นางฟ้าจากบานกระจก - นางฟ้าจากบานกระจก นิยาย นางฟ้าจากบานกระจก : Dek-D.com - Writer

    นางฟ้าจากบานกระจก

    โดย Clothia

    น้ำฟ้า เด็กสาวที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ได้รับการช่วยเหลือจาก ของขวัญ นางฟ้าใจดีจากมิติบานกระจก ทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้

    ผู้เข้าชมรวม

    103

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    103

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ก.พ. 57 / 13:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    นางฟ้าจากบานกระจก

    ตัวละคร

    ๑. น้ำฟ้า   เด็กสาวอายุประมาณ ๑๖ ปี ชอบเก็บตัวอยู่ในห้อง เจ้าอารมณ์ ชอบปิดกั้นตัวเอง เนื่องจากเธอคิดว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาว่างมาดูแลเธอ ทำให้เธอคิดว่าไม่มีใครรักเธอจึง ไม่ยอมเข้าหาคนอื่นๆ

    ๒. ของขวัญ   นางฟ้าทัศนคติด้านบวก อายุถ้าเทียบกับมนุษย์คือ ๑๖  ปี จากมิติบานกระจก ได้เห็นน้ำฟ้าผ่านเงาในกระจกที่สะท้อนผ่านมา ทำให้เธอออกจากมิติของเธอเพื่อช่วยของขวัญให้เปลี่ยนแปลงตนเองและสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัวและเพื่อนๆของเธอ

    ๓. นิตา คุณแม่ของน้ำฟ้า หญิงสาววัยกลางคนอายุประมาณ ๔๒ ปี แต่ยังดูแลตัวเองทำให้มีสุขภาพแข็งแรงและอ่อนเยาว์ ชอบไปงานเลี้ยง งานสมาคมต่างๆ จะตามใจน้ำฟ้ามากและมักถกเถียงกับสามีของเธอบ่อยๆ

    ๔. ธิติ คุณพ่อของน้ำฟ้า ชายหนุ่มนักธุรกิจวัยกลางคนอายุประมาณ ๔๕ ปี ที่มีชื่อเสียง มีนิสัยชอบบังคับ วางอำนาจ บ้างาน ชอบให้น้ำฟ้าทำตามใจที่ตนต้องการเสมอๆ จึงทำให้ทะเลาะกันบ่อยครั้ง เพราะเป็นคนอารมณ์ร้อน

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นางฟ้าจากบานกระจก

                      ภายในห้องนอนกว้างที่เต็มไปด้วยเครื่องเรือนราคาแพงทันสมัย แสดงได้ว่าเจ้าของห้องคงเป็นเด็กสาวผู้น่ารักเป็นแน่ แต่ทว่าแท้จริงนั้น น้ำฟ้า เด็กสาวเจ้าของห้องนอนห้องนี้คงไม่เชิงเป็นสาวน้อยผู้น่ารักเต็มที่ซะทีเดียว ผมยาวนุ่มสลวยยาวถึงกลางหลัง ดวงตากลมโต จมูกรั้นเชิดและริมฝีปากรูปกระจับ แต่ทว่านัยน์ตานั้นดู เศร้าสร้อย หม่นหมอง ใบหน้าซีดเซียวราวกับว่าไม่เคยพบเจอเรื่องราวแห่งความสุขในชีวิตเลย ร่างบอบบางค่อยๆสาวเท้ามายังโต๊ะหน้ากระจก มุมโปรดของเธอ ที่ที่เธอจะใช้ชีวิตตรงนี้เสียเป็นส่วนใหญ่ แม้กระทั่งรับประทานอาหาร เหตุผลที่เธอเลือกจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องนอนห้องนี้นอกเหนือจากเวลาที่ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนแล้ว ก็คงจะเป็นเพราะ บ้านหลังใหญ่ไร้ความจำเป็นหลังนี้ มันดูเงียบเหงาเกินไปเสียล่ะมั้ง มีเธอกับแม่บ้าน คนขับรถ และคนสวนอยู่เพียงไม่กี่คน การที่จะให้เธอลงไปนั่งเล่นข้างล่างที่ห้องนั่งเล่น หรือไปรับประทานอาหารคนเดียวที่โต๊ะอาหารโต๊ะยาว ก็คงจะอ้างว้างเกินไปสำหรับเธอ อยู่บนห้องนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้มีความเป็นส่วนตัว

