คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : (ว่าที่)เด็กฝึกหัดคนใหม่
3
(ว่าที่)เด็กฝึกหัดคนใหม่
บริษัท s.m entertainment
สมาชิก x-xo ต่างทยอยเดินลงจากรถตู้เพื่อเข้าไปข้างในบริษัทหลังจากกลับจากสวนสนุก ทุกคนหน้าต่างเคร่งเครียดเหมือนกัน เพราะเรื่องที่เกิดวันนี้มันจะไม่ร้ายแรงถ้าพวกเค้าไม่เจอกับผู้หญิงคนนั้น แถมพวกเค้ายังพาผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถตู้ส่วนตัวของพวกเค้ากลับมายังบริษัทอีกด้วย และคาดว่าอีกไม่นานคงมีข่าวแน่ๆ
“พวกนายจะพาฉันไปไหน ฉันไม่เข้าไปข้างในกับพวกนายหรอกนะ”
“เธอต้องเข้ามา เพราะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เราที่เดือดร้อน แต่เธอเองก็จะเดือดร้อนออกไปด้วย”
“ทำไมฉันถึงต้องเดือดร้อนกับพวกนายด้วยละ ในเมื่อฉันไม่ได้เป็นไอดอลไม่ได้มีชื่อเสียงแบบพวกนาย”
“ฉันคิดว่าคงมีแฟนคลับจำนวนหนึ่งที่วิ่งตามมาทีหลังแล้วเห็นฉันกับเธอล้ม แล้วก็ยังยืนเถียงกัน แต่ที่สำคัญที่สุดพวกเค้าคงถ่ายรูปไว้ แน่นอนในรูปมันมีเธออยู่ด้วย เนี่ยแหละเรื่องใหญ่ที่จะเกิดขึ้น”
ชานยอลอธิบายให้กับผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเค้าฟังอย่างใจเย็นที่สุด ถึงแม้ว่าตอนนี้เค้าจะโกรธ ใจร้อนมากก็ตาม
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้เค้าทำได้เพียงรอเวลาให้ใจเย็นขึ้นมากกว่านี้
“แล้วนี่พวกแกรู้จักกันมาก่อนเหรอ?”
เซฮุนถามด้วยความแปลกใจ ทั้งๆที่พวกเค้าเพิ่งเจอกันแต่เหมือนว่ารู้จักกันมานาน คำเรียกที่พวกเค้าทั้งคู่ใช้ยังดูเหมือนสนิทกันมา ไอ้โรคจิตกับยัยงี่เง่า มันคุ้นมากเลยกับคำพวกนี้ เหมือนกับว่าเคยเกิดขึ้นผ่านมาเมื่อไม่นาน
“จำที่ฉันเล่าให้พวกแกฟังได้มั้ยละ?”
“ผู้หญิงที่แกเจอที่สนามบิน เจอที่คังนัม แล้วก็เจอแถวบริษัทพวกเรา? ที่ฉันพูดมาทั้งหมดนี่ใช่ผู้หญิงที่บอกว่าแกเป็นโรคจิตใช่ปะวะยอล?”
“อืมม แกเข้าใจถูกแล้วดีโอ”
“ผู้หญิงคนนี้เนี่ยเหรอที่บอกว่าแกเป็นไอ้โรคจิต”
แบคฮยอนถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เหมือนว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาซื่อๆไม่น่าคิดเรื่องอะไรแบบที่ชานยอลว่ามาได้เลย
“ยัยนี่เนี่ยแหละที่บอกว่าฉันเป็นโรคจิตคอยสะกดรอยตามเธอไปหลายๆที่ คนอะไรหลงตัวเองชะมัด มีอะไรให้น่าตาม หน้าตาก็ไม่ได้สวยอะไรเลย มโนล้วนๆ”
ชานยอลพูดแขวะต่อหน้าต่อตา ทำให้คนที่โดนแขวะถึงกับกำหมัดแน่น ถึงเค้าจะรู้ภาษาเกาหลีไม่เยอะแต่ก็พอที่จะฟังออกบ้าง ทำให้เธอถึงกับของขึ้น ขึ้นจนอารมณ์ปรี๊ดดดดดดดดด!!
“ทำไมห้ะ? หน้าตาแบบฉันทำไมห้ะ?!!”
“คุณมาจากประเทศไทยเหรอ?”
“ใช่ ทำไม?”
