ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) KRiSHO FICTION by MMANGMOOM

    ลำดับตอนที่ #132 : ♡ Time Lapse

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 784
      20
      4 เม.ย. 61

    Time Lapse
    Kris x Suho







    เสียงซ่าจากสายฝนที่ตกลงมากระทบบนพื้นถนนช่วยลดความน่ารำคาญจากเสียงของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี ชายร่างสูงคนหนึ่งรีบพาร่างกายของเขาวิ่งขึ้นบันไดบนตึกสีขาวพร้อมกับร่มในมือและกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมซึ่งอยู่ในมืออีกข้าง และทันทีที่หลังคาจากตึก 4 ชั้นนั้นสามารถกำบังเม็ดฝนให้เขาได้แล้ว ร่างสูงก็หุบร่มคันสีดำในมือลง เผยให้เห็นหน้าค่าตาของชายคนนั้นอย่างชัดเจนมากขึ้น เขาสะบัดหยดน้ำออกจากร่มนิดหน่อยก่อนจะรีบสาวเท้าเดินไปยังห้องหมายเลข 405 ซึ่งอยู่ริมสุดของชั้นนี้

    พวงกุญแจห้องพักราคาถูกหยิบมาไขประตู เสียงกริกของมันบ่งบอกว่าตอนนี้ร่างสูงสามารถเปิดประตูเข้าไปได้แล้ว และทันทีที่ประตูไม้ถูกเปิดเข้าไป มือหนาก็กดเปิดสวิตช์ไฟตรงหน้าประตู ทำให้มีแสงไฟสีเหลืองนวลจากดวงตรงหน้าประตูพอจะให้แสงสว่างได้บ้าง ภายในเป็นเพียงแค่ห้องพักสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก มีเฟอร์นิเจอร์ประกอบอยู่ไม่กี่ชิ้นเพื่อไม่ให้ห้องนี้ดูอึดอัดจนเกินไป

    คนตัวสูงวางกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมลงพื้น เก็บร่มเอาไว้ในกระถางทรงสูง จัดการถอดสูทสีดำของเขาออกและแขวนมันไว้กับพนักเก้าอี้ ก่อนที่สายตาจะมองหาแก้วเทียนหอมและก้านไม้ขีด

     

    ฟู่ว..

     

    เสียงจากก้านไม่ขีดไฟคงจะเป็นเสียงที่ดังที่สุดในห้อง ณ ตอนนี้ ร่างสูงจัดการจุดมันลงเทียนหอมกลิ่นวานิลลา ปล่อยให้เปลวเพลิงจุดเล็กๆ พลิ้วไหวไปมาอยู่บนไส้เทียนหอมยี่ห้อดังราคาแพง

    ไม่นานเจ้าเทียนหอมก็เริ่มทำงาน มันส่งกลิ่นหวานให้คนตัวสูงได้สูดกลิ่นจนรู้สึกผ่อนคลาย เขาทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มที่มีขนาดเพียงไม่กี่ฟุต แต่ก็กว้างพอที่จะนอนกัน 2 คนได้อย่างพอดิบพอดี ร่างสูงเงยหน้าและสูดหายใจเข้าจนสุดปอด ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลมออกมา

     

    .

    .

    .

    .

     

    14 เดือนก่อนหน้านี้

     

     

     

    “เรากำลังจะถึงแล้วล่ะคยองซู เจอกันที่โรงอาหารเลยก็แล้วกัน”

     

    ในช่วงที่การจราจรติดขัดอย่างเนืองแน่น คิมจุนมยอน เลือกที่จะใช้รถไฟในการสัญจรไปมหาวิทยาลัยและเดินเท้าต่อไปอีกหน่อย ในมือของเด็กหนุ่มถือแก้วกาแฟร้อนเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการกดวางโทรศัพท์หลังจากที่เพื่อนสนิทโทรมาตาม เนื่องจากคยองซูเห็นว่าวันนี้จุนมยอนมาเรียนสายกว่าปกตินิดหน่อย เขาจึงต้องโทรมาถามเพื่อเช็คดูว่าตอนนี้จุนมยอนทำอะไรอยู่

     

    ผลัก!!

     

    “โอ้ย! อา..

