ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Windows of Heart { WonKyu}

    ลำดับตอนที่ #14 : CHAPTER : 13 (1/2)

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 55


    เหนื่อย..

    กี่ครั้งที่พูดคำนี้ เบื่อตัวเองที่ไม่รู้จักเข็ด ไม่รู้จักจำ ผมค่อยๆปิดเปลือกตาลง ภาพในหัวฉายซ้ำไปซ้ำมา ภาพของเรา..ไม่สิ ของผมกับซีวอนลอยไปมาราวกับต้องการทำให้ผมสับสนมากยิ่งขึ้น

    หนทางที่มีให้เลือกน้อยเหลือเกิน ขณะที่ผมไม่สามารถดำเนิน”ความสัมพันธ์ไม่มีชื่อเรียก”ซีวอนกลับพยายามยื้อความสัมพันธ์นี้ออกไป ในหัวใจบีบรัดความชาชิน คิดมากไปก็เท่านั้น ....ผมเลือกแล้ว เลือกทางนี้แล้วและจะไม่มีวันหันหลังกลับต่อให้ต้องเสียใจมากขนาดไหน

    ร่างกายที่เหนื่อยล้าไม่เท่าหัวใจที่อ่อนแรง ...ผมค่อยๆจมดิ่งสู้โลกนิทราด้วยหัวใจดวงเดิม...

     

     

     

    วันรุ่งขึ้นผมต้องฝืนร่างกายตัวเองลุกไปอัดรายการของทางไต้หวัน ขณะที่ภาษาจีนลอยเข้าหูอย่างไร้ความหมายเสียงดนตรี เสียงหัวเราะ เสียงพิธีกร แทบไม่ได้เข้าหัวผม ...ตัวตนของผมจืดจางลงท่ามกลางเมมเบอร์ทุกคน

    “นี่ๆ...กุ่ยเซี่ยนดูไม่ค่อยดีเลยเนอะ” หลับตาฟังบทสนทนาของแฟนคลับที่นั่งอยู่ด้านหลัง ผมแกล้งทำเป็นไม่เข้าภาษาจีนทั้งที่ตอนนี้ผมฟังออกเกือบ 100เปอรเซ็นต์ นึกสมเพชตัวเองที่ปล่อยให้แฟนๆดูออกเสียจริง

    “อื้อ ฉันก็ว่างั้นและ ไม่รู้ทะเลาะกับซีวอนรึเปล่า?” คิ้วกระตุกนิดหน่อย ไม่คิดว่าเรื่องของผมกับซีวอนแฟนคลับก็พลอยรู้ไปด้วย แต่ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ ..เพราะพวกเธอดูเหมือนรู้ทุกเรื่องดีกว่าผมรู้เสียอีก

    “ฉันก็คิดว่างั้น จะโทษใครได้ เธอก็ดูซีวอนทำตัว วุ้ยพูดแล้วหมั่นไส้ ฉันคยูมินนะเนี่ย”

    “อา..เธอคงลืมคิดไปว่าฉันทำเว็บเดียวกับเธอนะ”

    “ช่างมันเถอะ ..กุ่ยเซี่ยนไม่สดใสจนฉันเป็นห่วงจริงๆนะ ซีวอนไม่รู้ตัวรึไงนะ”

    “อื้อๆ ก็ซีวอนน่ะ แทบจะเป็นทุกสาเหตุของความรู้สึกคยูฮยอนนะ” ประโยคหลังของพวกเธอทำเอาผมเกือบหลุดหัวเราะออกมา ผมดูง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?

    มันก็จริง..ที่ช่วงหลังๆนี่ซีวอนเป็นอิทธิพลสำคัญของอารมณ์ผม หึ..น่าสมเพชชะมัด ผมสามารถรักคนๆนึงได้ขนาดนี้เชียวเหรอ ...รักมากขนาดนี้เชียวนะ

    “ขอเชิญคุณคยูฮยอนขึ้นมาร้องเพลงปิดรายการค่ะ” ล่ามที่นั่งข้างผมกระซิบสคริปต์ก่อนผมจะหยิบไมค์ที่วางข้างตัวและร้องเพลงที่ผมคุ้นเคยดี ดนตรีคุ้นหูบรรเลงก่อนผมจะเอื้อนเอ่ยทุกคำจากหัวใจ

    忆过,
    hui yi guo qu

    จากในอดีตที่ผ่านมา,
    痛苦的相思忘不了,
    tong ku de xiang si wang bu liao

    การโหยหาในรักที่แสนเจ็บปวดยากจะลืมเลือน.
    何你,
    wei he ni hai lao

    ทำไมคุณถึงกลับมา,
    拨动我心跳。
    bo dong wo xin tiao

    ทำให้หัวใจของผมเต้นรัว.
    你怎么能了,
    ai ni zen me neng liao

    จะเป็นไปได้ไหมที่จะหยุดรักคุณ?
    今夜的你
    应该明了,
    jin ye de ni ying gai ming liao

    คืนนี้, คุณควรเข้าใจ,
    缘难了情了。
    yuan nan liao qing nan liao.

