คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #132 : ♡ Time Lapse
เสียงซ่าจากสายฝนที่ตกลงมากระทบบนพื้นถนนช่วยลดความน่ารำคาญจากเสียงของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี
ชายร่างสูงคนหนึ่งรีบพาร่างกายของเขาวิ่งขึ้นบันไดบนตึกสีขาวพร้อมกับร่มในมือและกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมซึ่งอยู่ในมืออีกข้าง
และทันทีที่หลังคาจากตึก 4 ชั้นนั้นสามารถกำบังเม็ดฝนให้เขาได้แล้ว
ร่างสูงก็หุบร่มคันสีดำในมือลง เผยให้เห็นหน้าค่าตาของชายคนนั้นอย่างชัดเจนมากขึ้น
เขาสะบัดหยดน้ำออกจากร่มนิดหน่อยก่อนจะรีบสาวเท้าเดินไปยังห้องหมายเลข 405 ซึ่งอยู่ริมสุดของชั้นนี้
พวงกุญแจห้องพักราคาถูกหยิบมาไขประตู เสียงกริกของมันบ่งบอกว่าตอนนี้ร่างสูงสามารถเปิดประตูเข้าไปได้แล้ว
และทันทีที่ประตูไม้ถูกเปิดเข้าไป มือหนาก็กดเปิดสวิตช์ไฟตรงหน้าประตู
ทำให้มีแสงไฟสีเหลืองนวลจากดวงตรงหน้าประตูพอจะให้แสงสว่างได้บ้าง
ภายในเป็นเพียงแค่ห้องพักสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก มีเฟอร์นิเจอร์ประกอบอยู่ไม่กี่ชิ้นเพื่อไม่ให้ห้องนี้ดูอึดอัดจนเกินไป
คนตัวสูงวางกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมลงพื้น
เก็บร่มเอาไว้ในกระถางทรงสูง
จัดการถอดสูทสีดำของเขาออกและแขวนมันไว้กับพนักเก้าอี้
ก่อนที่สายตาจะมองหาแก้วเทียนหอมและก้านไม้ขีด
ฟู่ว..
เสียงจากก้านไม่ขีดไฟคงจะเป็นเสียงที่ดังที่สุดในห้อง
ณ ตอนนี้ ร่างสูงจัดการจุดมันลงเทียนหอมกลิ่นวานิลลา ปล่อยให้เปลวเพลิงจุดเล็กๆ
พลิ้วไหวไปมาอยู่บนไส้เทียนหอมยี่ห้อดังราคาแพง
ไม่นานเจ้าเทียนหอมก็เริ่มทำงาน
มันส่งกลิ่นหวานให้คนตัวสูงได้สูดกลิ่นจนรู้สึกผ่อนคลาย
เขาทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มที่มีขนาดเพียงไม่กี่ฟุต แต่ก็กว้างพอที่จะนอนกัน 2 คนได้อย่างพอดิบพอดี ร่างสูงเงยหน้าและสูดหายใจเข้าจนสุดปอด
ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลมออกมา
.
.
.
.
14 เดือนก่อนหน้านี้
“เรากำลังจะถึงแล้วล่ะคยองซู
เจอกันที่โรงอาหารเลยก็แล้วกัน”
ในช่วงที่การจราจรติดขัดอย่างเนืองแน่น
คิมจุนมยอน เลือกที่จะใช้รถไฟในการสัญจรไปมหาวิทยาลัยและเดินเท้าต่อไปอีกหน่อย
ในมือของเด็กหนุ่มถือแก้วกาแฟร้อนเอาไว้
ส่วนมืออีกข้างก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการกดวางโทรศัพท์หลังจากที่เพื่อนสนิทโทรมาตาม
เนื่องจากคยองซูเห็นว่าวันนี้จุนมยอนมาเรียนสายกว่าปกตินิดหน่อย
เขาจึงต้องโทรมาถามเพื่อเช็คดูว่าตอนนี้จุนมยอนทำอะไรอยู่
ผลัก!!
“โอ้ย! อา..”
