ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All of Short Fictions { WonKyu }

    ลำดับตอนที่ #7 : [SF] The story of flower shop

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 54


     ดอกแดนดิเลี่ยน  Dandelion ความรักเป็นสิ่งที่พระเจ้าบันดาลให้

    วันนั้นคุณก้าวเข้ามาในร้านพร้อมหยาดฝนพร่ำ อากาศหม่นหมอง ร่างกายเปียกปอน ..แต่นั่นไม่สามารถกลบรอยยิ้มระยิบระยับราวกับแสงอาทิตย์อันเจิดจ้าของคุณได้เลย

    “เอ่อ ..ผม ..ผมอยากได้ดอกแดนดิเลี่ยนน่ะครับ ที่นี่มีรึเปล่า?”

    เสียงเบาหวิวราวกับขลาเขินที่จะเอ่ย ตอนนั้นผมยังคงเป็นเพียงลูกจ้างในร้านฟลาวเวอร์ชอปเล็กๆริมชานเมือง ดอกแดนดิเลี่ยน ..ไม่มีร้านไหนขายหรอกครับเพราะมันคือดอกหญ้าไร้ค่าที่เก็บได้ตามริมทาง หากหญิงชราเจ้าของร้านที่มีศักดิ์เป็นคุณป้ากลับยิ้มให้เด็กหนุ่มที่กำลังเขอะเขินและยืนดอกเดซี่แก่หนุ่มน้อยแทน

    “..นี่ไม่ใช่ดอกแดนดิเลี่ยนนี่ครับ ..รูปไม่เหมือนกันเลย”

    “จ๊ะ ...ป้าให้นะ เอาไปให้เธอคนนั้นเถอะ“

    “ขะ..ขอบคุณครับ”

    ดอกเดซี่ Desy ความไร้เดียงสา และความบริสุทธิ์ 

     

    รอยยิ้มที่เจิดจ้าจนคนอย่างผมไม่กล้าเข้าใกล้ รอยยิ้มบริสุทธิ์ราวกับดอกเดซี่ .. สว่างสดใสราวแสงอาทิตย์ท่ามกลางหมดฝนพร่ำ ..ดอกแดนดิเลี่ยน ดอกเดซี่ ...ความบริสุทธิ์ที่พระเจ้าประทานให้

    ตั้งแต่นั้นมาผมเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับดอกแดนดิเลี่ยนไปถนัดตา...

     

     

    หลังจากนั้นหนุ่มน้อยคนนั้นมักแวะเวียนมาเยี่ยมที่ร้านเสมอ ทุกๆวันพุธของสัปดาห์ ยามเสียงได้ยินเสียงกริ่งประตูมันทำให้ผมอดหันไปมองไม่ได้ว่า ..จะใช่เด็กคนนี้รึเปล่านะ ...

     

    กริ่ง ....

     

    “สวัสดีครับคุณป้า ..สวัสดีครับพี่ซีวอน” ผมเพียงหยักหน้าและกลับไปจดจ่อดอกไม้ในมือ ผมไม่ใช่คนพูดเก่ง ไม่ใช่คนที่เข้าสังคมได้ง่ายดายเหมือนคนทั่วไป เด็กหนุ่มคนนี้เปรียบเหมือนแสงสว่างที่ไม่มีทางส่องเข้ามาถึงเงามืดแบบผม

    แสงสว่างที่แสนอบอุ่น จนเผลอหลงใหลและยกดวงใจให้โดยไม่รู้ตัว...

    “พี่ซีวอน ..ผมช่วยไหม?”

    “มะ..ไม่เป็น ไปคุยกันคุณป้าเถอะ”

    เมื่อผมตอบกลับเช่นนั้น ดวงหน้าสวยกลับยิ้มจนดวงตาหยีเล็กมือน้อยค่อยๆหยิบกรรไกรจากมือผมและเอาไปตัดปลายก้านอย่างเคยชิน

    “ดีใจจัง พี่ซีวอนคุยกับผมด้วย”

    “อะ..อืม”

     

    ใบหน้างดงาม เสียงหัวเราะสดใส ..แสงสว่างเจิดจ้าที่ค่อยๆเคลือบทับเงามืด...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผ่านมาสามปีเด็กหนุ่มเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น คุณป้าอายุมากแล้วพอเข้าช่วงหน้าหนาวก็เจ็บป่วยตามประสาคนแก่ ผมเลยกลายเป็นผู้ดูแลร้านแทนช่วงสั้นๆ อีกไม่กี่นาทีจะเข้าสู่ปีใหม่ ผมอยู่เช็คสต๊อกและจัดของนิดหน่อยเพื่อเตรียมต้อยรับลูกค้ามากมายมหาศาลในวันพรุ่งนี้...

