ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Windows of Heart { WonKyu}

    ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER : 8

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 55











    “สวัสดีครับ ผมชื่อ..โจคยูฮยอน ..ครับ”






    บรรยากาศแสนอึดอัดทำให้คยูฮยอนอยากจะเปลี่ยนใจเดบิวต์เดี่ยวเสียให้ได้ หลังจากการทักทายครั้งแรกในห้องประชุมของบริษัทมีเพียงเสียงตอบรับอือๆออๆจากรุ่นพี่ซุปเปอร์จูเนียร์ไม่กี่คน ที่ร้ายกาจที่สุดคือไม่แม้แต่จะหันมามองหน้า


    อนาคตนักร้องของผมคงต้องจบลงแล้วละมั้ง




    “ชื่อโจคยูฮยอนเหรอเรา อายุเท่าไหร่ล่ะฮึ?” เสียงนุ่มทุ่มเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มบนในหน้า ผมเงยหน้ามองต้นเสียง ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรที่สาวๆเกินค่อนเมืองกำลังคลั่งไคล้’ชเวซีวอน’นั่นเองที่เอ่ยทักผมคนแรก


    “สะ..สิบแปดครับรุ่นพี่ซีวอน”


    “เก่งจังนะ อายุเท่านี้ก็ได้เดบิวต์เลย” เสียงค่อนขอดจากรุ่นพี่ตัวโต อืม..รุ่นพี่คังอินล่ะมั้ง ในใจอยากจะตอกกลับไปให้เจ็บแสบ แต่เลือกสงบปากสงบคำก้มหน้าจนเกือบติดอก



    “ทำไมพูดกับน้องแบบนั้นล่ะยองอุนฮยอง เหรอ..คยูฮยอนสินะ ยินดีต้อนรับสู่ซุปเปอร์จูเนียร์นะ” ซีวอนฮยองยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน




    ตอนนั้นคิดแค่เพียงว่า ...ถ้ารอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนเป็นของผมคนเดียวก็คงจะดี











    ผมนอนลืมตาในความมืดมาเกือบชั่วโมงแล้ว ความฝันเมื่อครั้งวัยเยาว์ยังคงวนเวียนอยู่ในจิตสำนึกให้ผมตระหนักว่าผมรู้สึกแบบใดกับซีวอน

    ตั้งแต่เมื่อไหร่นะที่ผมทำลายมิตรภาพของพวกเราลงด้วยคำง่ายๆว่า “ชอบ” น่ะ
    บนเตียงของผมมีฮีชอลฮยองนอนข้างๆในมือยังคงกำโทรศัพท์ไว้แน่น ผมรู้สึกดีใจนะที่ฮยองเป็นห่วงขนาดนี้ แต่ให้ผู้ชายนอนเบียดกันบนเตียงเล็กๆคงไม่ไหวแน่ ผมขยับตัวลุกจากเตียงอย่างเงียบเชียบเพราะเดี๋ยวฮีชอลฮยองจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน คว้าหมอนมารองใต้คอก่อนจะค่อยๆหยิบไอโฟนสี่กรอบสีแดงออกจากมือเจ้าตัว


    ไฟ LED หน้าจอสว่างวาบเตือนว่ามีข้อความเข่า ผมหยีตาลงเพราะแสงสว่างวาบไม่ทันตั้งตัว เมสเสจเข้าจาก’มาชิมาโระ’ขณะกำลังลังเลว่าจะปลุกฮีชอลฮยองดีไหม แต่ข้อความที่สองก็เข้ามาติดๆด้วยคนส่งคนเดียวกัน

    ในใจกำลังร้องห้ามไม่ให้ละลายละล้วงเรื่องส่วนตัวของฮีชอลฮยอง แต่สองมือกลับเลื่อนเปิดอ่านโดยไม่ทันไตร่ตรอง



    “ฮยองครับ ผมเองก็ไม่รู้ควรจะทำยังไงเหมือนกัน น้องชอบผม แต่ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับน้องเลย”

    “ผมมีสเตลล่าอยู่เลย ผมไม่สามารถทรยศเธอได้พอๆกับที่ผมไม่สามารถหักน้ำใจคยูฮยอนได้เหมือนกัน”

    พลันข้อความที่สามก็แสดงเตือนบนหน้าจอ

    “ผม..อยากให้น้องไปรักคนอื่น ผมยังอยากเป็นพี่ชายของน้องต่อไปครับ...”







