คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Sexy dangerous! 10
มินซอนเยแปรงผมสลวยอย่างกระแทกกระทั้นเต็มที ดวงตาหวานขุ่นมัวด้วยอารมณ์อัดอั้นจนเจ้าตัวเก็บไม่อยู่ สุดท้ายเลยกระแทกแปรงลงบนโต๊ะเครื่องแป้งดังปัง พร้อมกับจ้องเงาของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในกระจก แล้วกรีดร้องออกมาหวังจะระบายความอึดอัด
คิมยูบิน! ฉันเกลียดแก เกลียดที่สุด ทำไมทุกอย่างมันกลับกลายมาเป็นแบบนี้ ทำไมคนที่ต้องมานั่งฟูมฟายต้องเป็นฉัน ทั้งที่จริงแล้วมันควรจะเป็นแกไม่ใช่เหรอ
คิดถูกไหมหนอที่เอาตัวเข้ามาพัวพันกับเขา ดูเหมือนมันจะสร้างผลเสียกับเธอมากกว่าจะได้แก้แค้นด้วยซ้ำ เธอควรจะถอยดีหรือเปล่า หรือควรจะทำอย่างไรดี ทำไมมันคิดไม่ออกเลยนะ
....แล้วเสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาภายในหัว ในเมื่อตัดสินใจแล้ว คิดจะกลับไปตอนนี้มันคงไม่ทันแล้วล่ะ เธอเดินมาไกลเกินกว่าจะถอย วันนี้แกย่ำยีฉันได้ แต่ต่อไปก็อย่าหวังเลย คิมยูบิน
มินซอนเยคิดอย่างเคียดแค้น สปริงตัวลุกขึ้นไปปิดสวิตซ์ไฟ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนนุ่ม สอดกายลงใต้ผ้าห่มหนา พร้อมกับเปลือกตาที่ปิดลงด้วยความเหนื่อยอ่อน
หลายวันที่ผ่านมา เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในบริษัทจนทำให้คิมยูบินแทบจะไม่ได้พักผ่อน ในเมื่อพ่อของเธอยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ตำแหน่งประธานบริษัทจึงว่าง โปรเจ็คใหม่ที่รอเซ็นอนุมัติก็ต้องหยุดชะงัก จนเธอเองต้องเรียกประชุมผู้จัดการแต่ละฝ่าย เพื่อที่จะยุติปัญหา
“มีใครอยากจะคัดค้านอะไรรึเปล่า” หลังจากที่ปรึกษาหารือกันเสร็จ ก็มาถึงบทสรุปของการประชุม ผู้จัดการทุกฝ่ายต่างก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอ เว้นเพียงแต่ฝ่ายบัญชีเท่านั้น
“คุณมีปัญหาอะไรอย่างนั้นเหรอคุณควอน” คิมยูบินหันไปถามควอนโบอา ผู้ที่ยกมือคัดค้านในการตัดสินใจครั้งนี้
“มันดูเหมือนจงใจไปหน่อยรึเปล่าคะคุณคิม” ใบหน้ายียวนทำให้คนมองแทบจะควบคุมตัวเองไม่ให้ลุกขึ้นฉีกคนตรงหน้าให้แหลกเป็นชิ้นๆไม่ได้
ควอนโบอาเป็นอย่างนี้เสมอ ชอบหาเรื่องมาขัดบรรดาผู้บริหารทุกคนเท่าที่จะทำได้ แล้วเรื่องนี้ก็เช่นกัน คิมยูบินเองก็พอเข้าในว่ามันเป็นเพราะความละโมบโลภมากไม่รู้จักพอของเจ้าตัวเองนั่นแหละ
“จงใจยังไง”
“ก็ดูสิ...พ่อเพิ่งเข้าโรงพยาบาลไป วันนี้ก็มาสถาปนาตัวเองเป็นประธานบริษัทคนใหม่ซะแล้ว แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าจงใจ แล้วควรจะเรียกว่ายังไงดีล่ะ” ประโยคยาวๆของควอนโบอาเรียกเสียงฮือฮาของเหล่าผู้บริหารในห้องประชุมนี้ได้มากที่เดียว คิมยูบินได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโมโห
ร่างบางของมินซอนเยที่ได้สังเกตความผิดปกติของผู้จัดการฝ่ายบัญชีตั้งแต่เข้าประชุม ก็เริ่มจับต้นชนปลาย ประติดประต่อเรื่องราวต่างๆเป็นความคิดของตนเอง ควอนโบอาคนนี้ต้องมีอะไรมากกว่าที่คิดแน่ๆ และบางทีเธอเองอาจจะต้องพึ่งพาเขาเป็นแน่