    ยากยิ่งที่จะหนีจากโชคชะตาเช่นเดียวกับรักนี้ที่ไม่มีทางทุเลา.

     

    “สุดท้ายคยูฮยอนก็ยังเป็นแบบนี้เพราะซีวอนเนอะเธอ”

    “เอาเถอะ เราจะทำอะไรได้” เด็กสาวสองคนหยุดบทสนทนาลงก่อนจะยิงรัวชัตเตอร์ไปยังชายหนุ่มบนเวที เจ้าตัวจะรู้ไหมหนอว่านัยน์ตาน่ะสะท้อนทุกสิ่ง คยูฮยอนจะรู้ไหมหนอว่าตัวเองกำลังเศร้าขนาดไหน

    เด็กสาวได้แค่คิด....

     

     

     

    “คัท! ปิดกอง” เสียงสุดท้ายราวกับเสียงสวรรค์ นักแสดงทั้งจากไต้หวันและเกาหลีต่างโค้งให้กันในฐานะที่ร่วมงานมาเกือบสองเดือน ทงเฮน้ำตารื้นหน่อยๆส่วนผมไล่กอดนักแสดงทุกคนรวมถึงผู้กำกับและสตาฟฟ์ พวกเราใช้เวลานาทีสุดท้ายลาจากกันให้คุ้มค่าที่สุด..

    “เฮ้อ คิดแล้วใจหายเนอะซีวอน จะไม่ได้เจอทุกคนอีกแล้ว”

    “อืม” ผมตอบส่งๆก่อนจะสนใจไอโฟนที่อยู่ในมือ หน้าจอโชว์เบอร์โทรศัพท์ของคยูฮยอนที่จนแล้วจนรอดตลอดสองเดือนมานี้ผมแทบไม่ได้กดหาเลย

    หลังจากที่เลือกคยูฮยอน ผมเองต้องใช้เวลาทั้งหมดในการตัดสินใจ ทบทวนอนาคตข้างหน้า เพราะผมไม่สามารถหันหลังกลับอีกต่อไป ผมเลือกคยูฮยอน ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นผมจะอยู่เคียงข้างน้องเอง

    “โทรไปสิ”

    “ห๊ะ?”

    “ก็โทรหาคยูฮยอนไง เห็นจ้องมาตั้งนานสองนาน น้องมันไม่รู้หรอกว่าฮยองโง่ๆอยากโทรหา”

    “ทำงานอยู่มั้ง นี่ก็ดึกแล้วด้วย”

    “เออตามใจ ขี้เกียจพูดล่ะ” ทงเฮเอนหลังลงบนเบาะและสวมหูฟังก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เราสองคนถ่ายทำกันทุกวันแทบไม่ได้พักเพราะต้องเร่งให้ทุกอย่างเสร็จภายในเวลาที่กำหนด เพราะอีกไม่กี่เดือนเราต้องปล่อยอัลบั้มห้ากันแล้ว

    ยกมือหนวดขมับทั้งสองข้างอย่างอ่อนแรง เหนื่อยไปหมดจริงๆ ทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจ ความรักมีหลายรูปแบบเหลือเกิน

    ...ไม่ว่าแบบไหนก็เหนื่อยทั้งนั้น...

     “เฮ้ ทงเฮ ซีวอน ถึงแล้วนะ” พี่ผู้จัดการสะกิดพวกเราก่อนผมจะงัวเงียและปรับสายตากับภูมิทัศน์คุ้นเคย วันนี้พวกเรากลับมานอนหอของซุปเปอร์จูเนียร์เอ็มแล้ว ....รูมเมทของผม ..คยูฮยอน

    “เฮ้อ ถึงสักที” ทงเฮบิดขี้เกียจก่อนจะเดินเอากระเป๋าพาดบ่าเข้าด้านในอาคาร ส่วนผมได้แต่นั่งลังเลอยู่ด้านใน ผมควรจะบอกน้องตอนนี้เลยดีไหม ...ผมควรพูดเลยไหม? ขณะที่หัวใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมก็ถูกเมเนเจอร์ฮยองลากลงจากรถพร้อมโยนกระเป๋าสัมภาระใส่

