ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Windows of Heart { WonKyu}

    ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER : 9

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 55



     




    บรรยากาศในคอนเสิร์ตเริ่มต้นอย่างสนุกสนาน ผมอึ้งเล็กๆนะที่รุ่นพี่ชองชิคยองจะกล้านุ่งกางกางขาสั้นสีชมพูแปร๋นออกมาเต้นเพลงของโซชิน่ะ พอมาถึงช่วงเพลงบัลลาด ผมหลับตาฟัง ..และซึมซับในทุกความหมายและทุกเมโลดี้ที่ลอยก้องอยู่ในสมอง

    ความคิดที่ว่าแอบรักต่อไป กำลังพังลง ก็อย่างเคย ...มันเป็นความเจ็บซ้ำซาก ผมเองคุ้นเคยกับมันดีเสียจนยิ้มรับได้อย่างมีความสุข แปลกไหม?

    แปลกนะผมว่า ฮ่ะฮ่ะ.......

    วิคตอเรียเอียงคอมองผมด้วยท่าทางสงสัยที่จู่ๆผมหัวเราะกับตัวเองแบบไม่มีเหตุผล ผมยิ้มกลับให้เธอก่อนจะยกมือขยี้กลุ่มผมสีทองอย่างเอ็นดู จริงๆแล้วเธออายุมากกว่าผม ..แต่ท่าทางไม่ประสาราวกับเด็กน้อยทำให้ผมอดทำแบบนี้ไม่ได้จริงๆ

    พลันเหตุการณ์ที่ดูคล้ายๆกันลอยซ้อนเข้ามาในความคิด ในตอนนั้นตัวผมที่กำลังนั่งซึมเพราะเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ใหม่ๆ ซีวอนที่นั่งลงข้างๆและกดจูบที่ขมับผมอย่างเคยและขยี้ศีรษะจนผมยุ่งเหยิงไปหมด ตามจริงแล้วผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งด้วยมากนัก ผมเบื่อที่จะต้องคอยมาเอาใจ แต่...ไม่ใช่กับซีวอน

    ซีวอนทำลายทุกๆอย่างที่เป็น”ผม”ลงในชั่วพริบตา ผมรู้สึกดีที่ซีวอนมาวนเวียนคอยถามนู้นถามนี่หรือแม้กระทั่งแสดงความเอาแต่ใจเล็กๆให้ผมเห็นคนเดียว

    ก็....ยังแปลกอยู่ดีนั่นและนะ ........


    “หนาวเหรอวิค?” ผมเหลือบไปมองวิคตอเรียที่กำลังถูมาไปมา ถึงเจ้าตัวจะยิ้มรับคำถามแต่ปลายจมูกกับหูที่แดงเถือกทำให้ผมเลือกถอดมาสก์และสวมให้เธอแทน

    “หายหนาวไหม?”

    “อะ..อื้อ”

    ดวงหน้าเล็กขับสีหวานน่ามอง ผมเกลี่ยแก้มผ่านแผ่นมาสก์อย่างเอ็นดู ...ผมกำลังเลียนแบบ ใช่ ...ผมกำลังเลียนแบบซีวอนทุกอย่าง ผมรู้ดีว่าเวลามีใครสักคนมาทำแบบนี้แล้วจะรู้สึกดีเพียงไร

    ผมนิสัยไม่ดี ..ผมน่ารังเกียจ

    แต่ทั้งหมดเป็นความจริงที่ว่า ทุกการกระทำของผมยังคงเป็นของซีวอนเสมอมา ....


    เพลงบัลลาดคลอเคล้าในฮอลล์ที่เงียบสนิทไร้เสียงเชียร์ ผมหลับตาลงและซึมซับบทเพลงอีกครั้ง น้ำเสียงหวานนุ่มรวมถึงการถ่ายทอดราวกับนั่งลงกลางใจของผม

    น้ำตาไหล .... หากความมืดแม้เพียงเล็กน้อย ช่วยกลบซ่อนอย่างดี....




    หลังจากจบคอนเสิร์ตผมขอตัวออกมาก่อนเพราะอยากไปเดินเล่นเงียบๆคนเดียว แต่เสียงฝีเท้าที่ไล่ตามหลังมาทำให้ผมหันกลับไปมองและเผชิญหน้ากับวิคตอเรียที่คงจะวิ่งตามผมมาจากลานจอดรถเมื่อครู่

    “มีอะไรรึเปล่า?”