    “ขอโทษครับ!…

     

    หลังจากที่คนตัวเล็กพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ก็กลับกลายเป็นว่าปัจจัยรอบข้างกำลังทำให้ทุกอย่างช้าลง เพราะชายนิรนามบางคนเดินมาชนเขาอย่างจัง ทำให้เด็กหนุ่มล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นโดยมีของเหลวไหลราดมือตัวเองจนจุนมยอนร้องโอยออกมา แก้วกาแฟและฝาของมันร่วงกระจัดกระจาย เครื่องดื่มสีเข้มเปรอะเปื้อนชุดของเขาไปหมด แต่อะไรก็ไม่แย่เท่ากับการโดนกาแฟลวกมือและหัวเข่าแตก

     

    “เฮ้.. เป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันขอโทษนะ พอดีว่ารีบไปหน่อยก็เลย

    “จ.. เจ็บนิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไร.. อา..” จุนมยอนนิ่วหน้า มือข้างขวาของเขาแดงเถือกในขณะที่หัวเข่าก็มีเลือดซิบซึมออกมา เห็นได้ชัดเพราะกางเกงของเขานั้นขาดแหว่งจนสามารถมองเห็นแผลที่เข่าได้

    “นายเลือดออก”

    “ครับ แต่มันไม่เจ็บหรอก ผมเจ็บมือมากกว่า” เด็กน้อยสะบัดมือไปมาเพื่อคลายความแสบร้อน ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นได้แต่ส่งสายตามาทางเขาแต่ไม่มีใครหยุดช่วย จะมีก็แต่คุณผู้ชายคนนี้ล่ะที่กำลังหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทของเขาอย่างรุกรี้รุกรน

    “ขอฉันดูหน่อยนะ” แม้ว่าเขาจะดูกังวลยามได้เห็นรอยแดงบนหลังมือของจุนมยอน แต่เขาก็จับมือเล็กมาตรวจดูอย่างถะนุถนอม ราวกับกลัวว่าสัมผัสของเขาจะยิ่งทำให้เด็กนักศึกษาคนนี้เจ็บกว่าเดิม

    “ขอโทษนะ ฉันไม่น่ารีบวิ่งออกมาเลย.. นายคงจะเจ็บมากเลยใช่ไหม?” เขาถามพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับคราบกาแฟบนมือของจุนมยอนออกอย่างเบามือ

    “ค.. ครับ”

    “ฉันทำชุดของนายเปื้อนด้วย จะทำยังไงดีล่ะทีนี้ เช้าตรู่ขนาดนี้คงไม่มีร้านขายเสื้อผ้าที่ไหนเปิด”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่ซักดีๆ มันก็หายเปื้อนแล้ว อีกอย่างผมมีชุดกีฬาสำรองอยู่ในกระเป๋า ผมเปลี่ยนใส่ชุดนั้นได้”

    “แล้วแผลที่เข่าล่ะ ไหนจะมือที่โดนกาแฟลวกอีก.. ฉันควรจะพานายไปโรงพยาบาล”

    “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ มันเปลืองเงินคุณเปล่าๆ”

    “แต่ฉันเป็นคนมาชนนายนะ”

    “ก็จริงครับ แต่ไม่เห็นจะต้องไปถึงโรงพยาบาลเลย แค่คุณ.. เอ่อ.. ตรงนั้นมีร้านขายยา เราซื้อยาแล้วนั่งทำแผลก่อนก็ได้ครับ”

    “เอางั้นเหรอ? ฉันกลัวว่าแผลน้ำร้อนลวกนี่จะแย่ลงระหว่างวัน”

    “ไม่หรอกครับ ถ้าได้ทายาผมว่ามันน่าจะดีขึ้น”

     

    สรุปว่าวันนี้จุนมยอนคงจะต้องไปเรียนสายและโทรบอกคยองซูให้เรียบร้อย ก่อนที่เพื่อนตาโตจะโทรมาตามเขาอีก

    เด็กหนุ่มถูกประคองให้ลุกขึ้นและพาเดินไปยังร้านยาที่อยู่ใกล้ที่สุด คนตัวสูงพาจุนมยอนมานั่งที่ป้ายรถเมล์ซึ่งเป็นที่เดียวที่พอจะเหลือที่นั่งให้จุนมยอนได้หย่อนกาย ส่วนเขาก็วิ่งหายเข้าไปในร้านขายยาอยู่พักหนึ่งก่อนจะวิ่งออกมาพร้อมกับถุงยาขนาดใหญ่ในมือ

