ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All of Short Fictions { WonKyu }

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] 7 years of love (siwon's part)

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 54


    “อา..พี่ซีวอน ..ผมเองนะ ...คือ ..ออกมาพบกัน ...ได้ไหม?”

    “คยูฮยอน.......................ได้สิ ..ร้านไหนล่ะ?”

    “ร้าน........เดิม.....ครับ

     

    สามคำที่ราวกับจะทำให้คนฟังแตกออกเป็นเสี่ยงไม่มีคำตอบใดๆต่อท้ายประโยคเมื่อครู่

    มีเพียงเสียงหายใจแผ่วเบาที่ส่งผ่านสายโทรศัพท์ .. ถึงแม้ห่างไกลแต่ผมยังคงได้ยิน

    ผ่านมาเจ็ดปีแล้วสินะ .. กับเรื่องราวของผมและคยูฮยอน

     

    ....เรื่องราวที่เหมือนกับความฝัน....

     

     

     

     

    “ฟิ้วววววว น้องคยูฮยอนคนสวยยยยยยย”

    ผมอดไม่ได้ที่จะแซวรุ่นน้องสุดหล่อของสาวๆประจำคณะ ..แรกๆก็ไม่ได้สนอะไรมากมายกับคนๆนี้หรอกนะ แต่หลังๆเริ่มทีแต่คนพูดถึง ทำเอาผมหงุดหงิดนิดหน่อยแฮ่ะ

     

     

    “ขอบคุณครับ”

     

     

    นั่นไงละ! ผมกะแล้วว่าน้องต้องพูดคำนี้ออกมา เหอะ! ไม่ว่าแซวเท่าไหร่ แซวแรงแค่ไหนขนคิ้วก็ไม่กระดิกสักเส้น!

    อะไรจะเป๊ะขนาดนั้นครับน้อง!!!

     

    เลยกลายเป็นนิสัยเสียๆของผมไปซะแล้วที่ต้องแกล้งแหย่แกล้งแซวน้องเค้า หลังๆผมเริ่มรู้สึกเบื่อนิดหน่อยเพราะสีหน้าเฉยชายังกะไม่เห็นหัวใครบนโลก ..จนวันนั้น

     

    “เฮ้ยไอ้เชี่ยชเวน้องคยูๆ ซ้ายกูๆ”

    “ไหนวะ ไอ้หมาบอมกูยังไม่เห็นเชี่ยอะไรนอกจากก้นของเชียร์ลีดเดอร์”

    “ไอ้ควายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ลากเสียงยาวเพื่อให้รู้ว่าผมควายจริงๆพร้อมโบกหัวผมหนึ่งที

    “กูบอกว่าซ้ายมือกู”

     

    แล้วผมก็ต้องเบิ่งโตของผมให้โตยิ่งกว่าไข่ห่าน ....ทำไมน่ะเหรอ?

     

    ...................คยูฮยอนกำลังหัวเราะกับรุ่นพี่โบอาน่ะสิ......................

     

    มันมีช่วงแวบนึงที่หัวใจมันเจ็บแปลกๆแต่มันก็ไม่กี่วินาทีหรอกนะ ผมว่าผมก็แกล้งคยูบ่อยอยู่(แทบทุกครั้งที่เจอหน้าครับ)แต่ทุกครั้งคยูจะปั้นหน้านิ่งใส่ผม แรกๆประหลากใจอยู่ที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย หลังๆผมว่าสนุกดี ผมอยากเห็นน้องเค้าฟิวส์ขาดบ้างน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า

     

    “ไอ้ชเวมึงไป...ไหน?”

    “ไปแกล้งคน”

     

    ผมไม่เข้าใจตัวเอง ผมไม่เสียใจหรือโกรธอะไรหรอกนะที่น้องเค้าเย็นชาใส่ผม ขำๆน่ะ...แต่...ผมรู้สึกเจ็บแปลกๆว่ะ

    ยิ่งใกล้เสียงหัวเราะยิ่งชัดขึ้น ...ชัดขึ้นจนก้องในหัว

     

     

     

    นั่นไงครับ...พอผมเดินเข้าไป จากที่หัวเราะอยู่น้องเค้านิ่งสนิทแล้วก็เบือนหน้าไปทางอื่น แต่...ผมบอกแล้วไง

    ผมชินกับกิริยาชินชาที่ทำเหมือนไม่เห็นผมในสายตาไปเสียแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า~

     

    “ฟิ้ววววว น้องคยูคนฉ่วยยยย คบกับรุ่นพี่โบอาตั้งแต่เมื่อไหร่หราาาาาาาาา อิจฉาจริงน้าาาาาา งาบรุ่นพี่สุดสวยไปซะแล้ว”

     

    ไม่มีคำตอบจากคยู ...หึ .....คบกันจริงๆน่ะเหรอ? ดูสิครับ.....ช็อคไปแล้ สงสัยตกใจที่ผมรู้ความลับมั้ง กรั่กๆ

     

    “ว้าาาาาาา คบกันจริงๆด้วยเหรอเนี่ยยย ทำไมพี่โบอาไม่บอกผมอ้ะ”

    “ทำไมต้องรายงานนายถึงเรื่องด้วยละยะ แอบชอบฉันรึไง?”

    “แหม่~~~ ใครจะไม่ชอบพี่โบอาคนฉวยบ้างละก๊าบบบบบบบบบ”

    “น้องคยูคนฉวยเก่งจังนะคร้าบบบ คว้าเนื้อปลามันไปซะได้! โธ่เอ้ย! ผมว่าพรุ่งนี้จะไปจีบพี่โบอาซะหน่อย”

    “ให้มันน้อยๆหน่อยนะยะ เกรงใจคยูมั้ง เนอะ~

    “อ้ะ................ครับพี่ผมขอตัวนะครับ ผมมีธุระ”

    “เดี๋ยว!

     

    .......อะไร? ทำไม? ผมรั้งน้องเค้าไว้ทำไม? ผมจะพูดกับน้องเค้า?

    ทำไมมือน้องสั่น? ทำไมน้องทำหน้าแบบนั้น? ทำไมผมไม่ปล่อยมือน้องเค้า?

    ทำไม? ทำไม? ทำไม? ผม....ถึงรู้สึกแบบนี้??????

