ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY PETER PAN รักนี้มีบททดสอบ [END] || EXO SNSD

    ลำดับตอนที่ #20 : My Peter Pan: Chapter18

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.28K
      3
      27 ม.ค. 60





















     BaekHyun’ Part

     

    ผมนั่งมองเสี้ยวหน้าของแทยอนแบบนี้มานานนับชั่วโมงแล้ว ผมนอนไม่หลับเลยด้วยช้ำไม่ว่าผมจะทำยังไงก็หลับไม่ลงสักที ถึงแม้ว่าผมจะเหนื่อยและอ่อนล้ามากจากเรื่องเมื่อคืนแต่ผมก็ไม่สามารถข่มตาแล้วจมลงสู่ห้วงนิทราได้...ผมยังกลัวและกังวลว่าจะเสียเธอไปจริง ๆ ถึงเรื่องมันจะผ่านมาแล้วก็เถอะแต่ผมไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น

     

    ตอนที่ผมรู้ว่ามีคนกำลังจะทำร้ายเธอใจทั้งดวงของผมมันปวดร้าวไปหมดราวกับว่าจะตายซะให้ได้ ผมรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ไปช่วยเธอได้เร็ว ๆ แต่พอผมไปถึงผมกลับคิดว่ามันยังเร็วไม่พออยู่ดี ผมปล่อยแทยอนอยู่คนเดียวไม่ได้และผมก็ไม่อาจจะอยู่ดูแลเธอใกล้ ๆ ได้เช่นกันเพราะอย่างที่รู้กันว่าเธอไม่ใช่ลัคกี้ของผมอีก

     

    รอยฟกช้ำบนใบหน้าสวยหวานยังคงเด่นชัดทำให้ผมยิ่งเจ็บปวดตรงก้อนเนื้ออกข้างช้ายที่ไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้ ไอ้แดซองมันคิดจะทำแบบนี้กับนักเรียนหญิงในโรงเรียนหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ไล่มันออกเพราะพ่อมันใหญ่พอสมควรแต่ครั้งนี้ผมยอมไม่ได้ มันทำร้ายคนของผมแบบนี้ได้ยังไง ถ้าคราวนี้มันไม่กระเด็นออกไปจากโรงเรียนนี้เห็นทีผมคงจะอยู่เฉยไม่ได้ซะแล้วล่ะ

     

    แต่อย่างน้อย ๆ มันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมรักแทยอนมากแค่ไหนและผมก็ไม่อยากจะเสียเธอไปแบบสองปีที่แล้วอีก

     

    เข็มของนาฬิกาที่เดินไปเรื่อย ๆ บ่งบอกเวลาว่าใกล้จะฟ้าสางแล้ว วันเวลาที่ผ่านพ้นไปมันได้สอนอะไรผมหลาย ๆ อย่างและบทเรียนที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผมคืออย่าทำอะไรลงไปโดยขาดสติอีกเพราะมันจะไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ทั้งสิ้น

     

    แต่ผมก็ดันทำมันไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง มันไม่แปลกเลยถ้าแทยอนจะโกรธและไม่ให้อภัยผม เพราะผมได้สร้างบาดแผลในจิตใจของเธอเอาไว้มากมาย...ขนาดผมเองยังไม่อยากจะให้อภัยตัวเองกับสิ่งที่ทำลงไปแล้วนับประสาอะไรกับคนที่ถูกกระทำอย่างแทยอนจะต้องให้อภัยมันด้วยล่ะ

     

    ผมลุกขึ้นจากเตียงนุ่มสีอ่อนของแทยอนก่อนจะเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อทำอาหารเช้าให้กับเธอ อาทิตย์หน้าที่โรงเรียนเราจะมีการสอบกลางภาคและหลังจากนั้นก็จะเป็นงานเปิดโรงเรียนซึ่งเป็นงานที่สำคัญมาก ๆ เลยล่ะ เราสองคนก็คงจะเจอกันน้อยลงมันอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราแย่ลงก็ได้ ฉะนั้นผมจะต้องใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด

     

    ผมเอื้อมมือไปเปิดตู้เย็นของเธออย่างถือวิสาสะใช้สิทธิ์ราวกับว่าห้องนี้เป็นห้องของผมเองซะเลย แต่เชื่อไหมในตู้เย็นนั่นมีแค่น้ำเปล่าสองสามขวดกับนมกล้วยอีกสองกล่อง อะไรกัน สาบานว่านี่ห้องผู้หญิงในตู้เย็นแทบจะไม่มีอะไรเลยที่จะใช้เป็นวัตถุดิบทำอาหารได้ ผมถอนหายใจอยู่เฮือกใหญ่พรางเกาหัวแรง ๆ จนมันยุ่งเหยิงไปหมด...ให้ตายเถอะ แต่ล่ะวันแทยอนกินอะไรเป็นอาหารเนี่ย...อืมม ผมควรโทรให้คนซื้อของขึ้นมาให้ใช่ไหม?

     

    “ เชื่อเธอเลย ยัยตัวแสบ... ”

     

    มือหยาบของผมคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูสีดำออกมากดเบอร์โทรที่คุ้นเคยเพื่อโทรออก เวลาผมจะทำอะไรผมก็มักจะเรียกใช้คนพวกนี้เสมอแหละทุกอย่างในชีวิตของผมถึงได้ดูง่ายไปซะหมดยังไงล่ะ ไม่ใช่เจ้าชายก็เหมือนเจ้าชาย ไม่ได้ต่างอะไรมากมายเท่าไหร่...เสียงสัญญาณดังขึ้นได้ไม่นานปลายสายก็กดรับทันทีก็แน่ล่ะขืนไม่รับโทรศัพท์ผมล่ะก็โดนผมโวยแน่ ๆ

     

    [ ฮัลโหล คุณแบคคฮยอนมีอะไรหรือเปล่าครับถึงได้โทรมาหาอาแต่เช้ามืดเชียว]

     

    " คุณอาครับ ผมขอรบกวนคุณอาหน่อยสิ "

     

    [ ว่ามาเลยครับ สำหรับคุณแบคฮยอนอะไรก็ได้ทั้งนั้น]

     

    " ซื้อพวกวัตถุดิบในการทำอาหารกับพวกอาหารแห้งมาให้ผมหน่อยสิครับ...อ้อ เอาพวกอาหารที่มีโปรตีนมีสารบำรุงสำหรับผู้หญิงเยอะ ๆ หน่อยนะครับแล้วก็น้ำดื่มสักสองลัง กุ้งหอยปูปลาซื้อมาให้หมด "

     

                  [ ได้ครับ ๆ ว่าแต่ให้ผมไปส่งให้ที่ไหนครับ...ที่ห้องหนูยุนอาใช่หรือเปล่า?]