     

    “ขอโทษจริงๆ นะที่ทำให้เสียเวลา”

    “ไม่ต้องขอโทษแล้วครับ ผมโอเค” จุนมยอนพูดและส่งรอยยิ้มบางๆ ไปให้คนข้างกาย ชายหนุ่มตัวสูงเปิดถุงยาออกก่อนจะหยิบขวดน้ำออกมาราดใส่แผลนิดให้คนตัวเล็กอย่างเบามือที่สุด

    “ถ้าเจ็บก็บอกนะ”

    “ครับ”

    “นายคงต้องประคบเย็นไปสักพักแล้วหลังจากนั้นค่อยทายาลงไป แล้วก็อย่าเพิ่งเอาอะไรมาปิดแผลล่ะ” คนตัวสูงพูดและหยิบเจลเย็นในถุงยามาประคบมือให้กับจุนมยอน ให้ตายเถอะ.. นี่เขาซื้อมาทุกอย่างจริงๆ สินะ

    “ครับ เข้าใจแล้ว”

    “แล้วนายก็ต้องกินยาแก้อักเสบด้วย”

    “ต้องกินด้วยเหรอครับ?”

    “อืม ป้องกันไว้ก่อน” เขาพูดและดึงมืออีกข้างของจุนมยอนให้ประคบเจลเย็นด้วยตัวเอง ก่อนที่จะเคลื่อนตัวสูงๆ ของเขาลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นตรงหน้าจุนมยอน ก่อนจะยกขาเล็กๆ นั่นมาพาดหน้าขาของเขาเอาไว้ โดยไม่กลัวว่ากางเกงแสล็คราคาแพงของเขาจะเปื้อนฝุ่นจากรองเท้าเก่าๆ ของจุนมยอนหรือไม่ “ฉันทำแผลให้นะ”

    “ห๊ะ?” จุนมยอนขมวดคิ้วแน่นทันทีที่ได้ยินคำนั้น เขาพยายามจะทักท้วงคนที่กำลังพับขากางเกงวอร์มหนาๆ ของเขาขึ้น เพราะจุนมยอนเกลียดความแสบจากแอลกอฮอล์เวลาทำแผล แต่เพราะเขาเองก็เกรงใจร่างสูงเหมือนกันที่หวังดีกับเขาขนาดนี้ ทั้งซื้อชุดทำแผลมายกเซ็ท ซื้อเจลประคบเย็นมาให้ ซื้อยาทาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกมาให้ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ให้ดีที่สุด “คือ.. คือคุณครับ”

    ” ชายร่างสูงในชุดสูทเงยหน้าขึ้นมามอง เขาเห็นเด็กหนุ่มมีสีหน้าที่ไม่ดี แต่เขาเดาไม่ออกหรอกว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไร มือของเขาเองก็ล็อกขาเด็กหนุ่มเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย

    “มันใช่แอลกอฮอล์หรือเปล่าครับ?”

    “ไม่ นี่น้ำเกลือน่ะ” ร่างสูงเอ่ย “กลัวแสบเหรอ?”

    “ครับ ผมไม่ชอบแอลกอฮอล์เลยสักนิด แล้วถ้าคุณราดมันลงมาบนแผลของผมนะ รับรองเท้าผมกระตุกโดนหน้าคุณแน่”

    “หึ..” ร่างสูงส่งเสียงในลำคอ “นี่น้ำเกลือ ฉันจะใช้เช็ดแค่รอบๆ เท่านั้นเพราะงั้นมันจะไม่แสบเลยสักนิด.. ยาทาแผลนี่ก็ไม่แสบเหมือนกัน แต่มันจะเจ็บขึ้นก็ต่อเมื่อแผลมันเริ่มตึงและนายเดินไม่หยุด”

    “อ่า..