    ก๊อก ..ก็อก

    “พี่ซีวอนเปิดประตูหน่อยๆๆ” เด็กหนุ่มคนเดิมตลอดระยะเวลาสามปีแทบไม่เปลี่ยนไปสักนิด ร่างบางกำลังโบกเหยงๆไปมาหน้าร้าน ปลายจมูกแดงจัดขนาดนี้คงเดินมาจากบ้านอีกแล้วสินะ ..

    “อากาศหนาวแบบนี้ออกมาทำไมตอนดึกๆ?”

    “แฮ่ะแฮ่ะ ผมจะมาซื้อดอกไม้เซอร์ไพรซ์แฟนครับ”

    “งั้นเหรอ ...เอาดอกอะไรดีล่ะ พี่จัดให้พิเศษเลยนะ”

    “แนะนำผมหน่อยสิ”

    “...ดอกกุหลายสีชมพูดีไหม?”

    “โอเคครับ ตามใจพี่เลย~

    ผมลงมือจัดช่อดอกกุหลายเล็กๆให้ตามที่เจ้าตัวร้องขอ ทุกครั้งที่รู้ตัวสายตามักจะหยุดอยู่กับคนตรงหน้า รอยยิ้มสว่างสดใสไม่เปลี่ยน มือบางที่กำลังถูไปมาให้ร่างกายอุ่น ลมหายใจสีขาว ปลายจมูกที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ...

    หนาว..งั้นเหรอ?

     

    ดอกกุหลายสีชมพู 9 ดอกถูกจัดเข้าช่อบูเก้ผูกด้วยริบบิ้นสีขาว ผมเผลอสูดกลิ่นหอมเบาบางบนกลีบกุหลาบสีสวย เด็กหนุ่มยืนยิ้มอยู่ข้างๆก่อนจะเอื้อมมือรับอย่างดีใจ..

    “หนาวเหรอ?”

    “นิดหน่อยครับ”

     

    ทำไมรู้สึกตึงๆข้างแก้ม? ผมกำลัง”ยิ้ม” ....รอยยิ้มในรอบหลายปีหลังจากสูญเสียครอบครัวไปทางอุบัติเหตุรถยนต์ หัวใจที่ด้านชากำลังถูกแสงสว่างโอบกอด ...

    ผมขยับเข้าใกล้เด็กหนุ่มตรงหน้า มือสองข้างบรรจงสอดใต้แขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มและขยับกอดแน่น ผมรู้สึกถึงแรงบางเบาที่กอดกลับ ตำแหน่งหัวใจที่ตรงกัน ..เสียงใจเต้นผ่านเนื้อผ้า กลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพู

    แสงสว่างที่ฉายทั่วจนไม่เหลือรอยของเงามืด ...


    กุหลาบสีชมพู 9 ดอก Pink rose สำหรับความงดงามและความอ่อนโยนตลอดไป

     

     

    วันนั้นเราสองคนกอดกันจนกระทั่งเด็กหนุ่มหายหนาวสั่น เจ้าตัวยิ้มให้ผมก่อนจะมอบจูบเบาบนแก้มสาก ผมยิ้มให้เค้าอีกครั้งก่อนจะเก็บความทรงจำวันนี้ไว้เป็นหนึ่งในความทรงจำดีๆ ... ที่มีค่า

    ปลายปีนั้นคุณป้าได้จากพวกเราไปตลอดกาลด้วยโรคชรา งานศพเล็กๆที่มีเพียงคนรู้จักไม่กี่คนรวมถึงผมและหนุ่มน้อย หัวใจที่เริ่มเป็นปกติกำลังถูกแช่แข็งด้วยความเศร้าโศกอีกครั้ง ดอกกุหลาบสีดำมากมายถูกประดับตกแต่งรอบโลงศพไม้สีขาว เสียงของบาทหลวงกล่าวอาลัยแก่ดวงวิญญาณครั้งสุดท้าย

    “ดวงวิญญาณของยายซอนจินอันเป็นที่รักยิ่งได้กลับไปสู่อ้อมอกพระผู้เป็นเจ้า จงอย่าร้องไห้...จงส่งนางไปสู่พระคริสต์ด้วยรอยยิ้มตามปรารถนาสุดท้ายของนางลูกเอ้ย”

