คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 Rule 2 : เลิศล้ำ เชื่องช้าสง่างาม สำคัญที่สุดคือผิวพรรณจะต้องขาวผุดผ่อง
เมื่อภารกิจการทูลขอให้พระราชายกเลิกการขึ้นภาษีสำเร็จ ข้ากับเทมเพสก็ได้รับโอกาสให้ลาพักร้อน
แต่จริงๆ แล้วอาจจะเป็นเพราะพระสังฆราชสังเกตเห็นว่าตาทั้งสองข้างของเทมเพสบวมแดงพอๆ กับไข่ห่าน แถมเดินอยู่ดีๆ ก็ชนเสาเข้าอีกเลยยอมใจอ่อน (หรืออาจกลัวว่าเสาต้นอื่นจะพังหมดก็ได้ แหม เสาในวิหารเทพแต่ละต้นล้วนแต่แกะสลักหรูหรางดงาม ราคาใช่ย่อยเสียที่ไหน!) ยอมให้พวกเราทั้งสองคนหยุดพักผ่อนก็เป็นได้
พอถึงวันลาพักร้อน เทมเพสก็หนีออกจากอารามเทพแห่งแสงสว่างกลับมาที่ตำหนักเทพอัศวินอันศักดิ์สิทธิ์ ฐานที่มั่นของพวกเราชาวเทพอัศวิน
เพราะในอารามเทพแห่งแสงสว่างมีนักบวชหญิงอาศัยอยู่ แต่ในตำหนักเทพไม่มีผู้หญิงเลยสักคนเดียว
ถึงนักบวชหญิงที่อารามเทพแห่งแสงสว่างจะสวยหยาดเยิ้มพอๆ กับเทพธิดา ทว่าสำหรับคนที่ตาบวมเท่าไข่ห่าน การเหล่หญิงงามขนาดนั้นก็ยังคงเป็นเหมือนการทรมานตนเองอยู่ดี
เทมเพสหายตัวไปเร็วพอๆ กับพายุ แต่ถึงข้าอยากจะเริ่มต้นการพักร้อนของข้าให้เร็วมากเท่าไหร่ ข้าก็ยังคงต้องเยื้องย่างอย่างสง่างามต่อไป
ทุกคนในแผ่นดินต่างรู้ดีว่าเทพอัศวินครีอุสเป็นผู้ที่มีท่วงท่าสง่างามที่สุด ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่สามารถทำให้เขาสูญเสียท่วงท่าสง่างามนี้ไปได้
เมื่อก่อนนี้ข้านับถือท่านอาจารย์มาก เพราะไม่ว่าเขาจะนั่ง นอน ยืน เดิน ขี่ม้า วิ่ง หรือตาย ท่านอาจารย์ก็ยังสามารถรักษาความสง่างามไว้ได้
จนกระทั่งวันหนึ่งข้าจะไปเข้าห้องน้ำแต่ดันลืมเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปทันที สิ่งที่ข้าได้เห็นคือภาพท่านอาจารย์กำลังนั่งยองๆ พร้อมกับวัตถุสีดำๆ ที่กำลังตกลงสู่เบื้องล่าง...
ข้ากับอาจารย์ฉีกยิ้มสว่างไสวของเทพอัศวินครีอุสให้แก่กัน ท่านจัดการเรื่องที่ควรจะทำให้เสร็จอย่างสง่างาม จากนั้นก็เช็ดก้นอย่างสง่างาม ยืดตัวขึ้นและสวมกางเกงอย่างสง่างาม ท่านอาจารย์เอื้อมมือมาจับข้าอย่างสง่างาม สุดท้ายก็จัดการข้าอย่างสง่างาม...
อาจารย์ของข้ากล่าวอยู่บ่อยๆ ว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าต้องรู้ว่าแม้จะล้ม เทพอัศวินครีอุสก็จะต้องล้มอย่างสง่างาม!’
ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ตั้งใจแก้แค้นที่ข้าทำให้เขาต้องนั่งส้วมอย่างสง่างามหรือเปล่า เพราะท่านสั่งให้ข้าฝึกล้มอย่างสง่างามเป็นเวลาหนึ่งเดือน จนกระทั่งไม่ว่าข้าจะล้มเมื่อไหร่ ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกะทันหันหรือเป็นอุบัติเหตุลักษณะใด ข้าก็สามารถล้มได้อย่างสง่างามหาคนเปรียบไม่ได้
ภายหลังข้าถึงกับใช้ท่าล้มของข้าเรียกความสงสารและเงินหนึ่งหมื่นเหรียญทองจากพระราชินีแคว้นต่างๆ ที่ถวายแด่วิหารเทพแห่งแสงสว่างเพื่อนำมาเป็น ‘ค่ายา’ ให้กับข้า
แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาข้าก็ไม่กล้าไปยืนอยู่แถวการคลังของวิหารเทพอีกเลย เพราะมักจะมีมือขี้อิจฉาแอบผลักข้าตกจากบันไดอยู่เรื่อย
ถึงการต้องระมัดระวังลงกลอนประตูให้ดีเวลาเข้าห้องน้ำและการล้มอย่างสง่างามจะทำให้การใช้ชีวิตของข้ายากลำบากขึ้น แต่ข้ากลับชอบการเดินอย่างเชื่องช้าสง่างาม
โดยเฉพาะเวลาเดินผ่านอารามเทพแห่งแสงสว่าง ท่วงท่าเยื้องย่างของข้าจะยิ่งเชื่องช้าและสง่างามมากกว่าเดิม เพราะการเดินช้าๆ ทำให้ข้าสามารถจดจำใบหน้าของนักบวชหญิงแสนสวยในอารามเทพแห่งแสงสว่างได้
ใช่แล้ว พวกเจ้าฟังไม่ผิดหรอก ไม่ใช่การดูหรือเหลือบมอง แต่เป็นการ ‘จดจำ’!
เนื่องจากคนทั้งแผ่นดินรู้ดีว่าเทพอัศวินครีอุสเป็นอัศวินที่มอบกายถวายใจและจงรักภักดีต่อเทพเจ้าแห่งแสงสว่างมากที่สุด!
ดังนั้นเทพอัศวินครีอุสจึงไม่สนใจอิสตรีแม้แต่น้อย!
ถึงแม้ผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างจะงดงามเป็นหนึ่งในแผ่นดิน รูปร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้ง แถมยังใส่ชุดวับๆ แวมๆ เชิญชวนให้หันไปมอง แต่เทพอัศวินครีอุสก็จะไม่แม้กระทั่งเหลือบตาไปดู ได้แต่มองตรงไปข้างหน้า ไม่สามารถหันซ้ายหันขวาได้!
พี่น้องเอ๋ย หากพวกเจ้าเป็นผู้ชาย พวกเจ้าคิดว่าจะทำได้ไหม
ได้สิ! การมองตรงไปข้างหน้าไม่ลอกแลกคือวิธีการที่ถูกต้องที่สุด
‘ลูกเอ๋ย เจ้าก็อายุสิบสี่ปีแล้ว สมควรแก่เวลาที่ข้าจะสอนให้เจ้ามองผู้หญิง’
‘ท่านอาจารย์ขอรับ ท่านถวายตัวให้กับองค์มหาเทพ ไม่สนใจในอิสตรีแล้วไม่ใช่หรือขอรับ’
‘ลูกเอ๋ย ข้ามอบกายเป็นข้าองค์มหาเทพ แต่พระองค์มิได้เอาตัวมาเป็นผู้หญิงให้ข้านี่ ดังนั้นถ้าเกิดความต้องการก็ย่อมต้องนึกถึงผู้หญิงเป็นธรรมดา’
‘...’
