ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    yuri WG**Sexy dangerous**

    ลำดับตอนที่ #13 : Sexy dangerous! 13

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 53







           วิสกี้แก้วแล้วแก้วเล่าถูกส่งมาให้ซอนมี  มีเพียงแค่นี้เท่านั้นที่ช่วยย้อมใจอันบอบช้ำของเธอได้  แม้จะอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงเพลงดังกระหึ่ม ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างแวะเวียนเข้ามาทักทาย  แต่ทำไมมันถึงได้เหงา แล้วก็ว้าเหว่ได้อย่างนี้นะ มัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองและเครื่องดื่มในมือจนไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีใครอีกคนนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆกัน 

    ดื่มเยอะไปแล้วมั้ง หญิงสาวที่ก้มซบอยู่บนพื้นโต๊ะเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง  ก่อนจะเบือนหน้าหลบอีกฝ่าย


    หึ! จะตามมาเยาะเย้ยกันรึไง

    ฉันยังไม่ได้พูดสักคำ...เธอนี่คิดมากจัง ซอนมีหันมาค้อนขวับหลังจากที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่ ปาร์คเยอึนก็ยังเป็นปาร์คเยอึนวันยันค่ำ  จะมีสักครั้งไหมที่จะไม่ได้ยินคำพูดกวนประสาทจากคนๆนี้  ซอนมีกำลังจะยกแก้วขึ้นดื่มทำเสียงจิ๊จ๊ะ  เมื่อคนข้างๆกลับแย่งแก้วในมือไปดื่มเองจนหมด  

    จะแย่งฉันทำไม  ไม่มีเงินหรือไง” 

    ไปกันเถอะ อยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์หรอก  เผลอๆเธอคงได้เป็นข่าวดังทีเดียว ว่าแล้วก็ควักธนบัตรออกมาวางไว้บนโต๊ะปึกหนึ่ง  แล้วลากอีกคนที่กำลังงุนงงอยู่ออกไปทันที

    นี่!! จะพาฉันไปไหน

     

               

                อากาศตอนกลางคืนภายในสวนสาธารณะยังคงเย็นสบาย  ไม่หนาวจนเกินไป  ผู้คนที่ไม่ค่อยพลุกพล่านเนื่องจากเป็นแถบชานเมือง  ทำให้เกิดความสงบอย่างที่ปาร์คเยอึนต้องการได้เป็นอย่างดี ร่างสูงชำเลืองมองคนข้างๆ ที่เอาแต่นั่งถอนหายใจจนนับครั้งไม่ถ้วน ก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา

    บอกแล้วว่าที่นี่น่านั่งกว่าตั้งเยอะ

    มาบ่อยรึไง 

    ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็ควรจะหาที่เงียบๆเพื่อจะอยู่กับตัวเองไม่ใช่เหรอ

    ปกติ...ถ้าฉันไม่สบายใจ สิ่งแรกสิ่งเดียวที่ฉันนึกถึงก็คือพี่ยูบิน...แต่ตอนนี้... น้ำเสียงของร่างบางเริ่มกลับมาสั่นเครืออีกครั้ง น้ำตาที่แห้งไปแล้วค่อยๆกลับมาไหลอีกครั้ง จนอีกคนก็ไม่รู้จะปลอบยังไง

    นี่  อย่าร้องสิ เดี๋ยวคนอื่นไม่รู้ก็ได้คิดว่าฉันรังแกเธอพอดี ยังไม่วายหลุดปากออกมาอีกแล้วกับประโยคกวนๆ 

    ฮึก!...ฮึก!...ฉันไม่เหลือใครแล้ว  จบคำพูดเยอึนก็ต้องตกใจทำอะไรไม่ถูกเมื่อคนที่กำลังร้องไห้อยู่โผเข้ากอดอย่างแรง  ร่างสูงเบี่ยงวงแขนขึ้นมาโอบรอบตัวอีกฝ่ายไว้ ให้ได้ซุกหน้าอยู่ภายใต้อก

    ใครบอกล่ะ อย่างน้อยในตอนนี้เธอก็ยังมีฉันนะ หญิงสาวยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้นจนเยอึนรู้สึกถึงความชื้น มือเรียวยกขึ้นมาลูบผมเบาๆเพื่อปลอบประโลม  

