ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All of Short Fictions { WonKyu }

    ลำดับตอนที่ #2 : [SF] 7 years of love (kyuhyun's part)

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 54


     คือ....พี่ว่า ..... .......เรา ..เลิกกันดีกว่านะ.

    ครับ ..เข้าใจแล้ว

    มีเพียงการ์ดหนึ่งใบที่เขียนเพียง “Happybirthday” ข้อความสั้นๆลงท้ายชื่อ โจคยูฮยอน .....

    คือ......ผม........จะ..........แต่งงาน ....ครับ

    ผมอยากให้พี่รู้นะครับ .............







    ..............
    ผม ยัง รัก พี่ เสมอ ..............”

     

     

    รักครั้งแรกมักจะไม่สมหวัง ..

    สำหรับคยูฮยอนนี่คงเป็นบทลงโทษที่หลงดีใจกับรักครั้งแรก เมื่อคบกับพี่ซีวอน ผมเตรียมใจไว้เสมอว่าสักวันคำว่า”จากลา”ต้องมาถึง ผมถึงไม่กล้ารักเต็มร้อยเพราะกลัว ...

    หากความรู้สึกห้ามยาก ยิ่งนานวันกำแพงที่กั้นไว้พังทลายลงผมรักพี่ซีวอนจนเกินร้อยอย่างเรียบง่าย กลายเป็นเมื่อไหร่ไม่รู้ที่ในห้วงความคิดของผมมีแต่พี่ซีวอน

    ผมพูดไม่เก่งพอๆกับขี้อายจนไม่กล้าแสดงออก จนบางครั้งรู้สึกว่าผมแสดงความรักออกไปไม่เต็มร้อย กลัวว่าพี่ซีวอนจะหมดรักลงสักวันและหันไปหาคนอื่น ..... ผมถึงได้พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเพราะผมรักพี่ซีวอนมากเสียจนยินดีกว่าหากพี่เค้าได้เจอคนที่”กล้ารัก”ได้อย่างเต็มร้อย

    คยูฮยอนก็แค่คนขี้ขลาดในความรัก

     

     

     

    คือ....พี่ว่า ..... .......เรา ..เลิกกันดีกว่านะ.

     

     

     

     

     

     

    แล้ววันนั้นก็มาถึง ... ในที่สุดก็จบลง ผมยังจำความรู้สึกครั้งนั้นได้ดี ...มือเท้าชาจนไม่มีแรงยก น้ำตาที่กลั้นไว้ในไม่ช้าคงจะไหลเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในอก อธิษฐานกับพระเจ้าขอให้แหวนสีเงินที่ใส่อยู่คับจนถอดไม่ออก

    ..แต่นั้นก็เป็นเพียงคำอธิษฐาน แหวนสีเงินหลุดออกอย่างง่ายดายเพียงแค่สัมผัส....

    พระเจ้าทรงลงโทษลูกใช่ไหม แหวนวงเดียวลูกยังไม่สามารถเก็บไว้ได้ .... แหวนที่กำลังหลุดจากนิ้วเร่งให้น้ำตากลั่นตัวไวขึ้น จนรู้สึกถึงหยดน้ำบนฝ่ามือ ไม่กล้าแม้แต่สู้หน้าเพื่อทวงถามเหตุผล ได้แต่ผลักแหวนคืนช้าๆเพื่อเร่งให้ตัวเองออกจากตรงนี้ก่อนจะร้องไห้ ....

    อา ... เพราะพี่ทำงานแล้ว ก็เลย

    ไม่เป็นไรครับ ..ผะ..ผมเข้าใจดีว่าวันนี้ต้องมาถึงสักวัน ผม...ผมไม่เป็นไร ผมโอเค หมดธุระแล้วใช่ไหมครับ? เอ้อ...งะ...งั้น.................แหวน ....พี่....เอา..คะ..คืนไป...เถอะ ...ครับ

    และเวลาก็หมดลงอย่างสมบูรณ์ .....