    “ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันจะระวัง” คนตัวสูงกำชับและเริ่มทำแผลให้กับจุนมยอนอย่างเบามืออีกครั้ง

     

    คนทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่ป้ายรถเมล์นานพอสมควร แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ออกมาเรียบร้อยแม้ว่าคนตัวสูงจะยังพูดขอโทษเรื่องที่ทำเสื้อผ้าของจุนมยอนเปื้อนไม่หยุด จนสุดท้ายแล้วเด็กหนุ่มจำต้องรีบบอกลาอีกฝ่ายเพราะนี่ก็ใกล้เวลาปิดประตูห้องเล็คเชอร์เต็มที อีกอย่างรถบัสซึ่งผ่าหน้ามหาวิยาลัยก็มาถึงพอดี คนตัวเล็กก็เดินต่อไม่ไหวแล้ว เขาจึงตัดสินใจบอกลาอีกฝ่ายและโบกรถทันที

     

    “ไปก่อนนะครับ”

    “อืม ดูแลแผลดีๆ นะ ฉันขอโทษที่ทำให้เสียเวลา”

     

    ชายคนนั้นยืนรอส่งจุนมยอนจนกระทั่งเด็กหนุ่มเดินขึ้นรถบัสประจำทางไป จุนมยอนเลือกที่จะเดินกะเผลกๆ ไปนั่งตรงริมหน้าต่างทางขวามือเพื่อให้ตนได้พบกับชายร่างสูงอีกครั้ง เด็กหนุ่มโบกมือไหวๆ และส่งรอยยิ้มไปให้ราวกับจะบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่ต้องห่วงหรือกังวลอะไรทั้งนั้น แผลแค่นี้สบายสำหรับจุนมยอนมาก

    ในขณะที่จุนมยอนกำลังโบกมือลาและรถบัสก็กำลังจะเคลื่อนตัวออกไป ทางฟากของชายตัวสูงในชุดสูทก็ยังคงเอาแต่มองตามรอยยิ้มสดใสเบื้องหน้าที่กำลังจากไป ใช่ว่ารอยยิ้มของเด็กคนนั้นจะแย่เสียเมื่อไหร่ เขาไม่เคยได้รับรอยยิ้มจากใครมานานแสนนาน เป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ สดใส และสามารถทำให้หัวใจของเขากระตุกไหวได้ขนาดนี้ เขาเองก็อยากจะส่งรอยยิ้มคืนกลับไปให้บ้างเพราะไม่อยากกลายเป็นคนหน้าเดียวจนดูเสียมารยาท ทว่าความหม่นหมองต่างภายในใจกลับบดบังความรู้สึกดีๆ ทั้งหมดจนทำให้เขายิ้มไม่ออก

     

    - - - - - - - - - - - - - - -

     

    2 วันต่อมา

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คริสเลือกการมานั่งในสถานที่อโคจรพร้อมกับแก้วบรั่นดีรสแรง ตอนนี้กลิ่นตัวและกลิ่นลมหายใจของเขากลายเป็นกลิ่นเดียวกับของเหลวสีอำพันในแก้วทรงเตี้ย แขนเสื้อทั้งสองถูกพับขึ้น เผยให้เห็นนาฬิกาข้อมือราคาแพง เนคไทสีเทาถูกคลายออกรวมไปถึงกระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อเชิ้ตสีขาวด้วย และแน่นอนว่าในยามนี้สูทสีดำไม่ควรกลายมาเป็นภาระให้พะวงหน้าพะวงหลัง คริสโยนมันทิ้งเอาไว้ในรถเรียบร้อยแล้ว

    แม้ว่าตอนนี้จะมีเสียงเพลงจังหวะหนักๆ เปิดเคล้าอารมณ์พร้อมกับดีเจบนสเตจ แต่มันไม่ได้ช่วยให้คริสรู้สึกเอ็นจอยกับบรรยากาศในค่ำคืนนี้เลย อันที่จริงเขาต้องการบุหรี่ แต่น่าเสียดายที่ไนต์คลับแห่งนี้ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ด้านใน เขาจึงต้องทนดื่มเหล้าไปก่อน

     

    “คริส เด็กไอ้จงอินมาแล้วว่ะ” เพื่อนตัวสูงนามว่าเลย์เดินเข้ามานั่งข้างๆ คริสก่อนจะกระซิบบอกเพื่อนสนิท เมื่อร่างสูงได้ยินดังนั้น.. เขาจึงกวาดสายตามองหาเพื่อนผิวสีแทนและพบว่าจงอินกำลังเดินเข้ามาทางโต๊ะวีไอพีบนชั้นที่สามของคลับแห่งนี้

     

