ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) KRiSHO FICTION by MMANGMOOM

    ลำดับตอนที่ #135 : ♡ Time Lapse (Chapter 4)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 424
      20
      3 พ.ค. 61

    Time Lapse
    Kris x Suho






     

    “จุนมยอน.. จุนมยอน..

     

     

     

     

     

    “คนเก่งตื่นได้แล้ว..

     

     

     

    “อืม..

     

    คนตัวเล็กบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงกว้าง เขาเห็นแสงรำไรจากหน้าต่างส่องเข้ามากระทบดวงตา ได้กลิ่นกายอ่อนๆ จากคนที่ตนนอนกอดเมื่อคืน ขณะที่กำลังบิดขี้เกียจอยู่นั้นจุนมยอนก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของลำแขนแกร่งที่กำลังกอดเขาแถมยังแอบตบก้นกลมเบาๆ

     

    “อื้อ อย่าตีครับ”

    “ตื่นเร็ว วันนี้วันหยุดนะ.. เราจะนอนอยู่ในห้องทั้งวันไม่ได้”

    “แต่ผมเหนื่อย ไม่อยากออกไปไหนเลยครับ อยากนอนอยู่บนเตียงทั้งวันแล้วก็อ่านการ์ตูนไปเรื่อยๆ” จุนมยอนพลิกตัวไปหาชายร่างสูงเพื่อร้องขอ เปลือกตานั้นยังปิดอยู่ ขณะที่เรือนผมนั้นถูกลูบไล้เบาๆ ไปมา

    “ถ้านายอยากอยู่บนเตียงทั้งวันฉันก็จะให้อยู่ แต่ฉันจะไม่ให้อ่านการ์ตูนหรอกนะ นายน่ะติดโทรศัพท์มากเกินไปแล้ว เพราะงั้นฉันจะพานายทำอย่างอื่นที่มันสนุกมากกว่าการอ่านการ์ตูนแทน อย่างเช่น.. การทำให้นาย.. เหงื่อออกและร้องครางอยู่บนเตียง” พูดพลางใช้มือขยำก้นเด็กน้อยด้วยความหมั่นเขี้ยวจนจุนมยอนต้องรีบลืมตาและดันตัวร่างสูงให้ออกห่างจากเขา

    “คุณนี่ทะลึ่งอีกแล้วนะ!” เด็กน้อยทำปากยื่น เขาดึงผ้าห่มออกจากลำตัวเพราะต้องการกลบเกลื่อนความเขินอายที่กำลังแสดงออกมาผ่านสีหน้าแดงๆ ปนงัวเงียของเขา

    “ถ้าไม่อยากให้ฉันทะลึ่งก็ต้องลุก”

    “แล้วเราจะไปไหนกันเหรอครับ? ขอไปที่ที่ใกล้ๆ ได้ไหม? ผมต้องกลับมาทำการบ้านอีกนะ”

    “งั้นนายก็ลองเลือกดู ฉันไปได้หมดนั่นล่ะ ขอแค่ได้ไปกับนายก็พอ”

    “ให้ผมเลือกงั้นเหรอ? ทั้งๆ ที่คุณเป็นคนชวนผมออกไปเนี่ยนะ”

    “อืม ฉันต้องการไอเดียจากนายเพราะฉันไม่รู้ว่าสมัยนี้เด็กวัยรุ่นเขาไปเที่ยวที่ไหนกัน”

    “อ่า..

     

    วันนี้เป็นวันหยุดของจุนมยอนและคริส เด็กน้อยไม่ต้องไปทำงานที่ร้านกาแฟ คริสเองก็ไม่ต้องเข้าบริษัทไปเจอความวุ่นวายชวนปวดหัว เช่นนั้นแล้วคนทั้งสองจึงพากันหากิจกรรมทำกันในช่วงดึก อย่างเช่น การดูภาพยนตร์จาก Netflix และการอบป๊อบคอร์นในไมโครเวฟก่อนจะนำมันขึ้นมากินบนเตียง อันที่จริงคริสไม่ชอบให้มีกลิ่นอาหารในห้องนอน ไม่ชอบการเอาอาหารมากินบนเตียงเพราะกลัวจะเปรอะเปื้อน

     

    แต่ในเมื่อจุนมยอนออกปากขอ.. มีหรือที่ร่างสูงจะไม่ใจอ่อน

     

    “ไปสวนสนุกกันไหมครับ?”

    “สวนสนุกงั้นเหรอ?”

    “อื้ม ผมไปครั้งสุดท้ายตอนอยู่ม.ปลายปี 2 นี่ก็เกือบ 4 ปีแล้วที่ผมไม่ได้ไปทำอะไรแบบนั้น..

    “ของนายแค่ 4 ปี แต่ของฉัน.. สิบกว่าปีแล้วมั้ง ครั้งสุดท้ายที่ไปก็คือตอนโดนส่งไปเรียนซัมเมอร์ที่แคลิฟอร์เนียเพราะว่าแม่

    ” ช่วงคำของคริสขาดไป ทำให้เด็กน้อยที่กำลังตั้งใจฟังอยู่นั้นชะงักไปเช่นกัน เขายังคงรอฟังว่าคริสจะพูดอะไรต่อ แต่ร่างสูงกลับส่งรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะตัดบทและลุกออกจากเตียงนุ่มหลังกว้าง “ช่างเถอะ ไปอาบน้ำซะ ฉันทำอาหารเช้ารอนายไว้แล้ว เห็นบ่นว่าอยากลองกินเบรกฟาสต์แบบอังกฤษมานานแล้ว ก็เลยลุกมาทำให้”