      “ น่าเบื่อจัง ฉันเบื่อกับการที่ต้องทำรายงานกลุ่มนี้คนเดียวแล้วนะ ถ้าพวกเพื่อนๆคนอื่นๆจะช่วยฉันบ้าง แต่นี่ไม่เลย เธอไม่ช่วยอะไรฉันเลยด้วยซ้ำนอกจากพูดจา            กระแนะกระแหนฉันไปวันๆ”น้ำฟ้าค่อยๆสาวเท้าของเธอเดินมาที่โต๊ะหน้ากระจกของเธอดังเช่นทุกวัน พลางพูดคุยกับตัวเองแบบนี้เช่นทุกครั้ง แม้ว่าจะไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ แต่เธอก็เลือกที่จะทำเพื่อระบายความรู้สึกของเธอดีกว่าต้องทนเก็บความรู้สึกงี่เง่านั่นไว้คนเดียว เธอเองก็ไม่มีเพื่อน เพราะเธอเป็นคนที่ปิดกั้นตัวเอง ไม่ชอบเข้าหาใคร และเพื่อนๆคนอื่นๆก็ไม่อยากจะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอเช่นกัน

       “ฉันจะทำทันไหมเนี่ย เรื่องนี้ฉันไม่ค่อยจะเข้าใจอยู่ด้วย” บ่นกระปอดกระแปด พลางหยิบแล็ปท็อปในกระเป๋าออกมาแล้วนั่งทำรายงาน คิ้วเรียวขมวดเป็นปมอย่างเคร่งเครียด แสดงให้เห็นว่าการทำรายงานครั้งนี้คงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอจริงๆ

                      ผ่านไปเสียจนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า มีดวงจันทร์เข้ามาทำหน้าที่ในยามค่ำคืน น้ำฟ้าขยับบิดตัวเล็กน้อยเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้าจากการนั่งเป็นเวลานาน

      “ จะ ๒ ทุ่มแล้วหรอเนี่ย เห้อ วันนี้พอแค่นี้ละกันนะ” ค่อยๆเก็บแล็ปท็อปเก็บใส่กระเป๋าเหมือนอย่างเดิมและจัดของบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ พลันค่อยๆก้าวไปยังกระจก ริมฝีปากค่อยๆขยับ เสียงใสเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา

      “ ถ้าเธอตอบกลับฉันมาได้ ก็คงจะดีกว่านี้สินะ” จะให้พูดอีกสักกี่ครั้งก็ไม่มีใครสักคนที่จะตอบเธอกลับมา

      “เห้อ!  อะไรของฉันเนี่ย ถ้าจะเพี้ยนใหญ่ละ เงาในกระจกจะตอบฉันกลับมา        ได้ยังไง เป็นไปไม่ได้”

      “ แล้วถ้าเป็นไปได้ล่ะ”

       “ธะ เธอเป็นใคร” น้ำฟ้าถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก งุนงงกับเด็กสาวที่โผล่มาตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว

      “ ฉันชื่อของขวัญยินดีที่ได้รู้จักนะ” เด็กสาวที่ยืนอยู่หน้ากระจกตอบรับด้วยน้ำเสียงร่าเริง รอยยิ้มยังคงถูกจุดที่ริมฝีปากของเธอตลอดเวลา

      “ของขวัญ ?”

      “ใช่ ฉันเป็นนางฟ้าทัศนคติด้านบวกของเธอไง เคยดูการ์ตูนไหม เวลามีนางฟ้ากับแม่มดใจร้ายที่จะคอยบอกให้เธอทำนู่นทำนี่น่ะ”

      “อ่า แล้ว มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ” น้ำฟ้าก็ยังคงงุนงงไม่น้อยกับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอ

      “มานี่มา เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง” ของขวัญจูงมือน้ำฟ้าที่ยังทำหน้างงไม่หายให้มานั่งบนเตียงเพื่อจะเล่าเรื่องราวที่เธอต้องออกมากระจก