    “ทำอะไรน่ะคยู เอาโทรศัพท์ฮยองคืนมาเร็ว” ฮีชอลฮยองคว้าไอโฟนออกไปทันที ก่อนจะไล่สายตาอ่านข้อความทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

    “ผะ..ผมไปเข้าห้องน้ำนะครับ”

    “เฮ้ยคยู...เดี๋ยวก่อนดิ”

    “ผมสัญญาฮยอง ผมจะไม่ร้องไห้ นี่ไงดูๆ ผมร้องที่ไหน ....จริงๆผมชินแล้วมากกว่าน่ะครับ ฮ่ะๆ” ช่างเป็นเสียงหัวเราะที่ฝืดเฝือเหลือเกิน


    ผมลากสังขารออกจากห้องน้ำอย่างเชื่องช้าก่อนจะทรุดนั่งบนโซฟากลางห้องในความมืดมิด มือสองข้างสั่นเทาเกินควบคุม แบบนั้นเหรอ ... พี่น้องเองน่ะเหรอที่ผมได้จากฮยอง



    ความจริงผมควรจะชินได้ตั้งนานแล้ว ฐานะของพวกเราไม่มีอะไรพิเศษไปมากกว่านั้น ทุกอ้อมกอดหรือแม้แต่จูบก็เป็นสิ่งที่พี่ชายคนนึงทำเพื่อปลอบประโลมน้องชาย ...แบบนั้นสินะ
    ผมกลายเป็นคน”อะไรก็ได้”นานแค่ไหนแล้วสำหรับซีวอนนะ ฮึ..

    ผมยิ้มให้กับตัวเองที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังเป็นแบบนี้ รู้ว่ามันอาจจะเจ็บปวดแสนสาหัสหากในใจกลับไม่สามารถทัดทานต่อความรู้สักนั้นได้เลย










    ถึงหัวใจของผมจะเจ็บปวดผมก็จะเก็บไว้ หากเป็นคุณละก็ ..ไม่เป็นไรหรอก ..อ้าวคยูฮยอนตื่นไวจังนะ” ผมหันไปตามเสียงทักก่อนจะยิ้มให้พี่อีทึกที่ตื่นขึ้นมาอารมณ์ดีฮัมเพลงแต่เช้า นี่ผมนั่งตรงนี้ไปนานเท่าไหร่แล้ว ไม่รู้สึกตัวเลย .. จนได้ยินเนื้อเพลงท่อนนี้สะท้อนก้องในหัว



    ผมคงจะเป็นแบบนั้นล่ะมั้ง ...



    “ใกล้จะสิ้นปีแล้ว จะได้หยุดยาวๆกันสักที วางแผนจะไปหนรึเปล่าไอ้แสบ” อีทึกฮยองเดินเข้ามานั่งข้างๆก่อนจะยีหัวผมแรงๆผมเพียงปัดมือฮยองออกและส่ายหน้าไปมาอย่างเคย

    “ไปเที่ยวกับฮยองไหม?” เสนอขึ้นมาอย่างใจดีทำให้คยูฮยอนรู้สึกตื้นตันข้างใน ฮยองทุกคนมีวิธีแสดงออกความเป็นห่วงไม่เหมือนกัน แต่ผมรู้ดี ..คนที่ห่วงผมที่สุดคืออีทึกฮยองเนี่ยแหละ

    “แล้วผมจะไปเป็นก้างขวางคอฮยองกับแทยอนทำไมล่ะครับ? ขอบายล่ะ ผมไปเที่ยวคนเดียวดีกว่า”

    “ตามใจ ว่าแต่จะไปไหนน่ะ? ครั้งที่แล้วก็ไปญี่ปุ่นคนเดียวนี่นา จู่ๆไปปุ๊ปปั๊ป พวกเราตกใจกันหมด”
    “ก็ .. ญี่ปุ่นนั่นและครับ อยากไปโอกินาว่า”

    “แต่ตอนนี้ญี่ปุ่นก็หนาวไม่แพ้บ้านเรานะคยูจะไปจริงเหรอ”

    “ครับ..”


