ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY PETER PAN รักนี้มีบททดสอบ [END] || EXO SNSD

    ลำดับตอนที่ #26 : My Peter Pan: Chapter24

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 980
      1
      27 ม.ค. 60




     





                    ท้องฟ้าว่างเปล่าที่มืดสนิทไร้สิ่งแปลกปลอมใด ๆ อยู่บนนั้น คืนนี้ท้องฟ้าปราศจากดวงดาวปราศจากก้อนเมฆมีเพียงความว่างเปล่าและมืดมนเท่านั้นที่ปกคลุมอยู่ คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดเอี้ยมสีม่วงอ่อนตัวเดิมที่เธอใส่ในสวนสนุกถอนหายใจแล้วแหงนมองฟ้าเป็นรอบที่ร้อย

     

    มันแปลกนะว่ามั้ยที่คนเรามักจะชอบมองว่าเวลาที่ไม่สบายใจหรือไม่ก็กำลังคิดทบทวนอะไรในหัวอยู่อย่างเช่นแทยอนในตอนนี้ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องมามองฟ้าในเวลานี้แต่พอคิดไปคิดมามันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอมทำได้

     

                    โอเคร... แบคฮยอนทิ้งเธอไว้ในสวนสนุก เข้าใจ แบคฮยอนไม่ติดต่อกลับมาบอกอะไรเลย ก็เข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมเขาต้องหยุดทุกอย่างลงแบบนั้นทั้งที่โอกาสที่แทยอนจะได้ฟังสิ่งที่เธอรอคอยมาตลอดมันมาถึงแล้ว ทำไมแบคฮยอนถึงได้ใจเย็นแบบนี้ ทำไมไม่คิดบ้างว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่มีผู้หญิงที่ชื่อคิม แทยอนอยู่แล้วเขาจะพูดคำพูดเหล่านั้นให้ใครฟัง ทำไมไม่คิดบ้างว่าคนที่รอฟังมันทรมาณแค่ไหน

     

    บางทีแทยอนก็อยากจะถามท้องฟ้านะว่าเหงาบ้างมั้ยที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวในบางค่ำคืน รู้สึกหวาดกลัวหรือเจ็บปวดบ้างมั้ยที่ถูกดวงดาวและก้อนเมฆเหล่านั้นทอดทิ้ง แต่สำหรับเธอความรู้สึกนั้นมันมากกว่าความเจ็บปวด เธอไม่ได้ชินและไม่เคยคิดที่จะชินเวลาที่เห็นแบคฮยอนทิ้งให้ต้องอยู่คนเดียว แม้มันจะเกิดขึ้นบ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วนแต่ฉันก็ไม่ชินชากับความรู้สึกนี้สักที

     

    แทยอนไม่ใช่คนดีที่จะไม่รู้สึกอะไรเลยเวลาเห็นคนที่รักให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่า แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากการเงียบไว้แล้วรอคอยให้เขากลับมา อุณหภูมิในยามค่ำคืนเริ่มจะลดลงต่ำเรื่อย ๆ เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูหนาวมือบางเลื่อนไปกระชับเสื้อโค้คตัวหนาที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ ทำไมวันนี้มันถึงได้หนาวเย็นขนาดนี้นะทั้งที่ในแต่ละวันนั้นไม่เห็นจะมีวันไหนเหน็บหนาวเท่านี้เลยนี่นา

     

    ป่านนี้รุ่นพี่จะเป็นยังไงบ้างนะ?

     

    “ นี่แทยอนเข้ามาได้แล้ว ข้างนอกหิมะเริ่มจะตกแล้วนะ ”

     

    เสียงทุ้มของเพื่อนตัวสูงดังขึ้น เรียกสติให้คนตัวเล็กที่มัวแต่ยืนเหม่อลอยไปไกลให้กลับมาก่อนที่เธอจะไม่สบายเพราะมัวแต่ยืนตากหิมะเสียก่อน

     

    ร่างเล็กเดินกลับเข้ามาในห้องนอนของตนอย่างเชื่องช้าพรางส่งยิ้มให้กับเพื่อนหนุ่มที่อุตส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อนเธอแถมยังทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินอีก ผู้ชายโรงเรียนนี้ทำอาหารเป็นหมดทุกคนเลยหรือเปล่านะ มือหนาส่งมาบีบจมูกรั้นอย่างหมั่นเขี้ยวโดยที่อีกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ

     

    “ นี่เซฮุน!!

     

    “ ถามจริงนี่คนหรือกวางเรนเดียร์ ดูสิจมูกแดงเป็นลูกเชอร์รี่เชียว ”

     

    “ นายนี่จริง ๆ เลย...แล้วนี่มินอาตื่นหรือยัง ” พอพูดถึงเด็กน้อยคนนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่ากลายมาเป็นลูกแบคฮยอนได้ยังไง แทยอนก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลยเพราะมัวแต่คิดเรื่องอื่น บางทีเซฮุนอาจจะรู้ก็ได้เพราะเห็นว่ามินอาดูสนิทสนมกับเซฮุนดี

     

    “ มินอาไม่ตื่นง่าย ๆ หรอก อาจจะตื่นตอนกลางดึกหรือไม่ก็พรุ่งนี้เช้านู่นอ่ะ ”

     

    “ เอ่อเซฮุน นายช่วยเล่าเรื่องมินอาให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ย ฉันอยากรู้ ”

     

    “ เมื่อปีที่แล้วพี่แบคฮยอนไปทีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะ เขาถูกชะตากับเด็กคนนี้มาก ๆ ก็เลยรับมาเลี้ยงดู มินอาเป็นเด็กที่ฉลาดคิดฉลาดพูด พี่แบคฮยอนก็เลยรักแล้วก็เอ็นดูเด็กคนนี้มาก ๆ รวมทั้งพวกเราก็ด้วย มินอาเป็นเด็กที่น่าสงสารนะ โดนพ่อแม่ทิ้งตั้งแต่เกิด แต่มินอาก็โชคดีมาก ๆ เหมือนกันที่พี่แบคฮยอนรับมาเลี้ยง มินอาได้รับความรักและความอบอุ่นมากมายจากพวกเราเพื่อที่จะทำให้เด็กคนนี้ไม่รู้สึกขาดหายพี่เขายอมทำทุกอย่างเลยนะ...แต่มันก็เหมือนจะยังไม่พอ ”

     

    เซฮุนทิ้งช่วงคำพูดพรางหันกลับไปมองเด็กน้อยน่ารักที่นอนหลับใหลอยู่บนโซฟานุ่ม แววตาของเขาดูอ่อนไหวลงอย่างเห็นได้ชัดนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเต็มไปด้วยความสงสารเวทนา

     

    “ ทำไมล่ะเซฮุน? ”

     

