแบคฮยอนติด
ๆ
“
ตั้งอยู่ในเมืองแต่ก็ไม่ได้แปลว่าหญ้าจะไม่ขึ้นหนิ เดินดี ๆ ละกันระวังงูจะฉกเอา ”
ชายหนุ่มทั้งสองเดินฝ่าดงหญ้ามาจนถึงประดูบานใหญ่ที่แง้มออกเล็กน้อย
เขาจัดการงัดมันออกให้กว้างพอที่จะยัดตัวเองเข้าไปได้ก่อนจะรีบเดินเข้าไปแต่ก็ไม่ละความระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะมีใครเห็นเขาเข้า
แต่ทว่าพอเข้ามาแล้วกลับพบเพียงความว่างเปล่า
โกดังแห่งนี้ไม่มีอะไรบรรจุอยู่เลยจะมีก็แต่ขยะไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่กระจัดกระจายกันอยู่เกลื่อนพื้น
เนื่องด้วยที่นี้ไม่ได้ใหญ่มากแถมยังเป็นโกดังที่ไม่มีของอะไรอยู่อีกมันเลยทำให้มองเห็นทุกตารางเมตรของที่นี่
“
แกแน่ใจหรอแบคว่าเป็นที่นี่ เงียบขนาดนี้...ประชุมกระซิบเหรอ?
ปรึกษาหารือกันผ่านกระแสจิตงี้ แถมใส่ผ้าคลุมล่องหนกันด้วย
ฉันว่าแกโดนพวกมันหลอกแล้วว่ะ ”
“
หรือที่นี่จะมีห้องที่แยกออกไปวะ ”
“
นี่ยังไม่ยอมรับว่าโดนหลอก? ”
“
แกกับฉันแยกกันไปหา ” แบคฮยอนบอกเสียงเรียบก่อนจะเดินหลังไว ๆ ไปอีกฟากของโกดัง เขาทำทุกอย่าง
อย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอดไม่มีทางที่คนอื่นจะรู้ได้
ขนาดแทยอนที่อยู่กับเขาเกือบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงยังไม่รู้เลยแล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น
ร่างสูงพยายามมองหาประตูที่สามารถเชื่อมไปยังที่อื่นได้
แต่ก็ไร้วี่แวว
ที่นี่เป็นที่ปิดตายประตูทุกบานถูกล็อคจากข้างนอกหมดไม่มีทางที่จะเชื่อมกับที่อื่นได้แน่
แต่ที่ประตูถูกแง้มออกมานั่นล่ะมันคืออะไร?
จะว่าเป็นพวกเด็กขี้ยาเข้ามามั่วสุมกันก็คงจะไม่ใช่เพราะอุปกรณ์ก็ไม่เห็นมีแล้ว
จะว่าเป็นที่
ๆ
คนจรจัดมานอนก็คงไม่ใช่เพราะดูจะการขึ้นของหญ้าแล้วเหมือนที่นี่ไม่เคยมีใครเลยด้วยซ้ำ
ถ้าคิดในแง่ดีคือเขามาผิดที่และบังเอิญว่าประตูไม่ได้ล็อคพอดี
แต่ถ้าคิดในแง่ร้ายทุกอย่างถูกเตรียมการเอาไว้แล้วนี่คือแผนของคนพวกนั้น
“
ไอ้ซองกยูนี่เป็นกับดักรีบออกไปเร็ว! อ๊ะ! ”
ยังไม่ทันที่แบฮยอนจะได้วิ่งไปไหนไกลด้วยซ้ำจู่
ๆ ร่างทั้งร่างก็ล้มฟุบลงกับพื้นพร้อมกับสติที่ลางเลือนไปในที่สุด...เขานี่ช่างโง่เขลาเสียจริง
ๆ รู้ว่ามันคือกับดักก็ตอนที่โดนกับดักเล่นงานไปแล้ว
*
“
อ้าวแทยอน! ทำไมมาคนเดียวล่ะ แบคฮยอนหายไปไหน? ”
ชานยอลเอ่ยถามแทยอนทันทีที่คนตัวเล็กวางถุงมากมายที่หอบหิ้วมาลงบนโต๊ะคนเดียวโดยไร้ร่องรอยของคนหวงเมียเสียยิ่งกว่าจงอางห่วงไข่อย่างแบคฮยอนเคียงข้างกาย...ตอนออกไปก็ออกไปด้วยกันนี่นาทำไมขากลับถึงปล่อยให้แทยอนมาคนเดียว
แบคฮยอนมันไปไหนของมันกัน
“
เขาไปทำธุระค่ะ
เห็นว่าด่วนมาก...เขาฝากมาบอกทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วงกลับมาไม่ทันกินด้วยแน่นอนไม่ต้องรอค่ะ
”
“
เอ้า! ไอ้บ้านี่คิดจะไปก็ไปคิดจะมาก็มา แล้วเธอรู้ไหมแทยอนว่ามันไปทำธุระอะไรที่ไหน
สำคัญมากถึงขนาดที่ต้องทิ้งปาร์ตี้ที่มันเร่งให้ทุกคนมารวมตัวกันไปเลยหรอ? ”
ชานยอลวางไม้บาร์บีคิวที่ย่างสุกแล้วลงบนจานเซรามิคสีขาว
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างนึกสงสัย...ช่วงเวลาแบบนี้มีธุระอะไรที่เร่งด่วนมากขนาดนั้นด้วยหรอ?
เป็นเรื่องบริษัทก็คงไม่ใช่เพราะอะไร ๆ ก็ดูเหมือนจะสงบลงแล้ว
ยิ่งเป็นเรื่องที่เนเวอร์แลนด์นี้ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลยช่วงปิดเทมอแบบนี้จะมีปัญหาได้ยังไงกัน
แล้วตกลงว่าแบคฮยอนไปไหน?