“ขอโทษครับ!…”
หลังจากที่คนตัวเล็กพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
ก็กลับกลายเป็นว่าปัจจัยรอบข้างกำลังทำให้ทุกอย่างช้าลง เพราะชายนิรนามบางคนเดินมาชนเขาอย่างจัง
ทำให้เด็กหนุ่มล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นโดยมีของเหลวไหลราดมือตัวเองจนจุนมยอนร้องโอยออกมา
แก้วกาแฟและฝาของมันร่วงกระจัดกระจาย เครื่องดื่มสีเข้มเปรอะเปื้อนชุดของเขาไปหมด
แต่อะไรก็ไม่แย่เท่ากับการโดนกาแฟลวกมือและหัวเข่าแตก
“เฮ้.. เป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันขอโทษนะ
พอดีว่ารีบไปหน่อยก็เลย…”
“จ.. เจ็บนิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไร..
อา..” จุนมยอนนิ่วหน้า
มือข้างขวาของเขาแดงเถือกในขณะที่หัวเข่าก็มีเลือดซิบซึมออกมา
เห็นได้ชัดเพราะกางเกงของเขานั้นขาดแหว่งจนสามารถมองเห็นแผลที่เข่าได้
“นายเลือดออก”
“ครับ แต่มันไม่เจ็บหรอก ผมเจ็บมือมากกว่า”
เด็กน้อยสะบัดมือไปมาเพื่อคลายความแสบร้อน
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นได้แต่ส่งสายตามาทางเขาแต่ไม่มีใครหยุดช่วย
จะมีก็แต่คุณผู้ชายคนนี้ล่ะที่กำลังหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทของเขาอย่างรุกรี้รุกรน
“ขอฉันดูหน่อยนะ”
แม้ว่าเขาจะดูกังวลยามได้เห็นรอยแดงบนหลังมือของจุนมยอน
แต่เขาก็จับมือเล็กมาตรวจดูอย่างถะนุถนอม ราวกับกลัวว่าสัมผัสของเขาจะยิ่งทำให้เด็กนักศึกษาคนนี้เจ็บกว่าเดิม
“…”
“ขอโทษนะ ฉันไม่น่ารีบวิ่งออกมาเลย.. นายคงจะเจ็บมากเลยใช่ไหม?”
เขาถามพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับคราบกาแฟบนมือของจุนมยอนออกอย่างเบามือ
“ค.. ครับ”
“ฉันทำชุดของนายเปื้อนด้วย จะทำยังไงดีล่ะทีนี้
เช้าตรู่ขนาดนี้คงไม่มีร้านขายเสื้อผ้าที่ไหนเปิด”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่ซักดีๆ มันก็หายเปื้อนแล้ว
อีกอย่างผมมีชุดกีฬาสำรองอยู่ในกระเป๋า ผมเปลี่ยนใส่ชุดนั้นได้”
“แล้วแผลที่เข่าล่ะ ไหนจะมือที่โดนกาแฟลวกอีก.. ฉันควรจะพานายไปโรงพยาบาล”
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ
มันเปลืองเงินคุณเปล่าๆ”
“แต่ฉันเป็นคนมาชนนายนะ”
“ก็จริงครับ แต่ไม่เห็นจะต้องไปถึงโรงพยาบาลเลย แค่คุณ.. เอ่อ.. ตรงนั้นมีร้านขายยา เราซื้อยาแล้วนั่งทำแผลก่อนก็ได้ครับ”
“เอางั้นเหรอ?
ฉันกลัวว่าแผลน้ำร้อนลวกนี่จะแย่ลงระหว่างวัน”
“ไม่หรอกครับ ถ้าได้ทายาผมว่ามันน่าจะดีขึ้น”
สรุปว่าวันนี้จุนมยอนคงจะต้องไปเรียนสายและโทรบอกคยองซูให้เรียบร้อย
ก่อนที่เพื่อนตาโตจะโทรมาตามเขาอีก
เด็กหนุ่มถูกประคองให้ลุกขึ้นและพาเดินไปยังร้านยาที่อยู่ใกล้ที่สุด
คนตัวสูงพาจุนมยอนมานั่งที่ป้ายรถเมล์ซึ่งเป็นที่เดียวที่พอจะเหลือที่นั่งให้จุนมยอนได้หย่อนกาย
ส่วนเขาก็วิ่งหายเข้าไปในร้านขายยาอยู่พักหนึ่งก่อนจะวิ่งออกมาพร้อมกับถุงยาขนาดใหญ่ในมือ
“ขอโทษจริงๆ นะที่ทำให้เสียเวลา”
“ไม่ต้องขอโทษแล้วครับ ผมโอเค”
จุนมยอนพูดและส่งรอยยิ้มบางๆ ไปให้คนข้างกาย
ชายหนุ่มตัวสูงเปิดถุงยาออกก่อนจะหยิบขวดน้ำออกมาราดใส่แผลนิดให้คนตัวเล็กอย่างเบามือที่สุด
“ถ้าเจ็บก็บอกนะ”
“ครับ”
“นายคงต้องประคบเย็นไปสักพักแล้วหลังจากนั้นค่อยทายาลงไป
แล้วก็อย่าเพิ่งเอาอะไรมาปิดแผลล่ะ”
คนตัวสูงพูดและหยิบเจลเย็นในถุงยามาประคบมือให้กับจุนมยอน ให้ตายเถอะ.. นี่เขาซื้อมาทุกอย่างจริงๆ
สินะ
“ครับ เข้าใจแล้ว”
“แล้วนายก็ต้องกินยาแก้อักเสบด้วย”
“ต้องกินด้วยเหรอครับ?”