“ความคิดสกปรกแบบนี้มันก็มีแค่ในหัวของคุณเท่านั้นแหละคุณควอน อย่าเที่ยวว่าแต่ใครต่อใครเค้า และเรื่องตำแหน่งประธานก็เช่นกัน มันเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของฉัน ถ้าใครไม่พอใจก็เชิญออกไปซะ!” คำประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องประชุมขนาดใหญ่ เรียกเสียงฮือฮาได้อีกระรอก ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของคิมยูบินจะเคลื่อนตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วราวกับพายุขนาดย่อม
หลังจากที่ทุกคนออกไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ควอนโบอาเท่านั้นที่ยังยืนตัวสั่นอยู่ที่เดิม มือเรียวกำเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธ ขว้างปาข้าวของภายในห้องประชุมจนหล่นกระจัดกระจาย
พ่อมันก็พิการไปแล้ว ยังทิ้งลูกเอาไว้ขัดขวางฉันอีก แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่กันเล่า เมื่อไหร่ที่เธอจะได้ครอบครองบริษัทนี้เสียที คิมยูบิน ฉันควรจะจัดการกับแกยังไงดีนะ
“ครั้งที่แล้วฉันพลาดเองที่ไอ้คิมยูโซมันยังไม่ตาย แต่มันจะไม่มีทางพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ยูบิน” ควอนโบอาพึมพำกับตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าหลังบานประตูหนาที่แง้มออกเล็กน้อยนั้น มีร่างบางของใครบางคนยืนกระตุกยิ้มให้กับตัวเองอยู่
“เธอหายไปไหนมา” น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยขึ้นหลังจากที่มินซอนเยวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่
“ฉันก็มีธุระของฉันบ้างสิคะ” คนฟังมองจ้องไปที่ดวงหน้าหวาน แล้วยิ้มออกมาบางๆ
“รู้ใช่มั๊ยว่าต่อจากนี้ ที่ทำงานของเรา หมายถึงเธอ...กับฉัน จะอยู่ชั้นบน”
“ทราบค่ะ” ตอบทั้งที่ยังไม่มองหน้าคนถาม
“เข้าใจอะไรง่ายดีหนิ...เอาล่ะ คราวนี้ฉันก็จะไปธุระของฉันบ้างเหมือนกัน” พูดจบก็ส่งยิ้มหวานให้เลขาฯสาว ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่ หยิบเสื้อสูทเข้ารูปสีดำราคาแพงขึ้นมาสวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาว แล้วก้าวออกไปจากห้องทำงานโดยไม่หันกลับมามองร่างบางที่กำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
...รอยยิ้มของคิมยูบิน มันหมายความว่ายังไงกัน
ภายในภัตตาคารสุดหรูบนชั้นสูงสุดของโรงแรมดัง สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของกรุงโซลได้จนทั่ว อาหารสไตล์อิตาเลียนหลายจานถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะตรงหน้าอานโซฮี คนแก้มกลมมองกวาดสายตาไปยังจานอาหารที่วางอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนผิวเข้มที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“สั่งมาเยอะขนาดนี้จะทานหมดเหรอคะ”
“อาหารมื้อแรกกับคนน่ารักอย่างคุณ ฉันว่าแค่นี้มันยังดูน้อยไปนะ” คนฟังแทบจะอายจนม้วนเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
“คุณนี่ปากหวานอย่างนี้กับทุกคนรึเปล่าคะ”
“เฉพาะคนพิเศษต่างหากล่ะ” พูดแล้วก็ส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้โซฮี คิมยูบินเป็นอย่างนี้เองสินะ ผู้หญิงหลายต่อหลายคนถึงได้หลงเขานัก