     

    ทำ-ไม!?

     

    “กะ...กรุณาปล่อยมือผมด้วยครับ”

    “อะ....อะไรกัน ฮ่าฮ่าฮ่า ว่าจะเชคแฮนด์แสดงความยินดีด่วยซะหน่อย ฮ่ะฮ่ะฮ่า~ รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยรึไง ฮ่าฮ่าฮ่า”

    “ครับ....”

    “...ยินดีด้วยนะครับพี่โบอา น้องคยูคนฉวยยย บายบาย~

     

     

     

    สมองผมกำลังทำงานอย่างหนัก มือทั้งสองข้างกำลังสั่น มันปวดในอกแปลกๆ

    มันไม่ใช่แบบทุกที..ครั้งนี้มันเหมือนแทรกลึกจนถึงขั้วหัวใจ ...ตลกดีอ้ะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า ผมเพิ่งเคยรู้สึกอะไรแบบนี้นะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....ฮ่า....ฮ่า....ฮ่ะ....ฮ่ะ

     

    ....................................

     

    “เป็นเชี่ยไรของมันชเว โดนน้องคยูหักอกมารึไง ไอ้ฟายยย ฮ่าฮ่า”

    “ปากดีนะมึง กูเซ็งโว้ยยยยยยยยย แม่งงงงน้องคยูคาบพี่โบอาไปแดกชิบ”

    “อ้าวววววววววววววววว กูนึกว่ามึงเสียดายน้องคยู กูเห็นมึงหน้าเป็นหมาหงอยตอนเค้ายืนยันว่าคบกันเลยอ้ะ”

    “ฟายคิบอมก็กูเสียดายพี่โบอาไง ไปๆๆๆๆไปแดกเหล้าย้อมใจเป็นเพื่อนกูที”

    “ไอ้เชี่ยชเวหาเรื่องแดกเหล้าาาาาาาา”

    “ไม่ต้องมาทำเหมือนคนดีเลยมึง กูรู้ว่ามึงอยาก”

    “บ๊ะ! รู้ดีนะมึง”

    “ไปๆผับเดิมๆ โทรเรียกพวกคังอิน ซองมิน ฮยอกมาด้วย อ่อ..สาวๆด้วยนะมึง”

    “คร้าบบบบบบบ คร้าบบบบบบ สั่งจังนะ”

    “กูเลี้ยงเอง”

    “ต้องการอะไรโปรดเรียกกระผมนะขอรับท่านชายชเวซีวอน”

    “หลังตีนเป็นหน้ามือเลยนะไอห่ะ” แล้วก็ก็ถีบก้นไปมันไปหนึ่งทีโทษฐานทำตัวเห็นแก่เงิน

    คืนนั้นผมอยู่กับสาวคนนึงที่สอยได้จากผับจนถึงเช้า ไม่ว่าจะดื่มเหล้าแรงขนาดไหนผมยังคงไม่สามารถลบภาพใครบางคนออกจากหัว  ไม่สามารถลืมใบหน้านั้นได้จริงๆ ...

     

    นายหมายความว่ายังไง.....ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น?

    ทำไม .... ทำไมถึงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ละคยูฮยอน? ต้องเป็นผมสิ

    ต้องเป็นผมสิที่ควรทำแบบนั้น ต้องเป็นผมสิที่ปวดร้าวจนใจแทบขาด

    ....ต้องเป็นผมสิ ...อย่าทำหน้าแบบนั้นเลย ....เพราะผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง

     

     

     

    หลังจากนั้นผมก็ไม่เข้าไปยุ่งกับน้องเค้าอีก ดูน้อเค้ามีความสุขดียิ้มหัวเราะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ...ผมน่ะไม่อะไรหรอก

    ผมไม่อยากเอะอะคิดไปเองว่ามันคือความรู้สึก”รัก”หรือ”ชอบ”ทั้งๆที่ผมกับน้องเค้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

    ผมไม่อยากเอาหน้าไปให้น้องเค้าเห็น คยูจะพาลเหม็นเอาเปล่าๆ ...

     

    “ไอ้ชเวๆ น้องคยูๆ”

    “เออ..ปล่อยไป”

    “ไม่แซวแล้ว? ว้าววววว บร๊ะเจ้า!! ชเวมันเลิกปากหมาแล้วเว้ยยย”

    “เรื่องของกู”

    “ไอเชี่ยคนเค้าอุตส่าห์ถามดีๆ เป็นอะไรของมึงวะ หงุดหงิดตลอดเวลากูพูดถึงน้องเค้า ทำไม? หึงอ้ะเด้~~

    “หึงใคร ใครหึง ฟายยยยยย กูแค่เบื่อแล้วเว้ย แกล้งทีไรแม่งหน้าไม่เคยเปลี่ยน คิ้วสักเส้นยังไม่กระดิก แสรดดดดดดด”

    “ตามใจมึง ฮ่ะฮ่ะ เอ้อๆ มึงว่าเด็กคณะศิลกรรมคนนั้นน่ารักป้ะๆ”

    “คนไหนวะ?”

    “นั้นไงๆ ที่ยิ้มสวยๆน่ะ อ่อยยยยย น้องทงเฮของกรู~~

    “ผู้ชาย? มึงสับสนเหรอว่ะคิบอม?”

    “ปากดี น้องคยูก็ผู้ชายวะเฮ้ย”

    “เกี่ยวไรกับน้องเค้าวะ?”

    “เอาเถอะ เรื่องมึงกูไม่พูดละ ไปหาน้องทงเฮของกรูดีกว่า เอ้อๆ เกือบลืม มึงไปปิดห้องชมรมด้วยนะ ปิดไฟ เก็บของให้กูด้วย เย็นนี้กูมีนัด ฮ่าฮ่าฮ่า”

    “ได้ทีใช้ๆ”

    “ขอบคุณก๊าบพ่อ”

     

    สุดท้ายผมก็ต้องเดินไปชมรมดนตรีเพื่อปิดห้องแทนไอ้คิบอมจนได้ เกือบหกโมงเย็นทั้งมหาลัยคนแทบไม่เหลือ ได้ยินเสียงซ้อมลีดฯแว่วมาจากสนามด้านหลัง ว่างๆต้องแวะไปดูหน่อยแล้ว น้องยุนอาก็เป็นลีดฯนี่หว่า

     

    เสียงเปียโน....?