    และเสี้ยววินาทีนั้นที่คริสสังเกตเห็นใครบางคนซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างมาก เขาพยายามหรี่ตามองอยู่หลายหนเพื่อความชัดเจนและมั่นใจว่าเขาไม่ได้จำคนผิด กระทั่งจงอินและคนของเขาเดินเข้ามาใกล้ คริสจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าเด็กหนุ่มในเสื้อเชิ้ตตัวบางสีขาวกับกางเกงของสั้นนั้นคือคนเดียวกันกับที่เขาวิ่งชนเมื่อวันก่อน

     

    ผ้าผันแผลบนมือย้ำเตือนได้เป็นอย่างดี

     

    ขณะเดียวกันเด็กผู้ชายคนนั้นก็ดูจะตกใจนิดหน่อยที่เขาได้มาพบกับเจ้าของร่างสูง คนที่ตนได้เจอเมื่อวันก่อน ร่างสูงกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับบรั่นดีในมือ ข้างกายมีเพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังลุกขึ้นยืนเพื่อรอทำความรู้จักกับเด็กหนุ่มของจงอิน

     

    “สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยทักทายทุกคน เสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาคอลึกพอสมควร นั่นทำให้ยามที่เขาก้มโค้งให้เผยให้เห็นร่างกายด้านในนิดหน่อย โชคดีที่แสงสีในคลับแห่งนี้ไม่ได้เจิดจ้ามาก ไม่อย่างนั้นคริสคงได้เห็นอะไรมากกว่านี้

    “เฮ้! สวัสดี ฉันเลย์นะ เป็นเพื่อนไอ้จงอินมันน่ะล่ะ” เลย์ทักทายเด็กหนุ่มด้วยความอย่างเป็นมิตรตามนิสัยของตัวเอง ในขณะที่คริสเลือกที่จะส่งรอยยิ้มนิดหน่อยและแนะนำตัวแค่สั้นๆ เท่านั้น

    “ฉันคริส”

    “ผมชื่อจุนมยอน ยินดีที่ได้รู้จักครับ” จุนมยอนโค้งให้ทุกคนอีกครั้งก่อนที่จงอินจะพาเด็กหนุ่มไปนั่งบนโซฟาสีขาว

    “เข้าใจเลือกนี่นาจงอิน” เลย์เอ่ยแซว เพราะเหยื่อที่จงอินเลือกในคืนนี้กลับแตกต่างจากคราวก่อนๆ คราวนี้เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาวสะอาดเนียนใส ดูแล้วน่าจะมีลักษณะนิสัยน่ารักพอสมควร ดูจากการที่เขาเอ่ยทักทายทุกคนอย่างมีสัมมาคารวะ ในขณะที่คนอื่นๆ ก่อนหน้านั้นเอาแต่ยืนเกาะจงอินตลอดเวลา

    “น่ารักใช่ไหมล่ะ? กูรู้น่า”

    “อายุเท่าไหร่แล้วเหรอจุนมยอน”

    “เอ่อ.. .. ยี่สิบครับ”

    “ฮ่าๆ ฉันคิดว่านายเพิ่งจะสิบแปดอะไรทำนองนั้น เห็นนายดูหน้าเด็กก็เลยคิดว่าเพื่อนฉันมันเผลอไปหลอกเด็กที่ไหนมาหรือเปล่า”

    “ไม่หรอกครับ คุณจงอินไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย เขารู้จักผมอยู่แล้วก็เลยติดต่อให้ผมมาทำงานวันนี้”

    “ก็ดีแล้ว”

    “อย่าเห็นกูเป็นคนเลวขนาดนั้นไปหน่อยเลยน่า กูไม่มีทางพาเด็กอายุน้อยๆ มานอนด้วยแน่นอน นอกจากจะเสี่ยงคุกแล้วยังเสี่ยงพ่อแม่เขามาเอาเรื่องด้วย” จงอินพูด

    “แต่เด็กที่ทำงานแบบนี้.. ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อแม่ หรือไม่ก็พ่อแม่ไม่สนใจไม่ใช่เหรอไง?” คริสเอ่ยแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งวงสนทนาหยุดทุกการเคลื่อนไหวและทำให้สายตาทุกคู่หันกลับไปมองที่เขา ขณะเดียวกันเลย์ผู้มีสติที่สุดก็รีบใช้ศอกกระทุ้งต้นแขนเพื่อนผู้ปากเสียนิดหน่อย

