ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    yuri WG**Sexy dangerous**

    ลำดับตอนที่ #8 : Sexy dangerous! 8 100%

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 52





          อานโซฮีลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่  รีบพาตัวเองเดินตรงมายังโต๊ะที่อยู่ถัดเข้ามาประมาณสามถึงสี่โต๊ะ ก่อนจะหยุดนิ่ง  ตาเรียวเล็กชะเง้อมองหาคนใบหน้าคมที่ส่งยิ้มให้เธอเมื่อสักครู่นี้  
    เขาหายไปไหนแล้ว ?  หญิงสาวคิด  ถอนหายใจยาวด้วยความผิดหวัง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนที่มากระซิบอยู่ข้างๆใบหู

    “มองหาใครอยู่เหรอ”  
    ใจเต้นเร็วแทบไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆหันหน้ามาเผชิญกับเจ้าของเสียง  แล้วก็ต้องก้มหน้างุดลง  เมื่อรู้ว่าเป็นคนที่เธอเองกำลังมองหาอยู่  นิ้วเรียวหนาเชยคางมนของหญิงสาวขึ้นมาสบตากับตัวเอง  ยิ้มกริ่มของอีกฝ่ายทำเอาหัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วแทบจะกระเด็นออกมาด้านนอก

    “คะ...คุณคิมยูบิน” เสียงที่เปล่งออกไปสั่นเครือเล็กน้อย ด้ายความเขินอาย จนคนฟังเองก็ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

    “รู้จักฉันด้วยเหรอ”

    “ก็...คุณออกจะดัง” คนแก้มกลมตอบออกมาตามความจริง เธอเองก็รู้จักคิมยูบินจากนิตยสารต่างๆ รวมทั้งพวกข่าวซุบซิบดาราทั้งหลาย  และแอบชื่นชมมานานแล้ว  พอได้มาเจอตัวจริงต้องยอมรับกับตัวเองเลยว่าคนหน้าคมตรงหน้านี้เป็นคนที่มีเสน่ห์น่าค้นหาเหลือเกิน ดูเป็นมิตรจนแทบจะไม่เหลือเค้าโครงของคนอารมณ์ร้อนอย่างที่มินซอนเยเพื่อนของเธอเคยเล่าให้ฟังเลยสักนิด

    “นั่งด้วยกันก่อนสิ...ถ้าไม่รังเกียจ” ร่างโปร่งผายมือเป็นการเชื้อเชิญอีกฝ่าย ซ่อนยิ้มไว้ในใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งลงไปตามคำเชิญ  ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆทันที  คนแก้มกลมถึงกับหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ  
    “จริงสิ! คุณชื่ออะไร”

    “โซฮีค่ะ...อานโซฮี”

    “มาที่นี่บ่อยเหรอ” เสียงนุ่มๆเอ่ยถามขึ้น  พร้อมกับยื่นแก้วเครื่องดื่มที่เพิ่งชงเสร็จส่งไปให้  อานโซฮีรับมาถือไว้ก่อนจะยกขึ้นดื่มเพียงเล็กน้อย

    “ก็ไม่บ่อยหรอกค่ะ พอดีวันนี้เพื่อนฉันชวนมา  แล้วคุณล่ะคะมาที่นี่บ่อยรึเปล่า”

    “ฉันก็มาเฉพาะเวลาที่มีปัญหาน่ะ” คนผิวเข้มพูดจบก็ทำสีหน้าเศร้าสลดลงไปได้เหมือนจริงสุดๆจนหญิงสาวอีกคนรู้สึกตกใจกับอาการแบบนี้

    “แสดงว่าตอนนี้คุณมีปัญหาสิคะ?” อานโซฮีถามออกไปด้วยความเป็นห่วง  เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปก็หน้าซีดลงไปถนัดตา  เพราะเกรงว่าคำถามของตัวเองจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคิมยูบินมากเกินไปหรือเปล่า
    “เอ่อ...ฉันขอโทษนะคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงเรื่องของคุณเลย” คนหน้าซีดพูดออกไปด้วยความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มอก