    “ขอไปด้วยคนได้ไหม?” สำเนียงเกาหลีแปร่งๆเอ่ยถามเบาหวิว ผมเองไม่ได้รังเกียจอะไรเธอจึงตอบตกลงโดยไม่คิดอะไร

    ผมและวิคตอเรียเดินเล่นกันในสวนสาธารณะเล็กๆไม่ห่างจากหอพักผมเท่าไหร่ ผมชินกับการเดินเล่นคนเดียวในคืนที่อากาศเย็นเหยียบแบบนี้ แต่วิคตอเรียคงไม่ชินเท่าไหร่ ผมเห็นเธอหยุดดูนู้นดูนี่ คุยกับต้นไม้ใบหญ้าริมทางด้วยสีหน้าสดใสจนผมเผลอยิ้มออกมาเล็กๆกับท่าทางแบบนั้น

    “นี่..ฉันว่าต้นไม้มันคงไม่หนาวหรอก เธอสิจะหนาวมากกว่านะ”

    “อ่า ...เป็นงั้นไปซะแล้ว คุณต้นไม้คืนนี้ก็นอนหลับให้สนิทนะคะ ฮิฮิ”






    ผมเดินดูนู้นดูนี่จนเวลาล่วงเข้าเกือบเที่ยงคืน หันไปมองอีกคนที่เดินตามหลังมาเงียบๆ ผม....ไม่ใช่ไม่รู้ แต่รู้ดีเลยล่ะว่ามันเป็นอย่างไร แอบรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต้องปิดบังและใช้ชีวิตเหมือนปกติ คุยเล่นเหมือนไม่รู้สึกอะไร

    ผมเข้าใจความเจ็บปวดที่วิคตอเรียเผชิญอยู่ได้ดี ....

    “คยูฮยอนอปป้า” มือบางเลื่อนทัดหูอย่างขลาดเขิน ผมหยุดฟังและหันมาเผชิญหน้ากับเธอ อยู่ในจุดยืนจุดเดียวกัน แต่ความรู้สึกช่างต่างกันหนัก

    กับของผมที่เลื่อนลางจนไม่มีความหวัง หรือของเธอที่สว่างไสวตลอดเวลา .... แบบไหนจะเจ็บกว่ากัน?

    “คือ..ฉันชอบเธอนะ เรามาคบ..กันดีไหม?”

    “ขอบใจนะ...เอาสิ ฉันเองก็ไม่มีใครเหมือนกัน อ.ซูมานบอกว่าคบกันเองปิดข่าวง่ายนะ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่ในใจกำลังบิดเกลียวต่อต้านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    ผมกำลังทำเลวๆกับผู้หญิงคนนึง ผมรู้ดีว่าการแอบรักเจ็บปวด แต่ในช่วงเสี้ยววินาทีเล็กๆ..
    ...ถ้าผมสามารถเติมเต็มความรู้สึกใครได้ คงจะไม่มีใครเจ็บปวดแบบผม...

    แปลกไหมนะ? แปลกที่สุดในโลกเลยล่ะมั้ง ....







    หลังจากส่งวิคตอเรียกลับหอแล้ว ผมมานั่งนิ่งกับสิ่งที่ผมทำลงไป จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์เตือนว่ามีสายเข้าจากต่างประเทศ เบอร์ที่คุ้นเคยจนจำขึ้นใจ ผมไม่เคยเมมเบอร์ของซีวอนเพราะกลัวว่าสักนาทีอาจจะเผลอเลือกชื่อนั้นและกดโทรออกอย่างห้ามไม่ได้

    RRRRRRRRRRRRRRRRRRR

    แต่..มันอาจจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ เมื่อผมหยิบโทรศัพท์เพื่อต้องการจะโทรหาใครสักคน โดยที่ไม่รู้ตัว เบอร์ของซีวอนก็ค้างบนหน้าโทรศัพท์รอเพียงกดโทรออกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น....

    “ว่าไงครับฮยอง?”