    “จริงเหรอครับ? งั้นผมจะรีบอาบแล้วจะรีบไปกินนะ”

    “ให้ไวเลย แต่ก่อนจะไป..” ร่างสูงยกมือขึ้นชี้นิ้วไปที่แก้มสากของเขา ทำให้เด็กหนุ่มซึ่งรู้งานอยู่แล้วรีบสะบัดผ้าห่มผืนหนาออกจากกายและรีบลุกออกไปให้รางวัลร่างสูงด้วยการจูบแก้มของเขาทันที

    “ขอบคุณนะครับ”

    “อืม เจอกันที่โต๊ะอาหารนะ”

     

    - - - - - - - - - - - - - - -

     

    วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนทีเดียว ทำเอาคนที่กำลังยืนรอเครื่องเล่นเหงื่อหยดกันเป็นแถบ รวมไปถึงจุนมยอนและคริส จนในที่สุดจุนมยอนก็ยอมแพ้การต่อคิวที่ยาวกว่าสองชั่วโมงในที่สุด เขาพาคริสเดินออกมานั่งพักพร้อมกับแฮมเบอร์เกอร์ในมือและน้ำอัดลมแก้วใหญ่หนึ่งแก้ว เด็กน้อยกัดแฮมเบอร์เกอร์ของเขาทั้งๆ ที่แก้มยังตุ่ยจากมะเขือเทศและผักกาดจากคำก่อนหน้านี้ ในขณะที่คริสกินของตัวเองหมดเรียบร้อยแล้ว เขาหยิบแก้วน้ำอัดลมลายน่ารักที่จุนมยอนเป็นคนเลือกขึ้นมาดื่ม ก่อนจะส่งให้เด็กน้อยดูดน้ำจากหลอดด้วยเพราะเกรงว่าเจ้าแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตอาจทำให้ติดคอได้

     

    “ฉันหวังว่าเราคงจะไม่ต้องไปต่อคิวรอเครื่องเล่นอีกแล้วนะ”

    “ไม่ไปแล้วครับ กว่าจะถึงคิวเราผมคงได้เป็นลมก่อน วันนี้คนเยอะชะมัด.. รู้อย่างนี้ผมชวนคุณไปเดินเล่นที่อื่นดีกว่า”

    “บางทีเราควรมาที่นี่ตอนฤดูหนาวมากกว่า ฉันมั่นใจว่าทุกคนต้องยอมแพ้ในการต่อคิวท่ามกลางอากาศหนาวๆ แน่นอน”

    “ถ้าอย่างนั้นเราคงได้ไข้หวัดกลับไปบ้านพร้อมกับแก้วน้ำลายลิมิเต็ดอิดีชั่นนี่”

    “ก็คงงั้น” คริสหัวเราะเบาๆ ยื่นกระดาษเช็ดหน้าไปซับเหงื่อให้คนข้างกาย สังเกตเห็นว่าไรผมของจุนมยอนกับหมวกใบสีขาวนั่นเปียกแฉะเป็นอย่างมาก

    “ขอโทษนะครับที่พามาเสียเวลากับอะไรแบบนี้” จุนมยอนพูดขึ้นมาอีกหน ก่อนหน้านี้เขาพูดมันแล้วตอนที่กำลังจูงคริสเดินออกมาจากคิวอันยาวเหยียดหน้าเครื่องเล่นที เอ็กซ์เพรส ซึ่งร่างสูงเองก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่ดูเหมือนว่าความรู้สึกผิดจะติดอยู่ในหัวของจุนมยอนอยู่ตลอด แม้ว่าพวกเขาจะติดสินใจที่จะไม่ไปต่อแถวเล่นอย่างอื่นอีกแล้วก็ตาม

    “เฮ้ ฉันบอกว่าไม่เป็นไรน่า อย่างน้อยวันนี้เราก็ได้รูปสวยๆ นะ อย่างที่บอกว่าฉันไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เพราะงั้นฉันคงต้องขอบคุณนายที่พามาทำอะไรแบบนี้ นอกจากจะได้ถ่ายรูปกับนายแล้วมันก็ยังเหมือนได้ปลดปล่อยเลย ฉันเองก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งฉันจะได้กลับมาที่สวนสนุกแบบนี้อีก.. ขอบใจนะ”

    ” จุนมยอนเม้มปาก พับกระดาษห่อแฮมเบอร์เกอร์ลงเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะจัดการเก็บมันลงในถุงเพื่อนำไปทิ้ง แต่ ณ วินาทีนั้น มือเรียวของเขาก็ถูกยกขึ้นมาเช็ดคราบซอสให้โดยที่ตนเองไม่ได้ร้องขอ หากแต่คริสยินดีที่จะดูแลทุกสรรพสิ่งให้ร่างเล็กด้วยตัวเอง

     

    จุนมยอนไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งเขาจะได้มานั่งอยู่ข้างๆ ใครบางคนที่พร่ำบอกรักเขาทุกวัน ทั้งยังเป็นห่วงจุนมยอนตลอดเวลา ไม่เคยคิดจะห่างร่างเล็กไปไหนราวกับกลัวจะถูกพราก ต่อให้ไม่ได้กลับมาเจอกันที่บ้านของคริสหรือที่ห้องพักของจุนมยอน คริสก็ยังคงโทรหาร่างเล็กเป็นประจำทุกวัน.. เขาขอแค่ให้ได้ยินเสียงก่อนนอนก็ยังดี

    คริสทำให้จุนมยอนตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน คนตัวเล็กพยายามหาเหตุผลว่าทำไมคริสถึงได้เลือกที่จะมาตกลงคบกับคนอย่างเขา เขาแทบไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ในแวดวงสังคมของคริส แต่ร่างสูงกลับเลือกเขาและยังเอาแต่เรียกร้องหาจุนมยอนในทุกๆ วัน เช่นนั้นแล้วตลอดเวลาที่นาฬิกาหมุนไป.. จุนมยอนจึงได้แต่พยายามหาคำตอบ แม้ว่าคริสจะยืนยันชัดเจนแล้วก็ตาม

     

    “ตอนเช้าที่คุณบอกว่าคุณถูกส่งไปแคลิฟอร์เนียตอนช่วงซัมเมอร์ ดูเหมือนว่าคุณกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่คุณกลับหยุดมันเอาไว้ก่อน”

    “มันคืออะไรเหรอครับ? พอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหม?”

