คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : My Peter Pan: Chapter18
BaekHyun’ Part
ผมนั่งมองเสี้ยวหน้าของแทยอนแบบนี้มานานนับชั่วโมงแล้ว ผมนอนไม่หลับเลยด้วยช้ำไม่ว่าผมจะทำยังไงก็หลับไม่ลงสักที
ถึงแม้ว่าผมจะเหนื่อยและอ่อนล้ามากจากเรื่องเมื่อคืนแต่ผมก็ไม่สามารถข่มตาแล้วจมลงสู่ห้วงนิทราได้...ผมยังกลัวและกังวลว่าจะเสียเธอไปจริง
ๆ ถึงเรื่องมันจะผ่านมาแล้วก็เถอะแต่ผมไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
ตอนที่ผมรู้ว่ามีคนกำลังจะทำร้ายเธอใจทั้งดวงของผมมันปวดร้าวไปหมดราวกับว่าจะตายซะให้ได้
ผมรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ไปช่วยเธอได้เร็ว ๆ แต่พอผมไปถึงผมกลับคิดว่ามันยังเร็วไม่พออยู่ดี
ผมปล่อยแทยอนอยู่คนเดียวไม่ได้และผมก็ไม่อาจจะอยู่ดูแลเธอใกล้ ๆ ได้เช่นกันเพราะอย่างที่รู้กันว่าเธอไม่ใช่ลัคกี้ของผมอีก
รอยฟกช้ำบนใบหน้าสวยหวานยังคงเด่นชัดทำให้ผมยิ่งเจ็บปวดตรงก้อนเนื้ออกข้างช้ายที่ไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้
ไอ้แดซองมันคิดจะทำแบบนี้กับนักเรียนหญิงในโรงเรียนหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ไล่มันออกเพราะพ่อมันใหญ่พอสมควรแต่ครั้งนี้ผมยอมไม่ได้
มันทำร้ายคนของผมแบบนี้ได้ยังไง ถ้าคราวนี้มันไม่กระเด็นออกไปจากโรงเรียนนี้เห็นทีผมคงจะอยู่เฉยไม่ได้ซะแล้วล่ะ
แต่อย่างน้อย ๆ มันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมรักแทยอนมากแค่ไหนและผมก็ไม่อยากจะเสียเธอไปแบบสองปีที่แล้วอีก
เข็มของนาฬิกาที่เดินไปเรื่อย ๆ บ่งบอกเวลาว่าใกล้จะฟ้าสางแล้ว
วันเวลาที่ผ่านพ้นไปมันได้สอนอะไรผมหลาย ๆ อย่างและบทเรียนที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผมคืออย่าทำอะไรลงไปโดยขาดสติอีกเพราะมันจะไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ทั้งสิ้น
แต่ผมก็ดันทำมันไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง มันไม่แปลกเลยถ้าแทยอนจะโกรธและไม่ให้อภัยผม
เพราะผมได้สร้างบาดแผลในจิตใจของเธอเอาไว้มากมาย...ขนาดผมเองยังไม่อยากจะให้อภัยตัวเองกับสิ่งที่ทำลงไปแล้วนับประสาอะไรกับคนที่ถูกกระทำอย่างแทยอนจะต้องให้อภัยมันด้วยล่ะ
ผมลุกขึ้นจากเตียงนุ่มสีอ่อนของแทยอนก่อนจะเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อทำอาหารเช้าให้กับเธอ
อาทิตย์หน้าที่โรงเรียนเราจะมีการสอบกลางภาคและหลังจากนั้นก็จะเป็นงานเปิดโรงเรียนซึ่งเป็นงานที่สำคัญมาก
ๆ เลยล่ะ เราสองคนก็คงจะเจอกันน้อยลงมันอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราแย่ลงก็ได้ ฉะนั้นผมจะต้องใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด
ผมเอื้อมมือไปเปิดตู้เย็นของเธออย่างถือวิสาสะใช้สิทธิ์ราวกับว่าห้องนี้เป็นห้องของผมเองซะเลย
แต่เชื่อไหมในตู้เย็นนั่นมีแค่น้ำเปล่าสองสามขวดกับนมกล้วยอีกสองกล่อง อะไรกัน สาบานว่านี่ห้องผู้หญิงในตู้เย็นแทบจะไม่มีอะไรเลยที่จะใช้เป็นวัตถุดิบทำอาหารได้
ผมถอนหายใจอยู่เฮือกใหญ่พรางเกาหัวแรง ๆ จนมันยุ่งเหยิงไปหมด...ให้ตายเถอะ แต่ล่ะวันแทยอนกินอะไรเป็นอาหารเนี่ย...อืมม
ผมควรโทรให้คนซื้อของขึ้นมาให้ใช่ไหม?
“ เชื่อเธอเลย ยัยตัวแสบ... ”
มือหยาบของผมคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูสีดำออกมากดเบอร์โทรที่คุ้นเคยเพื่อโทรออก
เวลาผมจะทำอะไรผมก็มักจะเรียกใช้คนพวกนี้เสมอแหละทุกอย่างในชีวิตของผมถึงได้ดูง่ายไปซะหมดยังไงล่ะ
ไม่ใช่เจ้าชายก็เหมือนเจ้าชาย ไม่ได้ต่างอะไรมากมายเท่าไหร่...เสียงสัญญาณดังขึ้นได้ไม่นานปลายสายก็กดรับทันทีก็แน่ล่ะขืนไม่รับโทรศัพท์ผมล่ะก็โดนผมโวยแน่
ๆ
[ ฮัลโหล คุณแบคคฮยอนมีอะไรหรือเปล่าครับถึงได้โทรมาหาอาแต่เช้ามืดเชียว]
" คุณอาครับ ผมขอรบกวนคุณอาหน่อยสิ "
[ ว่ามาเลยครับ สำหรับคุณแบคฮยอนอะไรก็ได้ทั้งนั้น]
" ซื้อพวกวัตถุดิบในการทำอาหารกับพวกอาหารแห้งมาให้ผมหน่อยสิครับ...อ้อ
เอาพวกอาหารที่มีโปรตีนมีสารบำรุงสำหรับผู้หญิงเยอะ ๆ หน่อยนะครับแล้วก็น้ำดื่มสักสองลัง
กุ้งหอยปูปลาซื้อมาให้หมด "
[ ได้ครับ ๆ ว่าแต่ให้ผมไปส่งให้ที่ไหนครับ...ที่ห้องหนูยุนอาใช่หรือเปล่า?]