     

    คยูฮยอนคนขี้ขลาดที่ไม่กล้ายื้อความรักของตัวเองไว้

     

     

    พาร่างกายอ่อนระโหยกลับถึงบ้าน ทักทายคุณแม่ก่อนจะเดินขึ้นห้องช้าๆ

    ..ทำไมบันไดถึงชันแบบนี้ ...คงเพราะความเจ็บจากหัวใจที่ถ่วงร่างกายจนหนักอึ้ง

    สุดท้ายพาตัวเองมาถึงหน้าห้อง เมื่อเปิดประตู ร่างกายที่อ่อนแรงทิ้งตัวลงหน้าประตู น้ำตาที่กั้นไว้ไหลออกมาจนเปรอะเปื้อนไปหมด เสียงสะอื้นที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ความเจ็บปวดแทรกเป็นริ้วๆจนหายใจไม่ออก

    มากเกินไป...ความทรงจำของพี่ซีวอนมันมากเกินไป

    “ผมรักพี่นะครับ ผมรักพี่ รัก รัก รัก ระ ... ฮึก.... รัก รัก รัก ....รัก .........รัก”

     

     

     

    เดือนต่อมาผมเลือกที่หนีทุกๆอย่างด้วยการไปเรียนต่ออังกฤษ น่าแปลกที่แม้แต่วันสุดท้าย..วินาทีสุดท้าย ยังหวังว่าคนๆนั้นจะเดินมากอดและพร่ำบอกว่ารักแค่ไหน

    บนเครื่องบินผมได้แต่ร้องไห้ ปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ความผิดหวังและสร้างกำแพงปิดกั้นหัวใจอีกครั้ง หัวใจของคยูฮยอน ..หัวใจของผม ..ปิดตายลง ..ตั้งแต่วันนั้น ......

     

    หนึ่งปีในอังกฤษ ชีวิตที่ไร้กลิ่นอายแห่งความทรงจำของพี่ซีวอน เรียน..เป็นทางเลือกเดียวที่บรรเทาทุกอย่าง เรียนเหมือนคนบ้าเพื่อไม่ให้เวลาว่างกับตัวเองแม้เพียงนาที .....

    “Are you ok? Kyuhyun?”

    “Nothing, Thanks Nadia”

    ผมรู้ว่านาเดียรักผม แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ผมพร่ำขอโทษเธอทุกครั้งที่เธอทำดีกับผม คนขี้ขลาดแบบนี้ไม่สมควรให้คนดีๆมารัก เพราะสุดท้ายมันจะจบลงแบบเดิม ...เจ็บปวดแบบเดิม ....ผมคงไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว ..จริงๆ....

     

    04/03

     

    วันเกิดพี่ซีวอนใกล้เข้ามาแล้ว ใจยังคงเต้นรัวและมีความสุขเสมอเมื่อคิดถึงวันที่ได้ฉลองเคียงข้างกัน  เหมือนกับ....ความเจ็บปวดในวันนั้นช่างห่างไกล ...

     

    กล่องพัสดุสีขาวเหลือเพียงปิดผนึกพร้อมการ์ดสีขาวหนึ่งใบที่ทำเองกับมือ ควรจะเขียนจดหมายด้วยดีไหม? เพื่อบอกให้พี่รู้ว่าผมไม่รู้สึกอะไรแล้ว หรือผมควรจะต้องถ่ายรูปกับนาเดียไหม? เพื่อให้พี่รู้ว่าผมเองก็มีคนข้างกาย

    ต้องทำเหมือนผมลืมพี่ไปแล้ว ผมต้องเป็นรุ่นน้องที่ดี ..... ผมต้อง ........