    ผมพูดออกไปอย่างงั้นเอง จริงๆผมไม่แผนจะไปไหนเลยในหัว วันหยุดยาวผมคิดว่าจะเข้าบริษัทไปอัดเสียงในท่อนของผม ทำงานให้ลืมทุกสิ่งทุกอย่างจะได้ไม่ต้องคิดมากแบบนี้




    RRRRRRRRRRRRRRRRRR




    “โทรศัพท์ดังแน่ะ รับสิ ฮยองไม่กวนแล้ว”

    “อ่า..ครับ”

    หน้าจอโทรศัพท์แสดงชื่อคนโทรเข้าที่คุ้นเคย ผมสูดลมหายใจลึกก่อนจะกลั้นใจรับ

    “อืม” น้ำเสียงผมจะปกติหรือเปล่า? แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้วล่ะ..

    “คยูฮยอนอปป้า~” สำเนียงเกาหลีแปร่งๆดังตามสาย วิคตอเรียโทรหาผมตั้งแต่เช้าคงมีเรื่องเดียวคือเล่าว่าเมื่อคืนเธอไปดื่มมาที่ไหนสักแห่งแล้วจบลงด้วยเธอคอแข็งที่สุดอย่างที่เล่าประจำอย่างเคย

    “อืม..ว่ามาสิอปป้าฟังอยู่” คิดแล้วก็ขำดี ตอนวิคตอเรียมาเป็นเด็กฝึกหัดเธอโค้งให้พวกผมทุกคนและเรียกทุกคนว่าอปป้าโดยที่เธอไม่รู้ตัวว่าผมอายุน้อยกว่าเธอด้วยซ้ำไป ทุกครั้งเวลาเจอหน้ากันในบริษัทผมเลยแซวไปตามประสา
    เป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมหัวเราะได้เต็มเสียงและสบายใจเมื่ออยู่ใกล้จริงๆ...


    “เสียงไม่สู้ดีเลย คืนนี้มีคอนเสิร์ตชิคคยองอปป้า ไปกันไหมคะ?”

    “รุ่นพี่ชิคยองเหรอ ไปสิๆ ชวนชางมินไปด้วย”

    “แต่ฉันอยากไปกับอปป้าสองคน ...”

    “วิคตอเรีย....”



    ผมรู้ดีว่าเธอคิดยังไงกับผม ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้เรียกว่าความรักหรืออะไรที่เกินกว่านั้นได้ไหม ในใจผมเอาแต่เรียกร้องให้เป็นซีวอนตลอดเวลา ..แต่ซีวอนล่ะ...จะมีสักนาทีไหมนะที่คิดเรื่องของผมบ้าง
    เพียงนาทีเดียวจาก 24 ชั่วโมง ..ขอให้คิดถึงผมบ้างจะดูเห็นแก่ตัวไปไหมนะ?

    “วางก่อนล่ะ อย่าลืมโทรไปชวนชางมินนะ คืนนี้เจอกัน” ผมตัดสายทันทีโดยไม่ทันได้ฟังประโยคต่อจากนั้นของเธอ ตอนนี้รอบตัวดูเหมือนจะหนักอึ้งเหลือเกิน


    “คยูฮยอน” ฮีชอลฮยองเรียกชื่อผมด้วยท่าทางเครียดก่อนจะขยับเข้ามานั่งแทนที่อีทึกฮยองเมื่อครู่

    “ฮยอง ว่าไงครับ”

    “เห็นข้อความแล้วใช่ไหม?”

    “ขะ..ข้อความไหนครับ? ไม่เห็นเลย”

    “อย่าโกหกเลย ขอโทษนะ.. ขอโทษที่ทำให้นายรู้ด้วยวิธีที่โหดร้ายแบบนี้”

    “ไม่ใช่ความผิดฮยองเลย ผมไปยุ่งกับโทรศัพท์ของฮยองเองตั้งหาก”

    “...อยากร้องไห้ไหม? ฉันอนุญาตให้นายยืมไหล่ของฉัน เป็นเกีรยติแก่ชีวิตนายมากๆนะ”

    “ขอบคุณครับ” ผมพิงบนไหล่เล็กๆนั่น น่าแปลกเหลือเกิน เมื่อคืน .. เมื่อชั่วโมงก่อน เมื่อนาทีที่แล้ว ทำไมผมถึงไม่ร้องไห้นะ ความอบอุ่นผ่านมือบางที่กำลังตบเบาบนบ่า ผมกำเสื้อของฮีชอลฮยองแน่น...
    น้ำตามากมายไหลมากองบนบ่าเล็กนั่นก่อนจะซึมเข้าเนื้อผ้าหายไป ...