     

    " เปล่าครับ...ผมซื้อมาให้แทยอนน่ะ ให้คนมาส่งที่ห้องเธอนะครับ เร็ว ๆ ด้วยล่ะ "

     

    [ ผมเข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย]

     

    " ขอบคุณนะครับ "

     

    ผมกดวางสายทันที คนที่ผมคุยด้วยนั้นคือคุณอาอึนฮยอกพ่อของไอ้เอส แปลกดีเนอะทั้ง ๆ ที่คุณอาออกจะเป็นคนดีแต่ไอ้เอสกลับเลวแบบไม่มีที่ติ แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าบางทีสายเลือดเดียวกันก็ไม่ใช่ว่าจะเหมือนกันเสมอไป มันต่างกันได้แล้วก็ต่างกันแบบสุดขั้วซะด้วย...ว่าแต่ระหว่างรอของมา ผมจะทำอะไรรอวะเนี่ย ไหนดูดิว่าในตู้เก็บของมีอะไรอยู่บ้าง...อืมม มีไข่ไก่แล้วก็ข้าวหอมมะลิมีแค่นี้เนี่ยนะ ชีวิตกินแค่ข้าวกับไข่หรือไง บ้าจริง

     

    ผมลงมือตั้งหม้อเปิดเตาแก๊สก่อนจะเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดที่แทยอนมี...เห้อผมละเพลียจริง ๆ เป็นผู้หญิงแท้ ๆทำไมไม่หัดมีของกินไว้ในตู้เย็นบ้างนะ แล้วทำไมผมถึงไม่เคยรู้เลยล่ะเนี่ย นี่ผมละเลยไม่สนใจเธอถึงขนาดนี้เลยหรอ ผมเข้า ๆ ออก ๆ ห้องแทยอนเป็นว่าเล่นทั้งในตอนที่เธอไม่อยู่ห้องบ้างหรือไม่ก็ตอนเธอนอน...อันที่จริงผมแค่เข้ามาดูแล้วก็ออกไปไม่ได้คิดจะทำอะไรเลย จริง ๆ ผมแค่อยากรู้ว่าเธอแอบซุกผู้ชายไว้หรือเปล่า...แต่ก็ไม่ผมไม่เห็นอะไรแบบนั้นเลย

     

    อ๊อด...อ๊อด...อ๊อด

     

    เสียงอ๊อดที่ดังขึ้นทำให้ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูทันทีเพราะกลัวว่าเสียงน่ารำคาญนั่นมันจะทำให้คนตัวเล็กที่กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่นั่นตื่นขึ้นมา...ผู้ชายสามคนในชุดสูทสีดำกำลังหอบถุงมากมายไว้ในมือผมพยักหน้าให้พวกเขาก่อนจะเปิดประตูให้กว้างกว่าเดิมเพื่อให้พวกเขาเข้ามาได้สะดวก หลังจากที่พวกนั้นออกไปแต่ทิ้งข้าวของไว้มากมายมันก็เป็นหน้าที่ของผมที่จะเก็บของทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและของที่คุณอาให้ลูกน้องซื้อมาก็มีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้นผมว่ามันน่าจะจำเป็นสำหรับแทยอนนะ

     

    แต่มีอีกอย่างที่ผมห่วงคือผมจะฝากใครให้ช่วยดูแลแทนผม ใครที่จะอยู่กับเธอได้ตลอดเวลา ใครที่จะปกป้องเธอได้ แต่ที่แน่ ๆ ต้องไม่ใช่ชานยอลหรือเซฮุน เพราะผมยังจำได้ดีว่าวันที่ผมพาแทยอนหายไปพวกมันสองคนโกธรผมมากมายขนาดไหน ชานยอลนี่แทบจะต่อยผมส่วนเซฮุนถึงปากมันจะแข็งแต่ผมดูออกว่ามันชอบแทยอนเพราะอย่างงี้ไงผมถึงไม่อยากให้มันสองคนเข้าใกล้แทยอนเพราะผมดูออก อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ยันไตอ่อน

     

     

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

     

    " อะไรนะพี่ชาย!! ทำไมต้องให้นายนี่มาช่วยดูแลพี่สาวร่วมกับหนูด้วยล่ะ หนูว่าหนูดูแลพี่สาวเองได้นะ "

     

    " เราน่ะเป็นผู้หญิงจะช่วยอะไรได้...ให้แทฮยองอยู่ด้วยน่ะดีแล้ว มีอะไรจะช่วย ๆ กันได้ " แบคฮยอนพูดด้วยเสียงเรียบเพื่อข่มคนฟังให้อยู่ใต้คำสั่งของเขา ทำเอาพยอน เยรินหน้างอไปกับคำสั่งของพี่ชายในทันทีส่วนแทฮยองเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่เพราะทั้งคู่ไม่ค่อยจะถูกกัน เจอกันทีไรเป็นทะเลาะตลอดแล้วแบบนี้มันจะรอดหรอ?

     

    " ให้ผมดูแลรุ่นพี่คนเดียวก็ได้นี่นาไม่เห็นต้องเอายัยหนูนี่มาเป็นภาระเลย "

     

    " ไม่ได้ ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ขืนฉันปล่อยให้นายอยู่กับพี่แทยอนสองคนก็หมดกันพอดี "

     

    " แล้วทีเธอล่ะยัยหนู... "

     

    " พอ ๆ ๆ ทั้งคู่น่ะหยุดได้แล้ว พี่สั่งยังไงก็ให้ทำอย่างนั้น เพราะพี่อาจจะไม่ได้ว่างตลอดเวลา ฉะนั้นช่วยกันดูแลแทยอนด้วยเข้าใจไหม? " ผู้เป็นพี่ปรามน้องทั้งสองคนก่อนจะถอนหายใจปาดเหงื่อที่ไหลบนใบหน้า ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ฝากแทยอนให้สองคนนี้ดูแลแต่ยังไงมันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยละหน่า อย่างน้อย ๆ เขาก็จะได้อุ่นใจเวลาที่ไม่อยู่เพราะสองคนนี้ฉลาดแล้วก็หัวไวจะตายถ้าหากเกิดอะไรขึ้นคงเอาตัวรอดได้สบาย

     

    แบคฮยอนมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องเข้าไปตรวจงานในเนเวอร์แลนด์ที่ตึกใหญ่เพราะต้องใช้ข้อมูลในงานเปิดโรงเรียนหลังสอบกลางภาคเสร็จ ขายาวรีบวิ่งออกไปทันทีโดยทิ้งสองน้องรักไว้ในห้องโถงของแทยอน แบคฮยอนยกยิ้มเล็กน้อยแต่ความกังวลก็ยังไม่หายไปซะทีเดียวเรื่องราวระหว่างเขากับแทยอนยังต้องดูกันอีกยาว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะยาวอีกสักแค่ไหน