    “พูดอะไรของมึงเนี่ย? ขอโทษนะจุนมยอน พอดีเพื่อนฉันมันปากเสียน่ะ”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ มันก็จริงอย่างที่คุณว่า.. เพราะผมก็ไม่มีพ่อแม่จริงๆ”

     

    และเป็นอีกครั้งที่วงสนทนาถูกหยุดลงด้วยคำพูดอันแสนเปราะบาง แต่พลังมากพอที่จะทำให้ทุกคนสะดุดได้ เลย์พยายามจะแก้ไขสถานการณ์ จงอินเองก็เช่นกัน เขาเรียกจุนมยอนมาทำงานในคืนนี้เพื่อสนองความสนุกของพวกเขา ไม่ใช่เรียกให้มาโดนเพื่อนของเขาพูดจาว่าร้ายใส่แบบนี้

     

    “เอาเหอะ กูว่าเราอย่าคุยเรื่องพวกนี้กันเลยดีกว่านะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของทุกคน เพราะงั้นเรามาเข้าประเด็นจริงๆ กันเลยดีกว่า” จงอินตัดความเงียบในวงสนทนาทันที เขาขยับตัวขึ้นมาและหยิบขวดเหล้ามาเปิดก่อนจะรินมันใส่แก้วของตัวเอง

    “ว่ามาสิ” เลย์พูด

    “ไหนๆ วันนี้ก็วันเกิดมึงหนิไอ้คริส ไอ้เลย์เองก็ให้ไวน์มึงไปแล้ว เหลือแต่กูที่ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาไปเลือกของขวัญให้มึงเลย เพราะงั้น..

    “นี่ล่ะของขวัญจากกู กูจองห้องของโรงแรมกูไว้ให้แล้วด้วย มึงจะอยู่ยาวแค่ไหนก็แล้วแต่.. แต่ก็ห่วงจุนมยอนสักนิดก็ดี เพราะมใช่ทุกคนที่จะอึดทนมึงได้นานๆ”

    “ว่าไงนะ?” เป็นเสียงของคริสเองที่เอ่ยออกมา ทั้งงุนงงและตกใจปะปนกันไปหมด เขาเคยเห็นการให้ของขวัญแบบนี้มาแล้วในหมู่คนรวย เซ็กส์และการซื้อบริการในราคาแพงนับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับสังคมที่มีเงินเป็นปัจจัยหลักอย่างพวกเขา แต่คริสไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่าเขาจะได้ของขวัญแบบนี้เสียเอง

    “คืนนี้จุนมยอนเป็นของมึงแล้ว ดูแลให้ดีๆ หน่อยแล้วกัน”

    “จุนมยอน ไปนั่งกับไอ้คริสสิ”

    “ครับ”

     

    จุนมยอนต้องตอบรับไปแบบนั้นและท่องเอาไว้ในใจว่ามันคืองาน เขาลุกออกจากข้างกายจงอินและเปลี่ยนไปนั่งกับคริสแทน พอได้มานั่งใกล้กันแล้วจู่ๆ หัวใจของจุนมยอนก็เต้นแรงไม่เป็นท่า

    จุนมยอนจำคริสได้และเขารู้ว่าร่างสูงก็จำเขาได้เช่นกัน แต่คริสคงจะคาดไม่ถึงว่าเด็กผู้ชายที่เขาวิ่งชนในวันนั้น แท้จริงแล้วก็เป็นแค่ เด็กทำงานบริการที่ต้องหาเงินส่งตัวเองเรียนทุกเทอม แม้ว่าจุนมยอนจะไม่ได้รับงานบ่อยนักเพราะเขามีงานพาร์ทไทม์ประจำอยู่แล้ว และวันนี้เขาจำเป็นต้องรับงานจากจงอินเพราะเขาต้องรีบหาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ยังมองว่างานนี้มันไม่น่าจรรโลงใจเท่าไหร่ถ้าหากคนรู้จักของเขาได้รับรู้ ใครจะรับได้บ้างถ้าหากรู้ว่าเด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อคนนี้ขายร่างกายเพื่อสนองตัณหาคนอื่นแลกเงิน