“
ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่เขาคงไปไม่นานหรอก...เดี๋ยวก็คงกลับมา ”
“
เอาเถอะ ๆ อย่าถามอะไรเพื่อนฉันมากนักเลย...มา ๆ แทยอนแกมานั่งกินกับฉันตรงนี้มา ”
ซันนี่บอกปัด ๆ กับชานยอลพร้อมกับใช้มือตบเก้าอี้ที่ว่างข้าง ๆ ตัวเธอให้แทยอนมานั่งลง
เนื่องจากที่ ๆ แทยอนเคยนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ถูกชานยอลแย่งไปแล้ว “
เขาไปทำธุระก็เรื่องของเขา ส่วนพวกเราก็มาฉลองกันให้เต็มที่เลยดีไหม...ตั้งแต่ที่แทยอนกลับมายังไม่มีการเลี้ยงต้อนรับอย่างจริง
ๆ จัง ๆ เลย ”
“
วันนี้คือวันรวมญาติโดยแท้ ถ้าไอ้สามตัวเจ้าปัญหานั่นไม่หายหัวไปซะก่อน ” คิม
จุมมยอนกล่าวขึ้นลอย ๆ ในขณะที่มืออีกข้างยังคงควงแก้วไวน์เล่น ๆ
“
สามคน? อีกสองคนคือใครหรอคะ? ” แทยอนเอ่ยถามอย่างฉงน
ก่อนออกไปแบคฮยอนก็สั่งไว้แล้วนี่นาว่าให้ตามคนที่เหลือมาให้ครบไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
แล้วจะยังเหลือใครอีกล่ะที่ยังมาไม่ครบ
“
อ๋อ ลืมไปแทยอนความจำเสื่อมคงยังจำใครไม่ได้มาก...นอกจากแบคฮยอนที่ขาดไปแล้วก็มีพี่อี้ฟานคนที่ตัวสูง
ๆ น่ะแล้วอีกคนก็คือลู่หานคนที่หน้าหวาน ๆ สูงพอ ๆ กับแบคฮยอน ” ซูโฮพูดไปทำท่าประกอบไปด้วยเพราะกลัวว่าแทยอนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ
“ ตอนแรกพี่อี้ฟานน่ะตกปากรับคำนะว่าจะมาแต่ก็หายหัวไปเลยส่วนลู่หานติดต่อไม่ได้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตามให้มาได้ยังไง
”
“
อย่างนั้นเหรอคะ...คงมีธุระกันเยอะเลยสินะ ”
“
ธุระอะไรของมัน ลู่หานกะแบคฮยอนน่ะฉันไม่รู้หรอกนะแต่อี้ฟานเนี่ยสิ!
เป็นคนเร่งฉันมาแท้ ๆ แต่กลับไม่มาซะเอง แบบนี้มันใช้ได้หรอ? ” อี้ซิงบ่นอย่างอารมณ์เสียก่อนจะยกไวน์ในแก้วขึ้นมาดื่นรวดเดียวหมด
ให้ออกมาปาร์ตี้สร้างสีสันในชีวิตแบบนี้มันก็ดีอยู่หรอกแต่ไอ้คนที่เร่งรัดเขาให้มามันดันไม่มาซะเองน่าโมโหนัก
“
อย่าโมโหไปเลยน่าอี้ซิง ยังไงวันนี้ก็มาสนุกไม่ใช่เหรอไม่ได้มีอะไรเสียหายสักหน่อยนิ
” คยองซูปรามเพื่อนด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ
เหมือนที่เขาชอบทำก่อนจะหันกลับไปบรรจงเสียบเนื้อใส่ไม้บาร์บีคิวต่ออย่างอารมณ์ดี
ข้างกายของเขามีแฟนสาวอย่างซันนี่นั่งให้กำลังใจไม่ห่างโดยการย่อยเนื้อที่สุกแล้วลงท้องตัวเองไปแล้วก็ป้อนให้เขาบ้างอย่างสม่ำเสมอ
“
แทยอนมาช่วยฉันดูอันนี้หน่อยสิ ”
คำขอของโอ
เซฮุนทำให้แทยอนเบนความสนใจไปที่เพื่อนตัวสูงพรางพยักหน้าให้เบา ๆ
ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามเซฮุนไป
ถึงแม้จะแอบสงสัยว่าของที่เขาต้องการจะให้ดูคืออะไรแต่ก็ต้องเก็บไว้ก่อนเพราะเซฮุนเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเดินท่าเดียวโดยไม่หยุดรอเธอเลยสักนิด
ร่างสูงพาคนตัวเล็กเดินออกมาจากบ้านไม้ไกลพอสมควรก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าอีกฝ่าย
ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งดุจรูปปั้นทำเอาแทยอนตัวชาวาบเพราะไม่เคยเจอเซฮุนในโหมดนี้มาก่อน...เขาเป็นอะไรของเขากันนะ
“
เธอรู้ใช่ไหมแทยอนว่าพี่แบคฮยอนไปไหน ”
“
นายจะเชื่อฉันมั้ยถ้าฉันจะบอกว่าฉันไม่รู้ ”
แทยอนช้อนตามองเพื่อนตัวสูงก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ อันที่จริงเธอก็อยากจะบอกเซฮุนให้รู้อยู่หรอกเพื่อความอุ่นใจของตัวเธอเอง
แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าพูดไปแล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง...ทุกคนอาจจะวุ่นวายไปตามหาแบคฮยอนจนลืมความสุขที่เขาตั้งใจสร้างขึ้นมาในวันนี้ก็ได้
“
ฉันไม่เชื่อ...เธอรู้แน่ ๆ ว่าเขาไปไหน
บอกฉันมาเถอะแทยอน ถ้าเธอไม่บอกมันอาจจะเป็นอันตรายกับพี่แบคฮยอนก็ได้นะ ”
“
นายรู้เหรอว่าเขาจะไปทำอะไร ”
“
ฉันไม่ได้รู้ฉันแค่เดา...แต่ดูจากสถานการณ์แล้วฉันคงเดาถูกแน่ ๆ
และถ้าเธอไม่รีบบอกฉัน ความปลอดภัยของพี่แบคฮยอนก็เท่ากับสูน
เธอนึกภาพไม่ออกแน่แทยอนว่าคนที่พี่แบคฮยอนไปหามันน่ากลัวแค่ไหน
คนพวกนั้นทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ”
“
แล้วเขาจะเป็นอะไรไหมอ่ะเซฮุน ฉันเป็นห่วงเขา ”
ร่างเล็กเริ่มเหงื่อตก
หัวใจที่มันรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งดิ่งฮวบลงเหวไปกันใหญ่ ทำไมถึงได้รู้สึกหายใจลำบากแบบนี้...แทยอนได้แต่คิดในใจว่าเธอไม่น่าปล่อยให้เขาไปง่าย
ๆ เลย เธอควรจะคิดให้มากกว่านี้แบคฮยอนจะได้ไม่ต้องไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น
“
เราตามเขาไปกันเถอะเซฮุน ”
“
เธอรู้หรอว่าเขาไปที่ไหน? ”
“
ฉันรู้ ฉันจะบอกนาย...แต่นายต้องสัญญานะว่านายจะไม่บอกใคร
ห้ามบอกใครทั้งนั้นเพราะมันจะทำลายความตั้งใจของเขา
ที่เขาจัดปาร์ตี้ในวันนี้เพราะเขาต้องการให้ทุกคนสนุกมีความสุขและลืมเรื่องของเขาไป