    “ เด็กน่ะนะต้องการความรักความห่วงใยจากทั้งพ่อและแม่ แต่มินอามีแค่พี่แบคฮยอนกับพวกฉัน มันเลยทำให้มินอาเรียกร้องหาความรักจากแม่น่ะสิ ”

     

    “ แล้วรุ่นพี่ยุนอาล่ะเธอไม่รู้เรื่องนี้หรอ? ”

     

    “ รู้สิ...มินอาดูเหมือนจะชอบพี่ยุนอามาก ๆ เลยแหละ พี่ยุนอาเองก็เอ็นดูมินอาด้วย แต่ฉันไม่รู้ว่าเหตุผลเพราะอะไรมินอาถึงไม่ยอมรับพี่ยุนอาสักที ”

     

    ร่างสูงหยุดคำพูดอยู่แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี เขาทำได้เพียงยืนมองแทยอนนิ่ง ๆ เซฮุนรู้ดีว่าตอนนี้ในหัวของแทยอนคิดเรื่องอะไรอยู่ คงไม่พ้นเรื่องยุนอาและแบคฮยอน

     

    ทำไมนะทำไมเขาถึงยังรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่ควรจะตัดใจจากแทยอนไปตั้งนานแล้วแต่เขาก็ไม่ทำมันสักที หัวใจบ้า ๆ ดวงนี้มันยังดื้อรั้นที่จะรักเธอต่อไปแม้จะรู้ว่าแทยอนไม่มีวันที่จะหันหัวใจมาหาเข้าแต่ใจเจ้ากรรมก็ยังไม่เลิกรักคนตรงหน้าสักที

     

    สำหรับแทยอนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะดีหรือร้ายเขาก็จะไม่มีทางเดินหนีหรือทิ้งเธอไปไหน โอ เซฮุนคนนี้คือเพื่อนของคิม แทยอนเพื่อนที่จะคอยหนุนหลัง เพื่อนที่จะคอยฉุดขึ้นเมื่อแทยอนหกล้ม เพื่อนที่จะคอยพยุงยามที่แทยอนไปต่อไม่ไหว เพื่อนที่ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไหร่แต่หัวใจของเขาก็จะยังคงอยู่ที่เพื่อนตัวเล็กอีกคนดังเดิม

     

    เซฮุนเองไม่ใช่คนดีอะไรมากมายที่จะถือคติแอบรักอยู่ห่าง ๆ ก็สุขใจแล้ว แต่เขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากคอยดูแลแทยอนแบบนี้ตลอดไป ถ้าเกิดวันใดที่เขาสามารถทำหน้าที่คนรักแทนแบคฮยอนได้เขก็คงจะทำโดยไม่รีรอ มันไม่มีใครคนไหนในโลกใบนี้หรอกที่จะรักใครสักคนโดยที่ไม่หวังให้คน ๆ นั้นมารักตอบแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

     

    เพราะว่าใจความหลักที่แท้จริงนั้นคือคน ๆ นั้นจะคิดเช่นเดียวกับเราหรือเปล่า หัวใจของคนที่เรารักมีเอาไว้เพื่อให้เราเอาชนะแต่ถ้าหากฝืนแล้วมันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ไม่จำเป็นที่จะดันทุรังฝืนโชคชะตานั่นอีกต่อไป แต่ถ้าหากยังไม่พยายามให้มากเท่าที่ควร ก็สมควรแล้วที่คน ๆ นั้นจะไม่หันเหใจมาให้

     

    “ แทยอน... ” เสียงเรียกที่แสนแผ่วเบาขงชายหนุ่มทำให้ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมาเพื่อขานรับกับคำเรียกนั่น “ เธอกับพี่แบคฮยอนจะฝืนไปแบบนี้อีกนานเท่าไหร่? ”

     

    คำถามที่กลายเป็นมีดเล่มใหญ่ปักลงกลางใจของร่างเล็ก ทำให้เธอพูดไม่ออก...น้ำเสียงที่แสนเรียบนิ่งของเซฮุนบวกกับสีหน้าที่เป็นไปในทางเดียวกันกับเสียงยิ่งทำให้แทยอนพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ ไม่ใช่แค่พูดไม่ออกตอนนี้แม้แต่จะหายใจเธอยังทำมันได้ลำบากเลย

     

    ความสัมพันธ์ที่ฝืนความเป็นจริงของทั้งแทยอนและแบคฮยอนมันดำเนินมาลุ่ม ๆ ดอน ๆ จนไม่รู้ว่าตอนนี้จะเรียกความสัมพันธ์นั่นว่าอย่างไรดี รักกันโดยที่ไม่รู้ว่าจะเลิกกันวันไหน มันก็มีความสุขแค่ตอนที่อยู่ด้วยกันเท่านั้นแหละแต่พออีกฝ่ายหายไปแน่นอนว่าในที่สุดความหวาดกลัวว่าจะเสียเขาไปก็ต้องตามมา

     

    แบคฮยอนบอกว่าไม่ให้แทยอนสนใจสิ่งที่อื่นใดนอกจากหัวใจตัวเอง แต่เขาคงลืมไปว่าสิ่งอื่น ๆ ที่ว่านั่นล้วนสำคัญกับพวกเขาทั้งคู่ ในวันนี้ความรักของเขาทั้งคู่นั้นอาจจะยังไม่เป็นปัญหาสำหรับใครแต่ในวันข้างหน้าที่ไม่มีใครหยั่งรู้นั้นมันอาจจะเป็นปัญหาที่หนักหน่วงแก่พวกเขาสองคนก็ได้หากยืดเยื้อไปก็มีแต่จะเจ็บปวดไปมากกว่าเดิม

     

    “ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเซฮุนว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ”

     

    “ ฉันรู้ว่าตอนนี้ความรู้สึกของเธอเป็นยังไง ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้วนะแทยอน ฉันเคยคิดว่าบางทีการที่พี่แบคฮยอนเลิกทำร้ายเธอมันจะทำให้เธอมีความสุข แต่ไม่เลย เธอมีความสุขก็จริงแต่เธอก็ต้องทนเจ็บปวดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกัน แล้วเธอจะทนไปอีกนานเท่าไหร่? เธอตัดใจไม่ได้หรอ? ”

     

    ร่างเล็กหลุบตาต่ำ ตัดใจงั้นหรอ? มันไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่ลมปากของเซฮุนพ่นออกมา แค่พูดว่าเกลียดแบคฮยอนเธอยังทำลำบากเลย แล้วแทยอนจะเอาความเข้มแข็งมาจากไหนมาใช้เพื่อตัดใจจากเขา ไม่ใช่ว่าแทยอนเป็นคนอ่อนแออะไรมากมาย ปกติเธอนั้นเข้มแข็งและมีความอดทนอยู่ในระดับที่สูงพอสมควรแต่เรื่องของแบคฮยอนมักจะเป็นข้อยกเว้นเสมอ

     