    “มันไม่ใช่เรื่องที่น่าฟังเท่าไหร่ นายอย่าสนใจมันเลยนะ.. เช็คตารางขบวนพาเหรดซะ ฉันจะได้จองร้านอาหารให้เราสองคนสำหรับดินเนอร์คืนนี้” คริสตัดบทอีกหน เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาทำเป็นเปิดอีเมล์เพื่อหลบเลี่ยงสายตาจากจุนมยอน

    “เราแค่ซื้ออะไรง่ายๆ ไปทานที่บ้านไม่ได้เหรอฮะ? ผมไม่อยากไปนั่งทานในที่ที่คนเยอะเท่าไหร่”

    “ผมไม่ชินกับร้านหรูๆ ที่คุณเลือก”

    “แล้วทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรกหื้ม? ฉันจะได้ไม่พานายไปตั้งแต่แรก”

    “ก็ผมไม่อยากทำให้คุณลำบากนี่”

    “เด็กน้อย.. สำหรับนาย.. ไม่เคยมีคำว่าลำบากหรอกนะ ฉันให้นายได้ทุกอย่างแล้วแต่สิ่งที่นายจะขอ ขอแค่พูดมันออกมา.. แค่นี้ฉันก็พร้อมที่จะทำให้หรือหามาให้ทันที” ร่างสูงหันมาลูบศีรษะคนตัวเล็กอย่างเบามือพลางส่งรอยยิ้มจางๆ ให้ โทรศัพท์ของเขาสั่นเตือนจากอีเมล์ฉบับใหม่ 2-3 ฉบับที่เข้ามาในอีเมล์ส่วนตัว แต่ร่างสูงไม่อยากจะสนใจมันนักหรอก..

    “งั้นคุณก็ตอบผมสิว่าทำไมตอนนั้นคุณถึงเงียบไป แถมยังไล่ให้ผมไปอาบน้ำอีก.. มีอะไรก็บอกผมสิครับ คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่าคนเป็นแฟนกันมีอะไรก็ต้องบอกกันให้อีกฝ่ายรับรู้เพื่อความไว้วางใจ แต่คุณกลับไม่ยอมพูดกับผมเองเสียอย่างนั้น”

    ” คริสละสายตาออกและเปลี่ยนไปมองที่ม้าหมุนขนาดใหญ่แทนที่จะมองหน้าเด็กหนุ่ม เขาหลบสายตาคนตัวเล็กเป็นครั้งที่ 3 ของวันนี้ ซึ่งมันทำให้จุนมยอนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก “ฉันคิดว่าเราไม่ควรมาทะเลาะกันในวันออกเดทนะ”

    ” จุนมยอนเงียบแม้ว่าสีหน้าของเขาจะแสดงความน้อยใจเล็กๆ ออกมา คริสเองก็เห็นว่าจุนมยอนกำลังรู้สึกอย่างไร แต่เขาเองก็เลือทกี่จะเงียบเพราะเขาไม่อยากตอบคำถามนี้ ดังนั้นเมื่อต่างฝ่ายต่างเงียบและไม่พูดอะไรต่อกันมันจึงมีโอกาสที่จะไปได้สูงมากในการมีปากเสียงกัน ซึ่งคริสไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น.. เขาไม่ชอบการมีปากเสียง การตะหวาด ตะคอก เดินหนีหรือแม้แต่ทิ้งให้อีกฝ่ายอยู่กับความคิดฟุ้งซ่านเพียงลำพัง ร่างสูงจึงยุติความเงียบนั้นลงด้วยการเลื่อนใบหน้าเข้าไปจูบเด็กน้อยจนเกิดเสียง ก่อนจะจูงมือจุนมยอนให้ลุกขึ้นตามและพาเดินออกไป “ไปกินไอติมกัน”

     

     

     

     

     

     

     

    คนทั้งคู่ใช้เวลาค่อนวันอยู่ในสวนสนุก พวกเขาสนุกกันมากแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นไปนั่งบนเครื่องเล่นก็ตาม คนแก่ซึ่งแบกภาระงานมาทั้งชีวิตก็รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยและเหมือนได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง คริสก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าวันนี้เขายิ้มออกมากี่ร้อยรอบกันแน่ จำได้แต่ว่าเขารู้สึกมีความสุขมากๆ ที่ได้ใช้เวลาอยู่กับจุนมยอนแบบนี้

    ขณะเดียวกันคนที่สนุกที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นจุนมยอน เพราะเจ้าตัวเป็นคนเลือกสถานที่นี้เอง เด็กน้อยเก็บรูปของสวนสนุกเอาไว้หลายต่อหลายภาพ แม้ว่าจุนมยอนจะไม่ได้มีกล้องราคาแพงให้เห็นภาพ แต่เด็กหนุ่มก็อาศัยการจัดมุมด้วยความรู้พื้นฐานที่เรียนรู้มาด้วยตัวเองและใช้กล้องจากโทรศัพท์ถ่ายเอา ภาพทุกภาพจึงออกมาดีมาก บวกกับเมื่อปรับแต่งให้ได้โทรสีที่ชอบแล้ว ก็นับว่าไม่น้อยหน้าช่างภาพมืออาชีพเลย

