ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY PETER PAN รักนี้มีบททดสอบ [END] || EXO SNSD

    ลำดับตอนที่ #40 : My Peter Pan: Chapter38

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 874
      4
      27 ม.ค. 60













                 “ คุณแบคฮยอนสั่งไว้ว่าให้เข้าไปนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนค่ะ ”

     

    เสียงนุ่ม ๆ ของหญิงอายุมากเอ่ยกับเซฮุนหลังจากที่ชาหนุ่มก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังโตของแบคฮยอน...เซฮุนพยักหน้าให้เธอเบา ๆ ส่วนเธอเองก็ก้มหัวให้เขาเช่นกันก่อนจะเดินหายเข้าไปภายในบ้านทิ้งไว้เพียงแค่เซฮุนและชินบีท่ามกลางบ้านที่เงียบสงบมีเพียงแค่แสงไฟที่ให้ความสว่าง

     

                    ก็บอกแล้วว่านี่มันเช้าเกินกว่าที่จะมาบ้านคนอื่นได้

     

                    “ ง่วงก็ขึ้นไปนอนข้างบน เดี๋ยวพอสายหน่อย ๆ จะมีคนเอาชุดมาให้ลอง ลองเสร็จก็แต่งหน้าทำผมรอไปงานพร้อมกับแทยอนนะ ”

     

    บอกกับคนตัวเล็กพอเป็นงานเป็นการก่อนจะเดินนำทางขึ้นไปยังชั้นบน แปลกจริงชินบีทำงานในไร่ปกติก็ต้องตื่นแต่เช้าไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอถึงดูเหมือนไม่เคยตื่นเช้าแบบนี้ล่ะ ทั้งดูอิดโรยแถมตาปรือ ๆ อีกสภาพดูไม่ได้จริง ๆ นอกจากจะดูไม่ได้แล้วก็ไม่ควรให้ใครดูอีกด้วย

     

                    “ แล้วนายล่ะ? ”

     

                    “ ฉันต้องไปทำงาน หยุดไปพักนึงเอกสารคงกองถ้วมหัวแน่ ๆ วันนี้ต้องจัดการให้หมดแล้วเข้าประชุมเตรียมงานคืนนี้นิดหน่อยจากนั้นก็ปาร์ตี้  ”

     

                    “ ตั้งแต่ตีสี่เนี่ยนะ... ”

     

                    “ อันที่จริงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ฉันยังไม่ได้นอนน่ะ...อีกอย่างนะถ้าเธอลืมตาดูนาฬิกาสักนิดจะรู้ว่านี่จะหกโมงแล้ว ” ร่างสูงบอกกับคนตัวเล็กก่อนจะชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือตัวเอง ตอนนี้เกือบจะหกโมงแล้วเขาเหลือเวลาอีกไม่มาก ก็อย่างที่เคยบอกนั่นแหละชีวิตเขามันไม่ง่าย “ ห้องนั้นน่ะ เข้าไปเลย ”

     

                    “ อือ... ”

     

    “ ตามสบายเลยนะชินบี! ” เสียงของแบคฮยอนดังขึ้นหลังจากที่ชินบีปิดประตูเข้าห้องไปแล้วเรียบร้อย เจ้าของใบหน้าหล่อคมคายเดินมายืนข้าง ๆ เซฮุน...แบคฮยอนยิ้มทักทายน้องชายอย่างงัวเงียก่อนจะเดินนำลงไปข้างล่างเพื่อหาอะไรกิน ตื่นเช้าก็ต้องกินเช้ายังไงเสียกองทัพต้องเดินด้วยท้อง

     

    “ แทยอนยังไม่ตื่นเหรอครับ? ”

     

    “ ยังหรอก...กว่าจะได้นอนก็เกือบ ๆ ตีสาม ก็เลยไม่ปลุกปล่อยให้นอนต่อไปจะได้มีแรงไปงานคืนนี้...นั่งสิ ” แบคฮยอนนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สีสวยที่ตั้งอยู่ในห้องอาหารก่อนจะเชิญให้น้องชายนั่งตาม กลิ่นข้าวต้มหอม ๆ ที่ลอยขึ้นมาตามอายความร้อนทำให้ท้องที่ไม่มีอะไรตกลงไปตั้งแต่เมื่อวานเกิดอาการหิวขึ้นมาทันที

     

    “ งานส่วนของนายเรียบร้อยดีใช่มั้ยเซฮุน...ถ้ายังฉันจะได้ช่วย ”

     

    “ เหลือแค่เซ็นอีกสองสามฉบับก็เสร็จแล้วครับไม่มีอะไรมากหรอก...ว่าแต่พี่เถอะ คิดได้หรือยังว่าจะบอกกับแทยอนยังไงเรื่องพี่ยุนอา ”

     

    คำพูดของเซฮุนหยุดแบคฮยอนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากให้ค้างกลางอากาศ...เขายังไม่ได้คิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำเพราะมัวแต่วุ่น ๆ กับการเคลียร์งาน เขาจะต้องพูดยังไง พูดแบบไหนแทยอนถึงจะไม่โกรธและยอมเข้าใจเรื่องทุกอย่างง่าย ๆ แต่ไม่ว่าเขาจะมองไปทางไหนก็ไม่มีทางไหนเลยที่แทยอนจะไม่โกรธ แต่เขารู้ตัวดีว่าเขาสมควรที่จะโดนโทษฐานไม่บอกความจริงตั้งแต่แรก

     

    “ ยังไม่ได้คิดใช่ไหมครับ...รีบ ๆ คิดเลยนะ เพราะถ้าให้แทยอนรู้เรื่องนี้จากปากคนอื่นพี่โดนเละแน่ ๆ ”

     

    “ ฉันคิดไม่ออกว่ะ...ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ขืนพูดไปตรง ๆ แทยอนไม่ฟังแน่ ”

     

    “ งั้นพี่ก็เลือกเอาเองแล้วกันครับว่าจะบอกเองหรือจะให้พี่ยุนอาเป็นคนบอก...แต่ไม่ว่าใครจะบอกยังไงวันนี้แทยอนก็ต้องรู้อยู่ดี ” ชายหมุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ใจจริงเขาก็อยากจะช่วยนะแต่ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงดี ในเมื่อแบคฮยอนเป็นคนก่อทุกอย่างขึ้นมาเขาก็ต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยเขาได้จริง ๆ

     

    แบคฮยอนถอนหายใจออกมาก่อนจะตักข้าวเข้าปาก วินาทีนี้เขาเข้าใจคำว่ากินขาวไม่ลงได้อย่างถ่องแท้..ถึงจะหิวแต่มันกลับกลืนไม่ลงแค่จะเอาเข้าปากยังยากเลย นี่เขาควรจะจัดการกับปัญหาลูกใหญ่ลูกนี้ยังไงดีเนี่ย แต่ยังไงก็เถอะเขาตัดสินใจแล้ว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ฉะนั้นเขาจะต้องเคลียร์ทุกอย่างที่หยุ่งเหยิงกับชีวิตเขามานานออกให้หมด

     

    “ ฉันจะถอนหมั้นกับยุนอา ”

     

    คำพูดของแบคฮยอนทำเอาเซฮุนที่ก้มหน้าก้นตาทานข้าวอยู่แทบจะสำลัก แบคฮยอนคิดว่าเรื่องนี้มันจะจบง่าย ๆ เหรอ มันไม่ใช่แค่การถอนแหวนที่สวมให้กันในงานหมั้นออกก็จบนะ...เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแต่มันคือการผูกมัดทางธุรกิจใคร ๆ ก็รู้ และผลลับมันต้องออกมาไม่ดีแน่ ๆ ถ้าแบคฮยอนเป็นฝ่ายขอถอนหมั้น

     

    “ อย่ามองแบบนั้น ฉันรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่เรื่องบ้า ๆ พวกนี้ควรจบลงสักทีไม่ใช่เหรอ ”

     

    “ อย่าใจร้อนครับ...พี่ได้ถอนหมั้นแน่ แต่มันยังไม่ถึงเวลา ”

     

    “ แต่แทยอน... ”

     

    “ แทยอนไม่เหมือนเมื่อก่อนก็จริง แต่ผมมั่นใจว่าเธอมีเหตุผลพอที่จะรับฟังพี่ครับ ฉะนั้นพี่เตรียมหาคำพูดดี ๆ ไว้พูดกับเธอเถอะ ”

     

    “ หวังว่าแทยอนจะฟังฉันบ้างนะ ”

     

    “ รีบกินเถอะครับจะได้รีบไป ”

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

     