“อืม ป้องกันไว้ก่อน”
เขาพูดและดึงมืออีกข้างของจุนมยอนให้ประคบเจลเย็นด้วยตัวเอง
ก่อนที่จะเคลื่อนตัวสูงๆ ของเขาลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นตรงหน้าจุนมยอน
ก่อนจะยกขาเล็กๆ นั่นมาพาดหน้าขาของเขาเอาไว้
โดยไม่กลัวว่ากางเกงแสล็คราคาแพงของเขาจะเปื้อนฝุ่นจากรองเท้าเก่าๆ ของจุนมยอนหรือไม่
“ฉันทำแผลให้นะ”
“ห๊ะ?” จุนมยอนขมวดคิ้วแน่นทันทีที่ได้ยินคำนั้น
เขาพยายามจะทักท้วงคนที่กำลังพับขากางเกงวอร์มหนาๆ ของเขาขึ้น
เพราะจุนมยอนเกลียดความแสบจากแอลกอฮอล์เวลาทำแผล
แต่เพราะเขาเองก็เกรงใจร่างสูงเหมือนกันที่หวังดีกับเขาขนาดนี้ ทั้งซื้อชุดทำแผลมายกเซ็ท
ซื้อเจลประคบเย็นมาให้ ซื้อยาทาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกมาให้
เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ให้ดีที่สุด “คือ.. คือคุณครับ”
“…”
ชายร่างสูงในชุดสูทเงยหน้าขึ้นมามอง เขาเห็นเด็กหนุ่มมีสีหน้าที่ไม่ดี
แต่เขาเดาไม่ออกหรอกว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไร มือของเขาเองก็ล็อกขาเด็กหนุ่มเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย
“มันใช่แอลกอฮอล์หรือเปล่าครับ?”
“ไม่ นี่น้ำเกลือน่ะ” ร่างสูงเอ่ย “กลัวแสบเหรอ?”
“ครับ ผมไม่ชอบแอลกอฮอล์เลยสักนิด
แล้วถ้าคุณราดมันลงมาบนแผลของผมนะ รับรองเท้าผมกระตุกโดนหน้าคุณแน่”
“หึ..” ร่างสูงส่งเสียงในลำคอ
“นี่น้ำเกลือ ฉันจะใช้เช็ดแค่รอบๆ เท่านั้นเพราะงั้นมันจะไม่แสบเลยสักนิด..
ยาทาแผลนี่ก็ไม่แสบเหมือนกัน แต่มันจะเจ็บขึ้นก็ต่อเมื่อแผลมันเริ่มตึงและนายเดินไม่หยุด”
“อ่า..”