    “อื้อออ นิวยอร์กอากาศเย็นกำลังดีเลยคยูฮยอน อยากให้มาเที่ยวด้วยกันจัง”

    “ไม่เอาล่ะครับ ผมไม่อยากโดนแฟนๆค่อนขอดว่าโดดงานไปหาแฟนเหมือนใครบางคน”

    “เดี๋ยวนี้กล้าพูดอย่างงี้แล้วเหรอเนี่ย~ เดี๋ยวเถอะ จะไม่ซื้อเกมส์ใหม่ๆไปฝาก”

    “แหม..ผมซื้อเองก็ได้มั้งฮยอง เดี๋ยวอาทิตย์ถัดมาเกมส์ของฮยองก็เข้าเกาหลีแล้ว”

    “ดูพูดเข้าสิ มันน่าน้อยใจจริงๆ /อปป้าคะ แท็กซี่มาแล้วนะ”

    เสียงแทรกในโทรศัพท์ทำให้ผมชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะต่อบทสนทนาไร้สาระราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมยังยิ้ม ยังหัวเราะกับมุขตลกโง่ๆของซีวอน หรือกระทั่งเรื่องราวเปิ่นๆจนของซีวอนที่นิวยอร์กโดนสเตลล่าดุว่า

    ผมรับฟังพร้อมกับคิดถึงใบหน้าคุ้นเคยกำลังชี้นู้นชี้นี่กับโทรศัพท์ ผมยิ้มกับสิ่งเล็กๆน้อยๆพวกนี้ที่ราวกับหยดน้ำค่อยๆหล่อเลี้ยงให้หัวใจชุ่มชื่นไม่แห้งผาก

    ....แต่ผมเห็นแก่ตัวผมบอกแล้ว เพียงเท่านั้นผมไม่เคยพอ

    “เอ้อ ฮยอง! ผมคบกับวิคตอเรียแล้วนะ”

    “.....อ้าว จริงเหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

    “ฮยองจะรู้ได้ยังไงล่ะ ในเมื่อฮยองอยู่นิวยอร์กนี่น่า”

    “อ่า ..งั้นก็ยินดีด้วยนะ ...ขอถามอะไรได้ไหม”

    “ครับ?”

    “เนื้อเพลงท่อนนึงที่คยูฮยอนส่งให้ฮยองน่ะ เพลงของฮวานฮีใช่ไหม?”

    “อ่าครับ? ทำไมเหรอ?”

    “เปล่าหรอก ฮยองคิดว่าคยูฮยอนคงส่งผิดมากกว่าน่ะ แล้วก็...ขอบใจมากนะที่ชอบฮยอง ฮยองก็ชอบนายที่สุด! อันดับหนึ่งเลยนะ!”

    “งั้นของผมคงที่สามล่ะครับ ฮ่าๆๆๆๆ”

    “อ้าวว ทำไมล่ะ”

    “ไม่บอกหรอกครับ ไม่งั้นก็ไม่สนุกน่ะสิ”

    “นิสัย! ฮยองชอบนายเป็นที่หนึ่ง รักนายที่หนึ่งเลยนะ”

    “แล้วสเตลล่าล่ะครับ พูดแบบนี้เดี๋ยวงอนอีกหรอก”

    “อ่า.. มันคนละแบบกันนะ สเตลล่าน่ะที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่คยูฮยอนก็ที่หนึ่งนะ”

    “เสียใจด้วยนะครับ พูดยังไงผมก็ให้ได้แค่ที่สามอยู่ดี”

    “ใช่ซี่ วิคตอเรียยังไงก็ที่หนึ่งใช่ไหมล่ะ งั้นขอที่สองให้ฮยองไม่ได้เหรอ”

    “ม่ายยยย แค่นี้นะครับ ผมง่วงล่ะ บายบาย”



    กดวางโทรศัพท์ก่อนจะขยับตัวนอนลาดบนโซฟาสีครีมในหอพัก ไอสีขาวเกาะกลุ่มแน่นที่ริมหน้าต่างเหลือเพียงช่องว่างเล็กๆพอให้เห็นท้องฟ้ามีดำสนิท

    เมื่อไหร่หิมะจะตก?

    คิดนู้นนี่ไปเรื่อยเปื่อย มองฟ้ามืดผ่านช่องเล็กๆมานานเท่าไหร่ไม่ได้นับเสียด้วย น้ำตาหยดแล้วหยดเล่ากลั่นตัวอย่างเงียบเชียบท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ

    ที่หนึ่งงั้นเหรอ?