    ภายในตึกใหญ่ของเนเวอร์แลนด์กำลังรื่นเริงเต็มไปด้วยนักเรียนปีสามที่กำลังจะจบการศึกษาลงในเทมอนี้และเหล่าบรรดานักเรียนดีเด่นที่เป็นหน้าตาให้กับโรงเรียน ทุกคนต่างสวมชุดเดรสชุดราตรีและชุดสูทสุดหรูที่ถูกตัดมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ งานนี้ถูกเรียกว่างานเลี้ยงส่งเหล่านักเรียนที่กำลังจะจบไปหรือที่นักเรียนในเนเวอร์แลนด์ให้ฉายากันว่างานปลดอิสระภาพ ซึ่งทุกคนที่มาที่นี่ต่างรู้สึกดีทั้งนั้นที่กำลังจะจบจากที่นี้ไปและออกไปใช้ชีวิตที่มันเป็นของจริงสักที

     

                    ไม่ว่าใครก็ตามที่จบจากที่นี่ไปต่างก็ได้ดีกันทุกคนไม่มีตกหล่นเลยแม้แต่คนเดียว แต่ทว่าจำนวนนักเรียนต่อชั้นปีการศึกษานั้นกลับมีอยู่เพียงน้อยนิดเพราะมีจำนวนบ่งบอกเป็นมาตฐานอยู่แล้วว่ารับแค่เท่านั้นและไม่ว่าจะรวยมากแค่ไหนถ้าสอบไม่ผ่านก็เข้ามาไม่ได้อยู่ดี นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมโรงเรียนนี้ถึงติดอันดับโรงเรียนที่ดีที่สุดในเกาหลี

     

                    “ เมื่อไหร่แบคฮยอนมันจะมาวะเนี่ย ” ชานยอลบ่นอย่างหงุดหงิดเพราะนี่ก็เลยเวลางานเปิดมาพอสมควรแล้วแต่แบคฮยอนกลับยังไม่โผล่หัวมาสักที มันไมรู้หรือไงว่าการที่มันมาช้ามันจะเสียมารยาทขนาดไหน

     

                    “ ใจเย็นสิวะชานยอล แบคฮยอนมันกำลังเตรียมเชอร์ไพรซ์มาให้ทุกคนอยู่ คงใช้เวลาสักนิดอ่ะกว่าจะมาถึง ” ลู่หานตอบพรางกระดกไวน์ในแก้วลงคอรวดเดียวหมด คำว่าน่าเบื่อคงยังไม่พอกับความรู้สึกของเขาสำหรับวินาทีนี้ นอกจากจะต้องเคลียร์งานที่ตั้งสูงเฉียดฟ้าแล้วเจสสิก้ายังไม่สนใจเขาอีก มีอะไรที่น่าเบื่อกว่านี้อีกมั้ยเนี่ย

     

                    “ เซอร์พงเซอร์ไพรซ์อะไรวะลู่หาน? ” อี้ฟานถามอย่างสงสัย เพราะก่อนหน้านี้เขาก็พึ่งเจอแบคฮยอนไม่เห็นมันจะพูดอะไรเลยนี่นา

     

                    “ รอดูเอาเองสิครับ ”

     

    พูดจบก็เดินจากไปทันทีปล่อยให้ชานยอลและอี้ฟานยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความไม่เข้าที่เต็มเปี่ยม...ใจจริงชานยอลก็อยากจะเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อมันกลับมาคุยกันให้รู้เรื่องแต่ทว่าไม่ดีกว่าเพราะพักหลัง ๆ มานี่ลู่หานมันดูแปลก ๆ ไปจนเขาไม่อยากจะคุยด้วยนาน ๆ

     

                    “ เป็นอะไรของมันว่ะ ดูหงุดหงิดแปลก ๆ ”

     

    “ ช่างมันเถอะครับ สงสัยช่วงนี้เจสสิก้าเมิน เหตุผลตามเคยมันนั่นแหละ...ว่าแต่นอกจากเรื่องที่เซฮุนลักพาตัวหลานสาวเขามาจากปูซานแล้วยังมีอะไรเซอร์ไพรซ์มากกว่านี้อีกเหรอ? ”

     

    “ รอดูก็แล้วกัน...แต่ฉันว่าเซอร์ไพรซ์คงไม่ได้มาพร้อมแบคฮยอนหรอกมั้งดูนั่นดิ เดินมานู่นแล้ว ”

     

    อี้ฟานพูดพรางชี้ไปตรงจุดที่แบคฮยอนและเซฮุนกำลังเดินมา มันไม่ได้ไกลจากจุดที่พวกเขายืนสักเท่าไหร่แต่กว่าจะเดินมาตรงนี้ได้ก็ใช้เวลาพอสมควรแหละเพราะต้องแวะตอบคำถามคนนู้นทีแวะทักทายคนนี้ทีตามประสาเจ้าของมหาลัย ดูเหมือนจะมีตำแหน่งยิ่งใหญ่แต่อายุไม่ได้แตกต่างกันเลยแม้แต่ปีเดียว แต่ก็นะมันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพวกเขาเลยสักนิด

     

    มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เรียงหน้ากันทักทายพวกเขา อาจจะเป็นเพราะว่าแบคฮยอนดูมีชีวิตชีวา ร่างเริงเป็นพิเศษโอ เซฮุนเองก็เช่นกันคนถึงได้ให้ความสนใจเขาเยอะมากขึ้นกว่าเดิม จะว่าไปรอยยิ้มที่ดูมีความสุขในวันนี้มันเป็นรอยยิ้มแรกที่ออกจากปากของแบคฮยอนกับเซฮุนตั้งแต่เธอคนนั้นจากไปก็ได้

     

    “ ยิ้มระรื่นเชียว อย่าบอกนะว่าไอ้เซอร์ไพรซ์ที่ลู่หานบอก คือนายไปเอาหลานสาวเขามาอีกคนน่ะแบคฮยอน ” อี้ฟานเอ่ยแซวทันทีที่เซฮุนและแบคฮยอนเดินมาถึง ทำเอาคนถูกแซวขมวดคิ้วใส่ ก่อนจะพยักหน้ารับยิ้ม ๆ ทำให้คนชอบแกล้งอย่างชานยอลยิ่งได้ใจแซวไปกันใหญ่

     

    “ อือหือ ร้ายทั้งพี่ทั้งน้อง ยอม ๆ กันไม่ได้เลยนะ...ก่อนไปปูซานยังทำหน้าเป็นหมาหงอยทั้งพี่ทั้งน้องเลยไหงกลับมาถึงเป็นแบบนี้ไปได้วะ รู้งี้ไปด้วยก็ดี ” ชานยอลพูดไปจิบไวน์ในมือไปก่อนจะยักคิ้วอย่างยียวนใส่เพื่อนรัก “ ว่าแต่หญิงใครสวยกว่ากันวะ เด็กของเซฮุนฉันเห็นแล้วแต่ของนายยัง พามาด้วยใช่ไหม? ”

     

    “ คนที่ฉันเลือกคือคนที่สวยที่สุดและดีที่สุดสำหรับฉัน เดี๋ยวแกก็ได้เจอ คงกำลังมาน่ะ ”

     

    “ โห ไม่น่าล่ะ ช่วงนี้อยู่ไม่ติดที่เลย มีงานอะไรก็หอบไปทำที่บ้านตลอดไอ้เราก็นึกว่าจะคิดถึงมินอาห่วงมินอาที่ไหนได้ติดหญิงนี่หว่า ”

     

    “ อย่าปากดีไปชานยอล แกก็ติดทิฟฟานี่เหมือนกันแหละ...แล้วนี่ยัยนั่นไปไหนแล้วล่ะฉันมีของฝากจากปูซานมาให้ด้วยนะ รับรองยัยนั่นต้องดีใจจนน้ำตาไหลแน่ ”

     

    แบคฮยอนยิ้มกริ่มก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบไวน์ที่เรียงรายกันอยู่บนโต๊ะ พรางจิบเบา ๆ ให้พอเป็นพิธี...อันที่จริงเขาไม่ควรจะยิ้มหน้าระรื่นแบบนี้ด้วยซ้ำเพราะเขายังหาทางออกไม่ได้ว่าจะบอกแทยอนเรื่องยุนอายังไงดี แต่ยังไงชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปสุดแล้วที่เวรแต่กรรมที่เคยทำมาก็แล้วกัน

     

    “ อย่าหาว่าพาไปดราม่าเลยนะ แต่นายทำใจเรื่อง...เรื่องแทยอนได้แล้วเหรอแบคฮยอน? ” คำถามของอี้ฟานทำเอาทุกคนต่างก็เงียบไป แม้แต่ชานยอลที่เอาแต่ยิ้มหัวเราะยังมีสีหน้าหมองลงมาทันทีจนเห็นได้ชัด ก็แน่ล่ะเพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเรื่องนี้มันสะเทือนใจมากแค่ไหน

     