    คนแล้วคนเล่าผลัดกันวางดินพร้อมดอกเบญจมาศสีขาว ผมเป็นคนสุดท้ายที่ถือก้อนดินในห่อกระดาษพร้อมกับดอกเดซี่ ..ดอกไม้โปรดของคุณป้า ผมเงยหน้าหลายครั้งจนปวดคอเพราะไม่อยากร้องไห้ตามคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย เค้าเองก็เช่นกัน .. ยังคงนิ่งสงบในสุดสูทสีดำสนิท มือบางที่จิกหากันแน่น ..คงกำลังบอกตัวเองเช่นกัน “ไม่ร้องไห้”

    เราสองคนอยู่จนวินาทีสุดท้ายที่โลงศพสีขาวหย่นลงปลายหลุม ท้องฟ้าเริ่มขมุกขมัวอากาศกำลังเย็นลงพร้อมๆกับพระอาทิตย์ที่ลาขอบฟ้า ป้ายหินสีขาวที่สลักชื่อพร้อมรูปของคุณป้า ..

     

     “เกิดมาพร้อมความงดงามและจากไปพร้อมความงดงาม”

     

    อ่านข้อความบนป้ายสลักก่อนผมวางช่อเบญจมาศสีขาวด้านหน้าพร้อมเค้าก่อนหันหลังกลับ ..เพื่อกลับไปยังร้านของเรา ร้านของผมกับป้า ..

     

    กุหลาบสีดำ Black rose แด่..รักนิรันดร์

     

     

     

     

    หลังจากนั้นผมจังกลายเป็นเจ้าของร้านดอกไม้เต็มตัว เค้ายังคงแวะมาเรื่อยๆพร้อมกับรอยยิ้มสดใสและเรื่องราวในชีวิตประจำวัน เค้าบอกว่าชอบผมเพราะผมไม่ค่อยพูด ..

    เวลาผ่านไปรวดเร็วดั่งดอกแดนดิเลี่ยนปลิดขั้ว เวลาเปลี่ยนเด็กหนุ่มกลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ผมเองก็เริ่มอายุมากขึ้นทุกทีแต่ยังไงเค้าก็ยังคงเป็นเด็กน้อยสำหรับผม ..

    วันนี้”เด็กน้อย”กลับมาอีกครั้ง รอยยิ้มสว่างสดใสในอดีตที่กลายเป็นเพียงความทรงจำ ณ ตอนนี้มีเพียงยิ้มเศร้าสร้อยเพราะทะเลาะกับคนรักบ้าง เครียดเรื่องงานบ้าง ทุกครั้งผมจะยื่นดอกเดซี่ให้เสมอ ..

    เผื่อให้เค้าคิดถึงความบริสุทธิ์สดใสในเยาว์วัย ..กลับกลายเป็นแสงสว่างดั่งที่เคยเป็นมา..

     

     

     

    วันนี้ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆหมอกใดๆ ทุกวันพุธเค้ายังคงมาเยี่ยมผมเสมอ วันนี้เค้าสว่างจ้าเหลือเกิน... รอยยิ้มสดใสที่ไม่ได้เห็นมานานกำลังผลิบานราวดอกไม้ยามเช้า ...

    “พี่ซีวอน ..”

    “หืม”

    “ผมจะขอเธอแต่งงาน”

    “....เหรอ ...งั้นเดี๋ยวพี่จัดช่อดอกไม้ให้เอาไหม?”

    “รบกวนด้วยครับ”

    ดอกไอวี่สีขาวพิสุทธิ์ถูกเข้าช่ออย่างดี เค้าเปรียบดั่งของล้ำค่าสำหรับผม ดอกไม้ดอกเล็กที่กำลังผลิบาน ผมเฝ้ามองมาตั้งแต่ยังเป็นเมล็ดเล็กๆในดินชุ่มชื่น เจ้าตัวที่คอยสู้เสมอจนสุดท้ายได้ผลิดอกเหนือผืนดิน ..

    และตอนนี้เค้ากำลังเป็นของคนที่คู่ควร ...แสงสว่างกำลังทอแสงไปทิศทางอื่น ....

    “วันจัดงานให้พี่จัดช่อดอกไม้ให้เจ้าสาวเรานะ”

    “ครับ..”