     

    จนป่านนี้ยังมีใครฟิดอยู่ซ้อมอีกวะเนี่ย สงสัยเด็กใหม่แน่ๆฟิตจังงง ขยันกว่าไอ้ประธานชมรมอย่างคิบอมนะเนี่ย(วันๆมันเอาแต่เดินตามน้องทงเฮต้อยๆครับ)

     

    “เฮ้ยยย จวนจะมืดกลับบ้าน....................ได้..........แล้ว”

    “ฮะ? อ่ะ...ครับ”

     

    คยูฮยอน?

     

     

    อะไรวะเนี่ยยยยยยยยยยยย เวรกรรมอะไรของกรูฟร่ะ!

    สุดท้ายได้แต่ขยี้หัวขยี้หางตัวเองแก้เซ็ง แล้วค่อยๆลากเก้าอี้ไปนั่งข้างเปียโนหลังใหญ่ในห้อง

    “ขอโทษที่รบกวนครับ เดี๋ยวผมขอเก็บโน้ตแปปเดียวแล้วจะรีบไปครับ”

    “เฮ้อออออออออออออออออออออ ไม่อยากอยู่กับฉันขนาดนั้นเลยรึไงน้า”

     

    ผมไม่กล้ามองหน้าน้องเค้าวะครับ ผมรู้ๆผมมันขี้ขลาด แต่ให้ผมเอาแก้มแนบกับคีย์เปียโนดีกว่าเอาแก้มแนบกำปั้นน้องเค้านะคร้าบบ(เผื่อน้องโมโหเพราะกวนตีนไว้เยอะ แฮ่ะแฮ่ะ)

     

    “ปะ..เปล่าครับ”

    “เหรอ...ดูเหมือนนายเกลียดฉันมากนี่นะ ...เอาน้าา ฉันเข้าใจๆ เจอคนกวนตีนแบบฉันเข้าไป มันก็ต้องมีเหม็นขี้หน้าบ้างเป็นธรรมดา เฮ้ออออออออ  แต่อย่าทำหน้าบึ้งเลยน้า ไม่สวย..เอ้ยยหล่อหรอก เชิ่อพี่ดิ ยิ้มบ้างก็ได้”

    “ครับ...”

    “แต่ฉันก็เข้าใจนะว่านายไม่อยากยิ้มให้ฉันเท่าไหร่ ...เอาเถอะ ฉันชินกับหน้านิ่งๆของนายซะแล้ว ท่าทางจะเกลียดฉันมากนะเนี่ย ฮ่ะฮ่า”

    “มะ..ไม่ใช่! ผมไม่เคเกลียดพี่ มีแต่พี่น่ะสิไม่ชอบขี้หน้าผม”

    “ไม่ใช่?”

    “ผมขอตัวครับ”

    “เดี๋ยว!

     

    ผมคว้าข้อมือน้องเค้าเอาไว้ น้องคยูพยายามที่จะขืนตัวออกแต่นาทีนี้อะไรก็หยุดผมไม่ได้แล้วละครับ ..ผมพยายามมองหน้าน้องชัดๆ คยูดันเอาแต่หลบไปมา จนสุดท้ายหมดทางเลือกผมเลยผลักน้องติดกำแพงแล้วเอาแขนกั้นไม่ให้หนีไปไหน

     

    “เงยหน้ามองพี่”

    “ไม่!

    “เงยหน้าเดียวนี้!

    “ไม่!

    ความอดทนขาดผึง ผมจับปลายคางคยูฮยนอย่างแรงให้หันมาสบตากับผม ... แต่พอผมเห็นหน้าน้องเค้าชัดๆ....

    อีกแล้ว ... คยูฮยอนทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว

     ทำไมถึงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ...อีกแล้ว?

     

    “ผมจะกลับบ้าน”

    “ไม่ต้อง”

    “ผมรีบ”

    “ทำไมต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ด้วย?”

    “อึกกก ..ปะ...ปะ..เปล่า แล้วก็ปล่อย! ผมจะกลับบ้าน! ปล่อย!!

     

    เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้องคยูโมโห แต่นาทีนี้อะไรก็หยุดไม่อยู่

    เพราะถ้สผมปล่อยไป..มัยอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน

    ผม-ไม่-ยอม!

     

    “ไม่ปล่อย”

    “ปล่อยยยยยยยยยย!!

    “ไม่ ....”

     

    ผมกดเสียงให้ลึก หวังว่าเคาจะฟงัผมบ้าง แต่คยูไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ ผมไม่รู้จะทำยังไง ..ผม...ผม

     

    “ปะ..อื้ออ”

     

    สุดท้ายผมเลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุด ใช้ปากปิดปาก...

    ริมฝีปากนุ่มที่ประท้วงด้วยการเม้มปากแน่นทำให้ผมขำเล็กๆ เพียงแค่ผมแตะแผ่วๆก็สั่นเป็นลูกนกในอ้อมแขน ลองแตะแผ่วๆอยู่หลายคราหากน้องยังคงสั่นเหมือนคนไม่รู้ประสาจนผมเอ็นดูเล็กๆ ...เมื่อน้องเผลอผมจึงเปลี่ยนเป็นจูบดูดดื่ม

    ผมไม่สามารถห้ามตัวเองได้อีกแล้ว ......

    น้องกระถดลิ้นถอยอย่างขลาดกลัวจนผมต้องล้อมให้เค้าค่อยๆรับสัมผัสหวาบหวาม ..แตะปลายลิ้นหยอกล้อเพื่อให้น้องคลายกังวล จนสุดท้ายหลอกล่อให้น้องรับผมทั้งหมดอย่างเต็มใจ ...

    ริมฝีปากอิ่มที่บวมแดงหากไม่สามารถทำให้ผมรู้สำนึก ผมแตะแผ่วๆอีกครั้งบนริมฝีปากบวมแดงก่อนจะกัดเบาๆเรียกเสียงครางหวานๆจากคนตรงหน้า ริมฝีปากเผยอออกยามส่งเสียงอุทรณ์...ผมใช้โอกาสนั้นสอดลิ้นรุกล้ำอีกครั้ง หากครั้งนี้ปลายลิ้นที่พยายามหลบหลีกกลับพยายามหยอกล้อด้วย ..หวานนุ่มจนแทบหายไปกับเสียงครางเบาๆหยามเกี่ยวกระหวัดแน่น...