    “เหม่ออะไรซีวอน ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าแล้วนอนไป๊ ทุกคน อยู่ในห้องน่ะ” ย้ำคำว่าทุกคนก่อนจะดันหลังผมให้เข้าตัวอาคาร ขณะที่ลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้นด้านบน ในใจลิงโลดด้วยความยินดีที่จะได้เจอหน้าใครบางคนที่ในใจโหยหาตลอดเวลา เสียงเจี๊ยวจ๊าวจากห้องนอนดังตลอดทาง ก่อนทุกอย่างจะเงียบลงเมื่อผมหยุดอยู่หน้าห้อง”ของเรา”

    “กลับมาแล้ว...” ส่งเสียงทักทายก่อนคนที่กำลังง่วนอยู่กับโน้ตบุคจะหันหน้ามายิ้มให้ คยูฮยอนอยู่ในชุดนอนสบายๆเสื้อยืดกับกางเกงขายาวที่เจ้าตัวชอบใส่ น้องหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบก่อนจะเล่นเกมส์ต่อไปโดยไม่สนใจ

    เมื่อไหร่ที่น้องใส่หูฟัง ตอนนั้นหมายถึงไม่อยากให้ใครรบกวนโลกส่วนตัว...

    “คยูอา..” ผมหยิบหูฟังออกจากคยูฮยอน ก่อนน้องจะมุ่ยหน้าเล็กน้อยและหันกลับมาหาผม ผมไม่กล้ามองน้องให้เต็มสายตา กลัวว่าจะนาทีจะโผเข้ากอดให้สมกับความคิดถึงทั้งหมดที่มี

    “ฮยองก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครกวนเวลาเล่นเกมส์”

    “ขอโทษที ..ก็ไม่ได้เจอตั้งสองเดือนเดือน ฮยอง...คิดถึงนี่นา”

    “.....” คยูฮยอนเงียบลงก่อนจะเตรียมหมุนตัวกลับไปเล่นเกมส์ที่เปิดค้างอยู่ ผมตรงเข้าไปจับแขนน้องเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่งั้นคงนอนไม่หลับทั้งสองฝ่าย

    “คือ..เรื่องที่คยูพูดกับฮยองวันนั้น ...ฮยองเลือกได้แล้วล่ะ...”

    “ครับ?”

    “ฮยองเลือกคยูฮยอนนะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    เหมือนทุกอย่างในท้องตีวนขึ้นมา คำตอบที่ซีวอนกำลังมอบให้ผมเหมือนมีดเล่มเล็กที่กรีดหัวใจเป็นริ้วๆ มือของผมสั่นอย่างห้ามไม่อยู่จนเผลอปัดข้าวของด้านข้างตกพื้น ผมรีบทรุดลงเก็บของพวกนั้นก่อนซีวอนจะเข้ามาช่วย ซีวอนเข้ามาใกล้เสียใจผมกลัวว่าฮยองจะได้ยินเสียงหัวใจของผม..

    กลัวเหลือเกิน ...หัวใจที่บอบช้ำดวงนี้กำลังเต้นอย่างมีความสุข

    “คยู..เป็นอะไรไหม?”

    “มะ..ไม่ครับ ผมปกติดี” เราจับหนังสือเล่มเดียวกันก่อนที่ซีวอนฮยองจะเลื่อนมาจับมือและพาไปนั่งขอบเตียง ไม่มีใครพูดอะไรมีเพียงความเงียบโรยตัวรอบ

    “แล้วคำตอบของคยูล่ะ?”

    “ผม....” หลับตาลง..สูดลมหายใจ คำตอบนี้คยูฮยอนคิดไว้นานแล้ว นานเหลือเกิน เสียใจไหมกับทางที่เลือก..ผมไม่รู้จริงๆ ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นแบบไหน ..

     

     

     

     

     

    “ผม...ขอโทษนะครับ ผมเลือกคนละทางกับฮยอง”

     

     

     

     

     

    “คยู....” ผมรู้ว่าฮยองไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก หากเป็นไปได้ผมเองก็อยากเลือกเหมือนกับฮยอง อยากจะก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยสถานะที่มากกว่าคำว่า”พี่น้อง”และใช้คำว่า”คนรัก”เสียที

    “ผม..เองก็อยากเลือกแบบเดียวกับฮยองนะครับ”

    “แล้วทำไม?”