    ฉันจะอยู่กับเธอเอง คำพูดที่ฟังดูเหมือนเป็นสัญญา แล้วยังมีไออุ่นจากอ้อมกอดที่ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดในครั้งนี้ มันทำให้ซอนมีรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด

    ขอบใจนะ... ว่าแต่ทำไมหัวใจเธอถึงได้เต้นแรงนัก





               หญิงสาวเดินสาวเท้าเข้ามาภายในคอนโดมิเนียมหรูซึ่งเป็นที่อยู่ของเธอในปัจจุบัน  ผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งกำลังนั่งดูโทรทัศน์จอเล็ก  ร่างบางแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์ทันที  ก่อนจะกดตัวเลขชั้นเป้าหมายที่ต้องการ

                เมื่อลิฟต์เปิดออกมินซอนเยก็เดินตรงรี่ไปยังห้องพักของตัวเอง  หากต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างก่อนจะหันกลับไปมองยังช่องทางเดินที่เพิ่งจะเดินผ่านมาเมื่อสักครู่  มินซอนเยส่ายหน้าไปมาช้าๆหับตัวเอง เมื่อหันกลับไปก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น  สองเท้าก้าวต่อไปเรื่อยๆก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าห้อง  แล้วหยิบการ์ดออกจากกระเป๋าใบเล็ก

                ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อมีมือปริศนาปิดปากเธอเอาไว้  พร้อมกับเปิดประตูห้องของเธอเข้าไปอย่างรวดเร็ว

    อื้อ! อื้อ!” มินซอนเยร้องประท้วงในขณะที่มือของใครบางคนยังคงปิดปากเธอเอาไว้แน่น ก่อนจะเหวี่ยงตัวเธอไปอีกทาง  ไฟในห้องสว่างขึ้นพร้อมกันเสียงของมินซอนเยที่ร้องออกมาอย่างตกใจ

    คิมยูบิน!”

    หืม...เปลี่ยนอารมณ์เร็วดีนี่  เมื่อหัวค่ำยังเรียกยูบินคะยูบินขาอยู่เลย

    ตามฉันมาทำไม ถามเสียงห้วนๆ ให้อีกคนหัวเราะในลำคอ

    ทำไมพูดจาห่างเหินแบบนั้นล่ะ ฟังแล้วไม่น่ารักเลยนะ  คนผิวเข้มแสยะยิ้มออกมาชวนให้น่าสะอิดสะเอียนเป็นที่สุด  มินซอนเยมองรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยนั้นขนลุกซู่  แล้วก็ต้องถอยหลังร่นไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายค่อยๆก้าวเข้ามาหา สายตาที่สบกับอีกฝ่ายดูตื่นตระหนกจนคุมไม่อยู่

    ทำหน้าอย่างกับเห็นผีไปได้  มือเรียวเอื้อมไปฉุดมือของเจ้าของห้อง แล้วกระชากร่างบางอย่างไม่ถนอม  ตากรุ้มกริ่มมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วไล่ย้อนกลับมาที่หน้าอก  วกกลับมาจ้องที่หน้าหวานของอีกฝ่าย  นิ้วเรียวไล้วนที่ใบหน้าของซอนเย  แล้วเชยคางของเธอขึ้น  ใบหน้าคมของยูบินก้มลงมาใกล้ จนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกัน 

    จะ...จะทำอะไร

     คิดว่าฉันจะจูบเธอรึไง เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น  น้ำเสียงแฝงด้วยแววสมเพชหน่อยๆ ให้อีกฝ่ายได้เงยหน้าขึ้นมามอง

    เธอทำบ้าอะไรลงไป! ถ้าคิดอยากจะแก้แค้นกันก็มาเล่นงานฉัน ซอนมีไม่เกี่ยว  เธอรู้มั๊ยว่าเค้าเสียใจแค่ไหนเธอรู้บ้างมั๊ย!” เสียงดังจนเกือบจะกลายเป็นตะโกน มือเรียวเขย่าร่างของอีกคนอย่างแรงด้วยความเจ็บใจ จนหญิงสาวในอ้อมแขนนิ่วหน้า

    อะไรที่มันกระทบกับคุณ ฉันก็จะทำ...โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ!” เสียงหวานแหวขึ้นแทบกรี๊ดเมื่ออีกคนกระชับมือแน่นเข้า

    เจ็บ!...เธอกล้าพูดคำนี้ออกมาได้ยังไง  ผู้หญิงเลือดเย็นอย่างเธอมันเคยมีความรู้สึกด้วยเหรอ!” คิมยูบินพูดอย่างเหลืออด

    ปล่อยนะ!” 