    ที่หนึ่งที่ไม่สามารถครอบครองหัวใจทั้งดวงได้ จะต่างอะไรกับที่สุดท้ายที่ไม่มีความหมายใด...










    จากวันนั้นผ่านมาผมเองก็ยุ่งจนไม่มีเวลาคิดเรื่องไร้สาระเพราะวันแรกของการโปรโมทเอสเจเอ็มอัลบั้มที่สองมาถึงแล้ว ทุกอย่างดูเร่งรีบจากตารางงานรัดตัว ตอนนี้พวกเรามาปักหลักอยู่ที่ไต้หวันแทนที่จะเป็นแผ่นดินใหญ่อย่างทุกที คงเพราะซีวอนและทงเฮมีคิวถ่ายละครที่นี่ ไหนๆแล้วก็ถือว่าตีตลาดไทเปไปด้วยเลยคงจะง่ายกับบริษัทขึ้นเยอะ

    ผมกับคนอื่นๆเดินสายโปรโมททั่วไทเป ในขณะที่ซีวอนกับทงเฮถ่ายละครตั้งแต่เช้าจนมืดค่ำแทบทุกวัน ทำให้ผมกับซีวอนแทบนับคำพูดกันได้ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเองเพียงยิ้มให้กับซีวอนในขณะที่เค้ารีบจนไม่มีเวลาหันกลับมาทักทายผมเสียด้วยซ้ำ

    “โอ้ยยย กว่าจะงานจะหมด ภาษาจีนยากชะมัด” ฮยอกแจบ่นยาวๆหลังจากตารางงานวันนี้เสร็จสิ้นลง พวกเราแวะทานหม้อไฟแต่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย ผมชอบอะไรย่างๆมากกว่าต้มๆนะ

    “นี่..เห็นหม้อไฟที่ไร นึกถึงซีวอนทุกที หมอนั่นชอบกินหม้อไฟจริงๆนะ ฉันเคยมากินกับหมอนั่นอยู่ โอ้ยย กินจุจริงๆ” ซองมินบ่นก่อนจะคีบเนื้อจานที่ห้าลงหม้อและคนไปมารอเดือด ผมลอบยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงตอนที่พวกเราต้องอยู่หอกันสองคนเพราะคนอื่นออกไปอัดรายการที่ต่างจังหวัด...






    “เราจะกินอะไรกันดี คยูฮยอน”

    “ไม่รู้อ้ะ ตามใจฮยอง ผมทำกับข้าวไม่เป็นด้วยเถอะ”

    “อ่าว ตายห่า ฮยองก็ใช่ว่าจะเก่งอะไรนะเนี่ย”


    สรุปพวกเราสองคนนั่งต้มรามยอนในหม้อใหญ่และกินกันสองคนพร้อมกับโซจูเกือบโหลที่ลงไปซื้อที่มินิมาร์ทชั้นล่าง ทั้งอิ่ม ทั้งเมา ทั้งร้อนเหนอะเหนะ แต่วันนั้นผมมีความสุข เพราะซีวอนยังปฏิบัติกับผมเหมือนเดิม ยังเป็นเพียง”พี่น้อง”

    ลงท้ายวันนั้นเราสองคนนอนเมาแอ๋นอนก่ายกันกลางห้องรับแขกในหอเก่า ก่อนนอน ด้วยความเมาหรืออะไรสักอย่าง ผมทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ผมเป็นฝ่ายเริ่มจูบและลงท้ายที่เสื้อของผมถูกร่นขึ้นกางเกงนอนที่จวนหลุดเต็มที

    คงเพราะเมาแอ๋กันทั้งคู่ ผมจำไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นยังไง ..เร็ว ..เพราะมันเร็วมากเสียจนตั้งตัวไม่ติด ได้ยินเสียงเสียงกระซิบแหบพร่าข้างหู ที่วนเวียนไปมา

    “ฮยอนคยอง ฮยอนคยองอ่า”

    ตอนนั้นเหมือนโดนน้ำราด ผมผละลุกออกมาทันที ปล่อยให้ซีวอนนอนกองบนพื้น ผมสร่างเมาทันที เมื่อตระหนักได้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นหากผมไม่ได้สติไปมากกว่า แก้มเห่อร้อนราวเพราะกระดากเกินกว่าจะจินตนาการต่อ แต่ความจริงที่ว่านั้นยังคงวิ่งวนไปมาไม่หยุด