" เปล่าครับ...ผมซื้อมาให้แทยอนน่ะ ให้คนมาส่งที่ห้องเธอนะครับ
เร็ว ๆ ด้วยล่ะ "
[ ผมเข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย]
" ขอบคุณนะครับ "
ผมกดวางสายทันที คนที่ผมคุยด้วยนั้นคือคุณอาอึนฮยอกพ่อของไอ้เอส แปลกดีเนอะทั้ง
ๆ ที่คุณอาออกจะเป็นคนดีแต่ไอ้เอสกลับเลวแบบไม่มีที่ติ แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าบางทีสายเลือดเดียวกันก็ไม่ใช่ว่าจะเหมือนกันเสมอไป
มันต่างกันได้แล้วก็ต่างกันแบบสุดขั้วซะด้วย...ว่าแต่ระหว่างรอของมา ผมจะทำอะไรรอวะเนี่ย
ไหนดูดิว่าในตู้เก็บของมีอะไรอยู่บ้าง...อืมม มีไข่ไก่แล้วก็ข้าวหอมมะลิมีแค่นี้เนี่ยนะ
ชีวิตกินแค่ข้าวกับไข่หรือไง บ้าจริง
ผมลงมือตั้งหม้อเปิดเตาแก๊สก่อนจะเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดที่แทยอนมี...เห้อผมละเพลียจริง
ๆ เป็นผู้หญิงแท้ ๆทำไมไม่หัดมีของกินไว้ในตู้เย็นบ้างนะ แล้วทำไมผมถึงไม่เคยรู้เลยล่ะเนี่ย
นี่ผมละเลยไม่สนใจเธอถึงขนาดนี้เลยหรอ ผมเข้า ๆ ออก ๆ ห้องแทยอนเป็นว่าเล่นทั้งในตอนที่เธอไม่อยู่ห้องบ้างหรือไม่ก็ตอนเธอนอน...อันที่จริงผมแค่เข้ามาดูแล้วก็ออกไปไม่ได้คิดจะทำอะไรเลย
จริง ๆ ผมแค่อยากรู้ว่าเธอแอบซุกผู้ชายไว้หรือเปล่า...แต่ก็ไม่ผมไม่เห็นอะไรแบบนั้นเลย
อ๊อด...อ๊อด...อ๊อด
เสียงอ๊อดที่ดังขึ้นทำให้ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูทันทีเพราะกลัวว่าเสียงน่ารำคาญนั่นมันจะทำให้คนตัวเล็กที่กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่นั่นตื่นขึ้นมา...ผู้ชายสามคนในชุดสูทสีดำกำลังหอบถุงมากมายไว้ในมือผมพยักหน้าให้พวกเขาก่อนจะเปิดประตูให้กว้างกว่าเดิมเพื่อให้พวกเขาเข้ามาได้สะดวก
หลังจากที่พวกนั้นออกไปแต่ทิ้งข้าวของไว้มากมายมันก็เป็นหน้าที่ของผมที่จะเก็บของทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและของที่คุณอาให้ลูกน้องซื้อมาก็มีแต่ของดี
ๆ ทั้งนั้นผมว่ามันน่าจะจำเป็นสำหรับแทยอนนะ
แต่มีอีกอย่างที่ผมห่วงคือผมจะฝากใครให้ช่วยดูแลแทนผม
ใครที่จะอยู่กับเธอได้ตลอดเวลา ใครที่จะปกป้องเธอได้ แต่ที่แน่ ๆ
ต้องไม่ใช่ชานยอลหรือเซฮุน
เพราะผมยังจำได้ดีว่าวันที่ผมพาแทยอนหายไปพวกมันสองคนโกธรผมมากมายขนาดไหน
ชานยอลนี่แทบจะต่อยผมส่วนเซฮุนถึงปากมันจะแข็งแต่ผมดูออกว่ามันชอบแทยอนเพราะอย่างงี้ไงผมถึงไม่อยากให้มันสองคนเข้าใกล้แทยอนเพราะผมดูออก
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ยันไตอ่อน
*
" อะไรนะพี่ชาย!! ทำไมต้องให้นายนี่มาช่วยดูแลพี่สาวร่วมกับหนูด้วยล่ะ
หนูว่าหนูดูแลพี่สาวเองได้นะ "
" เราน่ะเป็นผู้หญิงจะช่วยอะไรได้...ให้แทฮยองอยู่ด้วยน่ะดีแล้ว
มีอะไรจะช่วย ๆ กันได้ " แบคฮยอนพูดด้วยเสียงเรียบเพื่อข่มคนฟังให้อยู่ใต้คำสั่งของเขา
ทำเอาพยอน เยรินหน้างอไปกับคำสั่งของพี่ชายในทันทีส่วนแทฮยองเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่เพราะทั้งคู่ไม่ค่อยจะถูกกัน
เจอกันทีไรเป็นทะเลาะตลอดแล้วแบบนี้มันจะรอดหรอ?
" ให้ผมดูแลรุ่นพี่คนเดียวก็ได้นี่นาไม่เห็นต้องเอายัยหนูนี่มาเป็นภาระเลย
"
" ไม่ได้ ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ขืนฉันปล่อยให้นายอยู่กับพี่แทยอนสองคนก็หมดกันพอดี
"
" แล้วทีเธอล่ะยัยหนู... "
" พอ ๆ ๆ ทั้งคู่น่ะหยุดได้แล้ว พี่สั่งยังไงก็ให้ทำอย่างนั้น
เพราะพี่อาจจะไม่ได้ว่างตลอดเวลา ฉะนั้นช่วยกันดูแลแทยอนด้วยเข้าใจไหม?
" ผู้เป็นพี่ปรามน้องทั้งสองคนก่อนจะถอนหายใจปาดเหงื่อที่ไหลบนใบหน้า
ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ฝากแทยอนให้สองคนนี้ดูแลแต่ยังไงมันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยละหน่า
อย่างน้อย ๆ เขาก็จะได้อุ่นใจเวลาที่ไม่อยู่เพราะสองคนนี้ฉลาดแล้วก็หัวไวจะตายถ้าหากเกิดอะไรขึ้นคงเอาตัวรอดได้สบาย
แบคฮยอนมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องเข้าไปตรวจงานในเนเวอร์แลนด์ที่ตึกใหญ่เพราะต้องใช้ข้อมูลในงานเปิดโรงเรียนหลังสอบกลางภาคเสร็จ
ขายาวรีบวิ่งออกไปทันทีโดยทิ้งสองน้องรักไว้ในห้องโถงของแทยอน แบคฮยอนยกยิ้มเล็กน้อยแต่ความกังวลก็ยังไม่หายไปซะทีเดียวเรื่องราวระหว่างเขากับแทยอนยังต้องดูกันอีกยาว
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะยาวอีกสักแค่ไหน
*
ร่างเล็กในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนก้าวออกมาจากห้องนอนของเธอเองพรางกวาดสายตาไปรอบ
ๆ ห้องเพื่อมองหาแบคฮยอนแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของเขา มีเพียงหญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังนั่งหันหลังให้กันบนโชฟา
ดูจากด้านหลังแล้วเดาได้ไม่ยากเลยว่าสองคนนี้เป็นใครและด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยจะถูกกันของสองคนนี้ยิ่งไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้ปวดหัว
" แทฮยอง เยริพวกเธอมาทำอะไรที่ห้องพี่?