     

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

    ร่างเล็กในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนก้าวออกมาจากห้องนอนของเธอเองพรางกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาแบคฮยอนแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของเขา มีเพียงหญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังนั่งหันหลังให้กันบนโชฟา ดูจากด้านหลังแล้วเดาได้ไม่ยากเลยว่าสองคนนี้เป็นใครและด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยจะถูกกันของสองคนนี้ยิ่งไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้ปวดหัว

     

    " แทฮยอง เยริพวกเธอมาทำอะไรที่ห้องพี่? "

     

    " พี่คะ! / รุ่นพี่ครับ! "

     

    สองเสียงใสประสานกันซึ่งมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงปนความตกใจ เด็กสาวรีบวิ่งไปหาแทยอนก่อนจะสำรวจทั่วร่างราวกับคุณตำรวจกำลังตรวจเหยื่อที่พึ่งโดนข่มขืนมาอย่างไงอย่างงั้น ส่วนแทฮยองเองก็เช่นกันเขาตรงปรี่เข้ามาหารุ่นพี่คนสวยก่อนที่มือหนาจะเอื้อมมาแตะที่รอยฟกช้ำบนใบหน้าสวยหวานเบา ๆ แต่มันกลับทำให้คนตัวเล็กเจ็บแปลบขึ้นมากระทันหัน

     

    " โอ้ะ! "

     

    " ใครทำ? รุ่นพี่บอกมานะครับว่าใครทำกับรุ่นพี่แบบนี้ ผมจะไปเอาเลือดหัวมันออก " ตอนนี้เขารู้สึกว่าสิ่งที่แบคฮยอนทำกับไอ้ชาติชั่วนั่นมันยังน้อยไปถ้าเทียบกับสิ่งที่มันทำกับคนตรงหน้า ถ้าเขาเป็นแบคฮยอนในตอนนั้นสาบานเลยว่าจะไม่มีทางปล่อยมันไปง่าย ๆ แบบนั้นหรอก อย่างน้อย ๆ มันต้องได้นอนโรงบาลละถึงจะสาสม

     

    " ใช่ ๆ ใครเป็นคนทำพี่แทยอนแบบนี้คะ บอกหนูมาสิ เดี๋ยวหนูกับแทฮยองจะไปจัดการให้เอง หรือว่าจะเป็นพี่ยุนอา ต้องเป็นยัยปีศาจนั่นแน่ ๆ "

     

    " พอเลยทั้งคู่น่ะ เก่งจริง ๆ เลยนะเรา พี่ไม่เป็นอะไรมากหรอก ทุกส่วนยังอยู่ครบ แล้วก็ไม่ใช่ฝีมือรุ่นพี่ยุนอาด้วยนะรู้มั้ย ฉะนั้นอย่าไปพูดที่ไหนว่ารุ่นพี่ยุนอาเป็นคนทำเพราะเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว "

     

    " พี่ปกป้องพี่ยุนอาทำไมคะ? "

     

    " พี่ไม่ได้ปกป้อง แต่พี่พูดความจริง...เอาเถอะ ทีนี้พวกเธอจะบอกพี่ได้หรือยังว่ามาทำอะไรที่ห้องพี่ แล้วรู้เรื่องเมื่อคืนได้ไง "

     

    แทยอนตั้งคำถามที่ยากจะตอบเสียจนแทฮยองและเยริไปไม่เป็นเลยทีเดียว เพราะแบคฮยอนบอกเอาไว้ว่าห้ามบอกแทยอนเรื่องที่เขาให้ทั้งสองคนมาคอยดูแลเธอ เพราะกลัวว่าถ้าหากบอกไปคนดื้อรั้นอย่างแทยอนคงไม่มีทางที่จะรบกวนสองคนนี้โดยเด็ดขาด

     

    เด็กทั้งสองคนได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้กับพี่สาวคนสวยแทนคำตอบ แต่ถ้าจะให้ตอบก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดีมันคิดคำตอบไม่ทัน มันพอจะมีเหตุผลไหนที่พอจะฟังขึ้นบ้าง...แทยอนยังส่งสีหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามให้เด็กทั้งคู่อยู่อย่างนั้นจนเยริต้องมองหน้าแทฮยองเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่จะให้ช่วยยังไงละขนาดเขาเองยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย

     

    " ว่าไงจ๊ะ รู้ได้ยังไง? "

     

    " ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ ผมไม่รู้จริง ๆ ผมก็แค่มารับพี่รหัสตามปกติ แต่ที่เห็นผมเดือดดาลเมื่อกี้ผมแค่ตกใจตามยัยหนูก็แค่นั้น "

     

    " หนูเหมือนกันค่ะ พอดีหนูเห็นแทฮยองจะมาหาพี่สาวหนูเลยเดินตามมาด้วย เห็นรอยช้ำที่หน้าก็เลยเดาว่าน่าจะเกิดเรื่อง " เด็กสาวว่าพรางสวมกอดพี่สาวคนสวยอย่างแนบเนียน แทฮยองมองยัยหนูของเขาอย่างเอือม ๆ เสียจนคนถูกมองหันไปแยกเขี้ยวใส่

     

    แต่จะว่าไปเด็กสองคนนี่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อคืนนี่นาหรือว่าเธอจะคิดไปเอง แต่มันก็แปลกอยู่ดีที่ทั้งคู่มาหาเธอพร้อมกันแบบนี้ แล้วแบคฮยอนล่ะเขาหายไปไหน ถ้าจำไม่ผิดเมื่อคืนเขาอยู่กับเธอทั้งคืนไม่ใช่เหรอ แถมยังทำอาหารเช้าไว้ให้อีก แต่ว่าตอนนี้กลับไม่มีแม้แต่ร่องรอยของเขาเลยด้วยซ้ำ

     

    ครั้นจะถามเอาความจากเด็กสองคนนี้ก็เห็นทีว่าจะไม่ได้ เดี๋ยวเขารู้หมดว่าเธอยังติดต่อกับแบคฮยอนอยู่ แบคฮยอนชอบเข้ามาให้ความรักความอบอุ่นและความทรงจำที่ดีในยามค่ำคืนแต่พอรุ่งเช้าเขาก็หายไปทำเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นเพียงแค่ความฝัน และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าฝันนั้นมันไม่จบด้วยการที่ปีเตอร์แพนไปจากทิงเกอร์เบวเหมือนที่เขามักจะไปจากเธอเสมอ

     

    “ พวกเธอสองคนไปเรียนเถอะ พี่ไปคนเดียวได้ ”

     