    เมื่อคนทั้งสองได้มานั่งข้างกายกัน ต่างคนต่างไม่กล้าพูดอะไรออกมา คริสเองก็ยังคงเอาแต่กระดกแก้วบรั่นดีของเขาต่อไปโดยไม่พูดอะไร สายตาของเขาไม่คิดจะหันมามองจุนมยอนเลยสักนิด ยิ่งร่างเล็กเห็นท่าทีเช่นนี้แล้ว เขาจึงยิ่งไม่กล้าเปิดปากคุยกับร่างสูง ทำให้จุนมยอนเอาแต่นั่งเงียบ ไม่กล้าบริการคริสเลยแม้แต่น้อย

    แกร่ก.. แต่ในที่สุดร่างสูงก็วางแก้วลงและลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

     

    “ไปเถอะจุนมยอน”

    “ถึงเวลาทำงานของนายแล้ว”

    “ค.. ครับ”

     

    - - - - - - - - - - - - - - -

     

    ในที่สุดคริสก็สามารถหนีความวุ่นวายออกจากไนต์คลับแห่งนั้นได้ คราวนี้ไม่มีเสียงเพลงดังโครมคราม ไม่มีคนเมาให้เห็น ไม่มีภาพของหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยให้เห็นอย่างเกลื่อนตา มีเพียงแค่จุนมยอนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมริมประตูระเบียง และคริสที่กำลังปลดเนคไทของเขาออก

    โรงแรมที่จงอินจัดหามาให้เป็นห้องพักราคาแพงที่สุดในโรงแรม KJ มันกว้างและโอ่โถงเกินกว่าจะเป็นห้องพักในโรงแรม ยิ่งไปกว่านั้นห้องน้ำของที่นี่ก็ใหญ่เสียเหลือเกิน จุนมยอนเองก็เคยไปทำงานในโรงแรมราคาแพงๆ มาบ้าง เพราะคนที่มาซื้อบริการจากเขาส่วนมากก็จะเป็นพวกไฮโซเงินหนา แต่ครั้งนี้คือครั้งที่ตระกานตาที่สุดสำหรับจุนมยอนเลยก็ว่าได้ ที่นี่มีทุกอย่างคอยอำนวยความสะดวกให้หมด แม้กระทั่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ยามทำกิจกรรมบนเตียง

     

    “ฉันไม่คิดว่าเราจะได้มาเจอกันอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้”

     

    คริสเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน เขาวางเนคไทของเขาเอาไว้บนโต๊ะโดยไม่ลืมที่จะพับให้เรียบร้อย ร่างสูงเดินไปนั่งที่ปลายเตียงก่อนจะเริ่มจ้องมองใบหน้าของจุนมยอนในยามนี้

     

    “แผลหายหรือยัง?”

    “ก็ดีขึ้นแล้วครับ ถ้าไม่ได้ยาของคุณ.. ผมต้องแย่แน่ๆ”

    “แล้ววันนั้นพอจะทำกิจกรรมอะไรได้บ้างไหม? ฉันหมายถึงเขียนหนังสือ หยิบจับนู่นนี่”

    “วันนั้นทำอะไรไม่ค่อยได้ครับเพราะมันแสบไปหมด แต่ตอนนี้ผมโอเคขึ้นมากๆ แล้ว”

    “อืม” คริสพยักหน้า เขาเลียปากนิดหน่อยและเอนกายเอามือไปวางไว้ด้านหลังเพื่อให้ตัวเองอยู่ในท่าที่สบายกว่าเดิม “มานี่สิ ขอฉันดูแผลหน่อย”

    ” จุนมยอนลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาร่างสูง เขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะยื่นมือข้างที่ถูกกาแฟลวกไปหาให้คริสดู ซึ่งตอนนี้มันมีผ้าพันแผลพันอยู่หลวม จุนมยอนพันผ้าเอาไว้เพราะไม่ต้องการให้ใครมาเดินมาชนมือของเขาทั้งนั้น

    “ฉันหมายถึงแผลที่หัวเข่า” คริสพูดออกมา ไล่สายตามองจากดวงตาของเด็กน้อยไปจึงช่วงล่าง แต่บางช่วงที่เขามองมายังหน้าอกและส่วนกลางของลำตัวที่มีกางเกงขาสั้นปกปิดเอาไว้ คริสจงใจใช้สายตาโลมเลียเพื่อให้จุนมยอนรู้สึกเขิน และยิ่งไปกว่านั้นเขาจัดการยกขาของจุนมยอนขึ้นมาวางไว้กับขอบเตียง เพื่อให้เขาสำรวจดูแผลได้อย่างง่ายดายมากขึ้น