‘ลูกเอ๋ย ข้าจะบอกเจ้าให้ คนที่เป็นเทพอัศวินครีอุสแม้จะมีหญิงงามเดินอยู่เคียงข้าง เจ้าก็จะต้องมองไปข้างหน้าตลอดเวลาเท่านั้น และเพื่อจะทำให้ได้เช่นนี้ เจ้าจำเป็นต้องฝึกการมองตรง จากนั้นก็ใช้หางตาจับภาพและจดจำรูปลักษณ์ของหญิงผู้นั้นไว้ในความคิด รอจนกระทั่งกลับมาที่ห้องของตัวเองแล้วจึงเรียกภาพนั้นกลับมาดูให้พอ!’
โอ้วๆ...ด้านซ้ายนั่นก็ไม่เลว จำไว้!
โอ้วๆๆ ด้านขวานั่นมาใหม่ใช่ไหม เหมือนจะยังไม่เคยเห็น จำไว้!
“ครีอุส!”
ข้าชะงักฝีเท้าแล้วหมุนกายอย่างสง่างามไปยังต้นเสียงที่เรียกข้า ในใจลึกๆ ข้าอยากจะด่านักว่าจะเรียกหาอะไร! ข้ายังจำนักบวชหญิงที่มาใหม่นั่นไม่ได้เลย!
“ไอซอทที่รัก ขอให้พระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างหลอมละลายความหนาวเย็นในจิตใจของเจ้า”
เทพอัศวินไอซอท ตัวแทนแห่งความหนาวเย็น เป็นคนหนึ่งในเทพอัศวินทั้งสิบสองที่ไม่ขึ้นต่อข้า
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นน่ะหรือ
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเทพอัศวินทั้งสิบสององค์นั้นได้แบ่งออกเป็นฝ่ายเล็กๆ อีกสองฝ่าย ฝ่ายที่ขึ้นต่อข้าก็คือ ‘ฝ่ายเฮมิช’ เป็นฝ่ายที่มีจิตใจอ่อนโยน มีเมตตา ส่วนอีกฝ่ายที่มีเทพอัศวินเทอร์มิสเป็นผู้นำคือ ‘กลุ่มโคลด์บลัด’ ประกอบไปด้วยอัศวินที่มีนิสัยเลือดเย็น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนอ่อนโยนกับคนเย็นชาน่ะอยู่ร่วมกันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเจอหน้าเป็นต้องทะเลาะกันทุกที
“ครีอุส เจ้าควรจะเรียนรู้ความเด็ดขาดจากองค์มหาเทพเสียบ้าง เจ้ารามือจากพระราชาหมูตอนนั่นง่ายเกินไป”
ใบหน้าของไอซอทไร้อารมณ์ แต่เขาไม่ได้ทำหน้าตาแบบนี้ใส่ข้าคนเดียวหรอกนะ ใครๆ ก็รู้ว่าใบหน้าของเทพอัศวินไอซอทเย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็งตลอดเวลา ถึงจะมีแสงอาทิตย์ส่องใบหน้าของเขาก็ไม่สามารถละลายน้ำแข็งบนใบหน้าเขาไปได้
“พระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างทำให้ข้าได้รู้ว่าถึงแม้คนผู้นั้นจะเป็นคนชั่วช้า แต่เขาสามารถกลับตัวกลับใจมาเป็นคนดีได้ ข้าไม่อาจละทิ้งโอกาสในการช่วยเหลือผู้คนให้เป็นคนดีได้หรอก”
ข้าทำสีหน้าเหมือนกำลังเวทนาคนทั้งโลก จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความอัดอั้น ตาม ‘หลักการ’ แล้วเทพอัศวินไอซอทจะไม่พูดมาก เพราะฉะนั้นเขาจะพูดกับข้าอีกเพียงประโยคเดียวเท่านั้น แล้วบทสนทนาของเราทั้งสองคนก็จะจบลง
“คนชั่วสมควรได้รับโทษทัณฑ์ที่สาสม ไม่ควรให้โอกาสพวกมันกลับตัว!” พอไอซอทพูดจบก็เดินหนีไปทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้ข้าพูดต่อ
ข้าชอบเขาตรงนี้ล่ะ
ไอซอทเกลียดการทะเลาะยิ่งกว่าข้าซะอีก แต่เราก็ต้องทำอย่างที่ทุกๆ คนรู้กัน จึงยอมโต้เถียงด้วยสักสองสามประโยค
นอกจากนี้ทุกคนต่างรู้ว่าเทพอัศวินไอซอทเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึก ไม่เคยแสดงสีหน้า และเกลียดการพูดจาที่สุด ดังนั้นการที่อยู่ๆ เขาก็เดินหนีไปจึงเป็นเรื่องปกติ
แม้ทุกครั้งที่เราสองคนเจอหน้ากันเป็นต้องทะเลาะกันสักสองสามประโยค แต่จริงๆ แล้วพวกเราสนิทกัน เวลาที่อากาศร้อนมากๆ เขาจะเสกก้อนน้ำแข็งให้ข้ากินอยู่เรื่อย
แน่นอนว่าเพื่อแสดงออกว่าเราสองคน ‘ไม่ถูกกัน’ เขาจะเริ่มต่อว่าข้าก่อน รอจนกว่าข้าจะตั้งตัวได้ถึงค่อยขว้างชามให้ข้ารับ ตามด้วยต่อว่าข้าอีกสักสองประโยค แล้วก็เหวี่ยงขวดน้ำหวานรสบลูเบอรี่มา สุดท้ายก็เสกเกล็ดน้ำแข็งโจมตีใส่ข้ากองโตจนเกล็ดน้ำแข็งท่วมหัวท่วมหูข้า รวมทั้งพูนขึ้นในชามที่อยู่ในมือของข้าด้วย อ้า~ เย็นดีจัง!