เขาไม่อยากให้ใครกังวลฉะนั้นนายห้ามบอกใครนะ ” แทยอนเขย่าแขนของเพื่อนตัวสูงเบา ๆ
เป็นเชิงขอร้อง..ตอนนี้อะไรก็ตามที่เธอสามารถทำเพื่อแบคฮยอนเธอก็พร้อมที่จะทำหมดนั่นแหละ
“
ฉันเข้าใจแล้ว ฉันถึงได้พาเธอออกมาพูดข้างนอกไง...ถึงพี่แบคฮยอนเขาจะดูใจเย็นแต่ถ้าได้ลองโมโหแล้วไม่ว่าหน้าไหนเขาก็ไม่สนทั้งนั้น
เธอเองก็เคยเห็นหนิ ”
แทยอนเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ฟังเซฮุนพูดถึงแบคฮยอน
เขามีความเป็นผู้ใหญ่สูงและใจเย็นอยู่มากก็จริง แต่พอเวลาที่เขาโกรธจริง ๆ จัง ๆ
ขึ้นมามันน่ากลัวมากยิ่งใครทุกคนที่แทยอนเคยเจอมาเสียอีก...ร่างเล็กถอนหายใจออกมายาวเหยียดพรางเบนสายตาไปทางอื่นอย่างคนวิตกกังวล
ทว่าสายตากลับไปสะดุดกับอะไรบางอย่างดึงดูดความสนใจจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“
นั่นอะไรเหรอเซฮุน ”
แทยอนพูดพรางชี้ไปที่แห่งนึงที่เหมือนจะเป็นสุสานซึ่งอยู่ห่างจากตรงที่เธอยืนอยู่ไกลพอสมควร...สิ่งนั้นทำให้เธอหวนนึกไปถึงคำพูดของแบคฮยอนที่เคยบอกว่าที่นี่เคยมีคนฆ่าตัวตาย
และยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อยุนอาก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“
ตอนที่ฉันออกไปซื้อของกับพี่แบคฮยอน เขาบอกกับฉันว่าที่นี่เคยมีคนฆ่าตัวตาย
แล้วเธอคนนั้นก็เป็นคนสำคัญด้วย...นายพอจะบอกฉันได้มั้ยว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร ”
“
เขาเล่าให้เธอฟังเหรอ? ”
“
ฉันสงสัยว่าทำไมที่นี่เหมือนไม่ค่อยมีใครเข้ามาก็เลยถาม เขาก็เลยเล่าให้ฟังแต่ยังไม่ได้พูดอะไรให้มันชัด
ๆ ก็มีคนมาขัดซะก่อน...ว่าไงเซฮุน นายเล่าให้ฉันฟังได้ไหม? ”
“
ฉันจะเริ่มเล่ายังไงดีเนี่ย ”
เซฮุนทำท่าลำบากใจพรางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่เขาไม่ค่อยอยากจะนึกถึงสักเท่าไหร่แต่ก็จำทุกอย่างได้ขึ้นใจโดยไม่มีวันลืม
“
เล่าแบบยาว ๆ ได้ไหมอ่ะ เอาแบบระเอียดเลยนะ ”
“
อืม...คือเธอรู้ใช่ไหมว่าครอบครัวของพวกเราทั้งสิบสองตระกูลมีความเกี่ยวพันกันทางด้านธุรกิจ
ก็อย่างที่เธอเห็นพวกเราทั้งหมดเป็นผู้ชายแต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีเพื่อนเป็นผู้หญิง
”
“
ยุนอาใช่ไหม? ”
“
ใช่ แต่นอกจากยุนอาแล้วก็มีอีกคน เบ จูฮยอน... ”
“
เธอคือคนที่อยู่ในสุสานนั่นเหรอ? ”
เซฮุนพยักหน้าพรางเบนสายตาไปมองทางอื่นก่อนจะพูดต่อ
“ อืม...เบ จูฮยอนกับอิม ยุนอาเป็นผู้หญิงแค่สองคนที่อยู่ในกลุ่มของเรา
ฉะนั้นทั้งสองคนจึงเป็นเหมือนน้องสาวที่เราทุกคนต้องปกป้อง
ถึงพวกเราจะเรียนกันคนละที่แต่ก็รักแล้วก็สนิทกันมาก ๆ
เหมือนเป็นพี่น้องร่วมท้องกันจริง ๆ แต่ไม่ใช่กับจูฮยอนและพี่ลู่หาน ”
“
อ้าว...จูฮยอนเป็นแฟนของลู่หานเหรอ? ”
“
ไม่ใช่ จูฮยอนไม่ใช่แฟนของพี่ลู่หานแต่เป็นคู่หมั้นของพี่อี้ฟาน จูฮยอนไม่เคยรักพี่อี้ฟานเลยแต่ที่เธอยอมหมั้นเพราะพ่อแม่ของเธอบังคับ...ในตอนนั้นตอนที่พวกเราวุ่นอยู่กับการต่อเติมเนเวอร์แลนด์กันเหมือนพี่แบคฮยอนกับยุนอาจะมีปัญหากันดูท่าแล้วน่าจะหนักมากด้วยเพราะพี่แบคฮยอนไม่ยอมทำการทำงานเลยวัน
ๆ เอาแต่ซดเหล้าโรงเรียนก็ไม่ไป
ถ้าตอนนี้เธอความจำอยู่ครบเธอก็น่าจะจำได้นะว่ามันช่วงไหนเพราะตอนนั้นฉันเคยได้ยินยุนอาพูดถึงเธอบ่อย
ๆ แต่ก็นั่นแหละเพราะพี่แบคไม่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อนทุกคนก็เลยเป็นห่วง
หน้าที่ปลอบใจก็คงมีแค่ผู้หญิงที่ทำได้ดีที่สุด พวกเราก็เลยให้จูฮยอนไปปลอบไปคอยดูแลพี่แบค
”
“
นี่นายอย่าบอกนะว่าพี่แบคฮยอนเมาแล้วไปมีอะไรกับจูฮยอนน่ะ! ”
“
เปล่า ไม่ใช่...ถึงพี่แบคฮยอนจะเมาแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เคยขาดสติถึงขนาดไปปล้ำใครหรอก
”
“
แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ ”
“
ฟังให้จบก่อนสิ ยัยตัวเล็ก! ”
เซฮุนแกล้งทำเสียงดุใส่เพื่อนตัวเล็ก
ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าข้อมือบางให้เดินตามเขาไปยังสุสานนั่น
จะว่าไปเขาก็ไม่ได้มาที่นี่นานแล้วนะครั้งล่าสุดที่มาเหมือนจะเป็นปีที่แล้วตอนวันครบรอบการเสียชีวิต
“
พี่แบคฮยอนไม่ได้ไปปล้ำใครก็จริงแต่ก็มีเรื่องกับคนอื่นไปทั่ว
ตอนนั้นน่ะหน้าของเขามีแผลนับไม่ถ้วนเลยแต่ยุนอาก็ไม่เคยสนใจเธอมีแฟนใหม่นั่นก็คือเอส
ยิ่งรู้ว่าแฟนใหม่ของยุนอาเป็นใครพี่แบคฮยอนก็ยิ่งทำตัวเละเทะจูฮยอนก็เลยยิ่งต้องตามติดแจบวกกับตอนนั้นงานที่เนเวอร์แลนด์มีปัญหาด้วยแหละก็เลยไม่มีใครว่างไปอยู่กับพี่แบคฮยอนเลยสักคน...แล้วคืนนั้นก็มาถึง
พี่แบคออกไปกินเหล้าที่คลับเหมือนทุกวันโดยมีจูฮยอนตามไปด้วยขากลับคืนนั้นเหมือนพี่แบคฮยอนจะไปเจอกับคู่อริเก่า...คนพวกนั้นจับจูฮยอนไป
ไม่มีใครรู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็ทำให้เราเสียจูฮยอนไป ”
ปั๊ง!