    เอนกายช้าๆบนโต๊ะหนังสือริมหน้าต่าง อากาศอุ่นกำลังดีในฤดูใบไมผลิทำให้เคลิ้มก่อนจะหลับและปล่อยให้ความคิดไหลไปกับช่วงเวลาแห่งความสุขในอดีต .....

     

     

    สุดท้ายก็เขียนเพียง Happy birthday สั้นลงบนการ์ดสีขาวและส่งกลับไปยังบ้านเกิด คยูฮยอนยิ้มเล็กก่อนเดินออกจากที่ทำการไปรษณีย์ประจำท้องถิ่นอย่างสบายอารมณ์...

    คงเพราะอากาศดีคำว่า”รัก”ที่เขียนด้วยดินสอบางๆ .....แค่อยากส่งโดยไม่ให้พี่รู้ ........ แต่อยากพูดออกไป......

     

     

    ถัดมาหนึ่งอาทิตย์ผมได้รับจดหมายกลับมา วันนั้นแทบทั้งวันผมไม่มีสมาธิเรียนสักเท่าไหร่ ได้แต่รอให้หมดเวลาเพื่อกลับไปอ่านจดหมายที่นอนอยู่ในลิ้นชัก จดหมายที่จ่าหน้าซองถึง “โจคยูฮยอน รุ่นน้องที่น่ารัก”

    เมื่อกลับถึงหอพักผมแทบถลาเข้าใส่โต๊ะหนังสือก่อนจะใช้มีดเปิดจดหมายแซะช้าเพื่อเก็บให้อยู่ในสภาพเดิมที่สุด เนื้อความทั่วไป ถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิกและถามถึง ......คนรัก............

    กระดาษเป็นทางการสีขาวที่เขียนมาเพียงสี่ห้าประโยค ทุกตัวอักษร ทุกประโยค ผมอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่รินไหลลงลงบนกระดาษ .....ก่อนจะผล็อยหลับทั้งๆแบบนั้น......

     

     

    สองปีที่รอให้หัวใจเข็มแข็งพอจะหมุนโทรศัพท์ไปหาพี่ซีวอน ในวันเกิดของผม ........ เสียงนุ่มทุ้มที่ตอดกระด้างเล็กๆในน้ำเสียง อยากถ่ายทอดทุกอย่างผ่านหนึ่งถ้อยคำ หากทำได้เพียงปรึกษาเรื่องเรียนและเรื่อง...คนรักใหม่...เท่านั้น

    อยากจะถามให้มากกว่านั้น อยากได้ยินเสียง อยากได้ยินคำว่า”เป็นห่วง” อยากได้ยินมากกว่าเสียงตอบรับเนือยๆ อยากได้ยินคำว่า”รัก”จากพี่อีกสักครั้ง

    แต่ทั้งหมดนั่นเป็นเพียงความคิดเล็กๆ หลังจากโทรเสร็จคนที่นอนร้องไห้จนเช้าก็คือผม ...คนที่ยังตัดใจไม่ได้ก็คือผม

    คนที่ยังไม่สามารถลืมเรื่องในอดีตได้สักวินาทีคือผม .....

     

    คยูฮยอนคนขี้ขลาดเจ้าน้ำตา ....

     

     

     

     

    ตอนนี้ผมกำลังจะเรียนจบนาเดียยังคงอยู่ข้างกายผมเสมอ ผมเคยบอกเธอไปแล้วว่าผมยังคงรักคนอื่นและไม่สามารถรักเธอได้ เธอเพียงส่ายหน้ายิ้มๆและกอดผม ....

    จนมาถึงวันนี้....วันที่ผมโตขึ้น

    วันที่ผมต้องเลือกทางเดินในอนาคต ...วันที่ผมต้องตอบแทนความรู้สึกของนาเดียสักที

    “Would you merry me Nadia?”