สุดท้ายข้าก็มีน้ำแข็งไสรสบลูเบอรี่กิน แถมยังรักษาภาพพจน์ไม่ถูกกันระหว่างเราสองคนไว้ได้ด้วย
ด้วยเหตุนี้ข้าถึงชอบคนคนนี้มาก แต่เพราะข้าเป็นคนอ่อนโยน ส่วนเขาเย็นชาเหี้ยมโหด ทุกคนในแผ่นดินต่างรู้ว่าเราสองคนไม่มีทางมาเป็นเพื่อนกันเด็ดขาด ดังนั้นเราสองคนจึงเป็นได้แค่ ‘เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน’ เท่านั้น
พูดถึงเพื่อน ข้าพักร้อนทั้งทีก็น่าจะไปเยี่ยม ‘เพื่อนสนิท’ ของข้าสักหน่อย เทพอัศวินไทรอน ตัวแทนแห่งผืนแผ่นดิน
ใครๆ ต่างรู้ว่าเทพอัศวินไทรอนนั้นมีนิสัยซื่อสัตย์และจงรักภักดีเป็นที่สุด รูปร่างสูงใหญ่แต่กลับไม่ค่อยมีความมั่นใจ บางทียังพูดติดอ่างด้วยซ้ำ
“ขอ...ขอโทษที ข้าไม่ค่อยชินเวลาพูดกับผู้...ผู้หญิง...” เทพอัศวินไทรอนก้มหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย
ในตอนที่ข้าเปิดประตูห้องของเทพอัศวินไทรอนก็ทันได้ยินเขาพูดประโยคนี้เป็นครั้งที่สามสิบเอ็ดหรือสามสิบสองกับหญิงสาวไม่ซ้ำหน้าคนที่สามสิบเอ็ดหรือสามสิบสองในห้องของเขา
แล้วเขาก็หันมาจ้องข้าด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเป็นครั้งที่สามสิบเอ็ดหรือสามสิบสอง ถึงจะดูเหมือนโกรธมาก แต่หน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มซื่อๆ ยามเอ่ยทักทายข้าอยู่ “ครีอุส เจ้า...เจ้ากลับมาแล้วหรือ”
“ใช่แล้ว ด้วยคำอวยพรและการสนับสนุนจากองค์มหาเทพ ข้าสามารถปฏิบัติงานลุล่วงได้ตามประสงค์ของพระสังฆราชแห่งอารามเทพแห่งแสงสว่าง”
“อ้อ! เหอๆๆ ยินดีกับเจ้าด้วย! เจ้ามีเรื่องอะไรหรือถึงมาหาข้า” ไทรอนหัวเราะแก้เขิน
แต่ข้าตาไม่บอดถึงขนาดมองไม่เห็นไฟที่ลุกอยู่ในดวงตาของเขา
“ด้วยสำนึกแห่งพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ข้าเลยมาทักทายเจ้า เพื่อนที่สนิทที่สุดของข้า เนื่องจากพระสังฆราชพอใจกับงานของข้ามาก จึงมิได้ให้ข้ารับความเมตตาจากอารามเทพแห่งแสงสว่างอีก ดังนั้นข้าเลยตัดสินใจจะนำลัทธิขององค์มหาเทพออกไปเผยแผ่ในโลกกว้าง”
ซึ่งก็หมายความว่าข้าจะลาพักร้อนแล้ว!
ข้าแน่ใจว่ายามนี้นัยน์ตาของไทรอนกำลังตะโกนว่า ‘โธ่เว้ย! จะพักร้อนก็รีบๆ ไสหัวไปซะ!’ ส่วนหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาและจ้องหน้าข้านั้น พนันได้เลยว่านางไม่รู้หรอกว่าข้ากำลังพูดอะไรอยู่ ถ้ารู้จักข้าไม่ถึงสามปีย่อมไม่มีทางเข้าใจความหมายในสิ่งที่ข้าพูดแน่นอน
นี่คือสาเหตุหลักที่ข้าไม่ได้ควงหญิงสักที ทุกครั้งที่ข้าพยายามพูดตีสนิทหญิงสาวที่ข้าชอบ พวกนางมักจะคิดว่าข้ากำลังเทศนาอยู่ จากนั้นก็จะรีบทิ้งเงินทำบุญเอาไว้แล้ววิ่งหนีไปทันที
“ดีจริง ได้พักร้อนด้วย”
ไทรอนยังหัวเราะแห้งๆ เหมือนเดิม หน้าโง่ๆ ซื่อๆ แบบนี้แหละที่ไม่รู้ว่าหลอกหญิงสาวมาได้กี่คนต่อกี่คนแล้ว
เทียบกับเทมเพสผู้ซึ่งต้องยักคิ้วหลิ่วตาให้สาวๆ จนตาเป็นตะคริวโดยที่ความจริงเจ้าตัวยังบริสุทธิ์อยู่แล้ว ไทรอนกลับเป็นคนที่ได้ผู้หญิงมาครอบครองจริงๆ นั่นเพราะคนทั้งแผ่นดินรู้ว่าเทพอัศวินไทรอนเป็นคนที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีเป็นที่สุด แล้วคนแบบนี้จะมีนิสัยเจ้าชู้ไปได้อย่างไร
เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้พอๆ กับการที่เทพอัศวินครีอุสสามารถดื่มเหล้าพันจอกโดยไม่เมานั่นล่ะ!
ถึงข้าจะเห็นหญิงสาวไม่ซ้ำหน้าคนที่สามสิบเอ็ดหรือไม่ก็สามสิบสองในห้องของเขา แต่ผู้ชายคนนี้กลับครองที่หนึ่งในการจัดอันดับผู้ชายที่หญิงสาวอยากได้มาเป็นสามีมากที่สุดหลายปีติดต่อกัน
แม้ข้าจะหล่อกว่า ตำแหน่งสูงกว่า เงินเดือนมากกว่าเทพอัศวินไทรอนหลายเท่า แต่ข้าก็ไม่เคยติดอันดับของ ‘ผู้ชายที่หญิงสาวอยากได้มาเป็นสามี’ เลยสักครั้ง เพราะผู้หญิงทั้งแผ่นดินต่างรู้ดีว่าเทพอัศวินครีอุสรักแต่องค์มหาเทพและไม่สนใจอิสตรี
เฮอะ!
ข้าเลยเกลียดเขาเพราะเหตุผลนี้
ซึ่งก็พอๆ กับที่เขาเกลียดข้านั่นแหละ เพราะข้ามักจะไปเปิดประตูห้องของเขาทุกครั้งที่เขากำลังหลอกล่อผู้หญิงอยู่
เพียงแต่ทุกคนต่างรู้กันว่าเทพอัศวินครีอุสและเทพอัศวินไทรอนเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุด...พวกเราจึงเป็นได้เพียงเพื่อนสนิทที่เกลียดกันมากที่สุดเท่านั้น!
ข้าฉีกรอยยิ้มสว่างไสวที่อุตส่าห์ฝึกฝนมากว่าสิบปีให้นาง ไม่นานหญิงสาวคนนั้นก็หน้าแดงและอยากจะก้มหน้าเพราะความอาย แต่ก็ไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าของข้าได้
ถึงข้าจะไม่เคยติดอันดับ ‘ผู้ชายที่หญิงสาวอยากได้เป็นสามีมากที่สุด’ แต่ข้าก็ได้ครองที่หนึ่งในการจัดอันดับ ‘ชายหนุ่มผู้งดงามดุจอรุณรุ่ง’ ติดต่อกันนาน การจะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งลืมไปชั่วขณะว่าชายหนุ่มที่ตนเองอยากได้มาเป็นสามีคือใครจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด!