    “ผมไม่สามารถทำลายครอบครัวของฮยองได้ ฮยองเป็นลูกชายคนเดียว มีธุรกิจที่ต้องทำ มีครอบครัวที่ต้องดูแล มีหน้าตาและฐานะทางสังคม ถึงพวกเราจะเป็นคนรักกัน สักวันเรื่องนี้ต้องถึงหูสื่ออยู่ดี...ลำพังผมเองไม่อะไรอยู่แล้ว แต่ผมไม่สามารถทนดูทุกอย่างของคนที่ผมรักพังลงด้วยฝีมือผม”

    “มันเป็นเรื่องของอนาคตนะคยูฮยอน”

    “แต่มันต้องถึงสักวันใช่ไหมล่ะครับ ผมทนไม่ได้หรอก ผมทำไม่ได้ ผมทำร้ายสเตลล่าไม่ได้ เธอไม่รู้เรื่องและเธอ..ก็รักฮยองเหมือนที่ผมรักฮยอง ผม...” ทุกอย่างจุกขึ้นมาที่คอจนพูดไม่หมด น้ำตารื้นขึ้นขอบตาเพราะทำนบที่ขังไว้นานใกล้พังทลายเต็มที ผมถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของซีวอนก่อนที่มืออุ่นจะลูบหลังผมแผ่วเบา

    “ไม่เป็นไรนะคยูฮยอน ไม่ร้อง ฮยองขอโทษ ยากใช่ไหม เจ็บปวดใช่ไหม งั้นร้องไห้ออกมานะคนดี ฮยองเข้าใจว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน เพราะตอนนี้ฮยองเองก็รู้สึกไม่ต่าง ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”

    คำว่าขอโทษถูกพูดซ้ำไปมาข้างหู ผมเองร้องไห้จนตัวโยน ไม่ชินเลย ไม่คุ้นชินกับความรู้สึกแบบนี้ เฝ้าถามตัวเองว่าเรารักกันแต่ทำไมถึงไม่สามารถข้ามไปถึงคำว่า”คนรัก”ได้สักที ทั้งเจ็บปวด ทั้งหนักหน่วง

    พวกเราจะก้าวข้ามมันไปได้เช่นไร? จนถึงนาทีนี้ผมเองก็ไม่รู้จริงๆ

     

     

     

     

     

    ผมลืมตาขึ้นก่อนจะปรับสายตากับแสงแดดที่แยงผ่านผ้าม่าน ผมหลับไปในอ้อมกอดของซีวอน ผมเดินอออกมาสำรวจตัวเองในกระจกก่อนจะหัวเราะตัวเองที่ร้องไห้จนตาบวมตุ่ยแบบนี้ โชคดีที่วันนี้ไม่มีตารางงาน คงได้พักเต็มๆสักที

    “ฮยองครับ ฮยอง..ไปทานข้าวกันเถอะ” ผมเขย่าปลุกคนที่หลับอุตุบนเตียงก่อนจะยิ้มให้กับซีวอนที่กำลังปรับสายตากับแสงแดด สภาพของซีวอนฮยองเองไม่ได้ต่างไปจากผมเท่าไหร่ เมื่อคืนผมร้องไห้จนหลับไป ส่วนซีวอนเฝ้าพูดแต่คำว่าขอโทษ ไออุ่นของมือนุ่มยังคงเหลือบนแก้มนิดหน่อย...

    “อรุณสวัสด์คยูฮยอน ไม่มีตารางงานเหรอ?”

    “ไม่ฮ่ะ ฮยองปิดกล้องแล้วนี่นา? ไปทานข้าวกับผมไหม ผมว่าจะไปกินหม้อไฟสักหน่อย”

    “ฮยองไม่ชอบอ่ะ แว่ะ”

    “ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ผมไปกับฮยอกแจก็ได้”

    “โหย ล้อเล่นไปก็ไป เราไปอาบน้ำก่อนเถอะ ฮยองของีบอีกห้านาที”

    “คร้าบบบบบ” รับคำเสียงใส เมื่อประตูห้องน้ำปิดลง รอยยิ้มที่เมื่อกี้หายไปอย่างรวดเร็ว การฝืนยิ้มไม่ใช่เรื่องดี ผมไม่ใช่คนแบบนั้น..ไม่ใช่คนที่จะฝืนยิ้มเพื่อใคร แต่สำหรับซีวอน..ผมไม่อยากให้เค้าเสียใจ ไม่อยากแม้แต่สักนิดเดียว

    ผมจะทนได้อีกนานแค่ไหนกันนะ? อีกสี่ปี? ห้าปี? หรือความอดทนของผมจะหมดลงนาทีข้างหน้า

    ผมไม่รู้จริงๆ...