     

     

    แสงสว่างกำลังเจ็บปวด ..ผมเองไม่รู้เพราะเหตุใดเช่นกัน มือบางโอบอุ้มช่อดอกไม้เต็มสองแขนก่อนโบกมือลาไปอีกครั้ง ผมยิ้มให้เค้าเหมือนทุกที ...ทั้งๆที่อากาศสดใสแต่ผมรู้สึกราวกับดอกไม้ในร้านกำลังร้องไห้...แทนผม

    วันต่อมาเค้าโทรศัพท์มาบอกว่าสาวเจ้าตกลงแต่งงาน! และจะจัดงานในอีกสามเดือนข้างหน้า ผมเอ่ยแสดงความยินดีก่อนจะแซวไปเล็กน้อยตามประสาคนคุ้นเคย

    “พี่จะจัดช่อดอกไม้ให้สุดฝีมือเลย วางใจได้!

     

     

     

    ครั้งนี้ ..อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้ทำอะไรเพื่อเค้า ดอกเดซี่ ดอกโฮย่า ดอกซ่อนกลิ่นถูกเข้าช่อรวมกันด้วยริบบิ้นสีเหลืองอ่อน ก่อนจะแซมด้วยดอกมะลิส่งกลิ่นหอมอวล ...ผมบรรจงจัดอย่างสุดฝีมือ ...เพื่อเค้าที่ผมรัก ...

    ในงานแต่งเค้ายังคงสว่างใสสดเคียงข้างเจ้าสาวรูปงาม รอยยิ้ม เสียหัวเราะ เสียงแสดงความยินดีรอบกาย ..ทุกครั้งโดยที่ไม่รู้ตัวผมมักจะหยุดสายตาลงที่เค้าเสมอ ...แสงสว่างทอประกายงดงามท่ามกลางหลอดนีออนสีสวย

    ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ภาพเด็กน้อยเมื่อครั้งก่อนยังซ้อนทับกับคนตรงหน้าเสมอ ..สุข ทุกข์ ที่ผ่านมาด้วยกันราวกับฝันดีที่ไม่อาจไม่ลืมเลือน ดอกไม้ที่ผมเฝ้ามองการเติบโตกำลังผลิบานและกลายเป็นของคนอื่นในที่สุด ..

    ผมนั่งมองงานเลี้ยงรื่นเริงในมุมเล็กๆก่อนจะเดินออกมาเพื่อเตรียมกลับร้านดอกไม้ของผม..

    “พี่ซีวอนๆ”

    “อ้าวว ทิ้งเจ้าสาวมาแบบนี้ได้ไง”

    “แฮ่ะแฮ่ะ ผมมีอะไรจะให้ครับ”

    ซองจดหมายสีขาวถูกยื่นให้ก่อนเจ้าตัวจะกอดผมไปหนึ่งที ขณะที่ทำท่าจะเปิดอ่านก็ถูกห้ามและบอกว่าให้อ่านหลังจากเค้าบินไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นเรียบร้อย

    ..ใช่ครับ เด็กน้อยกำลังไปผลิบานที่อื่น เค้าบอกว่าประจวบเหมาะที่แต่งงานบริษัทจึงย้ายให้ไปคุมงานที่ญี่ปุ่นแทนและคงจะย้ายไปทั้งครอบครัวแบบไม่มีกำหนด ..เค้าชวนผมแต่ผมปฏิเสธไปหลายครั้งเพราะร้านดอกไม้แห่งนี้ยังคงต้องดำรงอยู่เพื่อคุณป้า

    ผมคงคิดถึงเค้า .... หากดอกเดซี่จะเป็นตัวแทนของเค้าเสมอ ...

     

    วันสุดท้ายเค้าร้องไห้เยอะ จนภรรยาหมาดๆของเค้าเอ่ยขอโทษขอโพยผมเพราะจู่ๆเจ้าตัวเปลี่ยนใจถ้าผมไม่ไปจะไม่ยอมไปเสียอย่างงั้น ต้องปลอบต้องขู่กันหลายยกกว่าจะยอมขึ้นเครื่อง

    รอยยิ้มสุดท้ายที่ติดตาก่อนแสงสว่างจะลับหายไป ........

    ผมกลับมายังที่เดิม ร้านดอกไม้แห่งเดิม ..ป้ายหน้าร้านถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของเค้าคนนั้นเพื่อระลึกถึง ดอกไม้ในร้านยังคงต้องวางอยู่ที่เดิม กรรไกรอันเดิม ....ผมคนเดิม ...

     

     

    วันพุธ ......