“เปล่า คุณพูดภาษาเกาหลีเก่งดีนะ”]
“ฉันชอบ ก็เลยเรียนมาก็พอพูดได้ฟังออก เวลาใครนินทาฉันก็ฟังออก!”
เธอเองก็อดที่จะพูดแขวะใส่ชานยอลไม่ได้ แต่ดูเหมือนชานยอลจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของเธอเลย ยังคงนั่งทำหน้าตาเลื่อนลอยไปเรื่อย เหมือนกับว่าไม่ได้ยินอะไร
“เห้ยย!! ข่าวมาแล้ววะเพื่อนยาก เหมือนจะใหญ่นิดหน่อย”
ลู่หานเดินเข้ามาพร้อมกับข่าวในมือ หลังจากที่เค้านั่งเช็คข่าวมาสักพักในที่สุดข่าวที่เค้ารอมันก็แพร่ออกไปทั่วอินเตอร์เน็ต เพียงไม่กี่นาทีข่าวนี้ได้รับความสนใจจากแฟนคลับของพวกเค้าทั่วโลก และมีข้อความที่สงสัยมากมายเกี่ยวกับผู้หญิงในภาพที่ยืนอยู่กับเซฮุนและชานยอล ผู้หญิงปริศนาคนนี้คือใคร?
“ข่าวว่ายังไงบ้างวะลู่”
“ผู้หญิงในรูปคือใคร? คำถามสุดฮอตในตอนนี้”
“เรื่องใหญ่แล้วละทีนี้ เธอนี่นะตัวซวยชัดๆเลย”
ชานยอลหันไปบ่นใส่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าเค้า ทำไมทุกครั้งที่เค้าเจอกับเธอคนนี้เค้ามักจะโชคร้ายอยู่เรื่อยไป ยัยนี่มันตัวโชคร้ายชัดๆ
“จะมาโทษฉันไม่ได้นะ ก็นายวิ่งมาชนฉันเอง แถมกล้องถ่ายรูปฉันยังพังอีกอะ นายนะรับผิดชอบค่าเสียหายมาเลยนะ”
“ฝันไปเถอะ เพราะว่าตอนนี้เธอเองก็กำลังสร้างเรื่องใหญ่ให้กับพวกเราแล้วเหมือนกัน เธอจะรับผิดชอบยังไงไหวห้ะ?!! ไหนเธอลองบอกมาสิว่าจะทำยังไง ชดใช้ยังไง!!”
“นายไม่มีสิทธิที่จะมาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ คนอย่างนายนะไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดแถมยังโยนความผิดมาให้คนอื่นอีกอะ เนี่ยเหรอเบื้องหลังไอดอลที่แสนโด่งดังนักหนา”
“ใช่! พวกฉันโด่งดังแล้วตอนนี้ชื่อเสียงของพวกฉันก็กำลังจะแย่เพราะเธอคนเดียว”
“ถ้าดังจริงฉันก็ต้องรู้จักสิ ถึงจะดังจริงแต่นิสัยแย่ขนาดนี้ฉันก็ไม่ชอบ ฉันจะแอนตี้แอนตี้แอนตี้!!”
“เธอไม่มีสิทธิมาว่าพวกฉันแบบนี้นะ!!”
ชานยอลขึ้นเสียงหนักขึ้น ทำให้ดีโอกับลู่หานลุกขึ้นมาลากชานยอลออกไปยังอีกห้องทันที พวกเค้าไม่เคยเห็นชานยอลโกรธอะไรได้ขนาดนี้เลย แถมตอนนี้เค้ายังตะโดนใส่ผู้หญิงอีก มันเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนอึ้งกันไปเป็นแถบๆ
“เห้ยย!! ปล่อยดิวะพวกแกลากฉันออกมาทำไม”
“แกสงบสติสงบอารมณ์ก่อนเถอะวะยอล ทำแบบนี้ไปมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรอกนะ”
“นั่นสิ ฉันเห็นด้วยกับไอ้ลู่ แกเป็นแบบนี้มันเหมือนไม่ใช่แกเลยนะ แกไม่เคยเป็นแบบนี้”
“ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะยัยนั่น ยัยนั่นคนเดียวที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้!!”