     

    ผมคงตะกละมากเกินไป..คยูฮยอนทุบผมเบาๆสองสามที ก่อนผมจะถอนริมฝีปากออกด้วยความเสียดาย ..

    น้ำใสๆที่ติดปลายลิ้น ดูเย้ายวนจนยากจะจูบจนกว่าจะหายใจไม่ออกอีกครา ....

     

    ผมก้มหน้าลงอีกครั้ง .... หาก...............

     

    น้องสั่นไปทั้งตัวก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ผมตกใจทำอะไรไม่ถูกได้แต่พร่ำขอโทษน้องเค้า แต่ยังไงคยูอยอนก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้สักทีจนผมชักจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง

     

    “จูบนิดๆหน่อยๆไม่ได้เสียตัว คิดมากน่า”

    “.........ขอโทษฮ่ะ”

    “เอ้าขอโทษพี่ทำไม พี่สิต้องขอโทษ ไม่น่าทำอะไรแบบนี้เลย เฮ้ออออออออออออ”

    ผมสูดลมหายใจลึกๆก่อนรวบรวมความกล้าทั้งหมดในชีวิตเพื่อเรียบเรียงคำพูดทั้งหมดก่อนจะค่อยๆพูดช้าๆ

    “พี่ไม่ได้เกลียดเราโอเค๊? พี่แค่แซวเล่นเพราะ ..เอ่อ...ถูกใจนายนิดหน่อย แต่ก็นะ..”

    อับจนปัญญาครับ ไม่รู้จะต่อยังไงดี เฮ้อออออ

    “แค่นี้ใช่ไหมครับ? ผมจะกลับบ้าน”

    “เฮ้ยยยย เดี๋ยวๆ คือ...แล้วก็แบ่บ ...ตอนที่เห็นรายิ้ม พี่ว่านายก็...เอ่อ..น่ารักจริงๆ พี่เลยยิ่งอยากแซว อยากแกล้งให้ยิ้มบ้าง แต่ดูสิ..ขนคิ้วสักเส้นยังไม่กระดิก จนพี่จนปัญญาจะแกล้ง วันนั้นพี่เห็นคยูฮยอนกับพี่โบอา วันนั้น...พี่รู้สึก...เจ็บ...เจ็บมากเลยวะ สุดท้ายก็เลยแบ่บ....เอ้ออออออออออ สงสัย ... เฮ้อออออออ พี่คง..ชะ..ชอบ นาย ...วะ”

    ผมใช้โควตาถอนหายใจของทั้งปีนี้ครบแล้วครับกว่าผมจะรวบรวมคำพูดได้ก็แทบแย่ เซ็งนิดๆที่คนตรงหน้าไม่แสดงอะไรผ่านสีหน้าอีกแล้ว คราบน้ำตายังกรังอยู่บนหน้าแท้ๆ...เฮ้ออออออออออออออ

     

    อ๊ะ....ผมเผลอใช้โควต้าของปีหน้าแล้วแฮ่ะ

     

    “ผมไม่ได้คบกับพี่โบอา .....ผมไม่ได้เกลียดพี่ด้วย ....”

    “อ้าว? ก็โบอา..พูด..แบบนั้น....”

    “แล้วทำไมพี่ไม่ถามผมละครับ?”

    “ก็แบบว่า.............แฮ่ะแฮ่ะ”

    “ผมน่าจะคบพี่โบอาจริงๆนะ เพราะพี่อยากเหลือเกินนิ วันนั้นผมเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้วแท้ๆ...ใจดำมากครับ”

    “พี่น่ะ..เหรอ?”

    จะบอกว่าดีใจได้รึเปล่านะที่ได้เห็นสีหน้าอื่นของคยูฮยอนบ้าง ใบหน้าหวานหงิกงอ ริมฝีปากบวมเจ่อ เสียงทุ่มที่ติดประชดเล็กๆที่ปลายเสียง คราบน้ำตาบนแก้มอิ่ม...

    “คบกับพี่นะ...”

    “ห๊า?”

    “คบเถอะ นะ..นะ..นะ น้องคยูคนฉวย”

    “...............เรียกแบบนั้นอีกเมื่อไหร่ ...เลิก!

    “ก๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”

     

     

     

    หึ...ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องราวสมัยที่พวกเรายังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยที่ไม่ประสาเรื่องอะไรสักอย่าง

    ไม่สงสัยสักนิดว่าความรักมันจะย้อนกลับมาทำร้ายเราทั้งคู่ได้มากแค่ไหน .....

     

    ไม่เคยคิดแม้แต่เรื่องวันลาจาก..................

     

     

     

    “ค-ยู--ยอนนนนนน”

    “ครับพี่?”

    ผมคบกับน้องเค้ามาได้สองปีกว่าวันนี้และครับจะขึ้นปีที่สาม ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่เคยใส่ใจจำอะไรพวกนี้เลย วันๆเอาแต่อยู่ในโลกส่วนตัวที่ผมเองเข้าไม่ค่อยถึง ฮ่ะฮ่ะ...แต่ยังไงก็รักละครับ

    “เอ่อ...” ใบ้รับประทานครับผม แหวนเงินเกลี้ยงสองวงนอนอยู่ในกล่องที่ซ่อนอยู่ในมือของผม คยูฮยอนยังคงนิ่งเพื่อรอให้ผมพูดต่อ .....

    “สุขสันต์วันครบรอบสามปีนะครับพี่ซีวอน”

    “ห๊า??????????????????????”

    เครื่องคำถามเต็มหน้าของผมอย่างจัง ร้อยวันพันปีเรื่องหยุมหยิมพวกนี้คยูฮยอนไม่ยักใส่ใจ(คยูบอกว่าไร้สาระครับ)แต่..วันนี้นเค้าดันจำได้........?

    มือบางผลักกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆไว้ตรงหน้าผมก่อนก้มหน้าหงุดอ่าหนังสือ ผมค่อยๆยกฝากล่องขึ้นในใจผมเต้นโครมครามเหมือนเด็กๆเวลามีใครให้ของถูกใจ...

