ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY PETER PAN รักนี้มีบททดสอบ [END] || EXO SNSD

    ลำดับตอนที่ #3 : My Peter Pan: Chapter1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.47K
      6
      27 ม.ค. 60










    ร่างเล็กสวมเครื่องแบบสีแดงเลือดหมูซึ่งมีตราของมหาลัยตรงอกฝั่งช้ายเป็นรูปขลุ่ยแพนช้อนทับรูปดวงดาวตรงต้นแขนข้างเดียวกันนั้นเป็นรูปพระจันท์เสี้ยวสีเงินแถบทอง ในส่วนของความรู้สึกเธอนั้นเครื่องแบบพวกนี้มันดูวิเศษเอามาก ๆ แต่มันก็ไม่สามารถทำให้เธอหายกังวลใจเรื่องโรงเรียนนั่นอยู่ดี

     

    ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ แสงแดดอ่อน ๆ สีเหลืองทองยามเช้าสาดส่องกระทบเข้ากับใบหน้าสวยหวานของร่างเล็ก หลังจากที่ก้าวเท้าลงมาจากรถประจำตระกูลสุดหรู  เธอมีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวและกระเป๋าสะภายสีดำขนาดกลางที่ตอนนี้ถูกสวมเข้าที่หลังของเธอเป็นที่เรียบร้อย...บอกเลยว่ากว่าจะทำใจได้ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่าแล้วแถมตอนเก็บของเข้ากระเป๋านี่ก็ปาไปตีสองได้นอนไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะมาที่นี่ แม้จะไม่เต็มใจแต่เธอก็ขัดใครไม่ได้ทั้งนั้น

     

    แทยอนจ้องมองภาพตรงหน้าโดยไม่คิดจะละสายตาเพราะมันสวย สวยมากจริง ๆ สวยจนเธอไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือมหาวิทยาลัย...ตอนที่เห็นในทีวีว่าสวยงามตระกาลตาแล้วแต่มันกลับเทียบไม่ติดกับสถานที่จริงเลยสักนิด เหมือนกับปราสาทในเทพนิยายไม่มีผิดเพี้ยน

     

    ด้านในมีคฤหาสน์สูงใหญ่หลายตึกด้วยกัน แถมยังมีสวนดอกไม้สีสันสดใสสวยงามประดับสองข้างทางอีกด้วย หญ้าต้นเต้ยสีเขียวอ่อนที่บนยอดหญ้ามีหยดน้ำค้างพร่างพรมเมื่อสะท้อนกับแสงแดดยามเช้าจึงทำให้เกิดเป็นแสงสีขาวแววาวราวกับเพชรพลอยเปร่งประกายส่องสว่างขื้นมา แทยอนไม่เคยเห็นอะไรที่สวยงามเหมือนดินแดนในฝันขนาดนี้มาก่อน เธอทั้งชอบและตื่นเต้นจนลืมเรื่องกังวลก่อนหน้านี้ออกไปจากหัวชั่วขณะ

     

    จะให้ผมเดินเข้าไปส่งไหมครับ เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นไล่หลังทำให้แทยอนหยุดชื่นชมกับสถานณ์ที่ตรงหน้าแล้วหันหลังกลับไปมองต้นตอของเสียงเรียกนั้น

     

    ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ พี่โซยอนกลับไปเถอะ แทเข้าไปคนเดียวได้

     

    แน่ใจนะครับ

     

    แทยอนไม่ได้เอ่ยปากตอบอะไรออกไป เธอเพียงแค่ส่ายหน้าเบา ๆ เป็นเชิงว่า ไม่เป็นไร ก่อนจะหันไปสนใจกับภาพตรงหน้าต่อ ที่นี่สวยกว่าที่คน ๆ นั้นเคยเล่าให้เธอฟังเสียอีก ได้ยินชื่อมาตั้งนานในที่สุดก็ได้มาเห็นของจริงเสียที ร่างเล็กกวาดตามองไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสายตาของเธอไปสะดุดเข้ากับตัวหนังสือขนาดไม่ใหญ่มากนักถูกละเลงลงบนยอดประตูทางเข้าบานสูง เธอมองไปยังตัวอักษรเหล่านั้นพรางพึมพำอ่านตามเบา ๆ

     

     Neverland...

     

    คำว่า เนเวอร์แลนด์ ไม่ว่าแทยอนจะได้ยินมันกี่ครั้ง เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึง ปีเตอร์ แพน ของเธอ ใจนึงก็อยากจะเจอเขาแต่อีกใจนึงก็ยากจะหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ แต่แน่นอนในเมื่อเธอเลือกที่จะเดินเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วไม่ช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องเจอเขาอยู่ดี

     

    “ โชคดีนะครับ ดูแลตัวเองด้วย ขาดเหลืออะไรก็โทร.หาผมได้ตลอดนะ ”

     

    ค่ะ

     

    แทยอนพยักหน้ารับคำพรางยืนมองดูแผ่นหลังของคนขับรถที่กำลังหันหลังกลับออกไป...จะว่าไปในใจของเธอตอนนี้มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่ไปสะหมดหรอก เพราะลึก ๆ แล้วเธอเองก็แอบรู้สึกดีที่เธอกำลังจะได้พบกับปีเตอร์แพนของเธอที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่าสองปี

     