“แกทำใจให้เย็นในห้องนี้ก่อนแล้วค่อยกลับเข้าไปที่ห้องรวม ฉันสองคนจะอยู่กับแกที่นี่เอง”
ส่วนอีกห้องหนึ่งยังคงเงียบสงบ เธอเองก็ตกใจไม่น้อยที่โดนว่าขนาดนั้น ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครเคยว่าเธอแรงขนาดนั้นมาก่อน พ่อกับแม่ยังไม่เคยว่าไม่เคยดุเธอเลยสักครั้ง ครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะรุนแรงจริงๆ
“เธอคงตกใจมากสินะ”
แบคฮยอนถามผู้หญิงที่เอาแต่นั่งก้มหน้าเงียบ ไม่ยอมพูดยอมจาเอาแต่นั่งก้มหน้าทำให้พวกเค้าเองเป็นห่วงไปด้วย เพราะคำพูดของชานยอลเองก็แรงใช่ย่อย ขนาดพวกเค้ายังถึงกับเงิบ -0-
“นิดหน่อยนะ”
“แล้วเธอชื่ออะไรเหรอ?”
“ฉันชื่อนิลิน”
“อายุเท่าไหร่”
“17”
“มาทีเกาหลีทำไม”
“เรียน”
“คนเดียว”
“อืม”
เซฮุนซักประวัติของเธอซะยืดยาวด้วยน้ำเสียงที่นิ่งๆจนออกแนวเย็นชา แบคฮยอนเองก็เริ่มงงๆเพราะว่าทำไมเซฮุนถึงได้ถามอะไรมากมายทั้งๆที่ปกติแล้วเค้าไม่ค่อยสนใจเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เค้ากลับอยากรู้เรื่องของคนอื่นทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
“แกก็ถามรัวขนาดนี้ แกนะทำให้เค้ากลัวนะรู้มั้ยฮุน”
“ก็ถามเฉยๆ”
“เอ้ออ ว่าแต่เธอไม่รู้จักพวกเราอย่างนั้นเหรอ”
“อืมม ฉันไม่รู้จักพวกนายหรอก”
“เธออายุน้อยกว่าพวกเราจะมาเรียกพวกเราแบบนี้ไม่ได้นะ พวกเราทุกคนนะอายุ19กันแล้ว พวกเราเป็นพี่เธอต้องเรียกพวกเราว่าพี่นะรู้มั้ยสาวน้อย”
“ฉันเองก็โตแล้วอย่ามาเรียกฉันว่าสาวน้อย”
นิลินตอบสวนกลับไปทันที ทำเอาแบคฮยอนถึงกับเงีบ แต่ดูเหมือนว่าเซฮุนเองแอบขำไม่น้อย ผู้หญิงคนนี้ช่างพูดช่างจากล้าต่อล้อต่อเถียงกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบนี้ได้ยังไง
“พวกฉันคือวง x-xo เพิ่งเดบิวด์ได้ไม่กี่เดือนแต่ก็เริ่มดังมีชื่อเสียงแล้วละ”
“อ้ออ วงน้องใหม่นี่เองว่าแล้วทำไมฉันถึงไม่รู้จักพวกนาย”
“เอาละ! จะเรียกพวกฉันยังไงก็แล้วแต่ใจของเธอเลยแล้วกันนะ คนที่เธอเถียงด้วยเมื่อกี้เค้าคือลีดเดอร์ของวงเรานะ ชื่อชานยอล ฉันชื่อแบคฮยอน คนที่นั่งอยู่ข้างๆฉันชื่อเซฮุน ส่วนคนที่หน้าหวานชื่อลู่หาน คนที่ตาโตๆชื่อดีโอ พวกเราอายุเท่ากันแต่แก่เดือนกัน”
“อืม ยินดีที่ได้รู้จักพวกนายทุกคนนั้น แล้วฉันเองก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พวกนายทุกคนต้องเดือดร้อน”
“พวกฉันเองที่ต้องขอโทษเธอที่ลากเธอเข้ามาในข่าวนี้ แถมยังทำกล้องของเธอพังอีก”
“ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าข่าวนี้จะทำยังไงดีละ? ฉันนะคนธรรมดาไม่เป็นอะไรหรอก แต่พวกนายนะสิเป็นไอดอลกันแล้วมีข่าวแบบนี้มันจะดีเหรอ?”