    “ไม่หรอก...เพียงแต่คุณจะเต็มใจรับฟังปัญหาของคนที่เพิ่งจะรู้จักกันได้รึเปล่า”  สีหน้าของคิมยูบินดูเศร้าลงไปอีก  ทำให้คนฟังเองหายใจแทบไม่ทั่วท้อง

    “เต็มใจสิคะ” อานโซฮีรีบตอบออกมา  ทำให้คนที่นั่งก้มหน้าอยู่เมื่อครู่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ  ยิ้มกริ่มให้ พร้อมกับเอื้อมมือมาแตะที่มือบางของเธอ เหมือนเป็นการของคุณ คนตาเล็กบอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้รู้สึกดีมากแค่ไหน  รู้เพียงแค่ว่าอยากจะหยุดเวลาเอาไว้  อยากจะอยู่ตรงนี้ไปนานๆ  มันอบอุ่นเหลือเกิน...

    “ตอนนี้แม่ฉันอยู่ในโรงพยาบาล...เป็นตายเท่ากัน”  คนพูดหยุดมองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แล้วพูดต่อ
    “โรคหัวใจของแม่กำเริบ  เพราะบังเอิญไปเห็นพ่อกับเลขาหน้าห้องกำลัง...” คิมยูบินแกล้งทำเป็นร้องไห้ พร้อมกับทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะอย่างแรง จนอีกฝ่ายอึ้งไป  อานโซฮีเองได้แต่ภาวนาว่าเลขาคนที่คิมยูบินพูดถึงคงไม่ใช่มินซอนเย เพื่อนของเธอหรอกนะ

    “แล้วผู้หญิงคนนั้นเค้า...”

    “ตอนนี้ฉันย้ายเค้าให้มาทำงานกับฉันแทน...เค้าชื่อมินซอนเย”

    “มินซอนเย...” คนแก้มกลมถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินชื่อนี้

    “เฮ้อ!! จริงๆแล้วฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าที่เค้าทำไปเพราะต้องการอะไร...แต่ดูเหมือนเค้ามีเหตุผลบางอย่างที่อยากจะทำร้ายครอบครัวของฉัน”
          คิมยูบินชำเลืองมองอีกฝ่ายหลังจากที่ได้พูดพาดพิงไปถึงเลขาสาวคนสวยไป  หวังจะดูท่าทีของหญิงสาวตรงหน้า  จะยอมรับออกมารึเปล่าว่าเป็นเพื่อนกับมินซอนเย  และเธอจะมีทัศนคติอย่างไรกับการกระทำของผู้เป็นเพื่อน

    “ฉันพล่ามอะไรให้คุณฟังก็ไม่รู้นะ เราเลิกพูดถึงมันดีกว่าเดี๋ยวคุณจะหมดสนุกเอา” ร่างโปร่งแกล้งทำเป็นแสดงความคิดเห็นออกมา

         อานโซฮีเองก็ลำบากใจไม่น้อย  เธอไม่อยากจะปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมินซอนเย  เพราะอยากจะแสดงความบริสุทธิ์ใจกับฝ่ายตรงข้าม  แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่ออีกคนก็เป็นเพื่อนของตัวเอง  ส่วนอีกคนก็ชั่งน่าสงสารเสียเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพื่อนของเธอจะทำไปได้ขนาดนี้ ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเลยหรือไง

    “เอ่อ...คุณยูบินคะ...คือ...ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ”

    “มีเรื่องอะไรเหรอคะ”

    “เอ่อ...ความจริงแล้วฉัน...ฉันกับซอนเย...เป็นเพื่อนกันค่ะ”  คำพูดที่ตะกุกตะกักของอานโซฮี สร้างรอยยิ้มคนผิวเข้มเล็กน้อยก่อนจะทำเป็นตกใจกับคำพูดของร่างบางตรงหน้า

    “อะ...อะไรนะ...คุณเป็นเพื่อนกับมินซอนเยอย่างงั้นเหรอ”  เมื่อเห็นสีหน้าของคิมยูบินในตอนนี้  คนตาเล็กถึงกับชาไปทั้งตัว