      “ฉันเป็นนางฟ้าทัศนคติด้านบวกของเธอ ฉันมองเห็นเธอผ่านเงาสะท้อนในกระจกบานนั้น” ของขวัญพูด

      “แล้วไงต่อ”

      “เมื่อมีทัศนคติด้านบวก ก็ต้องมีทัศนคติด้านลบ ตัวเธอเองนั่นล่ะน้ำฟ้า ที่เป็นทัศนคติด้านลบ”

      “อะไรกัน ฉันไม่เห็นจะเข้าใจ” คิ้วเรียวขมวดเป็นปมอีกครั้ง เธอยังคงไม่กระจ่างในสิ่งที่ของขวัญพูดอยู่ดี เผลอๆอาจจะงงกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ และนั่นก็ทำให้น้ำฟ้ารู้สึกหงุดหงิดเพราะการที่เธอเป็นคนอารมณ์ร้อน

      “เธอเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ลำพังตลอดเวลา มองโลกในแง่ร้าย ทำให้เธอไม่มีความสุข ถ้าหากเธอยังมองสิ่งต่างๆในแง่ลบ เธอก็จะไม่มีความสุขแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่ถ้าหากเธอเปลี่ยนมุมมองความคิด เธอก็สามารถมีความสุขได้นะ” ของขวัญเริ่มสัมผัสได้ถึงความไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่าย แต่ก็ยังพยายามพูดให้น้ำฟ้าฟังต่อไปอย่างใจเย็น

      “พูดง่ายแต่ทำยากน่ะสิไม่ว่า พ่อกับแม่ก็แทบจะไม่กลับบ้าน เวลาไปโรงเรียนก็เจอแต่เพื่อนๆที่คอยพูดจาและทำตัวไม่ดีใส่ฉัน ฉันจะมีความสุขได้ยังไง เธออย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย”

      “ได้สิ เธอยังมีฉันนะ ฉันสัญญาว่าฉันจะช่วยเธอเอง” ของขวัญอาสาอย่างแข็งขัน น้ำฟ้าที่เห็นการกระทำของของขวัญอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเธอเองไม่อยากมีความสุข แต่จะให้เธอก้าวข้ามผ่านปัญหานี้ไปคนเดียวก็ค่อนข้างจะลำบาก และถ้าหากเธอลองเปลี่ยนมุมมองความคิดแบบที่ของขวัญพูดก็คงไม่เสียหายอะไร เพราะเธอก็อยากจะหลุดพ้นจากความรู้สึกแย่ๆเหล่านี้เต็มที่แล้ว

      “ก่อนอื่นนะน้ำฟ้า เธอก็ต้องฝึกยิ้มนะรู้มั้ย เลือกที่จะยิ้ม เลือกที่จะพูดดีๆ แล้วก็เลือกที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆด้วย”

      “ฉันจะพยายามละกัน” น้ำฟ้าตอบปัดๆอย่างไม่ใส่ใจ

      “เชื่อฉันสิ เธอต้องทำได้แน่นอน” ของขวัญยิ้มเป็นกำลังใจพลางกุมมือของน้ำฟ้าไว้เบาๆ น้ำฟ้าทำหน้างอเล็กน้อย เพราะไม่เคยมีใครมาถูกเนื้อต้องตัว แต่ทว่ากลับเป็นได้รับความรู้สึกที่ผ่อนคลาย สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

       “ น้ำฟ้าอยู่ไหมลูก นี่แม่เองนะ” เสียงแหลมเล็กขาวหญิงสาววัยกลางคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของน้ำฟ้าเอ่ยขึ้นมาก่อนที่เธอจะค่อยๆหมุนลูกบิดประตูแล้วก้าวเท้าเข้ามาในห้อง

      “อ่าว แม่ไม่รู้ว่าลูกมีแขก ทำไมไม่พาเพื่อนลูกไปนั่งเล่นข้างล่างล่ะจ๊ะ อยู่ในนี้มันอุดอู้จะตาย” หญิงสาววัยกลางคนแต่ว่าก็ยังคงความงามไว้อย่างไม่น่าเชื่อ เสื้อผ้าและเครื่องประดับนั้นดูก็รู้ว่าเป็นของแบรนด์เนมราคาแพง