    ตัดใจ? ยังไงหรอเซฮุน ฉันทำไม่เป็นนายช่วยสอนหน่อยได้ไหม? นายตัดใจจากฉันและสอนให้ฉันตัดใจจากรุ่นพี่ไปพร้อม ๆ กัน ถ้านายทำได้ฉันก็คงจะทำได้เหมือนกัน

     

    “ อย่ามาบอกให้ฉันตัดใจ เพราะไม่มีวัน การรักเธอคือความสุขของฉัน ชีวิตรักของเราสองคนมันต่างกันแทยอน เธอมีรักพร้อมกับน้ำตา ส่วนฉันมีรักพร้อมกับการเฝ้ามอง เราสองคนมันต่างกันตรงนี้ ”

     

    “ นายกล้าพูดไหมเซฮุนว่านายไม่เจ็บปวดเวลาที่ฉันอยู่กับรุ่นพี่ ไม่มีใครคนไหนบนโลกใบนี้ที่เห็นคนที่เรารักไปรักคนอื่นแล้วจะเป็นสุขใจหรอกนะ ฉันรู้เพราะฉันก็เป็น ไม่ว่าใครจะดีแสนดีขนาดไหนแต่ด้านมืดในตัวก็ย่อมมีเสมอ ถึงฉันจะตัดใจจากรุ่นพี่แต่คนที่ฉันรักก็ไม่ใช่นายอยู่ดี ถึงฉันจะคบกับนายแต่หัวใจฉันไม่ใช่ของนาย แบบนี้นายคิดว่าเราสองคนจะมีความสุขงั้นเหรอ ”

     

    คำพูดแต่ละคำที่ออกมาจากปากของร่างบางนั่นค่อย ๆ ทิ่มแทงเข้าสู่กระแสเลือดแล้วไหลเวียนไปยังหัวใจของโอ เซฮุนช้า ๆ อย่างเยือกเย็นทั้งเจ็บแสบและทรมาณราวกับว่าหัวใจของเขานั่นกำลังบีบรัดตัวเองและแตกสลายไปในที่สุด เจ็บ เป็นสิ่งเดียวที่หัวใจด้านชาของเขารู้สึก

     

    คำพูดที่เปรียบเสมือนมีกรีดลึกลงบนแผลเก่าที่บอบช้ำอยู่แล้วซ้ำไปซ้ำมาจนไม่เหลือชิ้นดี เซฮุนพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพราะไม่อยากให้แทยอนเห็นความอ่อนแอที่อยู่ในหัวใจของเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดว่าโดยตลอดว่าแทยอนอาจจะรู้สึกดีกับเขาบ้างไม่มากก็น้อยแต่ วินาทีนี้แทยอนได้ทำให้เขาเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่าตัวเขานั้นมาไกลที่สุดได้แค่คำว่าเพื่อนที่แทยอนยิบยื่นให้เท่านั้น

     

    “ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันแค่รักเธอ ได้ยินมั้ยว่าฉันรักเธอ แทยอน... เป็นฉันไม่ได้หรอ? มันไม่มีทางเลยเหรอ? ”

     

    เสียงทุ้มสั่นเครือเพราะเขากำลังจัดการกับอารมณ์อ่อนไหวของตัวเอง พยายามข่มมันไว้ให้ลึกสุดใจแต่มันกลับทำไม่ได้ดีเท่าที่ควร ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเพื่อนหนุ่นพรางยื่นมือเรียวเล็กไปกุมมืออีกฝ่าย ตอนนี้เซฮุนสั่นไปทั้งตัวแม้แต่มือยังเย็นเฉียบ เขาคงเจ็บปวดไม่ใช่น้อยที่แทยอนพูดเช่นนั้นออกไปแต่นั้นมันเป็นทางที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเซฮุน เขาจะได้ตัดใจและมีรักครั้งใหม่กับคนที่พร้อมกว่าเสียที

     

    “ ฉันก็รักนายนะเซฮุน นายเป็นเพื่อนคนนึงที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน ฉันไม่ชอบเลยเวลาที่นายต้องเจ็บปวดเพราะฉัน ฉันเสียใจกับเรื่องนี้จริง ๆ ถ้าฉันสั่งหัวใจของฉันได้ ฉันก็คงเลือกนายไปแล้ว แต่ตอนนี้ทั้งร่างกายแล้วก็หัวใจของฉันมันเป็นของรุ่นพี่แบคฮยอน ”

     

    “ ... ”

     

    “ เซฮุนนายไม่ต้องห่วงนะ เมื่อถึงเวลาไม่วันใดก็วันนึงฉันจะไปจากชีวิตของพวกนายเอง ขอโทษที่เข้ามาแล้วทำให้นายต้องเจ็บปวดนะ แต่ขอให้ฉันมีความสุขกับสิ่งที่ฉันมีในตอนนี้ก่อนก็แล้วกัน ฉันสัญญาว่าฉันจะไปโดยไม่ติดค้างอะไรอีก ”

     

    “ ถึงเธอจะไม่รักฉัน แต่ฉันก็ไม่มีทางให้เธอไปไหน ฉันจะไม่ถอยแต่ฉันแค่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอ เมื่อไหร่ที่เขาปล่อยมือจากเธอ ฉันก็จะรีบรับเธอเอาไว้ทันที ฉันไม่สนว่าใครจะมาก่อนมาหลัง แต่ฉันสนแค่ว่าใครจะรักแล้วก็ดูแลเธอได้ดีกว่ากัน และฉันก็มั่นใจว่าฉันจะไม่แพ้ใครเลยสักคน ”

     

    “ ตัดใจตอนนี้ก็ยังไม่สายนะเซฮุน ไม่ว่าใครจะมาก่อนหรือหลัง ไม่ว่าใครจะรักฉันมากกว่ากัน แต่ฉันก็ยังรักรุ่นพี่ ไม่ว่าจะวันนี้ พรุ่งนี้ หรือ วันที่รุ่นพี่ปล่อยมือจากฉัน ฉันอาจจะเลิกรักเขาหรือเกลียดเขาไปเลยก็ได้แต่ยังไงความรู้สึกที่ฉันมีต่อนายก็จะไม่เปลี่ยน ฉันไม่ได้รัก อื้อ... ”

     

                    ร่างสูงใช้แขนแกร่งโน้มใบหน้าของคนตัวเล็กให้เข้าหาตัวเขา ก่อนจะใช้ริมฝีปากหนาบดขยี้กรีบปากบางโดยที่คนตัวเล็กยังไม่ทันได้ตั้งตัว เซฮุนส่งต่อความดุเดือดให้กับแทยอนโดยไม่เว้นช่องว่างแต่ทว่าคนตัวเล็กกลับต่อต้านมันสุดฤทธิ์ มือเรียวก็ใช้ว่าจะอยู่นิ่งทำหน้าที่ทั้งทุบทั้งตีอกแกร่งแต่มันกลับไม่สะทกสะท้านเซฮุนเลยสักนิด

     

    ริมฝีปากหนาที่กำลังกักเก็บความหวานจากปากของแทยอนเปรียบเสมือนคมของมีดแหลมที่กรีดกรายไปบนร่างกายของร่างบางให้เจ็บแสบ เซฮุนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนนึงที่เธอเคยมีแต่ทำไมเรื่องทุกอย่างถึงเป็นเช่นนี้ มือหนาอีกข้างที่ว่างเลื่อนมาโอบเอวบางเอาไว้อยางอ่อนโยน ราวกับว่าภาพทุกอย่างถูกทำให้ช้าลงไปถนัดตาแทยอนเลิกขัดขืนทำให้ร่างสูงปะหลาดใจเล็กน้อยแต่ทว่าเซฮุนกลับสัมผัสได้ถึงหยดน้ำอุ่นๆที่เคลื่อนไหวมาโดนแก้มของเขา

     

                แทยอนร้องไห้...