    ผมค่อยๆยกฝากล่องออก เงาสะท้อนสีเงินกระทบตาผม สร้อยคอสีเงินยวงปรากฏตรงหน้า จี้รูปหัวใจสีเงินและทองสะท้อนโดนเด่น เมื่อผมยกขึ้นมาดู...ใบหน้าหมดจดของคยูฮยอนอยู่ในตำแหน่งเดียวกับจี้รูปหัวใจพอดี ......

    “คยูฮยอน......”

    “ผมซื้อให้ไปงั้นๆและ ผมรู้ว่าถ้าผมไม่ซื้อให้พี่ก็งอนผมอีก รีบๆใส่ซะสิ ลีลาจริงๆ”

    “คร๊าบบบบ เฮ้ยยย ไม่ถึง คยูใส่ให้ที”

    “พี่อายุมากกว่าผมนะ~” บ่นเป็นหมีกินผึ้งสุดท้ายคยูก็ยอมขยับจากม้าหินอ่อนมาสวมสร้อมขอให้ผม รู้สึกจั๊กจี้เล็กๆเพราะไม่เคยมีใครทำแบบนี้ให้ผมมาก่อน แต่...ผมรู้สึกว่าผมรักคนๆนี้เพราะความน่ารักเรียบง่ายของเค้าเนี่ยแหละครับ!

     

    “ขอบคุณคร้าบบบบ คยูคนฉวยยย”

    “บอกว่าอย่าพูดไง!

    “โธ่เอ้ยยยยย คยูยื่นมาให้พี่หน่อยสิ จะเล่นกลให้ดู”

    “อะไรอีกละ?” บ่นอีกรอบแต่ก็ยอมส่งมือขาวๆมาให้ผม แน่ะๆ..มีเปลี่ยนเป็นมือซ้ายแทนมือขวาด้วยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า

     

    ผมค่อยเปิดฝากล่องสีฟ้าอมเขียวออกช้าๆ แหวนสีเงินเกลี้ยงสองวงนอนสงบข้างกัน ผมบรรจงสวมแหวนเงินให้คยูฮยอนก่อนจะจุมพิตที่แหวนอีกครั้ง ผมสลักบางคำไว้ด้านใน .. แต่คนไม่ละเอียดอย่างคยูอีกนานนนนนกว่าจะรู้ ฮ่าฮ่า

    จูบหลังมือเบาๆอีกรอบก่อนผทจะสวมแหวนวงอีกวง แต่มือบางคว้าไว้ซะก่อน ผมมองหน้าคยูงงๆจากนั้นผมก็จำไม่ด้แล้วว่าผมยิ้มกว้างขนาดไหน

    คยูฮยอนที่ไม่ละเอียดรอบคอบ คยูฮยอนที่ตรงๆทื่อๆไม่มีจริตใดๆให้ปวดหัว ...กำลังสวมแหวนให้ผมช้าๆ

    ผมรู้ครับว่าคยูอายเลยไม่อยากแซวเดี๋ยงอนแล้วจะง้อกันยุ่ง ..แต่วันนี้ผมมีความสุขที่สู๊ดดดดดดเลยครับ!

     

    แล้วผมก็มารู้หลังจากนั้นหลายเดือนว่าที่คยูไม่เคยซื้อของขวัญครอบรอบปีแรกและปีที่สองให้เพราะว่าเก็บเงินเพื่อจะซื้อสร้อยเส้นนี้จากทิฟฟานี่...

     

    แบบนี้คุณจะไม่รักคนๆนี้เหรอครับ!

     

     

     

     

     

     

    เรื่องราวสมัยก่อนที่ไม่ส่นึกถึงทีไรก็มีความสุขเสมอ สร้อยเส้นเดิมที่ใส่มาแล้วหลายปีไม่เคยเปลี่ยนหากจี้รูปหัวใจเปลี่ยนเป็นแหวนสีเงินเกลี้ยงทั้งสองวงแทน......

     

     

    “ยินดีด้วยนะครับที่เรียนจบ”

    “....พี่รักนายนะ”

    “รู้แล้ววววว พี่พูดบ่อยเหลือเกินนะประโยคนี้ผมไม่นอกใจหรอกน่า”

    “แล้วนายล่ะ?”

    “รักสิครับ”

    “ขอบใจนะที่รักคนอย่างฉัน”

    “ขอบคุณนะครับที่รักคนอย่างผม”

    “อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

    “ไอ้เชี่ยคิบอม มึงจะหยุดกวนตีนกูได้มะ? มึงเห็นไหมกูกับเมียกำลังสวีทกันอยู่”

    “กูจะไม่ว่าอะไรเล้ยยยย ถ้าพวกมึงไปสวีทกันบนเตียงหรือที่ไหน หัดสำเหนียกมึงสิวะ มึง-อยู่-ใน-มหาลัย”

    “กุไม่แคร์ ใครเรียนที่นี่แล้วไม่รู้มั้งว่ากูคบกับคยู???”

    “กูละเครี๊ยดดดดด คยูฮยอนทงเฮไปกันเถอะ ไปถ่ายรูปกับสาวๆคนอื่น ปล่อยไอ้เชี่ยชเวยืนเพ้อไปเถอะ”

     

    ทุกๆอย่างปกติดี ผมยังคงมีความสุขกับคยูฮยอนทุกวัน ทะเลาะกันบ้าง หวานใส่กันบ้าง สีสันของชีวิตคู่(คยูว่างั้น)ผมไม่เคยคิดถึงวันลาจากหรืออะไรเทือกนั้น......

     

    ............................แต่ยังไง......มันก็มาถึงอยู่ดี.......

     

     

     

    RRRRRRRRRRR

     

    “ชเวซีวอนครับ ...อ้าว...ครับ..ครับ แล้วเจอกันครับ”

    “ใครโทรมาครับพี่?”

    “อ๋อ...เปล่า เดี๋ยวคยูล่วงหน้าไปกับคิบอมทงเฮก่อนเลยนะ พี่ไปทำธุระให้พ่อแปปนึง”

    “แล้วมาไวๆนะครับ” ส่งยิ้มหวานให้หนึ่งที ก่อนผมจะเดินไปส่งทั้งหมดขึ้นรถแท็กซี่ไปผับประจำเพื่อฉลองเรียนจบ

    เฮ้ออออออออออออออออออ ใจจริงผมไม่อยากโกหกคยูฮยอนเลย ...