“ฉันชักจะอิจฉาคุณซอนมีแล้วสิ”
“จะอิจฉาคนอื่นทำไมกัน ในเมื่อในตอนนี้ก็มีแค่เรา”
“คุณนี่ก็พูดไปเรื่อย”
“พี่ยูบิน เรียกพี่ยูบินสิคะโซฮี” อานโซฮีเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความคาดไม่ถึง สรรพนามที่เขาให้เธอใช้ มันดูเหมือนกับว่าเราสนิทกันไปอีกขั้นแล้วใช่มั๊ย ใจเต้นรัวจนแทบจะกระเด็นออกมาด้านนอกเมื่อมือเรียวของคิมยูบินเลื่อนมากุมอยู่ที่มือเล็กของเธอ สัมผัสเล็กๆน้อยๆแค่นี้ทำให้เธอแทบจะลืมหายใจ นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าความรัก เธอกำลังรักคิมยูบินจริงๆใช่ไหมอานโซฮี ทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกันได้เพียงแค่สองครั้ง
“ทานกันดีกว่านะ เดี๋ยวมันเย็นจะไม่อร่อยเอา”
มินซอนเยนั่งรอหญิงสาวตัวเล็กที่เข้าไปรายงานเจ้านายอยู่หน้าห้องของผู้จัดการฝ่ายบัญชี ซึ่งนี่ก็ดูจะเป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดสำหรับเธอ ในเมื่อคิมยูบินไม่อยู่ ก็ไม่ต้องมีใครคอยมานั่งจับผิดหรือจะต้องคอยรายงานความเคลื่อนไหวของตัวเองให้เขาฟังว่าแต่ละวันไปไหนมาไหนบ้าง นึกแล้วมันน่ารำคาญจริงๆ
บางทีการเข้าพบควอนโบอาครั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอก็ได้ อย่างน้อยก็ดูเหมือนว่าเธอและควอนโบอามีจุดประสงค์บางอย่างที่คล้ายกัน บางครั้งอาจไม่ต้องลงมือเองให้เปลืองแรงด้วยซ้ำ หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปหลังจากที่เลขาของควอนโบอาบอกกับเธอว่าเขาอนุญาต
“เชิญนั่งสิ” มินซอนเยนั่งลงตามคำเชิญ สายตาปะทะกับเจ้าของห้องอย่างไม่หวั่น
“เห็นเลขาฉันบอกว่าคุณมีธุระกับฉัน...”
“ค่ะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ เป็นธุระส่วนตัวของเราสองคน”
“ธุระของเราสองคน? นี่คุณเพี้ยนไปรึเปล่า เราสองคนยังไม่ทันได้รู้จักกันด้วยซ้ำ”
“เราสองคนอาจจะไม่เคยรู้จักกัน แต่ฉันเชื่อว่าเรามีจุดประสงค์บางอย่างที่เหมือนกัน” คนฟังขมวดคิ้วมุ่น จับต้นชนปลายไม่ถูก ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน
“คุณต้องการจะสื่ออะไร พูดออกมาเลยดีกว่า”
“ฉันทราบมาว่าคุณต้องการจะกำจัดคิมยูบิน” คนฟังเบิกตาโพล่งด้วยความมตกใจ ตาคมวับวาวแต่ก็ไม่ได้ทำให้มินซอนเยรู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย
“เธอ!...”
“ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะ ฉันบอกคุณไปแล้วว่าสิ่งที่เราต้องการน่ะมันเหมือนกัน ที่ฉันมาวันนี้ก็แค่อยากจะขอความร่วมมือจากคุณก็เท่านั้นเอง” ถึงแม้ว่าควอนโบอาเองจะยังตกใจไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมให้คนสวยตรงหน้าพูดต่อ
“ฉันอยากจะให้คุณทำตามแผนของฉัน แล้วคุณก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ” คนฟังหัวเราะหึ ในลำคอ
“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ” ควอนโบอาพูดเป็นการหยั่งเชิง
“คุณไม่ได้มีทางเลือกมากมายขนาดนั้นหรอกค่ะ ยังไงซะคุณก็ต้องทำตามที่ฉันบอก”
“ทำไมถึงคิดว่าฉันไม่มีทางเลือกล่ะคนสวย”
“หน้าต่างมีหูประตูมีช่องค่ะคุณควอน” พูดจบก็หยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กของตัวเองขึ้นมา ทำท่าราวกับกำลังพิจารณาเจ้ามือถือเครื่องนี้อย่างพิถีพิถัน