    ฮีชอลมองน้องชายที่กำลังร้องไห้ ..ไม่สิ ไม่ใช่ร้องไห้เป็นเพียงหยดน้ำตามากมายที่ไหลออกมาไม่รู้จบ ร่างกายของคยูฮยอนสะท้านจนน่าสงสาร ทำไมถึงต้องคอยแบกอะไรไว้มากมายขนาดนี้ด้วยนะ



    “ร้องเถอะนะคยูถ้าทำให้นายสบายใจขึ้น ฮยองขอโทษ”










    ชางมินขับรถมารับผมที่หอก่อนจะวนไปรับวิคตอเรียอีกรอบ ชางมินขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นขอบตาบวมช้ำของผม ตลอดทางนั่นพวกเราเงียบกันทั้งหมด ต่างคนต่างมีเรื่องวนเวียนในหัว เรื่องที่ไม่สามารถสลัดออกได้...


    “ถึงแล้ว เอาอะไรร้อนๆหน่อยไหม? กลางคืนแถวนี้อากาศหนาวเชียว”

    “ฉันไปซื้อให้เอง นายอยู่กับวิคตอเรียเถอะ” ชางมินลงจากรถไปเหลือเพียงผมกับวิคตอเรียกันเพียงสองคน เสียงเพลงคลอจากวิทยุผ่อนคลายบรรยากาศน่าอึดอัดระหว่างเราสองคนได้เยอะเลย

    “แค่ก แค่ก แค่ก” เสียงไอดังจากด้านหลังเบาะรถ ผมอดหันไปมองไม่ได้ก่อนจะถอดผ้าพันคอสีเขียวเข้มแล้วยื่นให้เธอ

    “อปป้าเก็บไว้เถอะ เป็นนักร้องต้องรักษาเสียงนะ ฉันคอแห้งนิดเดียวเอง เดี๋ยวได้ดื่มอะไรร้อนๆก็หาย”

    “เอาไปเถอะ เธอเป็นผู้หญิงมาสละให้ผู้ชายอย่างฉันได้ยังไง”

    “ขอบใจนะ...” วิคตอเรียรับผ้าพันคอผืนสีเขียวก่อนจะหยิบมาพันรอบคอและยิ้มให้ผมหนึ่งที ผมเพียงยิ้มกลับบางๆก่อนจะหยิบผ้าพันคือสีขาวเกลี้ยงอีกผืนที่นอนอยู่ก้นกระเป๋ามาใช้




    “แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก” ผมไออย่างหนักเพราะอากาศแห้งๆรอบตัว ไม่น่าเลยจริงๆ ไม่น่าลืมหยิบผ้าพันคอออกมาด้วยเลย ริมระเบียงบนหอของพวกเราอากาศเย็นเกินไปแล้ว

    พลันความรู้สึกอุ่นวาบก็แล่นผ่านผ้าพันคอผืนหนาสีขาวสนิท ผมเงยหน้าซีวอนที่กำลังยิ้มให้ผมก่อนจะค่อยๆจัดรูปร่างของผ้าพันคอ เราอยู่ใกล้ ..ใกล้เสียจนสัมผัสถึงไอสีขาวรอบจมูก..
    วันนั้นที่อากาศเย็นจับขั้วหัวใจในเดือนสิบสอง ริมระเบียงหอพัก กระป๋องเบียร์มากมายที่กองอยู่ด้านข้าง ผมกับซีวอนจ้องตากันเนิ่นนาน เป็นผมเองที่ปิดเปลือกตาลงก่อน ... ถัดจากนั้นสัมผัสอุ่นวาบที่คอเปลี่ยนเป็นความนุ่มหยุ่นบนริมฝีปากที่ไม่อาจลืมเลือน

    จูบแรกของเราสองคนในคืนหนาวธรรมดาที่ไม่อาจลืมเลือน ...





    “อ๊ะ กาแฟร้อน รับไปสิคยู เหม่ออยู่นั่นและ” ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อชางมินยืนแก้วกาแฟร้อนๆตรงหน้า ผมรับมาก่อนจะจิบเพื่อคลายความหนาว

    “อีกครึ่งชั่วโมงคอนเสิร์ตจะเริ่มจะเข้ากันเลยไหมพวกนายน่ะ?”

    “อ้ะ..อืมไปเถอะ อยู่ในรถนานๆเย็นชะมัด”


    ครืด..ครืด..ครืด...