     

     

    ร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนริมถนนคังนัมคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ผมกำลังมองหาผู้หญิงที่สวมแว่นดำที่สะพายกระเป๋าเบอร์กิ้นสีฟ้า......

     

    นั่งอยู่ริมโน้นเลยครับ...

     

    ผมทำความเคารพก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามออก หญิงสาวท่าทางภูมิฐานด้านหน้าถอดแว่นดำออกและจิบไวน์ขาวอีกครั้ง

    “สวัสดีจ่ะ ซีวอน”

    “ครับ....”

    “คือ...แม่มีเรื่องอยากพูดกับลูกหน่อยน่ะ รบกวนนิดนึงนะ”

    “มะ..ไม่หรอกครับคุณโจยองชิน”

    “แม่ไม่อ้อมค้อมนะ ตอนนี้ลูกเรีนยจบแล้วใช่ไหม?”

    “...ครับ”

    “....................แม่ ........อยากให้ลูกเลิกกับคยูฮยอน...........................”

    “ทำ..................ไม” สิ่งทีผมไม่คาดฝันหลุดออกมาจากปากแม่ของคยูฮยอน ผมนึกว่าเธอจะเข้าใจ ...เพราะตลอดสามปีเธอไม่เคยขัดเรื่องผมกับคยูฮยอน แถมยังเป็นคนไกล่เกลี่ยเวลาคยูงอนหนักๆด้วยซ้ำ...ทำไม?

    “ที่บ้านซีวอนเป็นบริษัทเทรดดิ้งใช่ไหมจ๊ะ? คุณพ่อของคยูฮยอนก็มีธุรกิจเหมือนกันนะ แม่ว่าลูกน่าจะเข้าใจระบบกลไกของโลกแห่งนี้ที่หมุนด้วยเงินดีนะ แม่ไม่ได้ขัดขวางตอนที่พวกลูกเรียนอยู่เพราะนั่นเป็นรั้วสังคมแคบๆ ....แต่จากนั้นละ?

    ลูกเองก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคนเพื่อสืบทอดบริษัทต่อจากคุณพ่อ ...ตัวลูกเองก็รู้ดีใช่ไหม? คยูฮยอนก็เช่นกัน แม่อยากให้ลูกกับคยูฮยอนเลิกกันตั้งแต่ตอนนี้ ให้เวลาคยูฮยอนได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยโดนปราศจากลูกเพื่อให้เค้าเรียนรู้ด้วยตัวเอง ..จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”

     

    “แต่ผมกับคยูฮยอนรักกันมานานเกินกว่าจะเลิกเพราะเรื่องผลประโยชน์ครอบครัวนะครับ”

     

    “ลูกคิดว่าเหตุผลนี้มันจะใช้ได้ในโลกธุรกิจไหม? ความรักมันไม่ใช่อะไรที่มั่นคงอีกต่อไป ยิ่งเพศเดียวกันทั้งคู่ถึงคนส่วนมากยอมรับ เราอาจมองข้ามคนส่วนน้อยไปได้....แต่ในโลกธุรกิจมันไม่ได้เป็นแบบนั้น อะไรที่เป็นผลประโยชน์แม้เพียงน้อยนิดก็ต้องเก็บเพื่อต่อยอดในอนาคต ..ถือว่าเห็นแก่แม่แก่พ่อก็ได้นะลูก”

     

    “ทำไม...ต้อง...เป็นพวกผม? ผมไม่คิดว่าที่ผมรักกับคยูฮยอนจะผิดตรงไหน ทำไมแม่ถึงเอาผมกับคยูฮยอนเข้ารวมกับผลประโยชน์ทางธุรกิจละครับ!

     

    “แล้วซีวอนจะเห็นแก่ตัวเพียงเพราะความรักงั้นเหรอ? คิดว่าความรักของตัวเองยิ่งใหญ่จนเอาชนะทุกสิ่งได้จริงๆน่ะเหรอ? ในอนาคตยังไงคยูฮยอนก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคนลูกก็เหมือนกัน ...”

     

    “แต่ผม..............” ทุกๆคำพูดผมไม่สามารถโต้เถียงคุณยองชินได้สักประโยค ...หากเป็นในนิยายซีวอนคงพาคยูฮยอนหนีไปไกลแสนไกล หากในชีวิตทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม ...ที่ติดตัวมาแต่เกิด

     

    ผมจะทำยังไง .... ผมจะบอกคยูฮยอนยังไง?

    ผม......... แล้ว......... คยูฮยอน ....ผม ...ผม

    คยูฮยอนจะร้องไห้ไหมนะ..........................................................................................

    หลังจากหนึ่งอาทิตย์ผมกับคยูฮยอนเลิกกันโดยไร้การติดต่อใดๆทั้งสิ้น ...ผมขังจำได้ดี ...ยังจำวันนั้น ยังจำวินาทีนั้น

    ยังจำทุกๆอย่างได้ดี............................

     

    “คยูฮยอนออกมาหาพี่หน่อยนะ ที่ร้านเดิมน่ะ ฮ่า..ไม่บอกมาก่อนเดี๋ยวก็ร้อน ...เอ้อ...อ๋อเปล่าว่าจะพูดน่ะลืมไปแล้ว แฮ่ะแฮ่ะ”

     

    ร้านอาหารประจำของเราสองคน โต๊ะตัวเดิมที่นั่งมาตลอดสามปี ต้นไม้ต้นเดิม....โซฟาสีเดิม

    แต่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า...มันจะไม่เหมือนเดิม................................ระหว่างผมกับคยูฮยอน..............

     

    “มีอะไรรึเปล่าครับพี่? ดูเครียดๆไปนะ งานหนักเหรอ? ป๊าดุละสิ”

    “ฮ่ะฮ่ะ นิดหน่อยแล้วคยูละเรียนเป็นไงบ้าง?”

    Iระหว่างที่ริมฝีปากอิ่มกำลังเจื้อยแจ้วถึงชีวิตในมหาลัย ...ผมกำลังจดจำทุกๆอย่างเกี่ยวกับคนๆนี้ให้มากที่สุด รอยยิ้ม ดวงตาสุกใส เสียงโทนต่ำนุ่มหวานหู มือบาง ..ทุกๆอย่าง ..ทุกๆอย่างที่เป็นโจคยูฮยอน.....