“ครีอุส เจ้าจะไปพักร้อนไม่ใช่เหรอ” ไทรอนทำหน้าดุดัน แต่น้ำเสียงยังฟังดูใสซื่อสุดๆ ความสามารถในการเสแสร้งของเขาดีพอๆ กับใบหน้ายิ้มแย้มของข้า “ถ้าไม่รีบ เวลาพักร้อนจะหมดซะก่อนนะ”
ข้าทอดถอนใจ “ต้องเป็นองค์มหาเทพอย่างแน่นอนที่ดลใจให้เจ้าย้ำเตือนให้ข้ารีบนำพระวจนะของพระองค์ออกไปเผยแผ่แก่ชาวโลก ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องจำใจลาจากเจ้าแล้ว”
‘ไสหัวไปซะ!’
ถึงดวงตาคุกรุ่นของเขาจะส่งข้อความนี้มาให้ข้า แต่สีหน้าของเขากลับเหมือนกำลังรอคอยด้วยความหวัง เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “รอคอยที่จะได้พบกับเจ้าอีก สหายข้า”
ฮ่าๆๆ! ข้าก้มหน้าที่แตะแต้มรอยยิ้มให้ ปิดประตูลงอย่างมีความสุข ท่าทางคราวนี้ไทรอนจะพ่ายแพ้อีกแล้ว เพราะดูท่าหญิงสาวคนนั้นจะหลงใหลข้าจนใจลอยกู่ไม่กลับ ฮ่าๆๆ!
ข้าจะมีความสุขเป็นพิเศษหากสามารถหยุดยั้งคนอื่นไม่ให้จีบผู้หญิงได้ ดีมากๆ ข้าว่าการพักร้อนคราวนี้ท่าทางจะเริ่มต้นได้ดี
โอ้ไม่นะ! เดี๋ยวก่อน ข้ายังพักร้อนไม่ได้นี่นา
ถึงข้าจะเล่าว่าข้ากับเทพอัศวินไอซอทสนิทกัน แต่ในเทพอัศวินทั้งสิบสององค์ คนที่ข้าสนิทด้วยมากที่สุดไม่ใช่เขา ก่อนที่จะพักร้อนเห็นทีข้าต้องไปเยี่ยมเพื่อนที่ข้าสนิทที่สุดจริงๆ ก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะหาว่าข้า ‘เห็นเรื่องอื่นดีกว่าเพื่อน’ เอาได้...เห็นเรื่องที่คนอื่นจีบผู้หญิงอยู่ก็เลยรีบไปขัดขวางจนลืมเพื่อนของตัวเอง
ได้ยินว่าช่วงนี้มีคดีที่ต้องจัดการมากมาย ข้าเลยคิดว่าถ้าไปรอใน ‘ห้องน้ำ’ ของเรือนจำ ข้าน่าจะได้เจอกับเทอร์มิส
แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ข้าเพิ่งยกม้านั่งสองตัวกับน้ำหนึ่งกะละมังเข้ามาในห้องน้ำ แล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างสง่างามข้างๆ โถปัสสาวะยังไม่ถึงสามนาที อัศวินผู้มีเส้นผมสีดำ ดวงตาสีดำ และสวมชุดอัศวินสีดำก็ผลักประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้ามาแล้วนั่งยองๆ อาเจียนอ๊อกๆ อยู่ข้างๆ ข้า
ระหว่างที่ข้านั่งอย่างสง่างามอยู่บนม้านั่งรอเขาอาเจียนให้เสร็จนี้ ขอถือโอกาสแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก ผู้ชายดำสามประการ (ตาดำ ผมดำ ชุดดำ) ผู้นี้คือ ‘เพื่อนสนิทที่สุดที่ไม่ใช่เพื่อน’ ของข้า และเป็นหัวหน้าของกลุ่มโคลด์บลัด เทพอัศวินเทอร์มิส ตัวแทนแห่งการลงทัณฑ์
คนทั้งแผ่นดินต่างรู้กันดีว่าคนที่โหดเหี้ยมที่สุดในบรรดาเทพอัศวินทั้งสิบสององค์จนชาวบ้านพากันใช้ชื่อนี้ไปขู่เด็กสามขวบที่ไม่ยอมนอนจนร้องไห้คือเทพอัศวินเทอร์มิส ผู้มีหน้าที่นำคนผิดไปลงโทษ
เนื่องจากข้าเป็นหัวหน้าของฝ่ายเฮมิช ส่วนเขาเป็นหัวหน้าของกลุ่มโคลด์บลัด ทำให้เราสองคนต้องเป็นอริกัน
ข้ามักพูดเสมอว่า ‘ด้วยพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง บาปของเจ้าจะได้รับการอภัย’
เขาก็มักพูดว่า ‘ด้วยอำนาจเฉียบขาดของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง เจ้าจักต้องได้รับโทษทัณฑ์ที่ทำไว้’
นี่ทำให้รู้ว่าเทพเจ้าแห่งแสงสว่างเป็นคนที่...เป็นเทพเจ้าที่มีสองบุคลิก!
จะไปทางไหนก็ไม่ไปให้สุด เทพอัศวินทั้งหลายเลยเหมือนจะสวนทางกัน
เทพอัศวินเทอร์มิสผู้โหดเหี้ยมและใจทมิฬที่สุดเริ่มเข้ามาอาเจียนในห้องน้ำตั้งแต่ครั้งแรกที่เขามีโอกาสลงโทษคนผิด
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะเขาได้ฝึกลงโทษคนครั้งแรกเมื่อตอนอายุสิบสามปี...สิบสามปีเท่านั้น เป็นเรื่องปกติที่เด็กอายุสิบสามคนหนึ่งไม่สามารถรับภาพหยดเลือดและชิ้นเนื้อที่ปลิวว่อนอันเกิดจากการเฆี่ยนตีได้
ครั้งแรกที่เขาต้องฝึกลงโทษคนจริงๆ อาจารย์ของข้าก็พาข้ามาฝึกการประณามว่าที่เทพอัศวินเทอร์มิสด้วยเช่นกัน
ทว่าตอนที่ข้าเห็นนักโทษที่ถูกมัดอยู่บนไม้กางเขนถูกโบยเสียจนไม่เป็นผู้เป็นคน ข้ากลับรู้สึกปลอดโปร่งอย่างประหลาด
เจ้ามันชั่วช้า!
เจ้ารู้หรือเปล่าว่าตลอดชีวิตของเทพอัศวินครีอุสสามารถรักได้แค่องค์มหาเทพ ไม่สามารถรักผู้หญิงได้ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าวิธีการพูดของอัศวินครีอุสจะทำให้ข้าจีบหญิงไม่ติดไปตลอดชีวิต
เจ้า...เจ้ามันคนชั่วช้าที่ใช้วิธีต่ำทรามหลอกล่อผู้หญิง! มันทำให้ข้า (อิจฉา)...สะอิดสะเอียนมาก! คนอย่างเจ้าถึงตายก็ไม่ควรได้ตายดีหรอก!
ในขณะที่ข้ากำลังคิดว่าเขาควรจะตายยังไงดีนั้น ท่านอาจารย์แอบสะกิดข้า ข้าถึงนึกขึ้นมาได้ว่าข้ามาที่นี่ก็เพื่อฝึกประณามเทพอัศวินเทอร์มิสในอนาคตนี่นา
ข้าเปลี่ยนเป็นสีหน้าเวทนาต่อคนทั้งโลกทันที และพูดกับเขาอย่างประหลาดใจว่า ‘นี่ช่างโหดร้ายเหลือประมาณ เจ้าใช้วิธีเหล่านี้มาทำร้ายพสกนิกรขององค์มหาเทพได้อย่างไร ถึงพวกเขาจะทำผิด แต่พวกเขาก็มีโอกาสที่จะกลับตัวกลับใจได้! เทพเจ้าแห่งแสงสว่างผู้เมตตาไม่มีทางยอมรับวิธีการเช่นนี้เด็ดขาด!’