    “ ไม่ได้นะคะ หนูตั้งใจจะไปเรียนพร้อมกับพี่อ่ะ ”

     

    “ แต่พี่อยากไปคนเดียว...นะคะ พี่ขอล่ะ ทั้งเยริทั้งแทฮยอง ให้พี่อยู่คนเดียวนะ ”

     

    แทยอนส่งสายตาอ้อนวอนให้กับเด็กน้อยทั้งสองก่อนจะผายมือไปที่ประตู ซึ่งทั้งสองคนก็ยอมออกไปอย่างว่าง่าย เมื่อคิม แทฮยองกับพยอน เยรินออกไปแล้วคิม แทยอนจึงทิ้งตัวลงบนโซฟาสีอ่อนในห้องโถงอย่างหมดเรี่ยวแรง เพราะแทยอนมีเรียนตอนสิบโมงเธอจึงไม่จำเป็นต้องรีบออกไปในตอนนี้

     

    มือเรียวหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอกก่อนจะกดเข้าเมนูโทรออกแล้วกดโทรออกไปยังเบอร์ของแบคฮยอน กว่าเธอจะเรียกสติได้คืนก็กดโทรออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...แทยอนไม่รู้ว่าตอนนี้เธอควรจะทำอะไรดี รู้แค่ว่าอยากคุยกับใครสักคน ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือแบคฮยอน

     

    [ แทยอนเป็นอะไรหรือเปล่า? โทรมามีอะไร?]

     

    “ ...เปล่าค่ะ ”

     

    [ อ้าว แล้วโทรมามีอะไร?]

     

    “ คืดถึงค่ะ... อยากคุยด้วย... คุยเรื่องทั่วไป... ”

     

    คำพูดของแทยอนทำให้แบคฮยอนยิ้มออก ชายหนุ่มวางมือลงจากเอกสารกองโตแล้วมาตั้งใจฟังคนในสายพูดแทน ขอบคุณความจิตตกที่ทำให้แทยอนน่ารักมากขึ้นกับเขา [ พูดมาสิ หูฉันว่างฟังเสียงเธออยู่แล้ว...]

     

    “ หยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ... ฉันกวนรุ่นพี่หรือเปล่า... ”

     

    [ ไม่ ๆ ฉันไม่หยุ่งเลย...อยากให้ไปหาไหมล่ะ]

     

    “ ได้เหรอคะ? ”

     

    [ ได้สิ ต้องได้อยู่แล้ว จะพาไปกินไอติมด้วย...ไปไหม?]

     

    “ ไปค่ะ...จะรออยู่ที่ห้องนะคะ ”

     

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

     

                    “ กินเยอะ ๆ นะเธอจะได้อารมณ์ดี ”

     

    แบคฮยอนบอกกับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทันทีที่วางสายจากแทยอนเขาก็ทิ้งทุกอย่างที่ทำอยู่จากที่กำลังหยุ่ง ๆ ก็กลายเป็นว่างทันที สำหรับคนตรงหน้าแบคฮยอนก็ว่างเสมอแหละ...เขาขับรถพาแทยอนออกมาจากเนเวอร์แลนด์มายังร้ายขายไอสครีมที่อยู่ไม่ห่างจากที่นั่นนักเพราะจะได้ขับไปส่งคนตัวเล็กเข้าคลาสสิบโมงทัน

     

                    “ เยอะขนาดนี้จะกินหมดได้ยังไงคะ เลี่ยนตายพอดี ”

     

                    “ ก็ไม่ได้บอกให้กินจนหมดหนิ แค่บอกให้กินเยอะ ๆ กินได้แค่ไหนก็แค่นั้นอ่ะ ”

     

    แทยอนพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะใช้ช้อนตักเมล่อนคำโตเข้าปากพรางเขี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้รอยยิ้มบาง ๆ ผุดออกมาจากใบหน้าคมคายอย่างไม่รู้ตัว แบคฮยอนกอดอกมองแทยอนไม่วางตากว่าจะรู้ตัวว่ากำลังเผลอจ้องคนตัวเล็กก็โดนแทยอนช้อนตามองมาเสียแล้ว

     

                    “ มอง...ฉันทำไมคะ? ”

     

                    แบคฮยอนไม่ได้ตอบคำถามของร่างเล็กในทีเดียว มือหนาเคลื่อนตัวมาวางบนหัวของแทยอนพรางลูบเบา ๆ อย่างอ่อนโยน แบคฮยอนรู้ว่าแทยอนรู้สึกยังไง เขาเองก็ขวัญเสียไม่แพ้กันแต่ก็คงรู้สึกได้แค่เท่าเศษเสี้ยวของคนตรงหน้า คนที่เผชิญเหตุการณ์บ้า ๆ นั้นมาด้วยตัวเอง

     

                    “ เธอคงตกใจมาก ”

     

                    “ ... ”

     

                    “ ไม่เป็นนะ คนเลว ๆ แบบนั้นวนเวียนอยู่ในชีวิตของเธอได้ไม่นานหรอก ”

     

                    “ ... ”

     

                    “ เพราะในชีวิตของเธอมีคนเลว ๆ ได้แค่คนเดียวเท่านั้น ”

     

                    “ ... ”

     

                    “ กินเยอะ ๆ นะ ของหวานจะทำให้... ”

                    “ ฉันรักรุ่นพี่ค่ะ... ”

     

                    คำพูดของแทยอนทำให้แบคฮยอนกลืนคำปลอบโยนทั้งหมดลงคอ สายตาซื่อ ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ใจของแบคฮยอนอยู่ไม่เป็นสุขจนต้องยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่นแก้เก้อ...แบคฮยอนควรจะยิ้มแล้วตอบกลับด้วยคำว่า 'ฉันก็เหมือนกัน' สิถึงจะถูก ไม่ใช่มานั่งทำตัวไม่ถูกกับคนตรงหน้าแบบนี้

     

                    “ ฉัน...รู้แล้ว ”

     

                    “ แล้วรุ่นพี่ก็รักฉันเหมือนกัน... ”

     

    “ อันนั้นฉันก็รู้ ”

     

    “ แต่เรารักกันไม่ได้ อยู่ใกล้กันมากก็ไม่ได้ บอกใครก็ไม่ได้ ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของใครคะ? ทำไมเขาถึงใจร้ายจังไม่ยอมให้ฉันมีความสุขสักที ”

     

    เสียงหวานปนเศร้าของคนตัวเล็กทำให้คำพูดที่กล่าวมายิ่งน่าหดหู่เข้าไปใหญ่ แบคฮยอนไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเลวมากแค่ไหนจนมาได้ยินคำพูดนี้จากปากของแทยอน มันเหมือนกับว่าเขาพรากความสุขจากคนตัวเล็กไปและกักขังเธอไว้ในห้องมืด ๆ ไม่ให้เจอกับความสุขอีก