     

     

     

    เสียงน้ำกระทบกับพื้นกระเบื้องดังลอดออกมา ผมเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งก่อนจะหันไปยังต้นเสียง “ความรัก”ของผมกำลังทรมาน ผมรู้ดี ..ไม่สิพวกเรารู้ดี การที่คยูฮยอนตัดสินใจแบบนั้นทำให้ผมแทบยืนไม่อยู่หากเหตุผลของน้องช่างบีบรัดเสียเหลือเกิน ผมเองขี้ขลาดที่ไม่เลือก ..แต่ผมไม่สามารถเลือกได้ครอบครัวเองก็สำคัญพอๆกับคยูฮยอน

    ผมควรทำยังไง

    หลับตาลงพลันคิดถึงเรื่องเก่าๆ วันที่ผมยังสามารถเก็บความรู้สึกที่มีให้กับน้องไว้ข้างใน วันที่ผมยังสามารถกอดและเล่นหัวน้องได้อย่างปกติ แล้วเมื่อไหร่กันที่ผมลืมมันไป

    RRRRRRrrrrrr

    เหลือบมองไอโฟนของคยูฮยอนที่ร้องไม่หยุด ผมเดินไปคว้าเพื่อกดดับเสียงก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อคยูยังคงใช้เคสวันพีซที่ผมซื้อมาฝากจากญี่ปุ่นเมื่อคราวก่อน ขณะที่กำลังวางไอโฟนก็แผดเสียงอีกครั้งจนผมอดไม่ได้จะเหลือบมองชื่อคนโทรเข้า

    “วิคตอเรีย”

    อ่า..ตอนนี้คยูฮยอนกำลังคบอยู่กับวิคตอเรียนี่ ผมตัดสินใจคว่ำไอโฟนลงบนเตียงของคยูฮยอนก่อนจะใช้หมอนทับไว้อีกที ดูเหมือนเด็กขี้อิจฉา ...แต่ทำยังไงได้ก็ผมอิจฉาจริงๆนี่ครับ

    อิจฉาวิคตอเรียที่สามารถพูดให้ใครต่อใครฟังได้ว่าตัวเองกำลังคบอยู่กับคยูฮยอน กระทั่งจูบกันหรือกอดกันก็ยังไม่ผิด ..ต่างกับผมที่ไม่มีตัวเลือกในการไปต่อกับความรักครั้งนี้

    จะตัดใจ? จะโกรธ?

    สุดท้ายตัวเลือกของผมก็ไม่มีคำว่ารักอยู่เลย....

    “เมื่อกี้ใครโทรมาครับฮยอง”

    “วิคตอเรียน่ะ รีบโทรกลับซะสิ” ผมยิ้มให้กับคยูฮยอนก่อนจะส่งไอโฟนให้ น้องทรุดนั่งปลายเตียงก่อนจะเช็ดผมที่เพิ่งสระเสร็จมาดๆ ผมแย่งผ้าขนหนูผืนนั้นมาถือไว้ในมือเสียเองและยิ้มให้น้องอีกครั้ง

    “..เดี๋ยวผมค่อยโทรกลับก็ได้”

    “ไม่ต้องเกรงใจ โทรเลยๆ ปล่อยให้ผู้หญิงรอไม่ดีนะ” ผมพาตัวเองขึ้นไปชันเข่าบนเตียงก่อนจะลงมือเช็ดผมให้คยูฮยอน เส้นผมเล็กและนิ่มมือราวกับขนแมว กลิ่นชมพูอ่อนลอยแตะจมูกจนผมเผลอก้มลงจนสัมผัสถึงความชื้นบนริมฝีปาก คยูฮยอนเงยหน้ามองก่อนจะยิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่

    สุดท้ายคยูฮยอนก็ไม่ได้โทรกลับหาวิคตอเรีย น้องปล่อยให้ผมใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กซับความเปียกชื้นไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไรสักคำ

    ความเงียบที่โรยตัวอยู่ในบรรยากาศกลับไม่เท่ากับความอึดอัดในหัวใจที่มากขึ้นทวีคูณ...

     

     

     

    หลังจากวันนั้นพวกเราพยายามทำตัวเหมือนปกติ แสร้งไม่ใส่ใจสายตาสงสัยใคร่รู้จากสมาชิกคนอื่น เรายังคงเล่นกันเรายังคงหัวเราะกันปกติ เมื่อตารางงานที่ไต้หวันสิ้นสุดลง เรามีเวลาพักสั้นๆสองอาทิตย์ก่อนจะที่ต้องเริ่มอัดเพลงอัลบั้มห้ากัน ผมขอตัวกลับไปอยู่บ้านเพราะหอซุปเปอร์จูเนียร์ตอนนี้แทบระเบิด

    “ผมกลับไปนอนที่บ้านนะฮยอง”

    “อื้อ ..รู้ไหมมีอะไรก็โทรมาฮยองได้ตลอดเวลาเลยนะ” อีทึกฮยองกำชับและกอดผมจนแน่นไปหมด ผมพยายามสะบัดหัวไล่น้ำตาที่กำลังไหลก่อนจะยิ้มให้กับฮยองอีกครั้ง

    “ซีวอนน่ะ..กลับคอนโดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” ยิ้มเฝื่อนกับประโยคบอกเล่าธรรมดา ผมรู้สึกสมเพชตัวเองที่สุดท้ายแล้วสายตาของผมก็ยังไล่ตามซีวอนไม่หยุด ทั้งที่ตัดสินใจแล้ว

    ทั้งที่เลือกแล้วว่าจะหยุดความสัมพันธ์ลงเท่านี้..