    “พี่ซีวอน....มีอะไร...รึเปล่าฮ่ะ? เครียดอะไรบอกผมได้นะครับ ...”

    “คือ....พี่ว่า ..... .......เรา ..เลิกกันดีกว่านะ” น้ำเสียงหนักแน่นพอรึเปล่านะ คนฉลาดอย่างคยูฮยอนต้องรู้แน่ๆ ฮ่ะฮ่ะ...ท้วงสิ

    พูดแค่คำเดียวว่าไม่จริง ...พี่จะกอดน้องแน่นๆแล้วบอกว่าพี่พูดเล่น

    พูดสิ....พูดอะไรออกมาก็ได้ อย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหม ...อย่ายอมรับโดยปราศจากคำถามได้ไหม

    ด่าพี่ งอนพี่ ...อะไรก็ได้ ....อย่ายอมรับแบบนั้น อย่านิ่งสิ ....................คยูฮยอน ..................................

     

    “ครับ ..เข้าใจแล้ว”

     

    เหมือนโดนค้อนทุบหนักๆ ในหัวมึนตื้อแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ .... ทำไมถึงยอมรับแบบนั้นคยูฮยอน

    ท้วงพี่สักคำได้ไหม ... ท้วงพี่เพียงคำเดียวพี่จะยอมยกเลิกทุกอย่าง ......

    “อา ... เพราะพี่ทำงานแล้ว ก็.เลย”

    “ไม่เป็นไรครับ ..ผะ..ผมเข้าใจดีว่าวันนี้ต้องมาถึงสักวัน ผม...ผมไม่เป็นไร ผมโอเค หมดธุระแล้วใช่ไหมครับ? เอ้อ...งะ...งั้น.................แหวน ....พี่....เอา..คะ..คืนไป...เถอะ ...ครับ”

    นิ้วบางแกะแหวนออกอย่างรีบร้อน เล็บขูดข่วนจนผิวขาวขึ้นรอยแดงที่นิ้วนางขางซ้าย แหวนสีเงินเกลี้ยงถูกวางไว้บนโต๊ะก่อนคยูฮยอนจะขอตัวรีบเดินออกไป ....

     

    จบแล้ว .... จบแล้ว ....จบแล้ว ... ง่ายไหม... ง่ายไหม...ง่ายไหม

     

    นาทีนั้นผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไป ผมยกมือขึ้นพาดใบหน้าแล้วค่อยไถลตัวไปกับโซฟานุ่มอย่างอ่อนแรง ...

    ผมไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของผมเลย ...............................................................................

     

    หลังจากนั้นผมไม่รู้ข่าวของคยูฮยอนอีกเลย อาจเพราะผมทำงานหนักจนลืมเวลา ทำงานเพื่อจะได้ลืมทุกอย่าง เมื่อไหร่ที่เผลอคิดถึงแหวนสีเงินสองวงที่ร้อยอยู่ในสร้อนเส้นเดิมจะทำให้มีกำลังขึ้นมาอีกครั้ง

    ....คิบอมบอกผมว่าหลังจากที่เลิกกันเพียงเดือนเดียวคยูฮยอนย้ายไปเรียนที่อังกฤษกลางเทอมโดยไม่ลาเพื่อนสักคน...

     

    เวลาผ่านไปสี่ห้าปี บางครั้งผมจะได้รับของขวัญวันเกิดจากต่างประเทศทุกๆปี มีเพียงการ์ดหนึ่งใบที่เขียนเพียง “Happybirthday” ข้อความสั้นๆลงท้ายชื่อ โจคยูฮยอน .....

    เท่านี้หัวใจก็เต้นแรงกับตัวอักษรตวัดเพียงสี่ห้าอักษร ...คยูฮยอนจะผอมไปรึเปล่านะ?หรือจะอ้วนขึ้น?

    ฮ่ะฮ่าถ้าอ้วนขึ้นต้องเป็นหมูตูดใหญ่แน่ๆ ฮ่าฮ่า จะสูงขึ้นหรือเปล่านะ ... หรือตอนนี้จะสูงเท่าผมแล้ว?

     

     

    ....ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ...จะดูแลตัวเองบ้างไหม? จะเล่นเกมส์จนเพลินรึเปล่า ............

    ห่วงหาจนแทบคลั่งทำได้เพียงทำงานเพื่อให้ลืมทุกอย่าง  ...................คยูฮยอน............................

     

    หลักจากนั้นสองปีมีโทรศัพท์จากอังกฤษที่มักจะโทรเข้ามาปรึกษาเรื่องความรักบ่อยๆ

    ทุกๆครั้งในหัวจะอื้ออึงด้วยลมหึงจนอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งแต่ทำได้เพียงให้คำปรึกษาแบบที่พี่ที่ดีควรทำ

    ผมรู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวผ่านโทรศัพท์ที่มีมานับครั้งได้ ในใจอยากถามเหลือเกินว่า”ยังรักพี่อยู่ไหม?”  ...

     

    คยูฮยอนไม่เคยกลับมาอีกเกาหลีอีกเลย จนเวลาล่วงไปเกือบสี่ปี........................

     

     

     

     

    “อา..พี่ซีวอน ..ผมเองนะ ...คือ ..ออกมาพบกัน ...ได้ไหม?”

    “คยูฮยอน...................ได้สิ ..ร้านไหนล่ะ?”

    “ร้าน........เดิม.....ไหม

    สามคำที่ราวกับจะทำให้คนฟังแตกออกเป็นเสี่ยงไม่มีคำตอบใดๆต่อท้ายประโยคเมื่อครู่

    มีเพียงเสียงหายใจแผ่วเบาที่ส่งผ่านสายโทรศัพท์ .. ถึงแม้ห่างไกลแต่ผมยังคงได้ยิน

    ผ่านมาเจ็ดปีแล้วสินะ .. กับเรื่องราวของผมและคยูฮยอน

     

    การพบกันครั้งแรกในรอบสี่ปี ผมตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก ผมควรจะขอคยูฮยอนคืนดีดีไหม? คุณว่าคยูฮยอนจะรักผมอยู่รึเปล่า? คำแรกที่ผมควรจะพูดกับคยูฮยอนคืออะไรนะ?