“มันไม่มีอะไรมากหรอกเรื่องนี้เดี๋ยวทางผู้จัดการกับบริษัทจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง ทุกอย่างจะเรียบร้อยดีไม่ต้องเป็นห่วง”
คำพูดนี้ทำให้นิลินเองถึงกับอึ้ง ทำไมพวกเค้าถึงอยู่ด้วยกันนะทั้งๆที่นิสัยต่างกันราวกับฟ้ากับเหว แต่คงเพราะว่านิสัยต่างกันเนี่ยแหละถึงทำให้พวกเค้าอยู่ด้วยกันได้แบบนี้ คนหนึ่งแสนดีอีกคนหนึ่งนะร้ายกาจที่สุด คำพูดคำจานี่ต่างกันอย่างกับคนละซีกโลก
“พวกนายนี่นิสัยไม่เหมือนกันเลยเนอะ นายนี่พูดดีมาก”
“อืม พวกเรานิสัยไม่เหมือนกัน พวกเรานิสัยต่างกันมากแต่ก็อยู่ด้วยกันได้เพราะความต่างเนี่ยแหละ”
“ฉันก็ว่าแบบนั้นแหละ ต่างกันสุดๆไปเลย”
“ชานยอลอาจจะดูใจร้อนแต่ว่าจริงๆแล้วเค้านิสัยดีนะ”
“หมอนั่นเนี่ยนะนิสัยดี นิสัยแย่มากกว่ามั้ง”
“หึหึ”
เซฮุนหลุดขำออกมานิดๆ ทำให้นิลันสงสัยว่ามันมีเรื่องอะไรให้เค้าขำกัน ทั้งๆที่คุยเรื่องที่ซีเรียสกันอยู่แต่กลับขำออกมาได้ แปลกคนที่สุด
“ขำอะไรของนาย?”
“ก็เธอนะไม่รู้จักชานยอลดีนะสิ ถ้าเธอรู้จักเค้าดีเธอจะไม่พูดแบนี้หรอก”
“ทำไม? เค้าเป็นคนยังไงเหรอ”
“เค้าไม่เคยเป็นแบบวันนี้มาก่อน”
“เอ๋? ไม่เคยเป็นแบบวันนี้เหรอ”
ทั้งเซฮุนและแบคฮยอนต่างพยักหน้าพร้อมกัน เค้าไม่เคยเป็นแบบวันนี้มาก่อนเหรอ งั้นก็แสดงว่าที่เค้าเป็นแบบวันนี้เพราะตัวเธองั้นเหรอ
“ฉันต้องขอโทษพวกนายจริงๆนะ ฉันเองก็ผิดเหมือนกันที่ดันไปยืนถ่ายรูปอยู่ตรงนั้นเลยทำให้พวกนายต้องซวยซ้ำไปอีก”
“รู้ว่าตัวเองผิดก็ดีแล้ว”
ชานยอลเดินเข้ามาพร้อมกับลู่หานและดีโอ เหมือนว่าตอนนี้เค้าดูจะใจเย็นขึ้นแล้วแต่ก็ยังคงพูดไม่ดีเหมือนเดิม
“ฉันขอโทษทุกคน ยกเว้นนายคนเดียว”
“เธอนี่มัน!!”
“เอาน่าอย่าทะเลาะกันเลย เรามาหาทางออกเรื่องนี้ด้วยกันดีกว่านะ”
“ฉันก็ว่าแบบนั้นแหละ เวลาแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมาทะเลาะกัน เราต้องช่วยกันคิดว่าจะเอายังไงต่อดี”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับผู้จัดการของวง x-xo ปรากฏตัวออกมา และแน่นอนว่าที่เค้ามานั้นก็เพราะว่าเรื่องข่าวที่กำลังดังในตอนนี้ หลังจากที่ประทานบริษัทได้เรียกเค้าไปพบและปรึกษาว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี และก็ได้ข้อสรุปมาหลากหลายแบบ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับพวกเค้าแล้วละว่าจะเลือกแบบไหนดี
“พี่ครับ ประธานว่ายังไงบ้างครับ”
“เอาละ ตอนนี้เราก็พอมีทางออกอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับทุกคนเหมือนกันนะ ว่าจะทำตามหรือว่ามีแผนอะไรใหม่ๆบ้างหรือเปล่า”
“พี่พูดมาเลยครับว่าพวกเราต้องทำอะไรบ้าง”
“ฉันกับท่านประธานได้ประชุมกันแล้วมีข้อสรุปว่า ข้อหนึ่งเราอาจจะต้องเปิดตัวว่าเธอคบหากับใครสักคนในวง แต่ว่าข้อนี่คงจะไม่ดีต่อผู้หญิงแน่ ข้อสองบอกว่าเธอคือเพื่อนสนิทของใครสักคนหนึ่งในวง ข้อสามให้เธอเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายเรา แล้วเราจะเปิดตัวเธอในฐานะเด็กฝึกหัด”
“ที่พูดมามันมีทั้งข้อดีแล้วก็ข้อเสียนะ”
“แต่ฉันว่าข้อสุดท้ายนี่มันน่าสนใจมากที่สุดแล้วนะ เพราะว่าถ้าเป็นข้อที่หนึ่งนี่แฟนสมาชิกมันจะเป็นการตอบรับที่รุนแรงไปนะ แต่ถ้าเปิดตัวกับฉันก็โอ...โอ๊ยยย!!”