     

                    เพราะน้ำตาที่ไหลออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจที่บอบช้ำของแทยอนทำให้เซฮุนถอนจูบออกทันที ดวงตาคู่สวยสีแดงก่ำที่มีน้ำตาคลอเอ่ออยู่ทำให้ใจของเซฮุนเจ็บปวดเหมือนว่ามันได้หยุดเต้นไปแล้ว เพราะความรักโง่ ๆ ที่บังตาทำให้เขาต้องทำร้ายจิตใจของหญิงสาวที่เขารักอย่างงั้นหรือ

     

    มือหยาบกร้านของชายหนุ่มถูกทาบลงบนพวงแก้มสีแดงระเรื่อ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น เขาไม่ชอบมันเสียเลย ร่างสูงใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าสวยหวานของคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยนราวกับกลัวว่าเธอจะเจ็บ แต่ยิ่งเขาเช็ดมันก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้นเป็นเท่าตัว

     

                    “ ฉันขอโทษ... แทยอนฉันขอโทษ... ”

     

    เอ่ยคำขอโทษจากใจจริงพรางดึงเพื่อนตัวเล็กเข้ามากอดแน่น เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะพูดปลอบแทยอนยังไงให้เธอหยุดร้องไห้ได้ น้ำตาขอคนที่เขารักนั้นสิ่งที่เซฮุนเกลียดและไม่ต้องการที่จะเห็นมากที่สุดแต่เขากลับเป็นคนทำให้เธอเสียใจซะอย่างนั้น

     

                    “ ฉันขอโทษ ขอโทษจริง ๆ เธอจะด่าจะว่าจะทุบตีฉันยังไงก็ได้นะแทยอน แต่เธออย่าเกลียดฉันเลยนะ ”

     

                    ร่างเล็กใช้มือทั้งสองข้างดันอกแกร่งออกซึ่งเซฮุนก็ยอมถอยออกอย่าง่ายดายโดยไม่ยื้อไม่รั้งไว้เลยสักนิด.....แทยอนใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกลวกๆก่อนจะฉีกยิ้มบางๆให้กับเซฮุน ทำเอาชายหนุ่มถึงกับคิ้วขมวดที่แทยอนไม่ด่าไมโวยวายเขาเลยสักนิดมิหนำช้ำยังยิ้มให้เขาอีก

     

                    “ นี่มันก็ดึกมากแล้วนายกลับห้องนายไปเถอะเซฮุน ส่วนเรื่องเมื่อกี้ฉันจะลืมมันไปซะ นายอย่าโทษตัวเองเลยนะที่ฉันร้องไห้มันก็เพราะความอ่อนแอของฉันเองทั้งนั้น...นายกลับไปได้แล้ว ”

     

                    “ แต่แทยอน... ”

     

                    “ กลับไปสิ...ฉันเหนื่อย ฉันอยากจะนอน ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

     

     

    แสงสีทองทอดอยู่บนท้องฟ้าอากาศโดยรอบเรี่มอบอุ่นขึ้นจากอากาศที่เคยเยือกเย็น ร่างบางของหญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงยาวสีขาวพลิ้วทิ้งตัวลงบนผืนหญ้าสีเขียวอ่อนโดยบริเวณรอบตัวนั้นปราศจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาหรือไม่ก็นาน ๆ ทีจะมีคนผ่านมาครั้ง

     

    ยุนอาทิ้งตัวนอนลงบนพื้นหญ้าโดยไม่เกรงว่าเสื้อผ้าของเธอนั้นจะเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ปัญหาเสื้อผ้าที่เธอเคยถือเป็นเรื่องใหญ่มันกลับกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยถ้าเทียบกับสิ่งที่เธอกำลังแบกรับเอาไว้ตอนนี้

     

    หญิงสาวจดจ้องผืนฟ้าสีน้ำเงินอ่อนที่แสนว่างเปล่าอย่างไร้จุดหมายราวกับคนสิ้นหวัง ถึงแม้ว่าดวงตาจะว่างเปล่าแต่ในจิตใจนั้นกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภายในห้วงลึก ๆ ของจิตใจเธอนั้นมีเรื่องราวมากมายหลายอย่างให้คิดอยู่ตลอดเวลา

     

    เธอทำให้ตัวเองดูเหมือนมีค่าเหนือทุกอย่างมาโดยตลอดทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่เคยมีค่าและความสำคัญสำหรับใครทั้งนั้นอย่างเช่นตอนนี้ ในขณะที่เธอหายตัวไปจากโรงเรียนอย่างเงียบ ๆ ไม่บอกไม่กล่าวใครเป็นเวลาหลายวันแล้วแต่ก็ไม่มีใครตามหา ไม่มีแม้แต่มิสคอสักสายที่จะโทรมาไถ่ถามว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนเป็นอย่างไรบ้าง มันช่างน่าสมเพชสิ้นดี

     

    ลมเย็น ๆ ที่พัดโบกโบยทำให้ใจดวงน้อยที่บอบช้ำสั่นสะท้านไปทั้งดวงราวกับว่าสายลมพวกนี้นั้นกำลังบีบรัดจุดที่มันอักเสบให้เลวร้ายลงไปกว่าเดิม และบาดแผลที่อยู่ในใจของเธอตอนนี้ไม่ใช่ใครที่เป็นคนทำแต่คือตัวของยุนอาเองทั้งนั้นที่ทำ เธอเป็นคนกรีดลึกฝากแผลในหัวใจให้ตัวเองและก็ตัวเธอเองอีกนั้นแหละที่ไม่ยอมรักษาบาดแผลนั่นให้หายดีเสียที

     