    ตอนนี้เขาคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ? ยังเกลียดเธออยู่รึเปล่า? ยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่ไหม? หรือว่าการเวลาได้เปลื่ยนเขาไปหมดแล้ว...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แทยอนก้าวเดินเข้ามาข้างในพรางกระชับกระเป๋าสะภายให้แน่นขื้น ความตื่นเต้นที่มีในใจเรี่มเพิ่มทวีขึ้นทีละน้อยจนตอนนี้ความคิดต่าง ๆ นา ๆ ก็ผุดขื้นมาเป็นดอกเห็ดตีกันให้วุ่นไปหมดทั้งกลัว  สับสน กังวล ตื่นเต้น บลา ๆ ๆ คละเคล้ากันไป

     

    การเจอหน้าคนรักเก่าที่ความหลังจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก ทำให้เธออยากจะบ้าตายเสียให้ได้ มันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้าให้เขาเห็นทั้ง ๆ ที่เขาก็เคยยื่นคำขาดแล้วว่าไม่อยากเห็นหน้าอีกและเธอก็ดันปากไวเกินไปที่ไปตกปากรับคำว่าจะไม่มาให้เขาเห็นหน้าอีก

     

    แล้วแบบนี้ถ้าเจอหน้ากันเธอควรจะขุดหาคำพูดมาจากที่ไหนเพื่อที่จะได้ไม่โดนเขาต่อว่า

     

    แทยอนถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปรอบ ๆ โรงเรียนเพราะเธอก็ยังไม่รู้ว่าหอที่เธอจะต้องอยู่นั้นมันตั้งอยู่ส่วนไหนของโรงรียนนี่ เพียงแค่มองผ่าน ๆ ยังสัมผัสได้ว่าโรงเรียนแห่งนี้นี่มันต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ เพราะทั้งอาคาร ทางเดิน สนามหญ้าข้างทาง ภาพลักษณ์โดยรวมทุกอย่างมันดูเพอร์เฟกต์ไปซะหมดและมีอีกอย่างที่พอจะเดาได้คือเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนที่นี่มีนิสัยที่ไม่น่าคบหาเท่าไหร่แน่นอน

     

    ฟึ่บ~

     

    มองอะไรอยู่คะคนสวย มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ยเอ่ย? ”

     

    “...” เพราะมัวแต่มองสภาพแวดล้อมรอบข้างจนไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะมองเธอด้วยสายตายังไง ร่างเล็กสะดุ้งตัวโหยงเมื่อพบว่ามีคนมากระชากแขนบางทำให้เธอปริวถลาไปตามแรงของคนแปลกหน้าจนทำให้ใบหน้าสวยหวานอยู่ในระดับเดียวกับหน้าอกแกร่งของชายหนุ่มผู้นั้น

     

    ปล่อยฉันนะคะ

     

    แทยอนพยายามสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะดูเหมือนเขาจะมีแรงเหนือกว่าอยู่มากโข ก็แน่ละแรงผู้หญิงจะไมสู้แรงก็ผู้ชายได้ยังไงมันไม่มีทางสมดุลกันอยู่แล้ว

     

    เป็นเด็กใหม่ แถมยังหน้าตาน่ารักน่าชังเสียด้วย...อย่างนี้พี่ค่อยสนุกหน่อย

     

    เชิญคุณสนุกไปคนเดียวเถอะค่ะ ฉันไม่เล่นด้วย

     

    ทำไมพูดจาห่างเหินกันจังเลยล่ะคะคนสวย ไม่เอาน่ามาทำความรู้จักกันให้คุ้นเคยดีกว่านะ...เราสองคนยังต้องเจอกันอีกนานนะ

     

    ชายแปลกหน้าใช้นิ้วหยาบกร้านเกลี่ยที่แก้มของแทยอนไปมาทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวาดกลัว แก้วตาสีนิลสั่นระริก ฝ่ามือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อขยุ้มปลายกระโปงด้วยความกังวล ชายหนุ่มแปลกหน้าไม่หยุดอยู่แค่นั้นเขากำลังโน้มคอลงมาเตรียมจะขโมยจูบแสนหวานจากริมฝีปากบางที่ตอนนี้ซีดเผือก ทว่ายังไม่ทันที่จะได้แตะต้งอะไรเลยด้วยซ้ำเขาก็โดนกระชากตัวออกไปอย่างแรงจากด้านหลังโดยบุคคลที่สามที่เข้ามาช่วย

     

    พลั่ก! ตุ่บ! พวั๊ะ!

     

    แทยอนได้ยินเสียงก้อนเนื้อกระทบกันอย่างรุนแรง งานนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเลือดต้องมาแน่ ๆ บอกเลยว่าทั้งกลัวและอายที่มาโรงเรียนวันแรกก็ต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนทั่วไปเสียแล้ว ทั้งที่เธอวางแผนไว้ว่าจะมีชีวิตที่สงบ ๆ ในโรงเรียนแห่งนี้แล้วแท้ ๆ

     

    “  รีปไปให้พ้น ๆ ซะ ไม่งั้นฉันจะเปลื่ยนใจจัดการพวกนายตรงนี้  

     

    “  ชิส์!!...แดซองลุกขึ้นมาเร็ว ๆ ดิเดี๋ยวแม่งก็โดนจับลงโทษหรอกมึง  

     

    “  มึงก็มาช่วยกูลุกดิวะ!