“
เกิดอะไรขึ้นน่ะ! ” คนตัวเล็กอุทานเสียงดังพรางสอดส่องสายตาไปเรื่อย ๆ
เพื่อมองหาต้นตอของเสียงแต่ก็ไร้วี่แวว จะว่าเป็นเสียงที่มาจากบ้านไม้กคงไม่ใช้เพราะเสียงที่ดังเมื่อสักครู่มาจากอีกทาง
“
แทยอนรอฉันตรงนี้นะ อย่าพึ่งไปไหน มันอาจจะเป็นอันตรายก็ได้ถ้าเธอไป ”
แทยอนพยักหน้ารับคำเพื่อนตัวสูงเบา
ๆ พรางกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ลงคอ
หลังจากพูดกับเธอจบร่างสูงก็รีบวิ่งออกไปทันทีโดยที่ไม่ลืมหันมามองเป็นระยะ ๆ
ว่าเธอยังสบายดีอยู่มั้ย...แทยอนใจคอไม่ดีเอาเสียเลย
เป็นห่วงแบคฮยอนจนแทบบ้าอยู่แล้ว เสียงปืนเมื่อกี้มาจากเขารึเปล่านะ
หรือมีใครคิดจะเล่นพิเรน ๆ แถวนี้ ในใจก็ได้แต่ภาวนาให้เป็นอย่างหลังมากกว่า
แบคฮยอนรับปากแล้วว่าจะมาก็ต้องกลับมาสิ
“
ถ้ารอเซฮุนคงจะไม่ทัน...อื้อ! ปล่อยนะ ปล่อยฉัน! ”
*
เปลือกตาสีมุกค่อย
ๆ เปิดขึ้นมาช้า ๆ พร้อมกับมือที่ถูกมัดรวบไว้เหนือหัวและอาการเวียนศรีษะที่มากจนอยากจะอาเจียนออกมาของคนตัวเล็ก
ทำไมถึงได้ปวดหัวมากมายขนาดนี้นะ...แทยอนพยายามหรี่ตาลงเพื่อปรับโฟกัสให้สายตาให้รับกับแสงได้
คำถามมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัวยิ่งทวีความปวดหนึบให้มากขึ้นไปอีก
“
ที่นี่ที่ไหนเนี่ย.. ”
ร่างเล็กพึมพำกับตัวเองหลังจากที่มองไปรอบ
ๆ แล้วพบว่าที่นี่เป็นที่ ๆ ไม่คุ้นตาเลยสักนิดสำหรับเธอ แทยอนหลับตาลงแน่น ๆ
หนึ่งทีก่อนจะลืมตาขึ้นมาเป็นจังหวะเดียวกับที่สายตาไปปะทะเข้ากับร่างหนาของใครบางคนที่ถูกมัดแขนไขว้เอาไว้ที่ด้านหลังกำลังนอนขดตัวอยู่บนพื้น
“
พี่แบคฮยอน... ”
“
... ”
“
ทำบ้าอะไรแบบนี้เนี่ย! ”
ร่างเล็กพยายามบิดข้อมือให้หลุดพ้นจากเชือกที่มัดตรึงไว้บนคานไม้เหนือหัว
แต่ก็ไร้ประโยชน์เพราะเชือกมันรัดแน่นเกินกว่าที่จะหลุดออกมาได้ง่าย ๆ “
พี่แบคฮยอน ตื่นสิคะ! ตื่นขึ้นมาเร็วเข้า ”
“
... ”
“
ใครกันที่ทำแบบนี้ ยุนอาเหรอ? เธอชักจะเล่นแรงเกินไปแล้วนะ!
ยังมีความเป็นคนอยู่รึเปล่า ปล่อยพวกเราไปได้แล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือไงว่า
ไม่ว่าเธอจะทำยังไงพี่แบคฮยอนก็ไม่มีวันเลิกรักฉัน เขารักฉันได้ยินไหม?!
ฉะนั้นเธอปล่อยพวกเราไปได้แล้ว ”
“
... ”
“
เงียบทำไมล่ะ ออกมาสิ...อย่าทำตัวเหมือนนางร้ายในละครน้ำเน่านะฉันไม่ชอบ
เธอทำแบบนี้มันไม่ได้ได้น่าสงสารเลยสักนิดกลับกันมันยิ่งน่าสมเพชมากกว่าเดิม...ออกมาเดี๋ยวนี้นะยุนอา!
ออกมะ...พี่แบคฮยอน! ”
ร่างหนาของแบคฮยอนค่อย
ๆ ขยับตัวที่ละน้อยทำให้แทยอนหยุดโวยวายถึงยุนอาแล้วเอาแต่เพ่งสายตาจ้องมองร่างสูงแค่คนเดียว...แบคฮยอนลืมตาขึ้นมาช้า
ๆ ก่อนจะสะบัดหัวเล็กน้อยไล่ความปวดที่บริเวณต้นคอ
“
แทยอน... ”
“
บาดเจ็บตรงไหนไหมคะ? ”
แบคฮยอนส่ายหน้าเบา
ๆ ก่อนจะพยายามดันตัวลุกขึ้นนั่ง โชคดีที่คนที่จับพวกเขามาไม่ได้มัดเท้าแบคฮยอนไว้เลยไม่ค่อยลำบากเท่าไหร่แต่การมัดแขนไว้ด้านหลังก็ทำให้เขาไม่สบายตัวอยู่ดีนั่นแหละ
“
คนโกหก ไหนบอกว่าไม่อันตรายไงคะ...ทำไมถึงต้องให้ตัวเองบาดเจ็บด้วยคะ
ถ้าเกิดไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะจะทำยังไง...แต่ถึงจะฟื้นขึ้นมาได้ก็ไม่รู้อีกว่าจะหายใจต่อได้อีกนานเท่าไหร่
”
“
เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? ”
“
ฉันสบายดีค่ะ แต่โดนมัดไว้แบบนี้ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่...แล้วตกลงใครเป็นคนทำแบบนี้กับเราคะ
ยุนอาใช่มั้ย? ”
ร่างสูงส่ายหน้าเบา
ๆ ก่อนที่แววตาจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธเคืองแทน...คนทำเป็นใครยังไม่แน่ใจแต่ที่แน่
ๆ ไม่ใช่ยุนอาแน่นอน เขาน่าจะเอะใจตั้งแต่ตอนที่ออกมาแล้วสวนทางกับเธอแล้ว
ท่าทางยุนอาเหมือนแค่เดินผ่านมาแล้วบังเอิญเจอก็เท่านั้นเธอไม่ได้มีสภาพเหมือนคนกำลังจะออกไปไหนหรือไปประชุมรวมตัวอะไรข้างนอกเลย
เสียรู้ให้มันจนได้
“
คนที่หักหลังใช่ไหมคะ? คน ๆ นั้นเป็นคนทำแบบนี้กับเรางั้นเหรอ ”
“
ใช่ ไอ้เลวนั่นไง ”
เขาพูดพรางใช้หางตาตวัดไปหาอะไรบางหลังที่อยู่ข้างหลังแทยอน
ร่างเล็กหันกลับไปมองตามแต่ทว่าเธอกลับเห็นใครบางคนเพียงแค่เสี้ยวเล็ก ๆ
เพราะเขายืนอยู่ข้างหลังเธอและเธอเองก็หันไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
เลยดูไม่ออกว่าเขาเป็นใคร รู้แค่ว่ามือของเขาข้างที่เธอเห็นนั้นมันอาบโชกไปด้วยเลือดสีแดงสด
“
แกทำอะไรของแก จับแทยอนมาทำไม...แทยอนเกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ ”
“
ทำไมจะไม่เกี่ยว แทยอนน่ะเกี่ยวเต็ม ๆ เลยล่ะ ”
แทยอนขมวดคิ้วทันทีที่ยินเสียงของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอ
เสียงนี้มันเป็นเอกลัษณ์ เสียงหวาน ๆ ที่แม้จะเป็นเสียงของผู้ชายแต่ก็ยังหวาน
หรือนี้จะเป็นเสียงของ....