    ผมขอแต่งงานอย่างเรียบง่ายกลางปาร์ตี้ฉลองเรียนจบ เสียงแซว เสียงโห่ฮาจากเพื่อนๆทำเอาเธอเขิน นาเดียพยักหน้าตอบตกลง แหวนสีทองถูกสวมให้เธอช้าๆก่อนผมจะกอดเธออีกครั้ง ......

     

    คุณแม่แสดงความยินดีกับผมและเรียกให้ผมกลับไปทำทุกอย่างให้เรียบร้อยที่เกาหลี หากในใจผมค้านอย่าหนัก ...

    กลับเกาหลี .... กลับไปสู่สถานที่แห่งความทรงจำของเรา.............

     

    สุดท้ายผมต้องกลับ ... ผมพานาเดียกลับมาด้วย แผ่นดินบ้านเกิดที่ไม่ได้กลับมาเหยียบอีกเลยหลังจาก ....เลิกกับพี่ซีวอน..

    สี่ปีที่อยู่อังกฤษ เวลาช่วยเยียวยาเพียงความเจ็บปวดแต่ไม่ได้ช่วยให้เลิกรักพี่ ...แม้สักนาที.....

     

    นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะเอาแต่ใจ ครั้งสุดท้ายที่ผมจะถ่ายทอดทุกอย่างตลอดที่ผ่านมาสี่ปีให้พี่ได้รับรู้ ...

     

    อา..พี่ซีวอน ..ผมเองนะ ...คือ ..ออกมาพบกัน ...ได้ไหม?”
    คยูฮยอน...................ได้สิ ..ร้านไหนล่ะ?”
    ร้าน........เดิม.....ไหม

     

     

    ผมมาก่อนเวลานัดเกือบสามชั่วโมง ผมไม่กล้าลงจากรถ ได้แต่รอ...รอว่าเมื่อไหร่พี่ซีวอนจะเดินเข้าร้านไปก่อน.....ในอกเต้นระรัว และ...ผมก็ร้องไห้....อีกแล้ว .....ผมฟุบลงบนพวงมาลัยตัวเองก่อนปล่อยให้น้ำตาที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงอุทรณ์ให้ผมกลับมารักกับพี่ซีวอนเสมอ.....

    จนถึงเวลานัดพี่ซีวอนก็ยังไม่มา จนสุดท้ายจึงเช็ดหน้าเช็ดตา ...และทำตัวให้ปรกติที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะทำได้

     

    เมื่อผมผลักประตูเข้าไปในร้าน ...ที่นั่งเดิม ..ฝั่งเดิม ...พี่ยังคง....รอผม....เหมือนเดิม....

     

    พี่ซีวอน........

    คยู ฮยอน..........

     

    กาลเวลาที่ผันผ่าน ความรักกลับยิ่งตราตรึง รอยยิ้มสว่างสดใสของพี่ซีวอนทำให้ผมรู้สึกอยากร้องไห้อีกครั้ง สร้อยคอของผม,แหวนของเรา พี่ยังคงใส่มาเสมอขณะเดียวกันผมไม่มีอะไรติดตัวมีเพียงกระดาษจดหมายที่พับอยู่ในกระเป๋าสตางค์ตลอดเวลา ...... จดหมายของพี่.....

    คยูฮยอน....เป็นไงบ้าง?”

    ก็โอเคครับ วันๆก็เรียน เรียนเสร็จก็เล่นเกมส์ เท่านั้นครับ

    บทสนทนาธรรมดาเรื่อยเปื่อย แต่ผมไม่สามารถหยุดความคิดถึงได้สักวินาที อยากกอดพี่แน่นๆ....อยากบอกี่ว่าผมยังรักพี่เสมอ .... ผมยังเป็นคนเดิม .. ...ผมต้องบอกพี่....

    ว้า .. นายนี่น้า ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองบ้างหึ..ใครทำอาหารให้ทาน? ทำเองเหรอ? แล้วยาแก้แพ้น่ะทานทุกๆสองทุ่มใช่ไหม? ได้เชคอีเมล์จากมหาลัยบ้างรึเปล่า? ทำรายงานลืมใส่บรรณานุกรมป่ะเนี่ย?????~”

    พี่..ครับ

    หื้อ?”