    “แต่ฉันสัญญานะคะว่าฉันจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”  อานโซฮีรีบกุลีกุจอบอกออกไปทันทีเพราะกลัวว่าคนที่ตัวเองชอบจะเกลียดเธอไปแล้ว
        คิมยูบินกระตุกยิ้มเล็กน้อย  ไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะง่ายดายขนาดนี้  อย่างน้อยในตอนนี้เธอก็สนิทสนมกับเป้าหมายขึ้นไปอีกขั้นแล้ว  อานโซฮีคนนี้นี่แหละที่จะทำให้เธอได้รู้ทุกเรื่องที่อยากจะรู้เกี่ยวกับมินซอนเย




         เช้าวันต่อมา  คิมยูบินรีบตื่นแต่เช้าตามปกติ  เมื่อเสร็จภารกิจส่วนตัวแล้วร่างโปร่งก็เดินลงไปข้างล่าง  อยากจะพบหน้าผู้เป็นพ่อ  อยากจะถามเรื่องราวต่างๆที่ยังเป็นข้อข้องใจของเธออยู่  เมื่อลงมาถึงก็พบว่าแม่บ้านวัยกลางคนกำลังเก็บชามข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร

        แปลกจริง...ทำไมวันนี้พ่อของเธอถึงได้ออกจากบ้านตั้งแต่เช้านะ หรือว่าที่บริษัทมีประชุมด่วน ถ้ามีจริงแล้วทำไมเธอถึงไม่รู้ล่ะ?
    “คุณพ่อไปทำงานแล้วเหรอ?” เสียงห้าวเอ่ยถามคนที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ที่โต๊ะอาหาร

    “ค่ะ...ออกไปได้สักพักแล้ว  คุณหนูจะรับอาหารเช้ามั๊ยคะ”

    “ไม่ล่ะ...แล้วได้บอกรึเปล่าว่ามีงานด่วน”

    “ไม่นี่คะ”

    “งั้นเหรอ  ขอบใจมาก”
        
        ขาทั้งสองก้าวนำร่างของตนเองออกไปหลังจากที่พูดจบ  ยังไงวันนี้ก็ต้องรู้ให้ได้ว่าพ่อแม่ของเธอกับครอบครัวของมินซอนเยเกี่ยวข้องกันอย่างไร  ร่างบางถึงได้เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้  จะเอ่ยปากถามอานโซฮีก็คงเร็วไป  กลัวว่าหญิงสาวจะหวาดระแวงไปเสียก่อน  ที่ทำได้ตอนนี้ก็เพียงแค่เตรียมรับมือกับมินซอนเยซึ่งเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าร่างบางจะมาไม้ไหนอีก

        
         คิมยูบินในวันนี้สวมชุดสูทเข้ารูปสีดำ  ซึ่งเป็นสีโปรดที่เธอมักจะใส่มาทำงานเป็นประจำ  หญิงสาวเดินมาที่ห้องของประธานกรรมการหวังจะเจอคนที่อยากพบ  หน้าห้องมีโต๊ะของหญิงวัยกลางคนซึ่งเพิ่งถูกย้ายให้มาเป็นเลขาฯจากคำสั่งของเธอเมื่อไม่นานมานี้  

    “สวัสดีค่ะคุณยูบิน” ละสายตาจากงานตรงหน้าทันทีเมื่อสังเกตเห็นว่าใครกำลังเดินตรงมา

    “คุณพ่ออยู่ข้างในรึเปล่า” 

    “เปล่าค่ะ...ท่านประธานยังไม่เข้าบริษัทเลยนี่คะ”

    “ยังไม่เข้ามา?” คำตอบของเลขาฯวัยกลางคนสร้างความแปลกใจให้คิมยูบินยิ่งนัก  ก็ไหนคนที่บ้านบอกว่าพ่อของเธอออกจากบ้านมาแล้วไง  ป่านนี้มันก็น่าจะมาถึงแล้ว หรือว่าจะแวะไปหาผู้หญิงที่ไหน 

    “ถ้าท่านมาถึง ดิฉันจะโทรไปเรียนให้ทราบนะคะ”  