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันจะระวัง”
คนตัวสูงกำชับและเริ่มทำแผลให้กับจุนมยอนอย่างเบามืออีกครั้ง
คนทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่ป้ายรถเมล์นานพอสมควร
แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ออกมาเรียบร้อยแม้ว่าคนตัวสูงจะยังพูดขอโทษเรื่องที่ทำเสื้อผ้าของจุนมยอนเปื้อนไม่หยุด
จนสุดท้ายแล้วเด็กหนุ่มจำต้องรีบบอกลาอีกฝ่ายเพราะนี่ก็ใกล้เวลาปิดประตูห้องเล็คเชอร์เต็มที
อีกอย่างรถบัสซึ่งผ่าหน้ามหาวิยาลัยก็มาถึงพอดี คนตัวเล็กก็เดินต่อไม่ไหวแล้ว
เขาจึงตัดสินใจบอกลาอีกฝ่ายและโบกรถทันที
“ไปก่อนนะครับ”
“อืม ดูแลแผลดีๆ นะ ฉันขอโทษที่ทำให้เสียเวลา”
ชายคนนั้นยืนรอส่งจุนมยอนจนกระทั่งเด็กหนุ่มเดินขึ้นรถบัสประจำทางไป
จุนมยอนเลือกที่จะเดินกะเผลกๆ
ไปนั่งตรงริมหน้าต่างทางขวามือเพื่อให้ตนได้พบกับชายร่างสูงอีกครั้ง เด็กหนุ่มโบกมือไหวๆ
และส่งรอยยิ้มไปให้ราวกับจะบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่ต้องห่วงหรือกังวลอะไรทั้งนั้น
แผลแค่นี้สบายสำหรับจุนมยอนมาก
ในขณะที่จุนมยอนกำลังโบกมือลาและรถบัสก็กำลังจะเคลื่อนตัวออกไป
ทางฟากของชายตัวสูงในชุดสูทก็ยังคงเอาแต่มองตามรอยยิ้มสดใสเบื้องหน้าที่กำลังจากไป
ใช่ว่ารอยยิ้มของเด็กคนนั้นจะแย่เสียเมื่อไหร่
เขาไม่เคยได้รับรอยยิ้มจากใครมานานแสนนาน เป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ สดใส และสามารถทำให้หัวใจของเขากระตุกไหวได้ขนาดนี้
เขาเองก็อยากจะส่งรอยยิ้มคืนกลับไปให้บ้างเพราะไม่อยากกลายเป็นคนหน้าเดียวจนดูเสียมารยาท
ทว่าความหม่นหมองต่างภายในใจกลับบดบังความรู้สึกดีๆ ทั้งหมดจนทำให้เขายิ้มไม่ออก
- - - - - - -
- - - - - - - -
2 วันต่อมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คริสเลือกการมานั่งในสถานที่อโคจรพร้อมกับแก้วบรั่นดีรสแรง
ตอนนี้กลิ่นตัวและกลิ่นลมหายใจของเขากลายเป็นกลิ่นเดียวกับของเหลวสีอำพันในแก้วทรงเตี้ย
แขนเสื้อทั้งสองถูกพับขึ้น เผยให้เห็นนาฬิกาข้อมือราคาแพง
เนคไทสีเทาถูกคลายออกรวมไปถึงกระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อเชิ้ตสีขาวด้วย
และแน่นอนว่าในยามนี้สูทสีดำไม่ควรกลายมาเป็นภาระให้พะวงหน้าพะวงหลัง
คริสโยนมันทิ้งเอาไว้ในรถเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าตอนนี้จะมีเสียงเพลงจังหวะหนักๆ
เปิดเคล้าอารมณ์พร้อมกับดีเจบนสเตจ แต่มันไม่ได้ช่วยให้คริสรู้สึกเอ็นจอยกับบรรยากาศในค่ำคืนนี้เลย
อันที่จริงเขาต้องการบุหรี่ แต่น่าเสียดายที่ไนต์คลับแห่งนี้ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ด้านใน
เขาจึงต้องทนดื่มเหล้าไปก่อน
“คริส เด็กไอ้จงอินมาแล้วว่ะ”
เพื่อนตัวสูงนามว่าเลย์เดินเข้ามานั่งข้างๆ คริสก่อนจะกระซิบบอกเพื่อนสนิท
เมื่อร่างสูงได้ยินดังนั้น.. เขาจึงกวาดสายตามองหาเพื่อนผิวสีแทนและพบว่าจงอินกำลังเดินเข้ามาทางโต๊ะวีไอพีบนชั้นที่สามของคลับแห่งนี้
และเสี้ยววินาทีนั้นที่คริสสังเกตเห็นใครบางคนซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างมาก
เขาพยายามหรี่ตามองอยู่หลายหนเพื่อความชัดเจนและมั่นใจว่าเขาไม่ได้จำคนผิด
กระทั่งจงอินและคนของเขาเดินเข้ามาใกล้
คริสจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าเด็กหนุ่มในเสื้อเชิ้ตตัวบางสีขาวกับกางเกงของสั้นนั้นคือคนเดียวกันกับที่เขาวิ่งชนเมื่อวันก่อน