"
" พี่คะ! / รุ่นพี่ครับ! "
สองเสียงใสประสานกันซึ่งมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงปนความตกใจ
เด็กสาวรีบวิ่งไปหาแทยอนก่อนจะสำรวจทั่วร่างราวกับคุณตำรวจกำลังตรวจเหยื่อที่พึ่งโดนข่มขืนมาอย่างไงอย่างงั้น
ส่วนแทฮยองเองก็เช่นกันเขาตรงปรี่เข้ามาหารุ่นพี่คนสวยก่อนที่มือหนาจะเอื้อมมาแตะที่รอยฟกช้ำบนใบหน้าสวยหวานเบา
ๆ แต่มันกลับทำให้คนตัวเล็กเจ็บแปลบขึ้นมากระทันหัน
" โอ้ะ! "
" ใครทำ? รุ่นพี่บอกมานะครับว่าใครทำกับรุ่นพี่แบบนี้
ผมจะไปเอาเลือดหัวมันออก " ตอนนี้เขารู้สึกว่าสิ่งที่แบคฮยอนทำกับไอ้ชาติชั่วนั่นมันยังน้อยไปถ้าเทียบกับสิ่งที่มันทำกับคนตรงหน้า
ถ้าเขาเป็นแบคฮยอนในตอนนั้นสาบานเลยว่าจะไม่มีทางปล่อยมันไปง่าย ๆ แบบนั้นหรอก อย่างน้อย
ๆ มันต้องได้นอนโรงบาลละถึงจะสาสม
" ใช่ ๆ ใครเป็นคนทำพี่แทยอนแบบนี้คะ บอกหนูมาสิ
เดี๋ยวหนูกับแทฮยองจะไปจัดการให้เอง หรือว่าจะเป็นพี่ยุนอา ต้องเป็นยัยปีศาจนั่นแน่
ๆ "
" พอเลยทั้งคู่น่ะ เก่งจริง ๆ เลยนะเรา พี่ไม่เป็นอะไรมากหรอก
ทุกส่วนยังอยู่ครบ แล้วก็ไม่ใช่ฝีมือรุ่นพี่ยุนอาด้วยนะรู้มั้ย ฉะนั้นอย่าไปพูดที่ไหนว่ารุ่นพี่ยุนอาเป็นคนทำเพราะเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
"
" พี่ปกป้องพี่ยุนอาทำไมคะ? "
" พี่ไม่ได้ปกป้อง แต่พี่พูดความจริง...เอาเถอะ ทีนี้พวกเธอจะบอกพี่ได้หรือยังว่ามาทำอะไรที่ห้องพี่
แล้วรู้เรื่องเมื่อคืนได้ไง "
แทยอนตั้งคำถามที่ยากจะตอบเสียจนแทฮยองและเยริไปไม่เป็นเลยทีเดียว เพราะแบคฮยอนบอกเอาไว้ว่าห้ามบอกแทยอนเรื่องที่เขาให้ทั้งสองคนมาคอยดูแลเธอ
เพราะกลัวว่าถ้าหากบอกไปคนดื้อรั้นอย่างแทยอนคงไม่มีทางที่จะรบกวนสองคนนี้โดยเด็ดขาด
เด็กทั้งสองคนได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้กับพี่สาวคนสวยแทนคำตอบ แต่ถ้าจะให้ตอบก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดีมันคิดคำตอบไม่ทัน
มันพอจะมีเหตุผลไหนที่พอจะฟังขึ้นบ้าง...แทยอนยังส่งสีหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามให้เด็กทั้งคู่อยู่อย่างนั้นจนเยริต้องมองหน้าแทฮยองเพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่จะให้ช่วยยังไงละขนาดเขาเองยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย
" ว่าไงจ๊ะ รู้ได้ยังไง? "
" ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ ผมไม่รู้จริง ๆ
ผมก็แค่มารับพี่รหัสตามปกติ แต่ที่เห็นผมเดือดดาลเมื่อกี้ผมแค่ตกใจตามยัยหนูก็แค่นั้น
"
" หนูเหมือนกันค่ะ
พอดีหนูเห็นแทฮยองจะมาหาพี่สาวหนูเลยเดินตามมาด้วย
เห็นรอยช้ำที่หน้าก็เลยเดาว่าน่าจะเกิดเรื่อง " เด็กสาวว่าพรางสวมกอดพี่สาวคนสวยอย่างแนบเนียน
แทฮยองมองยัยหนูของเขาอย่างเอือม ๆ เสียจนคนถูกมองหันไปแยกเขี้ยวใส่
แต่จะว่าไปเด็กสองคนนี่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อคืนนี่นาหรือว่าเธอจะคิดไปเอง
แต่มันก็แปลกอยู่ดีที่ทั้งคู่มาหาเธอพร้อมกันแบบนี้ แล้วแบคฮยอนล่ะเขาหายไปไหน ถ้าจำไม่ผิดเมื่อคืนเขาอยู่กับเธอทั้งคืนไม่ใช่เหรอ
แถมยังทำอาหารเช้าไว้ให้อีก แต่ว่าตอนนี้กลับไม่มีแม้แต่ร่องรอยของเขาเลยด้วยซ้ำ
ครั้นจะถามเอาความจากเด็กสองคนนี้ก็เห็นทีว่าจะไม่ได้
เดี๋ยวเขารู้หมดว่าเธอยังติดต่อกับแบคฮยอนอยู่
แบคฮยอนชอบเข้ามาให้ความรักความอบอุ่นและความทรงจำที่ดีในยามค่ำคืนแต่พอรุ่งเช้าเขาก็หายไปทำเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นเพียงแค่ความฝัน
และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าฝันนั้นมันไม่จบด้วยการที่ปีเตอร์แพนไปจากทิงเกอร์เบวเหมือนที่เขามักจะไปจากเธอเสมอ
“ พวกเธอสองคนไปเรียนเถอะ พี่ไปคนเดียวได้ ”
“ ไม่ได้นะคะ หนูตั้งใจจะไปเรียนพร้อมกับพี่อ่ะ ”
“ แต่พี่อยากไปคนเดียว...นะคะ พี่ขอล่ะ ทั้งเยริทั้งแทฮยอง
ให้พี่อยู่คนเดียวนะ ”
แทยอนส่งสายตาอ้อนวอนให้กับเด็กน้อยทั้งสองก่อนจะผายมือไปที่ประตู
ซึ่งทั้งสองคนก็ยอมออกไปอย่างว่าง่าย เมื่อคิม แทฮยองกับพยอน เยรินออกไปแล้วคิม
แทยอนจึงทิ้งตัวลงบนโซฟาสีอ่อนในห้องโถงอย่างหมดเรี่ยวแรง เพราะแทยอนมีเรียนตอนสิบโมงเธอจึงไม่จำเป็นต้องรีบออกไปในตอนนี้
มือเรียวหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอกก่อนจะกดเข้าเมนูโทรออกแล้วกดโทรออกไปยังเบอร์ของแบคฮยอน
กว่าเธอจะเรียกสติได้คืนก็กดโทรออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...แทยอนไม่รู้ว่าตอนนี้เธอควรจะทำอะไรดี
รู้แค่ว่าอยากคุยกับใครสักคน ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือแบคฮยอน
[ แทยอนเป็นอะไรหรือเปล่า? โทรมามีอะไร?]