ดีโอพูดยังไม่ทันจบก็โดนฝ่ามือพิฆาตของเซฮุนฟันลงที่คอหนึ่งครั้ง เรื่องถึงขนาดนี้แล้วเค้ายังจะมีอารมณ์มาเล่นไร้สาระแบบนี้อีก แถมสิ่งที่ดีโอเล่นนั้นมันทำให้เค้ารู้สึกแปลกชอบกล เหมือนอยู่ดีๆมือก็ไปเอง
“หุบปากของแกไปเลยดีโอ ตอนนี้คนกำลังเครียด ยังจะมีหน้ามาเล่นอีก”
“นั่นสิแกนี่นะเล่นไม่ดูเวลาเลย เดี๋ยวได้อดพูดอีกยาวถ้ายังเล่นแบบนี้อีก”
“โอเคๆ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่เล่นแล้วพอใจยังๆ ฉันจะนั่งเงียบๆเลยแหละเป็นผู้ฟังที่ดี ดีมากกกก!”
“ไม่เกินนาทีหรอกคนแบบแก”
“อย่ามาดูถูกฉันนะไอ้ลู่”
“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว!”
ชานยอลขึ้นเสียงอีกครั้งทำให้ทุกคนต่างพากับเงียบโดยอัตโนมัติ ตอนนี้เค้าเริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆแล้วแหละหลังจากที่เกิดเรื่องนี้ เค้านี่ทำให้ทุกคนแปลกใจได้ตลอดเวลาเลย
“ถึงเวลาที่เราต้องเลือกแล้วละ ฉันจะเลือกข้อสุดท้าย”
“ฉันก็จะเลือก”
“ฉันด้วย/ฉันก็เลือก”
“แล้วแกละยอล แกจะเลือกข้อไหน”
แบคฮยอนหันไปถามชานยอลซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่จะออกความคิดเห็นในเรื่องนี้ ข้อสุดท้ายคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเค้าแล้ว
“ก็ต้องข้อสุดท้ายอยู่แล้ว คงไม่มีใครอยากเป็นแฟนยัยนี่หรอก”
“ทำไมห้ะ!! มันเป็นแฟนแล้วจะทำไม มันจะตายให้ได้เลยเหรอ!!”
“ใช่! มีแฟนแบบเธอเนี่ยแหละคงโชคร้ายที่สุดในโลก”
“หุบปากเน่าๆของนายไปเลยนะ!!”
“เอาละทุกคนหยุด เอาเป็นว่าเลือกข้อสุดท้ายนะ เธอนะตามฉันมา”
หลังจากได้ข้อสรุปแล้วทุกคนต่างเลือกให้เธอนั้นเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายเพื่อเตรียมตัวเป็นนักร้อง อย่างน้อยข้อนี่มันก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แต่พวกเค้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะดีสำหรับคนแบบเธอมั้ย แต่คนที่ดูเหมือนจะเป็นห่วงเธอมากที่สุดก็คงเป็นใครไปไม่ได้ เซฮุนดูเหมือนว่าจะเป็นห่วงเธอมากกว่าใคร เซฮุนนะเหรอ ทำไมต้องเป็นห่วงละ
“ฉันต้องไปไหน ฉันฟังที่พวกนายพูดไม่ค่อยออกเลย”
“เธอแค่เดินตามเค้าไปก็พอ”
“ทำไมฉันต้องเดินตามไปละ ฉันไม่อยากไปไหนนิ ฉันอยากกลับที่พักฉัน”
“ไม่ได้! ถ้าเธอยังอยากมีชีวิตรอดอยู่เธอต้องเดินตามเค้าไป”
“อยากมีชีวิตรอดอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่! เดินตามเค้าไปซะ”
ชานยอลพูดเสียงแข็งให้เธอเดินตามผู้จัดการไป ทุกคนในที่นี่รู้ดีว่าถ้าหากเธอเดินตามไปอาจจะต้องเจอเรื่องที่โหดร้ายน่ากลัวไปสักนิด เพราะว่าพวกเค้าก็เคยได้เจอเรื่องแบบนั้นมาก่อนแล้ว แต่ถ้าหากเธอผ่านวันนี้ไปได้เธอก็ไม่มีกลัวอีกต่อไป มันเป็นเรื่องที่ดีต่อเธอในเวลาแบบนี้
“เดินตามเค้าไปเถอะนิลิน มันเป็นเรื่องที่ดีต่อเธอนะ”
“ก็ได้ งั้นฉันไปก่อนนะ”
“อืม ไปเถอะ”
หลังจากเธอเดินออกไป ทำให้ดีโอสงสัยว่าทำไมแบคฮยอนถึงได้รู้จักชื่อผู้หญิงคนนั้น นิลิอย่างนั้นเหรอ นี่เค้ารู้จักกันตอนไหนทำไมพวกเค้าถึงไม่รู้เรื่อง
“นิลินเหรอ? นายเรียกเธอว่านิลินเหรอแบค?”