     

    “ ขอโทษนะแทยอน ขอโทษที่ฉันเห็นแก่ตัวจนทำให้เธอไม่มีความสุข ”

     

    “ ถ้าการเห็นแก่ตัวของรุ่นพี่หมายถึงการที่รุ่นพี่มาอยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้ รุ่นพี่ก็อย่าขอโทษเลยค่ะ เพราะมันทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าทุกข์ซะอีก ”

     

    “ ... ”

     

    “ ก็บอกแล้วไงคะ ว่าฉันน่ะรักรุ่นพี่... ”

     

     

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

     

     

     

     เวลาสามโมงกว่า ๆ ภายในห้องเรียนที่แสนจะน่าเบื่อ หน้าห้องเรียนมีหญิงสาววัยกลางคนกำลังบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โลกครั้งที่สองซึ่งเป็นวิชาเสริมที่แทยอนลงเรียนพร้อม ๆ กับเซฮุน ใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยตามอายุกำลังแสดงสีหน้าเคร่งเครียดเกี่ยวกับการบรรยายในครั้งนี้ มีนักเรียนบางส่วนที่ฟุบหน้าลงไปนอนกับโต๊ะเพราะอาการเบื่อเต็มทนในขณะที่มีบางส่วนกำลังตั้งหน้าตั้งตาฟังที่อาจารย์พูดอย่างใจจดใจจ่อ

     

    และแทยอนคือหนึ่งในกลุ่มคนที่ฟุบลงกับโต๊ะเพราะความเบื่อหน่ายในวิชาที่เรียน ดูเหมือนว่าอะไร ๆ จะไม่เข้าหัวเธอเลยสักอย่างถึงจะฟังที่อาจารย์สอนไปก็เท่านั้น...ทุกอย่างมันว่างเปล่าและเคว้งคว้างไปหมดตั้งแต่เมื่อเช้าที่เผลอไปสารภาพจนหมดเปลือกว่ารู้สึกยังไงกับเขาเพราะใจที่ไม่เต็มร้อย

     

    ดวงตาคมจ้องมองสร้อยข้อมือสีม่วงอ่อนที่ถูกสวมในข้อมือ เมื่อก่อนมันคือสร้อยสีเงินที่สลักชื่อหย่อของใครบางคนเอาไว้แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ของเธออีกต่อไปแล้ว ยอมรับว่าใจหายแต่มันก็คงดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเพราะอย่างน้อย ๆ การบบอกความรู้สึกทั้งหมดออกไว้ก็ยังดีกว่าค้างคาไว้ในหัวใจแล้วไม่ได้บอก

     

    " แทยอน... "

     

    เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นหลังใบหูทำให้ร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งตัว แทยอนหันขวับกลับไปมองต้นตอของเสียงก็พบกับใบหน้าหล่อคมคายของเพื่อนหนุ่มที่กำลังมองเธอด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้เหมือนกับทุก ๆ ทีนั่นแหละ ไม่มีใครเดาใจเขาออกหรอกว่าจะมาด้วยอารมณ์แบบไหน...คนอะไรเดาใจยากจริง ๆ

     

    " หืม? "

     

    " ทำไมไม่ฟังที่อาจารย์สอนล่ะ "

     

    เซฮุนเอ่ยบอกเพื่อนตัวเล็กด้วยความหวังดี แต่อันที่จริงแล้วเขากำลังหาเรื่องคุยกับเธอต่างหากล่ะ เพราะเขาไม่อยากให้เธอคิดมาก ยิ่งเห็นแทยอนเงียบ ๆ ซึม ๆ แบบนี้เขาก็ยิ่งไม่สบายใจเพราะที่เธอเงียบไปแน่นอนว่าต้องมีเรื่องร้อยแปดที่เธอคิดอยู่ข้างในแน่นอน ไหนจะเรื่องรอยฟกซ้ำที่ใบหน้าและลำตัวอีกมันยิ่งทำให้คนอื่นเขามองแทยอนผิดไปกันใหญ่

     

    " เบื่อ... "

     

    " แล้วเอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ แบบนี้เนี่ยนะ...สนุกมากเลย? "

     

    " ก็ดีกว่านั่งหลังตรง อกผายไหล่พึงหน้าชื่นตาบานฟังสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนล่ะหน่า เรียนอะไรหนักหนาก็ไม่รู้ ฉันไม่น่าลงเรียนวิชานี้เลยให้ตายสิ เกิดเป็นครูทั้งทีสอนอะไรที่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวันหน่อยสิ ดูสอนแต่ละอย่างเข้า ทำเหมือนนักเรียนเป็นสายเลือดไอสไตล์อย่างงั้นแหละ ใครจะจำได้หมด...ถามจริงตอนฉันสมัครงานที่ไหนมีใครเขาถามมั้ยว่าเกาหลีใต้ได้รับเอกราชปีไหน หรือสูตรหามวลสารของน้ำคืออะไร "

     

    แทยอนบ่นยาวเยียดโดยไม่สนใจอาจารย์ที่กำลังสอนเลยสักนิด...ก็นะเธอไม่ใช่เด็กดีโลกสวยอะไรมากมายที่จะต้องน้อมรับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตด้วยความยินดี มันก็ต้องมีรำคาญบ้างเบื่อบ้างอะไรก็ว่าไปตามกัน โดยเฉพาะเรื่องเรียน ทั้งที่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไรมากมายแต่เกรดที่ออกมาก็ไม่เคยผิดหวังเลยสักครั้ง...เรียนบ้างเล่นบ้างว่ากันไปตามประสา พอไม่ได้ดั่งใจก็บ่นให้โลกได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของการเรียน

     

    " บ่นเป็นคนแก่เลยนะ "

     

    “ ก็ดูสิ่งที่อาจารย์สอนสิ ไม่แปลกใจเลยที่วิชานี้มีคนเรียนแค่สิบคน ”

     

    เซฮุนเผลอยิ้มออกมาพรางส่ายหน้าให้กับความน่ารักของคนตัวเล็ก แทยอนก็เป็นซะแบบนี้ไงใครต่อใครถึงได้หลงรักในความหลากหลายของเธอ รวมถึงตัวเขาด้วย เมื่อย้อนนึกถึงวันแรกที่เจอกันมันช่างน่าตลกเหลือเกินที่เขาไม่ได้สนใจอะไรเธอเลยแม้แต่นิดเดียว มีเพียงชานยอลเท่านั้นที่ดูกระตือรือร้นเกินงาม แต่ดูตอนนี้สิกลับกลายเป็นเขาซะเองที่เผลอใจให้เธอไปทั้งใจ

     