      “ของขวัญ นี่คุณนิตา แม่ฉันเอง” น้ำเสียงที่เคยสดใสขุ่นลงอย่างเห็นได้ชัดเวลาที่น้ำฟ้าเอ่ยกับผู้เป็นแม่ของตนเอง ทำให้ของขวัญที่คอยเฝ้ามองมาจากในกระจกเสมอๆก็รู้ได้ไม่ยากว่าความสัมพันธ์ของเธอกับคนในครอบครัวอาจจะไม่ดีเท่าไหร่นัก

      “สวัสดีค่ะ หนูชื่อของขวัญค่ะ เอ่อ คือ จะเป็นอะไรมั้ยคะถ้าหนูจะขออยู่ที่นี่กับน้ำฟ้าสักพัก”

      “ได้สิจ๊ะ ดีเลย จะได้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนน้ำฟ้าไง ตัวแม่เองกับคุณพ่อของน้ำฟ้าก็ไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไหร่” คุณนิตาพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี

      “ไม่มีเวลาแต่ออกไปงานราตรีสโมสรได้ทุกวี่วันจนไม่มีเวลาให้ลูก นี่เรียกว่าไม่มีเวลาสินะคะ” น้ำเสียงขุ่นมัวของน้ำฟ้าเอ่ยออกมาอย่างประชดประชัน จนของขวัญต้องกระตุกแขนของเธอเอาไว้

      “น้ำฟ้า ฉันบอกว่าให้พูดดีๆ จำไม่ได้หรอ ใจเย็นลงอีกนิดเธอจะสงบสติได้มากขึ้นนะ” ของขวัญพูดเสียงเบาเพื่อเตือนสติ

      “อืม...  ขอ... ขอโทษ... ขอโทษค่ะแม่”  น้ำฟ้าพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก เพราะเธอไม่เคยพูดดีๆกับแม่ของเธอเลย และนี่ก็คงจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เธอทำผิดแล้วยอมขอโทษคุณแม่ ส่วนคุณนิตาเองนั้นก็ดูจะตกใจไม่ใช่น้อยที่ลูกสาวยอมขอโทษเธอก่อน ริมฝีปากบางพิมเดียวกันกับน้ำฟ้าคลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ

                        “เอาล่ะ แม่ไม่กวนพวกลูกๆดีกว่านะจ๊ะ หนูของขวัญ แม่ฝากน้ำฟ้ากับหนูด้วยนะ ขาดเหลืออะไรก็บอกแม่บ้านที่ขึ้นมได้นะจ๊ะ”

      “ขอบคุณค่ะ”

      ร่างเพรียวระหงเดินออกจากห้องนอนนี้ไป ของขวัญหันมามองน้ำฟ้าที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนจะค่อยๆพูดกับน้ำฟ้าอย่างใจดี

      “เห็นสีหน้าแม่เธอหรือเปล่า คุณน้านิตาดีใจแค่ไหน ที่เธอพูดขอโทษออกไปน่ะ นี่ถ้าหากเธอใจเย็นกว่านี้ ค่อยๆพูดค่อยๆจากับพ่อแม่ หรือกับเพื่อนๆของเธอ เธออาจจะเห็นอีกมุมของพวกเขาก็ได้ เลือกที่จะมองด้านดีๆของพวกเขาแล้วเธอเองจะได้มีความสุขด้วย ไม่ดีหรอ ?” ของขวัญอธิบาย

      น้ำฟ้าคิดตามที่ของขวัญพูดอยู่เงียบๆ ก็จริงอย่างที่ของขวัญพูด เธอมักจะตั้งแง่และอคติกับคนอื่นเสมอๆ คิดว่าตัวเธอเองโดดเดี่ยวและลำพังอยู่ตลอดเวลา แต่ส่วนหนึ่งมันก็มาจากที่เธอปิดกั้นตัวเองไม่ยอมพบปะกับใครด้วยเช่นกัน