“ใช่! ทำไม?”
“เปล่า ฉันแค่สงสัยพวกนายรู้จักกันตอนไหน”
“ตอนที่พวกนายพายอลไปข้างนอกนะ พวกเราก็ได้คุยกับเค้านิดหน่อย”
“แล้วเป็นไงบ้าง เธอบอกอะไรเกี่ยวกับเธอบ้าง”
“เธอบอกแค่ว่าชื่อนิลิน อายุ17 พึ่งมาเรียนที่เกาหลี”
“มาเรียนอย่างนั้นเหรอ แล้วมากับใครละ?”
ดีโอยังคงไม่ลดละเลิกความอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่น เรื่องแบบนี้สำหรับเค้าแล้วมันคือเรื่องที่เค้าสนใจมากเป็นพิเศษ
“แกจะอยากรู้ไปทำไมเยอะแยะวะ”
“ทำไมละก็ฉันอยากรู้บ้างนี่นา เห็นเด็กมันน่ารักดี”
“หึหึ!! น่าจะอยู่คนเดียวมั้งฉันจำไม่ได้”
“ป๊าดดดดดดด! มาอยู่คนเดียวซะด้วย น่ารักขนาดนี้พ่อแม่ปล่อยมาอยู่คนเดียวได้ยังไงวะแถมไกลบ้านอีก น่าสนใจจริงๆ”
“หยุดความคิดหื่นๆโรคจิตของแกไปเลยนะ ปล่อยให้เด็กไปมีอนาคตที่ดีเถอะ ถ้าขืนมาคบกับคนแบบแกอนาคตน้องเค้าจะมืดหม่นเอา”
“โหยยย~~ แกก็พูดเว่อร์เกินไป มันไม่ขนาดนั้นซักหน่อย”
“แต่เดี๋ยวนะ! ไหนแกบอกว่าแหจะไม่พูดไง”
ดูเหมือนว่าดีโอจะลืมคำพูดของตัวเองไปแล้ว คนแบบเค้าหยุดพูดไม่ได้จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ทุกคนชินกับเหตุการณ์แบบนี้เพราะทุกครั้งที่มีปัญหา เค้าจะเริ่มก่อกวนพอโดนดุก็บอกจะหยุดพูด แต่หลังจากนั้นไม่นานเค้าก็จะกลับมาพูดอีกครั้ง
“เห้อ! ฉันว่าฉันจะไปบนดาดฟ้าหน่อยนะ เครียดๆขอรับแสงแดหน่อย”
“ฉันไปด้วย”
ชานยอลกับเซฮุนได้เดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อที่ผ่อนคลายอารมณ์ ตอนนี้ก็ยังพอโล่งใจขึ้นมาบ้างนิดหน่อยที่หาทางแก้ปัญหาได้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับหายเครียดไปเลยทีเดียวเพราะตอนนี้ยังมีอีกคนที่คงเครียดกว่าพวกเค้า ตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ
“นายว่าประธานจะทำอะไรกับเธอมั้ยฮุน?”
“มันก็ไม่แน่ไม่นอน แต่ฉันหวังว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยดี”
“ฉันก็ด้วย”
“คงได้แต่ภาวนา”
ความคิดเห็น