    ที่ซีวอนทำแบบนั้น คงเพราะนึกว่าผมเป็นตัวแทนของสเตลล่ายังคงก้องในหูทั้งคืน คืนนั้นผมหลับไปพร้อมน้ำตาเพราะเพิ่งได้เรียนรู้คำว่า”เจ็บเจียนตาย”เป็นครั้งแรก

    มันเป็นแบบนี้เองหรอกเหรอ จุกจนไม่สามารถบรรยายออกเป็นคำพูด ปลายนิ้วชา เข็มนับพันเล่มทิ่มหัวใจจนปวดหนึบ
    เจ็บ..มันเป็นแบบนี้เองสินะ








    “เฮ้ย คยูฮยอน คิดอะไรอยู่”

    “ฮ่ะ..เอ้ออ เปล่า”

    “รีบกินเข้า เดี๋ยวแทบินฮยองวนรถมารับ”

    “อ่าครับ” พวกเรารีบกินและออกไปรอแทบินฮยองหลังร้านหม้อไฟเพื่อหลีกหนีแฟนๆที่ดูเหมือนจะตามไปทั่วทุกที เมื่อรถตู้สีดำสนิทเทีบยจอดฟุธบาต ผมถูกผลักให้เปิดประตูและเข้าไปนั่งก่อน ...ที่นั่งด้านหลังสุดคือซีวอนที่กำลังยิ้มให้ผมอย่างเคย แต่รอยยิ้มนั้นดูแห้งแล้งพิกล...

    “อ้าว ซีวอน ทงเฮด้วย” ฮยอกแจเอ่ยทักก่อนจะปิดประตูขึ้นเป็นคนสุดท้าย คำว่าวนรถนี่คงหมายถึงไปรับซีวอนกับทงเฮก่อนแล้วค่อยมารับพวกเราสินะ ผมนั่งเบียดกับซีวอนด้านหลังสองคน โดยที่ถูดตัดขาดจากด้านหน้าที่ตั้งวงเม้าท์อย่างครึ้กครื้น ผมไม่พูด ซีวอนเองก็เงียบตลอดทางจนถึงหอพัก

    ช่างเป็นการเดินทางที่ยาวนานอะไรแบบนี้...

    “เดี๋ยวก่อนคยูฮยอน” ขณะที่ผมกำลังลงจากรถเพราะถึงหอพักแล้ว ซีวอนกลับรั้งข้อมือผมไว้และบอกให้เมเนเจอร์ฮยองไปส่งที่สวนสาธารณะไกลๆหอพักเพราะไม่อยากให้แฟนคลับเจอ

    ผมนั่งลงอย่างว่าง่ายก่อนจะหยิบไอโฟนมาเสียบหูฟังและเล่นเพลงในเพลย์ลิสต์ ผมไม่มีเรื่องจะคุยในขณะที่ซีวอนเองก็คงไม่รู้จะเริ่มคุยเรื่องอะไรเหมือนกัน

    ความเงียบที่มีเพียงเสียงวิทยุคลอเบาบางช่างปวดร้าวจนในอกแทบระเบิด....

    พวกเราลงที่สวนสาธารณะที่ร้างผู้คนเพราะตอนนี้เกือบตีหนึ่งแล้ว ผมหยิบบุหรี่ขึ้นสูบหลังจากไม่ได้หยิบมานานเพราะไม่อยากเสี่ยงเรื่องเสียงพัง แต่ตอนนี้บรรยากาศกดดันพวกนี้ทำให้ผมกำลังเป็นบ้า

    “ฮยองมีอะไรรึเปล่า ผมอยากกลับหอแล้วนะ”

    “จริงๆ..ก็ไม่มี”

    “เอ้า..แล้วลากผมมาไกลๆทำไมเนี่ย หนาวก็หนาว”

    “ถามหน่อยสิ คบกับวิคตอเรียจริงๆน่ะเหรอ?”

    “ก็จริงน่ะสิครับ ผมจะโกหกฮยองทำไม”

    “ไม่ใช่ ..คือ ..คยูฮยอนเคยบอกว่าชอบฮยอง”

    “ครับ แต่นั้นก็หลายเดือนแล้ว ผมบอกแล้วไง ผมชอบฮยอง ไม่ได้หมายความว่าจะชอบผู้ชายนะ”

    “อย่าพูดแบบนั้นสิ ฮยองแค่มานั่งคิดดูแล้ว”

    “ครับ?”