    แน่นอนว่าจุนมยอนถ่ายรูปของคริสเอาไว้ด้วย คนเรานั้นมีเหตุผลอยู่ไม่กี่อย่างหรอกที่จะถ่ายรูปของ แฟน เก็บเอาไว้ ซึ่งจุนมยอนเลือกที่จะถ่ายรูปคริสเพราะเขาจะได้เก็บเอาไว้ดูยามคิดถึง อีกอย่างพอได้ยินร่างสูงบอกว่าไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ ร่างเล็กจึงตั้งใจถ่ายมากกว่าเดิมเพื่อให้คริสมีรูปสวยๆ เก็บเอาไว้บ้าง ทีแรกคริสดูจะเขินกล้องนิดหน่อย เขาไม่ค่อยกล้ายิ้มออกมา รูปที่ได้จึงเหมือนราวกับกำลังถ่ายรูปติดบัตร แต่หลังจากนั้นจุนมยอนก็ช่วยทำให้คริสช่วยผ่อนคลายมากขึ้นด้วยการจับร่างสูงมาถ่ายรูปคู่กันเสียเลย

    ขณะนี้เป็นเวลาเกือบจะ 6 โมงเย็นแล้ว อีก 5 นาทีขบวนพาเหรดของสวนสนุกก็จะพากันเดินออกมาเพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวก่อนกลับบ้าน ขณะที่กำลังยืนรอจุนมยอนจึงยืนแต่งรูปในโทรศัพท์ไปพลางๆ โดยมีคริสยืนลอบสังเกตอยู่ใกล้ๆ

     

    “ฉันซื้อกล้องให้เอาไหม?”

    “ห๊ะ? อ๋อ.. ไม่ต้องหรอกครับ จะซื้อให้ทำไมกันผมไม่ได้อยากได้สักหน่อย ถึงอยากได้ก็ไม่ให้คุณซื้อหรอก”

    “ก็เห็นชอบถ่ายรูป เลยคิดว่าถ้ามีกล้องดีๆ สักตัวรูปมันอาจจะสวยมากกว่านี้”

    “ใช้โทรศัพท์ถ่ายก็ได้ครับ ยังไงรูปมันก็ต้องเอามาแต่งใหม่อยู่ดีนั่นล่ะ”

    “แล้วแต่” คริสพยักหน้าในขณะที่กำลังกอดอก เขามองดูจุนมยอนปรับเปลี่ยนตั้งค่าสีต่างๆ ขณะที่กำลังแต่งรูป ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงทรัมเป็ตเป่าต้อนรับขบวนพาเหรดที่กำลังยกทัพออกมา เด็กน้อยจึงละสายตาออกจากโทรศัพท์ก่อนจะเปลี่ยนไปสนใจขบวนพาเหรดตรงหน้า

     

    เสียงเพลงดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณของสวนสนุก ผู้คนที่กำลังจับจองพื้นที่ทั้งทางซ้ายและทางขวาต่างพากันโบกมือและส่งเสียงต้อนรับขบวนพาเหรด เด็กๆ กระโดดโลดเต้นดีใจยกใหญ่ที่ได้เห็นเจ้าหญิงและตัวการ์ตูนในดวงใจของพวกเขา เหล่าตัวละครน่ารักโบกมือกลับไปให้เด็กๆ พวกนั้นอย่างเป็นมิตรเช่นกัน กระดาษโปรยและคอนเฟตตี้หลากสีร่วงโรยลงมาเพื่อสร้างสีสันให้กับสวนสนุกแห่งนี้ แสงสีต่างๆ ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ ยิ่งทำให้บรรยากาศของค่ำคืนนี้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น

    จุนมยอนเผยรอยยิ้มกว้างเพราะความประทับใจที่กำลังก่อตัว เขาไม่เคยเห็นขบวนพาเหรดแบบนี้มานานมากแล้ว คนอื่นอาจมองว่ามันไม่สมวัยกับจุนมยอนเลยสักนิด แต่เด็กหนุ่มยังคงตกหลุมรักสวนสนุกและความตื่นเต้นเช่นนี้อยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

    ในขณะที่จุนมยอนกำลังมีความสุขอยู่กับกองทัพตัวการ์ตูนด้านหน้า คริสเองก็กำลังมีความสุขกับคนตรงหน้าไม่แพ้กัน นับวันจุนมยอนยิ่งทำให้หัวใจของเจาเต้นแรงมากขึ้น ยิ่งมองหน้าทีไรยิ่งอยากจะดึงมากอดทุกที อยากจะกอดรั้งเอาไว้ไม่ให้หายไปไหน หรือบางทีถ้าหากต้องหายไป.. ก็ขอให้หายไปด้วยกันในที่ใดที่หนึ่งที่ไม่มีใครตามเขาสองคนเจอ

    คริสไม่สนว่าจุนมยอนจะมาจากที่ไหนหรือเคยทำอะไรมาก่อน เขาสนแต่ความรักที่จุนมยอนมอบให้เขาทุกวันไม่เคยขาดหาย ทำให้ชายคนนี้เรียนรู้ที่จะตอบแทนความรักของจุนมยอนขึ้นมาบ้าง จากที่ไม่เคยลุกมาทำอาหารเช้าให้ใครก็กลายเป็นต้องลุกขึ้นมาทุกครั้งที่จุนมยอนมานอนค้างด้วย จากที่ไม่เคยโทรหาใครก่อนก็จำเป็นต้องโทรหาทุกครั้งหรือไม่ก็ต้องนั่งรอสายจากจุนมยอนก่อนแล้วจึงจะเข้านอนได้