    “ ผมไม่เคยทำใจเกี่ยวกับเรื่องของแทยอนได้หรอกครับ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในใจผมตลอดต่อให้ลืมยังไงก็ลืมไม่ลง ”

     

    “ แล้วทำไมนายถึง พาผู้หญิงคนใหม่มา ไหนจะเรื่องยุนอาอีก นายจะจัดการยังไง มันไม่ใช่ง่าย ๆ นะ ผู้หญิงคนนั้นน่ะร้ายกาจแค่ไหนนายก็รู้ ”

     

    “ ผมกำลังจะจบทุกอย่างในเร็ว ๆ นี้ครับ ผมจะถอนหมั้นกับยุนอาและรอรับผลที่จะเกิดขึ้น...ผมอยู่กับเรื่องบ้า ๆ พวกนี้มานานเกินพอแล้ว ”

     

    ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของแบคฮยอน พวกเขาจะไม่คัดค้านเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะมันคือความสุขของแบคฮยอน มันเป็นสิ่งที่แบคฮยอนเลือก...วันเวลาที่ผ่านมามันได้ทำให้พวกเขาได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่แท้จริงของยุนอา หรือความชั่วช้าที่เธอทำไว้มากมาย ไม่มีใครเคยเห็นแบคฮยอนยิ้มเลยในตอนที่อยู่กับยุนอาและนั่นก็เป็นตัวตัดสินแล้วว่าแบคฮยอนรักใคร

     

    แต่น่าเสียดายที่คนที่แบคฮยอนเลือกกลับกลายเป็นแบบนั่นไปเสียแล้ว

     

    “ นายคิดแบบนั้นได้ก็ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวพวกเราจะช่วยอีกแรงนะ ไม่ต้องห่วง ”

     

    “ ขอบคุณนะครับพี่อี้ฟาน แล้วตอนนี้คนอื่น ๆ หายไปไหนหมดล่ะทำไมเห็นแค่นี้ ”

     

    “ ลู่หานมันพึ่งฟึดฟัดออกไปเมื่อกี้อ่ะไม่รู้ว่ามันไปไหน ส่วนมินซอก จงแด คยองซู แล้วก็อี้ซิงไปรับแขก จงอิน จื่อเทา กับจุมมยอนไปควบคุมเรื่องการเฝ้ายามสักพักก็คงกลับมารวมตัวกันที่นี่แหละ ที่เหลือ ๆ ก็มีฉันกับพี่อี้ฟานเนี่ย ว่างงาน ลอยตัว ”

     

    ชานยอลทำท่าลอยกลางอากาศ ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างออกมาเมื่อสายตาเขาไปปะทะเข้ากับกลุ่มสาวสวยดอกไม้ไลน์ของโรงเรียน ทุกคนต่างก็สวยและดูดีกันออกไปคนละแบบอาหารหูอาหารตาเสียจริง ๆ เลย โดยเฉพาะแม่หมีสีชมพูของเขาที่งานออกมาอลังการแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะยัยนั่นแหละ ภูมิใจสุดๆ

     

    “ แม่หมีของฉันออกจากถ้ำแล้ว ”

     

    “ ตาค้างเลยนะครับพี่ชานยอล... ”

     

    “ เดี๋ยวพอเด็กที่ชื่อชินบีนั่นมานายก็คงจะไม่ต่างจากฉันหรอกหน่าเซฮุน ” ชานยอลพูดในขณะที่สายตาเขายังคงจับจ้องไปที่หญิงสาวร่างบางนามว่าทิฟฟานี่ คนตัวเล็กสวมชุดเดรสยาวสีครีมกลมกลืนกับสีผิว ปล่อมผมยาวเป็นลอนบวกกับหน้าม้าบาง ๆ ยิ่งทำให้เธอสวยชวนมองไปกันใหญ่

     

    เจสสิก้าก็มาในเดรสสีครีมเช่นกันแต่มันเป็นเดรสเกาะอกกระโปรงยาวถึงเข่าซึ่งมันเข้ากับรูปร่างสัดส่วนของเธอมาก มั่นใจเลยว่าถ้าลู่หานได้เห็นหมอนั่นต้องคลั่งมากแน่ ๆ ส่วนลัคกี้อีกคนที่เป็นคู่หมั้นของคยองซูนั่นก็คือซันนี่ เธอมาในชุดเดรสสีขาวน่ารักย้อนยุคนิดหน่อยแต่ก็ดูสวยน่ารักสมกับเป็นกระรอกน้อยของคยองซูอยู่ดีไม่แปลกที่หมอนั่นจะหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้

     

    “ แม่หมีน่ารักที่สุด... ”

     

    “ นั่นคนมุงดูอะไรกันน่ะ ”

     

    อี้ฟานท้วงขึ้นทำให้ทุกสายตาหันไปจดจ้องตามที่เขาบอกเป็นจุดเดียว คนทั้งงานต่างมองไปยังผู้มาใหม่ด้วยสายตาแปลก ๆ ซึ่งใครก็ตามที่ได้เห็นใบหน้าของเธอชัดเจนก็จะมีสายตาไม่ต่างกันเท่าไหร่นักหรอก แม้กระทั้งแบคฮยอนและเซฮุนที่รู้เรื่องอยู่ก่อนแล้วก็ตาม

     

     

     

     

    หญิงสาวร่างบางในชุดสีแดงสดตัดกับผิวขาว ๆ ของเธอเดินเข้ามาในงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มปนตื่นเต้น ใบหน้าสวยหวานที่ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้จักดีแต่ไม่มีใครคาดว่าเธอจะมา เพราะเธอคือบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าตายไปแล้ว แล้วเธอมาที่นี่ได้ยังไง...

     

    ทุกสายตาจับจ้องไปที่เธอเป็นจุดเดียวทุกคนต่างก็แปลกใจและมีความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองทั้งนั้นแหละ เพราะข่าวการจากไปของแทยอนนั้นเป็นข่าวที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนไม่มีใครที่ไม่รู้เรื่องนี้ ฉะนั้นการปรากฏตัวของเธอจึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา

     

    ไม่มีใครรู้ว่าเธอจะมาที่นี่นอกจากแบคฮยอนและเซฮุนแม้แต่เจสสิก้าและซันนี่เองที่ก่อนหน้านี้ก็รู้เรื่องว่าแทยอนยังไม่ตายก็ยังแปลกใจที่เธอมาปรากฏตัวที่นี่ แทยอนเดินพาร่างมายังจุดที่แบคฮยอนและเซฮุนยืนอยู่ก่อนจะส่งยิ้มให้ชายหนุ่มทั้งสองอย่างขี้เล่น

     

    รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะที่เจอทั้งสองคนเพราะอย่างน้อย ๆ สายตาของเขาทั้งคู่ก็เป็นมิตรมากกว่าสายตาคู่อื่น ๆ ที่มองมายังเธอตั้งแต่เดินเข้างานมา ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคนพวกนี้จะส่งสายตาตั้งคำถามอะไรนักหนามาให้เธอ ถึงจะไม่รู้ว่ามันเพราะอะไรแต่เธอไม่ชอบเอาเสียเลยทั้งสายตาและเสียงซุบซิบที่ดังอยู่ตลอดแบบนี้

     

    “ เป็นไงบ้าง วันนี้ฉันดูโอเครมั้ยคะรุ่นพี่? ”

     

                    “ สวย...เธอสวย ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายเป็นคำพูดยังไงแต่เธอสวย ”

     

    แบคฮยอนพูดหลังจากที่จ้องคนตัวเล็กอยู่นาน วันนี้แทยอนสวยจริง ๆ สวยจนเขาละสายตาไปไหนไม่ได้ การที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่เขามีลดน้อยลงเลยมิหนำซ้ำมันยังมากขึ้นอีกด้วย..แถมความห่างไกลมันยังทำให้ความอดทนเขามีน้อยลงมากกว่าเดิมเสียอีก

     

    “ ดูเป็นแทยอนขึ้นเยอะเลย...ตั้งแต่วันแรกที่เจอเธอไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ” เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวคนที่ตัวเล็กกว่าอย่างทะนุถนอม  เคยสวยยังไงก็ยังสวยอย่างนั้น เคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างงั้นไม่เปลี่ยนเลย ”

     

    “ เป็นไปได้ยังไง... แทยอน...นี่คือแทยอนเหรอ? เธอยังไม่ตายงั้นเหรอ? ” ชานยอลพูดเสียงสั่น ๆ เพราะโดนความรู้สึกเข้าโจมตี เขาไม่คิดเลยว่าเซอร์ไพรซ์ของแบคฮยอนคือแทยอน เขาไม่รู้เลยว่าแทยอนยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้เขาเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าอะไรคือของขวัญที่แบคฮยอนบอกว่าจะให้ทิฟฟานี่

     