    ...แต่หัวใจของผมกลับเจ็บปวดเหลือเกิน

    ปิดประตูรถลงก่อนจะโบกมือลาอีทึกฮยองที่มาส่งตรงลานจอดรถ ผมเร่งเพลงให้ดังจนในหัวไม่สามารถรับรู้อะไรพลันโทรศัพท์เจ้ากรรมแผดเสียงดังสนั่น ผมเหลือบมองหน้าจอก่อนจะลืมนึกถึงใครบางคนที่รอผมกลับมาใจจดใจจ่อ

    “ฮัลโหล”

    “กลับมาแล้วเหรอ? พอดีเจออึนฮยอกในบริษัทเลยลองโทรหาดูน่ะ”

    “อื้อกลับมาแล้ว”

    “งั้นเหรอ.. ตอนนี้ฉันอยู่บริษัทนะ มารับหน่อยได้ไหม”

    “อ่า..ได้สิ อีกสักสิบห้านาทีนะ”

    “โอเค ฉันรออยู่ด้านหลังนะ”

    ผมวนรถกลับไปยังบริษัทที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง ถึงเพลงจะดังสักเพียงไรผมยังไม่สามารถสลัดความคิดบางอย่างออกไปได้เลย ความรู้สึกผิดแล่นริ้วเต็มหัวใจ ผมมีวิคตอเรียอยู่แล้วทั้งคน แต่สิ่งที่ผมทำคือกำลังเรียกร้อง..

    เรียกร้องความรักจากซีวอนอย่างเห็นแก่ตัว  ....ชั่ววินาทีที่เผลอโอนเอียง ความรักในใจที่วูบไหวตามสถานการณ์ คืนนั้นผมเกือบตอบตกลงด้วยความลิงโลดที่แล่นทะยานในความรู้สึก หาก..ความเป็นจริงรั้งให้ผมอยู่กับที่เดิม

    ให้ตระหนักถึงตัวตนของซีวอนและของผม..

    เพราะบางครั้ง ..รักก็ไม่พอเพียงอีกต่อไป..

    “โอ้ย เย็นๆ” วิคตอเรียถูมาไปมาแรงๆเพราะออกมายืนรอผมด้านหลังได้สักพัก ผมสังเกตยื่นถุงร้อนแบบพกพาให้เธอก่อนที่จะหนาวตายไปเสียก่อน

    “เป็นยังไงบ้าง”

    “ก็สบายดี กำลังเตรียมอัลบั้มใหม่อยู่น่ะ”

    “เหรอ”

    หลังจากนั้นบทสนทนาของผมและวิคตอเรียก็เงียบสนิท มีเพียงเสียงวิทยุและบางครั้งแทรกด้วยเสียงสัญญาณเลี้ยวรถ บางครั้งเงียบสงัดจนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจถี่ๆของผม

    “อยากไปไหนไหม”

    “อืม..ไปหาอะไรกินกันก็ได้นะ” วิคตอเรียตอบเสียงสดใสก่อนผมจะเลี้ยวเข้าลานจอดรถของร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่ผมชอบมาทานบ่อยๆ เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นพวกเรา เธอผายมือไปยังห้องส่วนตัวด้านในสุด ผมถอนหายใจก่อนจะสั่งสาเกร้อนมาและที่เหลือปล่อยให้วิคตอเรียจัดการสั่งอาหาร

    “นี่รู้ไหม ....” ประโยคหลังจากนั้นแทบไม่ได้เข้าหูเสียเท่าไหร่ บางครั้งก็แสร้งหัวเราะไปพร้อมกับวิคตอเรียหรือบางทีก็พยักหน้าส่งๆไป ตอนนี้ที่ผมรับรู้มีเพียงรสเหล้าสาเกในปาก

    รสเฝื่อนและขมปร่า หากผมกลับถูกใจเหลือเกิน..

    “คยูฮยอน”

    “หื้อ?”