    โชคชะตามักจะเล่นตลกกับหัวใจของคนเราเสมอแหละ โดยเฉพาะหัวใจด้าน ๆ ของผู้ชายอย่างโอ เซฮุน ในตอนแรกเขารักยุนอา ยุนอาก็รักแบคฮยอนพอตอนนี้เขารักแทยอน แทยอนกลับไม่เคยมองเห็นมัน แถมยังมองข้ามความรักนั่นอยู่เสมอ จะดูเห็นแก่ตัวมากมั้ยถ้าเขาอยากจะทำให้แทยอนลืมแบคฮยอนไปซะแล้วมาเริ่มต้นใหม่กับเขา

     

    แต่เมื่อนึกถึงความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำระหว่างเขาและเธอมาไกลที่สุดได้แค่คำว่า'เพื่อน' เท่านั้น...เพราะกำแพงที่แทยอนสร้างขึ้นมาปิดกั้นหัวใจของเธอเอาไว้มันทั้งสูงและก็หนาเกินกว่าที่เขาจะทำลายมันได้แต่ในขณะเดียวกันแทยอนกลับทำลายกำแพงในจิตใจของเขาออกที่ละน้อยจนไม่พังไม่มีชิ้นดี

     

    ดวงตาคมลอบมองเสี้ยวหน้าสวยหวานที่ฟุบลงไปกับโต๊ะตามเดิม ใบหน้าหล่อคมคายที่มีเพียงความเรียบเฉยจ้องมองเธออยู่นานจนไม่สนใจในสิ่งที่ครูบรรยายเลยว่ามันจะสำคัญแค่ไหน จริงของแทยอนการฟังสิ่งที่ครูพล่ามออกมามันดูน่าเบื่อมากเลยล่ะถ้าเทียบกับการนั่งมองคนข้าง ๆ

     

    เวลาที่ได้มองดูแทยอนทีไรภายในจิตใจของเขามันมักจะเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มันสั่นแปลก ๆ ทั้งที่มันเต้นเร็วกว่าปกติแต่เขากลับรู้สึกว่าหัวใจเต้นช้าลง ใบหน้าสวยหวานเหมือนกับว่าแฝงไปด้วยมนต์สะกดที่เมื่อได้มองแล้วไม่อาจละสายตาได้

     

    " แทยอน ขอถามอะไรหน่อยสิ "

     

    " อะไรหรอ? "

     

    " ความรักคืออะไร? "

     

    " บอกไปนายก็ไม่เข้าใจหรอก นายต้องลองมีเองนายถึงจะรู้ความหมายของมัน " แทยอนตอบตำถามด้วยสีหน้ามุ่งมั่น แต่มันก็น่าแปลกไม่น้อยที่โอ เซฮุนตั้งคำถามแบบนี้ขึ้นมา

     

    ความรักน่ะเหรอ?

     

    ไม่รู้สิมันเป็นความรู้สึกที่ไม่ว่าจะอธิบายยังไงก็ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจแจ่มแจ้งได้ แม้จะใช้คำพูดเป็นร้อยพันเพื่อเอามาขยายความคำว่ารักคำเดียวมันก็คงจะบอกไม่ถูก...แต่ถ้าหากว่าใครได้มีมัน เพียงแค่พูดว่ารักคำเดียวก็เข้าใจแล้วล่ะ เพราะโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์เราทุกคนต้องมีความรักกันทั้งนั้น

     

    ไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกที่จะใช้ชีวิตโดยปราศจากความรักได้หรอกแต่เพราะคำว่ารักไม่ใช่สิ่งสวยงามเสมอในบางครั้งมันก็สร้างความเสียใจและความเจ็บปวดมากมายให้กับคนที่มีมัน ถ้าไม่มีความรักโลกใบนี้ก็คงจะขาดสีสันคงจะดูว่างเปล่าไปมากจนนึกภาพไม่ออกกันเลยทีเดียว

     

    " มันคือการที่เรามีความสุขทุกครั้งเวลาที่เห็นรอยยิ้มของเขาไหม แล้วก็เสียใจทุกครั้งที่เห็นเขาบอกรักใครใช่ไหม รู้สึกเจ็บปวดตาม เวลาที่เห็นน้ำตาของเขาแบบนั้นใช่หรือเปล่า ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุขแบบนี้ก็เป็นใช่ไหม และที่สำคัญคือการที่ให้เขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดแบบนี้เรียกว่ารักได้ไหม? "

     

    แทยอนขมวดคิ้วเข้าหากันมองคนข้าง ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าคำพูดพวกนี้จะหลุดออกมาจากปากของเขาจริง ๆ ร่างบางจ้องมองหน้าคมตาไม่กระพิบและใบหน้านั่นก็เรียบเฉยเหลือเกินจนยากจะเชื่อว่าเขาเป็นคนตั้งคำถามพวกนั้นออกมา ถ้าเซฮุนยิ้มสักหน่อยเธอก็คงจะเชื่อมากกว่านี้แต่นี่อะไรทำหน้าตายซะเหมือนคนอมทุกข์แบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา

     

    มือเรียวยกขึ้นไปทาบหน้าผากบนหน้าผากมนเพราะคิดว่าร่างสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จะเกิดอาการเบลอเพราะพิษไข้หรือเปล่า แต่ก็ไม่ เซฮุนไม่ได้ตัวร้อนอย่างที่เธอคิด

     

    " อะไร? "

     

    " นายไม่สบายเหรอ? "

     

    ร่างสูงส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนหันไปให้ความสนใจกับสิ่งที่อาจารย์สอยต่อ...อะไรกันแค่เขาพูดอะไรที่มันออกจะน้ำเน่านิด ๆ แทยอนถึงกับไม่เชื่อหูตัวเองจนคิดว่าเขาบ้าไปแล้วเหรอ...ว่าแล้วว่าไอ้ความหวานของมนุษย์โลกเนี่ยมันไม่เหมาะกับคนอย่างเขาหรอก คนอื่น ๆ ถึงได้ชอบมองว่าเขาเป็นพวกตายด้านไร้ความรู้สึกไง พอเวลาแสดงด้านอ่อนโยนไปถึงไม่ค่อยมีใครรับรู้ได้ถึงมัน

     

    ไม่น่าเลย

     

    " พูดความจริงก็หาว่าบ้าอีก...ไม่คุยด้วยแล้ว "

     