    “ พวกนายได้เจอกันแล้วสินะ ” อี้ฟานยิ้มอย่างอ่อนโยนโดยไม่มีท่าทีตกใจอะไร จนทำให้แบคฮยอนเซฮุนคิ้วขมวดส่วนแทยอนเองก็คลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของคนคุ้นเคย

     

    “ พี่หมายควมว่าไง...พี่เคยเจอแทยอนแล้วอย่างนั้นเหรอ? ”

     

    “ ใช่ค่ะ เราเคยเจอกันแล้ว...พี่อี้ฟานมาที่ปูซานก่อนหน้าพวกคุณจะมาแค่สองสามอาทิตย์เอง หลังจากนั้นไม่นานพวกคุณก็... ”

     

    “ ไหน?! เพื่อนฉันอยู่ไหน? ฉันได้ยินเขาพูดกันว่าแทยอนมาที่... ”

     

    ทิฟฟานี่ที่วิ่งหน้าตั้งแหวกฝูงชนเข้ามายังจุดที่พวกเขายืนอยู่ แต่กลับยืนนิ่งเงียบทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของเพื่อนรักที่ห่างหายจากกันไปนาน ความรู้สึกนับร้อยนับพันผุดขึ้นมาตีกันในร่างกายทั้งตื่นเต้น ดีใจ คิดถึง เป็นห่วง เสียใจ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ทั้งอะไรต่อมิอะไรที่ตีกันจนวุ่นไปหมด จนน้ำตาแห่งความตื้นตันมันไหลมาเอ่อตรงขอบตา

     

    ทิฟฟานี่ยืนนิ่งอยู่สักห้าวินาทีได้ก่อนจะโผล่เข้ากอดเพื่อนอันเป็นที่รัก ดีใจจนทำอะไรไม่ถูก มันพูดไม่ออกทุกอย่างมันจุกอยู่ที่ลำคอแม้จะเค้นคำพูดออกมาเพียงคำสองคำยังลำบากแทบตาย

     

    “ แทยอนนี่แกจริง ๆ ใช่มั้ย? ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย? แกหายไปไหนมา!  รู้มั้ยว่าฉันคิดถึงมากแค่ไหน ”

     

    “ คือว่า... ” แทยอนกอดตอบอย่าง งง ๆ เพราะไม่รู้ว่าเธอผู้นี้เป็นใคร แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเธอกลับรู้สึกอบอุ่นเหลือเกินในเวลาที่ถูกผู้หญิงคนนี้กอด มันเป็นกอดที่คุ้นเคย และ กลายเป็นสิ่งที่เธอชอบไปโดยปริยาย พวกเธอก็แค่กอดกันแต่มันกลับทำให้เธอรับรู้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงคนนี้ รับรู้ถึงมิตรภาพและความจริงใจที่เธอสื่อมา ซึ่งมันทำให้คนความจำเสื่อมอย่างเธอรู้สึกเหมือนได้รับยายังไงอย่างงั้น

     

    “ แกห้ามหายไปไหนอีกเข้าใจมั้ย? ห้ามไปไหนไกลจากฉัน แกรู้มั้ยว่าฉันแทบจะบ้าตอนที่รู้ว่าแกรถคว่ำฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเขาหาตัวแกไม่เจอ แกต้องรับผิดชอบฉันนะ...ฮึก ”

     

    ทิฟฟานี่ก็ปล่อยโฮออกมาตรงนั้นจนทุกคนในงานหันมาสนใจพวกเธอเป็นจุดเดียว ตอนนี้ทุกคนในงานเข้าใจไปในทางเดียวกันแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือคิม แทยอนคนที่เคยมีข่าวว่าตายไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน การปรากฏตัวของเธอสร้างความฮือฮาอย่างมากให้กับงานซึ่งนั่นแหละคือความตั้งใจของแบคฮยอน เขาอยากประกาศให้ทั่ว ๆ โดยไม่ต้องพูดจาเสียงดังหรือโวกเวกใส่ไมค์แต่เขาแค่อยากจะปล่อยให้ความจริงมันปรากฏออกมาโดยตัวของมันเอง

     

    “ ฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว...แก...อย่าร้องไห้เลยนะ ”

     

    “ ทำไมแกพูดจาห่างเหินแบบนี้ล่ะ ลืมฉันไปแล้วหรือยังไง ” ทิฟฟานี่ผละออกก่อนจะปาดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าพรางมองเพื่อนรักอย่างฉงน แทยอนดูไม่ยินดียินร้ายอะไรเลยที่ได้เจอเธอแถมยังพูดจาด้วยน้ำเสียงลำบากใจเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันแบบนี้อีก มันหมายความว่ายังไง “ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือน ทำเป็นไม่รู้จักกันไปได้ ”

     

    “ มันก็ไม่เชิงหรอก...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะลืมแกนะ ฉันก็แค่จำไม่ได้ก็เท่านั้นเอง ”

     

    “ อะไรนะ! แกจะบอกว่าแกความจำเสื่อมงั้นหรอ? นี่โรคแบบนั้นน่ะปล่อยให้มันมีแค่ในซีรี่ส์เถอะ หรือว่า...แกกะจะล้อเล่นเซอร์ไพรซ์ใช่ไหม ฉันไม่เล่นนะ ”

     

    “ แทยอนเขาไม่ได้ล้อเล่นหรอกครับ ตอนเจอพวกผมเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ” เซฮุนช่วยเพื่อนตัวเล็ดอธิบายให้ทิฟฟานี่เข้าใจอีกแรงเพราะดูท่าแล้วเธอน่าจะไม่ยอมเข้าใจอะไรง่าย ๆ เลย “ มันเป็นเพราะอุบัติเหตุวันนั้นนั่นแหละครับ ”

     

    “ แล้วพวกนายไปเจอกันได้ยังไง แล้วทำไมวันก่อนที่พวกฉันไปห้องนาย นายกับชินบีไม่เห็นจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยหนิ...แล้วนี่ไปเจอกับแทยอนที่ไหน ที่ปูซานหรือระหว่างทาง แล้วก่อนหน้านี้แทยอนอยู่กับใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย อยู่ดีกินดีรึเปล่า คนที่แทยอนอยู่ด้วยเป็นคนใจดีใช่มั้ยหวังว่าฉันจะได้คำตอบที่พอใจนะ พูดมาเดี๋ยวนี้ ”

     

    “ ใจเย็น ๆ ทิฟฟานี่ เธอมีเวลาไถ่ถามสาระทุกข์สุกดิบของเพื่อนเธออีกเยอะแต่ไม่ใช่ตอนนี้...นี่เป็นงานปาร์ตี้นะ แทยอน เธอ ฉัน และก็คนอื่น ๆ ในงานควรสนุกไว้ก่อนส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง ”

     

    แบคฮยอนบอกกับทิฟฟานี่พรางยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบเล็กน้อย อันที่จริงก่อนหน้านี้เข้าก็ดื่มมาแล้วล่ะพอสมควรด้วย แต่บังเอิญว่าเขาเป็นพวกคอแข็งของมึนเมาพวกนี้เลยทำได้แค่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้อะไรมากมายพอกรึ่ม ๆ เท่านั้น

     

    ปกติแบคฮยอนไม่ใช่พวกชอบดื่มแต่ที่วันนี้เขายอมทำก็เพื่อที่จะได้ให้ตัวเองมีความกล้าทำเรื่องบางอย่างให้มันจบ ๆ ไปสักที อย่างน้อยไวน์พวกนี้ก็คงจะทำให้ความรู้สึกมันเล่นงานเขาน้อยลง

     

    “ นายเอาเรื่องอื่นไปไว้ทีหลังไม่ได้หรอกแบคฮยอน ถึงแทยอนจะความจำเสื่อมแต่นายยังความความจำดี ลืมผู้หญิงที่แสนดีอย่างอิม ยุนอาไปได้ยังไง ถึงจะยังไม่เห็นหน้าในงานแต่เดี๋ยวก็โผล่หัวมาเชื่อสิ ” ทิฟฟานี่จงใจพูดเสียงเบาเพราะไม่อยากให้แทยอนได้ยิน เธอมั่นใจว่าคงยังไม่มีใครเอ่ยปากเรื่องยุนอากับแทยอนแน่นอนเพราะคงไม่มีใครอยากจะเริ่มความทรงจำใหม่ด้วยเรื่องร้าย ๆ หรอก

     

    “ นั่นแหละทิฟฟานี่ ยุนอาคือปัญหาที่ฉันต้องจัดการในวันนี้ ”

     

    “ งั้นฉันก็ขอให้นายทำสำเร็จก็แล้วกันนะ เพื่อนฉันจะได้มีชีวิตที่สงบสุขสักที ”

     

    “ ฉันก็หวังว่าอย่างนั้นนะ ”