    แต่จะโทษยุนอาอยู่ฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูกเพราะผู้ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องก็คือแบคฮยอนนั้นแหละที่เป็นตัวกระตุ้นให้เรื่องราวมันดำเนินไปในทางที่แย่ลงเร็วกว่าเดิม ยุนอาเคยคิดว่าผู้ชายที่ชื่อแบคฮยอนนั้นได้ตายออกไปจากใจเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วพร้อมกับความรักที่เธอเคยมีให้กับเขา

     

    แต่แล้วทุกอย่างมันก็ฟ้องว่าเธอแค่หลอกตัวเองเท่านั้นเธอรักแบคฮยอนมาโดยตลอดและความรักที่เธอมีให้เขามันก็เพิ่มขึ้นทุกวันๆ  วันจนสสารนั่นแปรเปลี่ยนมาเป็นอาวุธร้ายที่คอยทรมานร่างกายและจิตใจของเธอให้ตกอยู่ในสภาวะที่แสนเลวร้ายเช่นนี้

     

    ยุนอายอมให้คนทั้งโลกเกลียดเธอได้แต่เธอจะไม่มีวันยอมให้แบคฮยอนเกลียดและทิ้งเธอไปไหนเด็ดขาด แต่ยุนอาเองก็ย่อมรู้ตัวดีว่ามันไม่มีหนทางให้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะเธอเดินมาไกลจากจุดที่แบคฮยอนจะให้อภัยเธอได้แล้ว มันไกลจนไม่สามารถเดินวนกลับไปได้อีก ไกลจนเหลือแค่เพียงทางเลือกเดียวคือเดินหน้าต่อไปให้สุด

     

    ถึงแม้ว่าเธอจะต้องโดนคนทั้งโลกประนาณแต่ไม่มีทางที่อิม ยุนอาคนนี้จะยอมแพ้ให้นังเด็กผู้หญิงที่ชื่อคิม แทยอน ต่อให้เธอต้องทำอะไรที่มันร้ายแรงกว่าที่เป็นอยู่เธอก็ยอมขอแค่ให้เด็กคนนั้นกระเด็นออกไปจากชีวิตเธอและแบคฮยอน

     

    แบคฮยอนดีกับเธอเสมอมาแต่ทว่านับทั้งแต่วันที่แทยอนก้าวเข้ามาเขาก็กลับเย็นชาใส่เธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเคยให้สัญญาว่าจะเลิกหยุ่งกับแทยอนหลังจากงานหมั้นผ่านพ้นไปเพื่อแลกกับการที่เธอจะเลิกรังควานแทยอน แต่แบคฮยอนก็ผิดคำสัญญาเขายังดูแลแทยอนอย่างดีและเหมือนจะดีกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ

     

    ยอมรับเลยว่าเธอเองก็เจ็บปวดจากเหตุการณ์นี้ไม่แพ้ใครหน้าไหน แต่ผลลับที่เลวร้ายมันดันมาตกที่เธอเข้าเต็มประตูส่วนเรื่องราวดี ๆ ทั้งหมดกลับเป็นแทยอนที่ได้รับมัน ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียด ตอนนี้เธอไม่ได้ยอมแพ้หรอกเธอก็เหนื่อยและต้องการพักก็เท่านั้น แต่เมื่อไหร่ที่เธอกลับไปที่เนเวอร์แลนด์เรื่องทุกอย่าระหว่างแบคฮยอนและแทยอนจะต้องหยุดติลงทันที ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม

     

    " คิดอยากสวมบทนางเอกหรือไงถึงได้มานอนมองท้องฟ้าแบบนี้นะ "

     

    เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับนำเอาวัตถุที่มีความเย็นจัดมาแนบที่หน้าผากของเธอ ความเย็นจี๊ดวิ่งแล่นเข้าสู่ร่างกายของยุนอาผ่านทางหน้าผาก ก่อนที่ความเย็นมันจะลุกลามไปมากกว่านี้เธอจึงจับข้อมือหนาเอาไว้พรางไถลตัวหนีคนขี้แกล้งที่เธออุตส่าห์พามาไกลด้วยหวังจะได้มีเพื่อนร่วมทริป แต่พอคิดไปคิดมาก็ไม่ค่อยจะแน่ใจว่าตัวเองคิดผิดหรือเปล่า

     

    " นี่คยูฮยอน นายไม่กวนประสาทฉันสักวันจะตายไหม? "

     

    " ทริปนี้ งดด่า งดเหวี่ยงนะครับ "

     

    " หึ คนอย่างฉันเป็นนางเอกได้ด้วยหรือไง.... " คำพูดติดตลกแต่แฝงไปด้วยอารมณ์ตัดพ้อตัวเองที่ยุนอาเอื่อนเอ่ยออกมาทำให้ดวงตาหวานเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดทำเอาคนที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับใจเสียตามไปด้วย

     

    แค่ยุนอาเป็นคนเอ่ยปากชวนเขามาเที่ยวด้วยไกลถึงฮาวายเขาก็แปลกใจมากพออยู่แล้วยังจะต้องมาเจอกับอุปนิสัยบางอย่างของเธอที่เปลี่ยนแปลงไปราวกับคนละคนอีกมันยิ่งทำให้เขางงเข้าไปกันใหญ่...ท่าทีที่แข็งกร้าวราวกับเหล็กแหลมในกองเพลิงของเมื่อก่อนกลับถูกแทนที่ด้วยท่าทางที่เงียบสงบราวกับกระแสน้ำลึกที่นิ่งสงบเสียจนน่ากลัว

     

    ที่กลัวไม่ใช่อะไรถ้าหากยุนอาเปลี่ยนไปแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแต่ข้อเสียคือเขาจะไม่สามารถรู้เลยว่างข้างในหัวของเธอนั้นคิดอะไรอยู่และนั่นทำให้เธอกลายเป็นคนที่น่ากลัวกว่าเมื่อก่อนเสียอีก

     

    " เธอทั้งสวยทั้งแข็งแกร่งไม่เหมาะจะเป็นนางเอกที่ขี้แยขี้อ่อนแอหรอกหน่า "

     

    " ขอบคุณที่อุตส่าห์หาคำมาปลอบใจนะ "

     

    " ฉันไม่ได้พูดเพื่อปลอบใจเธอ...แต่เธอเองก็น่าจะรู้ดีนะว่าเธอไม่ใช่ยุนอาที่อ่อนแอเหมือนกับผีเสื้อแต่เธอคือยุนอาที่แข่งแกร่งเหมือนนางพญาอินทรีย์ แล้วที่ฉันพูดเนี่ยใช่ว่าฉันจะส่งเสริมให้เธอเป็นคนเลวแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นะแต่ฉันพูดให้เธอคิดได้ต่างหาก "

     