    คริสกล้ายืนยันว่าบนโลกนี้คงไม่มีใครบ้าเท่าคริสอีกแล้ว.. จะมีสักกี่คนที่ทนความคิดถึงไม่ไหวจนต้องขับรถออกจากเพ้นท์เฮ้าส์ตอนตี 1 และไปเคาะประตูห้องอีกคนเพียงเพราะคิดถึงกลิ่นกายหอมๆ

    คริสเคยได้ยินมาว่า คนเราต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็ตาม แต่แค่เราได้กลับมาเห็นหน้าคนที่เรารัก.. แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้วคริสไม่เคยพิสูจน์ได้ว่ามันจริงเท็จแค่ไหนเพราะเขาไม่เคยมีคนรักมาก่อน จนกระทั่งวันนี้ที่มีจุนมยอนมาอยู่ข้างกาย.. ร่างสูงจึงพิสูจน์ได้แล้วว่าคำพูดนี้คือเรื่องจริงทั้งหมด

    ขณะที่พาเหรดกำลังเคลื่อนขบวนผ่านไป บนท้องฟ้าก็ปรากฏแสงสีจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ มันสวยงามจนทำให้คริสใจเต้นแรง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าแค่ดอกไม้ไฟจะทำให้คนๆ หนึ่งรู้สึกประทับใจได้มากขนาดนี้ ร่างสูงเผลอส่งรอยยิ้มออกมา..

    คืนนี้คริสมีความสุขมากๆ มีความสุขจนอยากจะพาจุนมยอนหนีไปให้ใกล้ๆ และไม่ต้องกลับมาเจอความวุ่นวายในชีวิตอีก ร่างสูงมองเห็นตัวเล็กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับดอกไม้ไฟบนท้องฟ้า เช่นนั้นแล้วจึงดึงร่างเล็กให้ขยับมาใกล้กันก่อนที่มือหนาจะเข้าประคองใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นมาจุมพิตท่ามกลางความสวยงามของค่ำคืนนี้

    ราวกับโลกหยุดหมุนไป ความเคลื่อนไหวต่างๆ หยุดลง หูทั้งสองข้างที่เคยได้ยินนั้นดับจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของผู้คนและทรัมเป็ตที่กำลังเป่าบรรเลงเพลง คนทั้งสองตกอยู่ในห้วงแห่งความสุขเช่นเดียวกัน คริสประคองท้ายทอยของจุนมยอนเอาไว้เพราะเขาบดจูบเด็กน้อยค่อนข้างแรงพอสมควร ทำเอาจุนมยอนผงะไปนิดหน่อยแต่ก็ยังมีมือของคริสคอยช่วยประคอง มันเป็นจูบที่คริสไม่อยากจะให้จบลงเพียงแต่เท่านี้ แต่สุดท้ายร่างสูงก็จำต้องละออกก่อนจะดึงเด็กน้อยมาซบอกแกร่ง ตอนนั้นเองที่หูของจุนมยอนเริ่มจะได้ยินเสียงอะไรๆ ขึ้นมาบ้าง ทำให้เขาได้ยินเสียงลมหายใจที่กำลังเป่ารดใบหู ส่วนอีกข้างที่กำลังแนบอยู่กับอกของคริสก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นโครมครามจนจุนมยอนเผลอหัวเราะออกมาเบสๆ

     

    “ฉันรักนายนะ”

     

    - - - - - - - - - - - - - - -

     

    มื้อเย็นวันนี้เป็นไปตามที่จุนมยอนขอ พวกเขาซื้อไก่ทอดไซส์ L มาทาน โดยคริสเลือทกี่จะทานมันคู่กับเบียร์เย็นๆ ในขณะที่จุนมยอนก็ยังคงเลือกน้ำอัดลมมาเป็นเครื่องดื่มเช่นเคย ความหิวโซทำให้พวกเขาซัดทุกอย่างจนเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่นาที จุนมยอนอาสาจะเป็นผู้ล้างจานสำหรับมื้อนี้เอง เขาจึงง่วนอยู่กับฟองน้ำและจานสองสามใบในอ่าง ในขณะที่คริสกำลังอยู่บนโซฟาในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ในมือถือเบียร์กระป๋องที่สอง สายตาจับจ้องไปยังรายการในโทรทัศน์

     

    “จะอาบน้ำเลยไหมครับ?”

    “ขอดื่มเบียร์ให้เสร็จก่อนแล้วจะตามไปนะ” คริสหันไปตอบเด็กหนุ่มที่กำลังเช็ดมือกับเสื้อของเขา ตอนนี้จุนมยอนเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้นเพราะอึดอัดกับเจ้ากางเกงยีนส์ที่ตนใส่มาทั้งวัน ทำให้คริสมองเห็นรอยแผลจางๆ บนหัวเข่าของจุนมยอน แต่ถึงอย่างนั้นคริสก็เลือกที่จะละสายตาออกเพื่อให้ตัวเองเลิกสนใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับความรุนแรง

     

    เมื่อคริสขอเวลาในการดื่มเบียร์ จุนมยอนจึงเดินกลับเข้ามาในห้องที่มีไว้เก็บเสื้อผ้าของร่างสูง เขาตรวจเช็คดูว่ายังมีเสื้อเชิ้ตตัวไหนอีกบ้างที่ยังไม่ได้รีดให้เรียบร้อย ปรากฏว่าทุกชิ้นนั้นถูกรีดเอาไว้ให้พร้อมใส่หมดแล้ว แต่ในขณะที่จุนมยอนกำลังจะปิดบานประตูลง เขากลับมองเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งตกอยู่บนพื้นของตู้เสื้อผ้า มันถูกพับเอาไว้แต่จุนมยอนก็เลือกที่จะหยิบมันขึ้นมา