เอาล่ะ! ข้าด่าเสร็จแล้ว ทีนี้ตาเจ้าบ้างล่ะ
ข้าหันกลับไปมองท่านอาจารย์ เขากำลังยิ้มอย่างชื่นชม ข้าจึงรู้ว่าข้าประณามเขาได้ไม่เลวเลย
แต่เทพอัศวินเทอร์มิสตัวน้อยที่มีผมดำ ตาดำ ชุดดำก็ไม่ยอมเปิดปากพูดสักที แถมข้าสาบานได้ว่าตอนที่ข้าด่าเขา ข้าเห็นแววตาสำนึกผิดและความเสียใจ แถมเห็นหยดน้ำตาวิบวับอีกต่างหาก
แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลออกมา เขาสลัดอาจารย์ของเขาแล้วผลักข้า สุดท้ายก็ใช้มืออุดปากวิ่งหนีไปจากตรงนั้น
‘ลูกเอ๋ย เจ้ายังไม่รีบตามไปสั่งสอนเขาด้วยพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างอีกหรือ’ อาจารย์ของข้าผลักบ่าข้าเบาๆ
อะไรนะ ยังต้องตามไปด่าอีกเหรอ ไม่ดีล่ะมั้ง เด็กคนนั้นร้องไห้แล้วนี่...
‘อย่าลืมนำผ้าขนหนู น้ำเปล่า และม้านั่งไปด้วยสองตัว’ พอท่านอาจารย์ออกคำสั่งแปลกๆ เรียบร้อยก็หันไปโต้เถียงกับเทพอัศวินเทอร์มิสเรื่องความเมตตาและความเฉียบขาด
ถึงข้าจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของท่านอาจารย์ จึงรีบไปหาน้ำมากะละมังหนึ่ง ผ้าขนหนูข้ามีอยู่แล้ว หนีบม้านั่งไปด้วยสองตัว แล้วรีบวิ่งไปหาว่าที่คู่อริของข้า
สุดท้ายข้าก็พบเขากำลังอาเจียนจนใกล้จะเป็นลมอยู่ข้างๆ โถปัสสาวะ เขาอาเจียนจนไม่มีอะไรให้ออกมาอีก
ข้ายืนอึ้งอยู่ด้านข้างจนขาชา แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าข้าเอาม้านั่งมาด้วยสองตัว จึงยื่นม้านั่งตัวหนึ่งให้เขา แล้วก็นั่งเองตัวหนึ่ง
ข้านั่งเงียบอยู่อีกสักพัก ในที่สุดเขาก็หยุดอาเจียน
เห็นสภาพเลอะเทอะของเขาแล้วข้าจึงเลื่อนกะละมังใส่น้ำกับผ้าขนหนูไปให้ เขารับไปด้วยอาการงงๆ จากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดตัวเอง
พอเห็นว่าของที่นำมาเอาไว้ใช้ทำอะไร...ข้าก็รู้สึกเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง หรือว่าเมื่อก่อนนี้อาจารย์ของข้าก็ได้เห็นคู่อริของท่านอาเจียนจะเป็นจะตายในห้องน้ำอย่างนี้เช่นกัน
ว่าที่เทพอัศวินเทอร์มิสซักผ้าขนหนูเสร็จก็ส่งคืนให้ข้า เขาไม่กล่าวขอบคุณ เพราะเขาพูดแบบนั้นไม่ได้ เทพอัศวินครีอุสและเทพอัศวินเทอร์มิสคือคู่อริกันตลอดกาล เราทั้งสองคนต่างเป็นตัวแทนคนละด้านของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างซึ่งจะไม่มีวันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวได้เด็ดขาด!
เราทั้งสองคนได้แต่มองตากันและกันไม่พูดไม่จา ข้าไม่อยากต่อว่าเขาด้วยพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างอีก เขาเองก็ไม่ต้องการโต้กลับข้าด้วยความเฉียบขาดของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างเช่นกัน
แล้วเราก็มักจะพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับพระเมตตาและความเฉียบขาดกันในห้องน้ำตั้งแต่นั้นมา ข้าจะนำน้ำสะอาด ม้านั่ง และผ้าขนหนูมาด้วยทุกครั้ง ส่วนเขา ก่อนการลงทัณฑ์ก็จะเตรียมน้ำชากับขนมเอาไว้ พอการลงโทษเสร็จสิ้นก็จะนำมันมาที่ห้องน้ำทันที
พวกเจ้าคงรู้ใช่ไหมว่าหลังจากอาเจียนแล้วจะรู้สึกหิว
ทว่าขนมที่เขาเตรียมมามักจะไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบ แต่เป็นพวกลูกกวาดที่เคี่ยวจากน้ำตาลอันเป็นของโปรดข้า
ในเวลานี้เทพอัศวินเทอร์มิสใกล้จะอาเจียนเสร็จแล้ว ซึ่งจะตามด้วยการที่ข้าเลื่อนกะละมังใส่น้ำและผ้าขนหนูไปให้ เขาค่อยๆ ลงมือทำความสะอาดร่างกายพร้อมพูดกับข้าว่า “ครีอุส นานแล้วนะที่เจ้าไม่สนใจพวกนักโทษที่ถูกลงทัณฑ์ ข้านึกว่าในที่สุดเจ้าก็เข้าใจแล้วว่ามีแต่ความเฉียบขาดของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างเท่านั้นที่สามารถหยุดยั้งไม่ให้คนทำความเลวได้”
ข้าเข้าใจความหมายของเขา เพื่อนสนิทกำลังด่าข้าว่าทำไมไม่มาหาเขาตั้งนาน
“พระเมตตาขององค์มหาเทพไม่ได้อยู่แค่เพียงในตำหนักเทพอัศวินอันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น วังหลวงเองก็ต้องการแสงสว่างแห่งพระเมตตาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชาที่ต้องการฟังพระวจนะแห่งองค์มหาเทพ”
ข้าถูกส่งให้ไป ‘สั่งสอน’ พระราชาหมูตอนน่ะ
“พระราชาคงจะปฏิบัติกับเจ้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่กระมัง มีแต่ความเฉียบขาดของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างเท่านั้นถึงจะสามารถเรียกความเคารพจากฝ่าบาทได้”
เจ้าอ้วนนั่นคงรับมือยากล่ะสิ แววตาของเทอร์มิสเต็มไปด้วยความเห็นใจ
“ด้วยความอุตสาหะของเทพอัศวินเทมเพส ในที่สุดฝ่าบาทก็สามารถเข้าพระทัยในพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง”