     

    ทันทีที่แทยอนจ้องมองไปยังผู้มาใหม่ สิ่งแรกที่เธอเห็นคือแผ่นหลังของชายสองคนที่วิ่งไปด้วยความเร็วแสง เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนท่ามีหน้าตาเข้าขั้นเทพบุตรบวกกับส่วนสูงที่เหมือนายแบบทั้งคู่ เขาทั้งสองสามารถเปร่งออร่าออกจากตัวได้ตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนทำหน้าโหดเพื่อไล่ไอ้พวกหน้าตัวเมียสองตัวเมื่อสักครู่นี้ไปก็ยังเต็มไปด้วยออร่าที่ส่องประกายออกมาทิ่มแทงตาสาว ๆ ที่เดินผ่านไปมาแถวนี้

     

    ทั้งคู่สวมชุดเครื่องแบบสีดำแถบขาวตรงอกข้างช้ายมีตราประจำโรงเรียนเหมือนกับของเธอแต่จะพิเศษกว่าตรงที่มันสลักตัวหนังสือสีทองเอาไว้ซึ่งน่าจะเป็นชื่อของพวกเขานั่นแหละ

     

    ท่าทางจะเป็นคนสำคัญของโรงเรียนนี้

     

    “ ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ? ”

    ' ไม่เป็นไรนะครับ...พี่มาช่วยแล้ว'
        

    ภาพชายหนุ่มที่มาช่วยเธอวันนี้มันทำให้เธอหวนนึกถึงความทรงจำดี ๆ ที่เธอเคยมีเมื่อสองปีก่อน แต่พอนึกถึงทีไรก็เหมือนมีปลายมีดแหลมๆมาปักตรงกลางอกทุกที ทั้ง ๆ ที่สมองอยากลืมแต่ใจกลับจำมนได้แม่น

                    “ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ที่มาช่วยฉันถ้าไม่ได้พวกคุณสองคนฉันคงแย่แน่เลย ร่างเล็กยิ้มเจื่อน ๆ ให้ พอมองเห็นหน้าพวกเขาชัดเจนแล้วผู้ชายสองคนนี้หน้าตาหล่อเหลาเข้าขั้นไอดอลเลยทีเดียว ท่าทางดูดีมีชาติตระกูลถ้าบอกว่าเป็นเชื้อพระวงค์เธอคงจะเชื่อแบบสนิทใจเพราะพวกเขาดูสง่างามมากจริง ๆ ดูดีไปซะหมดโดยไม่มีที่ติแม้แต่น้อย

     

    ผู้ชายตัวสูงที่หูกาง ๆ หน่อยหันมายิ้มอบอุ่นให้กับแทยอน....ส่วนอีกคนที่มีส่วนสูงใกล้เคียงกันกลับทำหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาทั้งนั้น นัยน์แววตาดูว่างเปล่าจนเธอไม่กล้าแม้แต่จะมอง...อีกคนดูเป็นมิตรก็จริงแต่อีกคนกลับดูน่ากลัวเสียอย่างนั้น

     

    ไม่เป็นไรหรอก คราวหน้าก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน พึ่งมาใหม่แถมยังหน้าตาน่ารักแบบนี้อีกอันตรายนะ

     

    ทำไมหรอคะ? ”

     

    ก็เห็นอยู่เมื่อกี้ ไม่น่าถามเลยนะเรา ผู้ชายที่ตาโต ๆ หูกาง ๆ หน่อยพึมพำกับคนตัวเล็กเบา ๆ ...แววตาของเขาชช่างดูอบอุ่นเสียจริง ๆ แทยอนสัมผัสได้ถึงความใจดีที่ออกมาจากตัวของเขา และแน่นอนเขาต้องช่วยเธอได้แน่ ๆ

     

     

    ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ ฉันกับเซฮุนยินดีที่จะช่วย เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้งพรางหันหน้าไปทางผู้ชายอีกคนที่เขาเรียกว่าเซฮุนซึ่งตอนนี้สีหน้าของเขาก็ยังคงไม่เป็นมิตต่อสิ่งแวดล้อมตามเคย

     

    ทำไมเขาถึงได้ทำหน้าไม่พอใจอยู่ตลอดเวลาแบบนั้นนะเขามีเรื่องให้เครียดนักหรือไง

     

    จะดีหรอคะ? ” ร่างเล็กยิ้มเจื่อน ๆ ให้อีกครั้งพรางเลิกคิ้วข้างนึงถาม ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้าย่างหนักแน่นเพื่อย้ำให้เธอมั่นใจว่าเขานั้นพร้อมที่จะช่วยเธอทุกอย่าง ขอเพียงแค่คนตัวเล็กเอ่ยปากขอมาก็เท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าหอของตัวเองอยู่ที่ไหนอ่ะค่ะ รบกวนหน่อยได้มั้ยคะ? ”

     

    เรื่องแค่นี้เอง มันต้องได้อยู่แล้วเดี๋ยวไปส่งให้ถึงห้องเลยดีมั้ย? ” แทยอนดูสะตั้นเล็กน้อยกับประโยคตรงท้ายที่แสนจะกำกวมของชายหนุ่มผู้หวังดี ก่อนจะทำใจหัวเราะออกมาแห้ง ๆ เพราะคิดว่ามันคนเป็นการเล่นมุขตลกของเขา

     

    พี่ลืมไปแล้วหรอครับว่าเราต้องแวะไปที่ไหน อีกอย่างนะครับเรามีประชุมตอนเก้าโมง...แล้วตอนนี้ก็แปดโมงแล้วด้วย เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบพรางจ้องมองมายังเธอด้วยแววตาที่คาดเดาได้ยากทำเอาแทยอนแทบจะมุดดินหนีหรือไม่ก็เดินหนีไปไกล ๆ จากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเพราะกลัวว่าอาจจะโดนสายตานั่นสาดยาพิษใส่เอา

     