     

                    “ แทยอน ยัยเด็กนั่นหายไปไหน...คงไม่ได้ไม่มาหรอกใช่มั้ย? ” เซฮุนเอ่ยถามเพื่อตัวเล็กที่หยุ่งอยู่กับของกินพรางสอดสายตามองหาเด็กผู้หญิงอีกคนที่ควรจะอยู่ที่นี่ด้วยแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา ไหนชินบีบอกว่าจะประกบติดแทยอนตลอดเวลาไงทำไมแค่เดินเข้างานแค่นี้ก็ไม่เห็นซะแล้วล่ะ

     

                    “ ชินบีไปเข้าห้องน้ำน่ะ เป็นห่วงหรอ? ”

     

                    “ เปล่าหรอก ไม่เห็นก็เลยถามหาแค่นั้นเอง...แล้วนี่ตอนเดินเข้างานมาไม่ได้เจอใครที่พูดอะไรแปลก ๆ กับเธอใช่ไหม ”

     

    เซฮุนเอ่ยถามเพื่อนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าเธอจะไปเจอกับยุนอาเข้า ถึงแทยอนจะไม่ได้อ่อนแอเหมือนเดิมแต่เขาก็ยังไม่อยากให้ทั้งคู่เจอกันอยู่ดี ไม่ได้กลัวด้วยว่ายุนอาจะทำร้ายอะไรเธอรึเปล่า แต่เซฮุนกลับกังวลว่าทั้งคู่จะปะทะอารมณ์ใส่กันเมื่อไหร่

     

                    “ แบบไหนล่ะ? ถ้าเป็นพวกที่ทำตาโตแล้วก็เอาแต่ชี้ ๆ ฉันเนี่ยเจอตั้งแต่ลงจากรถแล้ว ”

     

                    “ แล้วแบบนี้เดินเข้ามาหาตรง ๆ แล้วพูดล่ะ มีบ้างมั้ย? ”

     

                    “ ไม่มีหนิ...ถามทำไมเหรอ? มีอะไรรึเปล่า? ศัตรูฉันใช่มั้ย? ผู้หญิงหรือผู้ชาย? ถ้าเขาเห็นหน้าฉันเนี่ยเขาจะเดินเข้ามาหาเลยใช่ไหม เขาคงตกใจน่าดูเลยสิที่ฉันยังไม่ตาย อยากเห็นหน้าจัง ”

     

    ร่างเล็กยิ้มกรุ่มกริ่มก่อนจะพยายามสอดส่องสายตามองหาคนที่น่าจะไม่เป็นมิตรกับเธอมากที่สุดซึ่งมันก็ไม่มีเพราะทุกสายตาที่มองมายังเธอมันเป็นสายตาเดียวกันหมดทั้งหญิงและชาย ถ้ามันจะเกลียดก็คงเกลียดกันทั้งงานนั่นแหละซึ่งมันคงไม่ใช่

     

                    “ ไม่ต้องมองหาหรอก ยังไงวันนี้เธอก็ต้องได้เจอแน่ๆ ”

     

                    “ พี่ไอรีน! ” เสียงเรียกของเด็กสาวทำให้ทั้งเซฮุนและแทยอนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน ชินบีในชุดเดรสน่ารักสีชมพูกำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อย่างไม่พอใจ ก็แน่ล่ะเธอหลงทางอยู่ในงานนี่ตั้งหลายนาทีกว่าจะหาพี่สาวคนนี้เจอได้ ซึ่งมันเป็นอารมณ์ที่โคตรจะน่าโมโหเลยสำหรับเธอ  “ อยู่นี่ นี่เองมองหาตั้งนาน ไอ้โรงเรียนนี้ก็จะใหญ่โตไปถึงไหนเนี่ย เดินทั้งเดือนจะทั่วรึเปล่ายังไม่รู้เลย ”

     

                    “ แล้วใครใช้ให้เธอไปห้องน้ำคนเดียวล่ะ ชอบทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เรื่อย ”

     

                    “ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย? มีปัญหาเหรอ? ”

     

                    “ มี...ไหนจำได้มั้ยก่อนหน้านี้เราตกลงอะไรกันไว้ แล้วทำไมถึงไปเข้าห้องน้ำคนเดียว ” เซฮุนกดเสียงต่ำถามคนตัวเล็กพรางส่งสายตาไปดุเบา ๆ ซึ่งชินบีเองก็ไม่ได้มีความสะทกสะท้านอะไรกับสายตานั่นเลย มิหนำซ้ำชินบียังทำลอยหน้าลอยตาราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเพียงลมที่พัดผ่านใบหูไปก็เท่านั้น “ ที่ฉันพูดเนี่ยได้ยินไหม ”

     

                    “ ฉันไม่ลืมหรอกหน่า อย่าพูดมากได้ไหม รำคาญ...ผู้หญิงน่ะไม่ชอบผู้ชายจุกจิกเรื่องผู้หญิงคนอื่นนะ เข้าใจปะ? ”

     

                    “ ไม่เข้าใจ พูดกับผู้ใหญ่ควรเลือกใช้คำพูดที่สุภาพและมีหางเสียงเรื่องแค่นี้ไม่รู้เหรอ? ”

     

                    “ โอ้ย นายนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ เลย! ”

     

                    “ พอเลยทั้งคู่ทั้งเซฮุนทั้งชินบีเลิกทะเลาะกันได้แล้ว คนอื่นมองกันใหญ่แล้วไม่อายเขาบ้างหรอ? ” แทยอนห้ามทับที่กำลังจะโจมตีกันก่อนที่คนตัวเล็กจะโดนมือใกล้บางคนจับบ่าให้หันไปอีกทาง ซึ่งมือนั่นก็เป็นของหญิงสาวที่เมื่อสักครู่ได้โผลเข้ากอดเธอไปแล้ว “ เอ่อ...มีอะไรเหรอทิฟฟานี่? ”

     

                    “ ซันนี่ เจสสิก้ายัยพวกนี้นี่ใจร้ายมากเลยนะที่เจอเธอแล้วแต่ไม่ยอมบอกฉัน แบคฮยอนก็ด้วย คอยดูเถอะฉันจะกักตัวเธอไว้ไม่ให้เขาเจอเลย นี่แทยอนต่อไปนี่เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะทำให้ความทรงจำของเธอกลับมาครบทุก ๆ เหตุการณ์แน่นอน ”

     

                    แทยอนไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอเพียงแค่ส่งยิ้มและพยักหน้าให้กับทิฟฟานี่ก็เท่านั้น ความทรงจำของเธอหายไปก็จริงแต่ความรู้สึกของเธอมันไม่ได้หายไปด้วยนี่นา ก็อย่างที่เธอเคยบอกนั่นแหละหากสมองไม่สามารถนำทางเธอได้เธอก็ต้องใช้หัวใจนำทางแทน...แทยอนรับรู้ได้ถึงความจริงใจที่ทิฟฟานี่ต้องการจะสื่อและเธอก็เชื่อว่าคนเหล่านี้หวังดีกับเธอจริง ๆ

     

                    “ งั้นเราไปตรงนู้นกันไหม พวกทายาททั้งหลายคงต้องการคำอธิบายนะ ว่าเรื่องมันเป็นไงมาไง ซึ่งฉันก็ด้วย ”

     

                    “ งั้นฉันขอไปด้วยค่ะ! ” ชินบีโผล่งขึ้นพรางยกมือขึ้นข้างหนึ่งเพื่อแสดงตัวว่าเธอขอไปร่วมวงด้วยคน ชินบีไม่อยากอยู่ตรงนี้เพราะเบื่อแล้วที่จะทะเลาะกับผู้ชายตัวสูงข้าง ๆ แต่ทว่าราวกับทิฟฟานี่จะอ่านใจเธอออก หญิงสาวลูกครึ่งหรี่ตามองเธอก่อนจะแกว่งนิ้วชี้ไปมาเป็นเชิงว่าเธอควรจะอยู่ตรงนี้ แทนที่จะหนีเซฮุนไปอยู่ที่อื่น

     

    “ ชินบีอยู่ตรงนี้แหละจ่ะ อยู่กับเซฮุนไปนะ นี่เซฮุนอย่าทิ้งให้เด็กสาวอยู่คนเดียวในงานที่มีของมึนเมามากมายนะรู้มั้ย...มันอันตราย ส่วนเพื่อนฉันฉันจะดูแลเอง รับรองจะไม่มีใครมาทำอะไรแทยอนได้ ”

     

    ชินบีถอนหายใจยาวยืดก่อนจะหันมาทำหน้าบึ้งใส่คนที่ชอบกวนอวัยวะเบื้องล่างของเธออยู่บ่อย ๆ อยู่กับเขาสองคนสิ่งที่เธอควรทำมากที่สุดคือไม่ต้องพูดอะไรเพราะยิ่งพูดก็จะยิ่งทะเลาะ สู้เงียบ ๆ กันไปทั้งสองฝ่ายดีกว่าสงครามจะได้ไม่เกิดขึ้น