    ร่างสูงพึมพำเบา ๆ แต่คนข้าง ๆ กลับได้ยินมันเต็ม ๆ ทำให้รอยยิ้มเล็กปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยหวาน...มุมนี้ของเซฮุนก็น่ารักเหมือนกันนะ เธออยากจะบอกเขาจริง ๆ เลยว่าอยากให้เขาลดความเย็นลงสักนิดและแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาสักหน่อยคงมีคนเข้าหาเขาเยอะกว่าเดิมแน่ ๆ จากที่ปกติรอบตัวเขาก็มีคนรุมล้อมอยู่แล้วถ้าเขาทำตัวอบอุ่นกว่าที่เป็นอยู่คงจะมีผู้หญิงรายล้อมเกาะติดเป็นเห็บมากกว่าเดิมแน่ ๆ

     

    " ถ้านายชอบใครก็บอกฉันนะ. ถ้าฉันช่วยได้ฉันจะช่วย "

     

    " เธอช่วยฉันไม่ได้หรอก... เชื่อสิ... "

     

     

     

     

     

    *

     

     

    เป็นการเตรียมความพร้อมในการสอบของชาวเนเวอร์แลนด์ทุกคนรวมทั้งแทยอนและคนอื่น ๆ ต่างเดินออกจากความวุ่นวายและวางบทบาทนักธุรกิจลงแล้วกลับมาทำหน้าที่นักเรียนตามเดิม...การสอบสำหรับโรงเรียนนี้เป็นอะไรที่สำคัญและเคร่งครัดมากที่สุด นักเรียนทุกคนที่อยู่ที่นี่นอกจากจะมีดีในเรื่องฐานะแล้วการเรียนและเกรดเฉลี่ยนั้นก็เป็นเรื่องที่พวกเขาคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

     

    เวลาที่เริ่มขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ทำให้ทุกคนต่างหมกตัวอยู่แต่ในห้องสมุดและห้องของตัวเองเท่านั้น และยิ่งเป็นคนที่เรียนไม่ค่อยทันเพื่อนเท่าไหร่อย่างแทยอนยิ่งต้องขยันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เธอทุ้มเวลาทั้งหมดอยู่กับกองหนังสือที่ตั้งสูงเป็นเนินเขาเอเวอร์เลนส์ ไหนจะต้องทำงานให้ทันส่งอาจารย์ไหนจะเป็นการจดเลคเชอร์ที่เธอพลาดไปอีก

     

    ส่วนแบคฮยอนและบรรดากลุ่มปีเตอร์แพนไลน์เองก็เช่นกันพวกเขาจำต้องติวหนักมากว่านักเรียนธรรมดาเป็นไหน ๆ เพราะนอกจากเรียนแล้วพวกเขายังต้องดูแลโรงเรียนควบคู่กันไปด้วย ทั้งความคิดความอ่านนั้นพวกเขาดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ไปแล้วแม้จะด้วยวัยอายุเพียงเท่านี้แต่เมื่อเทียบกับความสามารถนั้นถือว่าพวกเขาจัดได้ว่าเก่งพอสมควร

     

    เด็กหนุ่มร่างสูงยืนพิงฝามองพี่ชายต่างสายเลือดที่เอาแต่นั่งหน้าเครียดอยู่บนโต๊ะทำงานทั้งวัน ข้าวปลาไม่ยอมกิน วัน ๆ เอาแต่อยู่กับหนังสือพวกนี้ไม่ออกไปพบใครเสียจนน่าเป็นห่วง...แบคฮยอนนั่งอยู่แบบนี้ทั้งวัน ใคร ๆ ต่างก็มองว่าเขาอ่านหนังสือหรือไม่ก็จัดเตรียมข้อมูลสำคัญสำหรับงานโรงเรียนที่กำลังจะมาถึง

     

    แต่ไม่เลยถึงเขาจะนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือ มันก็ไม่เข้าหัวของเขาเลยสักนิด สิ่งที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกของเขาก็คือเรื่องของผู้หญิงคนนั้น...เขาไม่รู้ว่าทำไมแทนที่ความสัมพันธ์มันน่าจะดีขึ้น แต่มันกลับยิ่งว่างเปล่าและสับสนมากขึ้นกว่าเดิม ทำไมการบอกความในใจในวันนั้นถึงไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเลย ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้...คำถามมากมายผุดขึ้นมาเต็มหัวของแบคฮยอน ทำให้เขารีบสบัดหัวไล่ความคิดที่ทำลายการอ่านหนังสือของเขามาตลอดหลายวันมานี้

     

    " ถ้าพี่ไม่ไหว... พี่ก็พักเถอะครับ "

     

    เสียงทุ้มต่ำของเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องทำให้แบคฮยอนหันไปมองต้นตอของเสียง...เซฮุนที่ยืนพิงพนังห่างจากตัวเขาไม่มากแต่เขากลับไม่รู้เลยว่าน้องชายเข้ามาตอนไหน เมื่อไหร่ ยังไง หรือว่าเขาจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของแทยอนเกินไป

     

    แบคฮยอนเอี้ยวตัวกลับไปมองเซฮุน ก่อนที่ผู้เป็นน้องจะเดินเข้ามาใกล้พี่ชาย เซฮุนมองแบคฮยอนด้วยแววตาที่แสนจะห่วง ก็เพราะตอนนี้พี่ชายของเขาไม่ต่างอะไรกับซากศพเดินได้เลยสักนิดเดียว สภาพที่แสนจะทรุดโทรมขอบตาคล้ำก่ำใบหน้าที่แสนจะโรยแรงทำให้หมดความหล่อไปซะสนิท...มือหยาบกร้านเอื้อมไปตบบ่าให้กำลังใจผู้เป็นพี่สองสามทีเพื่อเป็นการให้กำลังใจและจะสื่อเป็นนัย ๆ ว่าต้องการให้เขาพักผ่อน แต่ดูเหมือนแบคฮยอนจะไม่ยอมเข้าใจมันเอาเสียเลย

     

    " เข้ามาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย "

     

    “ ผมเข้ามาตั้งนานแล้วครับ... แต่พี่ไม่สนใจผมเอง ” เด็กหนุ่มพูดติดตลกก่อนจะเดินไปนั่งตรงเกาอี้ข้าง ๆ แบคฮยอนด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาซะเอง ก่อนที่เซฮุนจะพุ่งเป้าไปที่ประเด็นสำคัญที่ทำให้เขาพาตัวเองมาถึงที่นี้ “ เกิดอะไรขึ้นกับแทยอนครับ...ทำไมแทยอนถึงได้รับบาดเจ็บ ”

     

    คำพูดของเซฮุนทำให้แบคฮยอนชะงักเล็กน้อย แต่ก็เป็นไปตามคาดเขาไม่เคยคิดอะไรผิดเพี้ยนไปเลยสักนิดเซฮุนมีความรู้สึกดี ๆ ให้แทยอนและนั่นมันก็หมายความว่าเซฮุนจะพยายามแทนที่เขาทุกเมื่อเมื่อมีโอกาส

     

    เป็นเพราะอยู่ด้วยกันเลยทำให้รู้ว่าน้องชายคนนี้มันเป็นคนยังไงเซฮุนไม่ใช่คนที่จะตกหลุมรักใครง่าย ๆ อาจจะถึงขั้นเป็นพวกไม่มีหัวใจเลยด้วยซ้ำและโดยปกติแล้วเซฮุนเองเป็นพวกหลายบุคลิก มีหลากอารมณ์และเข้าถึงแก่นแท้ของจิตใจยาก เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าเซฮุนคิดอะไรอยู่แต่เมื่อไหร่ที่เซฮุนมีความรักอนุภาคของมันก็จะทำให้ คนอื่นมองเห็นหัวใจด้าชาของเซฮุนได้ชัดขึ้น

     

    อย่างเช่นตอนนี้...