    คยูฮยอนผู้มีรอยยิ้มอ่อนหวานแต่ธาตุแท้นั่นกลับเต็มไปด้วยความโหดร้ายที่ยากจะคาดถึงบอกกับเพื่อนสาวที่แสนจะเดาอารมณ์ยากอย่างอิม ยุนอาให้ตระหนักถึงเรื่องราวเกี่ยวกับตัวของเธอเองให้ดีเพราะดูเหมือนว่าช่วงนี้เธอจะหลงลืมในความเป็นตัวเองไปเสียแล้วฉะนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องรื้อฟื้นความเป็นจริงให้สักหน่อย

     

    สาวน้อยร่างบางนามว่ายุนอายกยิ้มมุกปากเล็กน้อยพรางจ้องมองผืนน้ำและผืนฟ้าที่ดูเหมือนจะใกล้กันแต่ในความจริงแล้วไม่เป็นอย่างที่ตาเห็น น่าตลกที่มีมนุษย์บางจำพวกที่เรียกตัวเองว่าคนดีของสังคมทำตัวขวางโลกเพราะเพียงแค่ใครบางคนมองในมุมที่แตกต่างออกไปก็ใช่ตรรกะโง่ ๆ ตัดสินว่ามันผิดทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่มีหลักการในการตัดสินเรื่องพวกนี้อยู่ดี

     

    เรื่องราวของท้องฟ้าก็เช่นกันหากมองจากตรงนี้มองยังไง ๆ ฟ้ากับดินก็ใกล้กันซึ่งสิ่งนี้มันได้กลายเป็นนิยามของความรักไปเรียบร้อยแล้วโดยการหยิบยกมาเป็นบทเพลงหรือไม่ก็กลอนรักน้ำเน่าที่คนทั่วไปนิยมใช้กัน แต่เมื่อมองไปในอีกแง่มุมที่แตกต่าง ๆ ผืนน้ำและผืนฟ้ามันไม่เคยใกล้กันเลยด้วยซ้ำและเมื่อไหร่ที่มีคนมองในแง่นี้คนที่มองในอีกมุมก็จะตัดสินว่าคน ๆ นั้นโลกแคบมองโลกในแง่ร้ายทั้งที่สิ่งที่มองเห็นมันคือมุมมองที่แท้จริง

     

    “ แหน่ะ เหม่ออีกแล้ว...เป็นอะไรเนี่ย เอาแต่มองฟ้ามองทะเลอยู่ได้ ”

     

    “ ฉันก็แค่คิดอะไรนิดหน่อยนะ แต่ยังไม่ทันถึงไหนนายก็มาขัดตลอด ”

     

    “ อ่าวเหรอ? โทษที...แล้วนี่ไม่คิดจะกินเลยหรอ? ฉันอุตส่าห์ซื้อมาเผื่อนะ "

     

    ชายหนุ่มพูดพรางยื่นกระป๋องที่บรรจุสิ่งมึนเมาชนิดอ่อนให้กับร่างบางแต่ทว่าเธอกลับส่ายหน้าปฏิเสธมันอย่างไร้เยื่อใยพรางจดจ้องกับสิ่งที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนต่อไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างความแปลกใจระดับน้อยถึงกลางให้กับคยูฮยอนเพราะปกติแล้วผู้หญิงคนนี้ชอบกินของพวกนี้จะตายแต่คราวนี้กลับปฏิเสธไปเสียดื้อ ๆ

     

    " แล้วคิดจะอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ จะกลับไปงานเปิดโรงเรียนหรือเปล่า "

     

    " ฉันกลับไปแน่ กลับไปทำในสิ่งที่ฉันควรจะทำตั้งนานแล้วให้มันจบ ๆ ไปสักที "

     

    “ ฉันจะไม่ห้ามเธอหรอกนะยุนอา แต่ฉันอยากให้เธอคิดให้ดี ๆ ว่าถ้าเธอทำอะไรลงไปแล้วผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ”

     

     เพราะคยูฮยอนนั้นพอจะเดาทางได้ว่าต่อไปยุนอาจะจัดดารกับแทยอนยังไง เขาไม่คิดว่าห้ามหรอกเพราะห้ามไปก็ไม่มีทางที่ยุนอาจะฟังฉะนั้นจึงจะขอตักเตือนเพื่อนสาวด้วยความหวังดี เพราะที่ทำ ๆ กันอยู่นี่ถ้าเกิดโดนจับได้ขึ้นมาละก็คงได้จบเหตุหกันหมดแน่ ๆ ข้อหาฉ้อโกงก็ไม่ใช่จะเบา ๆ หากมีข้อหาอื่นเพิ่มนี่คงไม่ต้องคิดเรื่องที่จะรอดตัวแล้ว

     

    “ ฉันคิดมานานแล้ว ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไงฉันก็จะรับมันให้ได้เพราะฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ”

     

    “ ไม่มีทางเลือกอื่นกับไม่อยากจะเลือกอย่างอื่นความหมายมันต่างกันมากนะ ”

     

    “ ฉันจะเป็นยังไงก็ช่างฉันเถอะน่า...เรื่องที่ให้จัดการไปถึงไหนแล้ว ”

     

    “ ตอนนี้มันน่าจะกำลังถึง อีกสองสามชั่วโมงได้มั้ง เธอมีเวลาเตรียมตัวอีกเยอะไม่ต้องห่วง ”

     

    “ แบคฮยอนนี่ช่างเป็นคู่หมั้นที่น่ารักจังเลยนะ มาเร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีก ”

     

    หากมองในอีกมุมมองความคิดของยุนอาและแทยอนไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากมายเลย ทั้งคู่ก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอนแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเพื่อได้อยู่ใกล้ ๆ คนที่พวกเธอรักอย่างแบคฮยอน แต่มันแตกต่างกันแค่วิธีการเท่านั้น ยุนอาทั้งแข็งแกร่งกว่า  เหนือชั้นกว่า ลึกล้ำกว่า และรุนแรงกว่าก็เท่านั้นแต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่แข็งแรงกว่าจะชนะเสมอไป

     

    เพราะต้นไม้ใหญ่มันยังโค้นล้มได้เวลาที่เจอลมแรงแต่ต้นหญ้าต้นเล็ก ๆ กลับพลิ้วไหวไปตามแรงลมโดยไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้นจากพายุลมแรง ซึ่งสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ยุนอาและแทยอนยืนอยู่บนที่โล่งในขณะที่พายุลูกใหญ่กำลังวิ่งเข้ามา เพื่อพิสูจน์ว่าใครจะชนะ คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอด

     

    แต่ทว่าพายุที่ยุนอาเป็นคนก่อขึ้นมาด้วยตัวของเธอนั้นมันย่อมกระทบรุนแรงต่อต้นหญ้าที่ยืนต้นตายอย่างแทยอนเสมอ และอีกไม่นานต้นหญ้าต้นนั้นก็คงถูกสายลมพัดพาไปในที่สุด

     

     

     

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

    “ แทย๊อนนนนน!!