    อืม... ชานยอลทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกยิ้มบานแฉ่งให้ทั้งแทยอนและเซฮุนทำเอาทั้งสองคนงงเป็นไก่ตาแตกกับท่าทีที่แสนจะพิลึกของชานยอล ก็ไปกินกันทั้งสามคนเนี่ยและ แล้วค่อยเดินไปส่งผู้หญิงคนนี้...โอเครมั้ย

     

    แทยอนได้แต่ยืนฟังด้วยความงุนงง อะไรของเขาเนี่ยคุยเองตอบเองเสร็จสับ จะเฟรนลี่ไปไหน แต่ก็นะ เธอจะทำอะไรได้ยังไงผู้ชายสองคนนี้ก็คือคนที่ช่วยเธอไว้จากไอ้บ้านั่น เขาทั้งสองคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกเผลอ ๆ อาจจะเป็นคนที่ดีมาก ๆ เลยก็ได้ถ้าได้คุยด้วย

     

    แทยอนยกยิ้มบาง ๆ ให้กับชานยอลก่อนจะเหลือบไปมองชายหนุ่มอีกคนที่ยังคงทำหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม ทำไมเขาถึงได้นิ่งขนาดนี้นะ มันน่ากลัวจนเธอไม่กล้าแม้แต่จะมองไปยังเขาตรง ๆ ด้วยซ้ำ...เขาไม่พอใจอะไรเธอรึเปล่า?

     

    “ เซฮุน....ยิ้มหน่อยสิ นายกำลังทำให้เธอกลัวนะ ดูสิเหงื่อแตกหมดแล้ว ”

     

    “ ช่างเธอ... ”

     

    “ โอ เซฮุน ” ไม่ทันที่เด็กหนุ่มร่างสูงจะได้พูดอะไรจบก็โดนผู้เป็นพี่เรียกชื่อด้วยเสียงทุ้มต่ำที่แสนน่าเกรงขามทำเอาแทยอนก้มหน้ามองพื้นดิน

     

    เข้ามาวันแรกก็อยู่ยากเสียแล้ว แล้วแบบนี้วันต่อ ๆ ไปจะเป็นยังไง

     

    “ ฉันทำให้เธอกลัวหรอ...ขอโทษนะ ”

     

    แทยอนพยักหน้ารัว ๆ แล้วก็ยิ้มแบบที่เธอคิดว่าเป็นมิตรที่สุดให้ทั้งสองคนไป เซฮุนเองก็ส่งยิ้มให้เธอถึงจะดูฝืน ๆ แต่อย่างน้อยเขาก็ยิ้มล่ะน่า เวลาที่เขายิ้มน่ารักกว่าตอนทำหน้านิ่งเสียอีกมันน่ารักมาก ๆ จนทำให้หญิงสาวที่เดินผ่านไปมาเหลียวหลังหันกลับมามองกันหมดทุกคนราวกับว่ารอยยิ้มของเข้าหาดูยากยิ่งกว่าสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ปีนึงเปิดให้ชมครั้งเดียวซะอีกและมันก็คงจะเป็นสิ่งที่หาดูยากจริงๆนันแหละ......แต่ยิ้มได้ไม่นานเขาก็หุบมันลงอีกครั้งแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นมันอย่างนั้นแหละ

     

    “ เอ่อ..แล้วเราจะไปที่ไหนกันหรอคะ? ”

     

    “ ไปร้านชานมไข่มุกน่ะ ของชอบของเซฮุนเขา ”

     

    อ๋อ... ไม่น่าล่ะเขาถึงได้ยิ้มให้กับฉันง่าย ๆ คงจะดีใจไม่น้อยที่จะได้ไปกินชานมไข่มุกตามที่ต้องการถึงจะมีพลังงานบางย่างอย่างเธอตามไปด้วยก็เถอะ...ว่าแต่เซฮุนคนนี้เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะทำไมบางครั้งถึงได้ดูเย็นชาจังแต่บางครั้งกลับดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

     

    “ งั้นเรารีบไปกันเถอะครับ จะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ ”

     

    ชานยอลพยักหน้าให้กับน้องชายจ่างสายเลือดเบา ๆ ก่อนจะเดินมาแย่งกระเป๋าไปจากมือแทยอนทำให้เธอมองมาที่เขาอย่างงุนงง ร่างเล็กกระพริบตาปริบ ๆ มองกระเป๋าที่ถูกฉกฉวยไป  แต่ชานยอลกลับอมยิ้มทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรซึ่งทุกย่างอยู่ในสายตาของเซฮุนทั้งหมดแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็มันไม่ใช่เรื่องของเขานี่นา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทั้งสามพูดคุยกันไปในขณะเดินโดยไม่เร่งรีบ แถมอากาศยามเช้าของมหาลัยนี้มันก็ดีจริง ๆ มีต้นไม้มากมายอยู่รอบบริเวณ ไม่ว่าใครที่ได้มองก็ต้องสดชื่นตามทั้งนั้นแหละ  ไม่น่าละโรงเรียนนี้ถึงเป็นที่ต้องการของเด็กทั่ว ๆ ไป...ตามทางเดินที่ถูกปูด้วยคอนกรีตดูสะอาดสะอ้านตา ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็มีโต๊ะเก้าอี้ให้นักเรียนได้นั่งเล่น

     

    “ คุยกันมาตั้งนานแล้วใจคอไม่คิดดจะบอกชื่อหน่อยหรอ? ” เสียงทุ้มของชานยอลเอ่ยถามพรางยกยิ้มแบบกวน ๆ แต่มันกลับดูเท่ห์มาก ๆ แทยอนส่งยิ้มตอบกลับไปก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการต่อเพื่อนใหม่ทั้งสอง