                      ท้องฟ้าในตอนเช้ายามที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆสาดแสงลอดผ่านหน้าต่าง ร่างเล็กน่ารักของของขวัญค่อยๆขยับตัวเล็กน้อยพลางบิดกายไปมา ดวงตากะพริบปริบๆเพื่อปรับสายตาที่โดนแสงแดดเข้าเล่นงานในยามเช้า ของขวัญค่อยๆยันตัวเองลุกจากเตียงที่ตอนนี้ร่างบางของใครอีกคนกลับไม่อยู่เสียแล้ว

      “ฉันไปโรงเรียนก่อนนะ ส่วนอาหารเช้าฉันให้แม่บ้านยกมาให้ที่โต๊ะแล้ว จัดการทำธุระเสร็จก็อย่าลืมทานนะ ไว้เย็นๆฉันจะรีบกลับมา”

      ของขวัญอมยิ้มให้กับข้อความที่เขียนด้วยลายมือน่ารักๆของน้ำฟ้า ก่อนจะจัดแจงทำธุระส่วนตัวและออกมาทานอาหารเช้าที่วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะมีแม่บ้านขึ้นมาเก็บภาชนะอาหารออกไปอย่างรู้หน้าที่ ของขวัญค่อยๆหยิบสมุดเล่มน้อยๆของเธออกมาพลางจดบันทึกเรื่องราวต่างๆของน้ำฟ้าตั้งแต่เรื่องเมื่อวานที่น้ำฟ้าพูดกับคุณแม่ รวมถึงกระดาษโน้ตที่เขียนเอาไว้ก่อนไปโรงเรียน โดยรวมๆแล้วผลลัพธ์ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจเพราะดูเหมือนน้ำฟ้าจะใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆของคนอื่นเพิ่มมากขึ้น

      มองไปที่นาฬิกา ตอนนี้ก็ ๔ โมงกว่าๆ แล้วสินะ เมื่อสักครู่นี้ แม่บ้านเพิ่งจะนำอาหารเย็นขึ้นมาที่ห้อง แสดงว่าไม่นานน้ำฟ้าก็คงจะกลับถึงบ้านพอดี

      “หนูบอกแล้วว่าหนูไม่ไปไงคะพ่อ ทำไมพ่อต้องบังคับให้หนูไปงานเลี้ยงบ้าบออะไรนั่นด้วย” เสียงโหวกเหวกโวยวายจากข้างนอกบานประตูค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆก่อนที่ร่างบางที่ใบหน้าบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจจะกระชากเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาภายในห้อง ตามมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียดของชายวัยกลางคนอีกคนหนื่งที่ดูอารมณ์เสียไม่แพ้กัน ทำให้ของขวัญที่นั่งอยู่ตรงนี้ออกจะตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย แต่ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับของขวัญที่คอยเฝ้ามองน้ำฟ้าจากหลังบานกระจกเท่าไหร่นัก ทว่าตอนนี้เธอนั่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ก็อดจะตกใจไม่ได้

      “ไปสักครั้งเดียวมันจะตายรึไง อย่าเอาแต่ใจได้ไหมน้ำฟ้า”

      “พ่อนั่นล่ะที่เอาแต่ใจ ก็หนูบอกว่าไม่ไปพ่อก็บังคับอยู่ได้”

      “น้ำฟ้า !” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดตะโกนดังออกมา ทำให้ของขวัญที่นั่งอยู่ต้องวิ่งไปประคองร่างบางที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเริ่มสะอื้น

      “นี่คุณ อะไรกันคะเนี่ย” คุณนิตาที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องนอนสีหน้าดูตกอกตกใจไม่ใช่น้อย เธอรู้ดีว่าคงเป็นเรื่องเดิมๆนั่นล่ะ แต่ทว่าทำไมครั้งนี้มันถึงได้รุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ

      “ลูกบอกไม่ไปทำไมคุณต้องบังคับลูกด้วยคะคุณธิติ น้ำฟ้าไม่ไปก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” คุณนิตาเข้ามากุมมือสามีของเธอไว้เพื่อให้เขาได้สงบสติอารมณ์ของตัวเอง

      “แต่ลูกโตแล้วนะคุณนิตา ลูกควรจะออกไปพบปะผู้คนข้างนอกบ้าง แล้วจะได้ดูด้วยว่าในวงการธุรกิจเขาเป็นยังไงกัน”