“
เสียสติไปแล้วหรือไงลู่หาน ทำแบบนี้แล้วได้อะไร ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้น
สมองของแทยอนก็ประมวลผลประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดแทบจะทันที
เรื่องสุสานก่อนหน้านี้ที่เธอพึ่งรู้มาจากปากของเซฮุนบวกกับเรื่องในตอนนี้ทำให้เธอพอจะเข้าใจว่าลู่หานทำแบบนี้ทำไม...แล้วถ้าเข้าใจไม่ผิดลู่หานคงจะโกรธเรื่องของจูฮยอนแน่นอน
แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดีที่จะทำอะไรรุนแรงแบบนี้
“
เรื่องของจูฮยอนใช่ไหม? ”
“
แทยอนเธอรู้ได้ยังไง? ใครเล่าให้เธอฟัง จำได้ว่าฉันยังไม่ได้พูดอะไรหนิ ”
“
เซฮุนเป็นคนบอกฉันค่ะ...นี่ลู่หานฟังนะ ฉันรู้ว่านายเสียใจที่สูญเสียคนรักไป
แต่นายไม่ควรทำแบบนี้นะ พี่แบคฮยอนไม่ผิดคนที่ผิดคือคนพวกนั้นต่างหาก ”
“
เธอมั่นใจหรอว่าแบคฮยอนไม่ผิด? ”
“
โอเคร ใช่เขาก็มีส่วนผิดที่ทำตัวเหลวไหลสร้างศัตรูไปทั่วจนทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้
แต่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องพวกนั้นเกิดขึ้นสักหน่อย
ถึงฉันจะไม่ได้อยู่ด้วยในตอนนั้นแต่ฉันรู้ว่าไม่มีใครอยากจะให้จูฮยอนตาย
ทุกคนต่างก็รักและเป็นห่วงจูฮยอนทั้งนั้นแหละ
ถ้าพี่แบคฮยอนเลือกได้ฉันเชื่อว่าเขาจะขอเป็นคนที่ตายในคืนนั้นแทน ”
“
มาพูดเอาตอนนี้จะพูดยังไงก็ได้ จะพูดให้ตัวเองดูดีและสวยหรูยังไงก็พูดได้เพราะคนที่ตายก็ตายไปแล้ว
เธอจะบอกให้ฉันปล่อยวางงั้นเหรอ? งั้นเธอลองหันไปถามมันสิ ว่าถ้าคืนนั้นคนที่ตาย
คนที่โดนกระทำเป็นเธอไม่ใช่จูฮยอนไอ้แบคฮยอนมันจะปล่อยวางได้ไหม? ”
ลู่หานยิ้มเหยียด
เขามองไปที่แบคฮยอนพรางเลิกคิ้วถามทำให้เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งสามคน
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาทั้งใน แบคฮยอนเองก็เอาแต่มองหน้าแทยอนด้วยแววตาที่คาดเดาไม่ได้
และก็คงไม่ต้องเดาคำตอบอะไรให้มันมากความเพราะเห็นได้ชัด ๆ
อยู่แล้วว่าถ้าเป็นแบคฮยอนเขาจะทำลายทุกอย่างภายในเวลาอันรอดเร็วและก็คงไม่ใจเย็นเหมือนที่ลู่หานทำ
“
ฉันตอบให้ก็ได้ แบคฮยอนมันจะไม่มีทางปล่อยวาง และจะทำทุกวิธีทางเพื่อให้คนที่ทำเธอเจ็บ
เจ็บกว่าเธอหลายเท่า...เห็นไหมแทยอน ขนาดมันยังทำไม่ได้เลย แล้วจะมาคาดหวังอะไรจากฉัน
”
“
นายพูดถูกลู่หาน เรื่องนี้ไม่ว่าเกิดกับใครคน ๆ นั้นก็ไม่มีทางทำใจได้หรอก
แต่ทางออกมันไม่ได้มีแค่ทางเดียว การแก้แค้นไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายของเรื่องนี้
นายสามารถเลือกได้นะลู่หาน คนที่จากไปคือคนที่ไม่รับรู้อะไรแล้ว
แล้วทำไมนายถึงยังฝังใจเจ็บทำให้ตัวเองเป็นทุกข์อยู่อีกล่ะ
ให้อภัยและปล่อยพวกเราไปเถอะนะ ”
“
ฉันไม่ขังพวกเธอสองเอาไว้ที่นี่ตลอดชีวิตหรอกแทยอน
ไม่ต้องห่วง...ฉันจะปล่อยเธอกับไอ้แบคฮยอนไปและชดใช้ในสิ่งที่ฉันทำ
แต่ต้องหลังจากที่มันไม่หายใจแล้วนะ ”
“
ถ้าแกต้องการอย่างนั้น แกก็รีบฆ่าฉันเลยสิ! ยิงฉัน ฆ่าฉันให้ตาย
อยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่แกห้ามแตะต้องแทยอนเป็นอันขาด ”
“
ง่ายไป...ถ้าฉันรีบร้อนขนาดนั้นแกคงไม่ได้อยู่หายใจมานานขนาดนี้ ก่อนตายนะแบคฮยอน
แกควรได้รู้ในสิ่งที่แกอยากรู้และหลังจากที่แกหมดเรื่องข้องใจ
ฉันจะปล่อยให้แกได้ร่ำรากับผู้หญิงที่แกรัก จากนั้นค่อย...ปั๊ง! ตรงสมองของแก ”
ลู่หานทำมือคล้าย