     

    “ ฉันชื่อคิม แทยอนค่ะ เรียกสั้น ๆ ว่าแทก็ได้ ”

     

    “ ความงามที่สูงส่ง ความหมายนี้เหมาะกับเธอดีนะ...ฉันชื่อโอ เซฮุนนะ เราสองคนน่าจะอายุเท่ากันเพราะฉะนั้นเรียกเซฮุนเฉย ๆ ก็ได้...แล้วก็ไม่ต้องมาถือตัวกับฉันนะ ทำตัวสบาย ๆ แล้สเราจะอยู่ด้วยกันได้ ” ดูเหมือนว่าเซฮุนจะเปิดใจให้กับเพื่อนใหม่คนนี้มากขึ้น แต่ก็นะ คนเย็นชาอย่างเขาก็ยังคงรักษาความนิ่งไว้เหมือนเดิมนั่นแหละ

     

    “ ฉันชื่อปาร์ค ชานยอล นะ แน่นอนว่าฉันคงอายุมากกว่าเธอ งั้นเรียกว่ารุ่นพี่ละกัน...แต่ถ้าจะให้ดีเรียกพี่ดีกว่า ” ประโยคสุดท้ายชานยอลเอียงตัวเข้ามากระซิบข้างหูของแทยอน ทำเอาเธอสะดุ้งเล็กน้อยใจเต้นแรงเพราะเสียงแหบพร่าที่กระซิบข้างหูของเธอนั่นทั้งแผ่วเบาและขี้เล่นในเวลาเดียวกัน

     

    แทยอนไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ  ชานยอลตั้งใจจะปั่นประสาทเธอแน่นอน

     

    “ เรียกพี่ชานยอลว่าพี่เถอะแทยอน ดูท่าทางแล้วเขาคงไม่อยากจะให้เธอเรียกว่ารุ่นพี่สักเท่าไหร่ ”

     

     “ ทำเป็นรู้ดีนะเซฮุน ”

     

     “ ก็ผมเป็นน้องพี่นิครับ แค่พีอ้าปากผมก็เห็นลิ้นแล้ว ”

     

    “ เป็นน้องก็ใช่ว่าจะมารู้ความคิดฉันได้นิ ไอ้เด็กนี่! ”

     

    แทยอนมองดูสองพี่น้องถกเถียงกันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มตามภาพน่ารักนั่น....ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาช่วยเธอจนถึงตอนนี้เธอก็พึ่งจะฉุกคิดได้ว่าเครื่องแบบที่พวกเขาใส่นั้นเป็นสีดำแถบขาวชึ่งมันคงจะเกี่ยวข้องกับการที่คนอื่น ๆ ให้ความเคารพพวกเขา แถมตลอดทางที่เดินมา คนที่เดินสวนกับพวกเขาก็มองมาด้วยสายตาแปลก ๆ ทั้งนั้น

     

    ตกลงสองคนนี้เป็นใครกันแน่? แล้วพวกเขาจะเกี่ยวข้องกับคน ๆ นั้นรึเปล่านะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ไม่นานนักพวกเขาทั้งสามคนก็เดินมาจนถึงร้านชานมไข่มุก ชึ่งเป็นร้านเล็ก ๆ น่ารักที่ตั้งอยู่ในข้างทางเดินของโรงเรียนนี้เนี่ยแหละ และไม่ใช่จะมีแค่ร้านเดียวด้วยแต่ยังมีร้านขายของอื่น ๆ มากมายเยอะแยะเต็มไปหมด ระหว่างทางชานยอลจะเป็นคนที่ชวนคุยอยู่ตลอดหมดเรื่องนี้ต่อเรื่องใหม่ไม่จบไม่สิ้น จากตอนแรกที่รู้แค่ชื่อแต่ตอนนี้แลกเบอร์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไวไฟใช่มั้ยล่ะ

     

    เซฮุนพลักประตูร้านเข้าไปเป็นคนแรกตามด้วยแทยอนและชานยอล ข้างในร้านเน้นโทนสีขาวสลับกับสีฟ้าตกแต่งด้วยผลไม้ปลอมหลากหลายชนิดและหลอดแก้วใสบรรจุเม็ดทรายสีฟ้าคราม  มันดูน่ารักเอามาก ๆ จนแทยอนเผยยิ้มกว้างออกมา ชานยอลเองก็ลอบยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ใช่เพราะร้านนะ มันเป็นเพราะคนตรงหน้าต่างหากก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะเมื่อสั่งเสร็จแล้ว

     

    “ ชอบร้านแบบนี้มั้ย? ” เสียงทุ้มเอ่ยขื้นในขนะที่อีกคนกำลังนั่งดูดน้ำแตงโมปั่นจากแก้วที่พึ่งนำมาเสีร์ฟ แทยอนไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอทำเพียงพยักหน้าตอบแทนคำพูดเท่านั้น อันที่จริงถึงชานยอลจะไม่เอ่ยถามก็น่าจะรู้คำตอบอยู่นะเพราะท่าทางเธอมันฟ้องซะขนาดนี้

     

    “ รุ่นพี่ค่ะ......เอ่อ พี่ชานยอล ” แทยอนกลั้นใจพูดออกไปด้วยความอยากรู้ที่สุมอยู่เต็มอกของเธอ ขืนไม่ถามมีหวังอกแตกตายเพราะความสงสัยมันอัดแน่นกันแน่ ๆ