ผ้าผันแผลบนมือย้ำเตือนได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันเด็กผู้ชายคนนั้นก็ดูจะตกใจนิดหน่อยที่เขาได้มาพบกับเจ้าของร่างสูง
คนที่ตนได้เจอเมื่อวันก่อน ร่างสูงกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับบรั่นดีในมือ
ข้างกายมีเพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังลุกขึ้นยืนเพื่อรอทำความรู้จักกับเด็กหนุ่มของจงอิน
“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยทักทายทุกคน
เสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาคอลึกพอสมควร
นั่นทำให้ยามที่เขาก้มโค้งให้เผยให้เห็นร่างกายด้านในนิดหน่อย
โชคดีที่แสงสีในคลับแห่งนี้ไม่ได้เจิดจ้ามาก ไม่อย่างนั้นคริสคงได้เห็นอะไรมากกว่านี้
“เฮ้! สวัสดี ฉันเลย์นะ
เป็นเพื่อนไอ้จงอินมันน่ะล่ะ” เลย์ทักทายเด็กหนุ่มด้วยความอย่างเป็นมิตรตามนิสัยของตัวเอง
ในขณะที่คริสเลือกที่จะส่งรอยยิ้มนิดหน่อยและแนะนำตัวแค่สั้นๆ เท่านั้น
“ฉันคริส”
“ผมชื่อจุนมยอน ยินดีที่ได้รู้จักครับ” จุนมยอนโค้งให้ทุกคนอีกครั้งก่อนที่จงอินจะพาเด็กหนุ่มไปนั่งบนโซฟาสีขาว
“เข้าใจเลือกนี่นาจงอิน” เลย์เอ่ยแซว
เพราะเหยื่อที่จงอินเลือกในคืนนี้กลับแตกต่างจากคราวก่อนๆ
คราวนี้เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาวสะอาดเนียนใส ดูแล้วน่าจะมีลักษณะนิสัยน่ารักพอสมควร
ดูจากการที่เขาเอ่ยทักทายทุกคนอย่างมีสัมมาคารวะ ในขณะที่คนอื่นๆ
ก่อนหน้านั้นเอาแต่ยืนเกาะจงอินตลอดเวลา
“น่ารักใช่ไหมล่ะ? กูรู้น่า”
“อายุเท่าไหร่แล้วเหรอจุนมยอน”
“เอ่อ.. ย.. ยี่สิบครับ”
“ฮ่าๆ ฉันคิดว่านายเพิ่งจะสิบแปดอะไรทำนองนั้น
เห็นนายดูหน้าเด็กก็เลยคิดว่าเพื่อนฉันมันเผลอไปหลอกเด็กที่ไหนมาหรือเปล่า”
“ไม่หรอกครับ คุณจงอินไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย
เขารู้จักผมอยู่แล้วก็เลยติดต่อให้ผมมาทำงานวันนี้”
“ก็ดีแล้ว”
“อย่าเห็นกูเป็นคนเลวขนาดนั้นไปหน่อยเลยน่า
กูไม่มีทางพาเด็กอายุน้อยๆ มานอนด้วยแน่นอน นอกจากจะเสี่ยงคุกแล้วยังเสี่ยงพ่อแม่เขามาเอาเรื่องด้วย”
จงอินพูด
“แต่เด็กที่ทำงานแบบนี้.. ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อแม่
หรือไม่ก็พ่อแม่ไม่สนใจไม่ใช่เหรอไง?” คริสเอ่ยแทรกขึ้นมา
ทำให้ทั้งวงสนทนาหยุดทุกการเคลื่อนไหวและทำให้สายตาทุกคู่หันกลับไปมองที่เขา
ขณะเดียวกันเลย์ผู้มีสติที่สุดก็รีบใช้ศอกกระทุ้งต้นแขนเพื่อนผู้ปากเสียนิดหน่อย
“พูดอะไรของมึงเนี่ย? ขอโทษนะจุนมยอน
พอดีเพื่อนฉันมันปากเสียน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันก็จริงอย่างที่คุณว่า.. เพราะผมก็ไม่มีพ่อแม่จริงๆ”
“…”
และเป็นอีกครั้งที่วงสนทนาถูกหยุดลงด้วยคำพูดอันแสนเปราะบาง
แต่พลังมากพอที่จะทำให้ทุกคนสะดุดได้ เลย์พยายามจะแก้ไขสถานการณ์ จงอินเองก็เช่นกัน
เขาเรียกจุนมยอนมาทำงานในคืนนี้เพื่อสนองความสนุกของพวกเขา
ไม่ใช่เรียกให้มาโดนเพื่อนของเขาพูดจาว่าร้ายใส่แบบนี้
“เอาเหอะ
กูว่าเราอย่าคุยเรื่องพวกนี้กันเลยดีกว่านะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของทุกคน
เพราะงั้นเรามาเข้าประเด็นจริงๆ กันเลยดีกว่า” จงอินตัดความเงียบในวงสนทนาทันที
เขาขยับตัวขึ้นมาและหยิบขวดเหล้ามาเปิดก่อนจะรินมันใส่แก้วของตัวเอง
“ว่ามาสิ” เลย์พูด
“ไหนๆ วันนี้ก็วันเกิดมึงหนิไอ้คริส
ไอ้เลย์เองก็ให้ไวน์มึงไปแล้ว
เหลือแต่กูที่ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาไปเลือกของขวัญให้มึงเลย เพราะงั้น..”