     

    “ พี่จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ทำไมไม่ถามเจ้าตัวเอาเองล่ะ ก็เจอหน้ากันอยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ? ”

     

    “ ผมถามเธอแล้ว แต่แทยอนไม่ยอมบอกผม และผมรู้ว่าพี่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ”

     

    “ พี่ไม่รู้ เรื่องของพี่กับแทยอนมันจบไปนานแล้วมันไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยวกันอีก...วันนั้นที่งานหมั้นพี่ก็บอกกับนายไปแล้วหนิ จำไม่ได้หรือไง ”

     

    แบคฮยอนตอบหน้าตายพรางหยิบแฟ้มนู่นนี่ในโต๊ะขึ้นมาดูเพื่อที่จะได้ไม่ต้องสบตากับแววตาเกรี้ยวกราดของเซฮุน เขามีเหตุผลที่จำเป็นจะต้องพูดแบบนั้นเหตุผลที่เขาเองก็ไม่ค่อยจะชอบมันสักเท่าไหร่เพราะเป็นสิ่งที่เขาค่อนข้างไม่อยากให้เกิดขึ้น

     

    “ ผมจำได้...แต่ผมแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพราะผมพึ่งรู้มาว่าพี่ไล่นักเรียนชั้นปีสามที่ชื่อแดซองออก แล้วก็เมื่อคืนก่อนคัง มินฮยอกเพื่อนร่วมห้องผมโดนตีหัวแตกตรงริมทางเดินกลับหอพระจันท์ แล้วเมื่อวานนี้ ก่อนเลิกเรียนผมยังเห็นแทยอนดี ๆ อยู่เลย เช้ามาก็มีรอยฟช้ำเต็มตัวไปหมด ”

     

    “ นายก็เลยโยงเรื่องพวกนี้เข้าหากันงั้นเหรอ นายเป็นทายาทนักธุรกิจนะเซฮุน ไม่ใช่นักสืบ เรื่องบางเรื่องเนี่ย บางทีนายก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก แล้วที่พี่ไล่ไอ้แดซองออกก็เพราะอย่างที่รู้กันดี มันทำผิดต่อโรงเรียนหลายต่อหลายรอบแล้ว พี่จำเป็นต้องไล่มันไป จะได้ไม่เป็นแบบอย่างนักเรียนคนอื่น ๆ ส่วนเรื่องของแทยอน พี่ไม่รู้... ”

     

    “ พี่เคยเรียกแทยอนว่าผู้หญิงของพี่ มันเป็นไปได้เหรอที่พี่จะไม่สั่งให้คนคอยตามแทยอน มันเป็นไปได้เหรอที่พี่จะเลิกหยุ่งกับเธอเพียงเพราะพี่ผ่านพิธีหมั้นกับพี่ยุนอาแล้ว ผมไม่เชื่อหรอก ”

     

    “ แกจะเอายังไงกับฉันกันแน่เซฮุน ตกลงแกอยากจะให้ฉันหยุ่งหรือไม่หยุ่งกับแทยอน... ”

     

    “ ผมจะไม่ว่าอะไรเลยสักคำถ้าคนที่แทยอนรักคือผม แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ พี่ก็น่าจะรู้ดี ที่ผมขอให้เลิกหยุ่งกับเธอก็เพื่อตัวแทยอนเองจะได้มีความสุข ”

     

    “ แล้วไง ทุกวันนี้แทยอนมีความสุขดีไหมล่ะ ”

     

    “ จะให้มีความสุขได้ยังไง ก็เธอรักพี่อ่ะ คนรักกันแยกกันอยู่มันจะมีความสุขได้ยังไง ”

     

    “ พูดจบแล้วใช่ไหม ถ้าพูดจบก็เชิญประตูอยู่ตรงนั้น...แต่ก่อนไปฉันขอพูดอะไรกับนายหน่อย ใช่! ฉันรู้ว่าแทยอนรักฉัน ฉันเองก็รักแทยอน แต่นายจะให้ฉันทำยังไง ฉันหมั้นไปแล้วหนิ ไหนลองบอกฉันมาสิว่าจะให้ฉันทำยังไง พาแทยอนหนีเหรอ? หนีไปไหนล่ะ ฉันก็อยากจะให้แทยอนมีความสุข แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะทำยังไง ฉันไม่รู้จริง ๆ ”

     

    แบคฮยอนพูดเสียงอ่อน เขาเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้วแต่ก็กลั้นเอาไว้ได้  แบคฮยอนเสมองไปทางอื่นเพื่อปกปิดแววตาอันแสนเจ็บปวดของตัวเอง เขาไม่อยากให้เซฮุนรู้เพราะว่าไม่อยากทำร้ายน้องแต่ความจริงมันมักจะทำร้ายทุกคนเสมอ ไม่มีใครหนีความจริงพ้นแม้แต่เขาเองก็เถอะทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับความเจ็บปวดที่เขาเป็นคนก่อเองกับมืออย่างไม่ต่อว่าหรือก่นด่าสักคำ

     

    “ เรื่องมันจะไม่เป็นแบบนี้เลย ถ้าพี่ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นตั้งแต่แรก... จำเอาไว้เลยนะครับว่ามันเป็นความผิดของพี่ ไม่ใช่ของใครอื่น ”

     

    เซฮุนเดินฟึดฟัดออกไปจากห้องของแบคฮยอน ไม่ทะเลาะก็เหมือนทะเลาะเพราะในใจของเขาตอนนี้มันร้อนรุ่มไปหมด มันเต็มไปด้วยความกลัวและกังวลปะปนกันไป...เสียงประตูปิดที่ดังแรงพอสมควรทำให้แบคฮอยนรับรู้ว่าน้องชายของเขาออกไปแล้ว ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือหนาเลือนมาเสยกลุ่มผมอย่างคนมีความคิด


    “ แล้วนายคิดว่าฉันอากให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้หรอเซฮุน ฉันเหมือนคนที่มีความสุขมากหรือไง ”

     







    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×