“ ...เปล่าค่ะ ”
[ อ้าว แล้วโทรมามีอะไร?]
“ คืดถึงค่ะ... อยากคุยด้วย... คุยเรื่องทั่วไป... ”
คำพูดของแทยอนทำให้แบคฮยอนยิ้มออก
ชายหนุ่มวางมือลงจากเอกสารกองโตแล้วมาตั้งใจฟังคนในสายพูดแทน
ขอบคุณความจิตตกที่ทำให้แทยอนน่ารักมากขึ้นกับเขา [ พูดมาสิ
หูฉันว่างฟังเสียงเธออยู่แล้ว...]
“ หยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ... ฉันกวนรุ่นพี่หรือเปล่า... ”
[ ไม่ ๆ ฉันไม่หยุ่งเลย...อยากให้ไปหาไหมล่ะ]
“ ได้เหรอคะ? ”
[ ได้สิ ต้องได้อยู่แล้ว จะพาไปกินไอติมด้วย...ไปไหม?]
“ ไปค่ะ...จะรออยู่ที่ห้องนะคะ ”
*
“ กินเยอะ ๆ
นะเธอจะได้อารมณ์ดี ”
แบคฮยอนบอกกับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทันทีที่วางสายจากแทยอนเขาก็ทิ้งทุกอย่างที่ทำอยู่จากที่กำลังหยุ่ง
ๆ ก็กลายเป็นว่างทันที
สำหรับคนตรงหน้าแบคฮยอนก็ว่างเสมอแหละ...เขาขับรถพาแทยอนออกมาจากเนเวอร์แลนด์มายังร้ายขายไอสครีมที่อยู่ไม่ห่างจากที่นั่นนักเพราะจะได้ขับไปส่งคนตัวเล็กเข้าคลาสสิบโมงทัน
“ เยอะขนาดนี้จะกินหมดได้ยังไงคะ
เลี่ยนตายพอดี ”
“
ก็ไม่ได้บอกให้กินจนหมดหนิ แค่บอกให้กินเยอะ ๆ กินได้แค่ไหนก็แค่นั้นอ่ะ ”
แทยอนพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะใช้ช้อนตักเมล่อนคำโตเข้าปากพรางเขี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
ทำให้รอยยิ้มบาง ๆ ผุดออกมาจากใบหน้าคมคายอย่างไม่รู้ตัว
แบคฮยอนกอดอกมองแทยอนไม่วางตากว่าจะรู้ตัวว่ากำลังเผลอจ้องคนตัวเล็กก็โดนแทยอนช้อนตามองมาเสียแล้ว
“
มอง...ฉันทำไมคะ? ”
แบคฮยอนไม่ได้ตอบคำถามของร่างเล็กในทีเดียว
มือหนาเคลื่อนตัวมาวางบนหัวของแทยอนพรางลูบเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
แบคฮยอนรู้ว่าแทยอนรู้สึกยังไง
เขาเองก็ขวัญเสียไม่แพ้กันแต่ก็คงรู้สึกได้แค่เท่าเศษเสี้ยวของคนตรงหน้า
คนที่เผชิญเหตุการณ์บ้า ๆ นั้นมาด้วยตัวเอง
“ เธอคงตกใจมาก
”
“ ... ”
“ ไม่เป็นนะ
คนเลว ๆ แบบนั้นวนเวียนอยู่ในชีวิตของเธอได้ไม่นานหรอก ”
“ ... ”
“
เพราะในชีวิตของเธอมีคนเลว ๆ ได้แค่คนเดียวเท่านั้น ”
“ ... ”
“ กินเยอะ ๆ นะ
ของหวานจะทำให้... ”
“
ฉันรักรุ่นพี่ค่ะ... ”
คำพูดของแทยอนทำให้แบคฮยอนกลืนคำปลอบโยนทั้งหมดลงคอ
สายตาซื่อ ๆ
ของผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ใจของแบคฮยอนอยู่ไม่เป็นสุขจนต้องยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่นแก้เก้อ...แบคฮยอนควรจะยิ้มแล้วตอบกลับด้วยคำว่า
'ฉันก็เหมือนกัน' สิถึงจะถูก ไม่ใช่มานั่งทำตัวไม่ถูกกับคนตรงหน้าแบบนี้
“ ฉัน...รู้แล้ว
”
“
แล้วรุ่นพี่ก็รักฉันเหมือนกัน... ”
“ อันนั้นฉันก็รู้ ”
“ แต่เรารักกันไม่ได้ อยู่ใกล้กันมากก็ไม่ได้ บอกใครก็ไม่ได้
ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของใครคะ? ทำไมเขาถึงใจร้ายจังไม่ยอมให้ฉันมีความสุขสักที ”
เสียงหวานปนเศร้าของคนตัวเล็กทำให้คำพูดที่กล่าวมายิ่งน่าหดหู่เข้าไปใหญ่
แบคฮยอนไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเลวมากแค่ไหนจนมาได้ยินคำพูดนี้จากปากของแทยอน
มันเหมือนกับว่าเขาพรากความสุขจากคนตัวเล็กไปและกักขังเธอไว้ในห้องมืด ๆ
ไม่ให้เจอกับความสุขอีก
“ ขอโทษนะแทยอน ขอโทษที่ฉันเห็นแก่ตัวจนทำให้เธอไม่มีความสุข ”
“
ถ้าการเห็นแก่ตัวของรุ่นพี่หมายถึงการที่รุ่นพี่มาอยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้
รุ่นพี่ก็อย่าขอโทษเลยค่ะ เพราะมันทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าทุกข์ซะอีก ”
“ ... ”
“ ก็บอกแล้วไงคะ ว่าฉันน่ะรักรุ่นพี่... ”
*
เวลาสามโมงกว่า
ๆ ภายในห้องเรียนที่แสนจะน่าเบื่อ หน้าห้องเรียนมีหญิงสาววัยกลางคนกำลังบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โลกครั้งที่สองซึ่งเป็นวิชาเสริมที่แทยอนลงเรียนพร้อม
ๆ กับเซฮุน ใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยตามอายุกำลังแสดงสีหน้าเคร่งเครียดเกี่ยวกับการบรรยายในครั้งนี้
มีนักเรียนบางส่วนที่ฟุบหน้าลงไปนอนกับโต๊ะเพราะอาการเบื่อเต็มทนในขณะที่มีบางส่วนกำลังตั้งหน้าตั้งตาฟังที่อาจารย์พูดอย่างใจจดใจจ่อ