    “ฉันว่า...เราเลิกกันดีกว่าไหม” เป็นครั้งแรกที่ผมเงยหน้ามองเธอ หลังจากประโยคนั้นมีเพียงเสียงหัวเราะจากห้องข้างๆแว่วเข้าโสตประสาท ผมเห็นเธอกดยิ้มเศร้าและพยายามซ่อนใบหน้าไว้ใต้ผมยาวสลวย

    บางครั้งผมก็อิจฉาที่ผู้หญิงสามารถซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดได้อย่างแนบเนียนเพียงแค่ปล่อยให้เส้นผมปิดบังดวงตา...

    “ขอโทษนะวิคตอเรีย”

    “ไม่ใช่ความผิดของคยูหรอกนะ มันเป็นความเอาแต่ใจของฉันเอง” วิคตอเรียเงยหน้าขึ้นมาก่อนส่งยิ้มให้ผมแบบที่เธอชอบทำ ถึงแบบนั้นผมก็ยังสังเกตถึงแพขนตาที่เปียกชื้น

    “เพราะฉันไม่ดีเอง ฉันรู้ว่าเธอไม่ปฏิเสธฉันแน่นอนถ้าฉันขอเธอเป็นแฟน”

    “....”

    “ฉันเคยคิดนะว่า คงจะมีสักวันที่คยูหันกลับมามองฉัน เห็นฉันมีตัวตนอยู่ในสายตา ฉันคิดว่าถ้าได้คบกับเธอ เธอคงยอมเปิดใจบ้างถึงจะเล็กน้อยก็ยังดี”

    “......”

    “แต่ฉันคิดผิด ...เธอน่ะยังมีใครคนนั้นเต็มหัวใจ ซีวอนน่ะ”

    “รู้ด้วยเหรอ?”

    “รู้สิ ทำไมฉันจะมองไม่ออกล่ะว่าคนที่ฉันรักกำลังรักใครอยู่ โดยเฉพาะสายตาแบบนั้น ฉันอิจฉาซีวอนตลอดเลยนะ เธอมักมองตามเค้าโดยที่เธอไม่รู้ตัว บางครั้งก็ทำหน้าเศร้ามากๆจนฉันอยากเข้าไปกอด...”

    “ขอโทษนะ” ผมรู้สึกผิดที่เหมือนกับหลอกเธอมาตลอด วิคตอเรียส่ายศีรษะก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นเสียงบานประตูเลื่อนดังขึ้นก่อนเสียงฝีเท้าจะหยุดลง

    “คยูฮยอน ไม่ว่าใครๆก็เห็นแก่ตัวในเรื่องความรักทั้งนั้นนะ เธอเองก็ควรเห็นแก่ตัวบ้าง” พูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนบานประตูเลื่อนจะปิดสนิทและเสียงฝีเท้าไกลออกไป

    ไม่ว่าใครๆก็เห็นแก่ตัวงั้นเหรอ...

    ซบหน้าลงบนท่อนแขนที่วางพาดโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็ก เฝ้าครุ่นคิดไปต่างๆนาๆ จากสาเกร้อนเปลี่ยนเป็นไวน์เลิศรสสีองุ่น มองตามไวน์ที่หมุนตามแก้วทรงสูงที่อยู่ในมือผม

    “ต้องทำขนาดไหนล่ะถึงจะเรียกว่าเห็นแก่ตัว..” คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่วนเวียนทำให้ผมรู้สึกอยากปิดเปลือกตาลงเหลือเกิน หูแว่วเสียงฝีเท้าหนักๆก่อนบานประตูจะเลื่อนเปิดออก

    กลิ่นน้ำหอม..ที่คุ้นเคยวนเวียนใกล้จมูกก่อนผมจะผล็อยหลับไป

     

     

    รู้สึกตัวอีกครั้งเพราะรู้สึกถึงการสั่นสะเทือน ในหัวผมปวดจี๊ดผมปรับสายตาก่อนจะพบว่าตัวเองย้ายมานอนบนรถแทนร้านอาหารเมื่อครู่เสียแล้ว เมื่อหันไปมองหน้าคนขับ ซีวอนกำลังทำหน้าเครียดขึ้งอยู่ข้างๆผม...

    “ฮยอง...”

    “ไปหลับในร้านอาหารแบบนั้นได้ยังไงน่ะ ดีนะที่ผู้จัดการเค้าจำได้เลยโทรหาฮยอง”

    “ผมคงเมามั้ง...” ผมพลิกตัวและเปลี่ยนท่าเป็นนอนหันหลังให้คนขับรถ วิวทิวทัศน์รอบนอกเหลือเพียงไฟริมทางที่ส่องวาบเข้ามาในรถและบางครั้งก็เป็นสัญญาณไฟสีแดงจ้าจนแสบตา..