     

    เสียงแหลมบาดแก้วหูของเพื่อนสาวนามว่าสเตฟานี่ ฮวังดังขึ้นทำให้ร่างเล็กที่สะติหลุดลอยไปไกลตั้งแต่เช้าสะดุ้งตัวโหยงพร้อมกับกะพริบตาปริบ ๆ มองหน้าเพื่อนสาวอย่างงุนงง

     

    “ ตั้งแต่ที่ฉันย้ายมาตั้งรกรากที่นี่ฉันเห็นแกใจลอยมากี่ครั้งแล้วหะ! เมื่อไหร่แกจะเป็นปกติเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาสักที ”

     

                    “ ก็เนี่ยปกติที่สุดในชีวิตของฉันแล้ว แกไม่รู้หรือไง ”

     

                    “ ปกติที่ไหนล่ะ ข้าวเธอก็ไม่กิน เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จาอะไรพวกฉันลากไปไหนก็ไป ไม่มีการตอบสนองอะไรเลยสักอย่าง เธอเป็นอะไรหรือเปล่าแทยอนบอกพวกฉันได้นะ มีอะไรก็ช่วย ๆ กันคิดอย่าเก็บไว้คนเดียว ”

     

    เจสสิก้าพูดกับเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วงพรางยื่นมือข้างนึงของเธอออกไปกุมมือของแทยอนเอาไว้เพื่อเป็นการบอกกล่าวไปในตัวว่า ไม่ว่าเธอจะมีปัญหาอะไรก็แล้วแต่แต่เพื่อนคนนี้จะคอยช่วยอยู่เสมอ

     

                    “ ฉันไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณพวกเธอมากนี่เป็นห่วงฉัน....ฉันก็แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ ”

     

                    “ เธอกังวลเรื่องที่ได้เป็นควีนโรงเรียนในปีนี้หรือเปล่า รุ่นพี่ซองกยูโหดมากหรอ? ”

     

    ซันนี่ถามอย่างหวาด ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าที่มาพร้อมกับดีกรีอันแสนโหดเหี้ยมของประธานนักเรียนที่ชื่อซองกยู แค่คิดถึงเขาพวกเธอก็ไม่กล้าที่จะแหกกฏแล้วเพราะใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าบทลงโทษนั้นมันน่ากลัวแค่ไหนและสาเหตุที่ทำให้เพื่อนตัวเล็กของเธอหงอยแบบนี้คงไม่พ้นโดนประธานนักเรียนเทศแน่ ๆ

     

                    “ เปล่าหรอก รุ่นพี่ซองกยูออกจะน่ารัก ”

     

                    “ หืม? รุ่นพี่เนี่ยนะน่ารัก เธอเอาอะไรมองไม่ทราบ ฉันมองยังไง ๆ รุ่นพี่ก็น่ากลัวอยู่ดีอย่างกับพวกยมทูตมาตามล่าวิญญาณอะไรอย่างงี้อ่ะ ”

     

    ซันนี่ทำเหวอทันทีที่ได้ยินประโยคบอกเล่าดังก่าวจากเพื่อนสาว มันต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาดแน่ ๆ แทยอนถึงได้พูดอะไรที่พิลึกแบบนั้นออกมา แทยอนรวมทั้งคนอื่น ๆ ที่อยู่ในโต๊ะมองดูเพื่อนสาวที่ชอบทำตัวเป็นเด็กน้อยอยู่เรื่อยพรางหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ การมีเพื่อนที่รักกันจริง ๆ มันก็ดีอย่างนี้แหละ แม้แต่ในวันที่เศร้าหรือเสียใจที่สุดเพื่อนก็ไม่เคยทิ้งเราไปไหนแถมยังคอยปลอบใจและทำให้หัวเราะทั้งน้ำตาได้อีก

     

                    “ ให้ฉันเดาไหมว่าเรื่องอะไร ”

     

                    “ ไม่ต้องเดาหรอกทิฟ ก็เรื่องรุ่นพี่แบคฮยอนนั่นแหละ แต่ฉันว่าตอนนี้เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย ฉันเริ่มจะหิวข้าวแล้วล่ะ เรื่องกินน่ะเรื่องใหญ่นะ เธอบอกฉันเอง ”

     

    แทยอนตอบยิ้ม ๆ พรางก้มหน้าทานข้าวต่อ ใจจริงเธอก็ไม่ได้คิดแบบที่พูดออกไปหรอกแต่เพราะอยากให้เพื่อนสบายใจเธอจึงเลี่ยงที่จะแสดงอารมณ์ที่แท้จริงของตัวเองออกมา

     

                    “ ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนฉัน ว่าแต่ทำไมหมู่นี้ฉันไม่เห็นเยริกับแทฮยองมาตามติดเธอเลยล่ะ ”

     

    ทิฟฟานี่ถามในสิ่งที่เธอพึ่งนึกได้เมื่อครู่ทำให้แทยอนนึกได้ว่าเธอละลืมอะไรไปบางอย่างซึ่งนั้นก็คือเยริแล้วก็แทฮยอง ใช่สิสองคนนั้นหายไปเลย หายไปไหนก็ไม่รู้ไม่มาหาไม่ส่งข่าวจนเธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าปกติแล้วสองคนนั้นต้องตามติดแจเป็นตุ๊กแกติดฝาบ้าน

     

                    “ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน กินเถอะหน่า รีบกินให้เสร็จจะได้ขึ้นห้อง ”

     

    แทยอนบอกพรางก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ซึ่งทั้งทิฟฟานี่ เจสสิก้าและซันนี่ก็ยิ้มรับแล้วก็เริ่มจัดการกับอาหานในจานของตัวเองต่อ กินไปยอกล้อกันไปตามประสาเพื่อน หัวเราะบ้างยิ้มบ้างและนั่นมันก็ทำให้แทยอนลืมความทุกข์ไปชั่วขณะ

     

                   

     

    *

     

                   

     

    “ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าคนที่น่ากลัวที่สุดในโรงเรียนอย่างรุ่นพี่ซองกยูจะมีมุมมุ้งมิ้งอะไรแบบนี้ด้วย ตลกชะมัด ”

     

    เสียงเจี้ยวแจ้วของซันนี่หัวเราะคิกคักให้กับสิ่งที่เธอพึ่งได้ยินมา ประธานนักเรียนที่น่าเกรงขามและขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมที่สุดในโรงเรียนไม่สามารถข่มตาหลับได้หากไม่ได้นอนกอดตุ๊กตา นั่นคือสิ่งที่โจ๊กที่สุดในรอบปีเท่าที่เคยได้ยินมา

     

    “ อย่าพูดดังไปสิซันนี่เดี๋ยวรุ่นพี่มาได้ยินเข้าฉันอาจคอขาดได้นะ ” แทยอนตีแขนเพื่อนเบา ๆ เพื่อให้ซันนี่ลดระดับเสียงของเธอลงอีกสักนิดเพราะมันดังเกินไปจนสามารถทำให้คนที่เดินผ่านไปมามองมาที่กลุ่มพวกเธอแทบจะทุกคน