“…”
“นี่ล่ะของขวัญจากกู กูจองห้องของโรงแรมกูไว้ให้แล้วด้วย
มึงจะอยู่ยาวแค่ไหนก็แล้วแต่.. แต่ก็ห่วงจุนมยอนสักนิดก็ดี เพราะมใช่ทุกคนที่จะอึดทนมึงได้นานๆ”
“ว่าไงนะ?” เป็นเสียงของคริสเองที่เอ่ยออกมา ทั้งงุนงงและตกใจปะปนกันไปหมด
เขาเคยเห็นการให้ของขวัญแบบนี้มาแล้วในหมู่คนรวย
เซ็กส์และการซื้อบริการในราคาแพงนับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับสังคมที่มีเงินเป็นปัจจัยหลักอย่างพวกเขา
แต่คริสไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่าเขาจะได้ของขวัญแบบนี้เสียเอง
“คืนนี้จุนมยอนเป็นของมึงแล้ว ดูแลให้ดีๆ
หน่อยแล้วกัน”
“…”
“จุนมยอน ไปนั่งกับไอ้คริสสิ”
“ครับ”
จุนมยอนต้องตอบรับไปแบบนั้นและท่องเอาไว้ในใจว่ามันคืองาน
เขาลุกออกจากข้างกายจงอินและเปลี่ยนไปนั่งกับคริสแทน พอได้มานั่งใกล้กันแล้วจู่ๆ
หัวใจของจุนมยอนก็เต้นแรงไม่เป็นท่า
จุนมยอนจำคริสได้และเขารู้ว่าร่างสูงก็จำเขาได้เช่นกัน
แต่คริสคงจะคาดไม่ถึงว่าเด็กผู้ชายที่เขาวิ่งชนในวันนั้น แท้จริงแล้วก็เป็นแค่ ‘เด็กทำงานบริการ’
ที่ต้องหาเงินส่งตัวเองเรียนทุกเทอม แม้ว่าจุนมยอนจะไม่ได้รับงานบ่อยนักเพราะเขามีงานพาร์ทไทม์ประจำอยู่แล้ว
และวันนี้เขาจำเป็นต้องรับงานจากจงอินเพราะเขาต้องรีบหาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้เร็วที่สุด
แต่เขาก็ยังมองว่างานนี้มันไม่น่าจรรโลงใจเท่าไหร่ถ้าหากคนรู้จักของเขาได้รับรู้ ใครจะรับได้บ้างถ้าหากรู้ว่าเด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อคนนี้ขายร่างกายเพื่อสนองตัณหาคนอื่นแลกเงิน
เมื่อคนทั้งสองได้มานั่งข้างกายกัน
ต่างคนต่างไม่กล้าพูดอะไรออกมา
คริสเองก็ยังคงเอาแต่กระดกแก้วบรั่นดีของเขาต่อไปโดยไม่พูดอะไร
สายตาของเขาไม่คิดจะหันมามองจุนมยอนเลยสักนิด ยิ่งร่างเล็กเห็นท่าทีเช่นนี้แล้ว
เขาจึงยิ่งไม่กล้าเปิดปากคุยกับร่างสูง ทำให้จุนมยอนเอาแต่นั่งเงียบ
ไม่กล้าบริการคริสเลยแม้แต่น้อย
แกร่ก.. แต่ในที่สุดร่างสูงก็วางแก้วลงและลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ไปเถอะจุนมยอน”
“…”
“ถึงเวลาทำงานของนายแล้ว”
“ค.. ครับ”
- - - - - - -
- - - - - - - -
ในที่สุดคริสก็สามารถหนีความวุ่นวายออกจากไนต์คลับแห่งนั้นได้
คราวนี้ไม่มีเสียงเพลงดังโครมคราม ไม่มีคนเมาให้เห็น ไม่มีภาพของหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยให้เห็นอย่างเกลื่อนตา
มีเพียงแค่จุนมยอนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมริมประตูระเบียง
และคริสที่กำลังปลดเนคไทของเขาออก
โรงแรมที่จงอินจัดหามาให้เป็นห้องพักราคาแพงที่สุดในโรงแรม