    เมื่อมองสายเรียกเข้าที่ปรากฏบนหน้าจอ ผมเพียงกำโทรศัพท์แน่นก่อนจะส่ายหน้าและไล่ให้ทั้งสองคนเข้าไปก่อนผม...



    “เข้าไปก่อนเลย ขอคุยโทรศัพท์แปปนึง”

    “แต่คยู..เข้าไปคุยด้านในไม่ได้เหรอ ตรงนี้มันเย็นนะ”

    “ปล่อยมันเถอะวิค” ชางมินลากแขนวิคตอเรียให้เดินออกจากลานจอดรถ ผมยืนพิงประตูรถก่อนมองโทรศัพท์ที่เปลี่ยนเป็นมิสคอลล์ที่สาม


    ครืด..ครืด..ครืด...ครืด...ครืด


    สุดท้ายผมกดรับออกไป โทรศัพท์เย็นชืดแนบกับแก้มจนรู้สึกชาไปหมด ผมอยากให้บทสนทนาของเราจบเร็วๆสักที..

    “ครับฮยอง ผมวางก่อนได้ไหม? คอนเสิร์ตจะเริ่มแล้ว.. อ้าว..ก็คอนเสิร์ตรุ่นพี่ชิคยองไงครับ ....ไม่เป็นหรอก ไม่ต้องขอโทษผมหรอก ตอนนี้ฮยองอยู่อเมริกาจะมากับผมได้ยังไง ผิดนัด? ..........ไม่เป็นไรหรอกครับผมชินแล้วอยู่กับสเตลล่าไปนะ แค่นี้นะครับ ผมต้องเข้าข้างในแล้วตอนนี้หนาวไปหมดแล้ว”


    ผมชิงตัดสายโดยที่ไม่ให้ซีวอนพูดอะไร ..ผมโกหก ผมไม่มีกะจิตกะใจเข้าไปด้านในแล้วตอนนี้ อยากกลับหอ อยากนอน อยากลืมให้หมดทุกอย่าง เหนื่อย...

    พลันโทรศัพท์ก็สั่นเป็นข้อความ MMS จากซีวอน รูปซีวอนกำลังทำท่าเหมือนร้องไห้แล้วเบะปากให้ผม ผมยิ้มให้กับความทะเล้นของรูปภาพก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง



    ไม่เหมือนกัน ..ซีวอนกับวิคตอเรียไม่เหมือนกัน..

    วิคตอเรียทำให้หัวเราะ แต่ซีวอนทำให้มีความสุขจนลืมตัวไปชั่วขณะ....ผมรักซีวอนแต่ผมเพียงแค่รู้สึกดีๆกับวิคตอเรียเท่านั้น..



    รูปภาพที่สองเข้ามาเป็นรูปซีวอนถ่ายกับถุงหิ้วสตาร์บั๊คพร้อมข้อความสั้นๆว่าของฝากให้ผม ...
    สเตลล่า .. ผมไม่ได้เห็นเธอนานขนาดไหนแล้วนะ? เธอผอมลงขนาดนี้เชียวหรือ? ในรูปที่ซีวอนกำลังถือแก้วสตาร์บั๊คของผมด้านหลังมีสเตลล่าซ้อนกอดอยู่ด้านหลัง....


    ผมยิ้ม ... ก่อนจะกดส่งข้อความกลับและปิดเครื่องเพื่อนเดินเข้าฮอลล์ทันที



    ประโยคสั้นๆที่ผมมอบให้ ... เพียงไม่กี่ประโยคหากในใจเจ็บปวดจนยืนแทบไม่อยู่ ขอบคุณนะครับสำหรับของฝากแต่ผมไม่อยากเห็นฮยองอยู่กับสเตลล่า ..ตอบกลับแบบนี้จะได้ไหมนะ? ทำตามใจอยากจะได้ไหม?
    หากประโยคสั้นๆที่ส่งให้เป็นเพียงเพลงๆนึง...





    “가슴 아파도 나 이렇게 웃어요
    Even thought it hurts I laugh like this


    내 눈이 행복한 건 처음이니까
    It's the first time my eyes have been satisfied.


    삼킨 눈물에 맘이 짖물러가도
    My heart is swollen with the tears I've kept inside,


    그대라면 난 괜찮아요....
    but if it's for you, I'll be alright...”















    TO BE CONTINUED




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×