     

    ใบส่งตัวไปยังสถานบำบัด NA’

     

    ด้วยความไว.. เด็กหนุ่มกลับเปิดมันออกเพื่ออ่านเนื้อความในกระดาษแทนที่จะเอามันไปให้กับคริส

     

    ผลการวินิจฉัยพบว่านายคริส วูมีภาวะซึมเศร้าจริง และต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังตรวจพบภาวะเครียด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เช่น อ่อนเพลีย มีปัญหาทางด้านการนอนหลับเป็นระยะ ความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องเข้ารับการบำบัดในเรื่องเพศและการใช้ความรุนแรงขณะมีเพศสัมพันธ์ จากอาการข้างต้นคลินิกจึงมีความเป็นที่จะต้องส่งตัวคนไข้ไปยังสถานบำบัด NA เพื่อรักษาต่อในขั้นต่อไป

     

    จุนมยอนกวาดสายตาอ่านข้อความทุกบรรทัดอีกรอบ โดยเฉพาะประโยคท้ายๆ ของเนื้อความทั้งหมด เขาขมวดคิ้วแน่นหลังจากที่อ่านทุกอย่างจบ แม้ว่าเนื้อความนั้นจะชัดเจนมากพอแล้วกระตาม แต่จุนมยอนก็ยังคงไม่เข้าใจและยังคงต้องการความกระจ่าง จดหมายใบส่งตัวนี้ถูกเขียนขึ้นเมื่อ 2 วันก่อนเท่านั้น นั่นแปลว่าตอนนี้คริสกำลังเผชิญอยู่กับบางสิ่งบางอย่างโดยปกปิดจุนมยอนเอาไว้ไม่ให้ร่างเล็กรู้

    คำพูดของจงแดที่เคยเตือนจุนมยอนก่อนหน้านี้วิ่งวนไปมาในหัว ข้อความในกระดาษตรงกับที่จงแดพูดแทบจะทุกอย่าง แต่ตอนนั้นจุนมยอนไม่ได้ปักใจเชื่อเพราะคริสไม่เคยแสดงอาการเหล่านั้นให้เขาเห็น มาวันนี้ได้เห็นใบรับรองจากแพทย์แล้ว แต่เด็กน้อยก็ยังคงไม่เชื่ออย่างสนิทใจอยู่ดี..

    คนตัวเล็กจึงตัดสินใจเปลี่ยนจุดหมายจากห้องน้ำไปเป็นห้องรับแขกที่มีร่างสูงนั่งดูทีวี เขาเดินออกไปพร้อมกับกระดาษในมือก่อนจะเดินไปบังจอโทรทัศน์ของคริส

     



    เจอกันที่ไบโอเช่นเดิมค่ะ

     

    - - - - - - - - - - - - - - -

     

    เช้าวันถัดมา

    วันนี้คริสตื่นก่อนจุนมยอนอีกแล้ว เขาลุกขึ้นจากเตียงและไม่ลืมที่จะคลุมกายของเด็กน้อยด้วยผ้าห่มผืนหนา จัดการจูบแก้มจุนมยอนอีกครั้งก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ทั้งยังต้องเตรียมอาหารเช้าให้กับเจ้าเด็กน้อยบนเตียงด้วย

    ดูท่าวันนี้จุนมยอนคงจะไปเรียนไม่ไหว เพราะคืนทั้งคืนเขานอนราบในท่าปกติไม่ได้เนื่องความเจ็บบนก้นทั้งสอง เด็กน้อยผู้แสนน่าสงสารจึงได้แต่นอนตะแคงกอดคุณคริสเอาไว้ทั้งคืน ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ได้นอนตอนเกือบตี 2 เพราะเขาต้องรอให้จุนมยอนหลับอยู่ในท่าที่สบายที่สุดก่อนจะต้องลุกมาทำความสะอาดกายส่วนล่างให้คนตัวเล็กเพราะอยากให้นอนอย่างสบายตัว หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้วก็ยังหลับไม่ลงเพราะในหัวนั้นมีเรื่องต่างๆ ให้คิดมากมายเหลือเกิน สุดท้ายก็ต้องลุกออกจากเตียงมาอีกรอบเพื่อมากินยาคลายเครียดให้ตัวเองนอนหลับอย่างสนิทอย่างที่ควรจะเป็น

     

    “จุนมยอนนา..

    “หืม?”

    “อาหารเช้าเสร็จแล้ว ลุกไหวไหม?”

    “ไม่ไหวฮะ” เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง คริสที่กำลังโน้มตัวอยู่ข้างเตียงตัดสินใจนั่งลงและยื่นมือไปอังแก้มกับหน้าผากของจุนมยอน

    “นายเป็นไข้แล้วล่ะ ตัวร้อนเชียว”

    “ผมคงไปเรียนไม่ไหวแล้ว วันนี้ผมขออยู่ห้องคุณนะ”

    “ได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้นายต้องกินข้าวกินยาก่อนน่ะสิ ไม่อย่างนั้นไข้คงไม่ลดแน่ๆ”

    “ผมลุกไม่ไหว” จุนมยอนร้องบอกก่อนจะลืมตามามองร่างสูง แน่นอนว่าตาของเขายังคงบวมจากการร้องไห้เมื่อคืน แผลตามร่างกายเริ่มจะแสดงอาการเจ็บปวดมากขึ้นจนจุนมยอนไม่อยากขยับไปไหน “เอามากินในนี้ได้ไหมฮะ? ผมลุกไม่ไหวจริงๆ”