     

    “ หืม...มีอะไรหรอ? ” ชานยอลเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นท่าทางอึกอักของอีกฝ่าย

     

    “ คือทำไมพี่กับเซฮุนถึงใส่เครื่องแบบสีดำล่ะคะ? มีอะไรพิเศษอย่างงั้นหรอ? ”

     

    “ อ๋อ...ก็.... ”

     

     “ เดี๋ยวก่อนครับ  ” เซฮุนยกมือขื้นห้ามไม่ให้ชานยอลพูดอะไร ก่อนจะหันมาทำหน้าจริงจังกับแทยอน “ เธอมั่นใจใช่มั้ยว่าถ้าพี่ชานยอลพูดอะไรออกไปแล้ว เธอยังจะทำตัวเหมือนเดิมกับพวกฉัน ”

     

    “ นาย...หมายความว่ายังไง ”

     

    “ เว่อร์แลเว แทยอนอย่าไปฟังเซฮุนมากนักนะหมอเนี่ยมันไม่ปกติ ” แทยอนจ้องมองหน้าของชานยอลย่างคาดหวัง เอาจริง ๆ แล้วก็คือกดดันนั่นและเพราะเธออยากรู้จริง ๆ ยิ่งเซฮุนพูดแบบนี้ยิ่งอยากรู้มากขึ้นเป็นเท่าตัว อีกอย่างถ้าเกิดเซฮุนกับชานยอลเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นจริง ๆ มันก็ดีไปอีกแบบ เธอจะได้หาทางหลีกเลี่ยงเขาด่ายขึ้นไง

     

    “ คือพ่อแม่ของพี่แล้วก็ของเซฮุนเป็นหนื่งในหุ้นส่วนของโรงเรียนนี้ แต่ไม่ได้มีแค่สองคนนะยังมีอีกสิบคนที่เป็นเพื่อน พี่ ๆ น้อง ๆ ของพวกเรา แต่ละตระกูลก็จะเป็นตระกูลดังธุรกิจใหญ่ทั้งนั้นและก็เป็นตระกูลที่ร่วมมือกันมาตั้งแต่สมัยปู่ทวดนู่นแหนะ ”

     

    “ ใช่...แล้วทายาทในแต่ละรุ่นก็จะพลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาบริหารโรงเรียนแห่งนี้ อย่างเช่นตอนนี้โรงเรียนแห่งนี้อยู่ภายใต้การบริหารของพวกเราทั้งสิบสองคน ” เซฮุนเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบนิ่ง “ ในโรงเรียนนี้พวกเราทั้งสิบสองคนมีอำนาจสูงสุด เป็นผู้คุม ผู้ดูแล จัดการระบบทั้งหมด เหมือนกับว่าโรงเรียนนี้เป็นที่ฝึกหัดให้เราเป็นนักธุรกิจที่มีฝีมือมากขึ้น เพราะว่าเราต้องจัดการแล้วก็แก้ปัญหาทุกอย่างในโรงเรียนนี้ด้วยตัวเองทั้งหมด ”

     

    “ โห... ” แทยอนกระพริบตาปริบ ๆ มองหน้าชานยอลและเซฮุนสลับกันไปมา เธอไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าลูกชายเจ้าของโรงเรียนทั้งสองคนจะคือคนที่สนิทกับเธอที่สุดในตอนนี้...แต่ที่มากไปกว่านั้นคือตอนนี้เธอมั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นแล้วว่าเขาทั้งสองคนต้องรู้จักกับผู้ชายใจร้ายคนนั้นแน่ ๆ

     

    “ แทยอนเธอเป็นอะไร! ” 

     

    “ หะ....หา อะไรหรอ? ” ร่างเล็กตอบตะกุกตะกักเมื่อเริ่มตั้งสะติหลังจากสตั้นไปนานหลายวิ “ ไม่น่าล่ะ นายกับพี่ชานยอลเดินไปที่ไหนก็มีแต่คนมอง ที่แท้ก็เป็นเจ้าของโรงเรียนนี่เอง ”

     

    “ ก็ไม่เชิงหรอก แต่ทำไมเธอต้องตกใจกับเรื่องพวกนี้มากขนาดนั้นด้วย สตั้นไปเลย ”

     

    “ ฉันไม่ได้จิตอ่อนขนาดนั้นสักหน่อย เรื่องอะไรฉันจะต้องสติแตกกับเรื่องที่พวกนายสองคนเป็นทายาทของโรงเรียนนี้ด้วยเล่า ” ร่างเล็กพูดติดตลกแต่ในใจกลับไม่ตลกด้วยสักนิด.....ในใจตอนนี้มันตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เหมือนมีฟองน้ำผุดขึ้นมาเป็นมวนโดยไม่มีวี่แววว่าจะสงบลงสักที ไม่น่าละเซฮุนถึงได้กลัวว่าถ้าบอกเรื่องนี้ออกไปเธอจะทำตัวไม่เหมือนเดิมกับพวกเขาที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง

     

    “ สาบานว่าไม่ตกใจ อย่ามาเฉไฉเลย เธอน่ะอ้าปากก็เห็นลิ้นไก้หมดแล้ว ”

     

    ทั้งเซฮุนและแทยอนอยู่ในวัยเดียวกันจึงทำให้สนิทกันเร็วมากกว่าชานยอลผู้เป็นพี่ และอีกอย่างคือเซฮุนบอกกับเธอว่าให้พูดจาเป็นกันเองจะได้คลายความอึดอัดและจะได้สนิทกันเร็วยิ่งขื้นซึ่งนั่นก็ได้ผลเป็นอย่างดีในตอนนี้คือไม่มีใครเกรงใจใครและเป็นตัวของตัวเองเสมอเหมือนว่ารู้จักกันตั้งแต่สมัยแรกเกิดกันเลยทีเดียว