     

    ร่างเล็กหันไปให้ความสนใจกับอาหารและของหวานมากมายที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ เห็นทีงานนี้สิ่งที่ดีกว่าการทะเลาะกับโอ เซอุนคงจะเป็นอาหารพวกนี้เสียแล้ว ทะเลาะกับเขาไปก็ไม่ได้อะไร กินของพวกนี้สิดีกว่าอิ่มท้องมีประโยนช์กว่าเยอะ

     

    แต่ทว่าไม่ว่าเธอจะกินอะไรกินยังไงกินท่าไหนโอ เซฮุนก็จ้องเธอไม่เลิกสักทีแม้จะหันหลังให้แต่ทุกครั้งที่เหลือบสายตาไปหาก็จะเจอเขากอดอกจ้องอยู่ทุกทีซึ่งมันทำให้เธออึดอัดและยัดอาหารไม่ลง

     

    “ นี่นายจะมองอะไรฉันนักหนา...หน้าฉันเหมือนพี่ไอรีนหรอ? ”

     

    “ เขาชื่อแทยอน ”

     

    “ ก็ฉันไม่ถนัดนี่นา ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็เรียกไอรีน ๆ จู่ ๆ จะให้เรียกแทยอนปุบปับได้ไง ให้เวลาปรับตัวบ้างสิ...แต่เรื่องนั้นช่างเหอะ ตกลงมองฉันทำไม ”

     

    “ ก็แค่อยากจะรู้ว่าเธอจะตะกะตะกามไปถึงไหน...เห็นกินมาตั้งนานแล้วยังไม่หยุดสักที ไม่คิดจะรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งรวยอย่างฉันบ้างเหรอ? ”

     

    เซฮุนเลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงตั้งคำถามกับคนตัวเล็กก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปหาหนึ่งก้าว ผู้หญิงคนนี้นอกจากจะไม่พูดจาดี ๆ กับเขาแล้วยังไม่คิดจะรักษาภาพลักษณ์อะไรกับเขาบ้างเลย ไม่มีความเป็นผู้หญิงสังคมเอาเสียเลย

     

    “ ไม่คิด ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ ก็ในเมื่อภาพลักษณ์ของฉันไม่เคยมีให้นายเห็นเลยตั้งแต่วินาทีแรกที่เรารู้จักกัน มันก็เลยไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องแอ๊บเป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อมไปด้วยกริยามารยาททั้งหน้าตาและจิตใจเวลาอยู่ต่อหน้านาย แต่อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ไม่แน่นะฉันอาจจะเป็นอีกคนไปเลยก็ได้ ”

     

    พูดจบก็หันไปสนใจกับอาหารการกินต่อปล่อยให้คนเย็นชายืนทำหน้านิ่งอยู่ตรงนั้นตามแบบฉบับของเขาไป...อันที่จริงเรื่องรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าเขานี่เธอก็แอบคิดอย่เหมือนกันนะ เผื่อมันอาจจะทำให้เขามองเธอไปในทางที่ดีบ้างแต่พอจะทำจริง ๆ มันกลับรู้สึกกระดากไปทั้งตัว ทุกอย่างมันก็เลยจบลงที่การที่เธอเป็นตัวของตัวเองเนี่ยแหละง่ายดี ถ้าเขาจะมองเธอไปในทางที่ดีก็ควรมองในสิ่งที่ชินบีเป็นชินบีจริง ๆ ไม่ใช่แค่การรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้า

     

    แต่เมื่อเธอมองย้อนไปถึงการอยู่ร่วมกันตลอดหลายวันที่ผ่านมาทำให้ชินบีนึกไปถึงอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น เธออยู่ที่โซลนี่ตัวคนเดียวมีคนรู้จักอย่างไอรีนก็เหมือนไม่มีเพราะเธอคนนั้นดันมาความจำเสื่อมช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้เท่าที่ควร มันเลยกลายเป็นว่าถ้าหากชินบีไม่เกาะใบบุญของโอ เซฮุนละก็เธอก็คงลอยเคว้งไปแบบไม่มีจุดหมายในเมืองใหญ่นี่แน่ ๆ

     

    ถ้าเกิดวันนึงที่ทะเลาะกันจนมองหน้ากันไม่ได้เธอจะไปอยู่ที่ไหนจะพึ่งพาอาศัยใครได้ ซึ่งคำถามเล่านี้มันเป็นคำถามที่เธอเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน และแม้แต่เซฮุนเองก็คงจะให้คำตอบไม่ได้เช่นกัน

     

    “ เงียบไปแบบนี้นี่คิดอะไรอยู่? ”

     

                    “ กำลังคิดอยู่ว่าจะเอาไงกับชีวิตต่อดี นายว่าฉันควรจะทำยังไงดี...หางานทำระหว่างรอเข้าเรียนดีไหม แล้วฉันจะทำงานอะไรดี จะเข้ามหาลัยที่ไหนที่ฉันพอจะจ่ายค่าเทอมเองได้ นายช่วยฉันคิดหน่อยสิ ”

     

                    “ เธอก็...หาผู้ชายรวย ๆ สักคนเลี้ยงสิ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนนี้ ”

     

    ชินบีมองชายหนุ่มที่พูดเรื่องพวกนี้ออกมาอย่างหน้าตาเฉย เซฮุนแค่พูดเล่นหรือพูดจริง ๆ อันนี้เธอไม่มีทางรู้เลยเพราะใบหน้าของเขาไม่ได้บ่งบอกว่าอยู่ในหมวดอารมณ์ใด อยู่กันมาตั้งหลายวันแทนที่เธอจะซึมซับนิสัยเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ไม่เลยชินบีไม่เคยจะเข้าใจในสิ่งที่ไอ้ผู้ชายหน้าหล่อคนนี้พูดเลยสักนิด

     

    “ มองอะไร ฉันแค่ล้อเล่น ”

                   

    “ ใช่เวลาเล่นเหรอ คนยิ่งจริงจังอยู่ ”

     

                    “ แล้วเธอจะคิดมากไปทำไม ฉันเคยพูดกับป้าเธอแล้วไงว่าจะดูแลเลี้ยงดูเธอเป็นอย่างดีฉันไม่ผิดคำพูดหรอกหน่า...แล้วก็ไม่ต้องมาเกรงใจอะไรทั้งนั้นเพราะฉันไม่ให้เธอใช้เงินฟรี ๆ แน่นอน ”

     

                    “ งั้นก็ดี...ขอบใจนายล่วงหน้าก็แล้วกันนะโอ เซฮุน “

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

                    ดวงตากลมโตที่รอบ ๆ ตาถูกตกแต่งด้วยสีสันงดงามเข้ากับชุดที่ใส่กำลังจ้องมองกระจกที่สะท้อนภาพเงาตัวของเธอเอง ใบหน้าสวยหวานที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ทรงผมที่ถูกจัดเป็นทรงสวยงามเข้ากับชุดสีแดงโชว์แผ่นหลังขาวนวล ทุกอย่างที่เธอมองเห็นผ่านกระจกสะท้อนความจริงว่าเธอคือใครในขณะนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เอส ผู้ชายคนนั้นหลอกหลวงเธอมาโดยตลอดแต่เธอเข้าใจดีว่ามันคงเป็นเพราะความรักที่เขานั้นมีให้

     

                    แทยอนไม่ควรให้ความสนใจในเรื่องของอดีตมากกวาปัจุบันอะไรที่ผ่านไปแล้วก็คือผ่านไป แทยอนควรจะใส่ใจกับเรื่องตัวเองในตอนนี้มากกว่า แบคฮยอนคือคนรักของเธอ ทิฟฟานี่คือเพื่อนรักของเธอ ทุก ๆ คนที่อยู่รอบตัวเธอคือคนที่รอคอยกากลับมาของเธอยกเว้นคนที่เคยเป็นศัตรูกันเมื่อก่อนหน้านี้

     

                    “ ยินดีต้อนรับกลับบ้านอย่างเป็นทางการนะคิม แทยอน ”

     

                    เพราะจู่ ๆ ก็มีคนพูดแทรกในขณะที่จิตใจของแทยอนยังคงจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันไปมองต้นเสียงที่ทำให้เธอตกใจเมื่อสักครู่ ผู้หญิงผอมเพรียวในชุดราตรีสีดำกำลังส่งยิ้มมาให้เธออย่างเยือกเย็นถึงแม้เธอจะสวยและชวนมองมากแค่ไหนแต่ทว่าความร้ายกาจที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มนั้นกลับไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้

     