ๆ กับปืนก่อนจะทำท่ายิงไปที่แบคฮยอน ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ใบหน้าคมคายฉายแววเจ้าเล่ห์ราวกับปีศาจร้าย
เขาเดินมาใกล้ ๆ กับคนตัวเล็กก่อนจะเล้าโลมคลอเคลียบริเวณใบหน้าสวยหวานของเธอ
นั่นยิ่งทำให้แบคฮยอนแทบคลั่ง
“
ฉันบอกว่าอย่าแตะต้องแทยอนไง! ”
“
ใจเย็น ๆ สิเพื่อนรัก ฉันแค่ล้อเล่นเอง...แต่ถ้าแกหวง ฉันไม่แหย่แล้วก็ได้ ”
ลู่หานชูมือขึ้นเหนือหัวเล็กน้อยพรางก้าวจะถอยหลังออกห่างจากแทยอน “ ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่าแกมีเรื่องอยากจะถามฉัน
ตอนนี้ฉันอยู่ให้ถามแล้ว ไหนมีอะไรสงสัยถามมาได้เลยเพื่อนรัก ”
“
จะฆ่าคนยังต้องลีลาอีกเหรอ? หึ! จะให้ถามอะไรอีกล่ะในเมื่อทุกอย่างมันชัดเจนตั้งแต่ที่ฉันรู้ว่าแกหักหลังแล้ว...ฉันไม่มีอะไรต้องถามทั้งนั้นแหละ
ฉันน่าจะเอะใจมาตั้งนานแล้ว ฉันมันโง่เองที่ยังไว้ใจแกทั้ง ๆ
ที่ฉันก็รู้ดีว่าแกมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นมากแค่ไหนแต่ฉันก็ยังวางใจคิดว่าแกจะเข้าใจและปล่อยวางเรื่องทุกอย่าง
แต่ที่ไหนได้สุดท้ายฉันก็โดนงูพิษมาแว้งกัด ”
“
ความไว้ใจนั่น ฉันมั่นใจนะว่าฉันไม่เคยเรียกร้องมัน...แกยัดเยียดมาให้ฉันเอง
แกคิดเองเออเองว่าฉันจะลืมเรื่องทุกอย่างและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้
เถียงฉันสิแบคฮยอนว่าที่แกพยายามทำทั้งหมดไม่ใช่เพื่อให้ตัวแกสบายใจและหลุดพ้นจากความรู้สึกผิด
แกมันก็เห็นแก่ตัว ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้นน่ะ ”
“
ฉันรู้ เรื่องของจูฮยอนฉันผิดเต็ม ๆ แต่ฉันก็ชดใช้ให้เธอไปแล้วหนิ แกยังจะต้องการอะไรอีก
ที่ผ่านมาฉันยังทุกข์ทรมานไม่พออีกเหรอ? ฉันต้องเจ็บมากกว่านี้อีกเท่าไหร่แกถึงจะพอใจ...แกทำร้ายฉันคนเดียวไม่พอแกยังดึงแทยอนเข้ามาเกี่ยวอีก
ฉันว่ามันมากเกินไปแล้วลู่หาน พอได้แล้ว! ”
แบคฮยอนตะโกนออกมาอย่าเหลืออด
เขาโกรธเลือดขึ้นจนหน้าแดงไปหมดแล้ว...พอนึกย้อนไปถึงความเจ็บปวดและปัญหาทุกอย่างที่เขาเจอหลังจากที่จูฮยอนจากไปมันทำให้แบคฮยอนรู้ว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้ยิ้มอย่างเต็มปาก
ไม่เคยมีความสุขอย่างเต็มใจเลย แต่ถึงจะมีบ้างมันก็เป็นเพียงช่วงเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาแห่งความทุกข์ที่พบเจอมา
บริษัทช่วงที่เขาขึ้นบริหารงานมีปัญหามาโดยตลอด
ที่ดินที่เขาเตรียมจะลงทุนก็ถูกโกงนำเอาไปขายให้บริษัทอื่นในราคาที่ถูกจนไม่น่าจะขายได้ทำให้เขาถูกตำหนิและถูกสอบสวนจนเป็นเรื่องใหญ่โตแถมเรื่องนั้นยังทำให้เขาทะเลาะกับแทยอนอีก
ชีวิตเขามันไม่เคยราบรื่นเลย
มีความสุขได้มันนานก็ต้องมาเจอเรื่องที่ทำให้เครียด...นั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะชดใช้ให้กับความผิดที่เขามีต่อลู่หาน
“
ตายก่อนสิ แล้วฉันจะหยุด ”
“
งั้นแกก็ฆ่าฉันเลยซะสิ แกจะรออะไร?! ”
“
ฉันบอกแล้วไงว่ามันง่ายไป...ฉันยังเห็นแกเจ็บไม่พอ ฉันต้องการให้แกเจ็บมากกว่านี้...เดี๋ยวจะยกตัวอย่างให้ดู
”
ลู่หานยกยิ้มมุมปากอย่างยียวนก่อนที่ริมฝีปากหนาจะเคลื่อนตัวเข้าไปครอบงำริมฝีปากบางของคนตัวเล็ก
แต่เขากลับไม่ได้ลุกล้ำเข้าไปมากกว่านั้นและใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็ถอนริมฝีปากออก
“ หวานแบบนี้นี่เอง คนอย่างแบคฮยอนถึงไม่ยอมปล่อยไปสักที ”
“
ไอ้ลู่หาน! อย่าหยุ่งกับแทยอน ”
“
นี่แค่ปากแตะปากเท่านั้นเองนะ รู้สึกยังไงบ้างแบคฮยอน เจ็บใช่ไหม?