และแทยอนคือหนึ่งในกลุ่มคนที่ฟุบลงกับโต๊ะเพราะความเบื่อหน่ายในวิชาที่เรียน
ดูเหมือนว่าอะไร ๆ จะไม่เข้าหัวเธอเลยสักอย่างถึงจะฟังที่อาจารย์สอนไปก็เท่านั้น...ทุกอย่างมันว่างเปล่าและเคว้งคว้างไปหมดตั้งแต่เมื่อเช้าที่เผลอไปสารภาพจนหมดเปลือกว่ารู้สึกยังไงกับเขาเพราะใจที่ไม่เต็มร้อย
ดวงตาคมจ้องมองสร้อยข้อมือสีม่วงอ่อนที่ถูกสวมในข้อมือ
เมื่อก่อนมันคือสร้อยสีเงินที่สลักชื่อหย่อของใครบางคนเอาไว้แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ของเธออีกต่อไปแล้ว
ยอมรับว่าใจหายแต่มันก็คงดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเพราะอย่างน้อย ๆ
การบบอกความรู้สึกทั้งหมดออกไว้ก็ยังดีกว่าค้างคาไว้ในหัวใจแล้วไม่ได้บอก
" แทยอน... "
เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นหลังใบหูทำให้ร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งตัว แทยอนหันขวับกลับไปมองต้นตอของเสียงก็พบกับใบหน้าหล่อคมคายของเพื่อนหนุ่มที่กำลังมองเธอด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้เหมือนกับทุก
ๆ ทีนั่นแหละ ไม่มีใครเดาใจเขาออกหรอกว่าจะมาด้วยอารมณ์แบบไหน...คนอะไรเดาใจยากจริง
ๆ
" หืม? "
" ทำไมไม่ฟังที่อาจารย์สอนล่ะ "
เซฮุนเอ่ยบอกเพื่อนตัวเล็กด้วยความหวังดี แต่อันที่จริงแล้วเขากำลังหาเรื่องคุยกับเธอต่างหากล่ะ
เพราะเขาไม่อยากให้เธอคิดมาก ยิ่งเห็นแทยอนเงียบ ๆ ซึม ๆ แบบนี้เขาก็ยิ่งไม่สบายใจเพราะที่เธอเงียบไปแน่นอนว่าต้องมีเรื่องร้อยแปดที่เธอคิดอยู่ข้างในแน่นอน
ไหนจะเรื่องรอยฟกซ้ำที่ใบหน้าและลำตัวอีกมันยิ่งทำให้คนอื่นเขามองแทยอนผิดไปกันใหญ่
" เบื่อ... "
" แล้วเอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ แบบนี้เนี่ยนะ...สนุกมากเลย?
"
" ก็ดีกว่านั่งหลังตรง อกผายไหล่พึงหน้าชื่นตาบานฟังสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนล่ะหน่า
เรียนอะไรหนักหนาก็ไม่รู้ ฉันไม่น่าลงเรียนวิชานี้เลยให้ตายสิ เกิดเป็นครูทั้งทีสอนอะไรที่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวันหน่อยสิ
ดูสอนแต่ละอย่างเข้า ทำเหมือนนักเรียนเป็นสายเลือดไอสไตล์อย่างงั้นแหละ
ใครจะจำได้หมด...ถามจริงตอนฉันสมัครงานที่ไหนมีใครเขาถามมั้ยว่าเกาหลีใต้ได้รับเอกราชปีไหน
หรือสูตรหามวลสารของน้ำคืออะไร "
แทยอนบ่นยาวเยียดโดยไม่สนใจอาจารย์ที่กำลังสอนเลยสักนิด...ก็นะเธอไม่ใช่เด็กดีโลกสวยอะไรมากมายที่จะต้องน้อมรับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตด้วยความยินดี
มันก็ต้องมีรำคาญบ้างเบื่อบ้างอะไรก็ว่าไปตามกัน โดยเฉพาะเรื่องเรียน ทั้งที่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไรมากมายแต่เกรดที่ออกมาก็ไม่เคยผิดหวังเลยสักครั้ง...เรียนบ้างเล่นบ้างว่ากันไปตามประสา
พอไม่ได้ดั่งใจก็บ่นให้โลกได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของการเรียน
" บ่นเป็นคนแก่เลยนะ "
“ ก็ดูสิ่งที่อาจารย์สอนสิ ไม่แปลกใจเลยที่วิชานี้มีคนเรียนแค่สิบคน ”
เซฮุนเผลอยิ้มออกมาพรางส่ายหน้าให้กับความน่ารักของคนตัวเล็ก แทยอนก็เป็นซะแบบนี้ไงใครต่อใครถึงได้หลงรักในความหลากหลายของเธอ
รวมถึงตัวเขาด้วย เมื่อย้อนนึกถึงวันแรกที่เจอกันมันช่างน่าตลกเหลือเกินที่เขาไม่ได้สนใจอะไรเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
มีเพียงชานยอลเท่านั้นที่ดูกระตือรือร้นเกินงาม แต่ดูตอนนี้สิกลับกลายเป็นเขาซะเองที่เผลอใจให้เธอไปทั้งใจ
โชคชะตามักจะเล่นตลกกับหัวใจของคนเราเสมอแหละ โดยเฉพาะหัวใจด้าน ๆ ของผู้ชายอย่างโอ
เซฮุน ในตอนแรกเขารักยุนอา ยุนอาก็รักแบคฮยอนพอตอนนี้เขารักแทยอน แทยอนกลับไม่เคยมองเห็นมัน
แถมยังมองข้ามความรักนั่นอยู่เสมอ จะดูเห็นแก่ตัวมากมั้ยถ้าเขาอยากจะทำให้แทยอนลืมแบคฮยอนไปซะแล้วมาเริ่มต้นใหม่กับเขา
แต่เมื่อนึกถึงความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำระหว่างเขาและเธอมาไกลที่สุดได้แค่คำว่า'เพื่อน'