    มันทั้งเยือกเย็นและน่ากลัว น่าแปลกทั้งที่เธอไม่น่าจะเคยเห็นมันมาก่อนแต่กลับรู้สึกว่าได้เห็นมันมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ชินกับมันเสียที

     

                    “ ค่ะ...ขอโทษนะคะที่ต้องถามแบบนี้แต่เราสองคนรู้จักกันเหรอ? ”

     

                    “ ความจำเสื่อมจริง ๆ สินะฉันยุนอาไง อิม ยุนอา...กลับมาคราวนี้ดูเธอมีความสุขมากกว่าเมื่อก่อนนะ หน้าตาไม่หมอง แววตาก็ดูดุขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ”

     

                    “ คุณก็เหมือนกันนะคะถึงฉันจะจำไม่ได้ว่าเมื่อก่อนคุณเป็นยังไงแต่ตอนนี้คุณก็ดูมีความสุขดี คุณเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ๆ เลยค่ะ ”

     

    แทยอนตอบกลับไปพร้อมด้วยรอยยิ้มแสนหวานทั้งทีเธอเองก็รับรู้ได้ถึงความไม่จริงใจที่ยุนอาแฝงมา เธอคนนี้ไม่ใช่คนดีแม้จะกรีดยิ้มพูดจาหวานน่าฟังแต่แทยอนกลับรับรู้ได้ถึงยาพิษที่เคลือบมาด้วย...ส่วยยุนอาเองก็รู้สึกเซอร์ไพรซ์ไม่น้อยที่นังเด็กนี่มันโผล่กลับมาร้ายกาจกว่าเดิมทั้งคำพูดคำจาที่กล้าต่อปากต่อคำ แถมไม่หลบตาเวลาพูด มันทำให้ยุนอารู้ว่าแทยอนไม่ใช่คนเดิม และมันไม่ง่ายเลยที่จะเขี่ยให้กระเด็นไปอีกเป็นรอบที่สอง

     

    “ ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องสวยอยู่แล้ว ก็ฉันเป็นคู่หมั้นของหนึ่งในผู้บริหารที่นี่นี่นา ”

     

    “ อย่างนั้นเหรอคะ...ดีจังเลยนะ ที่มีแฟนเอาการเอางานแบบนี้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ ”

     

    พูดจบแทยอนก็แทบจะถลาตัวออกไปทันทีเพราะไม่อยากจะอยู่กับผู้หญิงคนนี้นาน ยิ่งฟังเธอพูดก็ยิ่งรู้สึกถึงความน่ากลัวในตัว...แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะก้าวออกจากตรงที่ยืนอยู่ด้วยซ้ำคำพูดของอิม ยุนอาก็สาปให้เธอยืนนิ่งราวกับรูปปั้นไม่ยอมขยัยเขยื้อนไปไหน

     

    “ เธอไม่อยากรู้หรอว่าคู่หมั้นฉันเป็นใคร ”

     

    “ ถึงคุณพูดมาฉันก็ไม่รู้จักหรอกค่ะ ก็ฉันความจำเสื่อมนิเนาะ ”

     

    “ พยอน แบคฮยอนคือคู่หมั้นของฉันและหลังจากเราเรียนจบ เราก็จะแต่งงานกันทันที ”

     

    “ งั้นเหรอคะ? ”

     

    “ อะไรนะ! เธอพูดว่า งั้นหรอคะ? อย่างนั้นหรอ นี่รู้สึกอะไรบ้างสิคนที่เธอนอนกอดทั้งคืนคือคู่หมั้นฉันนะ...แทนที่เธอจะรู้สึกผิดและรีบขอโทษแต่เธอกลับพูดว่า งั้นเหรอคะ? แบบนี้มันหมายความว่ายังไง ไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดเหรอ? เห็นแหวนในมือฉันมั้ย แหวนนี่แบคฮยอนเป็นคนสวมให้ฉันต่อหน้าคนเป็นร้อยคนในงานรวมทั้งเธอด้วย เธอจำได้มั้ยว่าในงานหมั้นของเราเธอขึ้นไปร้องเพลงและร่วมฉลองไปกับเรา ไหนเธอสัญญากับฉันว่าจะเลิกหยุ่งกับเขาแล้วนี่มันอะไร! เธอกลับมาทำไม?!

     

    “ พูดยาวขนาดนี้คงโกรธแล้วก็เกลียดฉันมากสินะคะ แต่ฉันไม่ได้แย่งแฟนคุณนะฉันไม่เคยคิดจะแย่ง เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นคู่หมั้นเป็นคนเองเริ่มทั้งนั้น ”

     

    น้ำเสียงที่แสนจะเย็นชาของแทยอนกำลังให้เลือดในร่างของยุนอาเดือด แทยอนไม่ได้ตั้งใจจะปั่นประสาทให้ยุนอาโมโห แต่เธอแค่พูดความจริงในสิ่งที่มันเกิดขึ้นก็เท่านั้น เรื่องทุกอย่างแบคฮยอนก็เป็นคนเริ่มไม่ว่าจะเป็นการฟื้นความทรงจำหรือการพาเธอกลับมาที่นี่แล้วก็เปิดตัวกับทุก ๆ คนในงานว่าแทยอนยังไม่ตาย เธอไม่ได้ต้องการจะหักหน้ายุนอาโดยการแย่งแบคฮยอนไป เธอแค่ต้องการจะรื้อฟื้นความทรงจำก็เท่านั้น

     

    “ ทำไมเธอไปตาย ๆ ไปซะ จะกลับมาทำไมอีก ”

     

    “ คุณคงอยากให้ฉันตายมาก ๆ เลยใช่มั้ยคะ? แล้วฉันต้องทำตามที่คุณต้องการรึเปล่า? ชีวิตหนึ่งชีวิตแลกกับความสบายใจของคนหนึ่งคน มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะคะ คุณก็อายุมากแล้วควรจะมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่กว่านี้ ไม่ใช่หรอ? ”

     

    “ อย่ามาทำเป็นรู้ดีคิม แทยอน ฉันทำอะไรได้มากกว่าที่เธอคิดนะ...นี่ไม่ใช่คำขู่ แต่คือคำเตือน เธอไม่ใช่นางเอกในละครเพราะฉะนั้นตายก็คือตาย ฉันจะทำให้เธอหายไปเมื่อไหร่ก็ได้หวังว่าเธอจะไม่คิดสั้นนะ ” ดวงตาที่เต็มไปด้วยไฟของยุนอาทำให้รู้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่น ๆ หรือแค่ขู่ให้อีกฝ่ายกลัว แต่เธอพร้อมจะทำจริง ๆ เมื่อถึงจุดที่มันเกินจะทนแล้ว

     

    “ พูดกันตามตรงนะคะ ตอนนี้ฉันไม่ได้รักเขา ฉันก็แค่รู้สึกดีกับเขาก็เท่านั้น การที่คุณจะบอกให้ฉันเลิกหยุ่งกับคู่หมั้นเของคุณห็นทีคงจะไม่ได้เพราะฝ่ายที่เข้ามาหาก่อนก็คือเขาไม่ใช่ฉัน...และถ้าคุณรักเขาจริง ๆ คุณน่าจะใช้ความดึงเขาให้ออกห่างจากฉันได้ ”

     

    “ เขาเคยรักฉัน เราเคยรักกันมากแต่ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ ”

     

    “ คำนำหน้ามันก็บอกอยู่แล้วว่าเคย  คุณจะต้องการอะไรมากมายคะ? พี่แบคฮยอนเขาไม่ได้รักคุณแล้วสิ่งที่คุณควรจะทำมากที่สุดไม่ใช่การมาขู่ให้ฉันเลิกหยุ่งกับเขาแต่คุณควรจะเอาเวลามาทำให้ความคิดตัวเองสูงขึ้นจะดีกว่านะ ”

     

    พูดจบก็เดินออกมาปล่อยให้ยุนอายืนหายใจแรง ๆ อยู่ตรงนั้น น่าแปลกที่ยุนอาไม่ได้ตอบโต้ด้วยถ้อยคำแรง ๆ อย่างที่เธอคิดไว้แต่ยุนอากลับเดินไปจัดหน้าแต่งผมใหม่ราวกลับเมื่อสักครู่นี่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งมันก็ดีเพราะแทยอนไม่ชอบเลยเวลาที่สายตาคู่นั้นมองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

     

    มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่แทยอนจะพูดตอบโต้ในขณะที่แววตาก็จับจ้องยุนอาไปด้วยผู้หญิงคนนั้นน่ากลัวเกินไปที่เธอจะทำใจอยู่ด้วยนาน ๆ

     