    ” จุนมยอนเริ่มหายใจติดขัดยามมือหนาแตะเบาๆ บริเวณหัวเข่า เขาปิดพลาสเตอร์เอาไว้บนแผลนั่น ขณะเดียวกันคริสก็ยังใช้มือลูบมันไปมา

    “แผลลึกเหรอถึงได้แปะมันเอาไว้”

    “เปล่าครับ มันเริ่มตกสะเก็ดแล้วผมก็รู้สึกคัน ผมกลัวตัวเองจะไปเกาไปแกะมันก็เลยแปะเอาไว้”

    “งั้นเหรอ?” คริสเอ่ย เขาดึงพลาสเตอร์ของบนหัวเข่าของจุนมยอนออก เผยให้เห็นรอยแผลแดงที่เริ่มจะตกสะเก็ดแข็งขึ้นมาบ้าง และทว่า.. มือหนาก็เริ่มซุกซน มันถูกส่งให้ลูบไปตามต้นขาของจุนมยอน ตามมาด้วยสัมผัสจากริมฝีปากของร่างสูง เขาจูบลงไปเบาๆ และเชื่องช้าจนจุนมยอนเผลอกำสาปเสื้อของตัวเอง ยิ่งได้เห็นคริสเหลือบตาขึ้นมาสบมอง.. จุนมยอนกลับยิ่งรู้สึกอ่อนไหวมากขึ้น “แต่ฉันชอบที่จะมองดูมัน มันตัดกับสีผิวของนายดีนะ”

    “อ.. อือ” เด็กหนุ่มเริ่มหายใจแรงขึ้น กระทั่งมือหนาเลื่อนมาปลดกระดุมกางเกงของเขา

     

    แล้วในที่สุดคริสก็เริ่มแกะของขวัญวันเกิดของเขา เขาปลดกระดุม ปลดซิบและดึงชุดสีขาวของจุนมยอนออก ปล่อยให้ของขวัญของเขาเปลือยกายอยู่เพียงแค่คนเดียว หลังจากนั้นคริสจึงพาคนตัวเล็กขึ้นมานั่งคร่อมตักของเขา แนบสนิทจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างคนทั้งสอง ยอดอกสีสวยของจุนมยอนลอยเด่นอยู่ตรงหน้าคริส เย้ายวนให้ร่างสูงได้ลิ้มชิมรส

    จุนมยอนไม่มั่นใจเลยสักนิดว่างานนี้จะจบลงที่ตอนกี่โมง อาจเป็นรุ่งเช้า อาจมีรอบที่สองตามมา แต่เขาชักรู้สึกอยาก.. อยากจะอยู่ในอ้อมกอดแกร่งนี้ให้ได้นานที่สุด เขารู้ดีว่าตนไม่ควรรู้สึกดีกับลูกค้า แต่.. จะให้จุนมยอนทำอย่างไรได้..

     

     

     

    ก็ในเมื่อเขารู้สึกดีกับคริสมาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว.. แต่โลกกลับเหวี่ยงให้พวกเขามาพบกันอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้และเวลาแบบนี้ จุนมยอนคิดไม่ออกเลยว่าหลังจากงานนี้จบลง.. เขาจะได้เจอกับคริสอีกหรือไม่ เขาจะทนไม่ให้คิดถึงสัมผัสเหล่านี้ได้อย่างไร

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ครืด.. ครืด..

    นายครับ ผมนัดจิตแพทย์ที่คลินิก X ให้แล้วนะครับ พรุ่งนี้ 18:00 ผมจะไปรับนายที่บริษัทครับ ลีซูฮยอก

     

    - - - - - - - - - - - - - - -

     

    @mmangmoom : ฟิคเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมากจากเพลง Time lapse ของแทยอนค่ะ เราชอบมากๆ ฟังหลายรอบมากๆ ใครยังไม่เคยฟังแนะนำให้ไปฟังกันนะคะ เพลงนี้ดีจริงๆ

    แล้วก็อย่างที่บอกค่ะ ฟิคเรื่องนี้ดราม่า เราจะพยายามไม่ทำให้มันน่าเบื่อนะคะ ขอบคุณค่ะ เจอกันตอนหน้านะ เข้าไปสกรีมในแท็กนี้ได้นะคะ #KHtimelapse หรือจะคอมเม้นท์ในนี้ก็ได้ค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×