KJ มันกว้างและโอ่โถงเกินกว่าจะเป็นห้องพักในโรงแรม
ยิ่งไปกว่านั้นห้องน้ำของที่นี่ก็ใหญ่เสียเหลือเกิน
จุนมยอนเองก็เคยไปทำงานในโรงแรมราคาแพงๆ มาบ้าง
เพราะคนที่มาซื้อบริการจากเขาส่วนมากก็จะเป็นพวกไฮโซเงินหนา
แต่ครั้งนี้คือครั้งที่ตระกานตาที่สุดสำหรับจุนมยอนเลยก็ว่าได้
ที่นี่มีทุกอย่างคอยอำนวยความสะดวกให้หมด แม้กระทั่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ยามทำกิจกรรมบนเตียง
“ฉันไม่คิดว่าเราจะได้มาเจอกันอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้”
“…”
คริสเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน
เขาวางเนคไทของเขาเอาไว้บนโต๊ะโดยไม่ลืมที่จะพับให้เรียบร้อย
ร่างสูงเดินไปนั่งที่ปลายเตียงก่อนจะเริ่มจ้องมองใบหน้าของจุนมยอนในยามนี้
“แผลหายหรือยัง?”
“ก็ดีขึ้นแล้วครับ ถ้าไม่ได้ยาของคุณ.. ผมต้องแย่แน่ๆ”
“แล้ววันนั้นพอจะทำกิจกรรมอะไรได้บ้างไหม?
ฉันหมายถึงเขียนหนังสือ หยิบจับนู่นนี่”
“วันนั้นทำอะไรไม่ค่อยได้ครับเพราะมันแสบไปหมด
แต่ตอนนี้ผมโอเคขึ้นมากๆ แล้ว”
“อืม” คริสพยักหน้า
เขาเลียปากนิดหน่อยและเอนกายเอามือไปวางไว้ด้านหลังเพื่อให้ตัวเองอยู่ในท่าที่สบายกว่าเดิม
“มานี่สิ ขอฉันดูแผลหน่อย”
“…” จุนมยอนลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาร่างสูง
เขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะยื่นมือข้างที่ถูกกาแฟลวกไปหาให้คริสดู
ซึ่งตอนนี้มันมีผ้าพันแผลพันอยู่หลวม
จุนมยอนพันผ้าเอาไว้เพราะไม่ต้องการให้ใครมาเดินมาชนมือของเขาทั้งนั้น
“ฉันหมายถึงแผลที่หัวเข่า” คริสพูดออกมา
ไล่สายตามองจากดวงตาของเด็กน้อยไปจึงช่วงล่าง
แต่บางช่วงที่เขามองมายังหน้าอกและส่วนกลางของลำตัวที่มีกางเกงขาสั้นปกปิดเอาไว้
คริสจงใจใช้สายตาโลมเลียเพื่อให้จุนมยอนรู้สึกเขิน
และยิ่งไปกว่านั้นเขาจัดการยกขาของจุนมยอนขึ้นมาวางไว้กับขอบเตียง เพื่อให้เขาสำรวจดูแผลได้อย่างง่ายดายมากขึ้น
“…”
จุนมยอนเริ่มหายใจติดขัดยามมือหนาแตะเบาๆ บริเวณหัวเข่า
เขาปิดพลาสเตอร์เอาไว้บนแผลนั่น ขณะเดียวกันคริสก็ยังใช้มือลูบมันไปมา
“แผลลึกเหรอถึงได้แปะมันเอาไว้”
“เปล่าครับ มันเริ่มตกสะเก็ดแล้วผมก็รู้สึกคัน ผมกลัวตัวเองจะไปเกาไปแกะมันก็เลยแปะเอาไว้”
“งั้นเหรอ?” คริสเอ่ย เขาดึงพลาสเตอร์ของบนหัวเข่าของจุนมยอนออก
เผยให้เห็นรอยแผลแดงที่เริ่มจะตกสะเก็ดแข็งขึ้นมาบ้าง และทว่า.. มือหนาก็เริ่มซุกซน
มันถูกส่งให้ลูบไปตามต้นขาของจุนมยอน ตามมาด้วยสัมผัสจากริมฝีปากของร่างสูง
เขาจูบลงไปเบาๆ และเชื่องช้าจนจุนมยอนเผลอกำสาปเสื้อของตัวเอง ยิ่งได้เห็นคริสเหลือบตาขึ้นมาสบมอง..