    แต่จะว่าไปยุนอาก็ไม่ผิดหรอกที่จะพูดแบบนี้เพราะเธอรักแบคฮยอนมากเธอก็เลยหวงมากก็เท่านั้นเองอันนี้แทยอนเข้าใจ แต่คนที่ผิดจริง ๆ ก็คือแบคฮยอน เขาไม่ควรมาหยุ่งกับเธอเพราะเขาเองก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วหรือไม่ถ้าเขารักเธอจริง ๆ ก็ควรที่จะถอนหมั้นไปซะเรื่องมันจะได้ไม่ต้องค้าง ๆ คา ๆ อยู่แบบนี้

     

    ขืมยังปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ต่อไปก็จะมีแต่เสียใจเปล่า ๆ ฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือต้องเปิดอกคุยกันไปเลยทุกปัญหาจึงจะได้รับการแก้ไข แทยอนในอดีตอาจจะไม่กล้าทำแต่แทยอนคนปัจจุบันพร้อมจะทำเสมอหากมันจะทำให้ชีวิตเธอดีขึ้น

     

     

     

    *

     

     

     

    ร่างเล็กกอดอกมองชายหนุ่มร่างสูงด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นทุกอย่างบนใบหน้าล้วนเป็นเส้นตรง ซึ่งใบหน้าแบบนี้แหละที่ทำให้แบคฮยอนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ เขารู้ว่าเขามีความผิด และเขาก็รู้ด้วยว่าความผิดนั้นมันคืออะไร...ซึ่งเขาก็เตรียมใจเอาไว้แล้วว่ายังไงวันนี้ก็ต้องเจออไรแบบนี้

     

    “ นี่ใช่มั้ยคะคือความผิด นี่ใช่มั้ยคะคือเรื่องที่พยายามจะขอโทษมาโดยตลอด...พี่มีคู่หมั้นแล้วทำไมพี่ถึงไม่บอก จะปิดไปถึงเมื่อไหร่? เห็นฉันความจำเสื่อมแล้วได้ใจจะหลอกยังไงก็ได้อย่างนั้นเหรอ? ”

     

    ร่างเล็กโพล่งออกมาด้วยอารมณ์ครุกครุ่น ตอนนี้เธอแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนความรู้สึกเสียใจอันไหนรู้สึกโกรธเพราะทุกอย่างมันตีกันในหัวไปหมด มันกระอักกระอ่วนจนแทบจะอ้วกออกมาอยู่แล้ว...แบคฮยอนทำแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงไม่บอกสักคำ แค่เขาพูดออกมาว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้วและอธิบายถึงต้นปลายสายเหตุเธอก็พร้อมที่จะฟัง

     

    “ จะบอกตอนไหนก็ไม่สำคัญหรอกเพราะยังไงคนที่ฉันรักก็คือเธอ ”

     

    “ แต่คนที่มีสิทธิ์ในตัวพี่คือเขา ”

     

    “ แต่เรื่องนี้ฉันอธิบายได้นะ ”

     

    “ จะอธิบายว่าอะไรล่ะ เพราะผู้ใหญ่ใช่มั้ย? เพราะโดนบังคับใช่รึเปล่า? ” แบคฮยอนพยักหน้ารับเล็กน้อยเพียงเท่านี้แทยอนก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าเขารักเธอเขาก็ควรมีเธอคนเดียวสิไม่ใช่รักเผื่อเลือกแบบนี้ “ งั้นก็เลือกมาเลยว่าจะทำตามที่ผู้ใหญ่เห็นงาม หมั้นกับพี่ยุนอาต่อไปแล้วเลิกหยุ่งกับฉัน หรือ ถอนหมั้นกับเขาแล้วเราก็คบกันต่อไป ”

     

    “ มันไม่ง่ายแบบนั้นนะแทยอน ”

     

    “ งั้นการที่เราจะคบกันมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน ”

     

    ร่างเล็กยื่นคำขาด เธอจะไม่ยอมตกอยู่ในสภาพมือที่สามให้คนอื่นมาตราหน้าเด็ดขาด แบคฮยอนควรจะมีชีวิตของตัวเองบ้างไม่ใช่เดินตามเกมส์ของพ่อแม่ที่วางเอาไว้อยากให้เป็นอะไรก็ต้องเป็นและถ้าเขารักเธอจริง ๆ เธอเชื่อว่าเขาคงจะต้องถอนหมั้นแน่นอนหรือถ้าไม่ ทั้งคู่ก็ไม่ควรจะต้องมาเจอกันอีก

     

    “ แทยอนมีเหตุผลหน่อยสิ ”

     

    “ ถ้าการมีเหตุผลทำให้ฉันต้องกลับไปเจอเรื่องเดิม ๆ ฉันขอไม่มีเหตุผลจะดีกว่าค่ะ...อยากเสียฉันไปอีกรอบอย่างนั้นเหรอคะ? ”

     

    แบคฮยอนเงียบไป เขาหันหน้ามองไปทางอื่นเพื่อใช้ความคิดสติปัญญาทั้งหมดที่มีเพื่อแก้ไขปัญหานี้ เนิ่นนานที่เขาเอาแต่ขมวดคิ้ว สะบัดหัวและถอนหายใจราวกับคนสิ้นหวังแทยอนเข้าใจดีว่าที่เขาต้องหมั้นมันเป็นเพราะธุรกิจฉะนั้นการจะถอนหมั้นมันจึงไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนมันมีอีกหลายชีวิตเข้ามาเกี่ยวด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจแต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่ควรจะหยุ่งกับเธอตั้งแต่แรกแค่มีชีวิตใครชีวิตมันก็น่าจะพอแล้วอย่าดึงให้เข้ามาเจ็บปวดด้วยกันแบบนี้เลย

     

    “ ฉันว่าฉันได้คำตอบแล้วล่ะ ฉันเข้าใจพี่ค่ะ ” พูดแค่นั้นแทยอนก็หันหลังจะเดินจากไปแต่ทว่าแแบคฮยอนกลับคว้าแขนเธอเอาไว้พรางดึงให้เข้ามาประจันหน้ากันในระยะประชั้นชิด...แน่นอนว่าแบคฮยอนยอมเสียแทยอนเป็นรอบที่สองไม่ได้และเรื่องนี้เขาก็ปูทางออกไว้แล้วด้วย

     

                    ” ขอเวลาฉันหน่อยนะ...ฉันจะถอนหมั้นกับยุนอา แต่มันไม่ง่ายเลยเพราะถ้ามันง่ายฉันคงทำไปนานแล้ว แต่ฉันจะทำถ้ามันทำให้เธอรู้สึกมั่นคงในตัวฉัน ขอแค่อย่างเดียวอย่าเดินหนีฉันเลยนะ ”

     

    “ ฉันรู้ค่ะว่ามันไม่ง่าย แต่ตอนนี้ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวก่อนได้ไหม ”

     

    “ ทำไมล่ะ? เธอจะไปไหน? ”

     

    “ ฉันจะไปร้องไห้ค่ะ อยากร้องไห้ดัง ๆ ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาโดยไม่ต้องห่วงอะไร ไม่ต้องการคนมาเช็ดน้ำตาให้ด้วยเดี๋ยวร้องให้ไม่สุด...ไม่ต้องตามมานะคะไม่นานหรอก ”

     

    แบคฮยอนพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะปล่อยมือออกจากบ่าของคนตัวเล็ก เขาไม่ชอบน้ำตาของแทยอนไม่เคยชอบเลยสักครั้งไม่ว่าจะร้องไห้เพราะอะไรก็ตามยิ่งมีสาเหตุมาจากเขาเขาก็ยิ่งเกลียด แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อทุกอย่างบนโลกไม่ได้เป็นไปตามที่ใจสั่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลมาจากการกระทำทั้งสิ้น แบคฮยอนไม่มีทางหลีกหนีมันพ้นเลย

     

    ชายหนุ่มได้แต่ยืนมองแผ่นหลังเล็ก ๆ ของคนรักเดินห่างออกไป อย่างน้อยการร้องไห้ครั้งนี้แทยอนก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนครั้งก่อน ๆ เขาชอบแทยอนที่เป็นแทยอนแต่จะดีมากหากเธอเข้มแข็งแบบนี้ตลอดไปเพราะเขาไม่ต้องการเห็นเธออ่อนแอเหมือนที่ผ่านมาแล้ว ได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้ความทรงจำกลับมาไว ๆ และก็ขอให้อย่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกเลย

     

    แต่มันก็คงไม่ง่ายเช่นนั้นในเมื่อยุนอายังอยู่...








    กว่าจะอัพได้ จริง ๆ แต่งเสร็จนานล่ะแต่อ่านแล้วมันดูขัด ๆ ก็เลยแก้ไปแก้มา ขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า

    รักคนอ่านเสมอค่ะ ให้กำลังใจคนเขียนเยอะ ๆ นะถ้ารักกัน





    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×