    อยากให้ปล่อยเหรอ...ได้!” ว่าแล้วร่างระหงก็เซไปตามแรงเหวี่ยงของอีกฝ่ายจนล้มลงไปกองกับพื้น  

    คุณมันบ้าไปแล้ว!”  ร่างโปร่งจะก้าวฉับๆเข้าไปหาอีกฝ่าย  นั่งลงตรงหน้าแล้วใช้มือเรียวบีบที่กระโดงคางของซอนเยอย่างแรง

    เธอ-ทำ-ให้-ฉันเป็นแบบนี้เอง กระชับมือให้แน่นจนอีกฝ่ายแทบจะทนไม่ไหว  มือบางของซอนเยที่ถูกปล่อยเป็นอิสระฟาดเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง คิมยูบินใช้นิ้วเรียวแตะที่มุมปากของตัวเองก่อนจะก้มลงไปมอง  เลือดสีแดงสดติดกับปลายนิ้วมาด้วยเล็กน้อย สายตาคมมองตัวต้นเหตุอย่างอาฆาตแค้น แล้วเปลี่ยนเป็นแสยะยิ้มออกมาให้คนมองถึงกับกลัว

    เธอนี่เล่นไม่เลิกจริงๆเลยนะ... เว้นจังหวะไปสักครู่จึงได้หัวเราะหึในลำคอแล้วเอ่ยต่อ

    ได้! ในเมื่อเธออยากจะเล่นเกมนี้ให้จบ...ฉันก็จะเล่นกับเธอ  ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าใคร...จะเป็นฝ่ายชนะ คิมยูบินลุกขึ้นยืนมองอีกฝ่าย แล้วเอ่ยต่อ

    อ่อ...แล้วอย่าคิดจะทำอะไรกับบริษัทฉันนะ เพราะฉันเองก็รักมันเท่าชีวิตเหมือนกัน  ถ้าเกิดอะไรขึ้น...ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่  
              หลังจากที่พูดทิ้งท้ายจบร่างโปร่งก็ปึงปังออกไปจากห้องทันที  เจ้าของห้องก้มลงไปมองข้อมือของตัวเองที่มีรอยแดงช้ำจากการกระทำของอีกคนเมื่อครู่  ภายในใจเต็มไปด้วยความความโกรธแค้นจนท่วมท้น






              คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณกว้าง  ร่มไม้ประดับเขียวครึ้มเต็มไปหมด  ภายในสวนปรากฏร่างของเจ้าของบ้านนั่งไขว่ห้างอยู่บนโต๊ะชุดสำหรับนั่งเล่น ในมือถือถ้วยกาแฟที่เจ้าตัวชอบดื่มเอาไว้  ตาคมเหม่อมองไกลออกไปอย่างไร้จุดหมาย  ความเครียดฉายชัดขึ้นเต็มดวงหน้า  บนโต๊ะสีขาวมีภาพถ่ายหลายใบกระจัดกระจายเต็มไปหมด

    และแล้วสิ่งที่เธอสงสัยมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็กระจ่างขึ้น หลังจากที่ให้คนสนิทรวบรวมรูปภาพพร้อมกับข้อมูลต่างๆที่บอกถึงความสัมพันธ์ของสองคนในรูปนั้น  ป่านนี้มินซอนเยกับควอนโบอาไม่หัวเราะเยาะเธอแย่แล้วหรือไง  ที่ร่วมมือกันปั่นหัวเธอได้ นึกดีใจที่วันนั้นเกิดเฉลียวใจในรอยยิ้มของทั้งคู่

     

    ที่แท้พวกเธอสองคนก็ร่วมมือกันเล่นงานฉัน  เอ่ยเสียงลอดไรฟันอย่างเจ็บใจ  ก่อนจะก้มลงไปมองภาพถ่ายบนโต๊ะด้วยแววตาลุกโชนราวกับจะให้มันมอดไหม แล้วตัดสินใจโทรหาใครอีกคน