เท่านั้น...เพราะกำแพงที่แทยอนสร้างขึ้นมาปิดกั้นหัวใจของเธอเอาไว้มันทั้งสูงและก็หนาเกินกว่าที่เขาจะทำลายมันได้แต่ในขณะเดียวกันแทยอนกลับทำลายกำแพงในจิตใจของเขาออกที่ละน้อยจนไม่พังไม่มีชิ้นดี
ดวงตาคมลอบมองเสี้ยวหน้าสวยหวานที่ฟุบลงไปกับโต๊ะตามเดิม ใบหน้าหล่อคมคายที่มีเพียงความเรียบเฉยจ้องมองเธออยู่นานจนไม่สนใจในสิ่งที่ครูบรรยายเลยว่ามันจะสำคัญแค่ไหน
จริงของแทยอนการฟังสิ่งที่ครูพล่ามออกมามันดูน่าเบื่อมากเลยล่ะถ้าเทียบกับการนั่งมองคนข้าง
ๆ
เวลาที่ได้มองดูแทยอนทีไรภายในจิตใจของเขามันมักจะเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
มันสั่นแปลก ๆ ทั้งที่มันเต้นเร็วกว่าปกติแต่เขากลับรู้สึกว่าหัวใจเต้นช้าลง ใบหน้าสวยหวานเหมือนกับว่าแฝงไปด้วยมนต์สะกดที่เมื่อได้มองแล้วไม่อาจละสายตาได้
" แทยอน ขอถามอะไรหน่อยสิ "
" อะไรหรอ? "
" ความรักคืออะไร? "
" บอกไปนายก็ไม่เข้าใจหรอก นายต้องลองมีเองนายถึงจะรู้ความหมายของมัน
" แทยอนตอบตำถามด้วยสีหน้ามุ่งมั่น แต่มันก็น่าแปลกไม่น้อยที่โอ
เซฮุนตั้งคำถามแบบนี้ขึ้นมา
ความรักน่ะเหรอ?
ไม่รู้สิมันเป็นความรู้สึกที่ไม่ว่าจะอธิบายยังไงก็ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจแจ่มแจ้งได้
แม้จะใช้คำพูดเป็นร้อยพันเพื่อเอามาขยายความคำว่ารักคำเดียวมันก็คงจะบอกไม่ถูก...แต่ถ้าหากว่าใครได้มีมัน
เพียงแค่พูดว่ารักคำเดียวก็เข้าใจแล้วล่ะ เพราะโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์เราทุกคนต้องมีความรักกันทั้งนั้น
ไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกที่จะใช้ชีวิตโดยปราศจากความรักได้หรอกแต่เพราะคำว่ารักไม่ใช่สิ่งสวยงามเสมอในบางครั้งมันก็สร้างความเสียใจและความเจ็บปวดมากมายให้กับคนที่มีมัน
ถ้าไม่มีความรักโลกใบนี้ก็คงจะขาดสีสันคงจะดูว่างเปล่าไปมากจนนึกภาพไม่ออกกันเลยทีเดียว
" มันคือการที่เรามีความสุขทุกครั้งเวลาที่เห็นรอยยิ้มของเขาไหม
แล้วก็เสียใจทุกครั้งที่เห็นเขาบอกรักใครใช่ไหม รู้สึกเจ็บปวดตาม เวลาที่เห็นน้ำตาของเขาแบบนั้นใช่หรือเปล่า
ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุขแบบนี้ก็เป็นใช่ไหม และที่สำคัญคือการที่ให้เขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดแบบนี้เรียกว่ารักได้ไหม?
"
แทยอนขมวดคิ้วเข้าหากันมองคนข้าง ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าคำพูดพวกนี้จะหลุดออกมาจากปากของเขาจริง
ๆ ร่างบางจ้องมองหน้าคมตาไม่กระพิบและใบหน้านั่นก็เรียบเฉยเหลือเกินจนยากจะเชื่อว่าเขาเป็นคนตั้งคำถามพวกนั้นออกมา
ถ้าเซฮุนยิ้มสักหน่อยเธอก็คงจะเชื่อมากกว่านี้แต่นี่อะไรทำหน้าตายซะเหมือนคนอมทุกข์แบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา
มือเรียวยกขึ้นไปทาบหน้าผากบนหน้าผากมนเพราะคิดว่าร่างสูงที่นั่งอยู่ข้าง
ๆ จะเกิดอาการเบลอเพราะพิษไข้หรือเปล่า แต่ก็ไม่ เซฮุนไม่ได้ตัวร้อนอย่างที่เธอคิด
" อะไร? "
" นายไม่สบายเหรอ? "
ร่างสูงส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนหันไปให้ความสนใจกับสิ่งที่อาจารย์สอยต่อ...อะไรกันแค่เขาพูดอะไรที่มันออกจะน้ำเน่านิด
ๆ แทยอนถึงกับไม่เชื่อหูตัวเองจนคิดว่าเขาบ้าไปแล้วเหรอ...ว่าแล้วว่าไอ้ความหวานของมนุษย์โลกเนี่ยมันไม่เหมาะกับคนอย่างเขาหรอก
คนอื่น ๆ ถึงได้ชอบมองว่าเขาเป็นพวกตายด้านไร้ความรู้สึกไง พอเวลาแสดงด้านอ่อนโยนไปถึงไม่ค่อยมีใครรับรู้ได้ถึงมัน
ไม่น่าเลย
" พูดความจริงก็หาว่าบ้าอีก...ไม่คุยด้วยแล้ว
"
ร่างสูงพึมพำเบา ๆ แต่คนข้าง ๆ กลับได้ยินมันเต็ม ๆ ทำให้รอยยิ้มเล็กปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยหวาน...มุมนี้ของเซฮุนก็น่ารักเหมือนกันนะ
เธออยากจะบอกเขาจริง ๆ เลยว่าอยากให้เขาลดความเย็นลงสักนิดและแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาสักหน่อยคงมีคนเข้าหาเขาเยอะกว่าเดิมแน่
ๆ จากที่ปกติรอบตัวเขาก็มีคนรุมล้อมอยู่แล้วถ้าเขาทำตัวอบอุ่นกว่าที่เป็นอยู่คงจะมีผู้หญิงรายล้อมเกาะติดเป็นเห็บมากกว่าเดิมแน่
ๆ
" ถ้านายชอบใครก็บอกฉันนะ. ถ้าฉันช่วยได้ฉันจะช่วย
"
" เธอช่วยฉันไม่ได้หรอก... เชื่อสิ...