    “ฉันก็ว่าจะเอามาป้อนนายในนี้อยู่พอดี งั้นรอแป๊บนึงนะ”

     

    คริสลุกออกไปจากห้องนอนเพื่อนำเอาอาหารเช้าที่เขาทำมาให้จุนมยอน กายสูงอยู่ในชุดพร้อมไปทำงานเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าซูฮยอกเองก็น่าจะมารออยู่ที่หน้าตึกแล้วเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะต้องหยุดงานเพื่ออยู่เป็นเพื่อนใครบางคนแล้วล่ะ

     

    “มาแล้ว” ร่างสูงเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหารซึ่งมีถ้วยซุปและข้าวผัดอย่างง่ายๆ ถูกเสิร์ฟคู่กัน คริสวางมันเอาไว้กับโต๊ะเล็กข้างเตียง ก่อนจะเบนตัวไปช่วยพยุงให้จุนมยอนลุกขึ้นนั่งบนพื้นฟูกนุ่ม

    “ฮื่ออ เจ็บจังเลย” เจ้าลูกแมวย่นจมูก

    “ขอโทษที่ทำให้เจ็บนะ ฉันคง.. หนักมือไปหน่อย”

    “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมต่างหากที่ต้องโทษตัวเอง.. ก็ผมอยากลองเองนี่นา” จุนมยอนเบ้หน้าในขณะที่คริสกำลังจัดแจงหมอนใบเขื่องให้มารองหลังของเด็กหนุ่มเอาไว้

    “จะกินเองหรือจะให้ฉันป้อน”

    “ผมกินเองได้ครับ แล้วคุณล่ะกินเสร็จแล้วเหรอ?”

    “อืม ฉันเรียบร้อยแล้วล่ะ กะว่าจะมาปลุกนายให้มากินข้าวกินยาแล้วก็จะไปทำงาน ป่านนี้ซูฮยอกคงมารอฉันแล้ว”

    “ไม่ไปไม่ได้เหรอ? อยู่กับผมสักวันนะ.. คุณจะปล่อยให้ผมนอนเป็นผักอยู่ในบ้านคุณคนเดียวเหรอ?”

    “อ่า.. วันนี้ฉันมีประชุม”

    “แต่ผมป่วย..

    “ทำสายตาแบบนั้นอีกแล้วนะ”

    “ก็ผมป่วยจริงๆ นี่”

    “ทำเสียงแบบนั้นอีกแล้ว”

    “ถ้าไม่อยู่ด้วยผมก็จะไม่กินข้าว” พูดจบก็วางถ้วยข้าวผัดลงบนถาดเหมือนเดิม ทั้งยังหันหน้าหนีอีกฝ่าย หารู้ไม่ว่าคริสกำลังชะงักไปเพราะไม่เคยถูกใครงอนและทำท่าบึ้งตึงแบบนี้ใส่มาก่อน

     

    ดูเหมือนว่าคราวนี้ท่านผู้บริหารจะต้องเลือกระหว่างประชุมกับเจ้าลูกแมวเสียแล้วล่ะ

     

    “ดื้ออีกแล้วนะ”

    “โอเคๆ ฉันไม่ไปทำงานก็ได้ แต่นายต้องกินข้าวแล้วก็จะได้กินยาแก้อักเสบ ไม่อย่างนั้นมันจะกัดกระเพาะและนายอาจจะปวดท้องก็ได้ ฉันจะลงไปหาซูฮยอกแป๊บนึง หลังจากนั้นจะขึ้นมาทายาให้”

    “รับทราบครับ!

    “นายนี่มันจริงๆ เลย”

     

    เมื่อเห็นเด็กหนุ่มส่งยิ้มหวาน คริสก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังโดนเจ้าเด็กน้อยปั่นหัว ถ้าไม่ติดว่าจุนมยอนตัวร้อนจริงๆ เขาจะคืนคำพูดทุกอย่างและจะนั่งรถออกไปทำงานเสียเดี๋ยวนี้

    นี่เป็นอีกรสชาติหนึ่งของการมีแฟนหรือคนรัก ก่อนหน้านี้จุนมยอนไม่ค่อยงอนคริสเท่าไหร่ แถมยังไม่ดื้อเท่านี้ด้วยซ้ำ เขาออกจะเชื่อฟังและไม่เคยซนกับคริสเลยสักครั้งนอกจากตอนที่อยู่บนเตียง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าลูกแมวจะค่อยๆ เพิ่มสกิลการงอนและการต่อรองมากขึ้นทุกที แน่นอนว่าคริสไม่เคยต้านทานได้เลย จุนมยอนว่าอะไร.. เขาก็ว่าตามหมด.. เรียกได้ว่าเป็นแฟนที่สปอยล์แฟนมากพอสมควร เห็นที.. ถ้าจุนมยอจะเสียนิสัย ก็คงเป็นเพราะอู๋อี้ฟานนั่นล่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “บอกเพื่อนหรือยังว่าวันนี้จะไม่ไปเรียน”

    “บอกแล้วครับ”

     

    หลังจากที่ทานมื้อเช้า ทานยา และทายาเสร็จก็ปาไปเกือบ 9 โมง ถ้าเป็นวันหยุดคริสคงจะไม่ตื่นมาในเวลานี้ เพราะเขาชอบนอนไปจนถึงช่วงเที่ยงของวัน อย่างน้อยการนอนอิ่มๆ ก็ทำให้เขารู้สึกหายเหนื่อยและมีแรงที่จะทำอะไรๆ ต่อ

    คนตัวสูงขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงเอาไว้ ในอ้อมแขนมีจุนมยอนที่กำลังนั่งพิงอกเขาอยู่ด้วย เด็กหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งเพื่อความสบายตัว ด้านล่างสวมเอาไว้แค่ชั้นในสีชมพูที่คริสเป็นคนเลือกให้ ดูเหมือนว่าคนที่ชอบสีโทนมืดจะเริ่มมีใจให้กับสีชมพูบ้างแล้ว เช่นนั้นเขาจึงหยิบชั้นในสีชมพูตัวจิ๋วซึ่งมีระบายน่ารักๆ อย่างที่เขาชอบเห็นจุนมยอนใส่มาสวมให้กับเด็กน้อย

    ทุกบาดแผลได้รับการทายาแล้วเรียบร้อย แถมจุนมยอนยังเสริมทัพด้วยการทานยาแก้ปวดและแก้อักเสบตามไปด้วย ไม่กี่ชั่วโมงให้หลังเขาก็ลองที่จะนั่งในท่าปกติและเอนหลังพิงกายคริสเอา

    มือหนาลูบไปตามหน้าท้องขาวของเด็กหนุ่มอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะเลื่อนต่ำลงและสอดเข้าไปยังชั้นในของจุนมยอน ทำเอาเด็กน้อยต้องตะครุบมือหนาเอาไว้ทันที

     

    “อย่าลูบตรงนั้นเชียว ผมไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว”

    “ฉันไม่พานายทำอะไรตอนนี้หรอกน่า ฉันรู้ว่านายกำลังไม่สบายอยู่.. ก็แค่จับเพราะผิวนายมันนุ่มต่างหาก” คริสปฏิเสธยกใหญ่ แต่มือของเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวหน้าท้องของจุนมยอน

    “ผมชอบให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันแบบนี้จัง ถ้าผมขนของมานอนที่บ้านคุณจะเป็นอะไรไหม?”

    “ก็มาสิ จะได้ประหยัดค่าหอ”

    “ล้อเล่นน่า บ้านคุณน่ะไกลจากมหาวิทยาลัยของผมจะตาย ยังไงผมก็ต้องอยู่ที่หออยู่ดีนั่นล่ะ”

    “งั้นตอนเย็นฉันจะขับไปหานายหลังเลิกงานทุกวัน ฉันเริ่มไม่อยากนอนคนเดียวอีกต่อไปแล้ว”

    “ถ้าวันไหนคุณเลิกเร็วก็มาสิครับ เพราะผมเองก็อยากอยู่กับคุณเหมือนกัน” จุนมยอนพูด “อาทิตย์นี้เราไปหาที่เที่ยวกันอีกไหม?”

    “ไม่เอาสวนสนุกแล้วนะ กว่าจะได้เล่นแต่ละอย่างต้องต่อแถวเป็นชั่วโมง ฉันว่ามันเสียเวลาเกินไปน่ะ เราควรหาอย่างอื่นทำดีกว่า ไม่งั้นก็นอนอยู่ที่บ้านนี่ล่ะ.. ฉันจะฟัดนายทั้งวัน เอาให้หายคิดถึงไปเลย”

    “ฮ่าๆ เมื่อคืนยังไม่พออีกเหรอครับ?”

    “ไม่เคยมีคำว่าพออยู่ในพจนานุกรมของฉัน เวลาที่ฉันอยู่กับนาย”

    “ปากหวานจริงๆ”

    “อย่างอื่นก็หวานนะอยากชิมอีกรอบไหมล่ะ?”

    “งื้ออ พอแล้วครับ!

     

    เด็กน้อยย่นคอหนูสัมผัสสากๆ จากไรหนวดของร่างสูง แม้ว่าจุนมยอนจะมีไข้แต่เขากลับสดใสร่าเริงเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอด และนั่นทำให้โลกของคริสสดใสตามไปด้วยทุกนาทีที่มีจุนมยอนอยู่ใกล้ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่อยากจะห่างไปไหน ไม่อยากให้จุนมยอนหายไปจากโลกสีหม่นใบนี้ เพราะการมีจุนมยอนอยู่.. มันเหมือนกับลมหายใจของร่างสูงได้ถูกต่อ หัวใจที่เคยหยุดเต้นกลับมาเต้นอีกครั้ง จากที่เคยหมดเรี่ยวแรงในการใช้ชีวิตก็กลายเป็นมีพลังมากขึ้นทุกวัน

     

    จุนมยอนทำให้สิ่งต่างๆ ในตัวคริสเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    และดูเหมือนว่าคริสก็กำลังจะทำให้โลกของจุนมยอนเปลี่ยนไปเช่นกัน

     

    - - - - - - - - - - - - - - -

     

    @mmangmoom : ให้ฟินอีกตอนนึง เดี๋ยวตอนหน้าจะดราม่าและ 55555555555555555555555 อย่าดักเตะนุน๊าพี่จ๋า นุรักพี่จ๋าทุกคนน้าาา

    เรายังไม่แน่ใจค่ะว่าตอนหน้าจะเป็นตอนจบเลยไหม หรือว่าจะแบ่งออกเป็น 2 ตอนดี.. ฮืออ เครียดดดด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเตรียมตัวเตรียมใจเอากันด้วยนะคะ สำหรับคนอื่นจะร้องไห้ไหมเราไม่รู้ แต่เราร้องค่ะ แค่ฟังเพลงแล้วลองนึกภาพตอนจบก็ร้องแล้วค่ะ แงงงง

     

    เจอกันนะคะ

    อย่าลืม #KHtimelapse นะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×