    ผมหยิบซองจดหมายสีขาวออกจากกล่องเล็กๆริมเคาท์เตอร์ ร่องรอยหยับย่นบ่งบอกว่าผ่านการอ่านมามากมายเพียงไร หากผมยังคงยินดีที่จะเดินซ้ำมันอยู่แบบนั้น

     

    “สวัสดีครับพี่ซีวอน ผมเขียนจดหมายฉบับนี้หลายรอบเพราะกังวลว่าจะเขียนออกมาแบบไหนดี ผมว่าพี่คงไม่รู้ตัวว่าผมแอบชอบพี่มานานแค่ไหน ว่าไปแล้ว ..คุณป้าบอกว่าหัวใจของพี่บาดแผลลึกเกินจะเยียวยาและผมอาจจะช่วยพี่ได้ถ้ามาหาบ่อยๆ ผมจึงมาที่ร้านทุกๆวันพุธเพื่อเจอพี่ครับ ผมชอบกอดของเราในวันขึ้นปีใหม่ ผมชอบดอกเดซี่ที่พี่ให้ผมเวลาผมไม่สบายใจเสมอ...แม้วันนี้ผมจะแต่งงาน ..แต่ขอให้พี่รู้ไว้ครับ ว่าผมรักพี่เสมอ ....โทรหาผมบ้างนะครับ เล่าเรื่องทุกข์ใจของพี่ให้ผมฟังบ้างก็ได้ ....รักเสมอและตลอดไป”

     





    กริ๊ง ...

    เสียงเปิดประตูร้านทำให้ผมเงยหน้ามองอย่างเคยตัวแม้เวลาจะล่วงเลยมาจวนเจียนจะยี่สิบปีแล้วก็ตาม หญิงสาววัยรุ่นที่หน้าตาละม้ายคลายคลึงกับเค้าเหลือเกิน ... รอยยิ้มสว่างสดใสที่แสนคิดถึง

    “ร้านดอกไม้ของคุณชเวซีวอนใช่รึเปล่าค่ะ”

    “ครับ มีอะไรให้ลุงรับใช้ครับคุณหนู”

    “คุณพ่อน่ะคะ ..ท่านเสียเมื่อปีที่แล้วเพราะอุบัติเหตุ ตอนนี้ครอบครัวของเราย้ายกลับมาเกาหลีกันหมดเพื่อจัดงานศพที่นี่ตามคำสั่งเสียของคุณพ่อ และ...ท่านอยากให้คุณเป็นคนวางดิน คนสุดท้ายค่ะ”

    “เหรอ ..พาลุงแก่ๆคนนี้ไปที ไปหาพ่อเอาแต่ใจของเธอหน่อยสิ”

    วันนี้เป็นวันพุธ ..หากร้านดอกไม้กลับปิดลง ชายชราในชุดสูทเดิมกับเมื่อก่อนพร้อมช่อดอกเดซี่ในอุ้งมือหยาบกร้าน ชายชราขอเด็กสาวเดินขึ้นเนินเขาเพียงลำพัง ดินหนึ่งกำมือที่ติดมาจากหลุมศพคุณป้าถูกวางบนหญ้านุ่มที่ข้างใต้เค้าคนนั้นนอนอยู่

    ชายชราวางชื่อดอกเดซี่สีขาวบริสุทธิ์ลงหน้าป้ายหินอ่อน มือเหี่ยวย่นลูกตามอักษรชื่ออย่างโหยหา ประโยคสั้นๆบนป้ายเรียกให้คิดถึงอดีตที่เคยผ่านมาร่วมกัน

    โจคยูฮยอน ...

    “ขาวพิสุทธิ์ดั่งดอกเดซี่”

     

    “พี่มาหาแล้วนะคยูฮยอน ...นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่เคยได้เรียกชื่อเธอเลย พอวันนี้เธอก็จากฉันไปไกลเสียแล้ว ทำยังดี ..ละหื้ม...........”

    ไม่มีเสียงตอบใด เหลือเพียงความเย็นชืดของดินกับร่องรอยความรักในอดีตที่กำลังร่วงโรยตามกาลเวลา

     

    เจ้าช่างนำ ความสดชื่น คืนพฤกษา
    แต่เจ้าลืม นำดวงใจ ใครกลับมา
    เจ้าลืมว่า ชลาลัย ใช่ข้ารอ

    ใจระเหิด หายลับ กับอากาศ
    ใจพิลาศ ที่วาดหวัง ทั้งร้องขอ
    เป็นน้ำตา ระเหยจาง ข้างแก้มคลอ
    ใยฝนหนอ พอตกซ้ำ..... กลับช้ำเอย

     

     

     

     

     

    End..

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×