ต้องยกความดีความชอบให้เทมเพส ไม่อย่างนั้นเจ้าอ้วนคงไม่ยอมลดภาษีหรอก
“เทพอัศวินเทมเพสคงจะเสียใจอย่างสุดซึ้งเป็นแน่ที่ไม่ได้ใช้ความเฉียบขาดขององค์มหาเทพจัดการกับราชสำนัก ดวงตาของเขาคงจะไม่เห็นความชั่วช้าของวังหลวงกระมัง”
เขาเหล่ตามองผู้หญิงทั้งวังหลวง...ตอนนี้ตาของเขายังไม่บอดใช่ไหม
“ดวงตาของเขามองเห็นความผิดพลาดในวังหลวง แม้จะรู้สึกทุกข์ทนเหลือคณา แต่เขาก็ยังคงใช้พระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างน้อมนำพวกเขา”
โชคดีที่ตาของเขาไม่บอด แต่ก็เกือบๆ ล่ะนะ
“หวังว่าองค์มหาเทพคงจะไม่ลงโทษดวงตาทั้งสองข้างของเขาที่เห็นคนกระทำผิดแล้วไม่ลงทัณฑ์”
น่าสงสาร...หวังว่าดวงตาของเขาจะดีขึ้นในไม่ช้า
“ด้วยพระนามแห่งเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง พระสังฆราชทรงอนุญาตให้เขาใช้แสงอาทิตย์อันอบอุ่นในโลกกว้างช่วยปลอบประโลมดวงตาของเขาเป็นเวลาสามวัน ส่วนข้าโชคดีเหลือเกินที่สามารถติดตามเขาไปได้ ทั้งหมดนี้ก็ด้วยพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง”
เขากับข้าได้ลาพักร้อนสามวัน
“หวังว่าแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันจะสามารถทำให้พวกเจ้าได้เข้าใจถึงความเฉียบขาดของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ความเฉียบขาดของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างจะอยู่ด้วยทุกหนแห่ง”
ขอให้พวกเจ้าสนุกกับวันหยุด! แล้วเจ้าจะไปเที่ยวที่ไหนกัน
“พระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างอยู่ทั่วทุกอณูผืนแผ่นดิน แม้กระทั่งในห้องของเทพอัศวินครีอุสผู้ต่ำต้อย”
ข้าจะมุดหัวนอนอยู่ในห้อง
ในที่สุดใบหน้าเคร่งเครียดของเทอร์มิสก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เขาหัวเราะพลางส่ายหัว จากนั้นก็ยื่นขนมมาให้ข้า “หวังว่าสักวันหนึ่งเจ้าจะได้รับความเฉียบขาดขององค์มหาเทพ”
“ข้าก็ขออวยพรให้เจ้าได้รับพระเมตตาขององค์มหาเทพโดยเร็ววัน”
ข้ารับขนมมากัด อืม...รสบลูเบอรี่ อร่อยจริงๆ
ข้าบอกว่าได้ลาพักร้อนสามวัน บอกกับเทพอัศวินเทอร์มิสว่าจะนอนอยู่ในห้อง...นี่ อะไรของพวกเจ้า ไม่เชื่อหรือไงว่าข้าจะนอนอยู่ในห้องจริงๆ
อะไรนะ ให้ไปอาบอบนวดงั้นเหรอ
อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า ข้าไม่อยากช่วยวิหารเทพหาเงินหรอกนะ! ข้าไม่อยากให้ผู้หญิงพวกนั้นพอฟังข้าพูดจาพลอดรักเสร็จก็คิดว่าข้ากำลังเทศนา สุดท้ายโยนเงินทำบุญใส่หน้าข้าแล้ววิ่งหนีไปจนหมด
อะไรนะ ข้าชอบดื่มเหล้า ให้ไปร้านเหล้างั้นเหรอ
พวกเจ้าบ้าไปแล้ว!
จำได้ไหมว่าข้าคือใคร!
ข้าคือเทพอัศวินครีอุสนะ! เทพอัศวินสามจอกเมามายจะไปดื่มเหล้าที่ร้านเหล้าได้ยังไง!
พวกเจ้าคงคิดว่าพอข้าได้พักร้อนแล้วก็ไม่ต้องเป็นเทพอัศวินครีอุสล่ะสินะ
ท่านอาจารย์พูดเสมอว่า ‘เป็นเทพอัศวินครีอุสเพียงวันเดียวก็ต้องยิ้มสว่างไสวไปชั่วชีวิต’
ถึงจะกำลังพักร้อน ข้าก็ยังคงเป็นเทพอัศวินครีอุส แค่เปลี่ยนไปเป็นเทพอัศวินครีอุสที่พักร้อนอยู่เท่านั้นเอง
ถึงจะกำลังพักร้อน แต่ข้าก็ยังคงต้องยิ้มสว่างไสวดั่งดวงอาทิตย์อยู่ตลอดเวลาเหมือนเดิม
ถึงจะกำลังพักร้อน เวลาข้าพูดกับใครก็ต้องหนีไม่พ้นคำว่าพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง
ถึงจะกำลังพักร้อน ถ้าข้าเจอผู้หญิงสวยๆ ก็ยังต้องใช้หางตาจดจำรูปลักษณ์ของนางไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะฉะนั้นข้ายอมนอนอุตุอยู่ในห้องดีกว่า อยากจะทำหน้าบูดแค่ไหนก็ได้ จะด่าเจ้าหมูตอนยังไงก็ได้ และดึงความทรงจำของผู้หญิงแต่ละคนออกมาจินตนาการยังไงก็ได้...
ข้าคิดถึงสาวงามพลางจิบเหล้าที่เทพอัศวินครีอุส ‘รุ่นก่อน...รุ่นก่อนๆ...รุ่นก่อนๆๆ...’ แอบหมักเอาไว้ใต้อุโมงค์ที่มีประตูลับอยู่ใต้เตียง เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณของเทพอัศวินรุ่นก่อนๆ และเพื่อเทพอัศวินในอนาคต ข้าจึงแอบขโมยแอปเปิ้ลในห้องครัวกลับมาด้วย
ท่านอาจารย์พูดเสมอว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าสามารถไม่เชี่ยวชาญการใช้ดาบได้ เพราะถ้าฝีมือการใช้ดาบไม่ดี อย่างมากก็แค่ตายเร็วเท่านั้น เจ้าสามารถไม่เชี่ยวชาญศาสตร์แห่งองค์มหาเทพได้ เพราะอย่างมากก็ไม่อาจรักษาอาการเจ็บปวดของคนป่วย แค่อวยพรให้เขาได้เข้าเฝ้าเทพเจ้าแห่งแสงสว่างได้ในเร็ววันก็พอ แต่ทว่า! เจ้าจะต้องเรียนรู้วิธีการหมักสุราให้ดี! ไม่เช่นนั้นเมื่อเจ้าไปเข้าเฝ้าองค์มหาเทพแล้วเทพอัศวินรุ่นหลังๆ ไม่ได้ดื่มสุรารสดี พวกเขาจะสาปแช่งเจ้าไปตลอดกาล!’