     

    แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะสนิทกันยังไงเซฮุนก็ยังคงคอนเช็บเย็นชาเหมือนเดิม.. แต่มีบ้างที่บางครั้งเขาก็ยิ้มและหัวเราะไปกับเธอ บางทีเซฮุนอาจจะต้องการเวลาสักพักเพื่อปรับตัวก็เป็นได้

     

    “ บอกว่าไม่ตกใจก็คือไม่ตกใจสิ นายนี่กวนจริง ๆ เลย! ” ร่างเล็กใช้มือเรียวฟาดแขนคนตรงหน้าเบา ๆ พรางส่งสายตาดุไปให้ แต่คนตรงหน้ากลับยักคิ้วส่งยิ้มกวนประสาทที่แสนจะมีเสน่ห์มาแทน และมันก็ดันทำให้ใจเธอสั่นเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างล่องลอยไปไกลแสนไกลยังไงอย่างงั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเซฮุนเป็นเพื่อนที่หล่อที่สุดที่เธอเคยมีมาเลยแหละ ก็แน่ละในชีวิตนี้แทยอนแทบจะไม่มีเพื่อนที่เป็นผู้ชายเลยนี่นา

     

    “ กวนอะไร? กวนใจเหรอ? โดยกวนบ่อย ๆ ระวังจะตกหลุกรักฉันเข้านะ ” เซฮุนยกยิ้มมุมปากแล้วส่งสายตาขี้เล่นที่ทำเอาคนมองใจเบาหวิวเหมือนติดปีกบินได้ จู่ ๆ ก็มาให้ก้อนเนื้อตรงอกด้านช้ายของคนตัวเล็กดีดดิ้นไม่เป็นจังหวะแถมเร็วและแรงอีกด้วยจนเธอกลัวว่าทั้งเซฮุนและชานยอลจะได้ยินเข้า...นิสัยไม่ดีจริง ๆ เลย

     

    ไม่นะแทยอน เธอห้ามใจเตั้นแบบนี้กับเซฮุน....เขาคือเพื่อนเธออีกคนรองจากยัยทิฟนะ...อย่าใจเตั้นแบบนี้ดิ

     

    “ ไม่ตกหรอกไม่ต้องห่วง...อย่าหลงตัวเองให้มันมากนักสิ ต้องการเข็มทิศกับแผนที่มั้ยเนี่ย? ” ร่างเล็กเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังหวั่นไหวกับสายตานั่น มันคงไม่ดีแน่ ๆ หากเธอต้องมาใจสั่นหวั่นไหวเป็นพายุลมแดงกับเพื่อนใหม่คนนี้ แทยอนอาจจะต้องการเวลาสักนิดหน่อยเพื่อปรับตัวให้รับกับคนตรงหน้า

     

    “ เซฮุนมันก็เป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายผีเข้าผีออกบ่อย ๆ อยู่ไปเดี๋ยวเธอก็จะชิน ” ชานยอลที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่นานได้จังหวะช้ำเติมน้องชายเลยรีบพูดไป

               

    “ ผมรู้ว่าแทยอนโกหก ที่เธอพูดอย่างนั้นเพราะกลัวใจหวั่นไหวต่างหาก ใช่มั้ยละ? ”

     

    “ โทษนะแต่บังเอิญว่านายไม่ใช่สเปคฉันอ่ะ ” ถึงจะยอมรับว่าหวั่นไหวกับรอยยิ้มอันบาดใจนั่น...แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะแอบชอบแอบมีใจให้หรอกนะ ยังไงเซฮุนก็คือเพื่อนของเธอในตอนนี้ที่มีอยู่

     

    “ พูดไม่รักษาน้ำใจกันเลยนะ โกหกสักหน่อยก็ได้มั้ง น้อยใจเป็นนะเนี่ย ”

     

    โอ เซฮุนผู้ชายที่สุดแสนจะเย็นชาคนนั้นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้เหลือเพียงเซฮุนผู้น่ารัก มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมามอบให้เธอเสมอ...อยากจะรู้จริงๆว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่ระหว่างเย็นชาแบบตอนแรกที่เจอกันกับน่ารักขี้อ้อนแบบตอนนี้ แต่เป็นแบบนี้กับเธอตลอดเวลาจะดีกว่านะ

     

    คนทั่วไปที่ไม่รู้จักพวกเขาทั้งคู่อาจจะมองว่าพวกเขาเป็นคนหยิ่ง เข้ากับคนอื่นได้อยาก ไม่มีน้ำใจแต่อันที่จริงแล้วมันตรงกันข้ามกันสิ้นดี...แต่กับบางคนที่ดูภายนอกเหมือนเป็นคนใจดีดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร แต่กลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายจิตใจให้เจ็บปวดมากที่สุด

     

    แทยอนแค่นหัวเราะในใจคิดแล้วก็เจ็บ...แต่ถ้าคิดแล้วเจ็บมันก็คงเป็นเจ็บที่มีความสุขแฝงอยู่เวลาที่ได้คิดถึงมัน

     

    “ ทำตัวน่ารักกับฉันบ่อย ๆ สิ แล้วจะพูดดี ๆ ด้วย ”

     