"
*
เป็นการเตรียมความพร้อมในการสอบของชาวเนเวอร์แลนด์ทุกคนรวมทั้งแทยอนและคนอื่น
ๆ ต่างเดินออกจากความวุ่นวายและวางบทบาทนักธุรกิจลงแล้วกลับมาทำหน้าที่นักเรียนตามเดิม...การสอบสำหรับโรงเรียนนี้เป็นอะไรที่สำคัญและเคร่งครัดมากที่สุด
นักเรียนทุกคนที่อยู่ที่นี่นอกจากจะมีดีในเรื่องฐานะแล้วการเรียนและเกรดเฉลี่ยนั้นก็เป็นเรื่องที่พวกเขาคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
เวลาที่เริ่มขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ทำให้ทุกคนต่างหมกตัวอยู่แต่ในห้องสมุดและห้องของตัวเองเท่านั้น
และยิ่งเป็นคนที่เรียนไม่ค่อยทันเพื่อนเท่าไหร่อย่างแทยอนยิ่งต้องขยันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
เธอทุ้มเวลาทั้งหมดอยู่กับกองหนังสือที่ตั้งสูงเป็นเนินเขาเอเวอร์เลนส์ ไหนจะต้องทำงานให้ทันส่งอาจารย์ไหนจะเป็นการจดเลคเชอร์ที่เธอพลาดไปอีก
ส่วนแบคฮยอนและบรรดากลุ่มปีเตอร์แพนไลน์เองก็เช่นกันพวกเขาจำต้องติวหนักมากว่านักเรียนธรรมดาเป็นไหน
ๆ เพราะนอกจากเรียนแล้วพวกเขายังต้องดูแลโรงเรียนควบคู่กันไปด้วย ทั้งความคิดความอ่านนั้นพวกเขาดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ไปแล้วแม้จะด้วยวัยอายุเพียงเท่านี้แต่เมื่อเทียบกับความสามารถนั้นถือว่าพวกเขาจัดได้ว่าเก่งพอสมควร
เด็กหนุ่มร่างสูงยืนพิงฝามองพี่ชายต่างสายเลือดที่เอาแต่นั่งหน้าเครียดอยู่บนโต๊ะทำงานทั้งวัน
ข้าวปลาไม่ยอมกิน วัน ๆ เอาแต่อยู่กับหนังสือพวกนี้ไม่ออกไปพบใครเสียจนน่าเป็นห่วง...แบคฮยอนนั่งอยู่แบบนี้ทั้งวัน
ใคร ๆ ต่างก็มองว่าเขาอ่านหนังสือหรือไม่ก็จัดเตรียมข้อมูลสำคัญสำหรับงานโรงเรียนที่กำลังจะมาถึง
แต่ไม่เลยถึงเขาจะนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือ มันก็ไม่เข้าหัวของเขาเลยสักนิด
สิ่งที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกของเขาก็คือเรื่องของผู้หญิงคนนั้น...เขาไม่รู้ว่าทำไมแทนที่ความสัมพันธ์มันน่าจะดีขึ้น
แต่มันกลับยิ่งว่างเปล่าและสับสนมากขึ้นกว่าเดิม ทำไมการบอกความในใจในวันนั้นถึงไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเลย
ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้...คำถามมากมายผุดขึ้นมาเต็มหัวของแบคฮยอน ทำให้เขารีบสบัดหัวไล่ความคิดที่ทำลายการอ่านหนังสือของเขามาตลอดหลายวันมานี้
" ถ้าพี่ไม่ไหว... พี่ก็พักเถอะครับ "
เสียงทุ้มต่ำของเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องทำให้แบคฮยอนหันไปมองต้นตอของเสียง...เซฮุนที่ยืนพิงพนังห่างจากตัวเขาไม่มากแต่เขากลับไม่รู้เลยว่าน้องชายเข้ามาตอนไหน
เมื่อไหร่ ยังไง หรือว่าเขาจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของแทยอนเกินไป
แบคฮยอนเอี้ยวตัวกลับไปมองเซฮุน ก่อนที่ผู้เป็นน้องจะเดินเข้ามาใกล้พี่ชาย
เซฮุนมองแบคฮยอนด้วยแววตาที่แสนจะห่วง ก็เพราะตอนนี้พี่ชายของเขาไม่ต่างอะไรกับซากศพเดินได้เลยสักนิดเดียว
สภาพที่แสนจะทรุดโทรมขอบตาคล้ำก่ำใบหน้าที่แสนจะโรยแรงทำให้หมดความหล่อไปซะสนิท...มือหยาบกร้านเอื้อมไปตบบ่าให้กำลังใจผู้เป็นพี่สองสามทีเพื่อเป็นการให้กำลังใจและจะสื่อเป็นนัย
ๆ ว่าต้องการให้เขาพักผ่อน แต่ดูเหมือนแบคฮยอนจะไม่ยอมเข้าใจมันเอาเสียเลย
" เข้ามาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย "
“ ผมเข้ามาตั้งนานแล้วครับ... แต่พี่ไม่สนใจผมเอง ”
เด็กหนุ่มพูดติดตลกก่อนจะเดินไปนั่งตรงเกาอี้ข้าง ๆ แบคฮยอนด้วยท่าทีสบาย ๆ
ราวกับว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาซะเอง
ก่อนที่เซฮุนจะพุ่งเป้าไปที่ประเด็นสำคัญที่ทำให้เขาพาตัวเองมาถึงที่นี้ “
เกิดอะไรขึ้นกับแทยอนครับ...ทำไมแทยอนถึงได้รับบาดเจ็บ ”
คำพูดของเซฮุนทำให้แบคฮยอนชะงักเล็กน้อย
แต่ก็เป็นไปตามคาดเขาไม่เคยคิดอะไรผิดเพี้ยนไปเลยสักนิดเซฮุนมีความรู้สึกดี ๆ
ให้แทยอนและนั่นมันก็หมายความว่าเซฮุนจะพยายามแทนที่เขาทุกเมื่อเมื่อมีโอกาส
เป็นเพราะอยู่ด้วยกันเลยทำให้รู้ว่าน้องชายคนนี้มันเป็นคนยังไงเซฮุนไม่ใช่คนที่จะตกหลุมรักใครง่าย
ๆ
อาจจะถึงขั้นเป็นพวกไม่มีหัวใจเลยด้วยซ้ำและโดยปกติแล้วเซฮุนเองเป็นพวกหลายบุคลิก
มีหลากอารมณ์และเข้าถึงแก่นแท้ของจิตใจยาก
เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าเซฮุนคิดอะไรอยู่แต่เมื่อไหร่ที่เซฮุนมีความรักอนุภาคของมันก็จะทำให้
คนอื่นมองเห็นหัวใจด้าชาของเซฮุนได้ชัดขึ้น
อย่างเช่นตอนนี้...