อาจารย์ของข้าเชี่ยวชาญการหมักเหล้าองุ่น ข้าจึงมีเหล้าองุ่นมากมายไว้ดื่ม ส่วนข้าเชี่ยวชาญการหมักเหล้าแอปเปิ้ล เพราะฉะนั้นลูกศิษย์ของข้าก็จะมีเหล้าแอปเปิ้ลไว้ดื่มมากมายเช่นกัน
แต่ผลจากการที่ข้าชอบไปหยิบแอปเปิ้ลในครัวก็คือ แม่ครัวจะเตรียมแอปเปิ้ลให้ข้าเป็นผลไม้ล้างปากหลังอาหารทุกมื้อ...
ความรู้สึกของข้าที่มีต่อแอปเปิ้ลจึงไม่ต่างจากความรู้สึกที่มีต่อเทพอัศวินไทรอน ข้าคือเทพอัศวินครีอุสผู้ชื่นชอบแอปเปิ้ลที่เกลียดแอปเปิ้ลมากที่สุด!
เพื่อที่จะไม่ต้องยิ้ม!
เพื่อที่จะไม่ต้องพูดคำว่า ‘พระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง’!
เพื่อที่จะไม่ต้องเจอกับแอปเปิ้ล!
ข้าจึงขลุกอยู่แต่ในห้อง ฉวยโอกาสบำรุงผิวของข้าไปด้วย
อะไรนะ พวกเจ้าบอกว่าผู้ชายจะบำรุงผิวไปทำไมอย่างนั้นเหรอ
พี่น้องเอ๋ย พวกเจ้าไม่รู้อะไรซะแล้ว...ทั่วทั้งแผ่นดินต่างรู้กันดีว่าเทพอัศวินครีอุสจะต้องมีเส้นผมสีทอง ดวงตาสีฟ้า และมีผิวขาวนวลสวยผุดผ่องเหมือนหนุ่มน้อย!
และเพื่อให้มีผิวขาวนวลเหมือนหนุ่มน้อย เทพอัศวินครีอุสทุกองค์จึงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพอกตัวให้ขาว แต่ข้าเชื่อว่าข้าจะต้องเป็นคนที่ขาวที่สุดอย่างแน่นอน
ถึงข้าจะได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งดวงตะวัน แต่ข้าก็ไม่ชอบออกไปโดนแดดนัก เพราะผิวของข้าคล้ำได้ง่ายมาก ทุกครั้งที่ถูกแดด ข้าจะกลับมาพอกตัวทั้งคืนเพื่อคืนความใสให้กับผิว
ในขณะเดียวกันคนที่คล้ำง่ายอย่างข้ากลับต้อง ‘ออกไปต่อสู้อยู่ภายใต้แสงแห่งอโณทัยทุกเมื่อเชื่อวัน เพื่ออวดผิวผ่องขาวเนียนให้เป็นที่ประจักษ์’ ข้าจึงต้องแสวงหาวิธีการพอกตัวแบบต่างๆ เพื่อให้ผิวขาวขึ้นด้วย
สูตรพอกตัวขาวที่ข้าคิดค้นได้ล่าสุดคือ หยดน้ำมะนาวสิบหยดลงในนมเปรี้ยว ผสมกับน้ำจากดอกกุหลาบสามสิบดอก น้ำจากดอกลาเวนเดอร์สิบดอก สุดท้ายผสมกับแป้งพอกหน้า จากนั้นก็ทาให้ทั่วตัวและอบไอน้ำสักหนึ่งชั่วโมง
ต้องเป็นเทพอัศวินครีอุสที่เคยฝึกมาแล้วเท่านั้น ไม่ใช่อัศวินห้ามทำตามเด็ดขาด!
รับประกันว่าถ้าได้อบไอน้ำทั้งวัน เจ้าจะได้ผิวขาวเหมือนนมเปรี้ยว และนวลเนียนเหมือนไข่หงส์แน่นอน
จริงๆ แล้วข้าแอบสงสัยว่าเทพอัศวินครีอุสองค์แรกอาจจะเป็นโรคผิวเผือก! ไม่อย่างนั้นเขาจะออกกำลังกาย ออกรบ และรับบัญชาจากพระราชาภายใต้แสงอาทิตย์โดยที่ผิวยังขาวเหมือนเด็กหนุ่มจนคนทั้งแผ่นดินจำติดเป็นภาพลักษณ์ได้ยังไง
ไม่ว่าเทพอัศวินครีอุสองค์แรกจะเป็นโรคผิวเผือกหรือไม่ ข้าก็ได้แต่แก้ผ้าเพื่ออบตัวทุกๆ สัปดาห์โดยไม่มีทางเลือกอื่น
แต่ยังมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าเกลียดยิ่งกว่าแอปเปิ้ล นั่นคือเวลาที่ข้าแก้ผ้าทาแป้งพอกเพื่อผิวขาวทั้งตัวและกำลังจะเข้าไปอบตัว จะมีไอ้บ้าที่ไหนสักคนมาเคาะประตู...
ปังๆๆ!
พวกเจ้าดูเถอะ ให้ตาย! มันเป็นคำสาปใช่ไหม
แต่ข้าก็ชินแล้วล่ะ
“ไม่ทราบว่าเป็นท่านใดกันที่ได้รับสุรเสียงอันอ่อนโยนจากเทพเจ้าแห่งแสงสว่างให้มาหาข้าเพื่อสนทนาเรื่องพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง”
ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ ล่ะก็ ข้าจะลอกแป้งบนตัวทั้งหมดยัดใส่ปากของมันซะ!
“ข้าคือเคเรส ดีจังเลยที่เจ้าอยู่ที่นี่ ออกมาเร็วเข้า มีคนเห็นอมนุษย์อยู่ในกำแพงเมือง”
เทพอัศวินเคเรสงั้นเหรอ เขาคือตัวแทนแห่งพันธุ์ไม้ เป็นเทพอัศวินที่อยู่ฝ่ายเฮมิชคนหนึ่งที่ข้ารู้สึกชอบจริงๆ
เหตุผลก็คือเขาเป็นคนดีมากๆ
“เคเรสที่รัก กรุณารอสักครู่ พระเมตตาแห่งองค์มหาเทพย้ำเตือนให้ข้าชำระร่างกายให้หมดจดก่อนที่จะออกไปพบโลกภายนอก”
เป็นเพราะรีบ ข้าก็เลยลอกแต่แป้งพอกที่อยู่บนหน้าแล้วรีบสวมเสื้อผ้า
แต่พอข้าออกมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะโจมตีอมนุษย์หรือจะโจมตีข้ากันแน่ พูดยากเหมือนกันแฮะ...ในเมื่อตอนนี้สภาพของข้าเหมือนอมนุษย์ที่กำลังจะแปลงร่างมากกว่า!
“ครีอุส เจ้าค่อยๆ แต่งตัวก็ได้ไม่ต้องรีบ วางใจเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าจับอมนุษย์ตนนั้นแล้วปล่อยให้เจ้าเป็นคนลงมือเอง!”
พอเทพอัศวินเคเรสพูดจบ ข้าก็ได้ยินเสียงวิ่งของเขา
เจ้าดูสิว่าเขาเป็นคนดีขนาดไหน! ถ้าข้าเป็นผู้หญิง ข้าจะใช้น้ำเสียงที่อ่อนหวานที่สุดพูดกับเขาว่า ‘เจ้าช่างเป็นคนดีเหลือเกิน!’