    “อาจเป็นเพราะฮยองทำตัวแบบนี้เอง ชอบเข้าใกล้คยูฮยอน ขอโทษที่ทำแบบนั้น แต่ฮยองไม่ได้เจตนาให้คยูฮยอนรู้สึก เอ่อ ...รู้สึกแบบนั้นกับฮยอง”

    “แล้วไงต่อ”

    “ฮยองเคยบอกแล้วว่าอยากให้เราเป็นพี่น้องกันแบบนี้ แต่ขออะไรได้ไหม?”

    “ครับ?”

    “อย่าพูดคำว่าชอบของคยูฮยอนให้วิคตอเรียฟังนะ ขอคำว่าชอบนั้นของคยูให้ฮยองคนเดียวได้ไหม?”

    “..........”

    “เพราะคำว่าชอบนั้นน่ะ ฮยองไม่อยากให้ใครได้ยิน อาจจะฟังแล้วเห็นแก่ตัว แต่...ฮยองขอเวลาได้ไหม”

    “เวลา?”

    “ขอเวลาสั้นๆ เพื่อทบทวนว่าฮยองคิดยังไงกับคยู เพราะ..ฮยองรู้ตัวว่าสิ่งที่พวกเราทำมันเกินคำว่าพี่น้องไปมากแล้ว ฉะนั้นขอเวลา..”

    “ไม่ต้องหรอกครับ” ผมตัดบทก่อนที่น้ำตาที่ขังอยู่ข้างในจะไหลลงมา สูดหายใจลึกก่อนจะเขวี้ยงบุหรี่ทิ้งและเดินออกจากที่ตรงนั้นให้เร็วขึ้นแม้เพียงเสี้ยววินาทีก็ยังดี สูดลมหายใจลึกอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปยังที่ๆซีวอนยืนนิ่งไม่ไหวติง

    “ขอบคุณนะครับที่จะคิดเรื่องผม แต่ผมบอกแล้วไง ผมคบกับวิคตอเรียแล้ว อย่าคิดเรื่องผมให้เสียเวลาเลย”

    มีเพียงสายตาที่ทอดมองอย่างอาลัยจนผมปวดหนึบก่อนจะรีบก้าวขึ้นแท็กซี่โดยไม่รอผู้จัดการมารับ แสงไฟนีออนข้างทางส่องเข้ามาในรถเป็นระยะ ประโยคทั้งหมดวนเวียนในหัว ..น้ำตาที่หายไปนาน ไหลรินจนหน่ายจะเช็ดออก ปล่อยให้หยาดน้ำตาล้อแสงไฟข้างทางไปเรื่อย

    ได้โปรด ... อย่าทำสีหน้าเหมือนจำใจต้องพูดแบบนั้นกับผม

    ได้โปรด .......อย่าพูดแบบนั้นถ้าไม่สามารถคิดเรื่องผมได้จริงๆ

    ได้โปรด ..........อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น

    ความเจ็บปวดแบบใหม่ที่ไม่เคยรู้จักและหนักหน่วงกว่าเดิมจนแทบหายใจไม่ออก การกลายเป็นอะไรก็ได้ของใครบางคนอาจจะรู้สึกดีในช่วงแรก หลังจากนั้นคยูฮยอนอาจจะเจ็บจนไม่สามารถรักใครได้อีก

    สีหน้าแบบนั้นยังหลอกหลอนแม้กระทั่งในความฝัน

    นัยน์ตาแบบนั้นยังคงติดตรึงแม้จะข่มตาลง

    ประโยคที่ว่า “อย่าพูดคำว่าชอบให้ใคร” ยังดังก้องในหู


    แปลกไหม? ...คำพูดนั้นช่างขัดกับสายตาที่ไม่ยอมจ้องมาที่ผมตรงๆแต่เสมองไปยังพื้นดินข้างๆ

    แปลกไหม? ...ที่ผมเจ็บปวดกับคำพูดพวกนั้น



    ไม่แปลกหรอก ...เพราะผมเองก็ชาชินไปกับคำพูดรื่นหูที่ขัดกับนัยน์ตาพวกนั้นเหลือเกิน

    คยูฮยอนคนโง่ที่เจ็บกับเรื่องเดิมๆไม่มีจบ......











    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×