                รถยุโรปคันหรูจอดเทียบกับลานจอดรถอย่างนุ่มนวล  คิมยูบินก้าวออกมาจากรถด้วยชุดที่ดูสบาย  กางเกงขายาวสีดำ กับเสื้อเชิ้ตลายทางสีขาวน้ำเงินที่พับขึ้นมาถึงข้อศอก ท่าทางการเดินที่ดูมั่นใจในตัวเองเรียกความสนใจให้กับชายหญิงในละแวกนั้นได้เป็นอย่างดี

                ยูบินเดินมาสักพักก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง  พึมพำกับตัวเองเพื่อทบทวนหมายเลยห้อง  สูดลมหายใจยาวๆเข้าปอดไปทีนึง แล้วจึงตัดสินใจเคาะประตูเพื่อเป็นสัญญาณให้คนด้านในได้รู้  ในเวลานี้ หมากตัวเดียวที่คิมยูบินเหลืออยู่ก็คือเจ้าของห้องตรงหน้า

    เข้ามาก่อนสิคะ  อานโซฮีเบี่ยงตัวหลบเปิดทางให้ยูบินได้เดินเข้าไปข้างใน ก่อนจะปิดประตูลง

    ห้องน่าอยู่ดีนะ ตากกรุ้มกริ่มมองสำรวจภายในชั่วครูแล้วหันมาเอ่ยกับเจ้าของห้อง       
     

    ตามสบายนะคะ ว่าแต่พี่ยูบินอยากดื่มอะไรรึเปล่า  

    ขอกาแฟสักแก้วละกัน อานโซฮีตอบรับก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว  มือบางหยิบถ้วยกาแฟออกมาก่อนจะบรรจงชงกาแฟร้อนอย่างตั้งใจ กลิ่นหอมของมันลอยฟุ้งไปทั่วปริเวณ  ก่อนที่โซฮีจะหันกลับมา  มือเรียวก็โอบรอบตัวเธอเอาไว้  พลางสอดมือเข้าไปถือถ้วยกาแฟไว้เอง  คิมยูบินจะรู้หรือเปล่านะว่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันทำอีกคนแทบจะหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว

    หอมจัง

    อะ...อะไรหอมคะโซฮีถามอย่างเขินอาย

    ก็...ทั้งคนชง ทั้งกาแฟ  พูดเสร็จก็ผละออกจากอีกคน แล้วถือถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อย

    อื้ม...อร่อยจัง สงสัยว่าคราวหลังพี่คงต้องแวะมาดื่มกาแฟที่นี่บ่อยๆแล้วล่ะ คนฟังก้มหน้างุดลง หลังจากที่ตาคมหันมาสบกับเธอ  ทั้งสองเดินกลับมายังโซฟารับแขกสีขาว  คนที่เงียบอยู่นานจึงได้เอ่ยปากพูดออกมา

    จริงสิคะ ฉันได้ยินมาว่าพี่ยูบินกับคุณซอนมี  เอ่อ... 

    ใช่...พี่เลิกกับซอนมีแล้ว น้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยบวกกับสายตาที่แปลเปลี่ยนเป็นหมองหม่นหลังจากที่พูดถึงเรื่องนี้ ทำให้โซฮีแทบจะทำอะไรไม่ถูก

    ขอโทษนะคะ ฉันไม่น่าพูดถึงมันเลย

    พี่ไม่เป็นไร  ว่าแต่...เธอรู้ได้ยังไงกันล่ะ  คิมยูบินทำท่าทีสงสัย  แล้วนั่งรอฟังคำตอบ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มอึกอักก็พูดต่อ

    ซอนเยบอกมางั้นเหรอ พอได้ยินชื่อของเพื่อนสนิท คนแก้มกลมก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่าย ก่อนสายตาคมจะทำเป็นหลบต่ำลง

    ...ค่ะยูบินทำเป็นถอนหายใจออกมาแรงๆ แล้วขยับตัวเลื่อนไปพิงกับพนักโซฟา

    เพื่อนของเธอคงจะสะใจมากสินะที่ได้เห็นพี่เป็นแบบนี้ยูบินส่ายหน้าไปมาช้าๆ แล้วยกมือเรียวขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้ ราวกับกลุ้มใจหนักหนา

    พี่ยูบินอย่าคิดมากเลยนะ

    พี่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะโซฮี พี่ยังมีพ่อแม่ต้องดูแล พวกท่านเองก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วย ถ้าเกิดพี่เป็นอะไรขึ้นมา...