“จะเป็นยังไงน้า...ถ้าโทรศัพท์เครื่องนี้ไปอยู่ในมือของตำรวจ”
“เธอพูดอะไรของเธอ!” ควอนโบอาเริ่มนั่งไม่ติด ดวงตาสีเข้มส่อประกายความโกรธแวบแวบ ทันทีที่มินซอนเยเปิดเสียงที่บันทึกเอาไว้ ก็แทบจะทำให้คนฟังล้มทั้งยืน
“ครั้งที่แล้วฉันพลาดเองที่ไอ้คิมยูโซมันยังไม่ตาย แต่มันจะไม่มีทางพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ยูบิน” มินซอนเยแสยะยิ้มออกมาอย่างเปิดเผยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“คราวนี้รู้แล้วใช่มั๊ยว่าทำไมคุณต้องทำตามที่ฉันบอก” โบอาปรายตามองคนพูดแล้วกัดฟันกรอด
“แล้วฉันจะได้อะไรเป็นค่าตอบแทน”
“บริษัทนี้ไงล่ะ คุณต้องการไม่ใช่เหรอ”
“แล้วเธอไม่ต้องการรึไง”
“ฉันแค่ต้องการเห็นความหายนะของตระกูลคิมก็เท่านั้น ส่วนบริษัทนี่ถ้าทำสำเร็จ มันก็จะตกเป็นของคุณ”
“ข้อเสนอน่าสนดีนี่ แล้วถ้าฉันต้องการอย่างอื่นด้วยล่ะ” ยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับอีกฝ่าย ตาคมมองไล่ต่ำลงไปเรื่อยๆราวกับอยากจะสำรวจเรือนร่างของมินซอนเยให้ทะลุปรุโปร่งทุกซอกทุกมุม
มินซอนเยเห็นดังนั้น จึงลุกจากเก้าอี้ด้านหน้า เดินนวยนาดอ้อมโต๊ะทำงานตัวใหญ่ไปด้านหลังของควอนโบอา ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างใบหูอย่างยั่วยวน
“อย่างอื่นมันก็ขึ้นอยู่กับผลงานของคุณแล้วล่ะ...คุณควอน” ควอนโบอาหาโอกาสเหมาะ ดึงแขนเสลาที่คล้องคอตัวเองอยู่ลงมา ทำให้ร่างบางปลิวตามแรงดึงมานั่งลงบนตักของอีกฝ่ายไม่ยาก
“พอดีว่าฉันใจร้อนน่ะ” จมูกคมทำท่าจะซุกไซร้คนด้านบน หากแต่มีมือบางมาขวางเอาไว้
“จะรีบไปไหนคะ ฉันยังอยู่กับคุณอีกนาน ตราบใดที่ฉันยังไม่เห็นผลงานของคุณ ฉันก็จะยังไม่ไปไหน”
“ฉันรับรองว่าเธอจะไม่ผิดหวังแน่ แต่ตอนนี้...ฉันต้องการเธอจริงๆ” พูดด้วยเสียงแหบพร่า
“แต่เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง” เสียงหวานเอ่ยออกมา มือบางผลักไหล่ของควอนโบอาออกให้ห่างจากตัวเองเล็กน้อย
“เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากันก็ได้” จมูกโด่งถูกส่งลงไปหาลำคอขาวอีกรอบ ยอมรับกับตัวเองว่าคนที่นั่งคร่อมอยู่บนตัวตอนนี้ช่างมีเสน่ห์ยั่วยวนเหลือเกิน แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อมือบางผลักใบหน้าที่กำลังฝังอยู่บนซอกคออย่างหลงใหลออก
“คุยเรื่องของเราให้จบก่อนดีกว่านะคะ” สุดท้ายควอนโบอาจำต้องยอมแพ้ต่อร่างบาง วันนี้ฉันจะปล่อยเธอไป แต่คราวหน้าเธอจะต้องเป็นของฉัน มินซอนเย
“ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าคนอย่างคิมยูบินจะปล่อยเธอให้เหลือรอดมาได้” โบอาพูดเหมือนกำลังพึมพำอยู่กับตัวเองเสียมากกว่า แต่ด้วยความที่ตัวแทบจะติดเป็นเนื้อเดียวกัน ก็ทำให้มินซอนเยได้ยินถนัดเลยทีเดียว
ร่างบางสปริงตัวลุกขึ้น ใบหน้าที่บึ้งตึง สร้างความงงงวยให้กับอีกคนยิ่งนัก นี่เขาทำอะไรหรือพูดอะไรผิดไปรึเปล่า ทำไมอยู่ดีๆสาวสวยตรงหน้าที่ดูร้อนแรงเหมือนไฟกำลังลุกโชน กลับมอดดับลงไปเสียเฉยๆ
“โอเค...งั้นเธอก็ว่าแผนของเธอมา”
ต่อแบบงงๆ
ความคิดเห็น