      “แต่ลูกไม่ได้อยากเป็นนักธุรกิจเหมือนคุณนะคะ” นิตาแย้ง

      “แต่เรามีลูกคือน้ำฟ้าเพียงคนเดียวนะ ถ้าน้ำฟ้าไม่ดูแลแล้วใครจะทำ”

      “คุณคะ ใครก็ได้ที่เหมาะสม ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นลูกนี่คะ อย่าบังคับลูกเลย ฉันขอร้อง”

      “คุณก็เป็นอย่างนี้ตลอดล่ะ คุณนิตา ตามใจลูกจนเคยตัวเลยเห็นไหม”

                      “ถึงจะตามใจก็ดีกว่าคุณที่ชอบบังคับจิตใจลูกละกัน”

      ดูท่าการทะเลาะวิวาทรอบต่อไปคงจะเป็นคุณนิตากับคุณธิติก็ได้ ของขวัญที่ตอนนี้กำลังจะพูดอะไรบางอย่างกลับต้องเงียบเสียงลงเมื่อร่างบางอีกคนที่หยุดสะอื้นได้สักพักดึงแขนเธอไว้พลางส่ายหน้าว่าไม่ต้อง

      “ขอฉันจัดการเองนะ” น้ำฟ้าพูดเสียงเบา

      “อ่า... อื้มๆ ... แต่ว่าใจเย็นๆ นะ” น้ำฟ้าพยักหน้าให้ของขวัญเบาๆพลางสูดลมหายใจเข้าปอดเตรียมที่จะพูดต่อไป

      “พ่อคะ แม่คะ พอเถอะค่ะ” เสียงแหบพร่าของลูกสาวทำให้คุณนิตาและคุณธิติละสายตาจากการปะทะคารมเมื่อสักครู่นี้มามองลูกสาวตัวน้อยของเธอที่ดูเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

      “อย่างที่แม่พูด...  หนู... หนูไม่อยากไป...  พ่ออย่า... อย่าบังคับหนูเลยนะคะ” น้าฟ้าพูดพลางพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้ คุณธิติมองไปที่ดวงตาคู่สวยของลูกสาวก่อนจะสบกับแววตาที่สื่อออกมาว่าขอร้อง

      “ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ลูกควรจะออกไปเปิดหูเปิดตาซะหน่อย” คุณธิติพูดเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาเองก็แปลกใจกับอาการที่เปลี่ยนไปของลูกสาวตัวเอง

      “ไม่ดีกว่าค่ะพ่อ หนูอยู่ที่นี่ก็มีความสุขดี ถ้าหนูออกไปกับพ่อ หนูคงอึดอัดแน่ๆ แล้วหนูก็คงทำตัวไม่ถูกด้วย พ่อไปกับแม่ก็ได้นี่คะ”

      ธิติเงียบไปเล็กน้อยพลางใช้ความคิด ก็จริงอยู่ทุกครั้งเขามักจะบังคับให้ลูกทำในสิ่งที่เขาต้องการเสมอแต่เขาเองก็ไม่เคยฟังเหตุผลของลูกเลยสักครั้ง สุดท้ายก็จบด้วยการทะเลาะกันเพราะต่างคนต่างใช้อารมณ์และน้ำฟ้าก็เลือกที่จะโต้เถียงกับเขา แต่ครั้งนี้น้ำฟ้ายอมที่จะพูดดีกับเขาแทน

      “ถ้างั้นก็ได้” ร่างสูงโปร่งของผู้เป็นพ่อค่อยๆเดินออกไปตามด้วยร่างเพรียวของคุณแม่ที่หันมายิ้มและลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดูก่อนจะค่อยๆเดินตามสามีออกไป

       “ดีมากเลยน้ำฟ้า เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เธอก็จะต้องปรับความเข้าใจกับพ่อแม่ของเธอได้แน่ อีกหน่อย เพื่อนๆ ของเธอก็จะเข้าใจเธอมากขึ้นนะ”

      “อืม” น้ำฟ้าแย้มยิ้มน้อยๆ เธอเองก็ค่อนข้างรู้สึกโล่งใจขึ้นไปอีกเปราะหนึ่ง ความสบายใจมากขึ้นที่บอกไม่ถูกนี้มันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขขึ้นมา