     

    “ ขอโทษ ๆ ก็มันตลกจริง ๆ นี่นา  แต่จะว่าไปผู้ชายแบบรุ่นพี่นี่เพอร์เฟ็กต์สุด ๆ เลยอะมีทั้งลุคที่แบคบอย เย็นชา น่ารักอบอุ่นแบบนี้สเป็คฉันเลยอ่า ”

     

    “ นี่น้อย ๆ หน่อย ได้ข่าวว่าเธอมีแฟนแล้วนะยะ แถมแฟนเธอยังเป็นหนึ่งในทายาทของโรงเรียนนี้ด้วยนะจ๊ะ ”

     

    เจสสิก้าค้อนซันนี่เบา ๆ ก่อนที่ทุกคนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จะเหลือก็แต่ซันนี่ที่ทำหน้างองว้ำใส่เพื่อนสาวทั้งสามที่ชอบร่วมมือกันดักคอเธออยู่เรื่อย...ก็มีแฟนแล้วจะแอ๊วผู้ชายบ้างไม่ได้เลยเหรอ

     

    “ รู้แล้วหน่า ขอฉันชื่นชมคนหล่อ ๆ บ้างไม่ได้หรือไง เอะ! นั่นรุ่นพี่ลู่หานหนิ ยิ้มหน้าบานมาแต่ไกลเชียว ”

     

    ซันนี่พูดพรางชี้ไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่สวมเครื่องแบบนักเรียนเหมือน ๆ กับพวกเธอต่างกันก็ตรงที่สีของเสี้อและเข็มกลัดที่อกก็เท่านั้น ร่างสูงที่มีความโดดเด่นและสะดุดตาของใครต่อใครที่พบเห็นกำลังเดินยิ้มแป้นมาทางที่พวกเธอยืนอยู่ ทั้งแทยอนทิฟฟานี่และซันนี่ต่างก็ยิ้มทักทายให้กับลู่หาน ยกเว้นก็แต่เจสสิก้าที่ทำหน้าเหมือนกำลังจะขาดใจตายยังไงอย่างงั้น

     

    “ สงสัยรุ่นพี่ลู่หานจะมาหาเจ้าหญิงน้ำแข็งของพวกเรา ” ทิฟฟานี่เอ่ยแซวก่อนจะโบกไม้โบกมือให้ลู่หาน

     

    “ มาทำไมเนี่ย ” เจสสิก้าบ่นอย่างหัวเสียพรางกอดอกทำหน้างอจ้องมองลู่หานที่เดินเข้ามาใกล้ตรงที่เธอยืนอยู่เรื่อย ๆ

     

    แต่ทว่าเมื่อลู่หานเดินมาถึงตัวพวกเธอ ก็เป็นอันต้องขมวดคิ้วกับความคิดที่ผิดคาด ลู่หานไม่ได้มาหาเจสสิก้าไม่ได้มาตามจิกตามตอแยเหมือนที่ชอบทำบ่อย ๆ แต่ชายหนุ่มหน้าหวานกลับเดินมาคว้าแขนของแทยอนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยด้วยซ้ำ

     

    “ ขอโทษนะสาว ๆ ฉันขอยืมตัวแทยอนไปทำธุระสักครู่ได้มั้ยแล้วเดี๋ยวจะพากลับไปส่งถึงที่เลย ”

     

    ลู่หานกำลังจะดึงตัวแทยอนไปแต่ทว่าคนตัวเล็กกลับขืนตัวเอาไว้เสียก่อน สาบานเลยว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอจะไม่มีวันให้ใครหน้าไหนมาลากตัวเธอไปไหนมาไหนตามใจชอบอีก ขอแทยอนกลับมามีชวิตเหมือนเดิมสักทีเถอะ

     

    “ จะพาฉันไปไหนคะ ฉันมีเรียนคาบแรกนะ ”

     

    “ ฉันจะพาเธอไปเคลียร์ปัญหาของเธอให้จบ ๆ ฉันสัญญาว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกฉันจะก้าวก่ายชีวิตของเธอแล้วหลังจจากวันนี้ฉันสัญญาเลยว่าจะไม่มีใครหยุ่งกับเธออีก ”

     

    คำพูดของลู่หานทำให้แทยอนเกิดอาการใจหายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ธุระที่ลู่หานว่านั่นมันคืออะไรกัน ทำไมลู่หานถึงได้พูดด้วยสีหน้าและแววตาที่ส่อถึงความมั่นใจแบบนั้น ปัญหาที่เขาว่าคงไม่ได้หมายถึงการจากลากับแบคฮยอนใช่มั้ย แต่ถ้าใช่ล่ะ...ทำไมช่วงเวลาแบบนี้มันถึงได้มาเร็วกว่าที่คิดอีกนะ

     

    “ แทยอน แกไม่ต้องไป...ถ้าแกไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปนะ ” ทิฟฟานี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงจากระดับปกติ บ่งบอกได้ว่าเธอกำลังห่วงและคำนึงถึงความรู้สึกของแทยอนมากเพียงใด

     

    “ เธอจะไม่ไปก็ได้นะ ถ้าเธอยังอยากให้ปัญหาระหว่างเธอกับแบคฮยอนค้างคาอยู่แบบนี้...มันเป็นสิทธิ์ของเธออยู่แล้ว ”

     

    “ อะไรที่มันทำให้เธอเจ็บปวดเธอก็ไม่ควรวิ่งเข้าหามันนะ  ” เจสสิก้าเอ่ยพรางกระชับมือที่กุมมือของแทยอนไว้ให้แน่นขึ้น

     

    “ ฉันจะไปกับรุ่นพี่ค่ะ... ”

     

    ถ้าเรื่องทุกอย่างมันจะจบตามที่ลู่หานบอกเธอก็ยินดีและพร้อมที่จะเผชิญกับเรื่องต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ไม่ว่าเรื่องจะดีหรือร้ายยังไงเธอก็ต้องรับมันให้ได้...ก็ในเมื่อเธอทำใจไว้กับเรื่องนี้มาสักพักแล้วนี่ คงไม่เจ็บสักเท่าไหร่หรอก

     

    “ พวกแกไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะทำให้มันจบ ๆ พวกแกจะได้ไม่ต้องมาบ่าที่ฉันเหม่อไง ”












    ตอนนี้มินแอบไปเปิดฟิคเรื่องใหม่มาอยากให้ทุกคนติดตาม ดีไม่ได้ยังไงก็บอกกันด้วยนะคะ แล้วสัญญาว่าจะอัพไม่ให้ขาดเพราะตอนนี้มินปิดเทมอแล้ว

    [FIC ExoxSnsd] Dangerous ไวรัสแบคฮยอน

       รักคนอ่านเสมอน๊า



    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×