กระวนกระวายจนแทบจะเป็นบ้า
แต่มันก็ยังไม่ได้ครึ่งอย่างที่ฉันรู้สึก...แต่อีกเดี๋ยวฉันจะทำให้แกรู้ซึ้งว่าฉันรู้สึกยังไงตอนที่จูฮยอนโดยไอ้พวกระยำนั่นมันข่มขืน
”
ลู่หานหัวเราะในลำคอ
นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเคืองขุ่น ยิ่งเห็นมันเป็นแบบนั้นแบคฮยอนก็ยิ่งแทบคลั่ง ที่ผ่านมา
ที่มันทำกับเขา
แบคฮยอนไม่เคยคิดติดใจเอาความเพราะยังไงมันก็คือเพื่อนแต่ตอนนี้ตอนที่มันเอามือสกปรก
ๆ คู่นั้นมาแตะบนตัวแทยอนความโกรธที่มีอยู่แล้ว มันยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีกราวกับปล่องพูเขาไฟที่พร้อมจะพ่นลาวาออกมาได้ทุกเมื่อ
“
ถ้ามึงแตะต้องเมียกูแม้แต่ปลายเล็บ กูฆ่ามึงแน่ลู่หาน! ”
“
ถึงกับขึ้นมึงกู คงโกรธแล้วสินะ แทบทนไม่ไหวเลยล่ะสิ แต่แค่นี้มันยังน้อยไปแบคฮยอน
ฉันอยากเห็นแกดิ้นพล่าน อยากเห็นแกเจ็บจนทนไม่ได้ แล้วก็เรียกร้องหาความตายในที่สุดเพื่อหยุดทุกอย่าง
”
แบคฮยอนหลับตาลงเพื่อนข่มอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย
ๆ เขาหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะผ่อนลมออกมา...ท่องเอาไว้ว่า
อย่าปล่อยให้สติแตกอีกไม่งั้นเรื่องจบไม่สวยแน่ “ พอได้แล้วลู่หาน ทำแบบนี้มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยนะมีแต่จะแย่ลง...ฉันจะไม่ขัดขืนหรือพูดอะไรอีกทั้งนั้นแต่ขออย่างเดียวอย่าทำอะไรแทยอน...เธอไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้
”
“
ทำแบบนั้นมันจบสวยเกินไป ฉันต้องการให้อะไร ๆ
มันดูยากกว่านี้...มันจะได้คุ้มค่ากับสิ่งที่ฉันเฝ้าทำมาตลอดไง ”
“
คิดถึงความเป็นจริงเข้าไว้สิลู่หาน...ถึงนายจะฆ่าเขาหรือฆ่าใคร
มันไม่ได้ทำให้จูฮยอนฟื้นขึ้นมาเลยนะแล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ดวงวิญญาณของเธออยู่อย่างสงบด้วย
นายรักเธอหรือนายรักตัวเองกันแน่ถึงไม่รู้ว่านายควรทำอะไร ”
คำพูดของแทยอนทำให้ลู่หานนิ่งไปชั่วขณะ
เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าตัวเองควรทำอะไร...ทำไมแทยอนถึงได้พยายามจะยัดเยียดความผิดให้เขาอยู่ฝ่ายเดียวในเมื่อแบคฮยอนเองก็ใช่ว่าจะถูกไปหมด
แต่ถ้าสิ่งที่เขาทำมันคือสิ่งที่ไม่ควรแล้วอะไรล่ะคือสิ่งที่ควร?
“
ลู่หานนายเป็นคนที่รู้จักจูฮยอนดีที่สุดนะ นายควรจะรู้สิว่าเธอต้องการอะไร...จูฮยอนรักนาย
ไม่มีผู้หญิงคนไหนบนโลกใบนี้อยากให้มือของคนที่ตัวเองรักเปื้อนเลือดหรอกนะ
และฉันก็เชื่อว่าจูฮยอนเองคงไม่อยากให้นายทำแบบนี้หรอก...และถ้าเกิดว่านายยังดึงดันที่จะแก้แค้น
นายก็ควรจะคิดใหม่แล้วล่ะว่านายทำเพื่อใครกันแน่ ”
“
ฉันยอมรับนะแทยอนว่าตอนแรก ๆ ที่ฉันทำ ฉันทำเพราะว่าฉันโกรธเรื่องจูฮยอนแต่ตอนนี้มันไม่ใช่
ที่ฉันทำทั้งหมดนี่ก็เพราะว่าฉันเกลียดมัน...และฉันจะหยุดทุกอย่างก็ต่อเมื่อมันไม่หายใจแล้วเท่านั้น
”
“
งั้นนายก็ยิงฉันก่อน... ”
“
หึ! เธอมันก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ หน้าโง่ ยอมทิ้งชีวิตง่าย ๆ เพื่อความรัก...ฉันคิดว่าการที่เธอความจำเสื่อมจะทำให้เธอฉลาดขึ้นมาบ้างซะอีก
แต่ก็ไม่เลยเธอยังโง่เหมือนเดิมหรือบางทีอาจจะโง่กว่าเดิมด้วยซ้ำ
ถ้าเธออยากตายฉันก็จะไม่ห้าม ถ้าชีวิตเธอไม่มีแบคฮยอนแล้วจะขาดใจตายให้ได้ฉันก็จะสงเคราะห์ให้...แต่ฉันจะยิงมันก่อนแล้วค่อยยิงเธอ
”
ลู่หานบอกแค่นั้นก่อนจะเล็งปืนไปที่แบคฮยอน
ซึ่งแบคฮยอนเองก็เอาแต่นั่งนิ่ง ๆ ตามที่เขาบอกก่อนหน้านี้...ทำไมจะต้องมารักษาคำพูดเอาตอนนี้เนี่ย
ร่างเล็กมองไปยังชายที่เธอรักด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล นี่นะเหรอจุดจบ?
มันไม่สมควรเลยสักนิด
“
ฉันยังยืนยันคำเดิมนะลู่หาน
ฆ่าฉันแล้วก็ปล่อยแทยอนไปซะ...เธอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถึงแทยอนจะขอร้องแกให้ฆ่าเธอ
แต่แกก็ห้ามแตะต้องแม้แต่ปลายเส้นผม อย่าให้เธฮมีรอยขีดข่วน...นี่เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายจากฉัน
”
“
ตลกดีว่ะ อีกคนบอกว่าห้ามแตะต้องแต่อีกคนกลับบอกให้ฉันยิงตัวเองให้ตายก่อน...พึ่งรู้นะว่าชีวิตพวกแกสองคนสิ้นหวังถึงกับต้องเรียกร้องหาความตายกันขนาดนี้
ไม่ต้องแย่งกัน ฉันพกลูกปืนมาเยอะยังไงก็ได้กันทุกคน ”
“
นายเข้าใจผิดแล้วลู่หาน
ที่ฉันบอกให้นายยิงฉันก่อนไม่ใช่เพราะถ้าฉันขาดพี่แบคฮยอนไปแล้วฉันจะมีชีวิตต่อไปอีกไม่ได้
แต่ที่ฉันพูดแบบนั้นเพราะฉันต้องการหนีจากเรื่องบัดซบพวกนี้ต่างหาก
ถ้าฉันไม่ตายไปนายก็คงจะไม่หยุดแล้ววันนี้ฉันก็คงหนีนายไม่พ้น มันจะมีประโยชน์อะไรกับการต่อลมหายใจอีกแค่ไม่กี่วินาที
“
“
งั้นโอเคร เธอตายก่อน ”
ปั๊ง!
“
อ๊ะ! ”
“
แทยอน! ” แบคฮยอนตะโกนลั่นก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหาแทยอนที่ตอนนี้บริเวณช่วงท้องอาบโชกไปด้วยเลือดสีแดงสด
“ ทำอะไรของแกวะลู่หาน! โธ่เว้ย! โอ้ย! ไหนแกบอกจะไปทำอะไรแทยอนไงวะ! ”
“
ไม่มีสัจจะในหมู่โจรแกไม่เคยได้ยินเหรอ? บังเอิญว่าฉันดันเป็นโจรซะด้วยสิ...ต่อไปก็ตาแก
มีอะไรจะพูดไหม? ถ้าไม่... ”
ปั๊ง!!