ทุกๆ คนต่างรู้ดีว่าสิ่งที่เทพอัศวินครีอุสรังเกียจที่สุดก็คืออมนุษย์ที่สมควรตายแต่ไม่ยอมตาย สัตว์นรกเหล่านี้ขัดต่อหลักการของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง การใช้ชีวิตของมันสวนทางกับปณิธานของเทพอัศวินครีอุส เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่เทพอัศวินครีอุสเจอกับอมนุษย์จะต้องจับมันมาสังหาร!
แน่นอนว่าสามารถสังหารได้ เพราะอมนุษย์คือสิ่งเดียวที่เทพอัศวินครีอุสไม่ต้องให้อภัย
ซึ่งหมายความว่าข้าสามารถตะคอกใส่มัน สับมันเป็นชิ้นๆ ระบายความเก็บกดจากการที่ต้องยิ้มทุกวัน พูดถึงพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างทุกวัน ไม่อาจมองหญิงงามได้ตามใจอยาก ข้าสามารถลงที่เจ้าอมนุษย์พวกนี้ได้เต็มที่!
ท่านอาจารย์มักกล่าวว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าต้องออกไปค้นหาอมนุษย์บ่อยๆ นะลูก’
‘เป็นเพราะว่าเทพอัศวินครีอุสถวายคำสัตย์ไว้ว่าจะกวาดล้างพวกอมนุษย์ใช่ไหมขอรับ’
‘ไม่ใช่ แต่เป็นเพราะเจ้าต้องใช้พวกมันมาเป็นเครื่องระบายความเครียด’
‘อะไรนะขอรับ’
‘เจ้าลองคิดดู เจ้าจะต้องยิ้มทุกวัน ต้องอภัยให้ใครต่อใครทุกวัน ทุกถ้อยทุกความที่พูดออกมาเจ้าจะต้องสรรเสริญเยินยอเทพเจ้าแห่งแสงสว่างที่เจ้าอาจจะไม่มีโอกาสพบพานเลยตลอดชีวิต หากเจ้าไม่มีหนทางระบายออกจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า ถึงตอนนั้นเจ้าจะไม่สามารถทำหน้าที่เทพอัศวินครีอุสที่ดีได้ และหากทำไม่ได้เจ้าก็จะเสียตำแหน่งไป เมื่อเสียตำแหน่งเจ้าก็จะเครียดจนกลายเป็นโรคจิต สุดท้ายเจ้าจะตรอมใจจนไปเข้าเฝ้าองค์มหาเทพ เจ้าคงไม่อยากจะมีจุดจบที่น่าอนาถเช่นนั้นใช่หรือไม่’
‘...ไม่อยากขอรับ’
‘ลูกเอ๋ย เพราะเหตุนี้เจ้าจึงต้องไปหาอมนุษย์มาระบายความเครียดให้ตัวเองเดือนละครั้ง เข้าใจไหม’
‘แล้วถ้าหากหาไม่ได้ล่ะขอรับ’
‘ลูกเอ๋ย ไม่ต้องกังวล มานี่ นี่คือนามบัตรของนักเวทสะกดวิญญาณที่องค์กรศาสนารับรองให้ เจ้าสามารถเลือกประเภทของอมนุษย์ที่เจ้าต้องการและสามารถใช้เงินของวิหารเทพได้ด้วย’
‘...’
เพื่อที่ข้าจะได้ไม่เป็นโรคซึมเศร้า ไม่ต้องเสียตำแหน่ง ไม่ต้องรีบไปเข้าเฝ้าเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ข้าจึงรีบลอกแป้งพอกออกทั้งตัวเพื่อจะไประบายอารมณ์ใส่เจ้าอมนุษย์นั่น
โชคดีที่ข้ายังไม่ได้เริ่มอบตัว
แป้งพอกเหนียวๆ ลอกได้ยากกว่าแป้งพอกที่แห้งๆ ถ้าไม่เชื่อก็ลองเอาแป้งเปียกสักกะละมังมาทาตัว จากนั้นปล่อยให้ด้านขวาแห้งแล้วรักษาความชื้นที่ด้านซ้ายเอาไว้ สุดท้ายลองเปรียบเทียบความแตกต่างดู
(แต่ข้าขอเตือนอะไรซ้ำหน่อยเถอะ ต้องเป็นเทพอัศวินครีอุสที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้วเท่านั้น หากไม่ใช่เทพอัศวินครีอุสแล้วไปลองทำ ผลสุดท้ายออกมาเป็นอย่างไรข้าจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น)
ในตอนที่อาจารย์ของข้าสอนวิธีพื้นฐานในการพอกตัวขาวให้นั้น ท่านกลับลืมบอกสิ่งที่สำคัญที่สุดไป กว่าท่านอาจารย์จะนึกออก แป้งพอกก็แห้งหมดทั้งตัวแล้ว ซึ่งระหว่างที่ข้ากำลังลอกแป้งออกอยู่นั้นเอง...
‘ลูกเอ๋ย เจ้าห้ามพอกแป้งลงบน ‘ส่วนที่สำคัญที่สุด’ ของเจ้าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น...’
‘อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!’
นับจากนั้นเป็นต้นมา ส่วนที่สำคัญที่สุดของข้าก็ไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่ขนสักเส้น
ท่านอาจารย์รู้สึกผิดกับข้ามาตลอด หลังจากนั้นท่านก็ทุ่มเทแรงใจอบรมข้าโดยที่ไม่กล้าสอนอะไรครึ่งๆ กลางๆ ให้อีก
ไปไกลอีกแล้ว สรุปคือแป้งพอกที่ชื้นอยู่จะต้องทำความสะอาดโดยใช้น้ำเท่านั้น แถมกรรมวิธีนี้ยังทำให้แป้งพอกที่ข้าใช้เวลาถึงสองชั่วโมงในการผสมเสียคุณค่าไปหมดด้วย...โอ้! ตำหนักเทพอัศวินไม่จ่ายค่าดอกกุหลาบกับค่าดอกลาเวนเดอร์ให้ข้าหรอกนะ!
ข้าได้แต่มองเงินเดือนก้อนใหญ่ของตัวเองละลายหายไปพร้อมสายน้ำ...เฮอะ! ข้าจะระบายความแค้นทั้งหมดนี้ลงที่เจ้าพวกอมนุษย์! ข้าเกลียดมัน!
พอสวมชุดอัศวินของข้าเรียบร้อยก็ปั้นสีหน้าดุดัน จากนั้นก็ออกเดินทางได้!
แต่พอข้าเตะประตูแล้วพุ่งออกมาก็ไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหนดี โชคดีที่เคเรสนอกจากจะเป็นคนดีแล้ว ยังเป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่น เขาไม่เพียงออกไปจับอมนุษย์ให้ข้า ยังให้อัศวินฝึกหัดมาคอยนำทางข้าอีกด้วย!
เคเรส! ข้าสาบานว่าพอข้าระบายความเครียดเรียบร้อยแล้วจะเสนอกับทางตำหนักเทพอัศวินอันศักดิ์สิทธิ์ให้ออกใบประกาศเกียรติคุณอัศวินคนดีดีเด่นให้เจ้าอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น