    “ค่ะ...ขอบคุณมาก” 

         หลังจากที่คนผิวเข้มหันหลังเดินกลับได้เพียงไม่กี่ก้าว  เสียงโทรศัพท์ภายในกระเป๋าก็ดังขึ้น มือเรียวถูกส่งลงไปควานหาสิ่งที่ต้องการ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาแล้วกดรับสายทันที
    “คิมยูบินพูดค่ะ” เธอกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์ลงไปอย่างสุภาพเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก  แต่เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย  มือเรียวก็ถึงกับสั่นระริก  เบิกตาขึ้นกว้างด้วยความตกใจ
    “ฉะ...ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”









    ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ...
         เสียงเครื่องช่วยหายใจดังขึ้นเป็นระยะ พร้อมกับกลิ่นยาที่แรงจนน่าเวียนหัวบ่งบอกได้ดีว่าสถานที่แห่งนี้คือโรงพยาบาล  คิมยูโซนอนหมดสติอยู่ภายในห้องไอซียู  ร่างกายมีสายระโยงรยางค์ติดเต็มไปหมด  ซึ่งคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าไอ้สายพวกนี้มันมีหน้าที่ทำอะไรกันบ้าง

         คิมยูบินบึ่งรถออกมาจากบริษัททันที  เมื่อเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแห่งนี้โทรศัพท์ไปแจ้งข่าวกับเธอ  ถึงแม้เธอจะยังโกรธที่พ่อของเธอเป็นต้นเหตุทำให้ผู้เป็นแม่ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา  แต่ถึงยังไงเธอก็ยังเป็นรักและเป็นห่วงเขาเสมอ  สายเลือดเดียวกันมันตัดกันไม่ขาดจริงๆ

         พยาบาลสาวในชุดสีฟ้าเข้ามาบอกกับเธอว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว  ร่างโปร่งพยักหน้าเป็นการบอกว่ารับรู้  แล้วหันกลับมามองร่างไร้สติของผู้เป็นพ่ออีกครั้ง  ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
         ทันทีที่ก้าวออกมาก็พบว่ามีชายร่างสูงสองคน ซึ่งดูจากเครื่องแบบแล้วก็คงจะเป็นนายตำรวจ  ยืนรอเธออยู่หน้าห้อง

    “คุณเป็นญาติของคุณคิมยูโซใช่มั๊ยครับ” ชายหนุ่มคนที่ดูอ่อนวัยกว่าชายอีกคนเอ่ยถาม

    “ค่ะ...” น้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยอ่อนตอบออกมา

    “ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุนะครับ  คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุธรรมดา  เพราะเราพบว่าสายเบรกถูกตัดจนขาด  แล้วพยานที่เห็นเหตุการณ์ก็บอกว่าก่อนรถจะพลิกคว่ำ มีมอเตอร์ไซค์ไม่ทราบป้ายทะเบียนขับปาดหน้ารถของคุณคิมยูโซครับ” นายตำรวจได้เล่าสมมติฐานคร่าวๆให้กับคิมยูบินฟัง  จนทำให้ร่างโปร่งที่ยืนฟังอยู่กำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น

    “ฆาตกรรมงั้นเหรอ!” คนผิวเข้มพึมพำออกมาพร้อมกับกัดฟันกรอด

    “ครับ  ไม่ทราบว่าคนเจ็บมีศัตรูที่ไหนรึเปล่าครับ”  

    “...” นิ่งเงียบราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง

    “ยังไงก็เชิญคุณไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ”

    “มินซอนเย...” หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินจากไปแล้ว ชื่อแรกที่ร่างโปร่งนึกถึงก็คือชื่อของเลขาฯส่วนตัวเธอนั่นเอง  จะเป็นใครอีกล่ะถ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้...









    ไรท์เตอร์เพิ่งปิดเทอมไปครับ  ก่อนหน้านี้ยุ่งมากมาย
    เมื่อวานนี้เอง  เด๋วจะเร่งอัพให้นะครับ
    ปล ขอบคุณทุกคอมเม้นเด้อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×