    คือ............ผม........จะ..........แต่งงาน ....ครับ

    อ้าวววว งั้นเหรอ ยินดีด้วยนะ...กับใครละเจ้าสาวสวยไหม? แหม่ๆไปเรียนี่ปีได้แหม่มกลับมาเชียวนะ

     

    แววตาผิดหวังที่ฉายวูบจนคิดว่าตาฝาด ความรู้สึกที่เอ่อล้น พี่ซีวอนยังคงเป็นคนเดิม

    ...ผมอิจฉาพี่ ...แหวนวงนั้น ..แหวนวงที่ผมอยากให้มันคับจนดึงไม่ออกแบบพี่ พี่ยังรักผมอยู่ใช่ไหม? พี่ยังเป็นของผมอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม? น้ำตาจะไหลอีกแล้ว แต่ผมต้องบอก....ผมต้องพูดออกไป.....ผมต้องพูด....

    พี่ครับ ....

    ว่าไงละ? แหม่ๆฉันใส่ซองแค่หมื่นเดียวนะ ฮ่ะฮ่า~ ไม่ต้องทวงๆ

    พี่.......................................

    “...........
    พี่ควรแสดงความรู้สึกยังไงดีไม่ให้คยูจับได้ว่าพี่กำลังเสียใจ คยูว่าพี่จะทำยังไงดีไม่ให้คนตรงหน้าพี่รู้ว่าในใจพี่กำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ คยูว่าพี่ควรทำยังไงตอบพี่หน่อย

    ผม...ผมไม่รู้ ผม...ไม่รู้จริงๆ

    ไม่เป็นไรๆ อ่อ..คยูพี่ฝากเอาไปเขวี้ยงทิ้งทีนะ

    พี่ซีวอน ...ได้โปรดเถอะครับ ... อย่าทำแบบนี้เลย ...อย่า... อย่า....ได้โปรด

    การควบคุมตัวเองของผมพังยับ น้ำเสียงที่เผลอปล่อยให้อ่อนระโหย แววตาแห้งผาก มือเท้าชา .. ความเจ็บปวดในวันนั้นกำลังเล่นงานตัวเองอีกครั้ง พี่ซีวอนกำลังจะเดินออกจากร้าน .....

    พี่กลับล่ะ พี่อยากให้คยูรู้บางอย่างแต่พี่คิดว่ามันไม่จำเป็นแล้วละ


    ผมอยากให้พี่รู้นะครับ .............
    ..........................
    ผม ยัง รัก พี่ เสมอ ..............”

     

    สุดท้ายผมได้พูดออกไป สี่ปีที่ความรู้สึกอัดแน่นในหัวใจจนล้น ความรู้สึกเดียวกับวันแรกที่เรารักกัน จนถึงนาทีนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทุกครั้งที่ยิ้ม เป็นเพียงสิ่งที่ผมต้องทำเพื่อให้ทุกคนสบายใจ

    ตลอดสี่ปีที่นอนร้องไห้แทบทุกคืน สี่ปีที่นอนกอดกระดาษแผ่นนึงเหมือนคนบ้า ในฝันที่สวยงาม ผมฝันว่าพี่คือคนที่กอดแน่นๆ เช็ดน้ำตาและจูบอย่างอ่อนโยน ....

    ร้องไห้อีกครั้ง ..... ผมได้เพียงแค่ร้องไห้จริงๆ.....

     

    และ....คยูฮยอนคนขี้ขลาดเจ้าน้ำตาที่ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกได้อีกต่อไป

     

     

     

     

     

     

    คนนึงที่ร้องไห้ และอีกคนที่ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ

    .....สุดท้ายรักเจ็ดปีต้องจบลง ..........

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×