    โธ่ ซอนเยเค้าไม่ใจร้ายใจดำถึงขั้นจะฆ่าจะแกงกันหรอกนะคะ

    พี่รู้...เพื่อนเธอเค้าคงไม่ทำแบบนั้นแน่  ถ้าไม่มีใครอีกคนมาเกี่ยวข้อง

    ใครอีกคน? หมายความว่ายังไงคะ 

    เธอเคยได้ยินเรื่องของควอนโบอาบ้างมั๊ย...พี่หมายถึง ซอนเยเคยพูดอะไรให้ฟังบ้างรึเปล่า เกี่ยวกับควอนโบอา

               
             
    อานโซฮีไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าอย่างไรในตอนนั้น  หลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบกับอีกฝ่าย  ควอนโบอาอย่างนั้นเหรอ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ  ในเมื่อเพื่อนสนิทหนึ่งในสองคนที่มีอยู่เคนเอ่ยถึงอยู่บ่อยๆ  ด้วยความที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กมัธยม  ความไว้ใจที่มีให้ต่อกันก็มีมาก  เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับซอนเย  อานโซฮีคนนี้ย่อมรู้แทบจะทุกเรื่อง  เพราะอีกคนเองก็มีเพียงแค่เพื่อนเท่านั้นที่คอยรับฟังและให้คำปรึกษา  แล้วความคิดก็วกกลับมาหาคิมยูบิน คนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้เล่าไม่น่าสงสารหรือไง  ถ้าเกิดสองคนนั่นเค้าคิดจะทำอะไรขึ้นมา  คนที่เหลือตัวคนเดียวอย่างคิมยูบินจะทำอย่างไร  ไม่อยากจะทำลายความไว้วางใจที่เพื่อนมีให้  ได้แต่ก้มหน้าอึกอักอยู่อย่างนั้น  จนยูบินที่นั่งสังเกตอาการของอีกคนอยู่พูดขึ้น

    พี่เข้าใจ...ก็ซอนเยน่ะเค้าเป็นเพื่อนเธอนี่นา จะให้พูดอะไรมากมันก็คงไม่ดี จริงไหม? ยูบินพูดเสียงเบาราวกับพึมพำอยู่กับตัวเอง ทำให้โซฮีต้องรีบปฏิเสธพัลวัน

    ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะพี่ยูบิน คือ...

    ไม่เป็นไรโซฮี พี่เองก็ไม่อยากให้เธอลำบากใจ  อีกอย่างพี่ไม่อยากให้เธอมองพี่ว่าที่เข้ามาในชีวิตเธอเพราะต้องการผลประโยชน์ไม่ใช่เพราะความจริงใจ

    ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะ โซฮีเลื่อนมือของตัวเองไปกุมมือเรียวของยูบินเอาไว้เพื่อยืนยันในคำพูดของตัวเอง พรางถอนหายในออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้อีกคนแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เพราะกลัวจะเป็นพิรุธให้อีกฝ่ายเห็น

    ...จริงๆแล้วซอนเยเองก็ไม่ได้บอกฉันทุกเรื่องหรอกนะคะ  คนผิวเข้มเงยหน้าขึ้นมาประสานสายตากับคนพูด รอให้อีกฝ่ายเอ่ยต่อโดยที่ไม่ได้ถามอะไร

    เรื่องของควอนโบอา ฉันก็พอรู้มาบ้าง...พวกเค้ากำลังร่วมมือกัน ร่างบางเอ่ยอย่างไม่มองหน้าคนฟังที่ตอนนี้ตาคมกำลังลุกวาวเป็นประกายด้วยความรู้สึกบางอย่าง  เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป คนที่นั่งฟังอยู่เมื่อครู่ก็เอ่ยถามเอง

    “สองคนนั่นจะทำอะไรอย่างนั้นเหรอโซฮี




    ____________________________________________________

    ตอนที่แล้วเห็นสงสารบินนี่กันจังเลยแหะ
    ตอนนี้ว่าไงเอ่ย??

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×