    อา.....ตื่นเต้นเป็นเด็กๆจริงๆนะเนี่ย ฮ่ะฮ่า

     

    ตอนนี้ผมมานั่งในร้านเดิมของเราสองคน วันนี้ผมอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะ ฮ่าฮ่า แหวนสีเงินถูกใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของผมอีกครั้งถึงจะคับๆไปบ้างแต่พอจะยัดลงละน่า ส่วนแหวนอีกวงผมเก็บไว้ในกระเป๋าสูท ...จี้หัวใจอันเดิมถูกใส่กลับคืนที่ๆควรจะอยู่ของมัน ...หาก ....ถ้า ...อาจจะ ....ยังรักผม ...ผมจะแต่งงานกับคยูฮยอน ...

    ผมจะไม่สนอะไรทั้งนั้น ตอนนี้บริษัทเทรดดิ้งอันดับตกเป็นของชเวกรุ๊ปอย่างไม่ต้องสงสัย

    ผม...กับ........คยูฮยอน .... ...............................

     

    เสียงกริ๊งเบาๆที่ประตูดังขึ้นเป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีคนมา ผมไม่กล้าชะเง้อมองประตูเพราะกลัวว่าจะเดินเข้าไปกอดคนที่โหยหามาตลอดสี่ปีให้แน่นๆ....

     

    “พี่ซีวอน........”

    “คยู ฮยอน..........”

     

    คยูดูไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อสี่ปืที่แล้วสักนิด มีเพียงริ้วรอยนิดหน่อย ตูดใหญ่ขึ้นนิดนึง ผมชวนคยุอยอนคุยสัพเพเหระไปทุกเรื่อง ถามทุกๆอย่างที่ ผมอยากรู้ว่าคยูจะลำบากไหมที่ใช้ชีวิตคนเดียวที่นั้น

     

    “คยูฮยอน....เป็นไงบ้าง?”

    “ก็โอเคครับ วันๆก็เรียน เรียนเสร็จก็เล่นเกมส์ เท่านั้นครับ”

    “ว้า .. นายนี่น้า ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองบ้างหึ..ใครทำอาหารให้ทาน? ทำเองเหรอ? แล้วยาแก้แพ้น่ะทานทุกๆสองทุ่มใช่ไหม? ได้เชคอีเมล์จากมหาลัยบ้างรึเปล่า? ทำรายงานลืมใส่บรรณานุกรมป่ะเนี่ย?????~

    “พี่..ครับ”

    “หื้อ?”

    “คือ..........................ผม........จะ..................................แต่ง ..งาน ....ครับ”

    “อ้าวววว งั้นเหรอ ยินดีด้วยนะ...กับใครละเจ้าสาวสวยไหม? แหม่ๆไปเรียนี่ปีได้แหม่มกลับมาเชียวนะ”

    เจ็บ ... เจ็บเจียนตาย ความรู้สึกทุกอย่างปะปนกันไปหมด ผม...ผม...แต่งงาน ..คยูฮยอนแต่งงาน

    ใช่..ผมหนักแน่นพออยู่แล้ว คยูไม่รู้แน่นอนว่าผมยังรักเค้าอยู่

    คยูฮยอนไม่รู้แน่นอนว่าผมยังรักเค้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง ...

    ผมฮึดฮัดในใจที่ดึงแหวนออกจากนิ้วนางไม่ได้สักที มือที่กำลังสารวนกับการดึงแหวนสีเงินเกลี้ยงออกอยากเอาเป็นเอาตายโดนปั้นหน้ายิ้มฉาบเคลือบ ... สร้อยสีเงินถูกปัดไปด้านหลังเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าสังเกตเห็น

    ทำไมชเวซีวอนถึงโคตรโง่บรมแบบนี้ ไม่เห็นแหวนสีทองบนนิ้วนางข้างซ้ายนั่นรึไง ... ตาถั่วจริงๆ

    “พี่ครับ .... “

    “ว่าไงละ? แหม่ๆฉันใส่ซองแค่หมื่นเดียวนะ ฮ่ะฮ่า~ ไม่ต้องทวงๆ”

    “พี่........................................................”

    “คยูว่าพี่ควรแสดงความรู้สึกยังไงดีไม่ให้คยูจับได้ว่าพี่กำลังเสียใจ คยูว่าพี่จะทำยังไงดีไม่ให้คนตรงหน้าพี่รู้ว่าในใจพี่กำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ คยูว่าพี่ควรทำยังไงตอบพี่หน่อย”

    “ผม...ผมไม่รู้ ผม...ไม่รู้จริงๆ”

    “ไม่เป็นไรๆ อ่อ..คยูพี่ฝากเอาไปเขวี้ยงทิ้งทีนะ” ความเจ็บปวดที่อัดแน่นจนทรมาน ผมรีบหยินแหวนสีเงินเกลี้ยงส่งให้คยูฮยอน ผมพยายามดึง..ดึงเท่าไหร่แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายนี่มันก็ไม่หลุดสักที บ้าชะมัด!

     

    “พี่ซีวอน ...ได้โปรดเถอะครับ ... อย่าทำแบบนี้เลย ...อย่า... อย่า....ได้โปรด” คยูอยอนเสียงอ่อนระโหย ถ้าผมไม่รีบออกจาตรงนี้ ผมจะต้องเดินไปกอดคนตรงหน้าแน่นๆ แต่ผมทำไม่ได้ ... ทำไม่ได้จริงๆ

     

    “พี่กลับล่ะ พี่อยากให้คยูรู้บางอย่างแต่พี่คิดว่ามันไม่จำเป็นแล้วละ”

     

    “...........แต่ก่อนพี่จะกลับ ...ผมอยากให้พี่รู้นะครับ ..............................................

    .......................... ผม ยัง รัก พี่ เสมอ ......................................................”

     

     

     

    그리고 울었죠 마지막
    ทำได้แค่เพียงร้องไห้ หลังจากสิ้นคำพูดสุดท้าย

    사랑해 듣고 싶던 한마디 때문에
    เพราะคำๆ นั้น คือคำที่ฉันอยากได้ยินว่า ... ฉันรักเธอ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×