      วันนี้ก็เป็นอีกวันที่น้ำฟ้าออกไปเรียน ของขวัญมองนาฬิกาได้เวลาที่น้ำฟ้าจะกลับบ้าน อาหารเย็นก็ถูกนำขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเช่นทุกๆวัน เพียงไม่นานเสียงหวานๆที่ดูสดใสกว่าทุกๆวันก็เอ่ยออกมาอย่างร่าเริงก่อนที่ร่างบางจะปรากฏอยู่ตรงบานประตูค่อยๆก้าวเดินเข้ามา น้ำฟ้ากับของขวัญก็ทานข้าวด้วยกันไปอย่างเพลิดเพลินดังเช่นทุกวัน น้ำฟ้ามักจะเล่าเรื่องราวให้ของขวัญฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เธอพบเจอในโรงเรียน รวมถึงเรื่องเพื่อนๆของเธอที่นับวันก็ดูจะเริ่มมีมิตรภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น

      “วันนี้เธอนอนก่อนก็ได้นะของขวัญ ฉันมีรายงานต้องทำน่ะ อีกไม่กี่วันก็จะต้องส่งแล้ว ฉันกะจะรีบทำให้เสร็จไปเลย” น้ำฟ้าพูด

      อ่า ได้ๆ ว่าแต่มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า”

      “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันกับเพื่อนแบ่งงานกันแล้วเรียบร้อย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว”

      “เห็นเธอกับเพื่อนเข้ากันได้ก็ดีแล้ว” ของขวัญพูดอย่างดีใจ

      น้ำฟ้าทำตามคำแนะนำของของขวัญที่ให้เธอยิ้มบ่อยๆ และพูดจาดีๆกับคนอื่น ช่วงแรกๆเพื่อนๆของน้ำฟ้าก็ออกจะงุนงงสักเล็กน้อยที่น้ำฟ้าดูสดใส เป็นกันเอง ไม่ทำตัวเชิดใส่พวกเธอเหมือนครั้งก่อนๆ

      “ทั้งเพื่อนๆและตัวฉันต่างเข้าใจอีกฝ่ายผิดตลอด ฉันคิดว่าพวกเพื่อนๆที่โรงเรียนน่ะ ก็เป็นแต่พวกลูกคุณหนูที่ชอบเสแสร้ง แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย พวกเธอแค่คิดว่าฉันดูไม่เป็นมิตรก็เลยเอาแต่ต่อว่าฉัน แต่ที่จริงพวกเธอก็เป็นคนดี”

      “ฮะฮ่า พวกเธอนี่นะ เอาเป็นว่าตอนนี้ก็ดีกันแล้วใช่มะ”

      “อื้ม” น้ำฟ้าตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี

      ของขวัญจ้องมองน้ำฟ้าที่ดูสดใสร่าเริงสมวัยอย่างดีใจ อย่างน้อยๆการมาของเธอครั้งนี้ก็ไม่สูญเปล่า เธอทำให้เด็กสาวที่เอาแต่เก็บตัวและอคติกับทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น นี่ก็ ๒ สัปดาห์แล้วที่ของขวัญมาอยู่กับน้ำฟ้า เธอคงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป สักวันนึงเธอก็ต้องกลับไปยังมิติหลังบานกระจกของเธอต่อ แต่ก็หวังว่าวันที่ของขวัญไม่อยู่น้ำฟ้าก็จะสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขต่อไป

      เย็นวันนี้น้ำฟ้ากับคุณพ่อคุณแม่ออกไปทานอาหารนอกบ้าน ของขวัญเลือกที่จะไม่ไปด้วยเพราะอยากให้น้ำฟ้าใช้เวลากับครอบครัวอย่างมีความสุขมากกว่า ของขวัญละสายตาจากสมุดโน้ตของเธอไปยังร่างบางของน้ำฟ้าที่ก้าวเข้ามาในห้องอย่างมีความสุข