“ พี่จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ทำไมไม่ถามเจ้าตัวเอาเองล่ะ ก็เจอหน้ากันอยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ?
”
“ ผมถามเธอแล้ว แต่แทยอนไม่ยอมบอกผม
และผมรู้ว่าพี่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ”
“ พี่ไม่รู้
เรื่องของพี่กับแทยอนมันจบไปนานแล้วมันไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยวกันอีก...วันนั้นที่งานหมั้นพี่ก็บอกกับนายไปแล้วหนิ
จำไม่ได้หรือไง ”
แบคฮยอนตอบหน้าตายพรางหยิบแฟ้มนู่นนี่ในโต๊ะขึ้นมาดูเพื่อที่จะได้ไม่ต้องสบตากับแววตาเกรี้ยวกราดของเซฮุน
เขามีเหตุผลที่จำเป็นจะต้องพูดแบบนั้นเหตุผลที่เขาเองก็ไม่ค่อยจะชอบมันสักเท่าไหร่เพราะเป็นสิ่งที่เขาค่อนข้างไม่อยากให้เกิดขึ้น
“ ผมจำได้...แต่ผมแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
เพราะผมพึ่งรู้มาว่าพี่ไล่นักเรียนชั้นปีสามที่ชื่อแดซองออก แล้วก็เมื่อคืนก่อนคัง
มินฮยอกเพื่อนร่วมห้องผมโดนตีหัวแตกตรงริมทางเดินกลับหอพระจันท์ แล้วเมื่อวานนี้
ก่อนเลิกเรียนผมยังเห็นแทยอนดี ๆ อยู่เลย เช้ามาก็มีรอยฟช้ำเต็มตัวไปหมด ”
“ นายก็เลยโยงเรื่องพวกนี้เข้าหากันงั้นเหรอ
นายเป็นทายาทนักธุรกิจนะเซฮุน ไม่ใช่นักสืบ เรื่องบางเรื่องเนี่ย บางทีนายก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก
แล้วที่พี่ไล่ไอ้แดซองออกก็เพราะอย่างที่รู้กันดี
มันทำผิดต่อโรงเรียนหลายต่อหลายรอบแล้ว พี่จำเป็นต้องไล่มันไป
จะได้ไม่เป็นแบบอย่างนักเรียนคนอื่น ๆ ส่วนเรื่องของแทยอน พี่ไม่รู้... ”
“ พี่เคยเรียกแทยอนว่าผู้หญิงของพี่ มันเป็นไปได้เหรอที่พี่จะไม่สั่งให้คนคอยตามแทยอน
มันเป็นไปได้เหรอที่พี่จะเลิกหยุ่งกับเธอเพียงเพราะพี่ผ่านพิธีหมั้นกับพี่ยุนอาแล้ว
ผมไม่เชื่อหรอก ”
“ แกจะเอายังไงกับฉันกันแน่เซฮุน
ตกลงแกอยากจะให้ฉันหยุ่งหรือไม่หยุ่งกับแทยอน... ”
“ ผมจะไม่ว่าอะไรเลยสักคำถ้าคนที่แทยอนรักคือผม แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่
พี่ก็น่าจะรู้ดี ที่ผมขอให้เลิกหยุ่งกับเธอก็เพื่อตัวแทยอนเองจะได้มีความสุข ”
“ แล้วไง ทุกวันนี้แทยอนมีความสุขดีไหมล่ะ ”
“ จะให้มีความสุขได้ยังไง ก็เธอรักพี่อ่ะ
คนรักกันแยกกันอยู่มันจะมีความสุขได้ยังไง ”
“ พูดจบแล้วใช่ไหม ถ้าพูดจบก็เชิญประตูอยู่ตรงนั้น...แต่ก่อนไปฉันขอพูดอะไรกับนายหน่อย
ใช่! ฉันรู้ว่าแทยอนรักฉัน ฉันเองก็รักแทยอน แต่นายจะให้ฉันทำยังไง
ฉันหมั้นไปแล้วหนิ ไหนลองบอกฉันมาสิว่าจะให้ฉันทำยังไง พาแทยอนหนีเหรอ?
หนีไปไหนล่ะ ฉันก็อยากจะให้แทยอนมีความสุข แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะทำยังไง
ฉันไม่รู้จริง ๆ ”
แบคฮยอนพูดเสียงอ่อน
เขาเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้วแต่ก็กลั้นเอาไว้ได้
แบคฮยอนเสมองไปทางอื่นเพื่อปกปิดแววตาอันแสนเจ็บปวดของตัวเอง
เขาไม่อยากให้เซฮุนรู้เพราะว่าไม่อยากทำร้ายน้องแต่ความจริงมันมักจะทำร้ายทุกคนเสมอ
ไม่มีใครหนีความจริงพ้นแม้แต่เขาเองก็เถอะทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับความเจ็บปวดที่เขาเป็นคนก่อเองกับมืออย่างไม่ต่อว่าหรือก่นด่าสักคำ
“ เรื่องมันจะไม่เป็นแบบนี้เลย ถ้าพี่ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นตั้งแต่แรก...
จำเอาไว้เลยนะครับว่ามันเป็นความผิดของพี่ ไม่ใช่ของใครอื่น ”
เซฮุนเดินฟึดฟัดออกไปจากห้องของแบคฮยอน
ไม่ทะเลาะก็เหมือนทะเลาะเพราะในใจของเขาตอนนี้มันร้อนรุ่มไปหมด
มันเต็มไปด้วยความกลัวและกังวลปะปนกันไป...เสียงประตูปิดที่ดังแรงพอสมควรทำให้แบคฮอยนรับรู้ว่าน้องชายของเขาออกไปแล้ว
ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือหนาเลือนมาเสยกลุ่มผมอย่างคนมีความคิด
“ แล้วนายคิดว่าฉันอากให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้หรอเซฮุน
ฉันเหมือนคนที่มีความสุขมากหรือไง ”
ความคิดเห็น