    ผมขมวดคิ้วเมื่อถูกพาเข้ามาในบริษัทยามดึก ซีวอนดับเครื่องยนต์ก่อนจะเดินมาเปิดประตูรถฝั่งผมและรอให้ผมจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินตามซีวอนเข้าบริษัทแบบมึนๆ

    “ช่วยดูไลน์เต้นให้ฮยองหน่อยสิ” ผมถูกกดให้นั่งลงหน้ากระจกก่อนเพลงซุปเปอร์แมนจะดังขึ้น เนื่องจากซีวอนฮยองตกปากรับคำเข้าร่วมเอเธน่าภาคสอง ฮยองเลยถูกตัดให้เหลือไลน์เต้นสั้นๆช่วงต้นเพลงเท่านั้น

    “ไม่ๆ ฮยองต้องขยับแบบนี้” สุดท้ายผมลุกขึ้นและช่วยจัดไลน์เต้นให้ฮยอง สักพักใหญ่จนทุกอย่างเข้าที่ดีเราสองคนจึงนั่งหอบอยู่กลางห้องซ้อม

    “เหนื่อยชะมัด”

    “อะไร มาให้ช่วยซ้อมแค่นี้บ่นเหนื่อย”

    “โหย ผมกำลังมึนได้ที่เลยนะฮยอง สอนได้เนี่ยก็บุญแค่ไหนแล้ว”

    “ไปทานข้าวกับวิคตอเรียมาเหรอ”

    “ครับ.....” ซีวอนขยับลุกขึ้นก่อนจะเก็บข้าวของผมขมวดคิ้วที่จู่ๆฮยองเลิกซ้อมปุปปัป ซีวอนเดินมาหาผมก่อนจะส่งมือให้ผมก่อนที่จะยื่นมือให้ ฮยองก็ชักมือกลับก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากจนผมลงไปนั่งจุมปุกที่เดิม

    “ไม่ระวังตัวเหมือนเดิมเลยน้า”

    “ใครจะรู้ว่าจะโดนแกล้ง” บ่นอุบอิบก่อนจะลุกขึ้นมายืนเต็มความสูง ซีวอนยืนรออยู่หน้าประตูขณะที่ผมกวาดของส่วนตัวลงกระเป๋าลวกๆ

    “เป็นแบบนี้คยูว่าดีแล้วใช่ไหม?”

    “ครับ?”

    “ถ้าเป็นแบบนี้แล้วคยูตกลง ฮยองก็โอเคนะ...”

    “อะ..ครับ”

    “ขอตัวกลับก่อน เดี๋ยวฮยองโทรเรียกฮีชอลฮยองให้นะ วันนี้จะกลับไปนอนที่บ้านเลยน่ะ”

    “ครับ...”

    ซีวอนฮยองเดินออกไปแล้ว เหลือแต่ผมที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ทำไมกัน? ผมเองก็หวังให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว แต่พอได้ยินจากปากของซีวอนกลับเหมือนถูกกรีดลงที่หัวใจช้าๆ ในหัวมึนตึ้บคิดอะไรไม่ออก..ประโยคเหล่านั้นยังคงวนไปวนมาในหัวของผม..

     

     

     

     

    “เฮ้ คยูฮยอน” ขมวดคิ้วก่อนจะเปิดประตูห้องซ้อมออก ทำไมเด็กบ้าถึงปิดไฟมืดจนมองไม่เห็นอะไรแบบนี้ แล้วทำไมซีวอนถึงโทรให้เค้ามารับทั้งๆที่ทุกทีมันจะพาน้องไปส่ง?

    “คยู...” ยังไม่ทันจบประโยคผมเห็นคยูฮยอนนั่งกอดเข่าอยู่มุมห้องซ้อม ถอนหายใจก่อนเดินเข้าไปใกล้และสะกิดเจ้าตัว คยูฮยอนสะดุ้งแรงๆก่อนจะยิ้มให้และเตรียมลุกขึ้น ..

    นัยน์ตากลมโตที่ผมเคยเอ็นดูแดงก่ำจนน่าตกใจ...และผมพอรู้ว่าสาเหตุของอาการที่ว่าคืออะไร.....

    “โดนพูดอะไรมาใช่ไหม มันเจ็บจนทนไม่ไหวใช่ไหม...” ใบหน้าหวานของน้องเล็กกระตุกก่อนน้ำตาจะไหลออกมาเป็นสาย อีกครั้งที่คยูฮยอนร้องไห้โดยไม่มีเสียง ผมรู้สึกถึงแรงบีบที่ชายเสื้อ

    ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เด็กสองคนจะหยุดทำร้ายตัวเอง  เมื่อไหร่ที่ความรักจะไม่ทำร้ายสองคนนี้กันนะ

    .. ฮีชอลได้แต่ตั้งคำถาม....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×