จุนมยอนกลับยิ่งรู้สึกอ่อนไหวมากขึ้น “แต่ฉันชอบที่จะมองดูมัน
มันตัดกับสีผิวของนายดีนะ”
“อ.. อือ”
เด็กหนุ่มเริ่มหายใจแรงขึ้น กระทั่งมือหนาเลื่อนมาปลดกระดุมกางเกงของเขา
แล้วในที่สุดคริสก็เริ่มแกะของขวัญวันเกิดของเขา
เขาปลดกระดุม ปลดซิบและดึงชุดสีขาวของจุนมยอนออก
ปล่อยให้ของขวัญของเขาเปลือยกายอยู่เพียงแค่คนเดียว
หลังจากนั้นคริสจึงพาคนตัวเล็กขึ้นมานั่งคร่อมตักของเขา
แนบสนิทจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างคนทั้งสอง
ยอดอกสีสวยของจุนมยอนลอยเด่นอยู่ตรงหน้าคริส เย้ายวนให้ร่างสูงได้ลิ้มชิมรส
จุนมยอนไม่มั่นใจเลยสักนิดว่างานนี้จะจบลงที่ตอนกี่โมง
อาจเป็นรุ่งเช้า อาจมีรอบที่สองตามมา แต่เขาชักรู้สึกอยาก.. อยากจะอยู่ในอ้อมกอดแกร่งนี้ให้ได้นานที่สุด
เขารู้ดีว่าตนไม่ควรรู้สึกดีกับลูกค้า แต่.. จะให้จุนมยอนทำอย่างไรได้..
ก็ในเมื่อเขารู้สึกดีกับคริสมาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว.. แต่โลกกลับเหวี่ยงให้พวกเขามาพบกันอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้และเวลาแบบนี้
จุนมยอนคิดไม่ออกเลยว่าหลังจากงานนี้จบลง.. เขาจะได้เจอกับคริสอีกหรือไม่
เขาจะทนไม่ให้คิดถึงสัมผัสเหล่านี้ได้อย่างไร
ครืด.. ครืด..
‘นายครับ ผมนัดจิตแพทย์ที่คลินิก X
ให้แล้วนะครับ พรุ่งนี้ 18:00 ผมจะไปรับนายที่บริษัทครับ
– ลีซูฮยอก’
- - - - - - -
- - - - - - - -
@mmangmoom : ฟิคเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมากจากเพลง
Time lapse ของแทยอนค่ะ เราชอบมากๆ ฟังหลายรอบมากๆ
ใครยังไม่เคยฟังแนะนำให้ไปฟังกันนะคะ เพลงนี้ดีจริงๆ
แล้วก็อย่างที่บอกค่ะ ฟิคเรื่องนี้ดราม่า
เราจะพยายามไม่ทำให้มันน่าเบื่อนะคะ ขอบคุณค่ะ เจอกันตอนหน้านะ
เข้าไปสกรีมในแท็กนี้ได้นะคะ #KHtimelapse หรือจะคอมเม้นท์ในนี้ก็ได้ค่ะ
![นิยายแฟร์ 2024](https://image.dek-d.com/contentimg/2024/writer/assets/fair/07/reader_850x90.webp)
ความคิดเห็น