      “เป็นไง มีความสุขล่ะสิ ยิ้มหน้าบานเชียวนะ” ของขวัญแซว

      “แหม่ ของขวัญก็ มันค่อนข้างเป็นเรื่องแปลกประหลาดพอสมควรเลยนะที่พ่อเลือกที่จะเลื่อนประชุมจุกจิกนั่นออกไป ส่วนแม่ก็เลือกที่จะอยู่บ้านแทนการออกไปงานสมาคมอะไรพวกนั้น แล้วออกไปทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันนอกบ้าน”

      “ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ ตั้งแต่วันที่ฉันจ้องมองเธอจากมิติหลังบานกระจกนั่นน่ะ จนถึงตอนนี้เธอดูเปลี่ยนไปเยอะทีเดียวเลยนะ เธอยิ้มบ่อยขึ้น ใจเย็นขึ้น ใช้ชีวิตร่วมกันคนอื่นรวมถึงใส่ใจพวกเขามากขึ้นด้วย”

      “นั่นมันก็เพราะเธอนะของขวัญ นางฟ้าใจดีของฉัน ถ้าเธอไม่มาช่วย ฉันคงถูกแม่มดใจร้ายควบคุมชีวิตฉันไปตลอด”

      “พรุ่งนี้ ฉันคงต้องกลับมิติหลังบานกระจกแล้วล่ะนะ” ของขวัญพูดเสียงเบา

      “หืม?  ทำไมเร็วจังล่ะ ไม่เอาอะ อยู่ที่นี่นานๆกว่านี้สิ ไม่สิ เธอจะอยู่กับฉันไปตลอดก็ได้นะ”

      “ได้ยังไงล่ะ ฉันมีบ้านต้องกลับนะ ฉันทำภารกิจเสร็จแล้วฉันก็ต้องกลับ” ของขวัญตอบ

      “น่าใจหายจัง ฉันมีความสุขมากที่มีเธอ เธอจะกลับจริงๆ หรอของขวัญ”

      “เถอะน่า ฉันสามารถเห็นเธอได้ผ่านกระจกบานนั้น แล้วถ้าหากเธอคิดถึงฉัน ฉันจะออกมาเยี่ยมเธอเอง ไม่ต้องกังวล”

      วันนี้เป็นวันเสาร์ น้ำฟ้าหยุดอยู่ที่บ้าน ขณะที่เพื่อนรักทั้ง ๒ กอดลากันอย่างไม่อยากจากกันไปไหน

      “ฉันจะมาเยี่ยม อย่าทำหน้าเศร้าสิ” ของขวัญพูด

      “รู้แล้วล่ะน่า ฉันจะไปยิ้มหน้ากระจกให้เธอเห็นทุกวันเลย”

      “ดีแล้วล่ะ มีปัญหาอะไรก็พูดระบายให้ฉันฟังเหมือนเมื่อก่อนก็ได้นะ”

      “ได้เลย ฉันคงคิดถึงเธอมากแน่ๆ”

      “เชื่อฉันสิว่าต่อแต่นี้ไปเธอก็มีความสุขได้โดยที่ฉันไม่ต้องช่วย”

      “ขอบคุณนะของขวัญ ที่ช่วยทำให้ฉันมีความสุข” น้ำฟ้าพูดยิ้มๆ

      “ก็ฉันเป็นนางฟ้าใจดีของเธอไง”

      ทั้ง ๒ กอดกันอีกครั้ง ของขวัญโบกมือลาน้ำฟ้าที่ยืนอยู่หน้าบานกระจกก่อนที่ร่างบางของของขวัญจะค่อยๆหายไปในกระจกบานนั้น รอยยิ้มหวานที่คลี่ยิ้มออกสะท้อนผ่านเงาในกระจก น้ำฟ้ากำลังยิ้ม และใครอีกคนที่อยู่ข้างหลังกระจกบานนั้นก็กำลังยิ้มอยู่เช่นเดียวกับเธอ ต่อจากนี้น้ำฟ้าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มองโลกในแง่ดี ใจเย็น และเปิดใจกับสิ่งรอบข้างมากขึ้น เธอจะไม่ทำให้นางฟ้าใจดีของเธอต้องคอยเศร้าไปด้วยกันกับเธออีกแล้ว 
       

      ณฐฤทัย

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×