    ร่างเล็กบอกกับคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้ เพราะทุกครั้งที่เขาทำตัวน่ารักไม่ว่าใครหรือผู้ญิงคนไหนมาเห็นไม่เว้นแม้แต่แทยอนเองทุกครั้งที่ได้มองจังหวะการเต้นของหัวใจก็ผิดแปลกไปจากเดิมทุกที เลือดที่ดูเหมือนไหลเวียนเชื่องช้าก็กลับกลายเป็นสูบสีดได้เร็วเต็มที่จนกลัวว่ามันจะขื้นสีตรงแก้มทั้งสองข้าง

     

    ทั้งสามพูดคุยแลกเปลื่ยนเรื่องราวในชีวิดที่ผ่านมาของกันและกัน ทั้งเซฮุนและชานยอลดูจะตกใจมากที่รู้ว่าในชีวิตของแทยอนที่ผ่านมามีเพื่อนแค่เพียงคนเดียวและพึ่งย้ายกลับมาจากฝรั่งเศส แต่ก็ใช่ว่าเธอจะพรั่งพรายเรื่องของเธอออกไปซะหมดเพราะมีอยู่บางเรื่องที่เธอไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้ และก็คงจะไม่เล่าโดยเด็ดขาดเพราะมันเป็นสิ่งที่ควรถูกลืมไป

     

    ทว่าสิ่งที่เซฮุนและชานยอลเล่ามานั้นกลับทำให้เธอสตั้นไปหลายสิบวิพร้อมกับใจที่เริ่มไม่เป็นปกติ เพราะหนื่งในเรื่องที่พวกเขาทั้งคู่เล่าให้เธอฟังคือเรื่องของ พยอน แบคดฮยอน หุ้นส่วนใหญ่อีกคนของที่นี่และสิ่งที่ทำให้แทยอนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ความรู้สึกเหมือนมีหอกนับร้อยพันเล่มวิ่งมาทิ่มแทงตรงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจนไม่มีแรงแม้แต่จะหายใจ...ทำไมชีวิตของเธอมันถึงได้ตลกร้ายแบบนี้นะ

     

    เธอกำลังจะได้เจอกับเขาในขณะที่เขามีคู่หมั้นคู่หมายเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว...แล้วมันจะมีความหมายอะไรล่ะ

     

    พอพวกเขาเล่ามาถึงตรงนี้สีหน้าและแววตาของคนตัวเล็กเริ่มถอดสี แก้วตาสีนิลสั่นระริก น้ำสีใสที่พยายามกลั้นไว้พร้อมกับก้อนสะอื้นเริ่มประท้วงว่าอยากจะปลดปล่อยออกมาเต็มทน แต่หากตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงอย่างเดียวคือทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ทำเหมือนสิ่งที่ได้ยินมาเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น...เธอจะต้องยิ้มและร่วมยินดีกับสิ่งที่เขาเล่ามาเพราะนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเธอคงต้องลบความทรงจำเรื่องเก่า ๆ ให้ไวที่สุดเท่าที่ทำได้ถ้าไม่อยากจะเจ็บปวดไปมากกว่านี้

     

    ทำใจและยอมรับให้ได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เธอไม่เคยรู้จักผู้ชายที่ชื่อแบคฮยอน...เราจะสองจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้าของกันแล้วกันเท่านั้น

     

    Rrrrr

     

    เสียงโทรศัพท์ของชานยอลที่ดังขึ้นเหมือนเสียงระฆังที่ช่วยชีวิตของแทยอนเอาไว้เพราะมันทำให้ทั้งสามคนออกจากบทสนทนาดังกล่าวได้ ขืนแทยอนยังคงต้องนั่งฟังเรื่องพวกนี้อยู่คงไม่พ้นที่น้ำตาเจ้ากรรมจะต้องสร้างปัญหาให้เธอเป็นแน่

     

    มันเจ็บตรงที่ได้ยินว่าเขาทั้งสองรักกันมานานแล้ว มันเจ็บที่ผู้หญิงคนนั้นคนที่ได้หมั้นกับเขาไม่ใช่เธอ มันเจ็บที่แบคฮยอนลืมเธอไปแล้วหมดจนสิ้นและไม่แม้แต่จะกล่าวถึง ขนาดเซฮุนและชานยอลที่ดูเหมือนจะสนิทกับเขาผู้ชายทั้งสองคนนี้ยังไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ

     

    “ ฮัลโหล...เห้ย! อะไร ๆ อย่าพึ่งบ่นดิวะ...ก็พาเซฮุนออกมาหาอะไรกินนิดหน่อยไง...หะ! อีกสิบห้านาที แล้วฉันจะไปทันได้ยังไงวะ กว่าจะเดินไปเอาแฟ้มที่หออีก...งั้นแกก็ขับรถมารับฉันกับน้องสิ จะได้ทันไง...เออ ที่ร้านเดิมเนี่ยแหละ...เออเว้ย มีเซอร์ไพรช์ไว้ให้แปลกใจเล่นด้วย...เดี๋ยวมาถึงก็รู้เองแหละน่า เออบาย ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     














                   ไรท์หายหัวไปซะนานเลย ถึงจะมีคนอ่านน้อยแต่ไม่เป็นไรถึงยังไงก็ยังมีคนอ่าน เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะขอบคุณที่อ่านขอให้ติดตามต่อไปเรื่อยๆน่ะ ซารางเฮน๊า
     

    หนื่งเม้นเท่ากับร้อยล้านกำลังใจนะจ๊ะ
    เม้นเยอะอัพบ่อยเม้นน้อยอัพช้าน๊า

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×