“
อ๊ะ! ” แบคฮยอนทรุดลงกับเพื่อนทันทีที่ลูกกระสุนพุ่งตรงมายังขาของเขา
มันเจ็บจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกแต่ก็ไม่ถึงตาย
แบคฮยอนจึงเข้าใจในทันทีว่าลู่หานต้องการทรมาณเขาให้เจ็บปวดที่สุดก่อนตาย “
กะ...แกทำบะ...แบบนี้ทำไม ทะ...ทำไมไม่ฆ่าฉันให้ตาย ๆ ปะ...ไปซะ ”
“
จะให้ฉันย้ำอีกกี่ครั้งว่าถ้าฆ่าแกให้ตายในนัดเดียวมันง่ายเกินไป...และแกไม่ควรจะตายภายในนัดเดียว
”
ปั๊ง
ปั๊ง ปั๊ง ปั๊ง ลู่กหานยกยิ้มอย่างผู้ชนะ
เขาเล็งไปที่ขาอีกข้างของแบคคฮยอนก่อนจะไล่ไปที่แขนทั้งสองข้างตบท้ายด้วยหนึ่งนัดที่หน้าอก
เลือดสีแดงสดที่พร้อมใจกันหลั่งไหลออกมาราวกับเขื่อนแตกทำให้ภาพตรงหน้าช่างน่าเวทนายิ่งนัก
ถึงจะเจ็บจนแทบขาดใจแต่แบคฮยอนกลับไม่ร้องออกมาสักคำ
น้ำใส ๆ ที่คลอเอ่อค่อย ๆ ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้...ร่างสูงค่อย ๆ ล้มตัวลงช้า ๆ
ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก สายตาของแบคฮยอนยังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าสวยหวานของแทยอนที่ตอนนี้หลับไหลไม่ได้สติไปแล้ว
อย่างน้อย
ๆ ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดี...ได้เห็นหน้าของแทยอนก่อนตายแค่นี้ก็พอใจแล้ว
ในความฝันฉันจะเห็นเธอไหม?
ถ้าเจอกันเราจะทักทายกันรึเปล่า?
ในความฝันหากเราเจอกัน
เราจะจับมือกันได้ไหมนะ? จะมีใครต่อว่าเรารึเปล่า?
ฉันกอดเธอได้ไหม?
จะไม่มีใครจับเราแยกออกจากกันใช่ไหม?
ถ้าฉันกับเธอเดินไปด้วยกัน
เราจะมีแค่เสียงหัวเราะ เพราะฉันจะทิ้งน้ำตาไว้ข้างหลัง
เราจะเดินทางไปยังเนเวอร์แลนด์ที่
ๆ จะไม่มีใครมารบกวนเราได้อีก เราจะสวมแหวนให้กันและกัน
เธอและฉันจะจับมือกันไปที่โบสถ์ กล่าวคำสาบานด้วยกัน และครองคู่กันไปชั่วชีวิต
ฉันจะมองแค่เธอคนเดียว
โอบกอดเธอเพียงแค่คนเดียว จูบเธอเพียงแค่คนเดียว
เพราะฉันรักเธอเพียงแค่คนเดียว......
**สำหรับใครที่ไม่เข้าใจนะคะ
คือลู่หานเขาเกลียดแบคไม่ใช่แค่เรื่องจูฮยอนเรื่องเดียวแต่อย่างที่เขาบอกเหตุผลเดียวกับเอสค่ะคือเขามักจะถูกเปรียบเทียบกับแบคฮยอนเสมอ
แล้วเรื่องต่าง ๆ นา ๆ ที่ผ่านมาทั้งหมดเขาคือบุคคลที่อยู่ในเงามืดค่ะเขาคือผู้สั่งการ
จำคลิปเสียงที่ชินบีฟังได้มั้ยคะ คนที่ทะเลาะกับเอสคือลู่หานค่ะ
ตอนนั้นที่ลู่หานบังคับให้แบคเลือกระหว่างยุนอากับแทยอนก็เป็นแผนของลู่หาน สำหรับคนที่งงว่าทำไมรวบรัดแบบนี้นะคะ
อันนี้สรุปย่อ ๆ เพราะเวลาที่ไรท์อัพมันค่อนข้างห่างกันคนที่ตามอ่านแต่ละตอนอาจจะลืมได้
ฮ่า ๆ ๆ
ใกล้จะถึงบทสรุปแล้วนะคะสำหรับฟิคที่แต่งมายาวนานกว่าสองปี
มินรู้สึกไม่มั่นใจกับตอนนี้เลยมันอาจจะไม่ได้ดีเท่าที่ควรแต่มินก็พยายามสุดฝีมือเลยนะคะ
ขอบคุณรีดเดอร์ที่ยังอยู่ด้วยกันมาถึงแม้มินจะอัพบ้างไม่อัพบ้างแต่รีดเดอร์ก็ยังรอ
ขอบคุณจริง ๆ ค่ะที่ชอบฟิคที่มินแต่ง มินรู้สึกดีทุกครั้งเวลาที่อ่านคอมเม้น
มันทำให้มินมีกำลังใจที่จะแต่งต่อ
เมื่อก่อนมินมักจะต่อว่าไรท์เตอร์ที่ชอบบอกให้คอมเม้นถ้าไม่คอมเม้นจะไม่อัพ
(นิสัยเสียนิดนึง ฮ่า ๆ ๆ ) แต่ตอนนี้มินเข้าใจหัวอกเลยค่ะ
เพราะกว่าจะออกมาแต่ละตอนนี่ไม่ใช่ง่าย ๆ
เลยแต่ก็เพื่อความสุขของรีดเดอร์เราย่อมทำได้ ฉะนั้นคอมเม้นติชมจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ไรท์เตอร์มีกำลังใจมาก
ๆ ในการที่จะแต่งฟิคในแต่ละตอนให้ออกมาดีให้สมกันที่รอคอย มินดีใจมาก ๆ
เลยค่ะที่มีคนชอบเรื่องนี้ ผูกพันกับเรื่องนี้มากแต่งมนานจนลืมไปหมดแล้วฮ่า ๆ
แต่เดี๋ยวแต่งจบจะกลับไปแก้ไขคำผิดตั้งแต่อินโทรเลย
ตอนหน้าก็จบบริบูรณ์แบบสมบูรณ์สุด
ๆ แล้วตอนนี้ก็คอมเม้นกันยาว ๆ ให้ชื่นใจหน่อยนะคะ แล้วมินจะรีบมาอัพตอนจบให้
จะรีบปั่นแต่ก็จะไม่ให้คุณภาพตกล่นแม้แต่น้อย รอกันอีกนิดนะคะ รักรีดเดอร์น๊า
ความคิดเห็น